วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 17 กรกฎาคม 2006.

  1. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    อย่าใช้สมาธิกดอย่างเดียวครับ เพราะ เวลาระเบิดจะรุนแรง หากกดไม่อยู่

    ใช้วิปัสนาญาณคลายอารมณ์ครับ เขามาสอนให้เราเห็นว่า ความป่วยไข้ไม่สบายเป็นทุกข์อย่างไร ร่างกายมีอาการแปรปรวนไปจึงไม่เที่ยงเป็นทุกข์ เมื่อทุกข์เพราะร่างกายนี้เราก็พึงปล่อยวางความยึดมั่นในกาย ในการเกิดเสีย

    ส่วนคนที่นำมาติดคนอื่นนั้น อันที่จริงช่วยอย่าได้มาในที่สาธารณะก็ดีครับเพราะสร้างความทุกข์ความเดือดร้อนให้ท่านอื่น ต้องพิจารณากันด้วย รอหายก่อนค่อยไปงานนั้นงานนี้ได้ครับ

    ที่กรกระทบมากก็เพราะคลื่นจิตด้วยครับ คงพอเข้าใจกันหลายท่าน
     
  2. พัฒนาตน

    พัฒนาตน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +1,282
    ขอบคุณพี่ๆมากครับ จะน้อมรับและเอาไปปฏิบัติครับ
     
  3. ปาฏิหาริย์

    ปาฏิหาริย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +3,516
    หายไวไวนะครับ
    คิดเสียว่าได้ภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติแล้ว (เป็นแล้ว จะได้ไม่เป็นอีก)
     
  4. dearestguardian

    dearestguardian เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    306
    ค่าพลัง:
    +1,418
    hkrg0hkvjko-hv8;k,o
    ต้องยอมรับว่าข้าพเจ้าอ่านข้อความนี้อารมณ์ไม่พอใจเกิดทันทีเพราะข้าพเจ้าคิดว่า
    เมื่อรักเป็นโพธิสัตว์ต้องแบ่งเบาความทุกข์ของเพื่อนชาวโลกได้ไม่ใช่ห้ามเขาออกมาแล้วใหเขาจมจ่อมกับความทุกข์อยู่คนเดียว
    ถ้าคืดว่าตนมีกำลังใจพอต้องแบ่งปันไม่เลือกหน้า
    แต่คิดอีกทีก็จะเอาอะไรนักหนากับอารมณ์ขึ้นๆลงๆของข้าพเจ้า แค่อยากจะแชร์

    แต่ข้าพเจ้าต้องขอบคุณคุณคณานันที่โพสข้อความนี้มา เพราะช่วงนี้ข้าพเจ้าทุกข์มากกับการมีร่างกายขัณฑ์ห้าแต่ก็หนีกรรมไม่ได้เพราะไม่มีกรรมตัดรอน
    คุมมันก็ไม่ได้เพราะมันไม่ใช่ของเราการจับลมหายใจก็ไม่ได้ทำให้หายทุกข์เพราะการหายใจที่อกยกขึันลงก็คือความทุกข์
    แต่พอได้อ่านข้อความคุณคณานันท์แล้ว คิดไม่พอใจเสร็จ ฉุกคิดขึันทันที เออจริง เราจะสนใจมันทำไมในเมื่อสนใจไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ตอนนี้ความรู้สึกดีขึ้น แต่ก็ยังไม่วายรู้สึกเหมือนถูกขัง

    ขอบคุณคุณคณานันท์ที่ให้ปัญญา สะกิดให้ฉุกใจคิด และขอขมากรรมกรรมมา ณ ที่นี้ด้วย

    อย่าถือสาข้าพเจ้าเลยอารมณ์มันก็ขึ้นๆลงๆ การปฏิบัติก็งูๆปลาๆอย่างนี้ โง่ก็โง่สมถะก็ยังไม่ได้ ขอขมากับทกุคนในที่นี้ด้วยค่ะ เมื่อหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาข้าพเจ้าโพสข้อความขวางโลกไปหน่อย
     
  5. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    พัฒนาตน
    แรกๆผมใจเย็นแต่หลังๆอารมณ์โกรธประทุ ความโกรธที่กดไว้เริ่มออกมาทำให้ผมมีอารมณ์โกรธชิงชัง อยากทำลายทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้
    แต่ผมไม่แสดงออกมาน่ะครับ เพราะผมใช้สมาธิกดไว้


    kananun
    อย่าใช้สมาธิกดอย่างเดียวครับ เพราะ เวลาระเบิดจะรุนแรง หากกดไม่อยู่

    ใช้วิปัสนาญาณคลายอารมณ์ครับ เขามาสอนให้เราเห็นว่า ความป่วยไข้ไม่สบายเป็นทุกข์อย่างไร ร่างกายมีอาการแปรปรวนไปจึงไม่เที่ยงเป็นทุกข์ เมื่อทุกข์เพราะร่างกายนี้เราก็พึงปล่อยวางความยึดมั่นในกาย ในการเกิดเสีย

    คิดว่าเป็นเช่นนี้ค่ะ ถ้าไม่ถูกต้องท่านอื่นกรุณาทักท้วงด้วยค่ะ

    สมาธิคือหินทับหญ้า พอออกจากสมาธิหญ้าก็อยู่เหมือนเดิม

    แต่ถ้าใช้รู้หนอ มันป่วยก็รู้ว่ามันป่วย มันโกรธก็รู้ว่ามันโกรธ รับรู้ขันธ์ห้าตามสภาพของมัน รู้แล้วก็ปล่อยไป เป็นสติปัฏฐาน ๔
    เมื่อฝึกบ่อยๆ อารมณ์มาก็ไม่ถึงจิตเรา เหมือนไม่มีหญ้าขึ้น มีหินทับหรือไม่็ก็ไม่มีหญ้า

    จะได้เอาเวลาไปทำความดีอื่นๆไงคะ
    อนุโมทนาบุญปฏิบัตินะคะ
     
  6. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    วิธีเข้าใจความโกรธ (จนระงับได้)
    ดิฉันไม่เก่งอะไรนะคะ ปกติ ก็เป็นคนขี้หงุดหงิดอยู่พอสมควร
    แต่ไม่แสดงออก ดูข้างนอกเหมือนน้ำนิ่ง แต่ข้างในก็แปรปรวน

    เวลาอารมณ์มา ก็ใช้หลักปฏิจจสมุปบาทพิจารณาค่ะ
    เคยไปฟังท่านแม่ชีศันสนีย์(แห่งเสถียรธรรมฯ) ท่านสอน
    ท่านบอกว่า ความทุกข์ ทุกอย่าง เกิดตามวงจรนี้
    เราก็อยากพิสูจน์ ก็เลยลอง กะว่า ถ้าใช้ไม่ได้ในกรณีไหน
    ก็จะได้ไปถาม แต่แล้วก็เห็นใช้ได้ในทุกกรณี(ที่ตัวเองเจอ)

    ดิฉันไม่ได้เข้าใจ ปฏิจจสมุปบาทละเอียดอะไรเลย
    แค่พิจารณาว่ากระทบที่ตรงไหน แล้วตัวเองปรุงแต่งยังงัย
    เท่านี้ก็ใช้ได้ผลดีนะคะ อาจจะยังหงุดหงิดง่ายอยู่ แต่ก็หายเร็ว
    หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างนะคะ
     
  7. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    คุณ dearest คะ... อ่านแล้วอย่าเพิ่งโกรธนะคะ... ทั้งโรคภัยไข้เจ็บ และการที่ไปไหนไม่ได้จนรู้สึกเหมือนโดนขังนี้... เป็นเพียงเศษของกรรมที่คุณเคยทำเอาไว้เท่านั้นค่ะ...

    พยายามนึกถึงพระให้บ่อยๆ แผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวร และสรรพสัตว์ทั้งหลายมากๆ...

    เมื่อคุณจับลมหายใจไม่สะดวก... พยายามพิจารณาดูว่า สังขารร่างกายนี้มันทุกข์หนักหนาสาหัสเพียงไหน จะกิน จะนอน จะนั่ง จะยืน จะเดิน ก็ทำไม่ได้อย่างที่ใจต้องการ... จะขับจะถ่ายก็ลำบากแสนเข็ญ... ความกระทบกระทั่งจากอารมณ์ของคนรอบข้าง ความรำคาญใจที่ช่วยอะไรตัวเองก็ไม่ค่อยจะราบรื่นนัก ความหงุดหงิดรำคาญกาย รำคาญใจ... ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นทุกข์ เป็นสิ่งที่ทนได้ยาก เรายังปรารถนาสังขารร่างกายนี้อีกหรือไม่...

    ถ้าเราต้องกลับลงมาเกิดอีก... ถ้าเศษของกรรมในเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ และ การโดนกักขังนี้ ยังไม่หมดลง... คุณ dearest ก็จะต้องทนทุกข์แบบนี้ต่อไปอีกไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ... และถึงแม้เศษกรรมเหล่านั้นหมดลงแล้ว... แต่ก็ยังจะมีกรรมที่เกิดจากสาเหตุอื่นๆ เผยโฉมขึ้นมาอีก... คุณยังอยากจะรับอีกไหม...

    ถ้าคุณไม่อยากที่จะต้องมาทนทุกข์ทรมาณแบบนี้อีกแล้ว... พิจารณาตัดสังขารร่างกาย เพื่อเข้าสู่พระนิพพานเลยดีกว่าค่ะ... บนพระนิพพาน ไม่มีกรรมประเภทใดๆ ทั้งสิ้นตามคุณขึ้นไปได้ ภาระหน้าที่ต่างๆ ก็ไม่มีให้คุณต้องกังวลใจ... มีแต่ความสงบ ความสุข ความเบากาย เบาใจ...

    เมื่อพิจารณาแบบนี้ได้เรื่อยๆ บ่อยๆ จนเป็นเรื่องปกติแล้ว... จิตจะเกิดการปล่อยวางมากขึ้น จะไม่ทุรนทุราย สัดส่ายเป็นทุกข์มากเท่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้... แล้วก็พิจารณาต่อว่า...

    แต่อย่างไรก็ดี สังขารร่างกายนี้ยังสามารถเนื่องประโยชน์อเนกอนันต์ให้ตัวคุณเองสามารถที่จะสะสมบุญบารมี หรือกระทำความดีได้สืบต่อไป เพื่อประโยชน์ต่อตัวคุณเอง ครอบครัว สังคม ประเทศชาติ และโลกใบนี้...

    ลองหางานอดิเรก (ที่เป็นสัมมาทิฐิ) ที่คุณชื่นชอบที่สุด หรือทำแล้วเหมาะกับสภาวะของสังขารร่างกายในขณะนี้ที่จะอำนวยให้มากที่สุด และเมื่อคุณทำแล้ว คุณมีความสุข ความสบายใจ พอใจที่จะทำต่อไปเรื่อยๆ... ตั้งใจไว้ว่า งานอดิเรก หรือสิ่งที่จะทำนี้ ขอทำเพื่ออุทิศส่วนกุศลผลบุญ อีกทั้งพรหมวิหารสี่ ให้แก่ท่านเจ้ากรรมนายเวร และสรรพสัตว์ทั้งหลายทั่วสากลจักรวาลอนันตจักรวาลนี้... ขอให้ทุกท่านมาร่วมกันอนุโมทนา ได้รับซึ่งส่วนกุศลผลบุญนั้น และขอได้โปรดอโหสิกรรมให้ข้าพเจ้านับแต่บัดเดี๋ยวนี้เป็นต้นไปตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ...

    และเมื่อทำงานอดิเรกชิ้นนั้นๆ เสร็จแล้ว ให้น้อมนำเอาไปร่วมถวายเป็นสังฆทานที่วัด หรือจะนำผลงานเหล่านั้นออกจำหน่ายแล้วนำเงินที่ได้ไปทำบุญ สร้างกุศลก็ได้... แล้วอุทิศส่วนกุศลผลบุญนั้นให้แก่เจ้ากรรมนายเวร และเหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลายอีกครั้ง...

    ไม่แน่นะคะ... โรคภัยไข้เจ็บที่คุณเป็นอยู่อาจจะเบาบางลง และ/ หรือ หายในที่สุด...

    อย่างไรก็ตาม... ขออนุโมทนาบุญกับการมีสติ รู้สำนึก ของคุณด้วยค่ะ

    ขออาราธนาบารมีแห่งองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า องค์พระธรรม องค์พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบๆ ต่อกันมามี องค์ท่านแม่ศรี องค์หลวงปู่โกมารภัจจ์ องค์หลวงปู่ปาน และองค์หลวงพ่อฤาษี เป็นที่สุด อีกทั้งท่านพรหม เทพเทวา เทวดาอารักษ์ของคุณ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย... ขอได้โปรดช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ของคุณdearest ให้ทุเลา บรรเทาลง หรือหายขาดด้วยเถิดพระพุทธเจ้าข้า
     
  8. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ที่ได้ฟังคุณ ธรตอบในพีเอ็มเรื่องการแยกแยะระหว่างญาณเครื่องรู้กับอุปาทานครับ เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดวิปัสนูปกิเลสในจิตครับ

    ---------------------------------------------------------


    วิธีการที่พี่ใช้แยกความแตกต่างระหว่างอุปาทาน กับของจริงคือ...

    1. ต้องซื่อสัตย์กับตัวเอง... ต้องพิจารณา และยอมรับกับตัวเองให้ได้ก่อนว่า... สิ่งที่เราได้รู้ได้เห็นนั้น เป็นสิ่งที่เป็นความต้องการจะให้เป็น หรือไม่เป็น หรือเป็นความรู้สึกลึกๆ ของเราหรือไม่
    ถ้าใช่ก็อย่าเพิ่งเชื่อ ทำใจให้เป็นอุเบกขา ให้นิ่งที่สุด จับพระให้ใสเป็นประกายมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วขอให้พระท่านช่วยสงเคราะห์อีกครั้ง

    2. อย่าใช้กำลังของตัวเองเด็ดขาด ต้อง ขอให้พระท่านสงเคราะห์ทุกครั้ง และต้องจับภาพพระก่อนทุกครั้ง... ยอมรับนับถือพระรัตนตรัยเป็นครูบาอาจารย์และที่พึ่งสูงสุด อย่างสุดชีวิตจิตใจ...

    3. เชื่อความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นมาทันที... อย่าเอ๊ะ อย่าอ๊ะ ถ้ามีเอ๊ะ มีอ๊ะ แล้วผิดชัวร์

    4. อย่าคิดว่าตัวเองเก่งแล้ว แน่แล้ว ผิดพลาดไม่ได้แล้ว... โดยเฉพาะอย่ายิ่ง อย่าเก่งเกินครู (ในที่นี้หมายถึงองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า และครูบาอาจารย์ของพวกเรา ซึ่งก็คือ หลวงปู่ปาน และหลวงพ่อฤาษี (และท่านอื่นๆ ที่เป็นสัมมาทิฐิ และจะให้ดี ควรเป็นพระอริยะแล้ว)... ถ้าพระท่านสงเคราะห์ให้รู้ หรือสอนให้วางกำลังใจแบบนี้... แต่เรายังดื้อที่จะทำตามความรู้สึก ความต้องการของเราเองแล้ว... นอกจากจะอุปาทานชัวร์แล้ว...

    อีกไม่นานวิชชาจะเสื่อม เราจะกลายเป็นมิจฉาทิฐิเต็มตัว มีอบายภูมิเป็นที่ไป...

    .............................

    พี่เล็กและคนอื่นๆ ใครมีคำแนะนำเพิ่มเติมบ้างคะ... ธรว่าคำถามนี้ดีมากๆ เลย เมื่อเราช่วยกันหาคำตอบแล้ว... จะได้นำมารวบรวมไว้เตือนตัวเองต่อไปได้ด้วยค่ะ

    เมื่อรวบรวมได้แล้ว จะได้นำไปแนะนำน้องๆ ด้วยค่ะ... จะได้ไม่พลาดกัน

    --------------------------------------------------------------------


    จุดที่สำคัญก็คือ

    ความเคารพในพระรัตนไตร ยิ่งมาก ยิ่งสูง มานะทิษฐิยิ่งน้อย

    ภาพพระยิ่งชัดเจนแจ่มใสเป็นเพชรประกายพรึก ระดับฌานสมาธิยิ่งสูง

    วิปัสนาญาน ยิ่งละเอียดจิตยิ่งสะอาด จากกิเลส ความถูกต้องยิ่งสูง

    อุเบกขายิ่งสูง การปรุงแต่งก็ยิ่งมีน้อย


    ขอให้ก้าวหน้าเจริญในธรรม นำวิชชาไปใช้ในทางแห่งสัมมาทิษฐิครับ<!-- / message --><!-- sig -->
     
  9. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    วันนี้ธรมีเรื่องจากประสบการณ์ตรงของตัวเองมาเล่าให้ฟังกันค่ะ...

    สมัยก่อนที่ธรจะได้ฝึกวิชชามโนมยิทธิ... ธรมีนิสัยเสียมากๆ จะเรียกว่าเลวก็ไม่ผิดค่ะ อยู่ข้อหนึ่ง ... จริงๆ ต้องนับเป็นหลายข้อถึงจะถูกค่ะ...

    คือ ธรจะเป็นคนที่ พอไม่ชอบอะไร... เห็นใครทำอะไรที่ไม่ดีไม่ถูกต้อง (ในความรู้สึกของเราเอง)... เช่น โกงข้อสอบบ้าง ไม่มีความรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองถูกสั่ง หรืออาสาที่จะทำบ้าง โกหกบ้าง...

    ธรจะบอกคนๆ นั้น (อ้อ! ต้องเป็นคนที่ธรรู้จักนะคะ...) ตรงๆ โดยไม่ได้คิดเลยว่ามันจะเป็นการทำร้ายความรู้สึกพวกเขามากแค่ไหน หรือไม่สนใจเลยว่าเขาจะมีเหตุผลอะไรของเขาบ้าง... ธรถือว่า ถ้าผิดก็คือผิด...

    ในความรู้สึกของคนหลายๆ คน ธรเป็นคนบ้าอำนาจบ้าง เป็นคนขวานผ่าซากบ้าง เป็นคนที่ไม่มีวาทศิลป์เอาเสียเลย... แต่ธรก็ไม่สนใจ... เพราะธรถือว่าสิ่งที่พูดไปนั้น คือความจริง ธรไม่ได้โกหกใคร ไม่ได้สร้างเรื่องขึ้นมาป้ายสีให้ร้ายใคร... ธรแค่ต้องการจะชี้ให้พวกเขาเห็นว่า สิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่นั้นมันไม่ถูกต้อง... ก็เท่านั้น

    แต่เมื่อธรได้มีโอกาสมาฝึกวิชชามโนมยิทธิ มาศึกษาคำสอนของหลวงพ่อฤาษี และครูบาอาจารย์อีกหลายๆ ท่าน อย่างจริงจัง...

    ธรยอมรับกับตัวเองเลยว่า ธรเลวมาก เพราะ...

    1. ธรเป็นใครมาจากไหน ที่บังอาจไปตัดสินคนนั้น คนนี้ว่าเขาผิดเขาเลว... จริงๆ แล้วคนที่เลวกว่าพวกเขา คือ ตัวธรเอง...

    2. ธรไปยุ่งกับจริยาของคนอื่น ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่คนดีควรกระทำ... เพราะการไปยุ่งกับจริยาคนอื่น (ในลักษณะที่ธรทำนั้น) เขาเรียกว่า ไปจับผิดคนอื่น... โดยที่ไม่ว่าเราจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม... ซึ่งเป็นสิ่งที่เลวข้อที่ 2

    3. ถึงแม้ธรจะถือว่าตัวเองเจตนาดี อยากให้เขาเลิกทำในสิ่งต่างๆ เหล่านั้น... แต่นั่นเท่ากับธรฆ่าเขาทั้งเป็น (ซึ่งรุนแรงไม่ต่างจากการลงมือเชือดคอพวกเขาเลย) เพราะคำพูดและการกระทำของเรา ไปทำให้เขาต้องเกิดความอับอายบ้าง เจ็บช้ำน้ำใจบ้าง กังวล คิดมาก เป็นทุกข์ สารพัดสิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นได้ ... ซึ่งเราไม่รู้เลยว่า... แม้เพียงคำพูดเพียงเล็กน้อยนั้น อาจทำให้ใครหลายๆ คน ถึงขั้นฆ่าตัวตายได้เลย... (ในกรณีของธร ถือว่าธรยังโชคดีมากๆ ที่ยังไม่มีใครคิดถึงขั้นนั้น... ไม่อย่างงั้นคนที่จะตายทั้งเป็น ก็คือ ธรเอง)

    เพียงแค่ 3 ข้อใหญ่ๆ นี้ (ข้อย่อยอื่นๆ ในความคิดของธร ก็ยังมีอีกบานตะไท)... ก็ทำให้ธรต้องหันมาพิจารณาการกระทำของตัวเองเสียใหม่...

    ธรพยายามทิ้งนิสัยเลวๆ พวกนั้น... แต่ก็ต้องยอมรับว่า ทำได้ยากมากๆ... แต่ก็พยายาม...

    ยังโชคดีที่เจตนาในการทำของธร ไม่ได้คิดร้ายกับใคร... ธรจึงยังมีบุญพอที่จะเรียนวิชชามโนมยิทธิได้สำเร็จ... แต่... มโนฯ ก็ไม่ค่อยแจ่มชัดเท่าไหร่... เพราะจิตใจยังคงขุ่นมัวอยู่...

    ธรเลิกบอกใครๆ ว่าสิ่งที่ทำนั้นไม่ดีอย่างนั้น ไม่ดีอย่างนี้... แต่กลับเอาสิ่งเหล่านั้นมาสุมไว้ในใจตัวเอง จนเกือบระเบิดก็หลายครั้ง...

    หลายครั้ง (ขนาดยังไม่ระเบิด) ยังเอามาบ่นให้น้องชายฟัง จนเขารำคาญแล้วรำคาญอีก... ซึ่งก็น่าสงสารเขาที่ต้องมาทนรับฟังเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่ได้ทุกวี่ทุกวัน...

    มาจนตอนนี้... เมื่อมาถูกอาจารย์คณานันท์สะกิดในเรื่องคำอธิษฐาน และสอนวิชชาเพิ่มเติมให้...

    ธรรู้ด้วยตัวของธรเองว่า... สิ่งที่ธรจะต้องทำให้ได้โดยเร็วที่สุดก็คือ การวางใจเป็นอุเบกขาให้ได้ในทุกเรื่อง... และธรก็เริ่มทำอย่างจริงๆ จังๆ...

    จนตอนนี้... มโนฯ ของธรแจ่มใสขึ้น... ถูกต้องแม่นยำมากขึ้น ธรมีความตั้งมั่นในพรหมวิหารสี่มากขึ้นกว่าเดิมมาก... มากขึ้นจนมีหลายๆ ท่านไม่ค่อยจะพอใจนัก...

    ความสามารถพวกนี้... ธรไม่ได้มีมาตั้งแต่เกิด... ธรก็ต้องลงมือปฏิบัติ ลงมือทำด้วยความทุ่มเท ด้วยความมานะ พยายามที่จะเอาชนะความเลวของตัวเองให้ได้... ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่าย... แต่ธรก็ทำได้แล้วในระดับหนึ่ง...

    ถ้าคนส่วนใหญ่มัวแต่มานั่งบ่นน้อยเนื้อต่ำใจในกุศล บุญบารมีของตัวเอง นั่งประชดประชัน กระแทกคนนั้นทีคนนี้ที นั่งเหน็บคนอื่นๆ ที่ทำอะไรไม่ถูกใจตัวเองไปเรื่อยๆ แล้วมานั่งบ่นให้คนนั้นฟังทีคนนี้ฟังที... โดยที่ไม่คิดแม้แต่จะเริ่ม หยุด แล้วหันมามอง มาพิจารณาการกระทำของตัวเอง...

    แล้วเมื่อไหร่ที่บุญบารมีของทุกคนจะรวมตัวกันได้เสียทีค่ะ... กุศลผลบุญพวกนั้นมาจ่อรออยู่ตั้งนานแล้ว... รอว่าเมื่อไหร่ ทุกคนจะเปิดรับพวกเขาเข้ามาในจิตในใจ แทนสิ่งที่เคยจับยัดๆ ลงไปก่อนหน้านี้บ้าง...

    จริงๆ แล้ว ธรเองก็ยังตัดสิ่งเหล่านี้ไม่ขาดเสียทีเดียว... แต่ก็กำลังพยายามอย่างเต็มที่อยู่ค่ะ... พอเกิดปุ๊บ ธรจะพยายามเตือนตัวเองปั๊บ... แต่ก็ยังมีที่พลาดอยู่...

    ตอนนี้... ธรอยากจะชวนทุกคนมาร่วมกันสร้างบารมีให้ตัวท่านเองกับธร โดยการช่วยกันล้างสิ่งที่ไม่ดีออกไปจากจิตของพวกเรากัน ดีไหมคะ...

    ธรทราบว่า... ครั้งนี้ธรติงทุกคนแรงมาก... แต่ธรไม่อยากให้ทุกๆ คนต้องมาเสียเวลาแบบที่ธรเคยเสียมาแล้วค่ะ... ธรพลาดมานานแล้ว กว่าวิชชาจะรวมตัวได้ (เพิ่งจะเริ่มต้นไม่นานนี้เอง) ก็เสียเวลาไปเกือบทั้งชีวิตแล้ว...

    ตอนนี้ ถ้าเรายังไม่เริ่มต้น... เมื่อภัยพิบัติมาเราจะมีเวลาเริ่มหรือคะ...

    ถ้าตัวเราเองยังเอาดีไม่ได้... แล้วเราจะไปช่วยใครที่ไหนได้คะ...
     
  10. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    สาธุครับ ตามคำสอนของครูบาอาจารย์ครับ

    "เราว่าเราดีเมื่อไหร่ เราก็เลวเมื่อนั้น" (เพราะจิตเราเกิด มานะทิษฐิอันเป้นอุปกิเลสละเอียดเข้ามาสู่ใจ)

    ผมเองกว่าจะเข้าใจวลีนี้ ก็หลายปีเต็มที (แสดงว่าเลวมาก และตอนนี้ก็ยังเลวอยู่ ดีเมื่อไหร่ก็คงไม่มาเกิดแล้ว)

    ดังนั้น เรานำความโง่ ความเลวของเรา มาเล่า มาพิจารณาซ้ำ เพื่อ เรียนผิดเป็นครู กันดีกว่า ซึ่งผมเชื่อว่า พี่ๆน้องๆ หลายๆคนเองก็ผ่าน การ"เรียนผิด"กันมาไม่น้อยครับ

    แบ่งปันประสบการณ์กันเพื่อไม่ให้คนอื่น ไปพลาด ไปเสียเวลากันอีก และยังเป็นการสลายมานะทิษฐิในจิตของตนเอง อีกด้วย เรากล้าเล่าอย่างไม่อายก็เพื่อความดีของผู้อื่นเป็นสำคัญ หากยังกลัวเสียฟอร์มก็แปลว่ามานะทิษฐิยังท่วมหัวท่วมหูอยู่
     
  11. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    ขอบคุณครับอาจารย์ กระจ่างมากๆ ทั้งใน pm และหน้ากระทู้

    คุณครูสอนเป็นแควเลย แหะๆ ผมคิดว่าถ้าให้คุณครูสอนทาง msn ได้

    น่าสนใจทีเดียวครับ ถามผ่าน msn แต่ตอบทาง วิทยุออนไลน์ แต่ก่อนอื่น

    ผมคงต้องไปเตรียมตัวมาถ่ายทอด ให้คุณครูเล่น msn กับเป็นดีเจ ได้ก่อน

    5 5 5 5
     
  12. หลับตา

    หลับตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    716
    ค่าพลัง:
    +3,151
    <TABLE class=tborder id=post1032053 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>คนมีกำกึด<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1032053", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: 12-03-2008 09:12 PM
    วันที่สมัคร: Dec 2007
    ข้อความ: 104 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 42 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 276 ครั้ง ใน 80 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 35 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1032053 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->มานะ 9 ของพระอาจารย์มิสซูโอะ
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->[​IMG]


    ชีวิตมีทั้งวันวาน วันนี้ และวันพรุ่งนี้ เมื่อปัจจุบันธรรม เป็นสิ่งสำคัญของชีวิต ชีวิตในวันนี้ จึงเป็นเรื่องที่ควรคำนึงมากกว่ากาลใดๆ วันนี้มีสำหรับแก้ไข ไม่ใช่แก้ตัว

    แก้ตัว- คือไม่ยอมรับความจริงในการทำผิดของตน พยายามผลักความผิดไปให้ผู้อื่น หรือสิ่งแวดล้อม

    แก้ไข - คือยอมรับความจริง หากมีอะไรผิดผลาดบกพร่อง ก็ยอมรับผิด แล้วพยายามแก้ไข ปรับปรุง พัฒนาตนเอง

    คนดี - ชอบหาจุดบกพร่องของตนเอง มีหิริโอตัปปะ ละอายแก่ใจ กลัวบาป

    คนชั่ว - ชอบหาดูจุดบกพร่องของคนอื่น จับผิดคนอื่นแล้วคิดไปว่า เราดี เขาไม่ดี

    เมื่อเขาคิดว่าดีกว่า ก็คิด อิจฉา ริษยา น้อยใจ
    ถ้าดีกว่าเขา ก็คิด ถือตัวถือตน ดูถูกดูหมิ่นเขา

    -------เป็นสภาวะที่เกิด อัตตา เกิดตัวตน

    อัตตาตัวตน และทุกข์ เป็นบริษัทเดียวกัน
    อัตตาตัวตน สร้างขึ้นใช้เวลานานแสนนาน
    เป็นเวลาหลายภพหลายชาติ ด้วยอำนาจอวิชชา
    กิเลส ตัณหา อุปาทาน คิดผิด และสำคัญผิด

    สำคัญผิด 9 อย่าง หรือ มานะ 9

    1.เป็นผู้เลิศกว่าเขา สำคัญตัวว่าเลิศกว่าเขา ก็ผิด

    2.เป็นผู้เลิศกว่าเขา สำคัญตัวว่าเสมอเขา ก็ผิด

    3.เป็นผู้เลิศกว่าเขา สำคัญตัวว่าเลวกว่าเขา ก็ผิด

    4.เป็นผู้เสมอเขา สำคัญตัวว่าดีกว่าเขา ก็ผิด

    5.เป็นผู้เสมอเขา สำคัญตัวว่าเสมอเขา ก็ผิด

    6.เป็นผู้เสมอเขา สำคัญตัวว่าเลวกว่าเขา ก็ผิด

    7.เป็นผู้เลวกว่าเขา สำคัญตัวว่าดีกว่าเขา ก็ผิด

    8.เป็นผู้เลวกว่าเขา สำคัญตัวว่าเสมอเขา ก็ผิด

    9.เป็นผู้เลวกว่าเขา สำคัญตัวว่าเลวกว่าเขา ก็ผิด

    เมื่อใจดี จะไม่มีความคิดเป็นเรา เป็นเขา

    แต่จะเห็นสัตว์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
    ให้ "เห็น" เป็นหลัก เป็นกริยา
    คนเรานั้นเมื่ออยู่ในสมมติโลก
    เราต้องอยู่ด้วยกันหลายคน มองเห็นเป็นธรรม
    ไม่ให้ตัวตนเข้าไปยึด ควบคุมจิตเป็นโอปนยิกธรรม
    น้อมเข้าหาตนเสมอ


    ปล.ผมมาผิดห้องครับ ขอโทษที ฝากไว้กระทู้นึงครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    สำคัญผิด 9 อย่าง หรือ มานะ 9

    1.เป็นผู้เลิศกว่าเขา สำคัญตัวว่าเลิศกว่าเขา ก็ผิด

    2.เป็นผู้เลิศกว่าเขา สำคัญตัวว่าเสมอเขา ก็ผิด

    3.เป็นผู้เลิศกว่าเขา สำคัญตัวว่าเลวกว่าเขา ก็ผิด

    4.เป็นผู้เสมอเขา สำคัญตัวว่าดีกว่าเขา ก็ผิด

    5.เป็นผู้เสมอเขา สำคัญตัวว่าเสมอเขา ก็ผิด

    6.เป็นผู้เสมอเขา สำคัญตัวว่าเลวกว่าเขา ก็ผิด

    7.เป็นผู้เลวกว่าเขา สำคัญตัวว่าดีกว่าเขา ก็ผิด

    8.เป็นผู้เลวกว่าเขา สำคัญตัวว่าเสมอเขา ก็ผิด

    9.เป็นผู้เลวกว่าเขา สำคัญตัวว่าเลวกว่าเขา ก็ผิด

    เมื่อใจดี จะไม่มีความคิดเป็นเรา เป็นเขา

    โอ๋ว์ มิน่าเล่าเราผิดทุกวันเลย วันนั้นข้อนั้น วันนี้ข้อนี้
    กราบขอขมาและขออโหสิกรรมทุกท่านงามๆตรงนี้เลยค่ะ
     
  14. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    คุณธรอย่าลืมหานะครับอะไรคือมัชฌิมาปฏิปทา(ทางสายกลาง) ทางแห่งปัญญาญาน อนุโมทนาด้วยครับ
     
  15. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    ไม่ผิดห้องหรอกค่ะคุณหลับตา... พระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เข้าได้กับทุกที่และทุกสถานะการณ์ ไม่เคยมีคำว่าล้าสมัย หรือผิดที่ผิดทางหรอกค่ะ... ถ้าเรารู้จักที่จะนำมาปรับใช้กัน...

    อนุโมทนาด้วยค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มีนาคม 2008
  16. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    คุณทศพร ลองแนะนำธรบ้างสิคะ...

    หลายๆ ครั้งที่ธรจะชินอยู่กับสิ่งที่ธรรู้ธรทราบเพียงด้านเดียว... แต่เมื่อมีเพื่อนๆ ที่เป็นกัลยาณธรรมมาช่วยชี้แนะให้เห็นมุมมองอื่นๆ ที่แตกต่างไป... ความรู้ ภูมิธรรมของธรจะได้ดีขึ้นค่ะ...

    เท่าที่เข้าใจ... ทางสายกลาง คือ ความพอดี ไม่มากไป ไม่น้อยไป ซึ่งก็คือ มรรคทั้ง 8... ไม่ทราบว่าถูกต้องหรือเปล่าคะ... หรือจะเอาแบบง่ายๆ อย่างที่ธรกำลังพยายามฝึกฝนตัวเองอยู่ คือ มองดูทุกสิ่งให้เป็นเรื่องธรรมดา... เห็นก็สักแต่ว่าเห็น รู้ก็สักแต่ว่ารู้ ได้ยินก็สักแต่ว่าได้ยิน ฯลฯ... แต่ธรยังทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ค่ะ...
     
  17. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    มัชฌิมาปฏิปทา(ทางสายกลาง) ในความเข้าใจของผม
    คืออารมณ์ใจที่เบาสบาย
    ไม่เร่าร้อนด้วยกิเลสตัณหา
    ไม่อึดอัด แน่น เพราะเคร่งเครียด อยากเก่ง อยากเป็นซุปเปอร์แมน
    หากเราสามารถทำใจของเราให้รู้สึกเบาๆได้ตลอด24ชั่วโมง
    เราก็จะมีความสุข มีความสงบ จิตจะตั้งมั่นเป็นสมาธิเอง โดยไม่ต้องไปบังคับ
    ทางสายกลางไม่ง่าย และไม่ยาก
    แค่เราหมั่นอย่าให้ตัวเองสุดโต่งไปในทั้ง2ทิศทาง
    แต่ทำจิตใจให้สบายๆ ชุ่มเย็น เป็นสุข แค่นี้ก็ทางสายกลางแล้วครับ
    หากผิดพลาด ก็ขออภัยด้วยครับ
     
  18. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    วิธีการแยกระหว่างอุปาทานกับของจริงที่น้องชัช PM ส่งมาให้ค่ะ...

    เวลาเรารู้เห็นสิ่งใดนะครับ ให้วางอุเบกขาไปก่อนเลยครับ
    ถ้าจริงเดี้ยวก็มีสิ่งมายืนยัน หากไม่จริงเดี้ยวเราก็ทราบว่าไม่จริง
    จริงๆ อยากจะให้ลองไปฝึกญาณ8 ที่บ้านซอยสายลมกันซักครั้งนึง
    เพราะว่าหากสิ่งที่เรารู้ไม่ถูกปุ้ป เราจะได้ทราบทันทีเลย
    และจะได้วางกำลังใจใหม่ทันที
    ก็วางกำลังใจใหม่จนกว่าจะถูกนะครับ
    หลักๆก็คืออุเบกขาไปก่อนเลย
    เหมือนกับเห็นว่านี่มันไม่ใช่เรื่องของเรา
    เป็นเรื่องราวเป็นนิทานของคนอื่น อย่าไปยึดกับสิ่งที่เห็น
    ขอให้ทุกๆคนมีอารมณ์ใจที่เบาสบายนะครับ

    ขอบพระคุณ และอนุโมทนาด้วยค่ะ
     
  19. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    เรียนคุณธร

    บางอย่างผมไม่สามารถโพสท์ในเว็บได้ คุณเล็กท่านก็รู้ คุณธรลองคุยกับคุณเล็กดูก็ได้ว่ามีบางอย่างบางเรื่องนำมาเขียนอธิบายบนเว็บไม่ได้ แต่ถ้าคุณธรอยู่เมืองไทยโทรคุยกันก็ได้ครับ มือถือผม 084-6764499
     
  20. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    pm ก็ได้ครับผม แต่พี่ธรอยู่เมืองไทยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...