วิธีแก้ปัญหาของคนอ่อนไหว ที่เกลียดและกลัวปัญหา

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย DevilBitch, 24 มิถุนายน 2005.

  1. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ปุจฉา
    วิธียกจิต

    รู้สึกเซ็งกับการทำงาน เพราะมีความรู้สึกว่าองค์กรยุคนี้มีแต่จะ Take จากพนักงาน แต่ไม่มีการ Give เพื่อสวัสดิภาพและความมั่นคงเลย ขอกราบเรียนถามหลวงปู่ว่า จะมีวิธีคิดเพื่อยกจิตอย่างไรให้หายเซ็ง

    วิสัชนา
    ก็คงจะขอให้ผู้ถามและท่านทั้งหลายได้ลองทบทวนเรื่องที่เคยพูดไปแล้วคือ ชีวิตการงานเพื่อความเบิกบาน ว่า
    การทำงาน คือ การเริ่มต้นของชีวิต
    การทำงาน คือ การบริหารจัดการชีวิต
    การทำงาน คือ การฝึกปรือสมรรถนะ และการเปิดประตูวิญญาณของพวกเราเพื่อการเรียนรู้
    การทำงาน เป็นการทดสอบและเป็นกระบวนการสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต

    ในเมื่อชีวิตต้องทำงาน ขอแนะวิธีการปฏิบัติงานด้วยความเบิกบาน ว่าการทำงานเพื่อความเบิกบาน มีทั้งหมด 10 ประการ
    1. งานเป็นวิถีทางอันมีคุณค่าสำหรับการแสวงหาความสุขใจอย่างลึกซึ้งในการมีชีวิต
    2. งานเป็นโอกาสให้คนได้พัฒนาศักยภาพของร่างกายและจิตวิญญาณได้อย่างดีเยี่ยม
    3. งานทำให้เพิ่มโอกาสได้เรียนรู้เรื่องชีวิตและวิญญาณของตนมากขึ้น
    4. งานนั้นเป็นกระบวนการเตรียมสร้างความกล้าแกร่ง อดทนอดกลั้นให้เพิ่มพูนมากขึ้น ถ้าทำมันด้วยใจจริง
    5. งานทำให้เกิดความรัก ความเมตตา อาทรต่อเพื่อนร่วมงาน ผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตาย
    6. งานเป็นแหล่งให้กำเนิดความงอกงามและทำให้ชีวิตมีแก่นสารมากขึ้น
    7. งานทำให้ได้เห็นตัวตนแท้จริงของสัจธรรม ตามคำสอนของพระศาสนาได้อย่างถูกต้อง
    8. งานสามารถที่จะเอาทุกเรื่องของชีวิตมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มบริบูรณ์
    9. งานช่วยให้ได้เรียนรู้การใช้พลังธรรมชาติในตัวเองอย่างช่ำชอง เชี่ยวชาญกล้าหาญ และ ชาญฉลาด
    10. งานทำให้เกิดความผูกสมัครสมานสามัคคี ในการอยู่ร่วมกัน

    จะทำงานอย่างไรให้ใหม่ สดใสเสมอ
    การทำงานเป็นการเปิดประตูวิญญาณ เป็นการเพิ่มพูนความรู้ สร้างสรรค์สาระให้เป็นประโยชน์ภายในตนและคนรอบข้างให้เกิดประโยชน์ ทุกครั้งที่มีการทำงานจะคิดเสมอว่า มันคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่ได้เข้าไปศึกษาและเข้าใกล้ และทำความเข้าใจต่อมันทุกครั้งที่เผชิญและพบกับการทำงาน คุณจงสำนึกเสมอว่า มันคือพรอันยิ่งใหญ่ที่สวรรค์และฟ้าดินมอบให้เรา คราใดที่เราเข้าใกล้ปัญหาใด จิตวิญญาณของเราจะแกร่งและกล้าสู้กับปัญหาที่เผชิญได้ เป็นการเสริมสร้างความกล้าแกร่งของจิตวิญญาณ คนที่อ่อนแอคือคนที่ไม่ฝึกปรือ คนที่อ่อนไหวคือคนที่เกลียดและกลัวปัญหา

    อย่าลืิมว่า การให้อภัย มีเมตตา คือ เครื่องสร้างสัมพันธภาพระหว่างเรากับสังคมความอ่อนแอของคนเรานั้น เกิดจากการปฏิเสธปัญหา

    เกิดจากขบวนการบริหารจัดการปัญหาได้อย่างไม่จบ มีมลภาวะตกค้าง

    เกิดจากความเกียจคร้าน สันหลังยาว ไม่เอาใจใส่การงานทั้งหลาย แม้แต่ต่อชีวิตตนเองและคนรอบข้าง

    ถ้ารวงข้าวใดที่เติบโตอย่างไม่ดูดน้ำเลี้ยง มันก็ไม่มีรวงเพื่อเลี้ยงชาวโลก เมล็ดข้าวนั้นก็ไม่ให้ประโยชน์แก่ตนเองและคนในโลก รวงข้าวที่ลีบนั้นจะไม่โค้งหัวลงสู่พื้น มันจะชี้ขึ้นสู่ฟ้า ตรงกันข้ามกับเมล็ดข้าวที่ดูดน้ำเลี้ยงไปเสริมสร้างเนื้อเยื่อ เมล็ดพรรณนั้น
    จะมีความอุดมสมบูรณ์ สุดท้ายก็สามารถเลี้ยงชาวโลกได้ มันไม่ยโส กลับค้อมหัวลงก้มหน้ามองดิน นั่นจะเรียกว่า รวงข้าวอ่อนแอหรือ เปล่าเลย แต่ทว่ามันไม่ทะนง ไม่ยิ่งโส ไม่อวดดี ตรงกันข้ามกับคนที่ไม่มีอะไร เหมือนรวงข้าวที่ลีบ มันยโส อวดดี ทะนง และไร้สาระ ไร้ประโยชน์

    ดังนั้น เราต้องพยายามทำงาน ทำคนให้เป็นรวงข้าวที่สุกหอมหวาน และพร้อมที่จะก้มหัวลงยอมรับเหตุผลของคนอื่นได้

    ลูกรัก เราจะรู้หรือไม่ว่า เหตุใด รวงข้าวที่สุก ยิ่งสุก จึงยิ่งหอมหวาน
    นั่นหมายถึง ปุถุชนที่เกิดขึ้นแล้ว ให้ประโยชน์ต่อสังคม มีลมหายใจ มีชีวิตเกิดพลัง ใช้พลังสร้างสรรค์ชีวิต สิ้นลมหายใจ ไม่มีชีวิต ไร้พลัง ไม่มีสาระ เหมือนดังรวงข้าวที่ยิ่งสุก ยิ่งหอมหวาน เพราะมีประโยชน์ต่อแผ่นดิน หล่อเลี้ยงสิ่งมีชีวิตให้ดำรงอยู่ได้ต่อไป

    ดังนั้น ความหมายของคนที่มีลมหายใจ มีชีวิต แต่ไม่ทำและสร้างสาระ นั่นคือ ก้อนหินเดินได้ ต้นไม้ที่รอวันตาย ชีวิตเช่นนี้ไม่ควรมีชีวิต เพราะการมีชีวิตนั้นมีเพื่อสร้างสรรค์การงาน นอกจากจะวัดสมรรถภาพ สมรรถนะความรู้ ความสามารถ
    ของชีวิตเราแล้ว ยังต้องสร้างสรรค์สาระประโยชน์ให้เกิดแก่งานและคนรอบข้าง อีกทั้งยังช่วยทำให้จิตวิญญาณโปร่ง โล่ง เบา สบาย

    การงาน เป็นการสร้างการเรียนรู้ สู้กับปัญหาอย่างยอมรับ รอบคอบ เพื่อให้เกิดความสะอาด สว่าง สงบ เมื่อทำงานได้เสร็จ ใจมีความสุข โล่ง เพราะได้ทำการงาน สร้างสาระประโยชน์ คราใดที่เราเอาชนะปัญหาได้ เราจะเกิดประสบการณ์จากการได้เรียนรู้มากขึ้น ปัญหาเหล่านั้น เราได้เข้าไปดู ไปจัดการ เราจึงไม่ควรปฏิเสธ
    การงาน ด้วยการไม่ยอมรับการทำงาน

    เขาจ้างเรามาเพื่อแก้ปัญหา มิใช่มาสร้างปัญหา ปัญหามันมีอยู่แล้ว หากคนแก้ปัญหาเป็นผู้สร้างปัญหา เราจะทำงานอย่างไร ดังนั้น การทำงานจึงต้องทำด้วยความเบิกบาน

    By: http://www.manager.co.th/Dhamma/ViewNews.aspx?NewsID=9480000075374
     

แชร์หน้านี้

Loading...