กระผมขอเรียกน้าเอ๋และกันนะครับ:cool:
ว่าด้วย"ธรรมชาติ"ของพระสมเด็จ
ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย veer, 19 สิงหาคม 2012.
หน้า 10 ของ 30
-
ไม่มีภาพพระก่อนหักนะครับ อันนี้นำมาให้ดูกัน เผื่อใครมีข้อแนะนำเพิ่มเติม หรือมีภาพพระแท้ ที่ทราบแน่นอนว่าแท้ ที่หักหรือเห็นเนื้อในมาเปรียบเทียบ เพื่อให้เห็นความเหมือนหรือความแตกต่างครับ -
ในยุคที่เต็มไปด้วยของก๊อบปี้เกลื่อนตลาด ไม่เว้นแม้ตลาดพระเครื่อง ที่มี "พระเทียม" วางกันเต็มแผง แยกแทบไม่ออกว่าอะไรเก๊ แท้ เพราะนักดูพระประจำแผงก็ยังเป็น "เซียนเก๊" จึงเป็นเรื่องยากมากที่จะพิสูจน์ว่าอะไรเป็นของแท้
ไม่ใช่ทุกคนที่ จะชี้ชัดได้ว่า พระเครื่ององค์ใดเป็นของแท้หรือเทียม นอกจากผู้ที่ศึกษาค้นคว้าแบบลึกซึ้ง ตั้งแต่ตำนาน การสร้าง พิธีการ ลักษณะแม่พิมพ์ เนื้อมวลสาร ปีที่สร้าง ในเมืองไทยมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ศึกษาแบบจริงจัง จนเรียกได้ว่าเป็น "เซียนพระ"
สำหรับเซียนมือหนึ่งพระสมเด็จวัดระฆัง ต้องยกให้ "วิโรจน์ ใบประเสริฐ" หรือที่รู้จักกันดีในวงการพระเครื่องว่า "เซียนเธ้า ท่าพระจันทร์" วัย 79 ปี ผู้ที่ยังคงจดจำตำหนิทุกตำแหน่งของพระสมเด็จวัดระฆัง ยอดปรารถนาของบรรดานักสะสมนิยมพระเครื่องวัตถุมงคล เป็นหนึ่งในชุดเบญจภาคีที่มีราคาหลักล้านถึงหลายสิบล้าน
ศูนย์อาชีพและธุรกิจมติชน หรือมติชนอคาเดมี จึงได้เปิดอบรมหลักสูตรการบรรยายความรู้เรื่อง "ทักษะพื้นฐานความรู้เรื่องพระสมเด็จวัดระฆัง" โดยเชิญเซียนเธ้า ท่าพระจันทร์ มาเป็นวิทยากรผู้อบรมถ่ายทอดเคล็ดลับวิชาดูพระสมเด็จวัดระฆังที่ไม่เคยเผย ที่ไหนมาก่อน และมี "วัธนชัย มุตตามระ" หรือ "แทน ท่าพระจันทร์" มาช่วยเสริมอีกแรง คอร์สนี้มีผู้สนใจเข้าร่วมอบรมเต็มทุกที่นั่ง ทั้งเซียนพระมืออาชีพและมือสมัครเล่นมาอัพเดตข้อมูลความรู้ใหม่ รวมทั้งนักสะสมพระเครื่อง ทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่ และบุคคลที่มีชื่อเสียง อาทิ พ.ต.ต.ยงยุทธ สาระสมบัติ อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นต้น
เซียนเธ้า ท่าพระจันทร์ ได้เผยเคล็ดลับการดูพระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ พิมพ์ทรงเจดีย์ พิมพ์ฐานแซม และพิมพ์เกศบัวตูม ด้วยการศึกษาแม่พิมพ์ เนื่องจากแม่พิมพ์พระสมเด็จวัดระฆัง องค์แท้มีรูปแบบที่ตายตัวเลียนแบบได้ยาก
จากคำแนะนำการดูฉบับ ละเอียดยิบจากปากของเซียนเธ้า ถอดความออกมาคร่าว ๆ ได้ว่า หลักสำคัญในการดูว่าแท้ หรือเทียม คือตำหนิที่ไม่อาจลอกเลียนแบบ หรือเปลี่ยนแปลงได้ ก็คือแม่พิมพ์
จุดแรก พระพักตร์พระสมเด็จวัดระฆังของจริงจะต้องหันพระพักตร์ไปทางซ้ายหัวเข่าขวา พระจะจม ส่วนหัวเข่าทางซ้ายจะนูนกว่า จุดนี้เองเป็นสิ่งที่เลียนแบบไม่ได้ เพราะนี่คือสุดยอดศิลปะแม่พิมพ์ ผู้แกะพิมพ์คำนึงถึงสัดส่วนมิติความเป็นจริงจากพระพุทธรูป
จุดที่ 2 นำกระดาษมาทาบจากปลายเกศถึงฐานล่างด้านซ้ายพระ จะสัมผัสกันเป็นเส้นตรงตั้งแต่ปลายเกศมาชนหัวเข่าและยาวมาถึงฐาน ต่างกับด้านขวาพระ หากทาบลงในลักษณะเดียวกันจะไม่เป็นเส้นตรง เนื้อกระดาษจะเกยพื้นที่หัวเข่าด้านซ้าย หากทาบจากปลายเกศมาถึงปลายเข่าก็จะเลยฐานออกไป จุดสังเกตนี้เซียนเธ้าบอกว่า "ไม่เคยเฉลยที่ไหนมาก่อน กว่าจะค้นพบจุดนี้ได้ ต้องใช้เวลาถึง 20 ปี"
จุดที่ 3 รูปพระพักตร์คล้ายผลมะตูมป้อม มีใบหูทั้งสองข้าง แต่อาจจะกดพิมพ์ติดบ้าง ไม่ติดบ้าง ขึ้นอยู่กับการแกะแม่พิมพ์
จุด ที่ 4 เส้นซุ้มครอบระฆัง โดยธรรมชาติของระฆัง 2 ข้างจะเท่ากัน แต่สมเด็จวัดระฆังจะมีจุดที่แตกต่าง คือเส้นโค้งของครอบแก้วด้านซ้ายจากหัวไหล่ถึงหูจะเป็นเส้นตรง ไม่ใช่เส้นโค้ง
จุดที่ 5 เส้นเว้าโค้งของขอบด้านในครอบแก้วด้านบนขวาองค์พระ เนื้อปูนจะยุบลงไปตามธรรมชาติของซุ้มครอบด้านใน เป็นการหดตัวตามธรรมชาติ หลักการนี้สามารถใช้ดูพระเก่าได้ทั้งหมด ถ้าใช้กล้องส่องดูเส้นขอบจะยุบเว้าลงไปเหมือนพรมกำมะหยี่นุ่ม ๆ มีหลายคนพยายามจะเลียนแบบการยุบตัวของเนื้อปูน โดยการใช้มีดไปเซาะให้เกิดหลุมเว้า แต่ก็ไม่เนียน เพราะสันขอบจะคม ไม่นุ่มเนียนเหมือนของเก่า
จุดที่ 6 องค์พระแม่พิมพ์พระสมเด็จวัดระฆังทั้ง 4 แบบ ขนาดหน้าอกทั้งสองข้างจะไม่เท่ากัน สังเกตจากรักแร้ขวาพระถึงหัวไหล่ขวาพระจะมีเนื้อหนากว่าด้านหน้าอกซ้ายพระ
จุดที่ 7 ผ้าอาสนะรองนั่งเป็นเส้นพลิ้วคมบาง ฐานแรกยาวออกด้านขวามือมากกว่า และฐานสิงห์หมายถึงฐานชั้นกลางจะเชิดขึ้นในด้านขวาดูรับกับฐานแรกที่เชิด ขึ้นคล้ายหัวเรือ และฐานชั้นล่างก็จะใหญ่ทึบตัน ดูข้างซ้ายจะใหญ่กว่า มีลักษณะคล้ายสี่เหลี่ยมคางหมู มีปลายงุ้มจิก ส่วนฐานล่างทางขวาพระจะเป็นสี่เหลี่ยมปลายแหลม มีเส้นแหลมที่มุมฐานล่างเป็นทิวไปชนซุ้มครอบแก้ว
ส่วนประเด็นที่มี การถกเถียงกันว่า พระแท้ลงรักปิดทองหรือไม่นั้น เซียนเธ้าบอกว่า พระสมเด็จวัดระฆังที่ลงรักปิดทองจะสวยมาก คาดว่าน่าจะเป็นเทคนิคในการพิมพ์ 10 องค์ ลงรัก 1 องค์ เพื่อจะได้ง่ายต่อการนับจำนวน
ปิดท้ายด้วยเกร็ดความรู้การสร้างพระสมเด็จวัดระฆัง เรื่องมวลสารและการใช้ตอก (ไม้ไผ่) ตัด ตามความเชื่อที่ว่าตอกย้ำถึงความมั่นคง เป็นคำอวยพรให้ผู้ที่ได้รับ เนื้อผสมของมวลสารบางส่วนนำมาจากเศษไม้ไก่กุก ที่เกิดจากไก่ตัวผู้จะจิกไม้กระดานก่อนจะขึ้นคร่อมไก่ตัวเมีย เชื่อกันว่าเป็นไม้มหาเสน่ห์ หรือเมตตามหานิยมนั่นเอง
เซียนเธ้าไม่เพียงแค่แนะนำวิธีดูพระเท่านั้น แต่ย้อนไปตั้งแต่กระบวนการสร้างแม่พิมพ์ กดพิมพ์ กระทั่งฤกษ์ปลุกเสก ละเมียดละไมในทุกขั้นตอน ด้วยเหตุนี้ พระสมเด็จวัดระฆัง จึงเป็นพระเครื่องยอดปรารถนาที่ทุกคนใฝ่ฝันจะได้ครอบครอง
คำเตือน ใครที่ยังไม่มีของจริงมาส่อง ก็ไม่ควรไปจ้องของปลอม เพราะถ้าเพ่งมองดูเป็นเวลานาน จะทำให้ติดตา เกิดการจดจำเลอะเทอะ อาจทำให้เข้าใจผิดว่า พระปลอม เป็นพระแท้ได้
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
ขอบคุณคะคุณกวิน
เมื่อกี๋ยาไปร่อนเร่พเนจรเลยหยิบมาฝากเพื่อนๆอ่านด้วยคะ
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ที่คุณยา นำเรื่องของอาจารย์เธ้ามาให้ชม จุดที่ 2 ลองดูในกระทู้สมเด็จเก่าๆ ที่ตกไปแล้ว ที่ผมโพสไว้ ผมก็เคยได้มาถ่ายทอด จากที่ผมได้รับการสอนจาก อาจารย์เธ้า ที่ Web board แห่งนี้ ซึ่งถือว่าสามารถคัดกรอง สมเด็จวัดระฆังพิมพ์พระประธาน ได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็มีสมาชิกบางท่านนั้นมีความเห็นแตกต่างไปว่าไม่สามารถใช้ได้
อาจารย์เธ้า ยังได้บอกว่าการเล่นพระสมเด็จอย่าใช้ความรู้สึกว่าใช่ เป็นตัวเลือกพระ เพราะเมื่ิอความสวย ความอยากเข้าครอบงำ จะทำให้เราลืมหลักการดูพระของเราหมด ต้องมีวินัย และยังบอกว่าท่านก็เคยโดนมาเหมือนกัน
ท่านยังบอกว่า เล่นพระสมเด็จ ให้ใช้หลักการดูพิมพ์มาก่อน พิมพ์ต้องใช่ ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าเพราะท่านเป็นช่างซ่อมพระ ต้องรู้แม่พิมพ์อย่างดี มิฉะนั้น คงจะซ่อมให้เหมือนเดิมไม่ได้นะครับ
เรื่องมวลสาร ท่านก็ยังบอกอีกว่า ในการซ่อมเนื้อพระ ต้องเอามาจากสมเด็จที่หัก ซึ่งเอามาป่นใหม่ ท่านเคยเจอมวลสารอันหนึ่ง มีสีฟ้า ปนอยู่ แต่ก็ไม่ใช่ทุกองค์ และท่านก็ไม่สามารถบอกได้ว่า ทำมาจากอะไร
ลืมของฝาก แม่พิมพ์ 4 แม่พิมพ์ ของวัดระฆังพิมพ์ทรงเจดีย์ ครับไฟล์ที่แนบมา:
-
-
มีมาให้ศึกษากันอีกแล้วครับ กับกรุพระเก็บแล้วลืม(ของป๋าผมเอง) ค้นเจอองค์แรก เป็นพระสมเด็จดูท่าทางเหมือนจะหักครึ่งองค์แต่ตกแต่งขัดขอบซะสวยขนาดกระทัดรัดไม่แน่ใจว่าพอจะมีลุ้นเป็นชิ้นส่วนของสมเด็จบางขุนพรหมอีกครั้งหรือเปล่าให้พี่ๆเพื่อนๆร่วมพิจารณาครับ !!!
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
มาถึงองค์ที่สองถ้าเป็นเกจิก็อยากทราบครับว่าที่ใหนสร้างเพราะเนื้อดูเก่าและหนึกนุ่มมากขนาดเล็กกระทัดรัดเช่นกัน แต่รูปทรงก็เหมือนเป็นการแกะจากมือมากกว่า จะพอลุ้นเป็นของชิ้นส่วนวัดระฆังได้อีกป่าวเอ่ย
ปล.มาวิเคราะห์เนื้อผงเก่าๆกันสนุกๆนะครับ :cool:ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
--ขอแจมมั่งนะครบ ด้านหลังสมเด็จไม่รู้ที่ครับ ส่วนตัวเดาว่า ก่อน 2500 แต่ไม่รู้ที่อ่ะ เคยลงถามหลายครั้งไม่มีใครรู้เลย ต้อแต้จาย อ่ะ แต่ถึงไม่รู้ที่ก็ชอบเนื้อนะครับ
-
ช่วยดูองศ์นี้ให้ด้วยค่ะ
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
อืม ยามีความคิดเห็นส่วนตัว คิดในใจแต่ไม่กล้าพูดไป เพราะกลัวว่าจะพูดแล้วทำให้บางท่านไม่ชอบใจนัก คือว่า ยาคิดว่าการศึกษาค้นคว้านั้นก็ดีอยู่ แต่ถ้าแนวทางการศึกษามันผิดแผกแหวกแนวชาวบ้าน นัยความหมายของยาคือ โอเค เราศึกษาธรรมชาติเป็นสิ่งที่ไม่ผิด แต่เรื่องของทรงพิมพ์ คุณเคยถามตนเองไหมว่าเวลาคุณศึกษากระทู้ไหน แล้วลองนำพระส่งเข้าประกวด ทำไมไม่ผ่าน ทำไมถูกตีนอกพิมพ์ ทำไมพิมพ์ไม่ใช่ หากไม่คิดเข้าข้างตนเอง ลองมองย้อนกลับแล้วสอบถามตนเองว่า สิ่งที่เราฝึกฝนมา มันถูกต้องแท้จริงแค่ไหน ถ้าเราอิ่มตัวตรงจุดนั้น ลองก้าวออกมาดูสังคมอีกกลุ่มดีไหม สังคมที่กลุ่มหลักนิยมเขายอมรับกัน ว่าบุคคลเหล่านั้นใช้กฎเกณไหนมาตัดสินและเรียนรู้สิ่งนั้นเพิ่มเติม ตัวเราเป็นผู้วินิจฉัยความถูกต้อง เราไม่ได้ให้ใครมาจูงจมูก หรือ สนตะพายให้เราเชื่อ แต่เราจงเชื่อในสิ่งที่เราเรียนรู้และวินิจฉัยมันด้วยตนเอง ยาเองก็หวังว่าคงมีสักกระทู้ที่จะมีคนที่มีความสามารถลงมาสอนให้พี่ๆและเพื่อนๆได้เรียนในหลักเกณที่ถูกต้องและสังคมหลักพิมพ์นิยม ที่สากลยอมรับ มาชี้แนะให้ความรู้ที่แท้จริง เพื่อไม่ให้ผู้ที่ศึกษาใหม่ต้องหลงทิศและหลงทาง หรือ ท้อใจ เพราะมีความหวังต่อองค์พระที่ครอบครองเมื่อต้องการนำสู่มาตราฐานสากลนิยม แต่ต้องถูกปัดเสีย
สำหรับยาเองนั้น ยาไม่กล่าวว่ากะทู้หรือเวปไหนสอนให้ยาเรียนรู้ผิดทาง เพราะยาเชื่อว่าตนเองสามารถคัดกรองสิ่งที่น่าจะเป็นและจดจำมาประกอบความรู้กับสิ่งใหม่ๆได้ และ พร้อมที่จะค้นคว้าหากระทู้และเรียนรู้เพื่อเข้าสู่หลักสากลนิยม โดยมีพื้นฐานหลักของธรรมชาติความเก่าเป็นสำคัญในการเรียนรู้ต่อสิ่งใหม่ๆที่จะนำเข้ามา และ ประมวลความถูกต้องด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง คะ พี่ๆและเพื่อนๆลองค้นหาดูว่า เท่าที่ผ่านมานั้นมีใครที่เคยแนะนำเราและเราสามารถนำองค์พระนั้นเข้าสู่หลักสากลนิยมได้ ก็สมควรที่จะขอคำชี้แนะ เพื่อเรียนรู้และรับรู้ในสิ่งใหม่นอกจากสิ่งเดิมๆ เพื่อเป็นคำตอบที่ในใจเราตั้งคำถามว่า ทำไมพระเราจึงผิดพิมพ์ เนื้อไม่ใช่ เก่าไม่ถึง และ อื่นๆ ดีกว่าที่จะตั้งกลุ่มพรรคพวกเฮโล รวมพลคนอกหัก และเดินย่ำอยู่กับที่ในสิ่งเดิมๆ และเรียนรู้ในสิ่งเก่าๆ
ต้องขออภัยหากข้อความนี้ทำให้บางท่านรู้สึกไม่สบายใจ แต่นี่คือส่วนหนึ่งในมุมมองของยา หวังว่าท่านคงให้อภัยหากคำพูดยากล่าวไปแล้วสร้างความไม่สบายใจให้แก่ท่าน ขอบคุณคะ -
-
โดนใจลุงจัง ชอบๆๆๆๆๆ -
-
ดูพระที่เ๊ก๊าเก่าพระของท่านเก่าแบบนี้หรือเปล่า....?
ลองเปรียบเทียบดูเนื้อพระเก่ากันดูนะครับ...องที่หักเป็นชิ้นของบางขุนพรหมฐานแซม..กรุเก่า...ถ้าท่านดูว่าเก่าเหมือนเอามาดูกันนะครับ....ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ดูธรรมชาติพระเก่าๆ....ใครมีเก่ากว่านี้...ยอม...
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
-
อู้ยยย ดูดีเหมือนกันนะคะเนี่ย ถ้าเอาด้านหลังมาวางเทียบเคียง ตะตายยายยาเอ้ยย รู้จักมองอะไรที่ใกล้เคียงเป็นเหมือนกันนะเนี่ยเรา ห้าห้าห้า ( ยกยอตัวเองดีกว่า ขี้เกลียดปลอมไอดีมายอตัวเองนะคะ เอาแบบนี้เลยซื่อๆทื่อๆเลยดีกว่า ห้าห้าห้า ดีก็ดีไม่ดีก็ไม่ดีเอาสิหนะ )
มีบางท่านบอกว่าดูสมเด็จถ้าดูไม่มั่นใจ ส่องด้านหลังเลยดีกว่า เพราะ พื้นที่ด้านหลังเรียบ สามารถให้เราแยกแยะอะไรออกได้ง่ายกว่า ส่วนใหญ่พระที่เก๊ ทำเนียน ขาดธรรมชาติพื้นผิวอย่างนึงคือ การไล่ระดับ ก็คงไม่ต่างอะไรกับการระบายสี ถ้าคุณทาสีต้นไม้ด้วยสีเขียวอย่างเดียว มองไปมันก็ดูทื่อๆขาดความงดงาม แต่ถ้าจะระบายให้งดงามดูมีชีวิต จะต้องมีสีสันต่างๆผสมผสานความหนักเบา อ่อนเข้มในต้นไม้นั้น เช่นพระสมเด็จบางขุนพรหม พระที่จมน้ำแสนนาน หากขาดความเป็นธรรมชาติตรงนี้ไปคงไม่ใช่แน่นอน ยิ่งสภาพผิวหากดูแล้วสม่ำเสมอกันทุกพื้นที่ยิ่งบ่งบอกความเป็นของเทียม ความกระด้างของปูน และ ยุ่ยฟู กับมาแห้งตัว และเกิดความกระด้างของปูนทำให้พระแกร่ง ผสมผสานกับฟูของเนื้อพระเป็นเอกลักษณ์ผิวพระบางขุนพรหมโดยแท้จริง ชะอุ้ยย ยาก็พูดไปแบบนั้นแหละ ผิดถูกขออภัยด้วย ตามความเข้าใจคะ ส่วนตั้วส่วนตัวคะไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ที่ไหนครับ2องค์นี้ใครพอจะทราบบ้าง
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
-
จากภาพนี้ยากำลังหาคำตอบว่าจะเกิดขึ้นกับพระสมเด็จทุกองค์หรือไม่ จากภาพที่ยาวงไว้ในความเข้าใจส่วนตัว ยาเชื่อว่าเกิดจากน้ำที่อยู่ในมวลสารท่านสมเด็จทำปฏิกิริยาความร้อนชื้นในองค์พระไม่ว่าจะในสภาพกรุหรือนอกสภาพกรุที่ไม่ได้บรรจุ เกิดการเค้นตัวออกมาเป็นไอน้ำที่สะสมอยู่บนพื้นผิวพระชั้นนอก ดูเหมือนมีคนนำน้ำเชื่อมไปราดเคลือบองค์พระไว้ แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ เกิดจากน้ำในตัวมวลสารขององค์พระดันขึ้นมาด้านนอกและปกคลุมพื้นผิวพระแท้ด้านในไว้ และ ทำให้เรามององค์พระดูมีความหนึก เพราะ น้ำหล่อเลี้ยงด้านในถูกดันมาปกคลุม หรือ เคลือบผิวชั้นนอกไว้นั่งเอง ( ข้อมูลความคิดเห็นส่วนตัว หากท่านมีความคิดเห็นที่แตกต่าง ไม่ตรงกัน สามารถแชร์ความคิดที่ถูกต้องได้นะคะ ยายินดีรับฟังเพื่อหาข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด )
ปล. ยากราบขออภัยพี่ๆและเพื่อน ต้องเรียนให้ทราบว่ายาไม่รับปรึกษาวิเคราะห์พระลองภูมิหลังไมค์นะคะ ด้วยความเคารพอย่างสูง เบื่อไม่อยากเกิดความเสี่ยงกับตนเองคร้าาา ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
หน้า 10 ของ 30