ศาสตร์ที่น่าสงสัย และน่าสงสาร

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย tum399, 28 มกราคม 2007.

  1. tum399

    tum399 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    732
    ค่าพลัง:
    +2,908
    คัดลอกจาก สหปฎิบัติฯ
    <O:p

    ศาสตร์ที่น่าสงสัย และน่าสงสาร</SPAN><O:p
    <O:p

    ชีวิตของมนุษย์มีสิ่งที่เต็มไปด้วยความละเอียดอ่อนสลับซับซ้อนโดยเฉพาะทางด้านจิตใจ อารมณ์และวิญญาณ กระบวนการในการทำงานของภาครับเข้าและภาคแสดงออกของพฤติกรรม ในการคิดการพูดและการกระทำที่เป็นเรื่องธรรมดาๆ และอยู่ในอำนาจของธรรมชาติ เราเรียกว่าเป็นสิ่งสามัญวิสัยถ้าเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาไม่อยู่ในอำนาจของวิสัย แต่อยู่ในกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ เราเรียกว่าเป็นสิ่งเหนือสามัญวิสัย<O:p</O:p
    <O:p
    หากมนุษย์ต้องการความเข้าใจให้ลึกซึ้งถึงความสัมพันธ์ของธรรมชาติทั้งสองฝ่าย คือทั้งฝ่ายที่เป็นสามัญวิสัย และฝ่ายเหนือสามัญวิสัย ว่ามีความเกี่ยวข้องกันอย่างไรในกระบวนการของจิต กายและวิญญาณ เพื่อเข้าถึงข้อเท็จจริงและผลของปรากฏการณ์ของธรรมชาติทั้งสองฝ่ายจะต้องมีทรรศนะที่เป็นกลางน่าเห็นใจผู้ที่มีความสงสัยในเรื่องของไสยศาสตร์หรือศาสตร์ที่น่าสงสัยเพราะมีลักษณะมืดดำ เมื่อมีการทดลองหรือตั้งกองพิสูจน์แต่ละครั้ง ก็ไม่สามารถที่จะให้เหมือนกันได้ทุกครั้งในผลที่ปรากฏออกมาส่วนทางด้านสามัญวิสัย อันหมายถึงทางด้านวิชาการ จะทำการพิสูจน์ทดลองสักกี่ครั้งก็ได้ผลตามที่ต้องการ<O:p
    <O:p
    มนุษย์ทุกยุคทุกสมัย ทุกชาติทุกศาสนาก็ยังไม่สามารถที่จะปฏิเสธสิ่งที่สงสัยคือไสยศาสตร์ที่มีปรากฏการณ์แบบลับๆล่อๆ ผลุบๆโผล่ๆ ได้อย่างแข็งขันและเด็ดขาดสักทีแนวโน้มของค่านิยมในการศึกษาแบบสากลในปัจจุบัน มีจุดมุ่งต่อการพัฒนาทางด้านที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์วัตถุโดยตรง และโดยเฉพาะวิทยาศาสตร์แห่งจิต มีผู้เพียรพยายามคิดใช้ถ้อยคำดังกล่าว แต่ก็ออกมาได้เพียงแค่รูปของนักวิชาการจิตวิทยา และไม่สามารถนำมาพิสูจน์ความแปลกประหลาดพิสดารในอาการของจิตจนถึงขั้นจิตวิญญาณ ด้วยการอาศัยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ เช่นการตรวจคลื่นสมองของคนที่กำลังเข้าสมาธิ ในขณะที่จิตเข้าสู่สมาธิแน่วแน่ ผลของการจับคลื่นสมองได้ค่าเป็นรังสีอัลฟา เมื่อสมาธิเริ่มซัดส่ายการตรวจจับก็ได้ค่าเป็นรังสีแกมม่า ซึ่งเป็นรังสีที่มีผลเป็นอันตราย ครั้นพอสมาธิเริ่มสลายหมายถึงความฟุ้งซ่านเกิด ค่าของการวัดคลื่นสมองก็ร้ายแรงยิ่งขึ้น เพราะการตรวจจับของเครื่องวัดคลื่นสมองจะบอกเป็นค่าของรังสีเบต้า ซึ่งเป็นรังสีที่ให้โทษรุนแรงและอันตรายยิ่งกว่า<O:p
    <O:p
    ผลของการพิสูจน์คลื่นสมองอันน่าสงสัยเพื่อจะนำมาเป็นประโยชน์ ก็กลับกลายเป็นโทษไป อีกทั้งยังถูกตั้งแง่และข้อสงสัยจากผู้คนบางพวกอย่างน่าสงสาร ผลการพิสูจน์ก็ต้องหยุดชะงักลง คงเหลือไว้แต่ความน่าสงสัยเท่านั้นผู้ที่ใฝ่ศึกษาค้นหาไสยศาสตร์อันเป็นศาสตร์ที่น่าสงสัยนี้ ต้องต่อสู้กับความรู้สึกในทางลบจากคนรอบข้าง<O:p
    <O:p
    ความรู้ในสังคมโลกที่เรียกว่า ทฤษฎีเป็นที่ชื่นชมของนักวิชาการ นักการศึกษาทั้งหลาย ต่างมุ่งหวังอยู่ตรงที่ว่า ถ้าผู้ใดได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้มีความชำนาญพิเศษเฉพาะด้าน จะถือว่าผู้นั้นเป็นเอกทางการศึกษา และจะได้รับความเชื่อที่ว่าเป็นนักพัฒนาการสาขาอาชีพที่ดีเลิศ เพราะเป็นนักวิชาการแบบแนวทางตรง มุ่งเฉพาะเส้นทางใดเส้นทางหนึ่งทางเดียวเท่านั้นเห็นได้ชัดเช่น วิชาแพทย์ศาสตร์ จะเน้นเฉพาะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรค เช่นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคทางหู ทางตา หรือทางสมอง จะถูกแยกออกเป็นแต่ละสาขาไปการบริหารการศึกษา ถูกจำแนกออกเป็นหลายประเภท ทั้งที่ความรู้และวิชาการก็มุ่งที่จุดประสงค์เดียวกัน คือการพัฒนาสติปัญญา การแยกย่อยแต่ละวิชามีให้เห็นอย่างมาก เช่นวิชามนุษย์ศาสตร์ มีหลากหลายสาขา ทั้งที่เป็นศาสตร์เกี่ยวกับเรื่องของมนุษย์ที่มีลักษณะสังขารเดียวกัน<O:p
    <O:p
    ตามหลักพุทธศาสตร์ชีวิตของมนุษย์ประกอบขึ้นด้วยขันธ์ห้า คือรูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ขันธ์ทั้งห้าจะต้องอยู่ร่วมกัน จะขาดหรือแยกจากกันไม่ได้ การศึกษาเรื่องมนุษย์จึงต้อองมุ่งสู่จุดหมายเดียวกันศาสตร์อื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับธรรมชาติอันแปลกประหลาดพิสดาร อย่างเช่น ในเรื่องของมนุษย์ ย่อมมีโอกาสมุ่งพัฒนาตามลักษณะที่เรียกว่า ความชำนาญพิเศษเฉพาะด้าน โดยไม่ต้องสนใจสิ่งเกี่ยวพันใดๆ เพราะเป็นเรื่องของวิชาการ แต่เรื่องของมนุษย์นั้น มีกรรม คือการกระทำ ที่เกิดจากจิตอันล้ำลึกเข้ามาเกี่ยวข้องและแสดงบทบาทอยู่ด้วย โดยเฉพาะเรื่องของจิตวิญญาณอันเป็นตัวนำพา สัญญาที่เกิดจากวิบากกรรมเก่ามาผสมบทบาทและลีลาในชีวิตของมนุษย์ ที่เรียกว่าโชคชะตา หรือพรหมลิขิต<O:p
    <O:p
    การศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของมนุษย์ ไม่มีที่สิ้นสุด เพราะมนุษย์ไม่ใช่สิ่งของหรือเครื่องยนต์กลไก ระบบของกาย จิต และวิญญาณ ของมนุษย์ไม่ใช่สิ่งธรรมดาสามารถสร้างปรากฏการณ์ที่น่าสงสัยให้เป็นที่งวยงงจนต้องหาหนทางพิสูจน์สิ่งที่สงสัยอย่างน่าสงสารเรื่อยมาเรื่องของชาติภพ ทั้งชาติก่อนเกิดและเบื้องหลังของความตายเป็นเรื่องที่ลี้ลับ จับต้องและพิสูจน์กันไม่จบฉะนั้นปราชญ์จึงต้องมีหลักการหรือแนวทาง วางแนวที่เหมาะสมให้กับตน หรือสำหรับกลุ่มบุคคลที่มีความเชื่อมั่นศรัทธาในอำนาจอันอัศจรรย์และแรงดลบันดาลต่างๆของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไสยศาสตร์เทพเทวดา สิ่งเหลือเชื่อแต่จำเป็นต้องเชื่อทั้งหลายโดยกำหนดวิธีการด้วยพลังจิตที่เรียกว่า จิตตานุภาพ โดยตั้งสัตยาธิษฐาน คือการตั้งความจริงใจด้วยความปรารถนาดี มีความกตัญญูต่อผู้อื่นและสังคม โดยเฉพาะชาติศาสนาและสถาบันอันเป็นที่เกิดและอาศัยอยู่เพื่อความสุขในภพนี้ และสัมปรายภพ
     

แชร์หน้านี้

Loading...