วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 17 กรกฎาคม 2006.

  1. Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ขอกลับมารายงานครับ ลองหั่นเชือกแล้วครับ ประมาณ3ครั้ง และยังลองอยู่เรื่อยๆ เหมือนพลังกับความคมยังไม่พอ ยังหั่นไม่ขาดครับ ผมใช้สติปัฐาน ช่วยหั่นประจำวันด้วย ค่อยๆหั่นได้มั้ยครับหรือต้องหั่นให้ขาดทีเดียว ขั้นตอนที่ผมใช้นะครับ ออกจะขี้เกียจนิดนึง เริ่มแรกผมนอนจับลมเลยครับ จนลมเริ่มบางไม่ทราบว่าขั้นไหนก็ใช้มโนขึ้นไปกราบพระท่าน แล้วก็จับลมไปเรื่อยๆ ก็หลับไปครับ พอได้สติอีกครั้งก็จับภาพพระใสแล้วก็ไล่อรูปไป เสร็จแล้วก็ใช้มโนอีกรอบ แล้วก็ไล่สังโยชน์ทีละข้อ อฐิษฐานขอให้ขาดทีละข้อ เสร็จแล้วก็รวบ3ข้ออีกที ก็กราบพระท่านแล้วก็ออกจากสมาธิครับ พอใช้ได้ไหมครับหรือว่าฝืดเคืองตรงไหนบ้าง ขอให้ช่วยแนะนำด้วยครับ ตอนนั้นผมอฐิษฐานประมาณว่า ขอให้สังโยชน์จงขาดไปจากจิตของกระผมฉับพลันทันใดด้วยเทอญ สาธุ ขอกราบขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
     
  2. kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ต้องทั้ง ตัด ทั้ง ขัด ทั้งเกลาไปทีละน้อย ใจสบายๆ อย่าไปใจร้อนจน ทั้งสามข้อ เป็นปกติเป็นธรรมดา

    อารมณ์ใจเป็นลักษณะของการยอมรับนับถือตามความเป็นจริง จนใจเราคลายจากสังโยชน์ทั้งสามข้อนี้ครับ

    จุดสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือจิตเราจะต้องแนบในอารมณ์พระนิพพานด้วย ปรารถนาให้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานจุดเดียว

    อธิฐานว่า "ข้าพเจ้า จะรักในพระนิพพาน พอใจในพระนิพพาน มั่นคงในพระนิพพาน ตราบจนถึงซึ่งพระนิพพาน"

    จะยิ่งทำให้ตัดสังโยชน์สามได้ง่ายขึ้น
     
  3. ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    คือยังงี้ค่ะ คุณKananun...

    ตามที่คุณบอกมาน่ะค่ะ มันก็รู้สึกดีมากๆ เลยนะคะที่เราจะมีความสามารถขนาดนั้น และสามารถที่จะช่วยเหลือคนอื่นๆ ได้ด้วย แต่ว่า...

    1. การพิจารณาสิ่งต่างๆ นั้นเป็นของไม่ยากค่ะ เพราะจิตทำจนเป็นปกติอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น มรณานุสติ อสุภกรรมฐาน อาหาเรฯ (แต่อาหาเรฯนี่เคยพิจารณาอยู่ระยะหนึ่งแต่เกิดอาการเห็นภาพอาหารเป็นแต่ของบูดเน่า สกปรก เลยไม่ค่อยอยากจะกินอะไร เลยหยุดไปก่อน... ยังตะกละอยู่ค่ะ ... แต่เมื่อคุณบอกแบบนี้ จะกลับมาพิจารณาใหม่ค่ะ) ฯลฯ

    2. แต่สิ่งที่ต้องยอมรับว่า ยังอ่อนด้อยอยู่มากๆ คือ สมถะค่ะ...

    - อย่างเรื่องการเห็นอวกาศที่หายไปน่ะค่ะ... คือ ตัวเองได้ผ่านณาน 1 - 4 มาแล้วหรือค่ะ ผ่านมาตอนไหน เพราะแค่จับลมเข้ายังไม่ทันออกดีเลยมันก็เห็นภาพจักรวาลแล้ว... คือ มันง่ายขนาดนั้นเลยหรือค่ะ

    - อย่างเรื่องการสวดมนต์ก็เหมือนกันค่ะ แค่เริ่มจับลมจิตก็เลยจากอุปจาระสมาธิไปแล้วหรือค่ะ

    ดังนั้นอย่างที่บอกน่ะค่ะ... ในการทำแต่ละครั้ง แค่จับลมไป (แบบได้บ้างหลุดบ้างด้วย) ภาวนาไป พิจารณาไป สลับไปสลับมาในตอนกลางวัน แต่พอจะเห็นภาพมันก็เห็นเอง แล้วจะต้องมานั่งไล่รูปฌาณยังไงคะ (ทั้งจักรวาลที่ว่างๆ และจิตที่เลยอุปจาระไปแล้ว ฯลฯ)...

    ไล่ฌาณยังไงดีค่ะ ถึงจะมาต่ออรูปฌาณได้

    เพราะถ้าจะทำได้คล่องมันต้องนั่งไล่จาก ฌาณ 1 มาฌาณ 4 แล้วถอยกลับสลับไปสลับมา (ตามที่ตำราบอกไว้) ไม่ใช่หรือค่ะ

    แต่นี่แค่นึกมันก็เห็นความว่างของจักรวาลแล้ว (มันคืออรูปฌาณที่เท่าไหร่คะ)... แล้วมันจะต้องต่อกันที่ตรงไหนค่ะ ต่อกันอย่างไรดี...

    คือ ต้องขอโทษจริงๆ นะคะ อย่าว่าเรื่องมากเลยค่ะ ไม่เข้าใจจริงๆ ขอช่วยสงเคราะห์อธิบายเพิ่มเติมได้ไหมคะ

    สำหรับคำอธิษฐานตอนนี้... เท่าที่อธิษฐานอยู่เสมอๆ คือ
    - ขอเกิดชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายแล้วค่ะ กลัวการเกิดเหลือเกิน
    - จะขอเป็นหนึ่งในผู้ที่จะค้ำจุนพระพุทธศาสนาให้อยู่ครบ 5,000 ปี ตามพุทธพยากรณ์ ให้ได้ค่ะ แม้จะทำได้เพียงน้อยนิดก็ตามที
    - จะขอช่วยชีวิตอื่นๆ ให้ได้มากที่สุดเท่าที่กำลังความสามารถ ณ ขณะนั้นจะทำได้

    ซึ่งเท่าที่ผ่านๆ มาก็กำลังทำนู่นนิดนี่หน่อยไปเรื่อยๆค่ะ

    แต่ ณ วินาทีนี้ ขอเวลาช่วยตัวเองสักนิดนะคะ... ขอเอาให้รอดทางธรรมก่อน

    เมื่อไหร่ก็ตามที่มีฤทธิ์ มีอภิญญาใหญ่ มีปฏิสัมภิทาญาณแล้ว จะขอเร่งกำลังเต็มตัวแน่นอนค่ะ

    แต่สำหรับตอนนี้ต้องขอประทานโทษคุณครูก่อนจริงๆ ค่ะ ที่ต้องมานั่งหนักใจกับลูกศิษย์ที่ไม่ค่อยจะรู้เรื่องคนนี้จริงๆ

    ตอนนี้ก็นั่งอ่านวิชชาที่พระท่านให้คุณครูสอนมาตั้งแต่หน้าแรกอยู่ค่ะ... จะนำมาปฏิบัติตามไปด้วยทีละขั้น... พร้อมๆ กับที่ทำตามคำแนะนำของคุณครูตรงนี้ด้วยค่ะ

    ขอถามเพิ่มเติมอีกหน่อยค่ะ...

    คือ เห็นบอกว่ามีการเปิดจักระให้... การเปิดจักระมีผลอย่างไรต่อการปฏิบัติกรรมฐานบ้างคะ

    และ ก่อนที่จะรู้จักเว็บนี้ มีอาจารย์ท่านหนึ่งสอนให้รับพลังจากพระ จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์...

    อยากทราบว่าพลังที่ว่านี้ เหมือนหรือต่างจากพลังสมาธิที่เราปฏิบัติเอง หรือ เหมือนหรือต่างจากการที่เราขอให้พระและสิ่งศักดิ์สิทธิ์สงเคราะห์เราอย่างไรคะ

    และถ้าเรารับพลังนี้ไปเรื่อยๆ จะมีผลกับการปฏิบัติกรรมฐานอย่างไรคะ (จริงๆ อาจารย์ท่านสอนให้รับพลังจากเทพต่างๆ แต่ตัวเองขอรับจากทั้งพระรัตนตรัย ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย และพรหมเทพเทวาทั้งมวลค่ะ)... และจะสามารถดึงพลังนี้มาใช้งานได้อย่างไรคะ เพราะอาจารย์ท่านบอกว่าเรารับพลังได้เร็วมาก... ภายในไม่กี่อาทิตย์เท่านั้นพลังขึ้นจาก 200 หน่อยๆ เก้าท์ ขึ้นไปอยู่ที่ แสนสี่กว่า... แต่ตัวเองไม่เข้าใจว่า พลังที่ว่านี้จะดึงมาใช้ได้อย่างไรน่ะค่ะ เห็นอาจารย์บอกว่าจะดึงพลังจากจักรวาลก็ได้... แต่ในความรู้สึกแล้วไม่มีพลังอะไรสูงส่งไปกว่าพลังของพระรัตนตรัยแล้ว... เชื่อว่าเมือขอรับพลังจากพระรัตนตรัยแล้วพลังจากจักรวาลก็คงมาเองอยู่ดี... เข้าใจถูกไหมคะ

    ขอบพระคุณค่ะคุณครู
     
  4. sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    กรรม

    นั่งอ่านพาวเวอร์พอยท์ของสามี เตรียมแปล
    เขารวบเรื่องได้ดีมาก เป็นแง่ที่คนไม่ตามประวัติศาสตร์จะมองไม่เห็น เขามองภาพที่จะเกิดข้างหน้าได้ด้วย โดยใช้ pattern recognition

    อ่านแล้วเจ็บหน้าอกในทันที แน่นเหมือนถูกใครทับ
    เคยเป็นแบบนี้นานๆหน ไม่ทราบสาเหตุ
    แต่คราวนี้รู้สึกว่าเป็นเพราะกรรม
    เราไปขอให้เขาพูด ถ้าคนได้ฟังจะกลับกรรมส่วนตัวของผู้ฟังได้บ้าง
    ข้าพเจ้าก็เลยโดนกดอยู่ตรงนี้

    ขออุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย พญายมราช และเทพอารักษ์์ชั้นกลางชั้นสูงทุกพระองค์
    ขอให้อนุโมทนาบุญและมีความสุขเถิด
    ขออโหสิกรรมกับทุกท่าน และถ้ามีติดค้างอย่างไรขอมอบให้เป็นอภัยทานถวายแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฯ

    สัพเพ สัตตา อัพยาปัชฌา อนีฆา สุขีอัตตานัง ปริหะรันตุ

    สาธุ
     
  5. aonlin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2006
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +1,608

    มาขอรับคำแนะนำด้วยคนค่ะ เรื่องสมาธิแล้ว รู้สึกหลุดออกไปอวกาศนี่เป็นเหมือนกัน
     
  6. tam220t ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +537
    พี่คณานันท์ครับ ผมรอ PM จากพี่เรื่องสร้างพระพุทธรูปสององค์อยู่นะครับพี่ ส่วนเงินที่เหลือจากค่าหนังสือพี่จะแจกแจงอย่างไรแล้วแต่พี่ครับ
     
  7. pat3112 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +2,904
    ขอบคุณพี่มากๆครับ ขอเป็นกำลังใจกับทุกๆคนด้วยครับ โมทนาครับ
     
  8. หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** กระทำ ตาม ธรรม...ปฏิบัติสัจจะ ตาม สัจจะธรรม ****

    วิญญาณ มาเกิด... สังขาร (ร่างกาย) + นิสัย (ติดตัวมา) = ตัวเรา
    เติบโตมา + การกระทำ (ด้วยนิสัย) = กรรม
    ชีวิตทุกวัน = ผลการกระทำตอบแทน + การกระทำใหม่

    ปรารถนาพ้นทุกข์ => ส่งผล พบโลกุตตระธรรม + สัจจะปฏิบัติ
    พบ หลักสัจจะธรรม = The action never dies
    การกระทำไม่ตาย ไม่เคยสูญหาย = Nothing ever gets lost

    เชื่อ----> ศรัทธา---> พิจารณานิสัยตนเอง----> ตั้งใจทำ (สัญญาทำ) ทำได้จริง (สัจจะ)----> ตัวกระทำ (บารมี) ----> หักเหเบี่ยงเบนกรรม (ให้รอดพ้น) ---> นิสัยลดลง (ใกล้นิพพาน) ----> หมดนิสัย (เข้าถึงนิพพาน) ----> ละสังขาร (ตาย) ----> ไม่เกิดใหม่ (หลุดพ้น)

    สรุปหนทางง่ายๆ
    นิสัย - สัจจะ = หลุดพ้นทุกข์

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  9. nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    ไม่เปนไรครับ ผมได้รับคำแนะนำจากรุ่นพี่ผมบอกว่า ลองหาอะไรมาเพ่งแล้วจับ
    ทำสมาธิครับ เช่นพระพุทธรูป ก็ได้ แต่ผมจำได้แค่ตรงว่า ถ้าเราจับภาพพระท่านในสมาธิให้ใสเหมือนแก้วระยิบระยับได้ นั่นคือฌาณ 4 หรือป่าวไม่แน่ใจ
    ส่วนฌาณ อื่นๆ ก็อย่างเช่น การย่อ ขยาย พระพุทธรูปได้ดังใจนึกครับ
    รอพี่ คณานัน มาอธิบายละกันแหะๆ ผมรู้ งูๆ ปลาๆ แต่อยากบอก อิอิ

    หลักการที่จะฝึกในคล่องคือสามารถนึกภาพในทุกที่ ทุกขณะจิต ให้เป็น
    ปกติได้ นั่นละเยี่ยมเลย ส่วนอุปจารสมาธิ แค่เราอ่านหนังสือมันก็เกิดได้
    แล้วครับ แต่อย่างว่าพี่ของเก่าเยอะ และน่าจะถึงเวลาแล้วที่จะต้องฝึก
    เอามาใช้ให้เกิดประโยชน์ ของผมยังอีกหลายปี เพราะขี้เกียจ อะ แหะๆ
     
  10. หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** เปิดดูโลก...สมัยพุทธกาล ****

    พระ กับ ฆราวาส...ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธองค์ เหมือนกัน
    คือ...สัจจะ ปฏิบัติเป็นประจำ

    กำหนด "สัจจะ" ไม่ทำตามนิสัยไม่ดีของตนเอง ทุกวันๆ

    พระ ต่างจาก ฆราวาส...
    คือ ตัดพันธะผูกพันทางสังคม...พร้อมปฏิบัติตนหลุดพ้นสู่นิพพานในชาติปัจจุบัน

    พระ และ ฆราวาส ....ในสมัยพุทธกาล
    จึงถือสิ่งเดียวกัน ... คือ "สัจจะ"

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  11. kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขออนุญาตตอบคุณ
    chdhorn<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_856055", true); </SCRIPT> ครับ

    1. อาหารเรปฏิกูลสัญญานั้น อารมณ์ใจที่เราต้องการในการปฏิบัติคือการรู้เท่าทันสภาวะของอาหารที่เรากินเข้าไป เข้าใจว่าสวย หอม อเร็จอร่อย แต่ที่จริงกินแล้วก็กลายเป็นสิ่งปฏิกูล เพื่อให้จิตคลายตัวจากการยึดติดในอาหารครับ

    อารมณ์ที่เกิดการรังเกียจนั้เป็นจิตเศร้าหมอง อารมณ์ใจที่ต้องการในการพิจารณาก็คือจิตเกิดอุเบกขาเห็นเท่าทันสภาวะ ไม่ลุ่มหลงยินดี และไม่รังเกียจครับ

    ร่างกายก็เช่นเดียวกัน รู้เท่าทันสภาวะจนจิตปล่อยวางไม่ยินดีและไม่รังเกียจ รวมทั้งไม่อยากเกิดอีกเพราะรู้เท่าทันความเป็นไปในขันธ์ห้าทั้งปวงแล้ว

    2.ฌานในตำราและการปฏิบัติมีความแตกต่างกัน เราไปเข้าใจว่ามันเป็นขั้นๆแบบบันได แต่ที่จริงมันเรียบเนียน ผ่านไปของมัน ท่านที่ทำได้ส่วนใหญ่ท่านก็ผ่านเข้าไปฌานสี่กันเลยไม่ต้องมานั่งไล่ 1 2 3 4 กันให้เสียเวลา นอกเสียจากท่านจะฝึกเพื่อความชำนาญของท่าน

    จากฌานสี่ ไปอรูปฌานนั้น ต้องใช้พื้นจาก การได้ฌานสี่ก่อนแล้วจึงปรากฏเป็นการพิจารณาในอรูปฌานที่หนึ่ง เห็นอากาศว่างเวิ้งว้างว่างเปล่าสุดสายตา ไม่มีขอบเขต และจิตเราพิจารณาว่า ทุกสรรพสิ่งล้วนมีความเสื่อมสลายกลายเป็นความว่างให้ที่สุดหาสาระไม่ได้ จนจิตปล่อยวางจากวัตถุธาตุทั้งปวง

    ลองศึกษาดูจากที่เคยโพสต์ในกระทู้นี้ครับ
     
  12. kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    3.จิตเริ่มจับลมหายใจ จนลมหายใจเบาละเอียดก็เริ่มเป็นอุปจารสมาธิแล้วครับ ไล่ไปจนลมหายใจละเอียดเหลือนิดเดียวเป็นฌานสาม ลมหายใจหายไปหมดเป็นฌานสี่

    4.ไล่ฌาณยังไงดีค่ะ ถึงจะมาต่ออรูปฌาณได้

    เพราะถ้าจะทำได้คล่องมันต้องนั่งไล่จาก ฌาณ 1 มาฌาณ 4 แล้วถอยกลับสลับไปสลับมา (ตามที่ตำราบอกไว้) ไม่ใช่หรือค่ะ

    แต่นี่แค่นึกมันก็เห็นความว่างของจักรวาลแล้ว (มันคืออรูปฌาณที่เท่าไหร่คะ)... แล้วมันจะต้องต่อกันที่ตรงไหนค่ะ ต่อกันอย่างไรดี...


    พอได้ลมหายใจหายไปเป็นฌานสี่ ก็เริ่มมาจับภาพความเวิ้งว้างว่างเปล่าในอรูปฌานต่อไปเลยครับ มาต่อกันตรงนี้ครับ

    หากมีโอกาสมาฝึกด้วยกันจะทำได้ง่ายกว่าครับ

    5.สำหรับคำอธิษฐานตอนนี้... เท่าที่อธิษฐานอยู่เสมอๆ คือ
    - ขอเกิดชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายแล้วค่ะ กลัวการเกิดเหลือเกิน
    - จะขอเป็นหนึ่งในผู้ที่จะค้ำจุนพระพุทธศาสนาให้อยู่ครบ 5,000 ปี ตามพุทธพยากรณ์ ให้ได้ค่ะ แม้จะทำได้เพียงน้อยนิดก็ตามที
    - จะขอช่วยชีวิตอื่นๆ ให้ได้มากที่สุดเท่าที่กำลังความสามารถ ณ ขณะนั้นจะทำได้

    ตั้งจิตเอาไว้ดีแล้วครับ ขอโมทนาบุญด้วย สาธุ

    6.ขอถามเพิ่มเติมอีกหน่อยค่ะ...

    คือ เห็นบอกว่ามีการเปิดจักระให้... การเปิดจักระมีผลอย่างไรต่อการปฏิบัติกรรมฐานบ้างคะ

    และ ก่อนที่จะรู้จักเว็บนี้ มีอาจารย์ท่านหนึ่งสอนให้รับพลังจากพระ จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์...

    อยากทราบว่าพลังที่ว่านี้ เหมือนหรือต่างจากพลังสมาธิที่เราปฏิบัติเอง หรือ เหมือนหรือต่างจากการที่เราขอให้พระและสิ่งศักดิ์สิทธิ์สงเคราะห์เราอย่างไรคะ

    และถ้าเรารับพลังนี้ไปเรื่อยๆ จะมีผลกับการปฏิบัติกรรมฐานอย่างไรคะ (จริงๆ อาจารย์ท่านสอนให้รับพลังจากเทพต่างๆ แต่ตัวเองขอรับจากทั้งพระรัตนตรัย ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย และพรหมเทพเทวาทั้งมวลค่ะ)... และจะสามารถดึงพลังนี้มาใช้งานได้อย่างไรคะ เพราะอาจารย์ท่านบอกว่าเรารับพลังได้เร็วมาก... ภายในไม่กี่อาทิตย์เท่านั้นพลังขึ้นจาก 200 หน่อยๆ เก้าท์ ขึ้นไปอยู่ที่ แสนสี่กว่า... แต่ตัวเองไม่เข้าใจว่า พลังที่ว่านี้จะดึงมาใช้ได้อย่างไรน่ะค่ะ เห็นอาจารย์บอกว่าจะดึงพลังจากจักรวาลก็ได้... แต่ในความรู้สึกแล้วไม่มีพลังอะไรสูงส่งไปกว่าพลังของพระรัตนตรัยแล้ว... เชื่อว่าเมือขอรับพลังจากพระรัตนตรัยแล้วพลังจากจักรวาลก็คงมาเองอยู่ดี... เข้าใจถูกไหมคะ


    การเปิดจักรเป็นการกระตุ้นการเชื่อมต่อกายกับจิตแบบหนึ่งครับ

    การรับพลังต่างๆนั้น เราควรอธิฐานเลือกรับพลังเฉพาะพลังที่เป็นสัมมาทิษฐิเท่านั้น (คงไม่ถามว่าทำไม)

    ส่วนพลังต่างๆนั้นเป็นไปตามคุณสมบัติของแต่ละชนิดครับ ดังนั้นการอธิฐานขอบารมีพระอาจไม่ได้ดึงพลังจักรวาลลงมาด้วยก็ได้ แต่เราสามารถขอบารมีพระท่านให้ดึงพลังที่เราต้องการมาด้วยได้ครับ

    เช่น
    -พลังปราณ
    -พลังจักรวาล
    เพื่อช่วยเรื่องสุขภาพของเราเองและเพื่อการเยียวยารักษาผู้อื่นครับ

    มีอะไรถามมาอีกได้ครับ
     
  13. kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ช่วงนี้มีท่านที่สนใจเรื่องอรูปฌานค่อนข้างมาก ซึ่งเรื่องนี้หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านสอนและอธิบายได้ง่ายและชัดเจนที่สุดแล้วครับ ผมเองก็ปฏิบัติตามแนวทางของท่านครับ ความยากง่ายขึ้นกับบุญเก่าครับ กว่าจะอธิบายได้บางคนยากเย็นแทบแย่ บางคนวันเดียวได้เลยก็มี

    แต่อย่าลืมว่าเราใช้กำลังของอรูปฌานเพื่อการตัดกิเลสเข้าสู้โลกุตรธรรม ซึ่งหากพิจารณาดูให้ดี อรูปฌานก็อยู่ใกล้วิปัสนาญาณเต็มทีแล้วขยับอีกนิดก็เป็นอารมณ์พระนิพพาน อุปมานุสติกรรมฐานได้ไม่ยากเท่าไร
     
  14. kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เท่าที่สแกนดูตอนนี้เริ่มมีหลายๆท่านที่ เริ่มปรากฏ "เจโตปริยญาณ"แล้วจะค่อยๆทะยอยอธิบายให้ฟังไปทีละน้อยๆ ครับ เพราะได้วาระเริ่มใช้กันแล้ว
     
  15. nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    สาธุ
     
  16. jamrus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +1,141
    สวัสดีค่ะคุณคนานันท์ และเพื่อนๆ
    ขอขอบคุณ คุณคนานันท์ที่แนะนำสั่งสอนการปฎิบัติ จับลมสบายครั้งแรกรู้สึกเก็ง และเจ็บซี่โครง เพราะไม่ค่อยใด้กลั้นลมหายใจยาวๆ นึกถึงพุทธโธ ธัมโม สังโฆ จับจุดนิ่งในใจ แต่ก็หายเก็งและเจ็บ และจับลมสบาย รู้สึกเย็นสบายใจบอกไม่ถูก แผ่เมตตาทั้งสามภพภูมิ พยายามทำตลอดเวลาที่นึกได้ ควบคู่กับจับภาพองค์พระรู้สึกพระวิสุทธิเทพจะจำได้มากเป็นแสงสว่างประกายเย็น พร้อมกับท่องคาถาเงินล้านของหลวงพ่อ คาถาเงินล้านนี้ท่องเป็นปกติ น้อมบูชาพระรัตนตรัย พระคุณคูรบาาอาจารย์ รู้สึกดีมากมีความคล่องตัวทุกๆอย่าง และตอนนี้ได้สวดมนต์บทพระมหาจักรพรรดิอยู่ด้วยค่ะ ตอนก่อนนอนพยายามนั่งสมาธิแข่ง กับเสียงกรนของสามีค่ะจนเป็นปกติ แต่จะหลับในสมาธิบ่อยมาก คุณคนานันท์ช่วยแนะนำด้วยค่ะ ตอนนี้กำลังอ่านทบทวนบารมี 10 หนังสือหลวงพ่ออยู่ค่ะ มีทานบารมี ได้แก่การให้ทาน ศีลบารมี คือการทรงศีลให้บริสุทธิ์ เนกขัมมบารมี คือการถือบวช ปัญญาบารมี คือทรงปัญญารู้เท่าทันสภาวะตามความเป็นจริง ,,อริยสัจ 4,,วิริยบารมี มีความเพียรไม่ถ้อถอย ขันติบารมี มีความอดทน สัจจบารมี มีความจริงใจ อธิษฐานบารมี คือความตั้งใจ เมตตาบารมี พรหมวิหารสี่ และอุเบขาบารมีค่ะ ขอคุณคนานันท์ได้โปรดแนะนำ บอกด้วยกล่าวด้วยค่ะ
     
  17. ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    nuttadet คะ ขออนุญาตเรียกตัวเองว่าพี่นะคะ... ถ้ามีน้องน่ารักๆ แถมตั้งใจปฏิบัติดีแบบน้องก็ดีสิคะ

    ขอบคุณค่ะ... พี่ก็จับภาพพระใสเป็นปกติอยู่ค่ะ นึกย่อ - ขยาย ท่านได้ตามความต้องการมานานกว่า 10 ปีแล้วค่ะ... แต่ตั้งแต่ตอนนั้นมีท่านอื่นๆ ที่ท่านปฏิบัติสายอื่นท่านบอกว่าสิ่งที่พี่เห็นเป็นแค่ "จินตนาการ" ของพี่เท่านั้น พี่ก็เลยไม่ได้คิดอะไร

    แต่อยากเห็นท่านตอนไหน ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ก็เห็นท่านได้ค่ะ อย่างออกกำลังกายอยู่นึกเห็นท่าน เห็นสมเด็จองค์ปฐมกายนิพพาน ก็เห็นได้ทันทีค่ะ... เห็นท่านยิ้มให้ แล้วก็ลูบหัวพี่ด้วยค่ะ... ดีใจ้ ดีใจ...

    พี่เคยเอาบทสวดมนต์ที่หลวงพ่อฤาษีท่านสอน... บทสหัสเนตโตน่ะค่ะ... มาสวด สวดไปได้สักอาทิตย์... อยู่ๆ เวลาคุยกับคนอื่นอยู่ พี่จะรู้ว่าเขาจะพูดอะไรต่อไปได้จนจบข้อความ ก่อนที่เขาจะพูดออกมาเสียอีก... แต่ด้วยความที่ไม่ฉลาดของพี่เองที่ดันคิดว่า เอ! มันจะดีหรือ มันดีหรือเปล่านะที่จะไปรู้ว่าคนอื่นเขากำลังจะพูดอะไรอยู่... กลัวจะเป็นการไปละลาบละล้วงคนอื่นจนเกินไป เลยเลิกสวดไป

    เห็นไหมคะ... พี่มีความโง่อยู่เต็มไปหมดเลย ตอนนี้ต้องมานั่งเคาะสนิมกันเป็นการใหญ่เลย

    พี่ขออนุโมทนาบุญกับน้องนัฐเดชด้วยนะคะกับการปฏิบัติธรรมของน้อง และขอบคุณค่ะที่ให้คำแนะนำดีๆ กับพี่... (ชื่อสะกดถูกไหมคะ... ถ้าไม่ถูกก็ขอโทษด้วยนะคะ)
     
  18. ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    คุณคณานันท์คะ...

    ขอบพระคุณค่ะคุณครู... เข้าใจแล้วค่ะ เรื่องฌานสี่ต่ออรูปฌาณ

    ส่วนเรื่องการรับพลังหรือการนมัสการพระ เคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายก็อธิษฐานขอเคารพเฉพาะท่านที่เป็นสัมมาทิฐิอยู่แล้วค่ะ

    ตั้งแต่ที่ได้เริ่มอ่านคำสอนของคุณครูในหน้าแรกๆ ก็จับลมหายใจให้พลิ้วไหวเป็นสายยาวต่อเนื่อง... เข้าพุท โธออก พร้อมจับภาพพระใสด้วยมาตลอด... เมื่อลมจะเข้าก็นึกให้มีละอองเพชรใสระยิบระยับแพรวพราวจากพระนิพพานเข้าไปกับลมหายใจ แล้วแผ่กระจายไปทั่วร่างกาย... เมื่อหายใจออกก็จะเห็นว่าลมหายใจดึงเอาสิ่งที่ไม่ดี โรคภัยไข้เจ็บ ออกไปด้วยเป็นสายสีดำ

    พยายามทำในทุกอิริยาบถ (ที่สติไม่เผลอ)

    แล้วจะปฏิบัติในส่วนอื่นๆ ที่คุณครูแนะนำต่อไปค่ะ... มีผลอย่างไรจะมาคอยรายงานให้ทราบค่ะ

    อ้อ! ต้องขอรบกวนอีกเรื่องค่ะ... คือ อยากจะมีส่วนร่วมในการสร้างบุญกับทางเว็บพลังจิตเป็นรายเดือน ซึ่งปกติก็จะส่งในรูปของธนาณัติให้กับที่อื่นๆ บ้างอยู่แล้ว... เห็นในหัวข้อรู้ไส้ภัยพิบัติบอกว่าสามารถส่งมาในนามของคุณคณานันท์ได้ แต่ที่ไม่ทราบคือ จะส่งธนาณัติมาที่ ปณ. อะไรคะ และรหัสไปรษณีย์อะไร จึงขออนุญาตเรียนถามที่ตรงนี้เลยนะคะ จะได้เริ่มส่งสำหรับเดือนมกราคมที่จะถึงนี้เลยค่ะ

    ขอบพระคุณมากค่ะ
     
  19. nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    แป่ว ผมไม่ตั้งใจขนาดนั้นหรอกครับ ทุกวันนี้ยังพยายามนั่งสมาธิให้ได้ทุกวัน
    อยู่เลย แหะๆ ชื่อผมเรียกแบบนั้นแหละครับแต่สะกดแบบนี้ นัฒธเดช
    ยินดีที่ได้รู้จักครับผม
     
  20. sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    จะเปิดอบรม อีเอ็มดีอาร์ภาคสนาม short course ให้แก่ผู้สนใจ ใช้ปฏิบัติได้จริงถ้าภัยมา ณ สัมมนาภัยพิบัติและการเตรียมการ อาทิตย์ ๑๖ ธค. ๕๐ เวลา ๑๑.๔๕ น. สนใจลงชื่อได้ที่กระทู้สัมมนาหรือหน้างาน รับ ๒๐ คน ไม่เสียค่าใช้จ่ายค่ะ

    sutatip_b <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_855018", true); </script>
    สมาชิก



    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 08:09 AM
    วันที่สมัคร: Aug 2007
    ข้อความ: 513 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 6,602 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 8,910 ครั้ง ใน 521 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 942


    <!-- icon and title --> อีเอ็มดีอาร์ แก้ความบ้า post traumatic stress โดยไม่ต้องกินยา
    <hr style="color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> <!-- / icon and title --> <!-- message --> ช่วงสึนามิมา หมออังกฤษ อิสราเอล ฮ่องกง เอาวิชามาสอนไว้ให้ มาจากคำว่า
    Eye Movement Desensitized Response มั้งเพราะไม่เคยจำชื่อเต็ม
    คนต้นคิดเป็นด็อกเตอร์อยู่อเมริกา เดิมต้องใช้การจ้อง เดี๋ยวนี้ใช้การกระตุ้นซ้าย-ขวาแทนได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนไทย

    การฝึกจริงต้องเป็นหมอ พยาบาล นักจิตวิทยา หรือนักสังคมสงเคราะห์ ต้องเข้าคอร์ส ฝึกกับคนไข้จริงที่อาสาเป็นตัวอย่าง แต่ อ. ไก่เป็นล่ามเดินตามหมออยู่สองอาทิตย์ ไปๆมาๆเลยลักวิชาเขามา แล้วไปเข้าคอร์สอีก ได้เป็น counselor แล้ว ช่วงสึนามิชั่วโมงบินเราสูงสุด มกราคม-ตุลา ๔๘ ทำงานอยู่เดือนละ ๓ วันเป็นเวลาสิบเดือน

    ที่จะสอนนี้เป็น short course ยามภัยมาทิ้งเวลาให้คนสักเดือนครึ่งดูๆไปก่อน ถ้ารอดแต่ยังเอ๋อๆนอนไม่ได้ผวากลัวก็ลงมือเลย เพราะทิ้งไว้คนรอบๆจะบ้าไปด้วย
    <!-- / message --><!-- sig -->
     

แชร์หน้านี้