วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 17 กรกฎาคม 2006.

  1. ปูเเว่น

    ปูเเว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,614
    ค่าพลัง:
    +6,697
    :z13วันนี้ได้อ่านหนังสือของครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งถึงเรื่องกายคตาหลังจากได้อ่านแล้วมาพิจารณา จริงอย่างที่ท่านว่า ร่างกายของเรานี้ล้วนเต็มไปด้วยสิ่งสกปรก ถ้าไม่ได้ชำระล้างแล้วคงเหม็นสาบ และเป็นที่รังเกลียดของคนทั่วไป คนเราส่วนมากจะหลงแต่หนังกำพร้า แต่ถ้าได้ลอกหนังออกแล้วคงไม่มีใครอยากเข้าใกล้ เพราะมันไม่สวยงามมีแต่น้ำเลือด น้ำหนอง ตับ ไตไส้พุง และถ้าหมดลมหายใจด้วยแล้ว ใครล่ะจะมาสนใจกับร่างที่ไร้วิญญาณของเรา และร่างกายที่หมดลมหายใจก็ไม่ได้จะอยู่คงทน มันค่อยๆขึ้นอืด เน่าสลายไป แม้แต่กระดูกก็ยังต้องค่อยๆผุพังไปตามกาลเวลา สุดท้ายก็เหลือแต่ความว่างเปล่า แล้วเรายังมาคิดว่า กายนี้เป็นของเรา ถ้าเป็นของเราจริง เราคงจะห้าม ความเจ็บป่วย ความแก่ และความตายได้ แต่ความเป็นจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ เราไม่สามารถจะห้าม ความเจ็บป่วย ความแก่ และความตายได้
    แม้แต่ทรัพย์สมบัติ หรือว่าที่คิดว่าเป็นของๆเรา ก็ยังไม่สามารถเอาไปกับเราได้ นอกจากบุญกุศล และอกุศลที่เราทำไว้ (วันนี้คุณทำความดีหรือยังคะ):love:
     
  2. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ในการสอบ CU-TEP ครั้งที่แล้ว ซึ่งเป็นครั้งแรกของผมนะครับ
    ผมก็จับภาพพระให้เป็นแก้วใสประกายพรึก จากนั้นจึงตั้งจิตอธิษฐานว่า ผมจะขอนำเอาเวลาที่ใช้ในการเรียนนั้น ไปใช้ทำงานเพื่อสังคม ทำงานเพื่อส่วนรวมแทน ดังนั้นขอให้ช่วยให้ผมสามารถทำข้อสอบได้ดีด้วยเทอญ
    ก็ปรากฎว่าผมทำออกมาได้ 616 คะแนน ก็ได้ที่1
    ด้วยพุทธบารมีทำให้ผมสามารถผ่านการสอบที่จะใช้ยื่นเข้าจุฬาได้ โดยไม่ต้องอ่านหนังสือเลย แม้แต่นิดเดียว ไม่ได้อ่านเลยนะครับ เป็นพุทธบารมีล้วนๆ
    ทำให้ผมรู้สึกซาบซึ้งในความเมตตาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างถึงที่สุด

    ซึ่งเรื่องนี้นั้นทำให้เพื่อนๆของผม สนใจที่จะเรียนสมาธิกับผมขึ้นมาทันที
    เหมือนกับพระท่านเปิดทางให้เราได้ช่วยคนให้ได้เข้าถึงซึ่งความดีแล้ว
    อีกประการหนึ่งคือคุณครูที่โรงเรียนนั้นจะให้ผมสอนสมาธิหน้าเสาธงทุกๆเช้าวันจันทร์กับศุกร์เวลาเข้าแถว โดยจะเริ่มจาก5-10นาทีก่อน
    ถ้าผลลัพธ์ออกมาดี ก็จะเพิ่มเวลาให้ โดยจะเริ่มจากศุกร์นี้เป็นศุกร์แรก
    ซึ่งผมจะได้สอนคนทีเดียว3000คน
    ก็หวังว่าด้วยความเคารพที่ผมมีต่อคุณพระศรีรัตนตรัย จะสามารถช่วยให้ผมสามารถสอนได้ดี สามารถทำให้คนเข้าถึงซึ่งความดี มีพระนิพพานเป็นที่สุดได้เป็นจำนวนมาก
    เพื่อจะได้มาช่วยทำงานของพระพุทธศาสนาต่อไปในอนาคต
    ก็ขอให้ทุกๆคนส่งใจมาช่วยผมด้วยแล้วกันนะครับ

    เมื่อคืนผมรู้สึกมีความสุขกับความฝันมาก ผมฝันว่าผมถูกคนอื่นฆ่าตาย แต่ว่าผมยืนให้เขาฆ่าอย่างไม่ดิ้นรน พร้อมกับสวด นโม สามจบ พอจบรอบที่1 ผมก็ตายไปแล้ว พอจบครังที่3 ผมก็ออกมาอยู่นอกร่างกายแล้ว ผมตายวันที่22เดือนนี้นะครับในฝัน
    เสร็จแล้วก็มีคนมาถามผมว่า "คุณ ตายแล้วจะไปไหนดี" ผมก็เกิดรู้ว่าเพราะผมนึกถึงพระก่อนตายดังนั้นผมสามารถเลือกได้ว่าจะไปไหน
    ผมก็บอกว่า "ผมขอไปพรหมแล้วกันครับ" จากนั้นผมก็ลอยขึ้นไปชั้นพรหม
    ผมก็รู้สึกดีใจมากที่เราไม่ต้องมีกายเนื้ออันเป็นรังของโรคอีกต่อไป
    ไม่อยากเชื่อว่าตายแล้วจะมีความสุขขนาดนี้ เสร็จแล้วผมก็ตื่นขึ้นมา

    ผมก็มาคิดว่า "จริงๆแล้ว เราอยากตายมากเลยนะเนี่ย"
    แต่ที่เรายังไม่ตาย ยังมีชีวิตอยู่ ก็เพราะว่าเรายังเป็นคนที่มีความเลวอยู่มาก ยังหาความดีไม่เจอ เต็มเปี่ยมด้วยความไม่รู้
    จึงต้องทนอยู่ในโลกใบนี้ต่อไป ถ้าวันไหนที่เราดีพอแล้ว เราคงจะได้ไปอยู่กับทุกๆท่าน ทุกๆพระองค์บนพระนิพพาน

    ดังนั้นหากตอนนี้ผมตายขึ้นมาผมจะขอไปอยู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น
    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทับอยู่ที่ใด ผมจะไปที่นั่นเท่านั้น จะไม่ขอมาเวียนว่ายตายเกิดยังสถานที่แห่งใดอีก ผมตั้งกำลังใจของผมเอาไว้แบบนี้ แต่จะถึงพระนิพพานหรือเปล่านั่นอีกเรื่องหนึ่ง

    ในระหว่างวัน ไม่ว่าผมจะเดินทางไปไหน ผมก็มักจะเห็นว่าตัวเองถูกรถชนรถทับตายอยู่ตลอดเวลา พร้อมทั้งตั้งกำลังใจแบบเดียวกันเอาไว้เสมอ เพื่อที่เราจะได้มีความชินในการข่มสักกายทิฏฐิ

    ผมก็ขอให้ทุกๆคนอย่าประมาทต่อความตายนะครับ และก็อย่าทิ้งพระเป็นอันขาด เพราะว่าพวกเรานั้นเป็นคนที่มีความดีน้อย มีความเลวเยอะ หากเราทิ้งพระ เราก็คงจะไม่เหลือความดีอีกต่อไป
    ขอให้ทุกๆคนได้เข้าถึงซึ่งความดีมีพระนิพพานเป็นที่สุดโดยเร็วนะครับ
     
  3. พัฒนาตน

    พัฒนาตน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +1,282
    สุดยอดเลยครับ ขอโมทนากับสิ่งดีๆที่กำลังจะเกิดขึ้นในปัจจุบันและอนาคตครับ เดี๊ยวพี่เอาไปใช้บ้าง *-*(||)
     
  4. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    "บารมี" แปลว่า กำลังใจ

    และที่สำคัญที่สุดเหนือสิ่งอื่นใดในการปฏิบัติธรรมและพัฒนาตนเองในทุกๆด้านก็คือ

    การตั้งกำลังใจเอาไว้ให้ถูกต้องเหมาะสม จะยิ่งทำให้เราก้าวรุดหน้าเจริญในธรรมยิ่งขึ้นไป ได้แบบก้าวกระโดด

    เหตุที่หลายๆท่านที่ได้เข้ามาศึกษาแลกเปลี่ยนธรรมมะกันในห้องกระทู้วิชชานี้แล้ว ก้าวหน้ากันอย่างเห็นหน้าเห็นหลัง ล้วนเป็นเพราะ การตั้งกำลังใจได้ถูกต้องในสัมมาทิษฐิ

    โดยเฉพาะ การตั้งกำลังใจในการเข้าถึงความดีมีพระนิพพานเป็นที่สุดก็ดี

    ที่ตั้งกำลังใจปรารถนาเพื่อให้ท่านผู้อื่นเข้าถึงซึ่งความดีก็ดี


    เมื่อเราเองตั้งมั่นดำรงมั่นคงในจิตของเราแล้วย่อมปรากฏ พละศรัทธาในวิถีแห่งธรรมของเราเอง

    ความเป็นทิพย์ต่างๆก็ดี ฌานและญาณทัศนะต่างๆ อันมีเจโตปริยญาณเป็นต้น เป็นเรื่องปกติที่ทำกันได้ ไม่ใช่ของวิเศษอันใด

    เพราะเป้าหมายของเราไม่ใช่เพื่อตัวตน อัตตา มานะ เเต่เป็นไปเพื่อ ลด ละ ความยึดติดในกิเลสทั้งปวงให้เบาบางลง

    ตลอดจนเพื่อการสงเคราะห์ส่วนรวมด้วยเมตตาที่ไม่มีที่สุดไม่มีประมาณเป็นสำคัญ

    ขอให้ทุกๆคนตั้งมั่น และเชื่อมั่นในความดี ตลอดไปครับ
     
  5. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    สุดยอด น้องชัช ขออนุโมทนาบุญทุกประการจ้ะ
    ไปปล่อยปลาเสีย บริจาคโลงด้วย
    มีงานอีกเยอะ ช่วยกันนะคะ
     
  6. Forever In LoVE

    Forever In LoVE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,349
    ค่าพลัง:
    +3,864
    โมทนากับน้องชัชด้วยค่ะ .....โดนพี่ซันเต็มๆ เลย

    เมื่อคืน เพิ่งเจอแบบทดสอบล่าสุด . . .
    แต่พี่เลือกที่จะสอบไม่ผ่าน ไม่ใช่ด้วยเหตุผลที่กลัวตายเพียงอย่างเดียว
    มันละเอียดกว่านั้น ..ตายไม่เคยกลัว มันก็ตายกันมาหลายที
    แต่จะตายทั้งที ถ้าเลือกได้ขอตายแบบมีคุณภาพหน่อย..นอกนั้นสุดแล้วแต่กรรม
    ใช้ความคิดผิดสถานการณ์ไปหน่อย ไม่หน่อยล่ะ ผิดเต็มๆ

    รุ่งเช้าระหว่างไปปั่นจักรยานรอบตำบล พระท่านส่งคีย์ให้อีก 1 ส่วน
    เพิ่งมาคิดได้เมื่อครู่ว่า ก็เอาไว้จัดการกับการบ้านเมื่อคืนนั้นไง

    ขอบคุณและอนุโมทนาบุญด้วยทุกประการจ้า

    :z9
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2008
  7. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เข้าเขตในการเจริญในส่วนวิปัสนาญาณกันแล้วครับ

    ยิ่งสูงยิ่งละเลียด ยิ่งลึกซึ้งครับ

    แต่ละท่านรู้ได้ด้วยตัวเอง
     
  8. พัฒนาตน

    พัฒนาตน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +1,282
    http://palungjit.org/showthread.php?t=138061 กระทู้ใหม่ของทางกลุ่มครับ เพื่อ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ครับ มีอะไรแนะนำบ้างครับ
     
  9. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    โมทนาด้วยจ้ะชัช...

    แต่ตรงที่บอกว่า...

    ขอเตือนนิดหนึ่งนะจ้ะ...

    ชัชควรต้องอธิบายด้วยจ้ะ... ว่าที่ชัชบอกว่าไม่ได้อ่านหนังสือเลยนั้นเป็นเพราะ...

    1. ชัชมีพื้นฐานการเรียนหนังสือดีมาอยู่ก่อนแล้ว

    2. ชัชมีความเชื่อมั่น และเคารพต่องค์พระศรีรัตนตรัยอย่างเต็มหัวจิตหัวใจของชัช

    3. ชัชทรงภาพพระได้เต็มกำลังของฌาน 4 ฌาน 8 เป็นปกติ

    4. ชัชทรงภาพพระมานาน จนมีความชำนาญที่จะเข้าฌาน - ออกจากฌานได้ทุกเวลา ทุกสถานที่ ที่ปรารถนา

    5. ชัชมีวิปัสสนาญาณ มีการพิจารณาถึงกฎพระไตรลักษณ์ มรณานุสติ อริยสัจสี่ ฯลฯ อยู่เป็นปกติ

    6. ชัชมีความคล่องตัว และแจ่มใสในกองพระกรรมฐานต่างๆ

    7. ชัชมีจิตตั้งมั่นที่เป็นสัมมาทิฐิ

    8. ชัชมีความมุ่งมั่นที่จะช่วยสงเคราะห์คนให้เข้าถึงซึ่งความดี

    9. ชัชถามพระได้จนเป็นเรื่องปกติ

    10. ชัชมีความชำนาญในระดับหนึ่งที่จะแยกแยะระหว่าง อุปาทาน และของจริง ในการถามพระท่าน...

    และยังมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยอีกหลายประการที่ชัชได้ทำ และปฏิบัติอยู่...



    ถ้าชัชไม่อธิบายถึงวิธีการ และสิ่งที่ชัชปฏิบัติอยู่จนเป็นเรื่องปกติเหล่านี้... และบอกเพียงว่า...

    ผมก็จับภาพพระให้เป็นแก้วใสประกายพรึก จากนั้นจึงตั้งจิตอธิษฐานว่า...

    เพียงเท่านี้...


    จะมีสักกี่คนจ้ะที่จะจับภาพพระให้เป็นแก้วใสประกายพรึกได้นานพอที่จะถามจากพระท่านได้...

    จะมีสักกี่คนจ้ะ ที่จะสามารถเรียนหนังสือ หรือทำงานได้อย่างดี เต็มประสิทธิภาพ และถามพระท่านได้อย่างคล่องแคล่ว เหมือนที่ชัชทำได้...

    ไม่ใช่ว่าพี่จะค้านในสิ่งที่ชัชทำ... เพราะทราบดีแก่ใจว่าเป็นความจริง...

    เป็นของจริง...

    แต่สำหรับเด็กๆ และผู้ใหญ่หลายๆ ท่านที่ปฏิบัติแบบที่ชัชทำอยู่ไม่ได้...

    และคิดจะนำหลักการเพียงเท่าที่ชัชบอก... คือจับภาพพระให้ใสเป็นประกายพรึก...

    โดยไม่มีพื้นฐานอะไรอย่างอื่นเลยนั้น... พี่ว่า... มันเป็นดาบสองคมมากๆ เลยนะ...

    เพราะถ้าคนอื่นที่เขาไม่ยอมแตะหนังสือเลย... และตั้งใจจะมาจับภาพพระเฉพาะตอนที่อยู่ในห้องสอบนี่...

    ชัชว่าพวกเขาจะถามพระท่านได้อย่างที่ชัชทำได้หรือเปล่าจ้ะ...

    นี่เป็นแค่สิ่งที่พี่อยากจะให้ชัชระวังไว้สักนิด ในเรื่องของการอธิบายให้ละเอียดนะจ้ะ...


    ....................................


    อย่างไรก็ตาม... พี่ยินดี และโมทนาด้วยจ้ะที่ชัชจะได้สร้างความดี ได้เผยแพร่พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ท่านไปในวงกว้าง... สมกับความตั้งใจของชัชจ้ะ...

    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  10. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    [​IMG]

    1)พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่ดี
    "อันพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติของเรานี้ ตามความอบรมที่ได้รับมาก็ดี ตามความศรัทธาเชื่อถือส่วนตัวข้าพเจ้าก็ดี เห็นเป็นศาสนาที่ดีศาสนาหนึ่ง มีคำสั่งสอน
    ให้คนประพฤติตนเป็นคนดี ทั้งเพียบพร้อมด้วย บรรดาสัจจธรรมอันชอบด้วยเหตุผล น่าเลื่อมใสยิ่งนัก"

    2)พระพุทธศาสนามีลักษณะพิเศษ
    "ศาสนา-ชี้ทางดำเนินชีวิตที่ปราศจากโทษ ทำให้มีความเจริญร่มเย็น คนจึงเชื่อถือ และประพฤติปฏิบัติตาม ทั้งอุดหนุน ค้ำชูศาสนา เพื่อประโยชน์-เพื่อความสุข-ความสวัสดีของตน
    พระพุทธศาสนานั้น-มีลักษณะพิเศษประเสริฐ ในประการที่อาศัยเหตุผล อันเที่ยงแท้ตามเป็นจริงเป็นพื้นฐาน แสดงคำสั่งสอนที่บุคคล สามารถใช้ปัญญาไตร่ตรองตาม และหยิบยกขึ้นปฏิบัติ
    เพื่อความสุข-ความเจริญ-และความบริสุทธิ์ได้ ตามวิสัยของตน จึงเป็นศาสนาที่เข้ากับหลักวิทยาศาสตร์ ง่ายที่จะส่งเสริม"

    3)พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งประโยชน์
    "พระพุทธศาสนา-คือ ศาสนาแห่งประโยชน์ ไม่ว่าผู้ใด ถ้าเข้ามาศึกษา และปฏิบัติตามคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ย่อมได้รับประโยชน์ตามวิสัยแห่งการศึกษาปฏิบัติของเขา
    การธำรงความเจริญมั่นคงของพระศาสนา จึงน่าจะเน้นที่ การแนะนำทำให้เห็นประโยชน์ของการศึกษาปฏิบัติธรรม เป็นสำคัญ เมื่อมีผู้ศึกษาปฏิบัติธรรม และได้รับประโยชน์ จากการปฏิบัติธรรมมากขึ้น
    พระศาสนาก็เจริญแพร่หลายไปพร้อมกัน ข้อสำคัญควรจะถือปฏิบัติให้เคร่งครัดหนักแน่นว่า ต้องแสดงธรรมให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ อย่าให้วิปริตแปรผัน และควรพยายามเน้น การศึกษาปฏิบัติธรรมขั้นพื้นฐาน
    ให้ยิ่งกว่าอื่น เพราะคนทั่วไป ต้องการที่จะเรียนรู้ได้ง่าย -เข้าใจได้ชัด- ปฏิบัติได้สะดวก เมื่อประโยชน์แห่งการปฏิบัติธรรมเกิดขึ้นแล้ว เขาก็จะพึงพอใจ และจะขวนขวายศึกษาปฏิบัติให้สูงขึ้นไปเอง
    และเมื่อชาวพุทธรู้ธรรมะ-ปฏิบัติธรรมะกันอย่างถูกต้อง ทั่วถึงมากขึ้น ดังนี้ การบ่อนเบียนพระศาสนา-ก็จะลดน้อยลง พระศาสนา-ก็จะเจริญมั่นคง ตามที่ท่านทั้งหลายปรารถนา"

    4)พระพุทธศาสนามีธรรมะมากมายหลายชั้น
    "พระพุทธศาสนา-มีธรรมะอยู่มากมายหลายชั้น อันพอเหมาะพอดีกับอัธยาศัย จิตใจของบุคคลประเภทต่างๆ สำหรับเลือกเฟ้นมาแนะนำ-สั่งสอน-ขัดเกลาความประพฤติปฏิบัติของบุคคล
    ให้ดีขึ้น-เจริญขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ กล่าวโดยหลักใหญ่แล้ว-คือ สอนให้เป็นคนดี-ให้ประพฤติประโยชน์-ไม่เบียดเบียนตนเอง และผู้อื่น ให้ลำบากเสียหาย-สอนให้รู้จักตนเอง-รู้จักฐานะของตน-
    พร้อมทั้งรู้จักหน้าที่ ที่จะต้องประพฤติปฏิบัติ ในฐานะนั้นๆ ซึ่งเมื่อปฏิบัติโดยถูกต้องครบถ้วนแล้ว ย่อมจะนำความสุข-นำความเจริญ-สวัสดีมาให้ได้ทั่วถึงกันหมด หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่ง -ก็คือ
    นำความสุข-ความร่มเย็น-และความวัฒนาถาวร ให้เกิดแก่สังคมมนุษย์ หน้าที่ของท่านทั้งหลาย อยู่ที่จะต้องพยายามศึกษา พิจารณาธรรมะแต่ละข้อ-แต่ละหมวดหมู่ ด้วยความละเอียดรอบคอบ-
    ด้วยความเที่ยงตรง-เป็นกลาง ให้เกิดความกระจ่างแจ้งลึกซึ้ง ถึงเหตุ-ถึงผล-ถึงวัตถุประสงค์ แล้วนำไปปฏิบัติเผยแพร่ ให้พอเหมาะพอดี โดยอุบายที่ฉลาดแยบคาย ธรรมะในพระพุทธศาสนา-
    จะสามารถคุ้มครองรักษาและอุ้มชู ประคับประคองสังคม ให้ผาสุก ร่มเย็นได้ สมดังที่ต้องการ"

    5)พระธรรมเป็นอกาลิโก-เป็นแม่แบบของการพัฒาแบบยั่งยืน
    "พระพุทธศาสนานั้น-ถ้าหมายถึง คำสั่งสอนที่เที่ยงตรงตามพระพุทธโอวาทแล้ว ย่อมมีความแน่นอนมั่นคงอยู่ในตัว ขอเพียงชาวพุทธ-ไม่บ่อนเบียนทำลายให้แปรผัน-ผิดเพี้ยน-และร่วมกัน
    รักษาความบริสุทธิ์บริบูรณ์ไว้ให้ได้ พระพุทธศาสนา-ก็จะยืนยงอยู่ได้ตลอดกาล.....
    พระธรรมนั้น-เชื่อว่าเป็นอกาลิโก ถูกต้องเที่ยงแท้-และเหมาะที่จะน้อมนำมาประพฤติปฏิบัติเสมอ ไม่ว่าในกาลไหนๆ จึงย่อมเป็นแม่บทของการพัฒนาแบบยั่งยืนได้แน่นอน ปราศจากข้อกังขา
    ข้อสำคัญนั้น-ชาวพุทธเอง จะต้องขวนขวายศึกษาพุทธธรรม ให้ทราบชัดโดยทั่วถึง และน้อมนำมาปฏิบัติกันอย่างจริงใจ ให้ประจักษ์ผล พระพุทธศาสนา -จึงจะอำนวยประโยชน์แก่การพัฒนา
    สมตามที่ปรารถนานั้นได้"....

    6)ศาสนาทั้งปวงย่อมสั่งสอนความดี
    "การที่ประเทศไทยและชาวไทย ยินดีต้อนรับผู้เผยแผ่ศาสนาต่างๆ ด้วยไมตรี และด้วยความจริงใจฉันมิตรทุกสมัยมานั้น-เป็นเพราะชาวไทย ซึ่งเป็นพุทธมามกชน มีจิตสำนึกมั่นคงอยู่ในกุศลสุจริต
    และในความเมตตาการุญ เห็นว่า"ศาสนาทั้งปวง-ย่อมสั่งสอนความดี"-ให้บุคคลประพฤติปฏิบัติแต่ในทางที่ถูก-ที่ชอบ-ที่เป็นประโยชน์-ให้ใฝ่หาความสงบสุข-ความผ่องใสให้แก่ชีวิต ทั้งเรายังมี
    เนติแบบธรรมเนียม ให้ต้อนรับนับถือชาวต่างชาติ-ต่างศาสนา ด้วยความเป็นมิตร แผ่ไมตรีแก่กันด้วยเมตตาจิต และด้วยความจริงใจ บริสุทธิ์ใจ มิให้ดูแคลน เบียดเบียนผู้ถือสัญชาติ และศาสนาอื่น
    ด้วยจะเป็นเหตุนำความแตกร้าว และความรุนแรงเดือดร้อนมาให้ ดังนี้ คริสตศาสนา จึงเจริญงอกงามขึ้นได้ในประเทศนี้"
    "ความเป็นมิตร-ความมีเมตตา-ปรารถนาดีต่อกัน-ความเอื้ออารีเกื้อกูลกัน โดยจริงใจระหว่างศาสนิกชนทั้งมวลนั้น จะเป็นปัจจัยสำคัญ อันมีกำลังศักดิ์สิทธิ์ ที่จะยังสันติสุข กับทั้งอิสรภาพ เสรีภาพ
    และความเสมอภาค ให้บังเกิดขึ้น แก่มวลมนุษย์ ได้เป็นแน่แท้"

    7)ศาสนาต่างๆ ต้องส่งเสริมสนับสนุนกัน
    "ศาสนาใดๆ-จะมีชื่อว่าอะไรก็ตาม ต้องส่งเสริมสนับสนุนกัน เพื่อความเป็นปึกแผ่นของสังคม ฉะนั้น ที่ศาสนาต่างๆในประเทศไทย ปรองดองกันดีพอสมควรมาเป็นเวลาช้านาน
    จึงทำให้บ้านเมืองของเรา อยู่เย็นเป็นสุขได้"

    8)ศาสนาชี้ทางดำเนินชีวิตที่ปราศจากโทษ
    "ศาสนา-ชี้ทางดำเนินชีวิตที่ปราศจากโทษ ทำให้มีความเจริญร่มเย็น คนจึงเชื่อถือประพฤติปฏิบัติตาม ทั้งอุดหนุนค้ำชูศาสนา เพื่อประโยชน์-เพื่อความสุข-ความสวัสดีของตน
    พระพุทธศาสนานั้น-มีลักษณะพิเศษประเสริฐ ในประการที่อาศัยเหตุผลอันเที่ยงแท้ตามเป็นจริง เป็นพื้นฐาน-แสดงคำสั่งสอนที่บุคคลสามารถใช้ปัญญาไตร่ตรองตาม-และหยิบยกขึ้นปฏิบัติ
    เพื่อความสุขความเจริญ และความบริสุทธิ์ได้ตามวิสัยของตน จึงเป็นศาสนาที่เข้ากับหลักวิทยาศาสตร์ ง่ายที่จะส่งเสริม การที่ท่านทั้งหลาย-จะทะนุบำรุงเผยแผ่ให้แพร่หลายมั่นคง
    ควรได้ยึดเหตุผลเป็นหลักการ นำข้อธรรมะที่เหมาะแก่เหตุการณ์-เหมาะแก่บริษัท และบุคคล มาชี้แจงให้ถูกต้องตรงตามเนื้อแท้ของธรรมะนั้นๆ พร้อมทั้งแสดงการกระทำที่มีเหตุผล
    และมีความบริสุทธิ์ใจ ให้เป็นตัวอย่างด้วยตนเอง การบำรุงพระพุทธศาสนา ตลอดจนงานสร้างเสริมศีลธรรม จริยธรรม ทั้งในผู้ใหญ่-ผู้เยาว์ของท่าน จะบรรลุผลที่น่าพึงพอใจได้ไม่ยากนัก"


    หน้าที่ของพุทธศาสนิกชน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • _KingPmp48k.jpg
      _KingPmp48k.jpg
      ขนาดไฟล์:
      47.8 KB
      เปิดดู:
      473
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2008
  11. ปูเเว่น

    ปูเเว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,614
    ค่าพลัง:
    +6,697

    อนุโมทนาค่ะพี่ธร สิ่งที่พี่ได้สอนน้องชัชนั้นพี่ไม่ได้เตือนเพียงคนเดียว น้องก็เหมือนโดนพี่สอนไปในตัวด้วย ถึงแม้ว่าตอนนี้น้องยังไม่ได้เจอเหตุการณ์แบบนี้ แต่รู้สึกดีค่ะที่มีพี่ๆได้มาแนะนำสั่งสอนแบบนี้ จะได้ก้าวหน้าขึ้นในการปฏิบัติ;8
     
  12. ปูเเว่น

    ปูเเว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,614
    ค่าพลัง:
    +6,697
    อนุโมทนาจ้าน้องชัช ขอบคุณที่ได้นำเรื่องราวของน้องมาโพสลงกระทู้ พอได้อ่านแล้วเหมือนเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ตัวพี่เอง ต้องหมั่นปฏิบัติและตรวจสอบทบทวนจิตของตนเองให้มากขึ้น ขอบคุณมากๆจ้า สาธุ สาธุ สาธุ
     
  13. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ก็จะขอชี้แจงนะครับ
    คือผมรู้สึกว่าความดีทั้งมวลทั้งหมดเป็นของคุณพระศรีรัตนตรัย ไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งที่เป็นความดีของผมเลยแม้แต่นิดเดียว
    ผมจึงขอถวายความดีทุกๆอย่างทุกๆประการให้กับทุกๆท่านทุกๆพระองค์บนพระนิพพานครับ

    จุดสำคัญคือ
    ผมต้องการจะชี้ให้เห็นว่าด้วยความเคารพในคุณพระศรีรัตนตรัยนั้น
    ทำให้เราสามารถจะทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ได้อย่างไม่ยากเลย
    ส่วนสิ่งที่ไม่ยากนั้น เราก็จะยิ่งทำได้ดียิ่งขึ้น จนสามารถเห็นถึงความแตกต่างได้อย่างชัดเจน
    เป็นเหตุผลที่ผมใช้คำว่าเป็นพุทธบารมีทั้งมวลทั้งหมด เพื่อเป็นการระลึกถึงพระคุณของคุณพระศรีรัตนตรัยครับ
    เพราะว่าหากไม่มีกำลังของพระ อย่าว่าแต่ลมสบายเลยครับ แค่คิดจะเรียนให้ดีก็คงจะเป็นไปไม่ได้สำหรับผมครับ

    วิธีการจริงๆก็คือให้เราขอให้คุณพระศรีรัตนตรัยช่วยเราครับ แค่คิดว่าขอให้ท่านช่วยเราก็พอ และตั้งกำลังใจให้ดีๆว่าเราจะทำสิ่งนี้ๆเพื่ออะไร
    เพียงเท่านี้ท่านก็ช่วยเราแล้วครับ
    แต่เราสามารถทำให้กำลังสูงขึ้นได้ด้วยการจับภาพพระให้ใสเป็นแก้วประกายพรึก พิจารณาวิปัสสนาญาณ ทรงพรหมวิหาร4 และทำให้สังโยชน์เบาบางลงครับ ซึ่งตรงนี้ขึ้นอยู่กับบุคคลครับ
    แต่หลักการที่สำคัญคือ การขอให้พระช่วยและตั้งกำลังใจให้ดีครับ
    ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้เข้าใจผิดเลยครับ จึงกราบขอขมามา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2008
  14. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เปล่า ประเด็นก็คือ เด็กๆคนอื่น ที่ทรงกำลังใจไม่ได้ขนาดเรา และคิดเข้าข้างตัวเองว่า ไม่ต้องอ่านหนังสือก็ได้

    แค่ทำๆไปแบบชัชก็สอบได้แล้ว ไม่เห็นมีอะไรยาก

    ครั้นถึงเวลา จะพากันสอบตกกันหมดเพราะหาข้ออ้างในการไม่ต้องอ่านหนังสือ เรียนหนังสือกันอยู่แล้ว น่ะสิครับ

    มีเด็กสักกี่คน ที่ตั้งใจใช้เวลาเพื่อส่วนรวม เพื่อพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง


    ดังนั้นสิ่งสำคัญก็คือ ต้องสอนเรื่องการตั้งกำลังใจที่ถูกต้องก็ดี แนวทางแห่งสัมมาทิษฐิให้เขาก่อน

    เรื่องนี้ เป็นก้าวแรกของอภิญญา ดังนั้น หากยังไม่เป็นสัมมาทิษฐิก็ดี ยังตั้งกำลังใจกันไม่เป็นไม่ถูก ยากที่จะได้สัมผัสกับความเป็นทิพย์ของจิต

    ดังนั้นที่ทำอยู่ดีแล้ว แต่ชัชต้องเน้นว่า สำหรับคนอื่นๆ เพื่อนๆ น้องๆคนอื่น ต้องเริ่มต้นกันที่เป็นคนดีก่อน พระท่านถึงเมตตาสงเคราะห์ได้ครับ ไม่ใช่ได้กันทุกๆคน

    ยิ่งตั้งมั่นในสัมมาทิษฐิมากเท่าไร
    ยิ่งเคารพในพระรัตนไตรมากเท่าไร

    ยิ่งตั้งกำลังใจถูกต้องทั้งด้าน มรรคผล และเพื่อส่วนรวมอย่างถูกต้องเท่าไร ก็ยิ่งได้เข้าถึงอภิญญาจิตขั้นสูงเองเป็นผลที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ไม่ต้องไขว่คว้า วาระมาถึงเอง

    ธรรมมะละเอียดขึ้นเรื่อยๆครับ
     
  15. ปูเเว่น

    ปูเเว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,614
    ค่าพลัง:
    +6,697
    เมื่อวานตอนห้าโมงเย็น กำลังออกจากห้องน้ำ เห็นภาพของตัวเองล้มในห้องน้ำหัวฟาดพื้นมีมันสมองไหลกระจาย อีกสักพักเหมือนมีเสียงถามในจิต ถ้าตายแล้วจะทำอย่างไร ก็ตอบกลับไปว่า ตายแล้วก็ตายไปจะทำอย่างไรได้
    ถามมาอีกว่าแล้วงานล่ะ ก็ตอบว่าตายแล้วจะทำงานได้อย่างไร นอกจากไปเกิดใหม่ แล้วมาทำงานรุ่นต่อไปแล้วกัน คำถามตามมาอีกถ้าตาเกิดบอดตอนนี้ล่ะ พอได้เจอคำถามนี้อึ้งไปเหมือนกัน แต่ตั้งใจตอบว่าถึงแม้ตาบอด ก็ขอใช้ตาในแล้วกันเพราะเคยอ่านหนังสือสมัยพระพุทธเจ้าท่านก็มีพระเถระท่านตา
    บอดแต่สุดท้ายท่านก็ยังสามารถปฏิบัติธรรมได้ หรือไม่ก็ใช้หูฟังเสียงเอา ถ้าหูหนวกล่ะ ตอบในใจไปอีกว่ายังมีปาก และถ้าเป็นใบ้ล่ะ ก็ยังมีมือสัมผัสได้อยู่
    แล้วถ้ามือสองข้างขาดล่ะ ตอบใช้เท้าค่อยๆแตะๆคลำทางไป ถ้าเท้าไม่มีล่ะตอบใช้ก้นถัดไปแล้วกัน ตอนที่ตอบก้นนั้นได้นึกถึงสภาพความเจ็บปวดทนทุกข์ทรมาน แต่มาฉุกคิดว่าถึงแม้จะทรมานแบบนี้ ยังดีกว่าที่จะไปทนทุกข์ทรมานในนรกอีกหลายพันเท่า และยังได้ตอบไปในจิตอีกว่าถึงแม้ร่างกายจะไม่ สามารถทำอะไรได้เลย แต่ยังมีจิตที่เป็นทิพย์ยังสามารถนึกถึงภาพพระในใจได้ ยังสามารถนึกถึงพุทธธานุภาพของพระพุทธองค์ท่านให้เกิดในจิตของเราได้ ถึงแม้ข้างนอกไม่สามารถมองเห็น ก็ขอเห็นพระในจิตของเราได้เเค่นี้ก็พอใจแล้ว พุทโธอัปมาโร ธัมโมอัปมาโร สังโฆอัปมาโร
     
  16. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    งั้นก็คงจะต้องไปบอกเด็กๆใหม่ว่า
    ถ้าอยากจะให้พระพุทธองค์เมตตาสงเคราะห์
    -เราก็จะต้องทรงลมสบายให้ได้ตลอดทั้งวัน
    -ทรงพรหมวิหาร4 ให้ชุ่มเย็นอยู่เต็มจิตใจตลอดทั้งวัน
    -นึกถึงพระพุทธองค์เสมอๆโดยการทรงภาพพระให้ใสเป็นแก้วประกายพรึกตลอดเวลา
    -ทรงวิปัสสนาญาณพิจารณาให้เห็นว่าการเกิดเป็นทุกข์ หากตายเมื่อใดจะขอไปพระนิพพานเท่านั้น
    แต่เอาแค่3ข้อแรกก่อนแล้วกันนะครับ

    ต้องบอกพวกเด็กๆด้วยว่า หากไม่ทำ3ข้อแรกให้ได้ตลอดทุกๆชั่วขณะจิต
    ถึงจะขอให้พระเมตตาสงเคราะห์ยังไง แต่ท่านก็สงเคราะห์เราไม่ได้นะครับ
    เพราะว่าไม่มีความเป็นทิพย์พอที่จะสัมผัสท่านได้
    ถ้าเราไม่ตั้งใจทรงพระกรรมฐานจริงๆ ก็ไม่อาจจะใช้วิธีดังกล่าวได้นะครับ
    ต้องขอรบกวน ให้อธิบายให้พวกเด็กๆฟังด้วยนะครับ
    เดี้ยวสอบตกกัน แล้วจะพากันบอกว่าไม่ได้ผลซะอีก
    พรุ่งนี้ผมจะเริ่มสอนสมาธิวันแรกแล้ว ส่งใจมาช่วยกันด้วยนะครับ ประมาณ 8 โมง ครับ
     
  17. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384





    วันนี้คุณNote_bank... ส่งข้อความนี้มาให้ธรค่ะ...

    ทุกท่านอ่านแล้ว... ได้ข้อคิดทางธรรมอย่างไรกันบ้างคะ...

     
  18. พัฒนาตน

    พัฒนาตน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +1,282
    สู้ๆครับ น้องชัด วันอาทิตย์มาเล่าให้ฟังบ้างน่ะครับ
     
  19. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    มีกระทู้แนะนำครับ

    พระเมตตาของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
    http://palungjit.org/showthread.php?t=138061#post1340699


    เพื่อให้พวกเราได้ซาบซึ้งในความสำคัญของความเป็นชาติไทย พระบวรพุทธศาสนาและองค์พระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐครับ
     
  20. ปูเเว่น

    ปูเเว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,614
    ค่าพลัง:
    +6,697
    โมทนาจ้าน้องชัช พี่ขอเอาใจช่วยด้วยคน สู้ สู้(||)
     

แชร์หน้านี้

Loading...