วิธีสู้กับกามราคะ

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 21 มีนาคม 2011.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173
    <TABLE class=alt1 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    พระอาจารย์ กล่าวถึงเรื่องกามราคะว่า "เมื่อครู่มีเรื่องที่น่าสนใจ ท่านผู้กำลังเป็นตำนาน เขาบอกว่า จากการดำเนินชีวิตที่ผ่านมา สิ่งที่ไม่ดีอะไรก็ตาม สามารถใช้วิธีเลิกหักดิบได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเหล้า เป็นบุหรี่ เป็นยาบ้า แต่ทำไมเรื่องกามราคะหักไม่สำเร็จ? สงสัยจะหักผิดที่..! ถ้าหักถูกที่คงเลิกได้แล้ว

    เรื่องอื่นมันเป็นสิ่งที่เราไปเสาะหาเข้ามาในชีวิต แต่ กามราคะมันเป็นสัญชาติญาณที่ฝังอยู่เบื้องลึกของจิตใจ ต่อให้ใจเราไม่ต้องการ สภาพร่างกายมันก็คอยบังคับ คอยกวนอยู่เสมอ ดังนั้น..วิธีแรกให้เลี่ยงมันก่อน

    วิธีของ หลวงปู่หล้า วัดภูจ้อก้อ รู้ว่ารบแล้วไม่ชนะแล้วอย่าไปรบ แต่ให้หลบ ท่านบอกว่า "รู้จักเป็นนักหลบเสียบ้าง อย่าเป็นนักรบอย่างเดียว" รบไปแล้วตาย ยังไปรบอยู่ถือว่าโง่..!

    ในเมื่อหลบได้แล้ว เราก็เพาะสร้างกำลังของเรา คือ สมาธิให้ทรงตัว ถ้าสมาธิทรงตัว จะกดรัก โลภ โกรธ หลงให้นิ่งสนิทได้ชั่วคราว โดยเฉพาะกามราคะคือส่วนของรัก

    ในเมื่อกดมันนิ่งได้ชั่วคราว เราก็ซักซ้อมตัวสมาธิให้คล่องตัว ให้คล่องตัวขนาดที่เราตั้งใจจะทรงสมาธิเมื่อไรก็ได้เมื่อนั้น คราวนี้ก็เป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกันแล้ว

    เหลือแต่ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นทุกข์เห็นโทษของมันว่า มันก่อทุกข์ก่อโทษ สร้างเวรสร้างภัยให้เราจนเกิดนับชาติไม่ถ้วนถึงปัจจุบันนี้ ควรที่จะพอกันทีหรือยัง? ถ้าเราเห็นว่าควรที่จะพอกันทีแล้ว จิตก็จะเห็นว่า ควรจะเบื่อหน่ายคลายกำหนัด ถอนความต้องการตรงจุดนั้นออกมา

    ถ้าถึงเวลานั้นแล้ว เราจึงจะชนะมัน ไม่ใช่ว่าจะไปใช้วิธีหักดิบ ไม่ถูกหรอก ยกเว้นหักถูกที่..! ความจริงเขาก็สงสัยถูก กำลังใจเขาเข้มแข็งมากนะ อยากจะเลิกอะไรเขาเลิกได้ทุกอย่าง แต่ทำไมเลิกราคะจึงเลิกไม่ได้"




    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 มิถุนายน 2013
  2. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173
    .

    "เมื่อครู่ที่กล่าวถึงเรื่องของกามราคะว่า ถ้าหักถูกที่ก็จบไปแล้ว จริงๆ ไม่จบนะจ๊ะ เพราะถ้าเราศึกษาประวัติศาสตร์จีนดู จะเห็นว่าบรรดาขันทีต่างๆ ที่โดนจับตัดอวัยวะเพศทิ้ง แต่กำลังผลักดันทางเพศ ก็เปลี่ยนไปในเรื่องบ้ายศบ้าตำแหน่งแทน

    ท้ายสุดก็สะสมอำนาจ กลายเป็นซ่องสุมกำลังส่วนตัวบ้าง ควบคุมฮ่องเต้เพื่อบัญชาการให้ได้อย่างใจตนเองบ้าง เพราะฉะนั้น..เรื่องของอารมณ์ทางเพศ เป็นปกติของการเกิดมามีสภาพร่างกายอย่างนี้ ในเมื่อเรามีร่างกาย รัก โลภ โกรธ หลง ที่เป็นสมบัติของร่างกายก็ต้องแสดงออกเป็นปกติธรรมดา


    สำคัญตรงที่ว่า ทำอย่างไรที่เราจะไม่ไปให้ความสนใจ ถ้าใจของเราไม่ไปร่วมมือนึกคิดปรุงแต่งด้วย ราคะก็จะไม่สามารถที่จะเจริญงอกงามได้ อย่างที่เคยบอกไปแล้วว่า ถ้าลวกเส้นก๋วยเตี๋ยวแล้วใส่น้ำเปล่ามาให้ ใครจะไปอยากกิน ? เพราะไม่เป็นรสเป็นชาติ แต่ถ้าเราไปเติมน้ำส้ม เติมน้ำปลา ใส่หมูสับ ใส่กระเทียม ใส่พริกไทย อะไรต่อมิอะไรลงไปเยอะแยะ ยิ่งใส่ก็ยิ่งอร่อย เราก็อยากกินไม่เลิก

    ดังนั้น..สิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่ว่าจะรัก โลภ โกรธ หลง อะไรก็ตาม สำคัญตรงที่ว่าจิตเราไปร่วมปรุงแต่งด้วยหรือเปล่า ? ถ้าหากว่าหยุดการปรุงแต่งได้ ดังที่บอกแล้วว่า อวิชชาปัจจะยา สังขารา อวิชชาเป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร คือ การปรุงแต่ง ถ้าเราไม่ปรุงแต่งเสียอย่าง กิเลสก็ไม่สามารถจะก้าวหน้างอกงามต่อไปได้ ก็จะโดนตัดจบลงแค่นั้น"



    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มีนาคม 2011
  3. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173
    .

    ถาม : อย่างนี้การที่เราเห็นว่าคนนั้นสวย แล้วไม่ได้คิดต่อ เป็นสักแต่ว่าเห็นหรือยัง หรือที่เห็นว่าสวยเราปรุงไปแล้ว ?

    ตอบ : ปรุงแต่งไปเรียบร้อยแล้ว ถ้าเห็นว่าสวยก็ไปไกลแล้ว หยุดไม่ทันหรอก ต้องสักแต่ว่าเห็น ไม่ได้ไปคิดว่าสวยหรือไม่สวย ชอบใจหรือไม่ชอบใจ เป็นของเราดีหรือไม่ ต้องไม่มีการคิดแบบนี้ ถ้ามีเมื่อไรแสดงว่าไม่ทัน โดนกิเลสจูงจมูกไปแล้ว ถ้าเกินกว่านั้นราคะก็จะกำเริบ

    ถาม : อย่างสมัยก่อนที่ท่านทำ ท่านใช้กำลังของสมาธิ หรือใช้อะไรจัดการ ?

    ตอบ : ใช้หลายๆ อย่าง บางทีสมาธิก็ไม่เอาเลย บางครั้งเราทรงสมาธิต่อเนื่องกันเป็นเดือนๆ เหมือนกับเราชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม จนหม้อจะระเบิด ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไปได้ ถึงขนาดต้องขออนุญาตหลวงพ่อนั่งรถทัวร์มากรุงเทพฯ

    ไม่ได้มาทำอะไรหรอก นั่งรถมาถึงกรุงเทพฯ พอลงที่สถานีขนส่งหมอชิต (เก่า) ก็สั่งอาหารมาฉัน เสร็จเรียบร้อยแล้วก็นั่งรถกลับ ออกจากวัดประมาณแปดโมงกว่า มาถึงหมอชิตก็ราวๆ เพล แค่ให้สภาพจิตพ้นไปจากความเคยชินเดิมๆ ในทุกวัน พอได้มองฟ้ามองดิน เห็นทุ่งนาเขียวๆ จิตก็เริ่มผ่อนคลาย จึงเริ่มภาวนาได้ใหม่

    ไม่อย่างนั้นเหมือนกับแบตเตอรี่ที่เต็มจะระเบิดอยู่แล้ว สมัยนั้นยังต้องใช้วิธีนี้ช่วยเลย ดังนั้น..ในเรื่องของการปฏิบัติ ต้องมีการเปลี่ยนอิริยาบถบ้าง เปลี่ยนสถานที่บ้าง เพื่อไม่ให้จิตของเราคุ้นชิน

    ที่พระท่านจำเป็นจะต้องธุดงค์ ส่วนหนึ่งก็คือว่า เพื่อไม่ให้จิตคุ้นชินกับสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง จนกระทั่งลดความแหลมคมลงไป ไม่อย่างนั้นถ้าเคยชินเมื่อไร จะนอนหลับสบาย ไม่อยากจะลุกขึ้นมาภาวนา แต่ถ้าเป็นสถานที่ไม่คุ้นชิน ไม่รู้ว่าจะมีอันตรายอะไรหรือเปล่า จิตเราจะตื่นอยู่ตลอดเวลา




    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มีนาคม 2011
  4. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173
    .

    ถาม : เรื่องกามราคะ มีบทความเขาเขียนว่า สมอไทยเป็นผลไม้ที่พระพุทธเจ้าบัญญัติให้เป็นยา เพราะว่าสมอไทยบำรุงทุกอย่าง ยกเว้นอย่างเดียว คือ ไม่บำรุงกำหนัด นอกจากไม่บำรุงแล้วยังลดอีกด้วย

    ตอบ : ดูท่าจะไม่จริง เพราะอาตมาก็ฉันมาหลายหาบแล้ว..! ในเรื่องของสมอ พระพุทธเจ้า ท่านต้องการให้เป็นยาถ่าย ถ้าร่างกายหมักหมมนานๆ แล้วไม่ถ่าย บรรดาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ จะเกิดขึ้นง่าย พระพุทธเจ้าท่านบัญญัติให้ฉันสมอ เห็นว่าเจตนาเดิมเพื่อเป็นยาถ่าย

    มีอยู่อย่างหนึ่ง ไม่ทราบว่าผู้หญิงซึ่งมีกายวิภาคต่างกับผู้ชาย จะเป็นด้วยหรือเปล่า ? ก็คือ ถ้าท้องผูกอุจจาระแข็ง ก็จะไปเบียดท่อปัสสาวะให้ระคายเคือง แล้วอวัยวะเพศของผู้ชายจะตื่นตัวได้ง่าย

    พระพุทธเจ้า ตรัสเอาไว้ว่า อวัยวะเพศจะตื่นตัวด้วยเหตุ ๕ ประการ คือ

    ๑. ปวดอุจจาระ

    ๒. ปวดปัสสาวะ

    ๓. โดนบุ้งคัน

    ๔. โดนลมพัด

    ๕. โดนกระตุ้น

    เพียงแต่ว่าจิตของท่านไม่ได้มีความต้องการทางเพศ แต่เป็นไปโดยอัตโนมัติตามประสาทร่างกายเท่านั้น




    .
     
  5. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173
    .

    เพราะฉะนั้น..กายวิภาคของผู้หญิงกับผู้ชายไม่เหมือนกัน ถ้าท้องผูกไม่ได้ถ่ายบ่อย อาจจะกลายเป็นว่า ไปกระตุ้นให้อวัยวะเพศให้ตื่นตัวได้ง่าย คราวนี้ก็เจริญ..! กว่าจะระงับลงได้ บางทีก็ต้องเดินจงกรมกันเป็นวัน

    อย่าง หลวงปู่ชา วัดหนองป่าพง ลูกศิษย์ท่านบอกว่า จะไม่เขียนเรื่องพวกนี้ในประวัติของท่านได้ไหม ? หลวงปู่ชาบอกว่า "ถ้าไม่เขียนก็ไม่ต้องเขียนเลย ถ้าจะเขียนก็เขียนให้เขารู้เลย ว่าของจริงเป็นอย่างไร" ท่านบอกว่าถึงขนาดท่านนุ่งผ้าตามปกติไม่ได้ ทันทีที่กระทบผ้าอวัยวะเพศก็แข็งตัวเลย ท่านต้องตลบผ้าสบงพันเอวแล้วก็เดินจงกรม ต้องสู้กันถึงขนาดนั้น

    เพราะฉะนั้น..เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ กว่าที่ครูบาอาจารย์จะสู้ผ่านมาได้ แล้วมาเป็นครูบาอาจารย์ให้เรากราบ ให้เราไหว้ ถ้าเป็นนักรบก็แผลทั้งตัว ไม่มีใครหรอกที่จะอยู่ดีมีสุข หรือปราศจากบาดแผลมาก่อน แต่ละท่านยับเยินมาจนกระทั่งเย็บกันชนิดที่เข็มหลง เข็มหลง ก็คือ ไม่รู้จะเย็บไปทางไหน แผลซับแผลซ้อนเต็มไปหมด

    ถาม : ถ้าเกิดว่าบาดแผลน้อยแสดงว่ายังใช้ไม่ได้ ?

    ตอบ : ต้องให้เยินกว่านี้หน่อย ตอนนี้ยังเยินไม่พอ..!



    .
     
  6. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173
    .

    เรื่องกามราคะไม่ได้ขึ้นอยู่กับอาหาร หลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านพิสูจน์มาแล้ว ท่านบอกว่า ตอนแรกก็คิดว่าเป็นเพราะอาหาร แต่จริงๆ แล้ว สำคัญที่สุดก็คือใจ ถ้าใจไม่ปรุงแต่ง กามราคะก็เกิดไม่ได้

    ท่านบอกว่าท่านฉันเจ มังสวิรัตินะ..ฉันอย่างชนิดที่ยิ่งกว่าเจทั่วๆ ไป ก็คือ เขี่ยเอาแต่ผักอย่างเดียว ฉันโดยไม่บอกใคร บางวันหาผักไม่ได้จริงๆ ท่านก็เอาหัวหอมจิ้มน้ำปลา ฉันแบบนั้นอยู่สามปี ท่านว่านอกจากกามราคะจะไม่ลดลงแล้ว ยังงอกงามเป็นปกติอีกด้วย

    ท่านจึงได้มั่นใจว่า ไม่ได้เป็นที่อาหาร แต่เป็นที่ใจปรุงแต่ง อาตมาถึงได้บอกว่า รัก โลภ โกรธ หลง โดยเฉพาะกามราคะเป็นสมบัติของร่างกาย สำคัญว่าจิตใจของเราไปนึกคิดปรุงแต่งหรือเปล่า ? ถ้าเราไม่ไปนึกคิดปรุงแต่งด้วย ไม่มีใครไปให้ความร่วมมือ ราคะก็เฉาอยู่ตรงนั้น อย่างเก่งก็อยู่ได้ไม่นาน ส่วนใหญ่แล้วเราไปช่วยคิด จินตนาการล้ำเลิศไปเป็นช่องเป็นฉาก กว่าจะรู้ตัวก็ลูกสามลูกสี่เข้าไปแล้ว..!



    .
     
  7. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173
    .

    ถาม : ถ้าเกิดว่าเราไปเห็นคน แล้วเรารู้สึกว่าเขาน่ารัก แต่เป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ เป็นการปรุงแต่งหรือไม่ ?

    ตอบ : เป็นการปรุงแต่งไปตั้งนานแล้ว เพราะ สติกับปัญญายังไม่ทัน มีอยู่ครั้งหนึ่ง หลายปีเต็มทีแล้ว หลังจากที่อาตมาไปอยู่ทองผาภูมิ ตอนนั้นยังต้องนั่งรถเมล์เพื่อที่จะมารับสังฆทานที่ บ้านอนุสาวรีย์ จึงต้องออกจากทองผาภูมิตั้งแต่เช้า พอออกตั้งแต่เช้า จึงเห็นนักเรียนกำลังจะไปโรงเรียน เดินมาเป็นแถว

    เด็กผู้หญิงวัยรุ่นบางคนหน้าตาแจ่มใส น่ารักจริงๆ เลย ความรู้สึกก็ไปคิดว่า "เออ..เด็กนี่น่ารักดีนะ" พอคิดแค่นั้นเอง ภาพอสุภกรรมฐานเก่าๆ ที่เคยฝึกไว้ก็โผล่ขึ้นมาตรงหน้าแทน จากที่เห็นว่าน่ารักก็เลยเกือบจะอาเจียน ยังดีว่าห้ามไว้ทัน ไม่อย่างนั้นคงจะเป็นเรื่อง

    ถ้าราคะก็ต้องแก้ด้วยอสุภกรรมฐานและกายคตาสติ ถ้าโทสะต้องแก้ด้วยพรหมวิหารสี่หรือวรรณกสิณสี่ ถ้าโลภะก็ต้องแก้ด้วยทานบารมีและจาคานุสติ ต้องซ้อมเอาไว้ให้คล่อง ถึงเวลาจะได้ช่วยป้องกันเราได้ทัน

    คราวนั้นเท่ากับอสุภกรรมฐานมาช่วยชีวิตอาตมาเอาไว้เลย เพราะเผลอตัวจริงๆ ไม่ได้คิดไปในเรื่องกามราคะเลย แต่ใจไปคิดแล้วว่าเด็กๆ หน้าตาเขาแจ่มใสน่ารักดี เหมือนกับชื่นชมเขาเฉยๆ โดยที่ไม่รู้ว่า นี่คือส่วนหนึ่งของราคะ ตอนนั้นจิตเราปรุงไปแล้ว โดยสติกับปัญญาตามไม่ทัน แต่อสุภกรรมฐานเขารู้ เขาเป็นคู่ศึกกันอยู่ พอเห็นคู่ต่อสู้ก็โดดเข้าใส่เลย


    สนทนากับพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนมกราคม ๒๕๕๔



    ที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard...?t=2399&page=10




    .
     
  8. นางสาวอยู่จ้ะ

    นางสาวอยู่จ้ะ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,041
    ค่าพลัง:
    +3,865
    ขอบคุณพระอาจารย์เล็กและคุณtamsakกับความรู้ทางธรรมนี้นะคะ...

    ปัญหาของดิฉัน คือ เมตตา ดันมัดพ่วงมากับ ราคะ จึงกำจัดราคะได้ยาก
    ดีใจที่ได้ทราบวิธีกำจัดราคะโดยการไม่คิดปรุงแต่ง และ ให้เห็นโทษภัยของการต่อ
    ภพต่อชาติ
    ก็จะลองนำมาปฏิบัติดูนะคะ, ขอบพระคุณมากๆ (แต่ถ้าไม่ไหวก็คงต้อง
    หนีไปตั้งหลักก่อนแหละค่ะ แหะ แหะ...)
     
  9. หยดน้ำใส

    หยดน้ำใส สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +1
    ขออนุโมทนา สาธุครับ
    ปัจจุบันผมใช้วิธี ลด ละ เลิก ที่ประสบผลเวลานี้ก็คือ การ ละเว้น
    และความเป็นจริงที่เกิดกับตัวผมเองก็คือ บางครั้งขาดสติ เอาจิตไปปรุงแต่งแล้ว แต่ยังไม่ลงมือกระทำ พอสติมา ปัญญาเกิด ปลงอสุภ ทันที
    มีหลายครั้งที่ผมเกือบเพลี่ยงพร้ำ เจ้ามาร ตัวนี้ ตัวที่น่ากลัวที่สุดสำหรับผม
     
  10. ต้นไม้..

    ต้นไม้.. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +911
    อนุโมทนา ครับ อ่านแล้วได้ความรู้มากครับ

    จากประสบการณ์ที่ผ่านมา กามราคะเป็นสิ่งที่ตัดได้ยากที่สุดในบรรดากิเลสทั้งหลาย
    ตัวเดียวถ้าตัดได้ ตัวอื่นก็ไปเกือบหมด
    ถ้าตัวเดียวตัดไม่ได้ ตัวอื่น ก็ทยอยมาเพิ่มขึ้น ๆ ด้วย
    ......ถึงตอนนี้ ก็ยังตัดไม่หมดสักที......เฮ้อ....
    สู้ต่อไป ๆ ๆ ๆ :boo:
     
  11. นาย บวร-foryou

    นาย บวร-foryou สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +5
    สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ปล่อยว่าง วางเฉย

    ผมชอบกระทู้นี้มากครับ ละได้บ้าง ข่มใจตัวเองเสมอ ฝึกๆไปมองคนเป็นๆให้เห็น เป็นคนตาย ก็พอผ่านไปได้ด้วยดีเลยครับ

    1. กามเปรียบเหมือนสุนัขหิวแทะท่อนกระดูกเปื้อนเลือด คือ ยิ่งแทะ ยิ่งเหนื่อย อร่อยแต่ไม่เต็มอิ่ม เหมือนความสุขทางเนื้อหนัง ไม่เคยอิ่มจริงๆสักที สุขแค่ประเดี๋ยวประด๋าว แล้วก็หิวกามอีก[​IMG][​IMG]

    2. กามเปรียบเหมือนชิ้นเนื้อที่แร้งหรือเหยี่ยวคาบบินมา
    คือ ต้องถูกแย่งชิงโดยนกกาตัวอื่น ต้องต่อสู้ปกป้องตลอดเวลา มีทรัพย์มากก็กลัวโจรแย่งชิง มีคนรักก็ต้องคอยหึงหวง ยิ่งสวย ยิ่งหล่อก็ยิ่งมีคนอยากแย่งชิง[​IMG][​IMG]

    3. กามเปรียบเหมือนคนถือคบเพลิงที่ทำด้วยหญ้าลุกโพลงเดินทวนลมไป คือ ถือได้ไม่นานก็ต้องทิ้งไป มิฉะนั้นจะไหม้มือ แถมถูกควันไฟรมเอาตลอดเวลาที่ถือ เหมือนยศถาบรรดาศักดิ์ มีไว้ก็เหนื่อยในการรักษา กลัวคนเลื่อยจากเก้าอี้ ต้องเอาใจเจ้านาย เอาใจประชาชน แต่สุดท้ายก็ต้องสละทิ้งหมด [​IMG][​IMG]

    4. กามเปรียบเหมือนหลุมถ่านเพลิงอันร้อนแรง คือ ที่ใดมีรัก ที่นั้นก็มีทุกข์ ใจเหมือนไฟเผาผลาญตลอดเวลา รักมากก็ทุกข์มาก [​IMG][​IMG]

    5. กามเปรียบเหมือนความฝัน คือ เห็นแต่ความสุข แต่ไม่เคยพบจริงๆ เหมือนชีวิตคู่ที่วาดหวังจะมีความสุขข้างเดียว แต่พอพบความจริง กลับเป็นเรื่องที่เหน็ดเหนื่อยลำบากในการครองเรือน [​IMG][​IMG]

    6. กามเปรียบเหมือนสมบัติที่ยืมเขามา คือ กามไม่อยู่กับเราตลอด มันแปรปรวนไปเป็นธรรมดา หมดบุญก็ครอบครองไม่ได้ [​IMG][​IMG]

    7. กามเปรียบเหมือนต้นไม้ที่มีผลดกอยู่ในป่า คือ ใครผ่านไปมาก็เข้ามาเด็ดผลหักกิ่งตามใจชอบ ใครเป็นเจ้าของก็ต้องลำบากในการระวังรักษา

    8. กามเปรียบเหมือนเขียงสับเนื้อ คือ ชีวิตคฤหัสถ์ต้องถูกโขกสับตลอดเวลา ลำบากในการหาทรัพย์ กลางคืนเป็นควัน กลางวันเป็นไฟ [​IMG][​IMG]

    9. กามเปรียบเหมือนหอกและหลาว คือ ไปเกี่ยวข้องต้องประสบทุกข์สาหัส ใจเหมือนโดนทิ่มแทง ทุกข์เพราะรัก ทุกข์เพราะพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ล้วนเจ็บปวดสาหัส

    10. กามเปรียบเหมือนหัวงูพิษ คือ กามมีภัยมาก ไม่ระวังอาจถูกฉกกัดถึงตายได้ กามนำภัยมาสู่ตน เช่น ติดเอดส์ นำไปสู่อบาย เป็นต้น


    กาม ตรงข้ามกับ การประพฤติพรหมจรรย์ ซึ่งมีอานิสงค์ดังนี้


    1. ทำให้ปลอดโปร่งใจ ไม่ต้องกังวล หรือระแวง
    2. ทำให้เป็นอิสระเหมือนนกในอากาศ
    3. ทำให้มีเวลามากในการทำความดี
    4. ทำให้เป็นที่สรรเสริญของบัณฑิตทั้งหลาย
    5. ทำให้ศีล สมาธิ ปัญญา เจริญรุดหน้าไม่ถอยกลับ
    6. ทำให้บรรลุมรรคผลนิพพานได้โดยง่าย
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=wwRQY4Wxac8&feature=related]YouTube - สังขาร ปลงสังขาร[/ame]
     
  12. เงาเทวดา

    เงาเทวดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +314
    วิธีสู้กับกามราคะของ "จริงนะ" จะเก็บเอาไว้สู้ตอนจะขึ้นสู่ชั้น พระสกิทาคามี พระอนาคามีจ้า..

    มาจากประสพการในการปฏิธรรมที่ผ่านๆ มา จึงรู้ชัดว่า กามที่ได้มาจากผลที่บำเพ็ญบุญกุศลในรูปแบบต่างๆ ทางพระพุทธศาสนานั้นมีอยู่ ประดุจดังเทพยดาในสวรรค์มาบอกเหตุว่า การที่เทวดาทั้งหลายในสวรรค์ทั้งหกชั้นได้บริโภคกามนั้น ล้วนเกิดมาจากเหตุที่ตนได้เคยบำเพ็ญในบุญกุศลกันมาแล้วทั้งสิ้น และเรื่องที่เป็นผลของบุญ ย่อมไม่ขัดขัดกับหลักคำสอนในพระพุทธศาสนาอย่างแน่นอน เทวดาจึงได้รื่นเริงบรรเทิงใจอยู่ในสวรรค์ พร้อมกับการบริโภคกามตามที่ตนควรมี ควรได้ จากผลบุญที่ได้บำเพ็ญมา

    ส่วนทางฝั่งมนุษย์ ไม่รู้ชัดในเส้นทางของกามกุศล ได้รับข้อมูลทางธรรมไม่ชัดเจน แต่กลับทึกทักเอาว่าเป็น"กิเลส"(ความเศร้าหมอง) ทั้งที่เป็นผลของบุญที่ตนได้เคยบำเพ็ญกุศลมา จึงมีโอกาสได้ลิ้มรสในความสุขของกามนั้นๆ และด้วยไม่รู้จุดยืนของชีวิตตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในตน ประพฤติตัวสับสน ไม่เป็นไปตามลำดับแห่งความสุขที่มีบัญญัติไว้สิบประการ คือความสุขจากกามมี 1 ความสุขจากรูปฌาณมี 4 ความสุขจากอรูปฌาณมี 4 ความสุขที่ได้นิพพานมี 1 ในเมื่อตนเองเป็นปุถุชน แต่กลับไม่อยู่กับความจริงในความเป็นปุถุชนของตนที่มี พาจิตใจไปจับเป้าหมายสูงสุด คือผล"ความว่าง" อันเป็นวิสัยของอริยะชนพึงมี ด้วยความเข้าใจผิดดังกล่าว จึงไม่ต่างกับคนตาบอดคลำช้าง ด้วยทิฏฐิที่ซ่อนอยู่ภายในใจตน พยายามไปรู้ในเรื่องที่ตนเองเข้าไม่ถึง ไม่เคยสัมผัสได้จริง แต่นำคำบอกเล่าของอริยชนมามาถือไว้ บนความไม่เข้าใจในธรรมชาติของจิตได้จริง เมื่อถือความว่าง ตนเองเลยได้แต่ความว่างตามที่จิตไปถือ ไปจับ นำมาวิจารจนพระธรรมเสียหาย เพราะไม่รู้จริง

    ส่วนคนที่อยู่กับความจริงในปัจจุบัน หลังจากได้ลิ้มรสในกาม ที่เกิดจากบุญกุศลที่ตนได้บำเพ็ญ ยังผลให้สมองปลอดโปร่ง จิตใจคล่องตัวในความคิดเห็น เข้าใจเรื่องสัมมาทิฏฐิได้ตามความเป็นจริง ของชั้นลำดับการบำเพ็ญธรรม อันเป็นหลักของเหตุและผล อย่างถูกต้อง เห็นเรื่องกามเป็นวิสัยของอริยชนชั้นพระสกิทาคามี อนาคามี ไม่ใช่วิสัยของตน ซึ่งยังเป็นปุถุชนอยู่ ก้าวที่ตนพึงจะทำต่อไปคือ พาตนเข้าสู่ภูมิกัลยาณชน(คนมีศีล) จากนั้นจึงค่อยก้าวเข้าสู้ภูมิอริยะชนเบื้องต้น คือพระโสดาบัน กามกุศลไม่ได้เป็นอุปสรรคในการปฏิบัติตนในชั้นต้นๆ แต่อย่างใด แต่กลับช่วยส่งเสริมให้มีความคิดเห็นสดใส ใช้ฝ่าฟันอุปสรรคที่มี ให้เป็นไปได้ตามลำดับอย่างถูกต้อง ตรงไปตรงมา เมื่อก้าวถึงชั้นที่สูงกว่าพระโสดา ค่อยถึงเวลาพิชิตกาม นี้เองคือการอยู่กับความจริงในชีวิตประจำวันอย่างถูกต้อง เป็นไปตามลำดับของการเติบโตแห่งจิตวิญญาณตน

    สรุป...ตอนนี้มีกามให้บริโภค ก็บริโภคไปก่อน ถ้าไม่มีบุญ มีรึ จะได้บริโภค ไหนๆ ก็อุตส่าห์ วิ่งแสวงหากันอยู่แล้ว ตั้งแต่ตื่นนอนยันเข้านอน ใยจึงมานั่งรังเกียจกามที่เป็นผลของกุศลอยู่ทำไมจ๊ะ ความรู้ที่ดีที่สุด คือความรู้ที่เหมาะสมกับฐานะตนในปัจจุบัน จึงจะก่อให้เกิดประโยชน์กับตนได้จริงๆ นะจ๊ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 มีนาคม 2011
  13. OddyWriter

    OddyWriter เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +977
    ขอบคุณครับ
    กำลังสู้กับราคะอยู่เหมือนกัน มิน่าไม่เคยชนะแบบเด็ดขาดซักที
     
  14. apple_lin

    apple_lin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    584
    ค่าพลัง:
    +704
    กิเลส ตัณหา ราคะ... เราต้องต่อสูกับมันคะ
     
  15. สายสินธรรม

    สายสินธรรม สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    อนุโทนาสาธุครับ แต่ทำไมมันห้ามใจยากจริงๆ เวลาเจอคนที่ใช่
     
  16. ดิดาว

    ดิดาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +327
    สุดยอดเลยครับพี่ตั้ม...คำสอนเตือนใจดีๆครับ
     
  17. ปฐมฌาณ

    ปฐมฌาณ เป็นและตาย..อยู่ใกล้กัน..เพียงลมหายใจ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    486
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,870
    เราไม่มีอะไรในขันธ์ห้า
    ขันข์ห้าไม่มีอะไรในเรา
    เราไม่มัวเมาในขันธ์ห้า

    สามคาถาที่เกล้าฯ...ยกเอ่ยมานั้นเป็นคาถาของสามเณรเรวตะ น้องชายพระสารีบุตร ท่านใช้ภาวนาอยู่ในป่า จนบรรลุพระอรหันต์ แต่เกล้าฯไม่มั่นใจว่าจะเข้าข่ายวิธีต่อสู่ราคะหรือไม่
     
  18. thongchat

    thongchat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    482
    ค่าพลัง:
    +2,195
    ถ้ามัวรอขั้นโสดา สกิทาคาแล้วค่อยมาพิจารณาตัดกาม คิดว่าคงได้ถึงหรอกจ้ะ
    เขาต้องตัดต้องข่มตั้งแต่ต้นจ้ะ เพราะเจ้ากามราคะนี่แปลก อย่างอื่นเสพมากๆ เบื่อ
    แต่เจ้านี่ยิ่งเสพยิ่งติด เหมือนยาบ้า จะรอว่ากินยาบ้าแล้วขยันทำงาน รอให้เก็บเงินก้อนได้
    แล้วจะเลิกเสพ ปรากฎว่า เงินก็เก็บไม่ได้ แถมติดยาอีกต่างหาก
     
  19. no-ne

    no-ne เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    1,198
    ค่าพลัง:
    +3,380
    ขอกราบนมัสการพระอาจารย์ค่ะ และขออนุโมทนาในคำสอนอันประเสริฐนี้ ทุกวันนี้เจ็บปวดทรมานใจมากกับเรื่องของความรัก มันไม่ได้ให้อะไรแก่เราเลย มีแต่ทุกข์ใจตลอดรายการ น่าสังเวชตนเอง ที่ไม่สามารถหลุดพ้นออกจากความทุกข์เหล่านี้ได้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า คำสอนนี้จะช่วยทำให้ จิตเกิดความเข้าใจ และสามารถต่อสู้กับกามราคะได้ จนออกไปจากทุกข์ตรงนี้ได้ซักที ทรมานเหลือเกิน
     
  20. bcbig_beam

    bcbig_beam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,821
    ค่าพลัง:
    +3,247
    โดยเฉพาะกามราคะเป็นสมบัติของร่างกาย สำคัญว่าจิตใจของเราไปนึกคิดปรุงแต่งหรือเปล่า ? ถ้าเราไม่ไปนึกคิดปรุงแต่งด้วย ไม่มีใครไปให้ความร่วมมือ ราคะก็เฉาอยู่ตรงนั้น อย่างเก่งก็อยู่ได้ไม่นาน ส่วนใหญ่แล้วเราไปช่วยคิด จินตนาการล้ำเลิศไปเป็นช่องเป็นฉาก กว่าจะรู้ตัวก็ลูกสามลูกสี่เข้าไปแล้ว..!


    ขอกราบโมทนาในธรรมทานด้วยครับ
    สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...