ว่าด้วย ทิฏฐิ 62 (๑. พรหมชาลสูตร )

เส้นเล็กนี่ยังไงเหรอเจ่หลง

อ่านแล้วเหมือน อะไรอะไรก็ไม่มี
แบบนี้เข้าข่ายไปหา นิยตะมิจฉาทิฏฐินะนี่


เส้นใหญ่นี่ เจ่หลงจะสื่อถึงพระ ก็อย่าไปกล่าวเหมารวม

หลวงปู่ หลวงพ่อ เป็นคำเรียกของพระสงฆ์
พระสงฆ์ท่านก็มีหลายองค์
คำสอนหลายๆองค์ ท่านก็สอนตรงตามพระไตรปิฎก
และยังเป็นพยานยืนยันในคำสอนพระพุทธเจ้า

สงสัยอะไร ก็ควรชี้แจงเฉพาะ

 

เอางี้นะ

กระทบตรงไหน ใส่ใจตรงนั้น

ในที่นี้พูดถึงอายตนะ ก็ให้รู้จริงๆว่า ขณะนี้เห็น ก็เป็นเรื่องของตาเห็นรูป

ก็ใส่ใจตรงตา ตรงที่มันกระทบ ไม่ใช่มองวัตถุ วัตถุเป็นรูปไม่ใช่เรา

ไม่ใช่ไปรูัวัตถุว่าคืออะไร ขณะนั้นเป็นเรื่องสัญญา ความจำ

แต่รู้ตรงปสาทจักษุ ลักษณะที่กำลังเห็นอยู่นี้เป็นนาม

ส่วนลูกตา เป็นรูป ถ้าสังเกตุดีๆ การกระทบอารมณ์ทางตา มีการประชุมธรรม ๓ อย่าง ถูกไหม

นี่ก็ดูไปเลย ว่ามันมีแล้วไม่มี นี้คือไม่เที่ยง

นี่ก็ดูไปเลยว่า รูปก็ไม่ใช่เรา ลูกตาก็ไม่ใช่เรา ที่เห็นอยู่ก็ไม่ใช่เรา

แต่เป็นไปตามปัจจัย ธรรมจึงปรากฏอยู่เฉพาะหน้า

ส่วนที่รู้ธรรมอยู่นี้ก็เป็นเรื่อง มโนวิญญาณก็ได้ ปัญญาที่รู้ก็ได้

ก่อนหน้านี้ไม่รู้ ตอนนี้รู้ มีแล้วไม่มี ไม่มีแล้วมี พวกนี้เป็นปัญญาออกจากกาม จะว่ากำหนดรู้ กำหนดละก็ได้



ทีนี้ กายกระทบ ก็ให้มันรู้จริงว่ากายกระทบ ไปรู้ร้อน เย็น แข็ง อ่อน

หูกระทบ ก็ให้มันรู้เสียง มีอารมณ์คือเสียงอยู่ในขณะนี้ อย่างอื่นไม่ใช่

มีแค่รู้กับสิ่งที่ถูกรู้ ไม่เกินนี้ครับ

หลบภัย พิจารณาแต่อายตนะก็ได้ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

 

ผมไม่พูดมากเรื่องนี้นะ

ไม่มีความยึดมั่น ในตัวผู้พ้น กับสำคัญว่าจิตเราพ้นแล้ว

หรือ เป็นเมือง เป็นวัง กลับมาสั่งสอนกันได้

แล้วก็เกิดทิฏฐิแปลกๆ จิตคือสิ่งนี้ จิตไม่ใช่สิ่งนี้ เอาเท่านี้นะครับ

 

ตลอด
แล้วก็ชอบเปิดประเด็น
เหมาเข่งประจำ

แล้วไปเข้าใจคู่สนทนาเข้าใจตามนั้นทุกคนไหมเล่า
มันเลยคุยแตกประเด็นไปเรื่อยๆ ควรจำเพาะให้อยู่ในที

 

ถ้าสนใจ ผมก็ยินดีคุยด้วย

คงไม่ใช่เรื่องเหมาเข่งคู่สนทนาอะไร นี่ก็คุยกับหลบภัยอยู่เรื่องนิพานพรหม

งั้นถามน้าปราบนะ ว่า จิตเที่ยงไหม เพื่อโยงเข้าประเด็น

 

พี่หลงคะ นางฟ้าจะบอกว่า
เมื่อใดก็ตาม เมื่อผัสสะเราถูกกระทบเรียกว่าวิญญาญ
จนเกิดเวทนา นางฟ้าจะบอกว่า ใจเราไม่เคยเฉยนะ
เพียงแต่มันละเอียดมากๆ จนเราคิดว่ามันเฉย
เราใจมันกระเพื่อมตลอดเวลา ทั้งยินดี และยินร้าย
ละเอียดสุดๆ นี้อุเบกขา

นางฟ้าขอยืนยันเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ใจจิตไม่เคยเฉยในอยตนะ

 

คำว่าจิตเที่ยงของเจ่หลง นี่
หมายถึงอะไร
หากหมายถึง ไม่เกิดไม่ดับ บังคับได้ สั่งได้ดั่งใจ
เที่ยงแบบนี้ป่าว หากคำว่าจิตเที่ยงของเจ่หลงหมายถึงแบบนี้

ผมก็จะตอบว่า จิตไม่เที่ยง

 

ขณะรู้อายตนะ ได้ชื่อว่าสำรวมอินทรียร์ครับ เพราะใส่ใจตรงทวารทั้ง๕

ส่วนกระทบ วิญญาณเกิด รู้หรือว่า เกิดทางไหน

 

แปลว่า นอกเหนือจากที่น้าปราบยกมา ถือว่าเที่ยง ถูกไหม

ลังเล ถูกไหม ^^

 

ผมกำลังทำความเข้าใจของคำว่าเที่ยงเจ่หลง

ทีนี้หากคำว่านอกเหนือ เชิญยกตัวอย่าง

 

ตรงนี้ พี่เห็นด้วยตัวของพี่เองไหม เป็นรสปัตจัตตังของพี่
ส่วนที่หนูพุดเป็นรส ปัตจัตตังของหนูที่ถ่ายทอดเป็นสัญญา ให้พีฟัง
หากถามว่จิตเที่ยงไหม

มันจะเข้าสู่ บท เอกจรัง อีกต่อไป
อันนี้หากทันเกิดดับบ่อยๆ มันพอจะมองออกเหลาๆ
หากใช้จินตนาการ มันได้แค่ความคิด

 

อ่านแล้วไม่เห็นมีอะไร

นิพพานที่พระพุทธเจ้าสอนมีหนึ่งเดียว

อันอื่นๆ ที่ไม่ใช่โลกุตตระนิพพาน ก็ไม่ใช่นิพพานที่พระพุทธเจ้าท่านปรินิพพาน

ใครจะเข้าใจว่าเป็นสิ่งเดียวกันล่ะ

เพียงแต่เขาใช้คำว่านิพพานเพื่อให้รู้ว่ามันเป็นสภาวะกิเลสไม่กำเริบชั่วคราว

คนรู้ เขาก็รู้ว่าไม่ใช่นิพพานของคนสิ้นกิเลสมันคนละอย่างกันอยู่แล้ว

เมืองนิพพานก็เหมือนกัน มันก็เมืองสมุมติไม่ใช่นิพพานของพระอรหันต์

ปัญหามันมีคือบางคนยึดจนเป็นความเห็นผิดว่าเป็นนิพพานของพระอรหันต์

อย่างคนที่ได้รูปฌาณ หรืออรูปฌาณนั้น ขณะเข้าฌาณสมาบัติมันวิมุตติจาก

กิเลสชั่วคราวนิวรณ์ดับมันเป็นสภาวะคล้ายนิพพานคนไม่หลงเขาก็เข้าใจ

ไม่ได้คิดว่าเป็นนิพพานที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ คนรู้แบบนี้เขาก็ไม่ได้เป็น

มิจฉาทิฏฐิ แต่คนยึดว่าเป็นนิพพานแบบเดียวกันถึงจะเรียกว่าเห็นผิด

นะนา คิดว่าพี่ขวัญ เข้าใจว่าเป็นอันเดียวกันหรือ

ในบางโพสท์ พี่ขวัญให้ความเห็นไว้ วิมุตติชั่วคราวด้วยอำนาจฌาณสมาบัติ

กับวิมุุตติถาวรของพระอรหันต์ ก็คือสภาวะเดียวกันคือห่างไกลกิเลส แต่การ

เข้านิพพาน ปรินิพพาน ตอนละสังขารของพระอรหันต์นั้น มันเป็นคนละอย่างกัน

ยิ่งพูดก็คงยิ่งเข้าใจผิดมั้ง บางที่พี่ขวัญก็อธิบายอย่างที่เข้าใจออกมาไม่ได้

แต่พี่ขวัญเข้าใจตัวเอง ว่าเข้าใจอะไรขนาดไหน

 

ไม่มีทิฏฐิใดให้ยก

เพราะการตอบของน้าปราบ เหมือนกั๊กไว้ ประมาณว่า ถ้านอกเหนือจากนี้เป็นอีกเรื่องนึง รึเปล่า

ซึ่งถามว่าไม่เที่ยง หรือ เที่ยง มันก็หยั่งทิฏฐิกันได้ ^^

 

เพระหนูเห็นยก พี่ขวัญยกโพสนั้นมา หนูมองว่ามันอันตราย เพราะขัดแย้งต่อพระไตรปิกฏ
หากเราเข้าใจแล้ว เราต้องอ้างอิงให้ถูก

หากพี่ขวัญเข้าใจแล้ว หนูก็โล่งแล้วค่ะ ^^

 

เรื่องจิตดวงเดียว ไปทะเลาะกับน้าปราบนะครับ

พูดไปเยอะแล้ว

 

อันนี้ก็เป็นเรื่องของคนไม่รอบครอบ รีบตัดสิน

 

งั้น ขยายมา

 

เจ่หลงต้องยกตัวอย่าง คำว่านอกเหนือ เพื่อความเข้าใจของผม

 

พึงสังเกตุไว้ หาก ละ อุปทานขันธ์ 5 นั้นคือสิ้นสุดแห่งทุกข์
อะไรเป็นตัวละ แล้ว หากตัวละ ก็ยังไม่เป็นหนึ่ง หาก ละ ได้แล้ว ก็หมด
อืม หลวงพ่อปราโมทย์ท่านกล่าวได้ถูกต้องเลย
"พบผู้รู้ ให้ฆ่าผู้รู้"

อันนี้ก็ตีความกันไปด้วยทิฐิตน

 

จะให้ยกอะไรอีก มันเป็นเรื่องของน้าปราบ

สิ่งที่น้าปราบยกมา แล้วเหมาเป็นเรื่องของผมนั้น ว่าถ้าหมายถึงอย่างนี้ ถ้าอย่างนั้น มันก็ความคิดน้าปราบ

ถ้าคำตอบน้าปราบคิดว่าคลุมแล้ว ไม่มีนอกเหนือจากนี้มันก็จบตั้งแต่โพสแรกครับ

ไม่เห็นต้องลากเลย ตอบไปไม่เที่ยงก็เอวังแล้ว ^^