วิธีท่องยมโลกของหลวงพ่อ

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 15 กรกฎาคม 2007.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439


    [​IMG]
    ท่องนรกffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    <O:p></O:p>

    คิดจะผ่านผลงานที่ฟื้นแล้วเข้าสู่เกณฑ์อุปสมบท ก็พอดีท่านอาจารย์ใหญ่มาเตือนว่าไม่ควรผ่าน เพราะถ้าผ่านหนังสือจะหาผลยาก เราไม่ได้เล่านิทาน แต่ในการพูดตามความจริงไม่ใช่เรื่องที่จะกลัวการกล่าวหาว่าอวดวิเศษ ความจริงถ้าเรามีความวิเศษ ถ้าจะอวดก็ไม่ใช่ของแปลกเพราะมีอวด พระพุทธเจ้าท่านไม่ห้าม ท่านห้ามแต่พวกไม่มีของวิเศษแต่โกหกชาวบ้านว่ามีต่างหาก คนที่เขามีจริงก็เลยไม่อยากอวด เรื่องที่เล่าสู่กันฟังนี้ไม่ใช่เรื่องของผู้วิเศษ เป็นกฏของผลกรรม ท่านว่าพูดได้เต็มที่ไม่ต้องกลัวใครว่า ถ้าเขาไม่เชื่อเชิญเขาทำอย่างเมื่อเป็นเด็ก แล้วเชิญลองตายดู เมื่อตายแล้วถ้ามีผลไม่เหมือนกันจะปรับกันอย่างไรก็รับการปรับด้วยประการทั้งปวง ท่านผู้อ่านจะลองทำอย่างเด็กไร้เดียงสาไม่รู้จักธรรมวินัย ทำไปแบบนกแก้วนกขุนทอง พูดตามคนสอน แต่ไม่รู้เรื่องที่พูดอย่างฉันทำเมื่อสมัยเด็กบ้างทำให้ได้อย่างนั้น แล้วก็ตายจริงหรือลองตายก็ได้ เพราะผลตอนนั้นฉันมารู้เมื่อบวชแล้วว่า มันเป็นฌานและเป็นมโนมยิทธิ จะลองตายได้อย่างสบาย ตายนานตายเร็วก็ได้ ตายประเดี๋ยวเดียวหรือตายนับชั่วโมง ตายนับวันก็ได้ ตายไปหาสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านว่ามีแต่เราไม่เห็น ไปค้นให้พบตามต้องการ มันเป็นการตายเล่นโก้ๆและมีประโยชน์ ทดสอบคำสอนของพระพุทธเจ้าได้อย่างสบาย กรรมแบบนี้พระประเภทบวชเพื่อหนีสงสารท่านทำได้ทุกองค์ ไม่มีอะไรเป็นของแปลก เว้นไว้แต่พระที่บวชตามประเพณีหรือบวชนอกแบบไม่เข้าใจ จึงทำไม่ได้ เพราะกฏของพระที่บวชนั้นจำต้องปฏิบัติศีล สมาธิ และวิปัสสนาครบถ้วน เมื่อทำได้ครบถ้วนแล้ว กิจที่เด็กไร้เดียงสาทำได้เรื่องอะไรพระที่เป็นนักปราชญ์จะทำไม่ได้ เว้นไว้แต่ท่านจะไม่ทำเพราะเห็นว่ามีผลช้า ท่านจะมุ่งเอาอรหันต์ขั้นสุกขวิปัสสโก ก็เป็นภาระของท่านที่จะเว้นกรรม อย่างนี้เสีย เรื่องที่เด็กทำได้ผู้ใหญ่ทำไม่ได้ไม่เคยปรากฏมีในประวัติศาสตร์<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    เมื่อฟื้นคืนชีพแล้วฉันก็ชอบรักษาอารมณ์ เมื่อขณะฉันจะตายนี่ท่านอาจารย์ให้เล่าให้ฟัง ฉันก็ต้องเล่าให้ฟัง แต่ทว่าตอนนั้นเป็นเพียงปฏิปทาของเด็กอายุ ๑๒ ปี และฉันก็รักษามาจนถึงวันบวชพระ ฉันรักอารมณ์อย่างนั้น ฉันชอบท่องเที่ยวอย่างนั้น ฉันรักพระองค์ที่รูปร่างสวย มีรัศมีสว่างผ่องใส ฉันต้องเห็นท่านทุกวัน บางวันถ้าฉันว่าง ฉันเห็นท่านวันละหลายชั่วโมง ท่านเป็นพระใจดี ฉันเรียกท่านเมื่อไหร่ท่านมาหาฉันทันที เมื่อท่านมาหาฉัน ท่านยิ้มสวย รูปร่างท่านก็สวย ผิวกายก็ผุดผ่อง รัศมีก็สว่างสวยงาม ถ้าฉันอยากจะเห็นตัวท่านเป็นเพชรทั้งตัว เพียงนึกว่าอยากเห็นท่านเป็นเพชร ไม่ต้องออกปาก ตัวท่านก็เป็นเพชรทันที ท่านใจดี ฉันรักท่านมาก ทุกวันถ้าถูกใครว่าฉัน ฉันไม่สบายใจ ฉันก็หาที่ปลอดคนเรียกท่านให้มาหา วิธีเรียก ฉันยกมือไหว้ฟ้าแล้วก็กราบ ภาวนาว่าพุทโธ ๓ คำ เมื่อครบ ๓ คำ ท่านมาหาฉันทันที พอมาท่านยิ้ม ฉันก็หมดความทุกข์ใจ ถ้าฉันอยากไปดูนรก ฉันก็บอกท่านว่าผมอยากไปดูนรก เมื่อบอกท่านแล้วท่านไม่พูด ท่านยิ้ม พอท่านยิ้มฉันไปถึงที่เคยไปกับตาลุง ๔ คนทันที ไม่ทราบว่าไปได้อย่างไร ฉันคิดว่าอาการยิ้มของท่านเป็นการส่งฉันไป วันเวลาไม่แน่นอน จะเป็นกลางวันหรือกลางคืน ดีไม่ดีเวลาที่ฉันกินข้าวคนเดียวหรือดายหญ้าสวนที่ตำบลบางระมาด อำเภอตลิ่งชัน จังหวัดธนบุรี บ้านยายฉันอยู่ที่นี่ ฉันไปอยู่กับยายฉัน ฉันอยากไปนรกฉันก็วางมีด วางงานเสีย ภาวนาว่าพุทโธ ๓ คำ ท่านก็มาหา ฉันบอกว่าฉันจะไปดูนรก ท่านก็ยิ้ม ฉันก็ไปนั่งตรงที่ฉันนั่ง เมื่อฉันอยากเห็นขุมนรกไหน เขาทำอะไรกัน ฉันก็เห็นตามใจฉันนึก เหมือนกับฉันไปอยู่ในสถานที่นั้น แต่ทว่าฉันไม่เคยขอให้ท่านส่งไปสวรรค์หรือพรมโลก เพราะฉันไม่มีความรู้ เคยไปนรกก็ไปแต่นรก แต่ทว่าเมืองนรกก็มีคนลงไปใหม่ทุกวัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...