วิถีกวนอิม กับการเพ่งเสียงสวรรค์ เชื่อฟังสิ่งศักดิสิทธิ์เบื้องบน

คำว่า " กวนอิม" แปลว่าเพ่งเสียง หรือการรับฟังเสียง
เสียงที่ว่านี้ มีสองส่วน คือ เมื่อพระกวนอิมอยู่บนฟ้า
จะฟังเสียงสรรพสัตว์บนพื้นดินที่ทุกข์ทรมาน เพื่อร้อง
ขอต่อพระยูไลให้ปรกโปรด ก่อนจะจุติลงมาโปรดสัตว์


เมื่อพระกวนอิมจุติลงมายังโลกมนุษย์แล้ว ก็จะทรงฟัง
"เสียงสวรรค์-เชื่อฟังสิ่งศักดิสิทธิ์เบื้องบน" แม้จะมีพ่อ
เป็นพระราชา แต่ก็ไม่ลุ่มหลงบิดาที่นำพาไปทางที่ผิด
จะเชื่อฟังสวรรค์ เชื่อฟังสิ่งศักดิสิทธิ์เบื้องบน แม้ว่าจะ
ต้อง "ขัดแย้งกับพระราชบิดา" ก็ตาม นั่นคือ "กวนอิม"
ที่แท้จริง ดังนั้น ท่านจึงถูกพระราชบิดาลงโทษอย่าง
หนักเพราะเชื่อธรรมะ เชื่อสวรรค์มากกว่าบิดาที่ดุร้าย


แล้วท่านกำลังเดินตามรอยพระกวนอิม หรือสวนทางกันละ?

 

เจ้าแม่กวนอิม


กวนอิม ตามสำเนียงฮกเกี้ยน หรือ กวนอิน ตามสำเนียงกลาง (จีน: 觀音; พินอิน: Guān Yīn; อังกฤษ: Guan Yin) พระโพธิสัตว์ ของพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน เป็นองค์เดียวกันกับพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ในภาษาสันสกฤต ซึ่งมีต้นกำเนิดจากพระสูตรมหายานในอินเดีย และได้ผสมผสานกับความเชื่อพื้นถิ่นดั้งเดิมของจีน คือตำนานเรื่องพระธิดาเมี่ยวซ่าน ก่อให้เกิดเป็นพระโพธิสัตว์กวนอิมในภาคสตรีขึ้น เพื่อแสดงออกถึงความอ่อนโยน และแสดงถึงความเมตตากรุณาให้เด่นชัดยิ่งขึ้นดังเช่นความรักของมารดาที่มีต่อบุตร ซึ่งเป็นการผสมผสานกลมกลืนทางความเชื่อที่ปราศจากข้อขัดแย้ง เนื่องจากในสัทธรรมปุณฑรีกสูตรได้อธิบายว่า พระอวโลกิเตศวรนั้นสามารถแบ่งภาคเพื่อโปรดสรรพสัตว์ได้มากมายทั้งปางบุรุษและสตรี และเป็นธรรมดาของพระโพธิสัตว์มหายานที่เมื่อเข้าไปสู่ดินแดนอื่นทั้งทิเบต จีน หรือญี่ปุ่น ย่อมผสมผสานกลมกลืนได้กับเทพท้องถิ่นนั้น ๆ อย่างในกรณีพระอวโลกิเตศวรนี้ Sir Charles Eliot ได้ตั้งข้อสังเกตว่า "คงเนื่องมาจากความสับสนทางความคิดของชาวจีนในยุคนั้น ซึ่งบูชาเทพเจ้าต่างๆ ของตนอยู่แล้ว และเมี่ยวซ่านก็เป็นเทพวีรชนดั้งเดิมอยู่ก่อน พออารยธรรมพระโพธิสัตว์จากอินเดียแผ่เข้าไปถึง ได้เกิดการผสานทางวัฒนธรรมเปลี่ยนชื่อเสียงคงไว้เพียงแต่คุณลักษณะต่าง ๆ พอให้แยกออกว่าเป็นพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์"


พระโพธิสัตว์กวนอิมในตำนานฝ่ายจีน

พระโพธิสัตว์กวนอิม (ประสูติ 19 เดือนยี่จีน) ชาติสุดท้ายเป็น ราชธิดานาม เมี่ยวซ่าน เดิมเป็นเทพธิดา จุติลงมายังโลกมนุษย์เพื่อมาช่วยปลดเปลื้องทุกข์ภัยแก่มวลมนุษย์ เป็นราชธิดาองค์สุดท้ายของกษัตริย์ เมี่ยวจวง ซึ่งมีราชธิดา 3 องค์ องค์โตชื่อ เมี่ยวอิม องค์รองชื่อ เมี่ยวหยวน เยาว์วัยเป็นพุทธมามกะ รู้แจ้งในหลักธรรมลึกซึ้ง ตั้งพระทัยแน่วแน่จะบำเพ็ญภาวนา เพื่อหลุดพ้นสังสารวัฏ ออกบวชวันที่ 19 เดือน 9 พระเจ้าเมี่ยวจวงไม่เห็นด้วย จะบังคับให้เลือกราชบุตรเขย เพื่อจะได้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อไป แต่เจ้าหญิงเมี่ยวซ่านไม่สนพระทัยเรื่องลาภ ยศ สรรเสริญ อันจอมปลอม แม้จะถูกพระบิดาดุด่าอย่างไร องค์หญิงก็ไม่เคยนึกโกรธเคืองแต่อย่างใด
ต่อมาองค์หญิงสามได้ถูกขับไปทำงานหนักในสวนดอกไม้ เช่น หาบน้ำ ปลูกดอกไม้ ทั้งนี้เพื่อทรมานให้เปลี่ยนความตั้งใจ แต่ก็มีเหล่ารุกขเทวดามาช่วยทำแทนให้ทั้งหมด พระบิดาเมื่อเห็นว่าไม่ได้ผล จึงรับสั่งให้หัวหน้าแม่ชี นำองค์หญิงสามไปอยู่ที่วัดนกยูงขาว และให้เอางานของแม่ชีทั้งวัดมอบให้องค์หญิงทำคนเดียว แต่องค์หญิงมีพระทัยเด็ดเดี่ยว ไม่เกี่ยงงานการต่างๆ ก็มีเหล่าเทพารักษ์มาช่วยทำแทนให้อีก พระเจ้าเมี่ยวจวงเข้าพระทัยว่า พวกแม่ชีไม่กล้าเคี่ยวเข็ญใช้งานหนัก ก็ยิ่งทรงกริ้วหนักขึ้น สั่งให้ทหารเผาวัดนกยูงขาวจนวอดเป็นจุณไป พร้อมกับพวกแม่ชีทั้งวัด มีแต่เจ้าหญิงเมี่ยวซ่านเท่านั้นที่ปลอดภัยรอดชีวิตมาได้
พระเจ้าเมี่ยวจวงทรงทราบดังนั้น จึงรับสั่งให้นำตัวราชธิดาไปประหารชีวิต เทพารักษ์คอยคุ้มครองเจ้าหญิงอยู่ โดยเนรมิตทองทิพย์เป็นเกราะห่อหุ้มตัว คมดาบของนายทหารจึงไม่อาจระคายพระวรกาย ดาบหักถึง 3 ครั้ง 3 ครา พระบิดาทรงกริ้วยิ่งนัก โดยเข้าพระทัยว่านายทหารไม่กล้าประหารจริง จึงให้ประหารนายทหารแทน แล้วรับสั่งให้จับเจ้าหญิงไปแขวนคอ ทว่าผ้าแพรที่แขวนคอก็ขาดสะบั้นลงอีก
ทันใดนั้นปรากฏมีเสือเทวดาตัวหนึ่งได้นำเจ้าหญิงขึ้นพาดหลังแล้วเผ่นหนีไปที่เขาเซียงซัน ต่อมา เทพไท่ไป๋ได้แปลงร่างเป็นชายชรามาโปรดเจ้าหญิง ชี้แนะเคล็ดวิธีการบำเพ็ญเพียรเครื่องดับทุกข์ จนสามารถบรรลุมรรคผลสำเร็จธรรม วันที่ 19 เดือน 6 ข้างฝ่ายพระบิดาเข้าพระทัยว่า เจ้าหญิงถูกเสือคาบไปกินเสียแล้ว จึงไม่ได้ติดใจตามราวีอีก
ต่อมาไม่นานบาปกรรมที่พระองค์ก่อไว้ส่งผล เกิดป่วยด้วยโรคร้ายแรง ไม่มียารักษาให้หายได้ เจ้าหญิงเมี่ยวซ่านได้ทรงทราบด้วยญาณวิถีว่า พระบิดากำลังประสบเคราะห์กรรมอย่างหนัก ด้วยความกตัญญูกตเวทีเป็นเลิศ มิได้ถือโทษโกรธการกระทำพระบิดาแม้แต่น้อย ทรงได้สละดวงตาและแขนสองข้าง เพื่อรักษาพระบิดาจนหายจากโรคร้าย ว่ากันว่า ภายหลังสำเร็จอรหันต์ ได้ดวงตาและพระกรคืน เคยแสดงปาฏิหารย์เป็นปางกวนอิมพันมือ องค์หญิงเมี่ยวซ่านนั้น ตอนแรกเป็นชาวพุทธ ตอนหลังเทพไท่ไป๋ได้มาโปรด ชี้แนะหนทางดับทุกข์ เหตุนี้พระโพธิสัตว์กวนอิมจึงเป็นเทพทั้งฝ่ายพุทธและฝ่ายเต๋าในเวลาเดียวกัน

 

คำถาม ...



ถ้าคุณมีพ่อที่ลุ่มหลงผิดทาง
คุณจะเดินตามรอย เชื่อเขา
หรือคุณจะเชื่อฟังเสียงสวรรค์?

 

เสียงสวรรค์ ไร้สำเนียง เป็นเพียงภาษาจิต
ที่มนุษย์ทุกคน ได้รับอยู่แล้วอย่างเท่าเทียมกัน
เพียงแต่ "เปิดใจ-ปรับจูน" คลื่นหัวใจให้ตรงกันเท่านั้น


เสียงสวรรค์ เสียงของสิ่งศักดิสิทธิ์ย่อมสถิตอยู่ ณ ดวงใจของเรา

 

sun dog ใช้หูทิพย์ไม่เป็น รับเข้ามาเป็นวิญญาณแล้วมันจะปรากฎเป็นเสียงหรือภาพตามสัญญาที่ตนเองใช้บ่อยๆ บางทีต้องตีความหมายเอาเอง ถึงวิญญาณเข้ามาตรงๆแต่เวลามันแสดงตัวจะเป็นการแสดงจากสัญญาที่เรามี ตนเองใช้สัญญามนุษย์ปัจจุบัน หากเป็นเรื่องในโลกวิญญาณจะเห็นเป็นภาพการ์ตูนหรือหน้าตาตัวละครในหนังเสียเป็นส่วนใหญ่และไม่ปะติดปะต่อ วิญญาณบางทีมาแวปเดียว แต่มีการแสดงมากมายบรรจุอยู่ในนั้น ตนเองมักไม่ละเอียดพอจะตามดู

 

คิดว่าไม่ได้ถามเรา แต่เห็นพอดี ตอบตามสัญญาที่ผุดว่า เดินตามอัธยาศัยตนเอง หากเหมือนพ่อก็เหมือน เหมือนสวรรค์ก็เหมือนจ้า

 

ไม่จำเป็นต้องมีหูทิพย์นะครับ
รู้ได้ด้วย "ใจ" เมื่อใจเปิดรับ
อย่างแรกก็เมื่อมีศรัทธาที่ตรง
ต่อมา จะเริ่มได้อะไรแปลกๆ
ยังแยกแยะไม่ถูก เหมือนเด็ก
เกิดใหม่ ไม่คุ้นชิน นานๆ ไป
จะค่อยๆ พัฒนาไปเองเหมือน
พัฒนาการของเด็กนั่นแหละครับ


สรรพสัตว์ทั้งหลายก็คือบุตรของพระเจ้า
คือ โอรสสวรรค์ ที่สวรรค์รอรับกลับอยู่แล้วนะครับ

 

ภาพก็จากสัญญาเรา เสียงก็จากสัญญาเรา
วิญญาณมาได้จากทุกที่ ทั้ง 3 ภพ
ตอนนี้ sun dog เห็นภาพได้ง่ายกว่าเสียงจ้า

เห็น 瑠璃王 <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->สวมชุดคล้ายตี้จั้งอ้วง แต่ไม่ใช่ มีแสงสีส้มๆ...แดงแล้ว...โอ๊ะเขียว...ขาว...ดำ เขียว

 

นาจา ด้านหลังนี่ธงมังกรแดง ?

 

ท่านผู้นั้นอาจช่วยเหลือผมอยู่
ถ้าคุณมีสมาธิลึกขึ้น ละเอียดขึ้น
จะเห็นกายทิพย์ระดับที่ละเอียดกว่านั้น


ปกติ จะมีพลังงานภายนอกครอบคลุม
ตัวผมอยู่ หลายๆ ชั้น พอยิ่งจะดู บางที
ก็จะมีพลังของท่านอื่นมาขวางอีกหลายชั้น
ไม่ค่อยมีคนเห็นข้างในผมจริงๆ หรอกครับ

 

เหนื่อยไหมลูก
.....

 

นาจามาช่วยดูแลบ่อยๆ
มาจากบารมีที่ผมขี่จักรยาน
มาทำหน้าที่ (สองวงล้อใต้เท้านาจาไง)
ทุกครั้งที่ผมทำหน้าที่ในเว็บ ต้องขี่จักรยาน
ผ่านสามหมู่บ้าน สามวัด เหนื่อยพอดู บางที ก็คิดว่า
จะมาทำหน้าที่ดีไหม เพราะมันเหนื่อยเหมือนกัน ขี่จักรยานน่ะ

 

มีดำๆอยู่ข้างใน และในดำๆมีดวงแก้วแสงสีขาวๆรัศมีน้ำเงินม่วง...มีรูปเจ้าแม่กวนอิมอยู่ในดวงแก้ว ศิษย์น้อมคารวะเจ้าแม่กวนอิม

 

ถนนไม่ค่อยดี ขอบพระคุณในธรรมทานจ้า

 

เจ้าแม่กวนอิมใส่ชุดขาว ถือกิงหลิว เอานิ้วชี้มาไว้ที่ปาก
ว่าพอแล้ว เบาๆหน่อย หัวเราะ สวย ใจดี

 

เจ้าแม่กวนอิมโยนทองมาให้ด้วยละ เราไปก่อนดีกว่า ท่าจะบ้าแล้ว

 

รูปเหมือนเจ้าแม่กวนอิม แต่จริงๆ แล้วอาจไม่ใช่
พระโพธิสัตว์กลุ่มหนึ่งมีลักษณะแบบนี้ "ทุกองค์"
เช่น พระจุณฑิ, พระนัตธีร์, พระ ฯลฯ ผมเรียกรวมๆ
ว่า "อวโลกิเตศวร" ถ้าท่านสื่อสารได้ จะลองถามดู
ว่า "นามท่านคืออะไร" ก็จะงงว่าทำไมเหมือนเจ้าแม่
กวนอิม แต่นามเป็นอย่างอื่น ถ้าชำนาญจะจำแนกได้
ครับ แต่ละท่านมีลักษณะต่างกันในรายละเอียดนิดเดียว


พลังดำ ปกติ จะทำหน้าที่ "ขวางเบื้องต้น" ครับ เมื่อ
เห็นพลังดำ แล้วผ่านด่านได้ แสดงว่าตาทิพย์มีพลัง
ทะลุทะลวงไปได้ขั้นหนึ่ง พลังดำบางชนิด ขวางเป็น
รูปส่เหลี่ยมเหมือนกำแพงเป็นชั้นๆ ก็มี กว่าจะทะลุได้
บางที เพ่งจนเหนื่อยเลย ...

 

ปฏิบัติธรรมนานนะ กว่าจะได้สัมผัสแบบนี้ ไม่น่าทิ้งโอกาสนะครับ
ลองพิจารณาธรรมสิครับ "ทอง" แล้วยังไงต่อละ?


...

 

รัก ตัวสีชมพู
...........................

 

ความลับของ "หัวใจ" ดวงใจที่มีผู้ครอบครองแล้ว ไง ...