ศูนย์สมเด็จพระเทพฯ เปิดคลินิกเคลื่อนที่ รักษาความพิการบนใบหน้าให้ ปชช.

ศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เปิดคลินิกเคลื่อนที่ รักษาความพิการบนใบหน้าให้ประชาชน ใน 9 จว.ภาคอีสาน เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 2 เม.ย. 2561 ทรงเจริญพระชนมายุครบ 63 พรรษา

วันที่ 3 เม.ย. ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติชั้น 9 โรงพยาบาลบุรีรัมย์ นายอนุสรณ์ แก้วกังวาล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นประธานเปิดโครงการคลินิกเคลื่อนที่จังหวัดบุรีรัมย์ ที่ทางโรงพยาบาลบุรีรัมย์ สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ร่วมกับคณะแพทย์จากศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ให้บริการคลินิกเคลื่อนที่รักษาความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะให้ประชาชนใน 9 จังหวัดของภาคอีสาน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย โดยในวันจันทร์ที่ 2 เมษายน 2561 ทรงเจริญพระชนมายุครบ 63 พรรษา ซึ่งทางโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เป็นศูนย์เฉพาะทางด้านการแก้ไขความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ ชนิดรุนแรง แห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในแต่ละปีจะมีผู้ป่วยมารับบริการตรวจรักษาประมาณ 14,000 ราย

จากสถิติที่ผ่านมา พบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่มาจากถิ่นทุรกันดาร ขาดแคลนค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ปัญหาของระบบการส่งต่อผู้ป่วยทำให้ผู้ป่วยบางรายเกิดความล่าช้าในการที่จะได้รับการช่วยเหลือตามช่วงวัย และการดำเนินของโรค รวมถึงอัตราการรอคิวผ่าตัดที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เป็นเวลานาน ทางศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ จึงได้เริ่มดำเนินการส่งศัลยแพทย์ไปผ่าตัดตามโรงพยาบาลจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวข้างต้น โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน จำนวน 21 ครั้ง ผ่าตัดรักษาผู้ป่วยจำนวน 51 ราย และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี

ด้าน ศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์จรัญ มหาทุมะรัตน์ หัวหน้าศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ กล่าวว่า ศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ ได้มีแนวคิดจัดตั้งโครงการคลินิกเคลื่อนที่ขึ้น เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย ในวันจันทร์ที่ 2 เมษายน 2561 ทรงเจริญพระชนมายุครบ 63 พรรษา โดยเน้นกระบวนการตรวจรักษาที่ถูกต้อง รวดเร็ว และต่อเนื่อง ได้มาตรฐานทัดเทียมกับนานาอารยประเทศ ผู้ป่วยจะได้รับการดูแลด้านจิตใจ อาชีพ และการศึกษา อันจะส่งผลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น.


ขอขอบคุณที่มา
https://www.thairath.co.th/content/1246807