โดนคนตีหัวแตก แต่เฉยๆนี่เรียกว่าพ้นกรรมดีไหม มันก้ำกึ่งนะ อธิบายได้หลายแบบ
กายอาจจะโดนกรรม แต่ใจมันไม่โดนกรรมแล้ว
น้าจรอย่าเรียกผมว่าหลวงพ่อนะ เดี๋ยวคนอื่นจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่นะครับ ยังไม่ได้บวชเลย ไม่เคยบวชเลยด้วยซ้ำ
ว่าด้วยเรื่องของเจ้ากรรม นายเวร จะหนีกรรมได้อย่างไร มาดูกัน
ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย to2504, 9 พฤษภาคม 2008.
หน้า 5 ของ 7
-
อันนี้ชุดเล็ก ครับ
อย่านะ อย่าบอกว่า อยากได้ ชุดใหญ่
เด่ว จัดปายยยยยยยย ให้ซะ
นิดหนึ่ง เห็นว่าเรื่องประเภทกรรม ใช่ครับ กรรมมีหลายประเภท หนักเบาไม่เท่ากัน บางทีก็มีผลเฉพาะช่วง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม กรรมที่ ให้ผลกับนามรูปที่เป็นเราให้เราเป็นเรา ก็คือวิบากกรรม ครับ เพราะว่าถ้าไม่มีวิบากกรรมทำงาน ในรูปกาย นามรูปนี้ เราจะได้ไปจุติใหม่ครับ ..... ขอบอก ถ้าจะให้บอกชี้ชัดไปเลย ก็คือวิบากรรมที่ รักษานามกับรูปธาตุสี่ให้อยู่ด้วยกัน .... หุหุ วนไปก็วนมาเนอะ -
ใครซีเรียสจ๊ะ......
ซีเรียส คือ Serious แปลว่า จริงจัง คำว่า
จริงจังเกิดจากอะไร ??
ข้อธรรม ข้อไหน...ตอบมา!!! -
-
อ้อ แล้ว สิ่งหนึ่ง พระท่านก็ไม่ได้ใช้คำว่า จิตหรือใจ นะ
ดังนั้น ใครคิดว่า ขันธ์ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่ง ก็คือ จิตหรือใจ ก็แปลว่ายังเห็นผิด -
-
หุหุ
ไม่รุ ไม่ชิ. -
กว่าจะดึงออกจากสัญญาได้ก็ต้องละจิตละใจแล้ว
อะหนอ อะหนอ -
<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 12 คน ( เป็นสมาชิก 7 คน และ บุคคลทั่วไป 5 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>หลงเข้ามา, 108man, ใบไม้นอกกำมือ, jinny95, momogo, to2504, ไร้กรรม </TD></TR></TBODY></TABLE>
ยินดีต้อนรับ คุณ พลศักดิ์ หุหุ -
-
เราว่าบวชไม่บวชก็ไม่ต่างกัน มีแต่ธาตุ เหมือนกันหมด อยู่ไหน แต่งกายแบบไหนก็ไม่ต่างกัน คนธรรมดาเหมือนกัน
รอท่านอื่นชี้แนะ -
<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 18 คน ( เป็นสมาชิก 10 คน และ บุคคลทั่วไป 8 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>สันโดษ, 108man, ใบไม้นอกกำมือ, หลงเข้ามา, jinny95, momogo, to2504, ไร้กรรม, ผ่อนคลาย </TD></TR></TBODY></TABLE>
โอ๊ะ..โอ...เจ๋งงงงงงงง -
ธรรมะจากหลวงปู่ดู่ จากข้าวที่เหลือของหลวงปู่แล้วศิษย์นำมาแบ่งกันกิน<O:p</O:p
<O:p</O:p
ข้าวที่เสก ข้าอัญเชิญเทวดามาอยู่ทุกเม็ดเลย ดังนั้นเวลากินอย่าคุยกันเสียงดังเอะอะ กินไปให้ภาวนาไปว่า พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆังสะระณัง คัจฉามิ มิให้อยู่ในอารมณ์ (ไม่ให้ตกอยู่ในอารมณ์กิเลสตัณหา)
<O:p</O:p
<O:p</O:p
ทำไมข้าจึงให้พวกแกภาวนา ก็ที่แกกินอยู่น่ะผีทั้งนั้น ผีวัวผีควาย ผีเป็ดผีไก่ ผีปลาผีกุ้ง มันถูกฆ่าเป็นศพแล้วเขาจึงเอามาทำอาหาร มันมายืนดูพวกกินซากพวกมัน พวกแกกินเข้าไปแล้วไม่ภาวนาไว้ มันก็จะแทรกซึมเข้าไปในกาย เพราะพวกแกกินวัตถุธาตุของพวกมันเข้าไป มันก็เข้าไปอาศัยสะสมเข้าไปเรื่อยๆ มันน่ากลัวไหมล่ะ ภาวนาไว้เถิด ข้าสอนแล้วสอนอีกให้พวกแกเอาดีเข้าตัว แต่พวกแกกลับเอาของไม่ดีเข้าตัว<O:p</O:p
<O:p</O:p
......<O:p</O:p
<O:p</O:p
เจ้ากรรมนายเวรมีอยู่รอบตัว คนมาเจอกันก็กระทบกัน มีแรงวิบากต่อกัน พูดล่วงเกินเทวดาหรือมารต่างๆ เขาก็จำไว้ ตามเป็นแรงรักแรงอาฆาตกันไปในสมมุติยากจะจบลง อยู่คนละภพก็ทั้งคุ้มครองและจองเวรจองกรรม ภพเดียวกันก็ตามรักตามเกลียดกัน ยากจะสิ้นสุด <O:p</O:p
<O:p</O:p
ทีนี้ที่ว่าแก้กรรมนั้น ไม่ใช่เข้าไปแก้กรรมในอดีต แต่แก้ที่ปัจจุบัน คือยุติกรรมที่จองเวรกันเสีย ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายกับกรรมใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ส่วนของเก่าก็ต้องสะสางกันไป<O:p</O:p
<O:p</O:p
คนที่อภัยคนอื่นนี่ตัวเองได้บุญก่อนด้วย เพราะเท่ากับไม่สร้างกรรมใหม่ที่เลวร้ายให้ทั้งตัวเองต่อ และฝ่ายอื่นต่อ <O:p</O:p
<O:p</O:p
ที่นี้มาบอกคนนี่ คนเข้าใจยาก เพราะธาตสี่หยาบมันคุ้มครองอยู่ แต่ถ้าบอกผี ผีพอปล่อยความอาฆาต เขาเปลี่ยนภูมิเลย เป็นเทวดานางฟ้าไปเลยก็มี ได้ประโยชน์กับตนก่อน <O:p</O:p
<O:p</O:p
เรื่องกรรมนี่อจินไตย มันไม่ใช่แค่บอกว่ากรรมปัจจุบันเกิดขึ้นเพราะอดีต ไม่งั้นคงไม่มีกรรมอนาคต แต่กรรมปัจจุบันยังเกิดทุกขณะ จึงแก้ได้แต่ที่ปัจจุบัน คำว่าแก้กรรมในอดีต จึงหมายถึงแก้ไขไม่ให้กระแสวิบากต่อเนื่องเป็นไปในทางที่เลวร้าย <O:p</O:p
<O:p</O:p
พวกของจริงเขาเห็นอีกภพ เขาสอบถามคู่กรณี เขาก็ช่วยเท่าที่ช่วยได้ ไม่ใช่ช่วยได้หมด แล้วแต่กำลังของคนช่วยด้วย <O:p</O:p
พวกของปลอมก็หลอกลวง สร้างเวรสร้างกรรมกันกระทบเป็นเงื่อนปมอีกหลายฝ่าย <O:p</O:p
<O:p</O:p
การเจริญภาวนา แล้วแผ่เมตตา แม้แต่ศัตรูก็กลายเป็นมิตรและได้ประโยชน์นั้นไปด้วย ทาน ศีล ปัญญา จึงไม่ได้มีประโยชน์แค่ตน แม้แต่คนรอบตัวก็ยังได้ ส่วนคนชั่วมากหน่อยก็เท่ากับลดความชั่วของเขาด้วยการหยุดกระทบจากเรา คือไม่เอากันจนตายไปด้วยต่างฝ่ายต่างขาดสติถือว่าการรักษาตัวเองนี่ก็มีประโยชน์ต่อคนอื่น เขาจะตามอาฆาตหรือชั่วอย่างไร ก็เท่ากับเป็นฝ่ายเขาฝ่ายเดียว รับวิบากของเขาไปเอง <O:p</O:p
<O:p</O:p
<O:p
</O:p
ธรรมทาน ทานที่ชนะการให้ทั้งปวง <O:p</O:p
http://www.tipitaka.com/dharmatan.htm<O:p</O:p
อภัยทาน ถือเป็นทานสูงสุด<O:p</O:p
http://www.kanlayanatam.com/sara/sara85.htm<O:p</O:p
<O:p</O:p
<O:p
</O:p
ต้องรีบไป.. <O:p></O:p> :d -
เมื่อสภาวะมันเดินทางมาถึงจุดหนึ่ง
มันก็ต้องทำให้แจ้ง เอาธรรมมาต่ออายุพุทธศาสนา
ผมถึงพูดเสมอว่า จะเอาเวลาที่เหลือไปทำอะไร -
คงต้องรอแก่กว่านี้ก่อน แต่จะตายก่อนแก่นี่สิ
-
มองข้ามไปเลยหกกระดาน หุหุ -
-
ขอเสริม ว่า น่าจะจริงครับ
เมื่อเราตายไป กรรมที่ให้ผลกับธาตุสี่ มันก็ตามไปทำร้ายเราไม่ได้ แต่ ถ้ากลับมาเกิด เสมือนกับว่ากรรมนี้ รอเรากลับมาเกิดรูปธาตุสี่จึงให้ผล ทีนี้ แม้ว่ารูปไม่มี แต่ นามยังมี ก็ได้รับเวทนาที่เกิดกับนามต่อในภพภูมิอื่นๆ อีก
และที่ว่า ขันธ์ไม่มีกรรมก็ไม่ได้ส่งผลต่อใจ ก็น่าจะจริง เพราะ มโนวิญญาณเป็นตัวรู้รวมมันไม่มีเพราะขันธ์ไม่มี ใจอาจจะไม่มีไปด้วยก็ได้ใจก็หายไปอีก หืมมมม ก็น่าจะเหลือเพียงจิต ก็เหมือนจะไม่มีอะไรส่งผลไปถึงอีก
โห คิดไปคิดมา มันไม่เหลืออะไรเลยนี่ โอ้วววววววว
อนุโมทนา -
ใครเข้ากระแสแล้ว จะหยุดความเพียรก็แล้วแต่
เวลาที่เหลือในธาตุขันธ์ จงเร่งทำคุณเถิด
หลวงตาบัว ท่านชอบแล้ว -
ตอนนี้ได้เปลี่ยน วิว มาอยู่ห้อง กฎแห่งกรรม
(ค่อยยังชั่ว...ไม่หลงหลุม)
หน้า 5 ของ 7