วิธีหลอมทรายเป็นแก้ว สร้างเป็นพระพุทธรูปหรืออื่นๆในขนาดและวิธีต่างๆ

คนไทยส่วนใหญ่มักกลัวการนำ " แก้ว " มาสร้างเป็นพระพุทธรูปหรือรูปอื่นๆ เพราะไม่มีความรู้ในเรื่องนี้เลย ดังนั้น ผมจึงขอเปิดเผยวิธีการสร้างไว้ในกระทู้นี้ทุกขั้นตอน ท่านสามารถนำไปต่อยอดและสร้างได้อย่างแน่นอน คำว่ากลัวจะหายไป เพราะมีคำว่ารู้มาแทนที่ครับ

 

สูตรเคมีแก้ว 30% PbO ที่ผมเคยหลอมเป็นแก้ว สร้างเป็นพระพุทธรูปแก้วคริสตัลหน้าตัก 9, 8 นิ้วและรูปอื่นๆในขนาดต่างๆกันในหลายวาระ

 

สูตรเคมีแก้ว 24% PbO ที่ผมเคยหลอมเป็นแก้ว สร้างเป็นพระพุทธรูปแก้วคริสตัลหน้าตัก 9, 8 นิ้วและรูปอื่นๆในขนาดต่างๆกันในหลายวาระ

 

ภาพการนำเบ้าหลอมแก้วขนาดจุประมาณ 350 - 600 kg. ออกจากเตาอบ warm เพื่อนำเบ้าหลอมไปเข้าประจำตำแหน่งในเตาหลอมแก้วชนิดเบ้าหลอมจากทรายและเคมีภัณฑ์ให้กลายเป็นน้ำแก้วเพื่อนำไปใช้งานด้วยวิธีขึ้นรูปต่างๆ รวมทั้งการนำน้ำแก้วไปสร้างเป็นก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อต่อไป โดยมีการสร้างก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อในหลายประเทศมาก ทั้งจากค่ายอเมริกา ยุโรปและอื่นๆ ที่สำคัญและราคาถูกที่สุดคือจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ที่มีราคาก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อกิโลกรัมละเพียง 10 - 50 บาท ( ราคาก้อนแก้วคริสตัลชนิด 30% PbO เพื่อการหลอมต่อจากจีนหากซื้อจำนวนยิ่งมากยิ่งถูก เช่น หากเกิน 300 kg. จากกิโลกรัมละ 50.- บาท จะค่อยๆถูกลงเรื่อยๆ จนอาจจะเหลือเพียงกิโลกรัมละ 10.- บาทก็เป็นไปได้ เนื่องจากกลไกทางรัฐบาลของจีนหรืออาจเป็นไปได้ว่า เขาอาจมีต้นทุนที่ถูกกว่าของไทยที่ต้นทุนเราก็เกินกิโลกรัมละ 50.- บาทแล้ว )

จากการที่เคยมีคนส่งก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อจากจีนมาให้ผมและทีมหลอม เราพบว่า คุณภาพพอใช้ได้ในขนาดพระแก้วหน้าตัก 5 นิ้ว หากใหญ่กว่านั้นคุณภาพถือว่าต่ำจนต้องปรับปรุงดังจะได้กล่าวถึงวิธีการปรับปรุงในกระทู้นี้ต่อไป และจากการที่เคยมีคนบอกว่าในยุโรปบางประเทศมีการขายส่งก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อจากจีนเพื่อให้ช่างแก้วอิสระนำไปขึ้นรูปด้วยวิธีต่างๆในราคาขายส่งกิโลกรัมละ 15.- บาท ( ก้อนแก้วคริสตัลสูตร 30% PbO ) ผมถือว่า ราคาต้นทุนนั้นถูกกว่าเราหลอมเองเสียอีก หากพบว่าก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อจากจีนยี่ห้อไหนดี ไม่มีฟองอากาศเลย ไม่ต้องปรับปรุงเลย ก็จะเป็นคุณมากทีเดียว แต่ถึงต่อให้มีฟองอากาศมาก หากรู้จักการปรับปรุงก็ยังน่าสนใจครับ

 

ท่านที่สนใจใช้ก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อจากจีน ควรต้องเป็นผู้ทดสอบทดลองก้อนแก้วคริสตัลชนิด 30% PbO นั้นๆ ในขนาดชิ้นงานที่ท่านต้องการสร้างก่อน ทดสอบทดลองทีละน้อยชิ้นก่อน เพราะหากสร้างมากในครั้งเดียวกัน อาจเสียหายมาก และเมื่อทดสอบทดลองเสร็จแล้ว ท่านสามารถปรับปรุงคุณภาพได้ แต่อย่าลืมว่า การปรับปรุงคุณภาพก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อก็มีต้นทุนเหมือนกัน หากท่านมีชิ้นงานที่จะสร้างเพียงไม่กี่สิบชิ้น หรืออาจจะไม่กี่ร้อยชิ้น ท่านอาจพบว่า ค่าต้นทุนในการค้นหาสูตรการปรับปรุงคุณภาพนั้น อาจไม่คุ้มค่าก็เป็นไปได้

ยังมีอีกหลายประเทศที่เขาสร้างก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อที่เป็นทั้งแก้วคริสตัลและไม่ใช่แก้วคริสตัลที่รับประกันคุณภาพสูงสุดคือแทบไม่มีฟองอากาศเลย แต่มักจะมีราคาส่งออกกิโลกรัมละนับร้อยๆบาท หรือบางสีอาจราคาต่ำหรือสูงกว่าสีใส ยิ่งสีที่สามารถเปล่งแสงในความมืดก็อาจจะสูงกว่ามาก

ภาพนี้แสดงให้เห็นตัวอย่างสีต่างๆของก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อจากจีนยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งอาจถือว่า บริษัทนี้มีแก้วคริสตัลสูตร 30% PbO ที่มีสีเพียงไม่มากสีนัก

 

ตัวอย่างพระแก้วที่สร้างด้วยแก้วคริสตัลชนิด >30% PbO ที่สร้างจากการนำน้ำแก้วร้อนๆสดๆออกจากเบ้าหลอมในเตาหลอมมาขึ้นรูปด้วยวิธีกดปั๊ม Pressed Glass ผ่านอีกหลายขั้นตอนมากจนกระทั่งเป็นพระแก้วตามสไตล์ของสวาร๊อฟสกี้ บริษัทเครื่องแก้วชั้นนำของโลกแห่งหนึ่งที่โด่งดังในสไตล์บางส่วนเจียรเหลี่ยมเหมือนเพชรบางส่วนเรียบเนียลและกัดใสกัดฝ้าในชิ้นเดียวกัน

องค์นี้สร้างโดยบริษัท Swarovski ออสเตรีย หน้าตักประมาณ 3 นิ้ว ราคาประมาณ 4 หมื่นบาทในห้างในประเทศไทย ( เสียภาษีนำเข้าแล้ว ขายโดยบริษัท Swarovski ประเทศไทย )

ขอบคุณภาพจาก kingston852

 

คลิปภาพเพื่อขยายใหญ่

องค์นี้หน้าตัก 8 นิ้วเศษ สร้างด้วยแก้วคริสตัลสูตร 30% PbO สูตรในคำตอบของกระทู้แรกสุด เป็นสูตรที่หลอมน้ำแก้วในไทยจากทรายและเคมีภัณฑ์ เมื่อน้ำแก้วสุกแล้ว นำน้ำแก้วมาทำเป็นก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อก่อน จากนั้นจึงนำก้อนแก้วมาสร้างเป็นพระพุทธรูปด้วยวิธี Lost Wax โปรดสังเกตุน้ำแก้วคริสตัลสูตรที่หลอมในไทยถือว่าเกือบไม่มีฟองอากาศเลย

 

ผมสร้างแล้วน้อมถวายไว้ในพระพุทธศาสนาแล้วจำนวนหนึ่ง

 

สีที่ต่างกันเพราะหลอดไฟต่างชนิดต่างขนาดวัตต์กัน

ภาพด้านบนเป็นพระแก้วที่ผมสร้างด้วยการหลอมทรายและเคมีภัณฑ์ในเบ้าหลอม เมื่อน้ำแก้วสุกจึงทำก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อขึ้นแล้วจึงนำมาสร้างพระแก้วคริสตัลหน้าตัก 9 นิ้วด้วยวิธี Lost Wax Glass

ภาพล่างนี้เป็นภาพที่ผมตอนนั้นได้ขอให้โรงงานแก้วเจษฏาเป็นผู้สร้างพระแก้วชนิดแก้วโซดาไลม์ซิลิก้า ด้วยวิธีเป่าแก้วด้วยปอดจำนวน 500 องค์ ( น้อมถวายและแจกจ่ายฟรีทุกองค์ ) และด้วยวิธีเทหยอดน้ำแก้วจำนวนหนึ่ง และด้วยวิธีกดปั๊ม Pressed Glass ซึ่งวิธีนี้ไม่สำเร็จเนื่องจากช่างม้วนแก้วต้องฝึกทักษะพร้อมกล้ามเนื้อนานถึง 7 ปี ( คุณสมศักดิ์เจ้าของโรงงานเมตตาสร้างให้ผมถึง 3 วิธี สำเร็จ 2 วิธี )

 

ภาพบน ผมถ่ายที่โรงงานแก้วเจษฏาของคุณสมศักดิ์ที่เมตตาสร้างพระแก้วชนิดแก้วธรรมดาหรือผมมักเรียกว่าแก้วโซดาไลม์ซิลิก้าให้ผมถึง 3 วิธีการสร้าง เตาที่เห็นเบ้าหลอมนั้น ขณะนั้นกำลังสร้างอยู่ยังไม่ได้ใช้งานในวันนั้น แต่หลังจากถ่ายภาพแล้วไม่นานก็ได้ใช้งานเตาหลอมตามในภาพนี้ขนาดเตาหลอม 2.5 ตันต่อวัน และยังมีอีกเตาคือขนาดประมาณ 3 ตันต่อวัน เช่นเดียวกับที่ในอดีตที่โรงงานแก้วที่คุณพ่อผมเคยให้ผมเป็นผู้จัดการอยู่นานหลายปีก็เช่นกัน เรามักมี 2 เตา แต่ละเตามักมีขนาดประมาณ 2 - 4 ตันต่อวัน ดังนั้น ขึ้นอยู่กับขณะที่เราใช้เตาขณะนั้นว่า ขณะนั้นคือหลายเดือนนั้น เรากำลังมีกำลังการหลอมวันละกี่ตัน หากขณะนั้นมีเตาหลอมเตาเดียวก็มักพูดว่า เรามีกำลังการหลอมวันละ 2.5 ตัน แต่เมื่อใดที่เราหลอม 2 เตาก็มักพูดว่า เรามีกำลังการหลอมวันละประมาณ 5.5 ตันเป็นต้น

ผิดกับปัจจุบันในต่างประเทศที่เจริญแล้ว ช่างแก้วแต่ละชนิดมีอิสระมากขึ้น เนื่องจากหลายประเทศสร้างเตาหลอมแบบเบ้าเดี่ยว ความจุเบ้าเดี่ยวเบ้าเดียวแค่ 250 - 600 kg และสามารถเลือกที่จะหลอมแค่ครึ่งเดียวของเบ้าก็ได้ เช่นหากงานน้อย ก็สามารถหลอมเพียงแค่ 125 - 300 kg ต่อการหลอมหนึ่งครั้ง โดยมีอิสระจะเลือกหลอมครั้งละกี่วัน คือหลอมแค่ 125 kg. ผ่านไปสัก 2 วันยังใช้น้ำแก้วไม่หมดก็ไม่เป็นไร รอไป 4 - 5 วันใช้หมดค่อยหลอมใหม่ก็ได้ หรือจะหยุดการหลอมก่อนก็ได้ ช่างแก้วรุ่นหลังจึงมีอิสระมาก

 

ภาพแสดงเตาหลอมแบบเบ้าเดี่ยวเบ้าเดียว คือมีเบ้าเดียว ขนาดของเบ้าก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้ เช่นสัปดาห์นี้หรือเดือนนี้ต้องการใช้เบ้า 250 kg จะหลอมแก้วแค่วันละ 125 kg ก็ได้ ( ควรหลอมไม่ต่ำกว่าครึ่งของความจุเบ้า เพราะจะทำให้เบ้าทนทานกว่าการหลอมน้อยเกินไป ) พอช่วงงานมากๆ ต้องการเลือกใช้เบ้าความจุ 600 kg แล้วเลือกหลอมแค่ 300 kg ก็ได้ หรือจะเลือกหลอม 600 kg ก็ได้

 

ช่างแก้วอิสระยุคปัจจุบันในต่างประเทศยิ่งสบายใหญ่ เมื่อไม่ต้องหลอมน้ำแก้วร้อนด้วยตนเอง เพียงเลือกซื้อก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อ สามารถสร้างชิ้นงานได้ด้วยวิธีการขึ้นรูปหลายๆวิธีก็ได้

ในภาพนี้เป็นการขึ้นรูปชิ้นงานด้วยวิธี Lost Wax Glass

 

ภาพนี้ศิลปินช่างแก้วฝีมือระดับโลกของ Corning Museum of Glass แสดงวิธีม้วนและปั้นก้อนแก้วขนาดหนักประมาณก้อนละ 10 kg. แล้วนำก้อนแก้วมาม้วนปิดทองคำเปลวแผ่นใหญ่ เพื่อการสร้างชิ้นงานที่ต้องการแก้วผิวทองคำคล้ายแก้วมาโคลิน


ผมเคยใช้วิธีขี้โกง แทนที่ผมจะสร้างแก้วมาโคลิน ผมเลือกองค์พระกลวง แล้วเทสีทองจากเยอรมันเข้าไปในองค์พระ แล้วเทสีทองคำออก รอให้แห้ง ก็จะได้แก้วผิวมาโคลินเทียมขึ้นมาในทันที แต่วิธีนี้ เป็นวิธีขี้โกงฝีมือนะครับ ไม่ควรเอาตัวอย่าง แต่ที่ไม่ทำแก้วมาโคลินเพราะต้องฝึกช่างแก้วนานนับสิบปีครับ

 

ภาพด้านล่างเหล่านี้เป็นเครื่องแก้วหรือควรจะเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Marcolin Art Glass น่าจะเหมาะสมและตรงที่สุดครับ ผมแสดงให้เห็นแค่เพียงไม่กี่อย่างของมาโคลิน ซึ่งที่จริงแล้ว แก้วมาโคลินยังมีที่แปลกอีกนับร้อยสไตล์ครับ แต่ที่ผมสนใจมากคือ การนำแผ่นทองคำเปลว และแผ่นเงินเปลว มาใส่ไว้ในชั้นด้านในเนื้อแก้ว แล้วขึ้นรูปให้เป็นศิลปะอีกแขนงหนึ่งเลย

 

ศิลปะงานแก้วคริสตัลตามสไตล์มาโคลินเพียงบางอย่าง ยังมีอีกนับร้อยสไตล์พร้อมกับอีกหลายหลากสีสรร

 

ผมได้ทดสอบทดลองสร้างพระแก้วหน้าตัก 9 นิ้วด้วยวิธีเป่าแก้วด้วยปอด Mouth Blown Buddha Glass ซึ่งขนาดหน้าตัก 9 นิ้วนี้ถือว่าเป็นขนาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยวิธีนี้ เมื่อได้พระแก้วสีใสแล้ว ผมได้ทดลองทาสีแดงที่ผิว และใช้สีทองคำจากเยอรมันทาเคลือบที่องค์พระตามในภาพ ทั้งนี้ มีส่วนที่ต้องการให้ไปคล้ายกับแก้วมาร์โคลิน ( แต่จากการทดสอบแล้ว ไม่ปรากฏผลสำเร็จ เพราะแก้วมาโคลินที่วางชั้นผิวทองคำไว้ภายในเนื้อแก้วนั้น มีส่วนที่ขยายของทองคำเปลวได้สวยงาม ในขณะที่สีทองที่ทาเคลือบภายนอกของผม ไม่มีส่วนขยายเกร็ดทองคำได้แต่อย่างใด จึงถือว่า ไม่สำเร็จในการเรียนแบบมาร์โคลิน )

 

พระแก้วที่ผมสร้างด้วยแก้วหลายชนิดและหลายหลากวิธี มีขนาดหน้าตัก 9 นิ้วเต็ม นี่คือภาพพระแก้วกลวงชนิดแก้วโซดาไลม์ซิลิก้า สร้างด้วยวิธีเป่าแก้วด้วยปอดขนาดใหญ่ที่สุดของโลกตั้งแต่ พ.ศ. 2548 เท่าที่เคยมีการสร้างมาถึงปัจจุบัน ค.ศ. 2018 ( พ.ศ. 2561 ) ก็ยังไม่มีใครสร้างได้ใหญ่ถึงขนาดนี้เลยแม้แต่รายเดียว ทั้งๆที่มีความสามารถสร้างได้ แต่ไม่มีการสร้างเลยทั่วโลก





โปรดสังเกตุตรงบริเวณคอ ( ด้านหลัง ) ซึ่งบริเวณนี้ หากมองตรงๆเข้าไป จะเห็นว่ามีเนื้อแก้วที่หนามาก สาเหตุเพราะการปั้นหรือขวั้นแก้วในขณะที่ก่อนเป่านั้น ต้องปั้นลูกโป่งแก้ว ตรงคอนั้น จะมีส่วนหลังคอที่ไม่มีการขยายของเนื้อแก้วขณะที่ลูกโป่งขยายเป็นชิ้นงาน แต่ส่วนด้านข้างหน้า มีการขยายของเนื้อแก้วไปจากศูนย์กลาง ไปเป็นคอด้านข้างหน้าและเป็นหน้าอกส่วนบน จึงทำให้สามารถมองเห็นชัดถึงการหนีศูนย์กลางของเนื้อแก้ว

คำอธิบายนี้จะไปเป็นส่วนประกอบของการทดสอบทดลองเทสีทองคำลงภายในองค์พระที่ต้องการเรียนแบบแก้วมาโคลินต่อไป

 

แม่พิมพ์เหล็กสำหรับงานเป่าแก้วด้วยปอดหรือแก้วปั๊มหรือแก้วเทหยอดทุกชนิดเนื้องาน คือกลวงหรือตัน

การเทสีทองคำจากเยอรมันลงไปเคลือบภายในเนื้อแก้ว ซึ่งตรงบริเวณคอด้านหลัง จะต้องมองเห็นว่า เนื้อแก้วมีส่วนหนาที่ด้านหลัง ทำให้เกิดความไม่พึงพอใจในผลงาน ผมจึงคิดว่า งานการเทสีทองคำลงในองค์พระนั้น ไม่น่าจะถือว่าสำเร็จทั้งๆที่สำเร็จ แต่มองเห็นการหนีศูนย์ของเนื้อแก้ว และที่บริเวณภายในพระเศียร ก็จะมีอาการเดียวกันของบริเวณพระพักตร์ก็ตาม มวยผมและศรีษะก็ตาม ผมจึงตัดสินใจหยุดการทดสอบทดลองเทน้ำทองคำลงในเนื้อองค์พระ และคิดว่า หากจะทำแก้วมาร์โคลินด้วยวิธีขี้โกงแบบนี้ มันไม่เวิร์คครับ ทั้งที่สำเร็จ แต่ผลงานจากชิ้นงานมันฟ้องด้วยตนเอง หากคนดูงานแก้วเป็น หรือเป็นคนมีรสนิยมก็สามารถรู้ได้ว่า ไม่เวิร์คครับ

 

นี่คือแก้วมาร์โคลินสไตล์หนึ่ง เป็นสไตล์ที่ผมคิดจะทำเลียนแบบ แต่ไม่สำเร็จเพราะไม่มีส่วนขยายของเนื้อทองคำเหมือนอย่างของแก้วมาร์โคลิน