วิธีหลอมพระแก้วคริสตัลหน้าตัก 5 นิ้วแก้วตันๆต้นทุนองค์ละ 137.- บาทหน้า 2#38 ขึ้นไป

องค์พระแก้วคริสตัลเนื้อตันๆหน้าตัก 9 นิ้วเต็มที่ผมเคยสร้าง มีฐานหลายรุ่น รุ่นที่ผมชอบมากคือรุ่นทรงประทับนั่งบนก้อนศิลา เพราะผมเคยได้ยินจากท่านอาจารย์พุทธทาสว่า พระพุทธเจ้าทรงประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานในป่า ผมเลือกทรงก้อนหินก้อนศิลานี้โดยช่างพิษณุ สิบหมู่ปั้น และน้องชายของคุณสมศักดิ์เจ้าของโรงงานแก้วเจษฏารับงานหล่อฐานนี้จากอลูมีเนียมพร้อมที่จับขั้วไฟ E27 2 ขั้วต่อฐาน พร้อมพ่นสีและทำให้เกิดลายแบบนี้ในราคาฐานละ 150.- บาท
( 150.- บาท )

ขั้วไฟ 2 ขั้ว แต่คนส่วนใหญ่ขอให้ใส่ขั้วไฟเดียว 25.- บาท หลอดไฟ 1 หลอด สายไฟ+ปลั๊กประมาณ 25.- บาท
( 150.- บาท ใช้หลอดคอมแพคขั้วเกลียว E27 )

องค์พระแก้วหนัก 6.25 กิโลกรัม ถ้าใช้แก้วจีนที่ซื้อมากิโลกรัมละ 25.- บาท ต้นทุนค่าน้ำแก้วคริสตัลสูตร 30% PbO องค์ละไม่ถึง 160.- บาท
( 160.- บาท แก้วจีน )

ค่าแม่พิมพ์ปูนปลาสเตอร์ทนไฟจากจีนถุงละ 20 kg @ 2.- บาท ใช้ปูน 1 ถุงต่อพระหน้าตัก 9 นิ้ว 1 องค์ ค่าปูนรวม 40.- บาท
( แม่พิมพ์ปูนปลาสเตอร์จีน 40.- บาท )

ค่าไฟฟ้าขึ้นอยู่กับสูตรการหลอมและอบลดอุณหภูมิของแต่ละโรงงานแก้วที่สร้างก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อ เช่น บางโรงงานหลอมที่จุดหลอมเหลวที่ 850C ในขณะที่บางโรงงานหลอมเหลวที่ 600C นับเป็นความแตกต่างกันมากกับโรงงานหลอมแบบเตาและแบบเบ้าหลอมที่ใช้จุดหลอมเหลวที่ 1,400C จากที่เคยหลอมและอบใช้เวลา 4 วัน 4 คืนในหน้าตัก 9 นิ้วค่าไฟที่เจ้าของเตาอบคิดเพียง 500.- บาทต่อองค์ หลอมครั้งละ 4 องค์ หรือจะใช้เตาอบแก๊สก็คงไม่ต่างกันเท่าไรนัก แต่ผมอยากให้เลือกเตาไฟฟ้าครับ
( ค่าเชื้อเพลิง 500.- บาท )

รวมต้นทุนองค์พระพร้อมฐานไม่เอาหลอดไฟและขั้วไฟ ต้นทุนจะเหลือองค์ละ 850.- บาท

หมายเหตุ
ไม่นับค่าปั้นหุ่นขี้ผึ้งต้นแบบ ค่าอื่นใดที่เป็นค่าโอเว่อร์เฮด

องค์ซ้ายสุดสีขาวฝ้า, องค์สีเหลืองอำพันองค์ที่ 3, สีขาวฝ้าที่ 4 ของลาลีค Lalique Grand Buddha และสีใสองค์ที่ 5 จากซ้ายของบัคคาฮ่า Baccarat สร้างด้วยวิธีกดปั๊ม Pressed Glass หน้าตัก 8 นิ้วเศษทุกองค์

องค์สีขาวฝ้าที่ 2 จากซ้ายหน้าตัก 9 นิ้วเต็มสร้างด้วยวิธี Lost Wax Glass

องค์สีใสขวาสุดหน้าตัก 9 นิ้วเต็มสร้างด้วยวิธีเป่าแก้วด้วยปอด Mouth Blown Glass

พระแก้วคริสตัลตันๆหน้าตัก 9 นิ้วเต็มสีเขียว เมื่อเปรียบเทียบขนาดกับพระแก้วคริสตัลตันๆหน้าตัก 5 นิ้วเต็ม นับว่าต่างกันมากทีเดียว

 

ขออนุญาตเล่าถึงวิธีการสร้างพระแก้วหน้าตัก 8 นิ้วเศษของทั้งลาลีคและบัคคาฮ่าฝรั่งเศสทั้งคู่ว่า วิธีกดปั๊มแก้วหรือ Pressed Glass มันยากอย่างไร ช่างม้วนแก้วที่ชำนาญมากแล้ว คือฝีมือต้องอันดับต้นๆของประเทศหรือของโลกแล้ว ต้องมาฝึกทักษะการม้วนก้อนแก้วก้อนนี้ ให้ได้ขนาดหนักประมาณสิบกว่ากิโลกรัม อาจเป็น 13 - 14 กิโลกรัมโดยไม่ให้มีฟองอากาศติดมาเลย ต้องฝึกนาน 7 ปีจากการให้ข่าวของฝรั่งเศส แล้วนำเข้าเครื่องอัดขึ้นรูป ( ภาพล่าง ) ราคาของลาลีคองค์ละ 4 แสนบาทเศษ น้ำหนักสุทธิต่อองค์คือ 10 kg.


หมายเหตุ

หากเห็นว่า เริ่มพูดให้งง หรือสับสน เนื่องจากวิชาแก้วมีหลายหลากวิชาและวิธี ถ้าหากรวมถึงชนิดของแก้วแล้วจะมาก ก็จะขอลบความคิดเห็นนี้ในภายหลัง

สิ่งที่ผมกำลังจะพูดที่ยกภาพนี้ขึ้นมาคือ องค์พระแก้วที่ได้มานั้น เกือบจะไม่เห็นความต่างกันทางด้านเนื้อของแก้ว ดังนั้น การเลือกวิธีขึ้นรูปชิ้นงานแก้วหรือใช้วิชา Lost Wax Glass ซึ่งไม่ต้องเรียนเลย ง่ายกว่าไหมครับ ? ไม่ต้องฝึกม้วนแก้วให้ไม่มีฟองนานถึง 7 ปีอย่างแก้วปั๊ม

 

ก่อนที่จะข้ามไปความคิดเห็นอื่นต่อไป เดี๋ยวจะเกิดความเข้าใจผิด กลายเป็นว่าผมพูดเท็จไป พระแก้วปางคันธารราฐหน้าตัก 9 นิ้วเต็มทั้งสีขาวฝ้า, สีเหลืองอำพัน และสีเขียวตามรูปที่โพสต์ด้านบนนั้น ผมหลอมจากแก้วคริสตัลเนื้อ 30% PbO ที่หลอมก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อขึ้นใช้เองในประเทศไทยนะครับ ไม่ใช่แก้วจีนนะครับ

แก้วคริสตัลเนื้อคริสตัล 30% PbO ที่หลอมในไทยมีราคาต้นทุนกิโลกรัมละ 53.- บาทไม่รวมค่าเชื้อเพลิงและค่าแรงคนงานนะครับ ดังนั้นหากไทยสร้างก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อ ราคาของไทยจะแพงกว่าจีนมาก เพราะทราบมาว่า บางประเทศเขาซื้อจากจีน พอซื้อมากๆเข้า ราคาจากกิโลกรัมละ 25.- บาท จีนลดเหลือกิโลกรัมละ 10.- บาท ไทยจะสู้เขาด้านราคาไม่ได้ ส่งออกไม่ได้ มันแพงเกินไป แต่แก้วจีนอาจจะยังมีฟองอากาศ ซึ่งแก้ไขได้ดังที่จะพูดวิธีแก้ไขต่อไปครับ

 

ภาพด้านล่างนี้คือ การตัด " ตัวทับเสร็จ " หรือส่วนที่ยื่นออกมาจากก้นพระ ซึ่งส่วนนี้ทำหน้าที่ล๊อคองค์พระแก้วกับฐานไม่ให้ขยับเขยื้อนได้นั่นเอง ซึ่งความจริงแล้ว หากคำนวนได้พอดีก็ไม่ต้องตัด อีกทั้งโรงงานแก้วขนาดใหญ่บางโรงงานที่มีเครื่องมือนี้ ก็อาจไม่ให้ยืมหรือเช่า เครื่องตัดนี้มีหลายขนาดมากครับ ขนาดที่เห็นในภาพนี้ใช้แผ่นตัดแก้วเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 14 นิ้ว

มองจากด้านท้ายหรือก้นตัวทับเสร็จ จะเห็นแผ่นตัดแก้วชนิดเลี้ยงน้ำ ในอดีตหลายโรงงานมีไว้ใช้และให้เช่า ต่อมาเครื่องเสียและเนื่องจากใช้งานโหมดนี้น้อยลงมาก เลยไม่ซ่อมเครื่องอีกเลย ก็เลยไม่มีให้เช่าต่อ ที่โรงงานแก้วของคุณพ่อผมเดิมมีเครื่องใหญ่กว่านี้มาก และปรมาจารย์วิชาแก้วของผมท่านเป็นคนสร้างเครื่องเองในขณะนั้น ท่านฉลาดตรงที่ท่านสร้างให้การเปลี่ยนอะไหล่ทำได้ง่ายมาก แต่เครื่องอาจไม่มีความสวยงามเท่าปัจจุบันเท่านั้นเอง

และเมื่อตัดก้นตัวทับเสร็จแล้ว ก็มักต้องฝนทรายอีก ถ้าไม่ต้องตัดก้นตัวทับเสร็จก็ไม่ต้องฝนทรายครับ ยังไงๆก็มองไม่เห็นอยู่ดี ตัวทับเสร็จนี้จะอยู่ในฐาน และมีหลอดไฟอยู่ด้านในฐาน แสงจะผ่านขึ้นไปได้อยู่ดีครับ

เครื่องฝนทรายนี้ทุกโรงงานแก้วที่สร้างชิ้นงานแก้วแบบโถ แจกัน ต้องมีไว้ใช้ครับ ขอยืมหรือขอเช่าได้ไม่ยากนัก แต่ก็ไม่จำเป็นต้องฝนครับ

 

ลูกศรสีดำชี้ให้เห็นบริเวณที่ทรงกรมศิลปากรเรียกว่า " ตัวทับเสร็จ " เป็นส่วนที่ยื่นออกมาจากด้านล่างหรือก้นพระ ตัวทับเสร็จนี้จะเป็นส่วนยื่นเข้าไปในฐานพระที่เซาะร่องไว้พอดีกับขนาดของตัวทับเสร็จ ไม่ให้องค์พระขยับเขยื้อนได้

ในขณะเดียวกันถ้าเราคำนวนน้ำหนักก่อนการหลอมได้พอดี ทับเสร็จนี้ก็จะไม่ต้องตัด ไม่ต้องฝนก้นเลย จึงถือว่า หากวางแผนเก่ง จะลดจำนวนงานลง ไม่ต้องอาศัยเครื่องมือที่อาจถือว่า ไม่จำเป็น

 

หุ่นขี้ผึ้งองค์บนหน้าตัก 9 นิ้ว

หุ่นขี้ผึ้งองค์ล่างหน้าตัก 8 นิ้วเศษ

เมื่อได้หุ่นขี้ผึ้งมาแล้ว ให้มาวางในแบบที่จะเทกรอกปูนปลาสเตอร์ ทำได้หลายแบบ เช่น แบบที่จะเทเป็นทรงกลม หรือทรงเหลี่ยมก็ได้ทั้งสิ้นครับ ขึ้นอยู่กับสะดวกแบบไหนครับ

 

เทน้ำปูนปลาสเตอร์ลงในแบบ แล้ววางให้ปูนปลาสเตอร์แห้งตัวลง

 

แกะเอาเปลือกแบบออก ให้เหลือเฉพาะแม่พิมพ์ปูนปลาสเตอร์กับขี้ผึ้งที่เป็นหุ่น รอจนกว่าทุกอย่างแห้งสนิท

 

ใช้ไอน้ำเอาขี้ผึ้งออกจากแม่พิมพ์ปูนปลาสเตอร์ให้หมด ไม่ให้เหลือขี้ผึ้งเลยนะครับ การเอาขี้ผึ้งออกให้หมดต้องใช้งวดช้างหรือท่อไอน้ำแหย่เข้าไปในแม่พิมพ์ปูนปลาสเตอร์ให้ลึก ขี้ผึ้งเมื่อถูกไอน้ำก็จะละลายออกมาทางด้านล่างของแม่พิมพ์ปูนครับ

 

เมื่อขี้ผึ้งถูกไอน้ำละลายหลุดออกหมดแล้ว จะได้แม่พิมพ์ปูนปลาสเตอร์ทนไฟที่ไม่มีหุ่นขี้ผึ้งหลงเหลืออยู่เลยครับ

 

นำแม่พิมพ์ปูนปลาสเตอร์ที่ว่างเปล่าเข้าเตาอบ ( ส่วนมากผมมักบอกให้ช่างแก้วลูกน้องผมใส่เตาละ 4 องค์ ) หรืออาจมากกว่าหรือน้อยกว่าก็ได้ ยิ่งมีปริมาณมากยิ่งขึ้น ก็สามารถเฉลี่ยค่าใช้จ่าย ค่าไฟฟ้า และค่าโอเว่อร์เฮดได้ยิ่งมากขึ้น ทำให้ต้นทุนถูกลง

นำก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อใส่ในกระถางดินเผา วางบนแม่พิมพ์ปูนทนไฟ

 

ทางโรงงานผู้ผลิตก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อจะมีตารางการใช้เตาอบมาให้ครับ เราเพียงแต่เปิดหรือควบคุมอุณหภูมิให้เป็นไปตามที่ผู้ผลิตก้อนแก้วเขากำหนดเท่านั้นเอง

ซึ่งผิดกับอดีตที่นายช่างใหญ่ทุกคนต้องคำนวนหาค่าเอง ปัจจุบันแค่ซื้อก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อ แล้วทางโรงงานจะให้ตารางเวลาการอบมาด้วย ทำให้ไม่ต้องคิดอะไรเองเลยแม้แต่น้อย

 

ใช้อะไรก็ได้ กระเทาะเบาๆที่ปูนปลาสเตอร์ทนไฟ ปูนก็จะหลุดออกมา ส่วนยี่ห้อใดจะร่อนหลุดได้ง่ายกว่ากันนั้น ต้องทำไปจดบันทึกไปด้วยทุกครั้ง



พระแก้วปางนี้หน้าตัก 9 นิ้วผมให้ลูกน้องช่างแก้วของผมไปซื้อพระทองเหลืองปางนี้มาจากร้านสังฆภัณฑ์ทั่วๆไป ไม่ต้องเสียค่าปั้นหุ่นต้นแบบซึ่งช่างปั้นแต่ละคนคิดราคาไม่เท่ากัน ( เมื่อถอดแบบเป็นขี้ผึ้งด้วยวิธีนี้ ขนาดขององค์พระแก้วจะลดลงเหลือประมาณ 8 นิ้วเศษ ) [ ผิดกับการที่ให้ช่างปั้นหุ่น หากใช้ช่างปั้นหุ่น เราจะได้หน้าตักเต็มเท่ากับต้นแบบคือหน้าตัก 9 นิ้วครับ ] แต่จุดเด่นของปางนี้ที่ผมต้องการพิสูจน์คือ แขนหรือการที่องค์พระยกพระหัตถ์ขวาขึ้นมาเพียงข้างเดียว ซึ่งรูปร่างลักษณะอย่างนี้ เมื่อผู้เชี่ยวชาญการดีดแก้วคริสตัลจะสามารถดีดองค์พระให้ดังกังวาลได้ดังและได้นาน

พระแก้วปางนี้ลูกน้องช่างแก้วผมเขาต้องการสร้างเอง เขาต้องการน้อมถวายไว้ที่พม่าบ้านเกิดของเขาองค์หนึ่ง อีกองค์หนึ่งลูกน้องช่างแก้วผมขายให้คนคนหนึ่งไปในราคาถูกมาก

 

พระแก้วหลอมครั้งละ 4 องค์ต่อเตา เมื่อกระเทาะปูนปลาสเตอร์ออกมาจะเป็นตามรูปนี้ครับ คือจะได้แก้วสีขาวฝ้า ( ก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อเป็นสีใสนะครับ แต่เมื่อหลอมเสร็จจะได้สีขาวฝ้า )

 

เมื่อนำพระแก้วที่เพิ่งกระเทาะปูนปลาสเตอร์ออกหมดแล้ว นำไปล้างน้ำ ก็จะเห็นได้ดังในภาพนี้ครับ องค์ขวาคือองค์ที่ล้างน้ำแล้ว องค์ซ้ายเพิ่งกระเทาะปูนหมดยังไม่ล้างน้ำ

 

ปางที่ผมสร้างเมื่อนำไปล้างน้ำ องค์ขวานำไปล้างน้ำแล้ว น้ำยังไม่แห้งสนิทดี สีจะเป็นขวาฝ้าแต่ออกใส พอน้ำแห้งสนิทก็จะเป็นสีฝ้าขาวเองครับ

องค์ซ้ายคือที่ล้างน้ำแล้ว รอให้น้ำแห้งสนิทแล้ว สีจะเป็นขาวฝ้า

 

พรุ่งนี้โปรดติดตาม การหลอมและอบสร้างพระแก้วหน้าตัก 5 นิ้วด้วยก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อจากจีน เป็นก้อนแก้วที่โรงงานผลิตก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อสร้างขายส่งออกทั่วโลกในราคาค่อนข้างถูก คือกิโลกรัมละ 5 หยวน ( 25.- บาทเนื่องจากเราซื้อปลีก ซื้อน้อยก็จะแพง ) [ หากซื้อครั้งละมากๆ ตามที่โรงงานผลิตก้อนแก้วเขาต้องการให้ซื้อครั้งละเกิน 300 กิโลกรัมจะลดลงไปเรื่อยๆถึง 1,000 kg และสัญญาว่าจะซื้อเรื่อยๆราคาอาจลดลงเหลือแค่กิโลกรัมละ 10.- บาท ]

อย่างไรก็ดี การที่ซื้อน้อยแล้วให้เขาคิดราคากิโลกรัมละ 5 หยวนก็ถือว่า ไม่แพงแล้ว แค่กิโลกรัมละ 25.- บาท ถูกกว่าทองเหลือง แต่สวยกว่าทองเหลืองมาก และเป็นแก้วคริสตัลสูตร 30% PbO เสียด้วย

 

เมื่อไม่นานมานี้ มีคนคนหนึ่งได้ขอให้ลูกน้องช่างแก้วของผมที่ขณะนั้นมีอายุ 67 ปี ให้ช่วยทำการทดลองสร้างรูปพระรูปหนึ่งจำนวน 2 องค์ ( หากสำเร็จดีมีออร์เด้อร์รออยู่แล้วจำนวนมาก ) เป็นปางยืน สูงประมาณ 60 - 70 ซ.ม. โดยเขาได้ขอคำปรึกษาจากลูกน้องช่างแก้วของผม และลูกน้องผมได้ปรึกษาผม ผมให้คำปรึกษาว่า สำหรับรูปพระสำคัญแล้ว ควรเลือกวัสดุที่ดีที่สุด ก้อนแก้วให้ซื้อจาก Gaffer Glass ปูนปลาสเตอร์ให้สั่งของอเมริกาหรือยุโรป เช่นของฝรั่งเศสหรืออังกฤษ แต่ในที่สุดคนคนนั้นได้สั่งก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อจากจีนในราคากิโลกรัมละ 5 หยวน = kg@ 25.- บาท และปูนถุงละ 40.- บาท

ในภาพนี้เป็นภาพจริงที่ลูกน้องช่างแก้วผมส่งให้ผม องค์พระยืนทดลองสร้าง 2 องค์ และลูกน้องช่างแก้วผมขออนุญาตสร้างหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่หน้าตัก 5 นิ้วด้วยก้อนแก้วจากจีนและปูนจีนด้วยเลย โดยให้ถือว่า หลวงปู่ทิมนี้เป็นกรรมสิทธิของลูกน้องช่างแก้วของผม ซึ่งคนคนนั้นอนุญาต

 

ลูกน้องช่างแก้วของผมส่งภาพองค์พระทองเหลือง ( มุมบนซ้าย ) สีดำที่เขาไปบูชามาจากวัด ทำเป็นองค์ต้นแบบ ทำการถอดพิมพ์ยางแล้ว ได้หุ่นขี้ผึ้งสีเขียวจำนวนหนึ่ง

 

การใช้ไอน้ำรนความร้อน ทำให้หุ่นขี้ผึ้งที่อยู่ในแม่พิมพ์ปูนปลาสเตอร์ละลายและไหลออกจากแม่พิมพ์ปูน เพราะเหตุนี้ จึงเรียกว่า Lost Wax Technic และสิ่งที่เลือกเป็นวัสดุนั้นเป็นแก้วคริสตัล รวมๆจึงเรียกว่า Lost Wax Glass