วิธีเลิกหลงไหลกับคนที่คิดว่าเป็นคู่แท้

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย rinnn, 19 สิงหาคม 2008.

  1. rinnn

    rinnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    7,666
    ค่าพลัง:
    +24,024
    ถาม – แฟนดิฉันเคยชวนให้มั่นใจว่าเราเป็นคู่แท้แต่ปางก่อน พูดอย่างโน้นพูดอย่างนี้จนกระทั่งดิฉันปักใจเชื่อตามกัน และยอมให้เขาทุกอย่าง แต่ในที่สุดหลังจากคบกันมาระยะหนึ่งเขาก็จะขอแยกจากไป ดิฉันรักเขามาก อยากได้เป็นคู่ชีวิตจริงๆ จะมีวิธีทำบุญแบบใดไปดลใจให้เขากลับมาหาเราได้ไหมคะ?

    ตอบ
    ผมว่าทำบุญอธิษฐานขอให้ตาสว่างเถอะครับ เวลาโดนความพิศวาสครอบงำ เราจะนึกว่านี่แหละใช่ที่สุด รักเขาไม่มีทางถอน ฉะนั้นความลุ่มหลงพิศวาสจึงเปรียบเหมือนเมฆหมอกมืดมัว ทำให้เราไม่สามารถเห็นถนัดว่าเขาดีเลวอย่างไร ต่อเมื่อมีแสงสว่างฉายสาดมาชำแรก เมฆหมอกจึงสลายตัวไป เปิดให้เห็นทัศนวิสัยปกติ ซึ่งคุณอาจรู้สึกไปอีกแบบหนึ่งอย่างสิ้นเชิง ที่สุดแล้วเขาคือคนแปลกหน้าคนหนึ่ง ดีตรงไหน เลวประมาณใด คุ้มหรือไม่คุ้มกับการเสียเวลาลงทุนลงแรงให้
    หากทำบุญแล้วคิดอยากให้เขากลับมา ก็เหมือนใช้บุญแทนเสน่ห์ยาแฝด อันนั้นแหละจะยิ่งผูกจิตของคุณให้แนบกับความหลงอย่างแน่นหนา ในที่สุดจะแก้ยากเข้าไปอีกครับ เพราะบุญเปรียบเหมือนยาหรืออาหารบำรุงกำลัง คุณกินเข้าไปก็เพิ่มเรี่ยวแรงทุกครั้ง แต่หากตั้งเข็มไว้ผิด แทนที่จะใช้กำลังวังชาหาทางออกจากป่า กลับวิ่งหลงเข้าป่ารก คุณก็จะพบความทึบตันหนักขึ้นเรื่อยๆ คราวนี้พอหมดกำลังงานจากยาอาหารก็จอดสนิทเลยครับ กระดุกกระดิกออกจากป่าไม่ไหวแน่แล้ว
    เรื่องภพๆชาติๆนี้นะครับ พอเราโดนใครกล่อม แล้วยอมร่วมสะกดจิตตัวเองไปกับเขา เฝ้าบอกตัวเองย้ำๆอยู่ทุกวันว่าเราเป็นคู่แท้ เป็นเนื้อคู่ เป็นคู่บุญที่ร่วมกันมา หอบหิ้วกันมานับชาติไม่ถ้วน ในที่สุดจะเกิดพลังโมหะ บีบให้ปักใจเชื่อตามนั้นเป็นจริงเป็นจัง แล้วคนเราพอหลงยึดหลงเชื่อด้วยอำนาจความพิศวาส ก็ยากมากที่จะปล่อยวางลงด้วยอำนาจปัญญา
    การจะเชื่อว่าใครเป็นคู่ของเราจริงๆหรือเปล่า ก็น่าจะถามตัวเองได้ครับว่าโดยรวมทั้งหมด การคบหากันระหว่างเรากับเขาเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ และที่สำคัญคือคบแล้วชวนกันมีจิตเป็นบุญหรือเป็นบาปโดยมาก เพราะถ้าเคยร่วมบุญกันมาจริง บุญเก่าย่อมนำคู่บุญมาต่อยอดความสุขความเจริญยิ่งๆขึ้นไป ไม่ใช่เพื่อให้ฝ่ายหนึ่งแหนงหน่าย และอีกฝ่ายหนึ่งทนทุกข์อยู่อย่างเดียวดาย
    หากอยู่กับเขาเพื่อเป็นสุขในเชิงกามแป๊บๆแล้วโดนเบื่อ ไม่เกิดความเจริญก้าวหน้าอันเป็นบุญกุศล ไม่มีความสว่างทางจิตเอาเลย ก็ขอให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเขาไม่ใช่ ‘คู่บุญ’ หรอกครับ แค่เป็นคู่เวรที่ตามมาเอาคืนมากกว่า
    การถามว่าใช่เนื้อคู่หรือไม่นั้น รังแต่จะทำให้สับสนและไม่ยอมรับความจริง ประสบการณ์เทือกนี้น่าจะชวนให้คุณเห็นเสียทีครับ ว่าปุถุชนคนหนึ่งพูดอะไรอย่างที่ใจอยาก ไม่ได้พูดอย่างที่ใจรู้ ตอนเขาอยากได้เราเขาก็บอกว่าคงเคยร่วมพนมมือต่อหน้าเจดีย์ทอง อธิษฐานขอเป็นคู่ชีวิตร่วมกันไปทุกภพทุกชาติ แต่ตอนโกรธกันหรือเวลาเขาอยากจากไป ก็อาจหาว่าเราเคยจงเกลียดจงชัง สาปแช่งและขอผูกเวรกันต่อหน้าจอมปลวก ขอจองล้างจองผลาญเป็นคู่อาฆาตไปชั่วกัปชั่วกัลป์
    นี่แหละอำนาจความไม่รู้ของมนุษย์ ผลักดันให้พูดอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น ความเชื่อเรื่องผูกใจข้ามภพข้ามชาติกลายเป็นเพียงเครื่องมือสนองราคะหรือโทสะเป็นคราวๆเท่านั้น ภพชาติและกรรมสัมพันธ์ถึงได้เป็นเรื่องฟั่นเฝือ เห็นจริงเห็นเท็จคละกันมั่วไปหมด
    สำหรับการทำบุญเพื่อให้ตาสว่าง ผมขอแนะแนวทางง่ายๆไม่ต้องเสียเงินเสียทอง คุณแค่ไปนั่งหน้าพระปฏิมาที่ไหนสักแห่ง ในบ้านหรือที่วัดก็ได้ พนมมือแล้วคิดในใจหรือเอ่ยปากเปล่งเสียงชัดถ้อยชัดคำ อ้างความจริงอันประเสริฐ เช่น พระพุทธเจ้าทรงทำลายความหลงผิดได้เด็ดขาดแล้ว ทรงเป็นผู้บริสุทธิ์ เป็นพระอรหันต์แล้ว ข้าพระพุทธเจ้าขอนอบน้อมด้วยความเลื่อมใส และขออำนาจความเลื่อมใสนี้ จงเป็นแสงสว่าง ทำให้ข้าพระพุทธเจ้าตาสว่างในทุกเรื่องที่ยังหลงผิดมัวเมาอยู่ด้วยเถิด
    เอาประมาณนี้ หรือจำคำสำคัญๆด้วยความเข้าใจไว้ก็พอครับ นั่นคือพระพุทธเจ้าไม่ทรงหลงผิดแล้ว เมื่อเราเลื่อมใสในท่าน ก็ย่อมเกิดโสมนัสขึ้นมาปรุงแต่งจิตเป็นมหากุศลชั่วขณะหนึ่ง มหากุศลจิตมีความสามารถซึมซับพลังของผู้ที่คุณศรัทธา หมายความว่าเมื่อคุณศรัทธาพระปัญญาของพระพุทธเจ้า ก็เท่ากับได้ส่วนแห่งแสงปัญญาของท่านมาฟรีๆ ยิ่งถ้าอธิษฐานแบบจำเพาะเจาะจงสำทับลงไป ว่าขอให้เลิกหลงเลิกงมงายอะไรผิดๆ ในที่สุดก็ต้องได้ผลตามแรงอธิษฐาน
    พระพุทธคุณเป็นของไม่มีโทษ ตื่นเช้าและก่อนนอนลอง ‘ทำบุญ’ ตามวิธีที่ผมว่านี้ ขอรับรองผลภายในสามวันเจ็ดวันครับ อย่างช้าวันที่เจ็ดความงมงายในรักจะคลายฤทธิ์ หรือถึงขั้นหมดพิษสงลงสนิท คุณจะตื่นเช้าขึ้นมาด้วยจิตใจที่โปร่งโล่ง หูตาสว่าง และถามตัวเองว่าที่ผ่านมาทำไมต้องไปมัวหลงเขาไม่เลิก คำตอบก็คือเพราะอำนาจมนต์ดำแห่งความพิศวาสเสื่อมลงแล้ว ปล่อยให้ใจของคุณเป็นอิสระแล้ว!




    ที่มา ดังตฤณ วิสัชนา
     
  2. สัทธาธิกะ

    สัทธาธิกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    736
    ค่าพลัง:
    +373
    ตรงนี้ผมว่าสำคัญมากๆเลยครับ เพราะถ้าจิตเป็นบุญ
    ก็จะคบกันได้ตลอดรอดฝั่งแน่นอน ดังนั้นควรพินิจพิจารณาให้ดีนะครับ
    อนุโมทนาครับ
     
  3. พามมะวดี

    พามมะวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +1,857
    หลวงปู่บุดดา ถาวโร
    วัดกลางชูศรีเจริญสุข จ.สิงห์บุรี

    ขันธ์ 5 ของกิเลสมันเกิดเป็นทุกข์ ตายเป็นทุกข์อยู่แล้ว
    เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาอยู่แล้ว
    คนไทยนี่อะไรๆ ไม่เสียดายหรอก
    ในโลกนี้ให้หมดนะ อามิสนะ
    แต่มีข้อแม้ว่า ผัวดิฉันนะ ใครแตะไม่ได้นะ เอาตายเชียวนะ
    จะไปนิพพานจะเอาผัวไปด้วย
    ปัดโธ่ เขาไปนิพพานเอาผัว เอาเมียไปที่ไหนกัน
    เขาเอาธรรมะไปต่างหากล่ะ.
     
  4. ภัทรอังคาร

    ภัทรอังคาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    4,904
    ค่าพลัง:
    +14,098
    เจอมากลับตัวค่ะ มีคนมาบอกเราแบบนี้แหละว่าเขาเหมือนรู้จักกับเรามานาน รู้จักกันมาเป็นแรมปีเหมือนเราตามหากันมาตลอดทุกภพทุกชาติ เขารู้สึกว่าเขาดีใจมากๆที่ได้เจอเรา เรามัวแต่ไปหลบซ่อนที่ไหนอยู่ทำไมถึงเจอเขาช้าจัง แรกๆก็คุยเรื่องธรรมะ อบรมสั่งสอนพระธรรมเราตลอดเวลา เราก็เคยคิดคล้อยตามเขาว่าจริงเนาะ เขากับเราอาจจะเป็นคู่ที่รอคอยกันมาทุกภพทุกชาติ ก็เลยรองคุยมาเรื่อยๆ

    แต่มาช่วงหลังนี้มีความรู้สึกว่า จากที่เคยเปลี่ยนเป็นพูดธรรมะเขาก็หันมาพูดกับเราเรื่องที่ไม่มีแม้แต่ธรรมะเลย ไม่เคยตักบาตร ทำบุญ ไม่สวดมนต์ไหว้พระ เราพูดกับเขาๆก็บอกว่า คนที่ไม่สวดมนต์ไหว้พระ แต่อาจจะเข้าถึงธรรมได้มากกว่าคนที่สวดมนต์ไหว้พระก็ได้ ว่าเข้าไปนั่น หลังๆคุยอะไรก็ขวางเราไปซะหมด เหมือนจระเข้ขวางคลอง เราก็เลยมาคิดได้ว่าถ้าคุยกับเขาแล้วจิตเราตกขนาดนี้ เขาจะเป็นคู่แท้ของเราตั้งแต่อดีตชาติได้ไง พักหลังเราก็เริ่มถอยห่าง แต่เชื่อไหมว่าการถอยห่างของเรามันก็คือการพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้มีความรักให้กับเราหรอก เพราะถ้าเขามีเราจะถอยยังไงเขาก็ต้องตาม แล้วถ้าเขาคิดว่าเราเป็นคู่แท้ของเขาจากอดีตชาิติจริง มีรึเขาจะยอมปล่อยให้เราหลุดลอยจากเขาไปอีก เมื่อได้มาพบกันแล้วในชาตินี้

    ดังนั้นสิ่งที่กำลังจะบอกก็คือว่า อย่าได้หลงไหล หน้ามืดตามัวไปกับความรักเลย อย่าได้คิดว่าใครเป็นคู่ครองของเรามาแต่ปางก่อน อย่าได้ยึดติดกับเขาให้ตัวเองเศร้าหมองเลย อดีตชาติก็คืออดีต จะเอามาผูกกับปัจจุบันย่อมเป็นไปไม่ได้ และยุคไฮเทคอย่างงี้ คนเรามันสามารถปั้นน้ำเป็นตัว แต่งเรื่องได้ เล่นละครเก่งยิ่งกว่าตัวละครจริงๆเสียอีก เราก็เลยมานั่งดีใจว่าทุกวันนี้เราไม่หลงไหลได้ปลื้มไปกับคำพูด หรือน้ำคำของเขา เพราะเรารู้แล้วว่าถ้าคู่แท้เขาต้องสนับสนุนซึ่งกันและกัน มีแต่ความหวังดีให้แก่กัน มิใช่มาหลอกให้รักแล้วตีจาก ดังนั้นสาวๆทั้งหลาย พึงสังวร อย่าเป็นเหยื่อของภพชาติ
     
  5. สี่จุด

    สี่จุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    705
    ค่าพลัง:
    +3,658
    ตอนนี้กำลังเซ็งกับน้องสาว(แก่)ที่ไปหลงดาราหนุ่ม(เหลือน้อย) เห้ออออ
    ไม่ลืมหูลืมตา นายคนนี้ก็เมื่อก่อนเขาว่าเป็นตุ๊ดเป็นแต๋ว แล้วมีคู่เป็นดารา
    ถ่ายเปลือย แต่แล้ววันหนึ่ง นายคนนี้ก็เกิดอยากจะขายตรง ก็ไปเข้าอบรม
    ซึ่งน้องเราเป็นเหมือนวิทยากร นายคนนี้ก็จับน้องสาวเรา ทั้งที่น้องเราแก่
    กว่าเป็นสิบปี ไปไหนไปด้วยกัน เป็นปลื้มกัน เราก็ได้แต่เตือน พอคู่(ขา)
    ของเขากลับจากเมืองนอก ก็ออกมาร้องไห้อาลัยอาวรณ์กันที ครั้งล่าสุด
    คู่ขาทิ้งจริงๆ เขาก็ประกาศว่า เขาจะแต่งงาน แต่ไม่ใช่กับน้องสาวเรา
    หรอก กับภรรยาของเขานั่นแหละ แค่นั้นน่ะ ไม่เป็นไร แต่ว่า ตอนคบน้อง
    เราก็สร้างหนี้กับธนาคารโดยให้น้องเราเป็นผู้ค้ำ(โง่ซ้ำซ้อน ตาบอดซ้ำซาก)
    ประกัน พอแต่งงานเสร็จก็หายเข้ากลีบเมฆไป ธนาคารก็ฟ้องน้องเรา ยัยน้อง
    นี่ก็มาร้องไห้กับอก(เหี่ยวๆ)ของพี่คนนี้ ว่า ให้ออกเงินจ่ายให้ธนาคารที ไม่
    อยากติดคุก เราก็ว่า ไม่ติดคุกหรอกน่า เขาก็บอก เขาจะผ่อนให้เรา แต่เรา
    ไม่ให้ ไม่ใช่ใจร้าย ตอนแรกคบกับผู้ชายคนนี้ เราก็เตือนแล้วว่า ไม่ใช่ ไม่เคย
    ฟังเสียงใครเลย โดนปอกลอกซะหมดตัว แล้วมันก็หายไป เราก็บอกว่า ให้ไป
    ปรึกษาน้องชายเราแล้วกัน เขาทำงานธนาคาร เขาจะมีวิธีประนอมหนี้ยังไง
    ก็บราๆๆๆๆ เรียบร้อย ยัยน้องเราก็ตั้งหน้าตั้งตาตั้งใจใช้หนี้หลายแสนนี้ พอมา
    วันนี้ได้ข่าวว่า นายคนนั้น กลับมาจ๊ะจ๋ากับน้องเราอีกแล้ว เห้ออออ ตามันบอด
    จริงๆนะนี่ ยัยน้องเราทำตัวเริงร่า มีชีวิตชีวา นี่ว่า ว่างๆจะถามซักหน่อยว่า ที่มัน
    กลับมาเนี่ย จะมาช่วยใช้หนี้หรือเปล่า แต่แล้ว สายตาก็เหลือบไปเห็นหนังสือ
    ธรรมะของหลวงพ่อมิตซูโอะ คเวสโก ว่า ทุกข์เพราะพูดผิด เลย..เออ...ไม่พูด
    ดีกว่า กรรมใครกรรมมัน สงสัยมันยังใช้กรรมไม่หมด ฉุดยากจริงๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...