วิธีการ "เพ่ง" หรือ "จับภาพพระ" ที่ถูกต้องเขาทำกันอย่างไร ?

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 6 มิถุนายน 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173
    ถาม : เวลาผมนั่งสมาธิถ้าเพ่งองค์พระมากไปนานๆ บางทีก็หลับไปเลย ถ้าผมจะฝืนไม่ให้หลับนั่งไปซักชั่วโมงกว่านี่ นั่งไปเรื่อยๆ มันรู้สึกว่าเวียนศีรษะครับ ?

    ตอบ : บางทีของเรามันใช้สายตามากเกินไปใช้ความตั้งใจมากเกินไป ลักษณะเพ่งก็คือจิตใจจดจ่อไว้ไม่ใช่ลูกกะตา เรามองรูปพระนึกภาพนั้นไว้ หลับตาลงนึกถึงภาพมันจะนึกได้ชั่วครู่แล้วเสร็จแล้วพอหายไป เราก็ลืมตาดูแล้วก็มองสบาย ๆ นี่แล้วหลับตาลงแล้วก็นึกถึงไว้ พอหายไปก็ลืมดูใหม่ทำลักษณะอย่างนี้ ไม่ใช่ไปจ้องให้ติดตาไม่ใช่ เขาให้จำติดใจ พอถึงเวลานี่หลับตาหรือลืมตาเรานึกได้ชัดเจนเสมอกัน อันนั้นก็เริ่มเป็นตัวอุปจารสมาธิ

    ถาม : และจำเป็นต้องไว้ในท้องไหมครับ ?
    ตอบ : แล้วแต่เรา ถ้าหากว่าฝึกใหม่ๆ ก็เอาไว้ข้างนอกนั่นแหละ พอเรามีความชำนาญเสร็จจะไว้ส่วนไหนของร่างกายก็ได้

    ถาม : มีผลเหมือนกัน ?
    ตอบ : มีผลเหมือนกัน จะไว้ข้างใน ไว้ข้างนอก จะไว้อย่างไรก็ได้

    ถาม : เห็นทางธรรมกายเขาบอก เอาเข้าไปลึกเลย เอาจิตซ้อนแล้วซ้อนอีก
    ตอบ : (หัวเราะ) ลักษณะนั้นมันเป็นการที่เรียกว่าให้จิตมันดิ่งลึกเข้าไปสู่สมาธิขั้นสูงขึ้นไปเรื่อยๆ พอเต็มที่ครบจนกระทั่งถึงธรรมกายก็คือ ฌาน ๔

    ถาม : ฌาน ๔ เลยเหรอ ?
    ตอบ : พอเริ่มเป็นดวงปฐมมรรค ก็เริ่มเป็นอุปจารสมาธิ

    ถาม : แล้วสมมติผมเคยนึกเพ่ง พอนึกไม่ออกมากๆ ไปเพ่งนี่เครียด บางทีท้องแข็งรู้สึกปวดท้อง
    ตอบ : เราก็เลิกซิ คลายอริยาบถออกมาทำอย่างอื่นไปก่อน พอรู้สึกว่ามันดีแล้วก็ค่อยไป

    ถาม : แล้วถ้านั่งทำจิตว่างๆ เฉยๆ ไม่คิดอะไรเลยแล้วมีความรู้สึกว่าพยายามจะให้รู้สึกมีสติตลอดเวลาอย่างนี้ใช้ได้หรือเปล่าครับ ?

    ตอบ : ก็ใช้ได้อยู่ เพราะจริงๆ แล้วต้องการให้มีสติอยู่เฉพาะหน้าแบบว่า ทำใจให้เฉยๆ นั่นบางทีมันเฉยแล้วไม่ได้ประโยชน์อะไร เราใช้สติรู้รอบในลักษณะคอยระวังไม่ให้นิวรณ์มันกินใจเราจะได้ประโยชน์มาก คอยดูเอาไว้ว่าใจเราความชั่วมันเกิดขึ้นมั้ย ? ตัวฉันทะ คือความพอใจ เราใช้คำว่า กามฉันทะ พอใจระหว่างเพศมีมั้ย ?

    แล้วก็ปฎิฆะ ตัวกระทบกระทั่งอารมณ์ใจของคนอื่นมีมั้ย ? อุทธัจจะ ความฟุ้งซ่านมีมั้ย ? อย่างนี้ ตัววิจิกิจฉา ความลังเลสงสัยในการปฎิบัติของเรามีมั้ย ? จริงๆ ก็คือว่าให้ใจเรารู้อยู่กับลมหายใจเข้า




    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 เมษายน 2012
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...