ในกรณีนี้ เราทำเพื่อปกป้องบิดามารดา ถือเป็นความกตัญญู ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงยกย่องว่า บุคคลที่มีกตัญญูกตเวที เป็นคนดี
เช่นเคยได้อ่านจากพระธรรมบท ว่าด้วยเรื่อง อายุขัย ๘๐ ปีของพระสมณโคดม ว่า สมัยหนึ่ง พระโพธิสัตว์ เสวยพระชาติเป็นลูกคนจน ในเมืองนั้นมีรากษสดุร้าย ถ้าใครปราบได้ จะให้ทองคำเท่าลูกฟักหนักเท่าตัวคน ท่านจึงอาสาไปปราบ เพื่อหวังจะให้มารดาอยู่สุขสบาย เมื่อไปถึงปล่องที่รากษสจะออกมา ท่านก็เอาเท้ากระทืบจนตาย
จากเรื่องนี้ข้าพเจ้าเห็นว่า แม้ทำเพื่อประโยชน์สุขของมารดา ยังไม่มีใครมาฆ่าบิดามารดาของท่านเลย ท่านก็อาสาไปฆ่ารากษสจนถึงแก่ความตาย แล้วบุคคลที่คิดจะฆ่าบิดามารดาของผู้อื่น จะต่างอะไรจากรากษสดุร้ายนั่นเล่า
หากมองในแง่บาปที่ฆ่าผู้อื่น ก็ย่อมได้รับผลแน่นอน แต่จะกลัวไปใย ถ้าท่านยังไม่ได้ฆ่าคนถึง ๙๙๙ คน อย่างท่านพระองคุลีมาล ในชาติเดียวท่านฆ่าถึง ๙๙๙ คน ยังสามารถบรรลุมรรคผลได้ หรือจะมีผู้แย้งว่า ก็เป็นกรรมที่เนื่องต่อกันมาแต่อดีตชาติของท่านพระองคุลีมาล แล้วคนที่จะมาฆ่าพ่อแม่เรา ก็อาจมีกรรมเนื่องกันมากับเราก็ได้ จึงต้องมาจบชีวิตด้วยน้ำมือเราเช่นกรณีนี้
กรรมเป็นเรื่องซับซ้อน เป็นอจินไตย ขอสรุปว่า ถ้าทำตนให้เป็นพระอริยบุคคล ตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป ก็มิต้องไปเกิดในแดนอบายภูมิ อย่างแน่นอนครับ
สมมุติว่า คนอื่นทำร้ายบิดามารดาเรา เราฆ่าเขา บาปมากมั้ยครับ
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย หมี พลเสน, 28 พฤศจิกายน 2011.
หน้า 2 ของ 2
หน้า 2 ของ 2