สธ.งัดแผนสำรอง เล็งประกาศห้ามดื่มเหล้าที่"สาธารณะ -วัด-โรงเรียน-ปั๊ม-ท้องถนน"ช่วงสงกรานต์

สธ.งัดแผนสำรอง เล็งประกาศห้ามดื่มเหล้าที่"สาธารณะ -วัด-โรงเรียน-ปั๊ม-ท้องถนน"ช่วงสงกรา





<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=1000 align=center bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=150 bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>


</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=left></TD></TR></TBODY></TABLE>


</TD><TD vAlign=top align=left>
<CENTER>
</CENTER>
สธ.งัดแผนสำรอง เล็งประกาศห้ามดื่มเหล้าที่"สาธารณะ -วัด-โรงเรียน-ปั๊ม-ท้องถนน"ช่วงสงกรานต์

สธ.เตรียมแผนรองรับ หากกฤษฎีกาพิจารณาข้อกม.ห้ามขายเหล้าช่วงเทศกาลสงกรานต์ ขัดประกาศคณะปฏิวัติ ใช้วิธีคุมพื้นที่ห้ามดื่มและจำหน่ายในที่สาธารณะ-วัด-โรงเรียน-ปั๊มน้ำมัน-ท้องถนนแทน เผยร่างประกาศสำนักนายกฯแล้ว ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 6 เดือน - ปรับ 10,000 บาท

<STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>
หลังจากคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ซึ่งมี พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติ ให้ส่งเรื่องการออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องวันและเวลาห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) ตีความกฎหมายว่า ขัดกับประกาศคณะปฏิวัติ (ปว.) ฉบับที่ 253/2515 ที่กำหนดเรื่องเวลาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือไม่ และสามารถออกประกาศได้หรือไม่นั้น

นพ.สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ เปิดเผยเมื่อวันที่ 24 มีนาคม ว่า สธ.ได้เสนอเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นวาระจร ขอความเห็นชอบเรื่องดังกล่าว ตามมติของคณะกรรมการนโยบายฯ ทั้งนี้ ได้ขอหารือใน 3 ประเด็น คือ

1.การกำหนดวันห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตลอด 24 ชั่วโมง สามารถทำได้หรือไม่
2.สามารถกำหนดวันห้ามจำหน่าย รวมถึงยกเว้นให้ร้านอาหาร ผับ บาร์ โรงแรม จำหน่ายตั้งแต่เวลา 18.00 น.-24.00 น. ได้หรือไม่ ซึ่งทั้งข้อ 1และ 2 เป็นการออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 28 พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551และ
3.สามารถออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องกำหนดสถานที่ หรือบริเวณห้ามบริโภค และห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ได้หรือไม่ ซึ่งออกตามมาตรา 31 และ 27 พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

"ขณะนี้ถือว่าคณะกรรมการนโยบายฯ มีมติเห็นชอบให้ควบคุมการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเทศกาลสงกรานต์แล้ว แต่ยังติดขัดเรื่องความถูกต้องของกฎหมายเท่านั้น หากคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นว่า สามารถทำได้ไม่ขัดกับ ปว.ก็เหลือเพียงการพิจารณากำหนดวันห้ามจำหน่ายเท่านั้น แต่หากไม่สามารถกำหนดวันห้ามจำหน่ายได้ สธ.ก็จะใช้วิธีควบคุมพื้นที่ห้ามดื่มและห้ามจำหน่ายแทน ขณะนี้ เริ่มร่างประกาศสำนักนายกฯ แล้ว โดยผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ" นพ.สมาน กล่าว

นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.มีมติสั่งให้ สคก. เร่งพิจารณาข้อสอบถามทางกฎหมายเรื่องกำหนดวันห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เทศกาลสงกรานต์ให้เสร็จทันภายในสัปดาห์นี้ เพื่อนำข้อสรุปเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายฯ ในสัปดาห์หน้าทันที แต่หากยังไม่ได้ข้อสรุปจาก สคก. คณะกรรมการนโยบายฯ จะประชุมเพื่อหามาตรการรองรับ โดยอาจใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ออกกฎควบคุมสถานที่ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แทน ที่ประชุมเมื่อวันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา มีตัวแทนจากกระทรวงด้านเศรษฐกิจเป็นห่วงว่า การออกกฎห้ามจำหน่ายอาจเกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจได้ จึงอยากให้มีการผ่อนปรน ซึ่งต้องพิจารณาว่า การห้ามจำหน่าย กับการห้ามดื่ม อะไรจะส่งผลกระทบหนักกว่ากัน

"หากไม่สามารถประกาศห้ามขายสุราได้ ก็อาจนำมาตรการอื่นๆมาบังคับใช้แทน เช่น การกำหนดห้ามดื่มในที่สาธารณะ ซึ่งคณะกรรมการต้องมาพูดคุยกันอีกครั้ง แต่เบื้องต้นคาดว่า สถานที่อย่างวัด โรงเรียน ปั๊มน้ำมัน และตามท้องถนน จะกำหนดเป็นสถานที่ห้ามดื่มในช่วงเทศกาล ตามมาตรา 31 ของพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยืนยันว่า สธ.ต้องมีแนวทางออกมาดำเนินการในช่วงสงกรานต์นี้ให้ได้ แต่คงต้องหารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อน เพื่อความมั่นใจ ซึ่งหากออกได้ ก็จะมีการประกาศในทันที"

นายมานิต กล่าวว่าหากกฤษฎีการะบุว่าไม่สามารถทั้งห้ามขายและห้ามดื่มได้ ก็คงต้องแก้กฎหมาย หากกฎหมายไม่ชัดเรื่องอื่นๆก็เดินหน้าต่อไม่ได้ ส่วนที่ฝ่ายอื่นอ้างเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจก็เป็นมุมมองของคนที่เกี่ยวข้อง แต่สธ.มีหน้าที่รักษาผู้เจ็บป่วย เมื่อพบว่าสาเหตุมาจากการดื่มสุราก็ต้องแก้ไข สธ.มีผลวิจัยว่าสาเหตุของอุบัติเหตุกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ในเทศกาลเกิดจากการดื่มสุรา หากสามารถห้ามขายเหล้าสุราได้ก็น่าจะสามารถลดจำนวนอุบัติเหตุไปได้บ้าง

รายงานข่าวจากที่ประชุม ครม. แจ้งว่า ในการหารือเรื่องนี้มีรัฐมนตรี 2-3 รายคัดค้านการออกมาตรการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ อาทิ นายชุมพล ศิลปอาชา รมว. ท่องเที่ยวและกีฬาจากพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ที่ระบุว่า ภาคเอกชนได้เตรียมแผนงานของกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ไว้หมดแล้ว และเกือบทุกบริษัทได้โฆษณาประชาสัมพันธ์ไปแล้ว หากรัฐบาลประกาศห้ามจำนวนสุราและเบียร์ อย่างกะทันหันย่อมส่งผลกระทบต่อกิจกรรมเหล่านั้น นอกจากจะทำให้เสียบรรยากาศรื่นเริงในช่วงเทศกาลแล้ว ยังก่อให้เกิดความเสียหายต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมของรัฐบาล จึงให้ชะลอไปก่อน โดยเห็นว่าควรประกาศใช้มาตรการในปีหน้า

นายชุมพล ศิลปอาชา กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะมีการกฎหมายห้ามขายเหล้าเบียร์ ในเทศกาลสงกรานต์ เพราะจะมีผลกระทบต่อจิตวิทยาของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาก และจะไม่ยอมให้ปัญหานี้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่ก็เชื่อว่ากฎหมายที่กำลังจัดทำอยู่ อาจจะออกมาบังคับใช้ไม่ทันภายในปีนี้ ขณะนี้ ตัวเลขนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมาดีแล้ว " ปีนี้ขอก่อนเถอะอย่าเพิ่งไปห้ามอะไร เอาไว้ถ้าตัวเลขนักท่องเที่ยวกันมาอยู่ที่ 16 ล้านคน ทำรายได้ให้ประเทศได้ 5 แสนล้านบาทต่อปี เหมือนเดิม ใครจะห้ามอะไรพร้อมสนับสนุนเต็มที่"

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมครม. ว่า ต้องรอกฤษฎีกาประชุมก่อนโดยกำหนดให้นำมารายงานภายในสัปดาห์นี้ เพื่อที่จะได้มีการประชุมคณะกรรมการนโยบายฯเพื่อส่งข้อเสนอแนะมายังตน คิดว่าใช้เวลาไม่นาน และต้องเร็ว เชื่อว่าจะนำเข้าสภาได้ทัน

ด้านคุณพรทิพย์ จาละ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวว่า ขั้นตอนการหารือข้อกฎหมายปกติต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ เนื่องจากกฤษฎีกาต้องส่งให้คณะกรรมการชุดใหญ่ก่อนการประชุม เพื่อหารือในเรื่องนี้ ก่อนส่งความเห็นกลับไปยังครม.

วันเดียวกัน นายคำรณ ชูเดชา ผู้ประสานงานเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์(ครปอ.) ออกแถลงการณ์ในนามเครือข่ายฯต่อมาตรการในการควบคุมการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ ในฐานประธานคณะกรรมการนโยบายฯมาร่วมในการประชุมแทนพล.ต.สนั่น เพราะเป็นเรื่องที่กระทบต่อสาธารณชนในวงกว้าง และมีกลุ่มที่มีผลประโยชน์เบื้องหลังมากมาย จึงต้องการให้นายกฯมารับผิดชอบในเรื่องสำคัญ เพราะท่าทีของพล.ต.สนั่นทำให้เครือข่ายฯเกิดความไม่มั่นใจและวางใจ เนื่องจากมีประเด็นเรื่องความทับซ้อน เพราะตามกฎสากลขององค์การอนามัยโลกเกี่ยวกับการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบ ระบุว่าไม่ควรให้ผู้ที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนในเรื่องดังกล่าวมาเป็นผู้ออกนโยบายในการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบ

"คณะกรรมการนโยบายฯจะประชุมอีกครั้งในวันที่ 31 มีนาคม นี้ซึ่งทางเครือข่ายฯพร้อมด้วยภาคประชาชนอีกหลายองค์กรจะไปยังทำเนียบรัฐบาลหรือสถานที่ในการประชุมอื่นๆหากมีการเปลี่ยนแปลง เพื่อรอผลประชุมอย่างใกล้ชิด" นายคำรณกล่าวว่า



</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1237899969&grpid=01&catid=01

 

ช่วยกันลด เดินทางจะปลอดภัย

 

หยุดขาย หยุดดื่มกันไปเถิด แค่ไม่กี่วันเอง ดื่ม-ขายกันมาทั้งปีแล้ว

อยากให้ปีใหม่ไทยเป็นวันที่สดชื่น งดงาม ประชาชน(ดีๆ) จะได้เดินทางและออกมาร่วมสนุกสนานเล่นสาดน้ำกันด้วยความสบายใจ

ทุกปีที่ผ่านมา ไม่เฉพาะแต่ความไม่ปลอดภัยจาก "เมาแล้วขับ" เท่านั้นที่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนที่ต้องเดินทาง

แต่คนเมาในพื้นที่ที่เล่นน้ำก็สร้างความวุ่นวายให้ประชาชนทั่วไปเหมือนกัน ทั้งก่อการทะเลาะวิวาทสาดลูกหลงใส่ผู้อื่น ทั้งเมาแล้วเล่นสกปรกหยาบคายอนาจาร ทั้งเมาแล้วข่มขู่ขอเงินผู้สัญจรผ่านไปมา ถ้าไม่มีกฏบังคับให้หยุดขาย พวกที่เล่นน้ำ (โดยเฉพาะวัยรุ่นและเยาวชน) ก็จะเล่นไป ซื้อกินกันไป และก็เมากันไปได้ตลอดทั้งวัน

มาช่วยกันสร้างความงดงามให้กับวันปีใหม่ไทย ให้ประเพณีสำคัญที่สุดของเราเป็นวันที่น่าชื่นใจกันเถิด