วิธีปราบไวรัสของคนโบราณ(ถอดเทป)

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย suekong, 23 พฤษภาคม 2018.

  1. suekong

    suekong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +638
    วิธีปราบไวรัสของคนโบราณ


    อาตมาป่วยมาเสียนาน ไม่ได้บันทึกเสียง ไม่ได้ออกข่าวให้บรรดาท่านพุทธบริษัททราบตามหนังสือ ทั้งนี้เพราะว่ากฎธรรมดาของร่างกาย มันก็เป็นอย่างนี้ ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัส ว่าเกิดแก่เจ็บตาย

    อาการป่วยจริงๆ บรรดาท่านทั้งหลาย มันป่วยมาตลอดชาติ แล้วความรุนแรงของอาการป่วยเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๒๕ ตั้งแต่นั้นมา อาการป่วยทวีขึ้นไปตามลำดับ และก็ถึงที่สุด การป่วยหนัก ปี พ.ศ. ๒๕๒๘ ตอนกลางพรรษาปรากฏว่า ป่วยถึงขั้นจะต้องเกือบตาย มีอาการเครียดอยู่หนัก แต่ก็ในที่สุด ร่างกายก็สามารถทรงขึ้นมาได้ ทั้งนี้ก็อาศัยพุทธบารมี คือบารมีพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ตลอดจนครูบาอาจารย์ทั้งหลายทั้งหมด เพราะพรหมและเทวดาท่านช่วย

    ถ้าพูดอย่างนี้ก็จะเป็นความฝันมากเกินไป แต่ก็เป็นความจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาท่านพุทธบริษัทชายหญิง ทั้งที่มีอายุแก่กว่าอาตมา เสมออาตมา อ่อนกว่า ขั้นลูกขั้นหลาน ต่างคนก็ต่างมีความป่วยไข้ไม่สบาย บางท่านถึงกับคอยฟังข่าว อย่างสมัยที่กลับมาจากอเมริกา ทุกคนก็ทราบว่าป่วยหนัก คือไปป่วยที่อเมริกา ไปถึงชิคาโกก็ดีอยู่ ๒ วัน หลังจากนั้นก็ป่วยเฉียบพลัน รวมความว่าการป่วยคราวนั้นเข้าถึงขั้นตายกันแน่ เพราะว่าปิดทั้งหมด ไม่สามารถจะคลายไข้ออกมาได้ อาการหนักมาก แต่ก็อาศัยพุทธบารมีคือบารมีพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอริยสงฆ์ พรหม เทวดา ตลอดจนกระทั่งหมอที่ทำการรักษา หมอที่รักษาชื่ออะไรก็ไม่ทราบ ลืมชื่อไปแล้ว ชื่อเขาจริงๆ อาตมาตั้งชื่อให้ชัยศรี เธอไปอเมริกาด้วย ช่วยจริงๆ คนนี้ไม่มีโอกาสที่จะได้เที่ยวเตร่กับเขา ทั้งนี้เพราะว่า การคบพระแก่ ช่วยส่งเสริมพระแก่ พยายามบรรเทาความทุกข์พระแก่ เธอก็ต้องแก่ไปด้วย คำว่าแก่ในที่นี้ก็หมายความว่า เขามาได้เที่ยวกัน เธอไม่ได้เที่ยว มีความห่วงใยเป็นพิเศษ แล้วก็พระก็ดี เณรก็ดี เณรไม่มีไป พูดติดปากไป คนทั้งหลายที่ไปก็ดี ต่างคนก็ต่างมีความห่วงใย แต่มันก็ยังไม่ตาย
     
  2. suekong

    suekong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +638
    ท่านพุทธบริษัท อยู่ชิคาโกหลายวันอาการป่วยไม่คลาย หนักจนกระทั่งไม่สามารถจะคุยกับใครได้ แต่อาศัยรวบรวมกำลังกายเท่าที่มีอยู่และกำลังใจ เวลาบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายจะมาเจริญกรรมฐานกัน ก็รวมกำลังกายกำลังใจอย่างหนักไปแนะนำพระกรรมฐานตามสมควร แต่ก็พูดไม่ได้มาก ให้ศีลได้ นำสมาทานได้ หลังจากนั้นก็คุยนิดหน่อยแล้วก็ต้องกลับมานอน

    ก็รวมความว่าหาความสุขไม่ได้ ออกจากชิคาโกมาเดนเวอร์ก็ยังป่วยอยู่ มาที่บ้านเดนเวอร์นี่อาศัยท่านเจ้าของบ้านผู้ใหญ่ มารดาของบ้านช่วยสงเคราะห์อีกแรงหนึ่ง ค่อยบรรเทาไปได้ กลับไปถึงแคลิฟอร์เนีย ตอนนี้บรรดาท่านพุทธบริษัท พอขยับเดินได้บ้าง การเดินก็ต้องไปที่โน่น ศูนย์การค้า แต่ไม่ได้ไปซื้อของ เพราะศูนย์การค้าเย็น ที่ชิคาโกก็หนาว เดนเวอร์ก็หนาว พอถึงแคลิฟอร์เนียปรากฏว่าร้อน ต้องอาศัยศูนย์การค้าเป็นที่เดินเพราะเย็น ใครเขาซื้ออะไรเป็นเรื่องของท่าน

    แต่ก็ไปตอนนี้ก็ขอพูดหน่อยหนึ่ง ว่าการไปต่างประเทศคราวนี้ไม่ได้รบกวนเงินสงฆ์ บรรดาท่านพุทธบริษัทชายหญิงที่ในประเทศไทยช่วยสงเคราะห์กันจริงๆ สองแสนเศษ แล้วก็บรรดาลูกหลานและบรรดาญาติโยมพุทธบริษัทที่อเมริกา ทั้งชิคาโก เดนเวอร์ และแคลิฟอร์เนีย ทั้งหมดก็ช่วยกันมาจริงๆ ล้านเศษ ฉะนั้นว่าเงินของท่านพุทธบริษัทที่ทำบุญมาส่วนอื่นไม่ได้รบกวน ได้มีโอกาสช่วยซื้อตั๋วเครื่องบินให้แก่พระ พระไปหลายองค์ เพราะพระทั้งหมดที่วัดท่าซุงมีความเหนื่อยยากมาก ให้ไปผ่อนคลายชีวิตบ้าง เป็นเงินของบรรดาท่านพุทธบริษัทที่ถวายมา ก็ซื้อเกี่ยวกับอุปกรณ์การศึกษาของนักเรียนจากอเมริกา หมดไปจริงๆ ประมาณหกแสนบาท เมื่อกลับมาถึงประเทศไทย ท่านช่วยการศึกษาอีกสี่แสนบาทเศษ ๔๓๒,๐๐๐ บาท แล้วก็นอกจากนั้น ก็นำมาในการก่อสร้างบ้าง เสียค่ากระแสไฟฟ้าพระบ้าง ก็เป็นอันว่าปิ๋วไป ก็หมดกันไป

    เป็นอันว่าเงินของบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย ทั้งในประเทศก็ดี นอกประเทศก็ดี มีประโยชน์ในสาธารณประโยชน์บ้าง แล้วก็ทำเป็นการสงเคราะห์พระสงฆ์ในพุทธศาสนาบ้าง ช่วยส่งเสริมพุทธศาสนาในการก่อสร้างและธรรมะบ้าง ขออาตมาก็ขออนุโมทนาแก่บรรดาท่านพุทธบริษัทที่มีเพื่อมีการสงเคราะห์คราวนี้ ขอความดีของบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหมดจงดลบันดาลให้ท่านทั้งหลายมีแต่ความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล และจงเจริญไปด้วยจตุรพิธพรชัยทั้งสี่ประการ มีอายุ วรรณะ สุขะ พละและปฏิภาณ ทุกท่านปรารถนาสิ่งใดขอให้ได้สิ่งนั้นสมความปรารถนา
     
  3. suekong

    suekong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +638
    ความจริงการพูดคราวนี้ไม่ได้มีความประสงค์จะพูดเรื่องการไปอเมริกาไปเที่ยวที่ไหนบ้าง สถานที่ท่องเที่ยวจริงๆ ก็คือที่นอน แต่ลูกหลานก็ดีแสนดีจริงๆ ในประเทศอเมริกาทุกคนแสนจะดีหมด ในประเทศไทยทุกคนก็แสนจะดีหมด แต่ปรากฏว่าเมื่อกลับมาถึงประเทศไทย บรรดาลูกหลานและพุทธบริษัทญาติโยมทั้งหลายที่มีความห่วงใย ต่างคนก็ต่างมาถึงฐานของความทุกข์ได้แก่การป่วยไข้ไม่สบาย แต่ส่วนใหญ่ก็หมายถึงจะเป็นเกือบทุกคน แต่คนที่รู้จักจริงๆ อาตมาคิดว่าทุกคน ต่างคนต่างนำจตุปัจจัยมาถวายเพื่อช่วยในการรักษาโรค มีหลายคนที่เข้ามาถามว่าหลวงพ่อป่วยไข้ไม่สบายเป็นยังไงบ้าง ก็ตอบว่ามันก็แย่มาก เป็นธรรมดาของร่างกาย ที่กลับเข้าไปซอยสายลมน่ะกำลังเพียบจัด วันศุกร์ที่เข้าไป วันนั้นหนักมาก อาการอักเสบของลำไส้หนักเป็นพิเศษ ก็ได้หมอ ๕ คนคือหมอจรูญ หมอมนตรี หมอชนะ หมอรัตนะ และก็หมอชัยศรี ชื่อจริงๆ นึกไม่ออก นึกเข้าแต่ชื่อที่แต่งตั้งให้ เรียกเธออย่างนั้นมันสบายดี รู้สึกว่าชื่อจริงๆ มันเพราะมากเกินไปเรียกไม่ถนัด ทั้ง ๕ คนมาคอยให้ยารักษาโรค

    แต่ก็เป็นการโชคดีจริงๆ วันนั้นบรรดาท่านพุทธบริษัทชายหญิงคิดว่าไม่รอด พอไปถึงดอนเมืองก็อาการเครียดจัด ออกจากดอนเมืองฉันข้าวเสร็จ ไปพักที่บ้านท่านพลอากาศโทอาทร โรจนวิภาค พอออกมาแล้วก็อาการหนักมาก นึกในใจว่าวันนี้ไม่วัดเทพก็วัดธาตุทอง อาจจะไปจำพรรษาตลอดกาลที่นั่นก็ได้ แต่อาการหนักมากเพียงใดก็ตามที จิตใจยังสบาย รู้สึกว่าเป็นของธรรมดา ก็ใจก็นึกถึงพระ ก็อาการป่วยมากเพียงใดก็ตาม จิตก็นึกถึงพระมากเพียงนั้น เพราะพระย่อมนึกถึงพระ การนึกถึงพระเป็นความดีส่วนหนึ่ง ที่ว่าส่วนหนึ่งคือความจริงถ้าพระต้องถือเป็นความดีสูงสุด แต่ว่าชาวโลกอาจจะคิดไม่ถึง จะคิดรึไม่ได้คิดถึงก็ได้เป็นของธรรมดา นึกถึงพระว่าวันนี้ถ้าจะตายก็เชิญตาย ขอไปตามวิถีทางที่เราตั้งใจไว้ ก็พอดีนึกถึงภาพพระ จิตใจก็ประหวัดถึงพระ มีความรู้สึกว่าวันนี้ยังไม่ตาย และความรู้สึกบอกต่อไปว่ายาที่หมอตัดสินใจถวายถูกต้องกับโรค อาการจะหายเร็ว

    ความจริงก็เป็นอย่างนั้น เมื่อถึงซอยสายลม บ้านท่านพลอากาศโทเสริม สุขสวัสดิ์ก็ปรากฏว่าพบหมอ หมอจัดยาไว้เรียบร้อยแล้ว ฉันยาเข้าไปแล้วก็หมอก็ให้น้ำเกลือ ฉีดยานอนหลับ ให้มีการพักผ่อน เมื่อตื่นจากหลับ น้ำเกลือหมดรึไม่หมดก็ไม่ทราบ หมอก็ยังนั่งเฝ้านอนเฝ้า สงสารหมอ ต้องทิ้งการงาน ทิ้งความสุขจากบ้าน รักษาโรคก็ไม่ได้เงิน เงินก็เสีย เสียในการซื้อยา เสียเวลามารักษา เสียค่ารถ และนอกจากนั้น รักษาเสร็จก็เสียสตางค์ให้พระผู้ป่วย ความดีของท่านทั้งหลายพวกนี้ลืมไม่ได้

    พอถึงสี่โมงเย็นอาการก็คลายตัว พอถึงหกโมงเย็นอาการคลายตัวมาก หลังจากนั้นเดินไปคุยกับบรรดาท่านพุทธบริษัทได้ รวมความว่ารอดชีวิตอีกคราวหนึ่ง ก็มีบรรดาลูกหลานและญาติโยมทั้งหลายถามถึงความสุขทุกข์ที่ท่านมีความรู้ว่าป่วย แต่บางท่านที่ไม่ทราบก็มีมาก อาการแสดงออกไม่ได้แสดงถึงว่าทุกขเวทนาเครียด การจะคุยกับบรรดาท่านพุทธบริษัทต้องรวบรวมกำลังใจอย่างหนัก สู้แค่หมดลมถ้าธรรมะ ถ้าอย่างอื่นไม่เอาด้วยแน่เพราะคนจะตายแล้ว ในที่สุดก็ชะลอชีวิตมาได้ มีท่านหนึ่งเข้ามาถามว่าหลวงพ่อป่วยมากไหม ทีนี้อีกท่านหนึ่งเข้ามาพาคุณแม่มาด้วย ความจริงท่านคณะนี้ท่านช่วยมานาน กำลังทรัพย์ก็ช่วยมาก แต่ว่าทุกคราวที่ช่วยเหลือไม่เคยบอกชื่อ มาคราวนี้ท่านช่วยบอกชื่อ เขียนชื่อมาให้ ๒ ท่าน และท่านหนึ่งพามารดามาถึงได้จำได้ว่าอ้อ คนนี้คือบุตรของคนนี้นั่นเอง แต่ว่าเจ้าของสงวนชื่อ ก็ต้องขอสงวนตาม ความดีของท่านที่เกื้อกูลตลอดมาลืมไม่ได้ จึงตั้งสถานที่สำคัญไว้หนึ่ง ห้องกรรมฐานและพระพุทธรูปชำระหนี้สงฆ์ ใส่ชื่อ..ของเจ้าของท่านไว้ หากว่าท่านทราบชื่อของท่านรู้ข่าวนี้ก็ขออภัยด้วย ที่ไม่มีโอกาสจะได้บอกเล่าเก้าสิบหรือขออนุญาตให้ทราบ เข้าใจว่าขออนุญาตเจ้าของคงไม่อนุญาตเพราะปกปิดมานาน แต่ความดีของท่าน ของคณะท่านทั้งหมด อดที่จะทำไม่ได้ ต้องทำ เพราะความดีต้องรับด้วยความดี ความดีก็สนองด้วยความดี
     
  4. suekong

    suekong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +638
    เวลานี้ก็ดึกมากบรรดาท่านพุทธบริษัท มันกำลังป่วย แต่อาการคลายตัวขึ้นมา ๓ วัน คลายขึ้นมาแล้วนะ ๓ วัน อาการพอดีบ้างมีกำลังพอใช้ได้บ้าง ซ้อมเดินมา ๒ วัน พอเดินได้ เวลานี้ยังลงตรงชั้นล่างกุฏิไม่ไหว รอบๆ กุฏิข้างบ่อทั้งในสวนทองหลางที่เคยเดินกลางวัน ตอนเย็น ก็ไม่สามารถจะไปได้ แต่เวลานี้ตี ๒ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย เป็นวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๓๐ ลืมบอกไป ตื่นขึ้นมานึกขึ้นมาได้ว่าจะคุยกับบรรดาท่านพุทธบริษัทผู้มีคุณ จะเป็นชั้นพี่ ชั้นแม่ ชั้นน้า ชั้นอา ชั้นหลานก็ตาม ชั้นลูกก็ตามก็ถือว่าเป็นผู้มีคุณ เพราะชีวิตอาตมาทรงอยู่ได้ก็เพราะท่านทั้งหลาย หากว่าท่านทั้งหลายไม่สงเคราะห์ อาตมาก็หมดโอกาสจะมาพูดแบบนี้ได้

    ก็จะเล่าเรื่องสู่กันฟัง การป่วยพ้นไป มาเมื่อไม่กี่วันมานี้ เมื่อวันที่ ๑๐ เอ้อวันที่ ๙ วันที่ ๙ มิถุนายน อาการป่วยพิเศษ คือก่อนหน้านั้น ๓ วัน นอนเพลินอยู่เห็นเลข ๙ ขึ้นชัดมากตัวใหญ่ แล้วก็มีวงกลม ภายในมีสีแดง ก็คิดในใจว่าสีแดงเป็นสัญลักษณ์ถึงการป่วย ถ้าจะป่วยอยู่แล้วก็จะมากขึ้นต้องดูสี มากหรือน้อยต้องดูสี ถ้าสีแดงจัดก็ป่วยมาก สีแดงน้อยก็ป่วยน้อย แต่สีแดงจัด ถ้ามีเลข ๙ อยู่ภายในก็คิดว่าวันที่ ๙ เราต้องป่วยแน่ เขาบอกวันที่ให้เสร็จก็เป็นความจริงตามนั้น พอถึงวันที่ ๙ อาการก็เครียดหนัก พอถึงวันที่ ๑๐ เวลาสามโมงเช้าเก้านาฬิกา ว่าซะสองอย่างบางคนเรียกสามโมงเช้าบางคนเรียกเก้านาฬิกา ก็เกิดปัสสาวะไม่ออก ความจริงไม่มีทีท่ามาก่อน อาการตายเริ่มปรากฏ อยู่ๆ ก็ปัสสาวะไม่ออกเฉยๆ เมื่อปี ๒๘ มันเป็นมาแล้วครั้งหนึ่ง ก็ให้พรนุช คืนคงดีโทรศัพท์บอกหมอจรูญ เพราะคุณหมอทั้ง ๕ คนน่ะห่วงใยมาก รักษาทั้งที่กรุงเทพ ติดตามไปทั้งที่วัด ยอมอดหลับอดนอนเสียเงินเสียทอง เสียเวลาการงานไม่เป็นไร และนอกจากนั้นยังเตรียมห้องไว้ ถ้าหลวงพ่อป่วยหนักเมื่อไรจะเข้าห้องได้ทันที ความดีของหมอทุกคนและทุกท่านที่ห่วงใยลืมไม่ได้ เป็นความดีสูงสุดขั้นยอดชีวิต

    ก็มานั่งคิดว่าพอถึงวันที่ ๙ ป่วยหนัก วันที่ ๑๐ ปัสสาวะไม่ออก ก็คิดว่าการอย่างนี้ต้องผ่า ก็นึกในใจว่าจะผ่ามันทำไม การผ่าตัดก็เจ็บ เจ็บแล้วมันก็ไม่หาย เจ็บแล้วก็ตาย เจ็บครั้งนี้รักษาหายต่อไปก็เจ็บใหม่อาจต้องถูกผ่าอีก ผ่าซ้ำผ่าซ้อนรักษาซ้ำรักษาซ้อนแบบนี้ไม่ควรจะมีต่อไป เพราะการเกิดมีชีวิตมาอย่างนี้ก็พอแล้ว อายุ ๗๐ ปีเศษนี้พอ นานพอ แล้วจะไม่พอจริงๆ มันเบื่อเหลือเกิน เบื่อมานานแล้ว ก็การงานก็ทำหนัก อาการก็เครียดหนัก ป่วยก็ป่วยหนักขึ้นทุกวัน ตัดสินใจว่าการป่วยคราวนี้ก็ขอเป็นการป่วยครั้งสุดท้าย ทุกขเวทนาใดๆ จะมีก็ให้มันมีตามใจมัน เราจะตายเร็วเราจะตายช้ามันก็ตายเหมือนกัน ก็ไม่ควรจะมาประวิงเวลา ก็ตายเสียเวลานี้ก็หมดเรื่อง ความจริงเรื่องนี้ตัดสินใจมาจากอเมริกาแล้วก็ควรจะตาย และเรื่องระยะจากอเมริกากว่าจะถึงวันที่ ๑๐ มิถุนายนน่ะตัดสินใจมา ๓ ครั้ง มันเครียดจริงๆ เหลือทน ต้องใช้กำลังใจหนักมากเป็นพิเศษ แต่บรรดาท่านพุทธบริษัท ก็น่าอัศจรรย์ ตัดสินใจแน่นอน ใช้ใจดูกายว่าส่วนใดบ้างของร่างกายที่คุมก็ติด ตรวจดูแล้วมันไม่ติดกันแน่ มันช่วยกันไม่ได้จริงๆ ประสาทเสียหมด ประสาททุกอย่างตายด้าน ก็คิดว่าคราวนี้ควรจะตาย ถ้าถามว่าใครตายก็ปล่อยให้ร่างกายมันตาย จิตใจมันตายไม่ได้แน่ หาที่ไป เมื่อพร้อมแล้วจิตก็เป็นสุข
     
  5. suekong

    suekong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +638
    พอถึงเวลาเป็นสุข บรรดาท่านพุทธบริษัท ปรากฏว่าพระปรากฏองค์ พระท่านมา ท่านก็บอกว่าร่างกายเนี่ยมันไม่ดีจริง ต่อก็ไม่ติด แต่ว่าชีวิตยังไม่ควรจะดับ ก็กราบเรียนถามท่านว่า ถ้าชีวิตไม่ดับอะไรจะทรงอยู่ ในเมื่อประสาทมันใช้งานไม่ได้ ท่านบอกควรจะอยู่ ถามท่านว่าจะอยู่ได้ยังไง ในเมื่อเวลานี้กินก็ไม่ได้ นอนก็ไม่หลับ ปัสสาวะก็ไม่ออก มันก็ควรจะตายวันนี้ การอยู่ไปไม่ได้เกิดประโยชน์ ถ้าผ่าไม่ผ่าแน่ จะปล่อยให้มันทรงทุกขเวทนาไปนี่ ในที่สุดมันก็ต้องตายเอง พระท่านก็ตอบว่ารอก่อน ชีวิตเป็นของมีค่า ก็นึกในใจ ไอ้ชีวิตระยำหมานี่มันมีค่าตรงไหน มันเลวแสนเลว มีแต่ความทุกขเวทนา เราก็อดก็ทนมาด้วยประการทั้งปวง ต่อไปนี้ไม่ขออดไม่ขอทน อะไรก็ตามที จะช่วยใครต้องช่วยด้วยการคล่องตัว ถ้าการคล่องตัวไม่มีก็ไม่ช่วยใคร เพราะช่วยท่านแล้วเราก็ไม่หมดทุกข์ เราไม่ช่วยท่านเราทุกข์น้อย เราช่วยท่านเราทุกข์มาก เรื่องบุญเรื่องกุศลก็พอ พอสมควรแก่ชีวิตที่เลวทรามแบบนี้ ร่างกายเต็มด้วยความสกปรกโสโครก เต็มไปด้วยความเลว ต้องการอะไรมันอีก มานึกว่าอะไรบ้างที่ยังบกพร่องในการบุญการกุศล คิดแล้วก็มองเห็นได้ว่าไม่มีอะไรเลย เราทำพร้อมทุกอย่าง สิ่งใดที่จะพอถ้าบังเอิญจะไปเกิดใหม่เป็นคน สิ่งนั้นก็เพียบพร้อมแล้ว ฉะนั้นก็พร้อมมาแล้ว ก็สิ่งใดที่บังเกิดเป็นเทวดาก็ตาม เป็นพรหมก็ตาม ก็พร้อมแล้ว สิ่งใดที่จะไม่กลับมาเกิดสิ่งนั้นก็พร้อมแล้ว ทุกอย่างเมื่อพร้อมก็ไม่จำเป็นต้องมาทุกข์ใหม่ต่อไป ตัดสินใจว่าควรจะไปกันแน่

    พระท่านก็บอกว่ายังไม่ควร ก็กราบเรียนท่านว่าไม่ควรก็ต้องควร เพราะคราวนี้ไม่ยอมผ่า ถึงยังไงก็ไม่ยอมผ่า โรงพยาบาลก็ไม่ยอมเข้า เพราะการเข้าโรงพยาบาลความเป็นใหญ่อยู่ที่หมอ ความเป็นใหญ่ไม่อยู่ที่คนไข้ เมื่อหมอจะทำอะไรก็ต้องตามใจหมอ ในเมื่อหมอทำให้ยังไงก็ตามมันก็ต้องตาย วันนี้ไม่ตายวันหน้าก็ตาย ปีนี้ไม่ตายปีต่อไปก็ตาย เพราะฉะนั้นต้องตายกันแน่ ในเมื่อจะตายก็ขอให้ตายระยะใกล้ๆ ไม่ทรมานมาก ท่านก็นิ่ง ในที่สุดท่านก็บอกว่าไม่ต้องผ่า จะอยู่ได้ไหม ก็กราบเรียนท่านว่าถ้าร่างกายมันอยู่ด้วยดีก็อยู่ ร่างกายอยู่ไม่ดีก็ไม่ขออยู่ เพราะอยู่ไม่มีประโยชน์มีแต่ทุกข์ ท่านก็เลยบอกว่าเอาล่ะ ต่อไปฉันจะช่วยให้ค่อยๆ ดีขึ้น อย่าใจเร็วนักนะ ท่านก็บอกว่าอาการคราวนี้ไม่ต้องผ่า เพราะโรคคราวนี้ไม่ได้เป็นเพราะลูกหมากอักเสบ ลูกหมากโต ความจริงเนื้ออุจจาระมันแข็งจัดในกระเพาะอุจจาระแล้วก็มาเบียดท่อปัสสาวะทำให้ปัสสาวะไม่ออก เธอจงดูว่าเป็นความจริงตามนั้นไหม ท่านก็ชี้ให้ดู เมื่อดูแล้วก็ทราบตามความเป็นจริง

    ท่านก็บอกว่าการล้างท้องหมอย่อมไม่พอใจ แต่ถึงอย่างไรก็ดี เธอต้องล้างท้อง ถ้าไม่ล้างทุกขเวทนาจะหนักกว่านี้และก็ยังไม่ตาย ท่านพูดแล้วก็นึกหนักใจ เพราะว่าถ้าล้างท้องบังเอิญมันไม่หายจะว่ายังไง ท่านก็บอกว่าเอางี้ก็แล้วกัน ตอนบ่ายสองโมงไปรับแขกตามปกติ แต่ความจริงการรับแขกก็หง่ำหงำเต็มที พูดกับแขกก็ไม่ไหว นั่งเป็นตุ๊กตาเป็นสังฆานุสติไปเรื่อยๆ ไป ถึงเวลาก็กลับ กลับมาก็จัดการให้เจ้าหน้าที่ทำการล้างท้อง ก็เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ พอล้างท้องเสร็จปัสสาวะก็พุ่งโชนทันที ท้องโล่งหมดทุกข์ไป ก็ว่าร่างกายก็เพลียนิดหน่อย แต่ความจริงการล้างท้องก็เพลียมาก อาตมาไม่เคยเพลียมากเลย ที่ไม่รู้สึกเพลียเพราะประสาททั้งร่างกายมันตาย ถ้าพูดอย่างนี้ท่านทั้งหลายที่ไม่ป่วยเองไม่ทราบ หมอถ้าพูดตามหลักวิชาก็ไม่ทราบ แล้วร่างกายตายจะทรงอยู่ได้ยังไง อันนั้นเป็นเรื่องของพระ ถ้าพระจะพึงทราบตามความเป็นจริง และก็พอดีหมอที่โรงพยาบาลแม่และเด็กชื่อว่าอะไร เขาเขียนตำรามาให้ขออ่านดู เธอชื่อว่าคุณหมอวุฒิชัยหรือนายแพทย์วุฒิชัย วงสัน อะไรน้อ วงศ์สันกรรึไงไม่ทราบเขาเขียนมานะ ก็อ่านไม่ค่อยออกนะ ก็เรียกว่าหมอวุฒิชัย วงศ์สันกร เธอนัดว่าจะมาประมาณใกล้ๆ ๔ โมงเย็นหรือ ๑๖ นาฬิกา จะจัดมาสวนปัสสาวะออก
     
  6. suekong

    suekong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +638
    ก่อนที่หน้าคุณหมอจะมาประมาณสักสามโมงครึ่งหรือ ๑๕ นาฬิกา ๓๐ นาทีประมาณนี้ ก็ลงไปพักคอยหมอ นอนอยู่บนเตียงมันเพลียหน่อยก็หลับตา หลับตาก็ภาวนาตามปกติก็เรียกว่าตามเรื่องราวของพระ จิตก็คิดว่าเอ็งจะตายก็เชิญตาย เอ็งไม่ตายเราก็อยากให้เธอตายแต่ไม่ตั้งใจจะฆ่า เราอยากจะไปบ้านของเรา บ้านอยู่ที่ไหนเป็นเรื่องที่เราจะพึงรู้ ในฐานะที่เป็นสาวกขององค์สมเด็จพระบรมครู ถือว่าเรื่องตายเป็นของธรรมดา เรื่องกินเรื่องใหญ่ เรื่องตายเรื่องเล็ก เพราะเกิดมากินมากตายน้อย นั่นคือกินหลายไม่รู้นับ อิ่มไม่ถ้วนแต่ตายครั้งเดียว ตายครั้งเดียวก็ถึงที่สุดกัน ก็นึกในใจว่าหากมันจะตายก็เชิญตาย ก่อนจะตายขอยึดพระเป็นที่พึ่ง ก็ภาวนาทำจิตสบาย บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย พอจับลมหายใจเข้าหายใจออกเพียงแค่ไม่ถึง ๒ รอบจิตก็เคลิ้ม จิตก็เคลิ้มหมดความรู้สึกภายนอกก็ปรากฏว่าฝัน นอนฝัน ฝันกลางวัน สุนัขนอนล้อมรอบ นั่นก็ฝัน

    แต่ความจริงเรื่องสุนัขนี่บรรดาท่านพุทธบริษัท อาตมาขอพูดสักนิดหนึ่ง เพราะว่าไปป่วยที่อเมริกาอาการมันเหมือนกับสุนัขป่วย คำว่าสุนัขป่วยหมายความว่าอาตมานั้นมีสุนัขอยู่มาก ความจริงมันสองตัวพ่อแม่ แต่ว่าในที่สุดมันก็กลายเป็นหลายสิบตัว แค่สองตัวพ่อกับแม่เท่านั้น ทั้งลูกทั้งหลานมากมาย เจ้าสุนัขนี่ก็เหมือนลูก ถ้ามันออกใหม่ๆ ไอ้เจ้าแม่ก็ต้องพามา เวลาออกมาใหม่ลูกยังเดินไม่ค่อยได้ เวลากลับมาจากรับแขกเจ้าแม่ก็ไปคอยดักหน้าประตู พอเข้าประตูบริเวณกุฏิมันก็เดินนำหน้าพาไปหาลูกเอาเจ้าลูกขึ้นมานอนบนตัก ตอนเล็กๆ ตักก็นอนหลายตัว ถ้าหลายแม่แต่ละแม่ก็มาคอย ออกจากแม่นี่แม่นั่นก็พาไปห้องของตัว มันเป็นอย่างนี้สุนัขคล้ายลูกเพราะมีความรักในมัน มันมีความซื่อสัตย์สุจริตดี ไอ้พวกสุนัขเจ้าพวกนี้มันตายไปหลายตัว อาการที่เป็นก็คือว่าวิ่งเล่นอยู่ดีๆ มีแรงมาก พออาการไข้จับปั๊บมันจะหมดแรงทันทีและก็ลุกไม่ขึ้น ท้องอืดถ่ายไม่ออก ในที่สุดก็ตาย รักษาไม่หาย แต่พอดีหมอจรูญ หมอมนตรี หมอชนะอะไรก็ตามแล้วก็มีท่านสัตวแพทย์ท่านหนึ่งจากกรุงเทพ ไม่รู้ชื่อท่าน แก้ชีวิตหมาไว้มาก หลายตัว กำลังจะแย่ท่านหมอผู้นี้ไปถึงให้การเยียวยารักษาหาย ความดีของท่านลืมไม่ได้ เป็นความดีสูงสุด

    เอาล่ะบรรดาญาติโยมพุทธบริษัท ว่าจะพูดหน่อยหนึ่งก็หมดเวลาไป ๓๐ นาที ต่อนี้ไปก็ขอหยุดไว้นิดหนึ่ง ขอต่อมาหน้าใหม่ของเทปอีกสักนิดนะ เพราะว่า แหมกว่าจะเข้าเรื่องได้ก็นานเหลือเกิน ก็ขอหยุดเท่านี้ เดี๋ยวๆ ขยับใหม่ๆ
     
  7. suekong

    suekong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +638
    เมื่อพูดถึงหมาหรือสุนัข อาการเป็นสุนัขเป็นอย่างของสุนัขเป็นอย่างนั้น ตอนที่ไปป่วยอยู่ชิคาโกก็มีความรู้สึกว่าอาการที่เป็นอย่างนี้เหมือนสุนัขจริงๆ ทั้งๆ ที่มีแรงอยู่ เป็นปุ้บปั้บก็ล้มฉับพลัน ก็คิดในใจก่อนที่จะหลับ ว่าอาการอย่างนี้อาจจะมาเชื้อของสุนัขที่เป็นไข้ก็ได้ ที่หมอมนตรีเคยเตือนไว้ประจำปี บอกว่าไอ้ไวรัสที่มันเป็นสุนัขอาจจะระบาดมาติดหลวงพ่อได้ ควรสุนัขไปอยู่ข้างนอก ถ้าอย่างนั้นยังไงก็ทำไม่ได้เพราะไปอยู่ที่ไหนสุนัขมันก็ล้อม ถ้าวันไหนแกไม่ได้เห็นรู้สึกว่าแกไม่สบายใจ วันไหนไปเลี้ยงอาหารถ้าไม่ไปด้วยแกก็เหงา ก็รวมความว่าสุนัขก็เหมือนลูก ยังไงๆ ก็แยกกันไม่ได้

    และก่อนจะหลับก็คิดว่า ก่อนจะภาวนาจะหลับคิดว่าไอ้เชื้อแห่งสุนัขที่สุนัขมันป่วยไวรัส ไอ้คำว่าไวรัสนี่เขาแปลภาษาไทยว่ายังไงก็ไม่ทราบ เขารัดก็รัดกับเขาด้วย คำว่าไวรัสเขาไม่ได้แปลไว้ ที่ไหนก็รัด ที่ไหนก็รัด อาตมาจะวินิจฉัยศัพท์ก็เป็นต้องถือว่ามันรัดไวๆ นั่นหมายความว่ารัดปับก็ล้มปุบ ขยับตัวไม่ได้ รัดเสียแน่นแล้วก็ไม่ยอมปล่อย คราวนี้อาจจะเป็นเพราะไวรัสประเภทนั้น

    เมื่อจิตประหวัดถึงไวรัสก่อนจิตก็เคลิ้มลง ภาวนาก็เคลิ้มลงก็หมดความรู้สึกก็น่าจะเป็นหลับ หลับหรือไม่หลับก็ช่าง ฝันแล้ว ขณะที่หลับลงไปก็มีความรู้สึกว่าเห็นพระท่านมา พระท่านมาอยู่ข้างหน้า ท่านก็ถามว่าสงสัยเรื่องอาการโรคใช่ไหม ก็กราบเรียนท่านบอกว่าใช่ ฝันนะ ญาติโยมทั้งหลาย อย่าลืมว่านี่เรื่องฝัน ท่านก็บอกว่าเธอสงสัยเรื่องไวรัสใช่ไหม ก็ตอบท่านว่าใช่ ท่านบอกว่าคำว่าไวรัสหรือคือเชื้อโรคประเภทนี้มันมาทางอากาศ และก็โรคที่เธอเป็นนี้ก็เป็นความจริง มันก็เป็นเชื้อที่มาจับกับสุนัขหรือจับกับหมา ทำให้หมาป่วย แต่ว่าไม่ใช่หมาส่งโรคให้แก่เธอ การที่จะป่วยไข้ได้เจ็บก็ต้องเป็นเรื่องกฎของกรรม มาจากเศษของปาณาติบาต ฉะนั้นโรคชนิดนี้เมื่อเกิดขึ้นไม่ควรจะโทษสุนัข เธอจะมีสุนัขอยู่ใกล้หรือไม่มีสุนัขอยู่ใกล้เธอก็ต้องป่วย เจ้าโรคประเภทนี้ไม่ได้ออกมาจากสุนัข ไม่ได้เกิดจากสุนัข มันอยู่ในอากาศ

    ท่านก็ชี้ให้ดูในบริเวณกุฏิ ในอากาศแหงนหน้าขึ้นไปใกล้เพดานไวรัสเต็มหมด มันเต็มขนาดที่เรียกว่ายัดกันแน่นเอี้ยด หาช่องว่างไม่ได้ ดูภาพไวรัสท่านบอกภาพของไวรัสมันมีรูปร่างลักษณะแตกต่างกันเยอะ มีและดูหลายพวกไม่เหมือนกัน จำได้สามสี่พวกคือพวกหนึ่งตัวยาวๆ คล้ายไส้เดือนแต่มันยาวมาก ยาวนิดหน่อยลักษณะการยาวกลม ลักษณะที่สองลักษณะกลม กลมป่อง กลมเหมือนกระสุน ลักษณะที่สามเป็นตัวเหลี่ยม แต่ก็ไม่ใช่สี่เหลี่ยม มันเป็นเหลี่ยมเหมือนข้าวหลามตัด แบนๆ เหมือนข้าวหลามตัด เป็นเสี้ยวแบบนั้น ลักษณะที่สี่เท่าที่จำได้หัวโตๆ แล้วก็เรียวไปนิดหน่อยไม่ยาว จากตอนกลางก็ไปเป็นเกลียว
     
  8. suekong

    suekong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +638
    ท่านบอกว่าลักษณะที่เธอเป็นคราวนี้อาการของไข้จากไวรัสตัวเกลียว ท่านว่าไอ้ไวรัสตัวเกลียวน่ะมันร้ายแรงมาก ก็ถามท่านว่าถ้าไวรัสมีลักษณะอย่างนี้ การสูดเข้าไปทางลมหายใจ หลอดคอก็ดี ทางปากก็ดี ทางจมูกก็ดี เข้าไปแล้วมันจะทำอะไร ก็เหมือนกับละอองฝนที่ไปปะจุดใดจุดหนึ่ง ท่านบอกว่าไม่ใช่ยังงั้น มันจะเข้าไปเกาะกินเม็ดเลือดและตามส่วนต่างๆ ของร่างกายทำให้ประสาททรุดโทรม เส้นประสาท ประสาทจะหมดกำลัง แต่การเข้าไปมันมากก็ขอดูการเข้าไปว่าอยู่ที่ไหนบ้าง มันอยู่มากมายเหลือเกิน ก็ถามท่านว่าไอ้แค่เข้าไปแตะยังงี้จะมีโทษยังไงมันไม่มีกำลัง ท่านก็บอกว่าเท่าที่เห็นนี่มันเป็นแต่เพียงเปลือกนอกของมันเท่านั้น จริงๆ แล้วเฉพาะไวรัสที่มันกินเธอมันเข้าไปทำลายเธอเวลานี้รูปร่างลักษณะเป็นอย่างนี้ ก็เห็นเป็นตัวมีหัวเหมือนกับ ฮ. แต่มีขายาวมีก้ามและมีเขี้ยวแล้วก็หางยาวๆ หน่อยๆ ท่าทางเป็นสัตว์ที่มีความดุร้ายมาก ท่านบอกว่านี่ลักษณะจริงๆ ของมันเป็นอย่างนี้ ก็เลยถามท่านว่าการทำลายและป้องกันจะทำยังไง

    ท่านว่าวิธีป้องกันก็ดี ทำลายก็ดี วิธีของโบราณน่ะดีที่สุด ก็กราบเรียนถามท่านว่าวิธีโบราณเขาทำยังไง ท่านก็บอกว่าคนที่มีความยากจนเขามีความยากจนแล้วก็อยู่ไกล ไม่ใช่ไกลความเจริญ ไกลแบงค์ ไกลเงินเหรียญ ไกลธนบัตร เขาอยู่ไกลธนบัตรไกลเงินเหรียญ ที่บ้านหาธนบัตรไม่ได้ หาเงินใช้ไม่ได้ก็แล้วกัน เมื่อหาเงินใช้ไม่ได้ทำยังไง เวลาจะนอนมุ้งก็ไม่มีจะกาง ยุงก็กินลูกกินตัว เจ้าสุนัขที่เลี้ยงไว้มันช่วยเป็นยามรักษาบ้านมันก็ไม่มีมุ้งจะนอนเจ้าของก็สงสาร เจ้าวัวหรือควายเป็นพาหนะเลี้ยงชีพ มันเลี้ยงคนวัวและควายนี่ มันจึงมีชีวิตอยู่เพื่อการเลี้ยงคนจริงๆ มันก็ไม่มีมุ้ง มันหนาว หามุ้งไม่ได้ เจ้าของทำยังไง ตัวเองก็ลำบาก ยุงกัด สุนัขก็ยุงกัด เจ้าวัวหรือควายเป็นพาหนะใหญ่ก็ยุงกัด

    ในที่สุดก็ต้องสุมไฟให้เป็นควัน พอไอ้ที่เป็นควันรมเข้ามาในบ้าน รมเข้ามาในคอกควายไล่ยุง ควันหนาจริงๆ ยุงทนไม่ไหวยุงก็หนีไป อาการอย่างนี้ท่านบอกว่าคนที่เขามีความร่ำรวย ที่เขาบอกเขาถึงความเจริญแล้วเขาบอกมันเป็นภัย ควันอาจจะเป็นเหตุให้เกิดโรคทางปอดหรือเป็นวัณโรคเป็นต้นได้หรือมะเร็งได้ ท่านบอกว่าแต่คุณค่าของควันมีประโยชน์ใหญ่มาก นั่นคือทั้งป้องกันและทำลายแบคทีเรีย ก็นึกในใจว่ามันเป็นความจริงยังไง ท่านบอกควันเข้าไปถึงไหน..... แบคทีเรียที่นั่นตายหมด อีในช่วงนั้นไปหมด ถ้าลอยเข้ามาใหม่ก็ตายอีก ควันมันจะดึงดูดแบคทีเรียที่อยู่ในวงใกล้ไม่ไกลนักเข้ามาเผาผลาญล้มตายหมด แต่ว่าถ้าไฟถ้าเป็นเปลว ไฟถ้าเป็นเปลวนี่จะเป็นช่องว่าทำลายแบคทีเรียได้ดีมาก
     
  9. suekong

    suekong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +638
    ท่านก็บอกว่าอย่าเอาไฟไปจุดบ้านนะ เพียงแค่สุมไฟให้เป็นเปลว เป็นเปลวแบคทีเรียจะลงมาตายมากแล้วดึงแบคทีเรียใกล้ๆ อากาศจะเกิดการช่องว่าง เพราะว่าอากาศว่างไม่หนาแน่นไปด้วยตัวแบคทีเรียที่ยัดเยียดกัน ความว่างเกิดขึ้นอากาศก็มีการเคลื่อนไหวนั่นคือลม พอลมมาแล้วก็ดึงเอาแบคทีเรียต่างๆ ที่ไหลอยู่ไม่ไกลเกินไปนักมาลงในกองไฟ แบคทีเรียก็ตายหมด ทีนี้หมดโรคหมด...หมดในช่วงนั้น ต่อมาเมื่อเปลวไฟหมด เจ้าของก็เอาของเปียกๆ ชุ่มๆ มาโปะทับเข้า ควันก็เกิด ตอนนี้ก็ทำลายแบคทีเรียอีกตอนหนึ่ง

    รวมความว่าท่านบอกวิธีของโบราณและก็อยู่ไกล ไม่ได้ไกลความเจริญแต่ไกลแบงค์ ไกลธนบัตร ไกลเงินไกลทอง เขาก็มีความยากจน เขาไม่มีความรู้ในการทำลายแบคทีเรีย ไม่รู้จักคำว่าแบคทีเรียคืออะไร แต่ความจริงไม่ใช่แต่โบราณนะ อาตมาเองก็โบราณเจ็ดสิบปีเศษไม่ไกลนัก ก็ยังไม่รู้จักแบคทีเรียเลย รูปร่างจริงๆ เป็นยังไงเพิ่งได้เห็นตอนพระท่านให้ฝัน ฝันพระท่านชี้ให้ก็เห็นมันเต็มไปหมด ในที่สุดก็ว่าทราบวิธีป้องกันและทำลาย

    ตามความรู้สึกในความฝันในคราวนั้นท่านบอกว่า เวลานี้หมอมาแล้ว เตรียมเครื่องสวนปัสสาวะมาด้วย มากับพยาบาล เธอตื่นเสียที ลืมตาได้ หมอมา พระก็หายไป สะดุ้งตัวตื่น ก็มองเห็นว่าอ้อ หมอมาพอดี หมอกำลังกราบ ก็จึงลุกขึ้นมาคุยกับหมอ แต่ความจริงหลอกหมอบอกว่าจะสวนปัสสาวะ แต่ว่าตอนนี้เรื่องปัสสาวะมันหมดไป ก็ไม่มีการที่ต้องสวนกันอีก แล้วก็ลืมบอกหมอ ก็คุยกับหมอ อาการที่คุยกับหมอวุฒิชัยนี่เธอคุยเก่ง เป็นคนน่ารัก ชื่อวุฒิชัย แล้วก็วงศ์สัน วงศ์สันกร เธอผู้นี้คุยเก่งมีท่าทางสุภาพเรียบร้อยจริยาดีเข้าถึงคนดีมาก ถ้าพูดภาษาชาวบ้านเขาเรียกประชาสัมพันธ์ดี เธอสังคมดี คนนี้ขอสรรเสริญว่าคนนี้ไปอยู่ที่ไหนคนไข้ตายยาก เธอมีลีลาการคุยดีมาก สร้างความเพลิดเพลินสร้างความชื่นใจ จิตวิทยาก็สูง

    เมื่อเธอมาแล้วก็คุยกันแทนที่จะบอกให้หมอสวน พออาการเจ็บปวดก็ลืม เห็นหน้าหมอก็ถามหมอบอกว่า หมอ ก็ไอ้ไวรัสนี่มันเป็นยังไงนะ ฉันอยากจะทราบ คุณหมอก็บอกว่าคำว่าไวรัสนะครับ ผมก็ทราบตามตำรา แต่จริงๆ แล้วตัวมันเล็กมาก กล้องจุลทรรศน์อย่างดีมองไม่เห็น ก็เลยเข้าใจว่าเท่าที่รู้ ต้องมีนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ เป็นนักวิทยาศาสตร์ใหญ่ มีเครื่องจับภาพได้ดีกว่ากล้องจุลทรรศน์ที่ใช้กันอย่างดี แต่ไอ้กล้องจุลทรรศน์อย่างดีที่ใช้กันน่ะ เขาก็ยังดีกว่าคือสามารถเห็นตัวได้ ก็ถามว่าหมอ ไวรัสรูปร่างลักษณะเป็นยังไง เธอก็บอกว่าตามตำรามันมีมากครับ แต่ลักษณะที่จะบอกก็ ๑) ตัวกลมยาวนิดหน่อย ตัวกลมและก็ตัวเป็นเหลี่ยม และก็ตัวกลมมีเกลียว ก็เธอก็บอก ๒-๓ ลักษณะ แต่บอกว่าความจริงมีมากผมก็จำไม่ได้ มันก็เป็นการบังเอิญไปตรงกับความฝันพอดี ฝันเมื่อกี้นี้ แต่ก็บอกหมอว่าเอ้อ เมื่อกี้ฉันฝันไป ฝันว่าเห็น จำได้แค่รูปร่างลักษณะที่คุณหมอบอกเหมือนกัน แต่ความจริงมันมีมาก ในกุฏิฉันนี่เต็มไปหมด ข้างนอกก็เต็มหมด ถามถึงวิธีป้องกัน คุณหมอก็บอกว่าวิธีป้องกันและวิธีทำลาย แต่ว่าคุณหมอแกไม่บอก ก็ไม่ทราบเหมือนกันลืมไป นี่เวลาป่วย
     
  10. suekong

    suekong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +638
    เวลานี้มันก็ใกล้จะตีสามแล้ว ถึงวิธีทำลาย หมอเขาก็ไม่ได้บอก ลืม ถ้าบอกก็ลืม แต่รวมความว่าคุยกันเรื่องไวรัส คุยกันไปคุยกันมาก็เลยบอกหมอ เมื่อกี้ฉันฝันไป ซึ่งพระท่านบอกว่าวิธีโบราณดีที่สุดนั่นคือควันไฟและเปลวไฟ คุณหมอก็บอกว่าเอ๊ะที่โรงพยาบาลผมไม่รู้จะสุมตรงไหนดี ก็เลยบอกว่าไม่ได้บอกให้หมอไปไล่ในที่นี้ ฉันว่าฉันฝันไปว่ายังงั้น แต่รูปร่างลักษณะบังเอิญมันเหมือนกัน ก็คุยกันไปคุยกันมาเวลาก็มากไปเกือบชั่วโมง คุณหมอก็บอกว่าหลวงพ่อครับ อาการของโรคมันเป็นแล้วก็อาจจะเป็นใหม่ได้ รักษาหายอาจจะเป็นใหม่ได้ เธอก็ทวนการมาของเธอ ท่านบอกว่าการจะสวน ความจริงเวลาเสียไปมาก จะสวนดีหรือไม่สวนดี ก็เลยบอกคุณหมอบอกว่าการสวนหรือไม่สวนก็พักกันไปก่อน กิจแห่งการสวนไม่มี ทั้งนี้เพราะกลับมาล้างท้อง ปัสสาวะมันไหลแล้ว ถามหมอว่าตามธรรมดาน่ะปัสสาวะไม่ออกล้างท้องมันหายไหม ท่านก็ยิ้ม

    ก็บอกว่าก่อนที่หมอจะมาตอนเวลาประมาณบ่ายโมง ฉันก็นอนภาวนาไป มีความรู้สึกว่าพระท่านมา ท่านบอกว่าไม่ต้องล้างท้อง เพราะเท่าที่เป็นนี่อุจจาระมันแข็ง และก็มันเต็มกระเพาะ มันไปดันเอาท่อปัสสาวะตีบ น้ำจึงไม่ไหล เวลานี้ก็ล้างท้องแล้วตามพระท่านแนะนำแล้วก็ปัสสาวะคล่องตัว เรียกว่าไม่ต้องสวนกัน หมอก็บอกว่าดี แล้วคุณหมอก็เลยลากลับเพราะมีคนไข้คอยอยู่ แต่ความจริงถ้าบอกคุณหมอแต่แรก คนไข้ที่คอยอยู่ก็ไม่เสียเวลา

    อาตมาเป็นพระแก่นี่บรรดาท่านพุทธบริษัท ก็ลืมห่วงใยคนอื่น เวลานั้นร่างกายรู้สึกมันดีขึ้น อาการปวดต่างๆ ก็คลายตัว เมื่อคุณหมอลากลับไปแล้วก็บอกให้พรนุช คืนคงดีว่าลองสุมไฟในห้องนี้ พระท่านแนะนำไว้ ใช้ถาดใส่น้ำรอง เอาเตาถ่านมาตั้งบนถาดบนน้ำ ที่มีน้ำแล้วก็เอาถ่านใส่ แล้วก็เอากาบมะพร้าวใส่ให้เป็นควัน ท่านสั่งให้ปิดหน้าต่างประตูให้หมด ปล่อยควันอบอยู่ประมาณสักหนึ่งชั่วโมง แล้วก็เปิดหน้าต่างประตู ดับไฟเสีย แล้วเอาไฟไปเก็บที่อื่น เปิดพัดลมให้ควันกระจายออก อย่างนี้ท่านบอกกำลังเชื้อโรคแบคทีเรียภายในจะสลายตัว วันรุ่งขึ้นเธอก็ทำตามนั้น

    อาตมากลับจากรับแขก อาการป่วยตอนนี้ดีมากบรรดาท่านพุทธบริษัท เวลานั่งรับแขกคุย บางคนก็สังเกตได้ว่าป่วย บางคนไม่สังเกตก็ไม่ได้ทราบ บางทีกำลังไออยู่แค้กๆๆ มีบางท่านถามว่าหลวงพ่อสบายดีหรือครับ ก็น่าสลดใจคนเดินไม่ไหว จะเดินขึ้นไปก็ต้องมีคนประคอง และก็เสียงก็ไม่มี กำลังไอแค้กๆ เขาถามว่าสบายดีหรือ
     
  11. suekong

    suekong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +638
    ก็เรื่องธรรมดาของคน บรรดาท่านพุทธบริษัท คนที่มีความรู้สึกรอบคอบก็มี ลืมความรอบคอบก็มีเป็นของธรรมดา ถ้าโดยตามธรรมดาแล้วถ้าไออยู่ก็ไม่น่าจะถามว่าสบายดีหรือ ถ้าคนไอสบายชาวบ้านก็อยากไอกันหมด วิธีการไอมันก็ไม่ยาก แต่ว่าใครเขาไอทีไรเขาหาทางกำจัดกันเมื่อนั้น เมื่อเธอทำอย่างนั้นแล้วตอนวันรุ่งขึ้นอาตมาก็กลับ การป่วยคราวนี้กลับมาทีไรนอนแบบทุกที สรงน้ำเสร็จฉันยาเสร็จก็นอนฟุบไปเลย อย่างดีก็จากห้าโมงเย็น พอจะคลายตัวลุกได้สองทุ่มบ้างสี่ทุ่มบ้าง มันก็ไม่ไหวจริง การเดินก็ต้องประคับประคอง ขาก็แกว่ง หัวก็หนัก มันก็มีการมึนงง ตาก็ลายพร่าพราวไปหมด แรงก็ไม่ดี ทีนี้คิดว่าการตายเสียคราวนี้เป็นของดีที่สุด แต่เราก็ไม่มีสิทธิ์ในการฆ่าตัวตาย หลังจากนั้น หลังจากล้างปัสสาวะแล้ว ขอ...เล่าลัด เวลามันเหลือไม่มาก

    เล่าลัดๆ ไป ว่าการใช้ยาก็รู้สึกว่ามีการคล่องตัว อาการโรคค่อนข้างเบา เบาลงไปทีละน้อยๆ จนกระทั่งต่อมาก่อนหน้านี้สี่วัน คือวันนี้วันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๓๐ วันที่ ๑๕ วันที่ ๑๔ รึ ๑๓ รึวันที่ ๑๒ คือว่าเป็นวันที่ ๑๒ หรือวันที่ ๑๑ ก็ไม่ทราบ จำไม่ได้ วันนั้นตอนเย็นก่อนอาบน้ำก็มีเสียงบอกสั่งอาหาร วันพรุ่งนี้ฉันข้าวเวลาเพลให้ใช้อาหารแบบนี้นะ แต่ความจริงข้าวเม็ด ข้าวสวยนี่บรรดาท่านพุทธบริษัท ฉันไม่ได้มานาน มันฉันได้วันสองวันพอฉันได้บ้างเป็นเม็ดข้าวสวยก็ต้องเลิกไป ฉันแต่น้ำข้าวต้มบ้าง ฉันวุ้นเส้นม้วนๆ เส้นต้มแทนข้าวบ้าง ก็เลยชะลอชีวิตอย่างที่ชาวบ้านเขาไม่ทำกัน วันนั้นท่านมาสั่งฉันข้าว ให้ทำอาหารพิเศษ นั่นคือทำน้ำปลา ผสมน้ำปลา ก็มีอันไหนบ้างไม่ทราบ หนึ่งน้ำปลา และก็สองเห็ดดอง และก็สามมะเขือเทศ อะไรบ้างก็ไม่ทราบจำไม่ได้ พรนุชเขาจำได้ พรนุชกับจำปีเป็นแม่ครัวจำได้ เขาทำให้ก็ไปคลุกข้าวกินรู้สึกมันก็มีรสมีชาติ ฉันข้าวก็ได้ตามสมควรไม่มากนัก

    ต่อมาค่อยๆ ทวีดีขึ้นท่านก็มาสั่งอาหารทุกวัน เมื่อก่อนนี้ท่านย่าสั่งแต่ต่อมาก็พระสั่ง อาหารเฉพาะวัน วันพรุ่งนี้ตอนเพลฉันอย่างนี้นะ วันนั้นฉันอย่างนี้ สั่งเฉพาะอาหาร อาหารที่ท่านสั่งมีประโยชน์ไม่ใช่รสอร่อย และก็ฉันของท่านได้แต่ไปแตะอย่างอื่นมันถอนตัว ก็ต้องฉันอาหารโดยเฉพาะ อาการก็ค่อยคลายขึ้น คลายขึ้นตามลำดับ มาวันนี้เป็นวันที่มีแรงจริงๆ ได้สี่วัน ถึงวันนี้นะ เมื่อวานนี้เมื่อวันที่ ๑๔ ตามธรรมดาแล้วเดินหน้ากุฏิก็ไม่ไหว วันที่ ๑๔ นอนลงไปห้าโมงเย็น อาบน้ำฉันยาเสร็จก็นอน ถึงหกโมงเย็นใช้ภาษาโบราณก็แล้วกันนะ ไอ้สิบห้านาฬิกาสิบเจ็ดนาฬิกาไม่เอากันละเดี๋ยวจะหาว่าใบ้หวย ห้าโมงเย็นถึงหกโมงเย็นมีความรู้สึกว่ามีการขับถ่ายเข้าส้วม ก็เข้าไปส้วมเสร็จถ่ายเสร็จล้างส้วมแล้วก็จะกลับเข้ามาที่นอนก็มีเสียงบอกว่าให้ขึ้นไปชั้นสี่ อาตมานอนชั้นสาม

    ก็ถามเสียงว่าจะขึ้นไปไหวรึ แค่เดินชั้นนี้ฉันก็แย่แล้ว การจะขึ้นจะลงพระก็ต้องประคอง อย่างพระอนันต์นี่ห่างตัวไม่ได้ ต้องคอยจับขึ้นมามันจะหล่นบันได เดินก็ซวนจะล้ม พระอื่นๆ ท่านก็ห่วงแต่ว่าท่านอยู่ไกล พระอนันต์อยู่ด้วย ก็พรนุชกับเจ้าเปี๊ยกสองคนก็ช่วยกัน ติดตามกันไป ก็เกรงมันจะล้ม แต่ความจริงถ้าเผลอก็ล้มทันที มีไม้เท้าไม้เท้าก็ต้องยันกันตลอดเวลา ขาก็แกว่งหูก็หนัก ก็เวียนหัวขาก็ไม่มีกำลัง ขาก็แข็ง มันเดินนิ่มนวลก็ไม่ได้ต้องเดินเร็วๆ มันยกขึ้นไปเองผลักตัวไปเอง ไอ้อาการป่วยขนาดนี้ก็ถามเสียงว่าฉันจะขึ้นไหวรึ เสียงบอกต้องขึ้นไหว ก็ถามว่าจะไหวได้ยังไง ก็เสียงก็บอกว่า เป็นเสียงผีนะไม่เห็นตัว ขึ้นเถิดฉันจะช่วย รวมความว่าขึ้นบันไดชั้นสี่ ไอ้ขานี่ก็เหมือนกับไม่มียาง หน้าเท้าเหยียบลงไปมันก็รู้สึกแข็งๆ เหมือนกับยางแข็งๆ มันไม่ค่อยจะอ่อนตัว ก็พยายามขึ้นชั้นสี่ ชั้นสี่หลังคาไม่เต็ม ด้านหน้าไว้เป็นชาน ด้านหลังเป็นชานไว้ตากอากาศ
     
  12. suekong

    suekong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +638
    พอออกไปที่ชานลมดีมาก รู้สึกมีกำลัง ก็พยายามเดินบนชั้นสี่ประมาณหนึ่งชั่วโมง การเดินค่อยคล่องตัวทีละน้อยๆ รู้สึกว่ามีกำลังขึ้น หลังจากนั้นทุ่มเศษๆ ประมาณทุ่มครึ่งก็ลงมา ลงมาชั้นสาม ลงมาก็ยังไม่เข้าห้อง ไปเดินที่หน้ากุฏิชั้นสาม พอเดินอากาศก็ร้อนลมหยุดต้องเข้าไปในห้องหนีความร้อน

    รวมความว่าวันนั้นรู้สึกมีแรงดีอยากจะทำงานแต่ทำไม่ได้มาก หยิบโน่นสวนนี่นิดหน่อย ไม่มีอะไรหนักแค่หยิบของข้างๆ ตัวมันรกรุงรัง เท่านี้ก็เวียนศีรษะก็ล้มตัวลงนอน มีก็มีป่วยมานานแล้วก็มีคราวคืนวันที่สิบสี่เป็นคืนแรกที่นอนรวดเดียวจากระยะหกทุ่ม ตื่นตีสามครึ่ง แล้วก็เท่านั้นแหละ ไม่หลับอีก ก็นานนับเป็นปีมาแล้วนะเพิ่งนอนรวดเดียวขนาดนี้ นอกนั้นนอนชั่วโมงสองชั่วโมงก็ต้องตื่น และก็อาการป่วยคราวนี้นี่พอตื่นขึ้นมาประมาณตีสามเศษๆ ก็ยกมือไหว้พระนอนภาวนา คิดว่ามันไม่หลับอีก ก็มีความรู้สึกว่าเห็นพระท่านมา พระอะไรก็ตาม เห็นพระท่านมาท่านบอกว่าคุณ จากวันนี้ไปอาการจะเริ่มคลายตัวแต่อย่าประมาทนะ ขึ้นชื่อว่าการเกิดแก่เจ็บตายเป็นของธรรมดา มันจะเริ่มคลายตัว อาการที่คุณเป็นที่แล้วมาคุณสังเกตหรือเปล่า ว่าทวารหนักของคุณมันปิดไม่อยู่แล้ว

    นี่เป็นความจริงบรรดาท่านพุทธบริษัท นอนขี้ไหลให้เขาล้างเขาซักกันมาตั้งแต่อเมริกาและก่อนหน้าไปอเมริกา เหมือนกับเด็กอ่อนจริงๆ ตื่นขึ้นมาก็อุจจาระมันก็เปื้อนที่นอน ท่านบอกทวารหนักมันเปิด อาการอย่างนี้เป็นอาการของความตาย แต่ว่าฉันก็ดี ท่านทั้งหลายก็ดียังให้เธอตายไม่ได้ พยายามทำทุกอย่างเพื่อความเป็นอยู่ของเธอ แต่ทั้งนี้ไม่ต้องการให้เธออยู่เฉยๆ ฉันต้องการงานของฉัน งานของฉันยังมี เวลานี้เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ร่างกายจะเริ่มค่อยๆ ดีขึ้น ให้ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดานะต้องป่วย ป่วยก็ต้องป่วย แก่ต้องแก่ เหนื่อยต้องเหนื่อยต้องมีแน่ ขอให้ตั้งอกตั้งใจช่วยกัน คำว่าช่วยกันช่วยประทังความสุขให้เกิดกับคน สร้างความไว้ใจคนให้เกิดกับคน แนะนำเขาว่าการเกิดแก่เจ็บตายเป็นของธรรมดา ทุกขเวทนาบีบขนาดไหนบอกเขาให้ทราบ แต่ว่ากำลังใจของเธอเป็นยังไงท่านถาม ก็กราบเรียนท่านว่าผมกำลังใจสบายมาก มีความสุข ท่านถามว่าป่วยทำไมจึงมีความสุข ก็กราบเรียนท่านบอกว่า ที่นี้ความสุขไม่ใช่เพราะคน ไม่ใช่มีความสุขเพราะอาการป่วยและร่างกาย เป็นความสุขที่เกิดขึ้นเพราะร่างกายนี้มันจะพังคือหมดทุกข์กันเสียที ไอ้บ้านระยำหลังนี้คือร่างกายไม่ต้องการมันอีกแล้ว มันมีทุกขเวทนา ต้องการอยู่บ้านที่มีความสุข อยู่ที่ไม่มีความทุกข์ ท่านก็บอกว่าเธอคิดถูกแต่ยังคิดต่อไปไม่ได้ ต้องช่วยกันก่อน

    เอาล่ะบรรดาท่านพุทธบริษัท ก็หยุดกันแค่นี้ดีกว่ากระมั้ง เวลานี้เสียงนาฬิกาตีเท่าไรก็ไม่ทราบ โต๊งเต๊งๆๆ มันจะใกล้ถึงตีสี่แล้วล่ะมั้ง ก็ว่าอีโหลโถเหลๆ ไปยังไม่ได้กินยาเลยเนี่ย เดี๋ยวต้องกินยาซะหน่อยจะประมาทมากเกินไป ก่อนที่จะจบก็ขอบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายผู้มีคุณ อาตมากล่าวอย่างนี้อย่าคิดว่ายกย่องท่านมากเกินไปนะ มันยังไม่พอกับความดีของท่านทั้งหลาย ทุกคนช่วยทุกอย่าง ต้องการอะไรมีความขัดข้องอะไรช่วยทุกอย่างไม่ได้พร่อง บางคนแม้แต่ยัดเยียด ต้องเจียดต้องสรรจริงๆ ในทรัพย์สินก็พยายามช่วย ความดีอย่างนี้หาไม่ได้อีกแล้ว ชาติต่อไปถ้าเกิดใหม่จะหาคนดีอย่างนี้ได้หรือไม่ได้ยังไม่แน่ แต่ที่แน่ๆ ก็เวลานี้ทุกท่านช่วยจริงๆ ถือว่าเป็นผู้มีคุณอย่างหนัก การป่วยไข้ไม่สบายก็ช่วยกันในการรักษาโรค พวกที่มาไม่ได้ก็ส่งปัจจัย บางคนก็ถึงกับนั่งรถ...เหลืองมาดูอาการ นี่แหละบรรดาทุกท่านความดีของท่านเป็นอย่างนี้ แล้วก็มีหลายคน คนประจำ มีหลายจุด ช่วยจริงๆ การป่วยก็ช่วยกัน การเงินการทองของใช้อาหารการบริโภค ...สงเคราะห์ในความเป็นอยู่แต่ไม่ยอมบอกชื่อ มาถึงก็ถวายหลวงพ่อนี่ทำบุญเจ้าค่ะนี่ถวายเป็นส่วนตัวหลวงพ่อ ไอ้ความที่ส่วนตัวหลวงพ่อมันปึกใหญ่ ที่เหลือใช้ก็เข้าสงฆ์ไป เป็นความดีของท่าน

    เอาล่ะบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย เวลาพูดนี่อาจจะว่าเขาจะลอกยากไปหน่อย เพราะลิ้นมันก็แข็ง แต่ก็อาศัยความดีของบรรดาท่านพุทธบริษัท ขอเทิดทูนความดีของท่านไว้ ขอท่านทั้งหลายจงทรงความดีของท่านตลอดไป และความดีที่ท่านทั้งหลายทำคราวนี้จงดลบันดาลให้ท่านทั้งหลายมีความสำเร็จทุกอย่าง ปรารถนาสิ่งใดขอให้ได้สิ่งนั้นสมความปรารถนา และทุกคนจงเป็นผู้ชนะความทุกข์ด้วยประการทั้งปวง ในที่สุดนี้ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผลจงมีแด่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนผู้รับฟังและผู้อ่านหนังสือทุกคน สวัสดี
     

แชร์หน้านี้

Loading...