อุบัติเหตุเรือชนกันทำน้ำมันรั่วในทะเลโสมขาวแพร่ขยายเข้าชายฝั่ง <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">8 ธันวาคม 2550 16:56 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle"></td> </tr> </tbody></table><table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="left" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="200"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="200"> </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">เรือที่ประสบอุบัติเหตุจนน้ำมันรั่วลงในทะเลของเกาหลีใต้</td></tr> </tbody></table></td> <td width="5"></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top"></td> </tr> </tbody></table> เอเอฟพี – การแพร่กระจายของน้ำมันจากเรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ ที่ได้รับความเสียหายจากการชนกับเรืออีกลำหนึ่ง ได้ขยายมาถึงฝั่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาหลีใต้แล้ว โดยยังสร้างมลพิษให้กับชายหาด และคุกคามการทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์ทะเลที่มีค่าหลายแห่ง ผู้พบเห็นเผย
น้ำมันดิบจำนวนมากกว่า 10,000 ตันทะลักลงในทะเลเหลือง หลังจากเรือบรรทุกน้ำมันซึ่งจดทะเบียนในฮ่องกงชนเข้ากับเรืออีกลำหนึ่งในวันศุกร์ (7) ที่ผ่านมา เป็นปริมาณมากที่สุดนับแต่เกิดเหตุน้ำมั่นรั่วในทะเลของเกาหลีใต้
ผู้พบเห็นบริเวณชายหาดยูฮังรี 120 กิโลเมตรทางตะวันตกเฉียงใต้จากโซล กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ท้องทะเลกลายเป็นสีน้ำตาลเข้ม คลื่นทะเลก็ยังเป็นสีน้ำตาล ส่วน ทรายบนชายหาดก็จับกันเป็นก้อนเหนียวเพราะน้ำมัน และกลิ่นของน้ำมันที่คลุ้งไปทั่ว ก็ยังทำให้หายใจลำบากด้วย
</td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="right" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td width="5"></td> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="300"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="300"> </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">อาสาสมัครช่วยกันกำจัดคราบน้ำมัน</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top"></td> </tr> </tbody></table> ขณะที่ ชาวบ้านมากกว่า 300 คนได้อาสาช่วยทำความสะอาด ทว่า การปฏิบัติงานถูกเลื่อนออกไป เนื่องจากมีอุปกรณ์ เช่น เครื่องล้างอัดฉีด และถังน้ำพกพา ไม่เพียงพอ
ส่วน ชายหาดมาลิโป ถัดจากจากหาดยูฮังรี คราบน้ำมันได้แพร่กระจายไปถึง 15 กิโลเมตร และกำลังพัดเข้าชายฝั่ง โดยยามชายฝั่งเกาหลีใต้มีแผนจะส่งเรือ 103 ลำและเฮลิคอปเตอร์ 6 ลำไปทำความสะอาดคราบน้ำมันในวันนี้ คาดว่า จะใช้เวลาอย่างน้อย 3 วัน อย่างไรก็ตาม อากาศที่หนาวเย็นมีส่วนช่วยให้การกระจายของน้ำมันช้าลง
ทั้งนี้ ยังไม่มีความแน่ชัดเกี่ยวกับระดับความรุนแรง ทั้งนี้ ชายฝั่งทะเลดังกล่าวเป็นที่นิยมเนื่องจากมีทัศนียภาพที่สวยงาม เป็นพื้นที่ทำประมง อีกทั้งเป็นจุดพักของนกอพยพ
</td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> </tbody></table>
สรุปภัยที่เกิดจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก
ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย Falkman, 13 มกราคม 2007.
หน้า 23 ของ 191
-
-
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3">
- น้ำท่วมนราธิวาสยังไม่คลี่คลาย น้ำล้นตลิ่งท่วมอีก 4 อำเภอ
นอกจากนี้ อำเภอรือเสาะ ซึ่งมีแม่น้ำสายบุรีไหลผ่านอยู่ในภาวะเอ่อล้นตลิ่งเช่นกัน และไหลเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรในหมู่บ้านสะแนะ ม.1 ต.เรียง กว่า 300 ไร่ เฉลี่ยประมาณ 50-70 เซนติเมตร
นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กำชับให้นายอำเภอ แต่ละพื้นที่ เร่งช่วยเหลือราษฎรเบื้องต้นทันที เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน พร้อมเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เพราะระดับน้ำอาจท่วมสูงขึ้น เนื่องจากฝนยังตกต่อเนื่อง
</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table> -
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3">
- พายุไซโคลนพัดกระหน่ำเกาะซีโคเบียของฟิจิ
นอกจากนี้การคมนาคมกับเกาะซีโคเบีย พื้นที่ห่างไกลทางตะวันออกเฉียงเหนือ ของ ฟิจิ ก็ถูกตัดขาดหลังพายุพัดผ่าน เมื่อเวลา 03.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับ 12.30 น. ตามเวลาในไทย อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถประเมินความเสียหาย ที่แท้จริงได้ จนกว่าจะถึงวันพรุ่งนี้ หลังจากความพยายามสำรวจความเสียหาย ทางอากาศ ต้องถูกยกเลิกเนื่องจากทัศนวิสัยไม่ดี ด้านเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์จะส่งเรือ บรรทุกยา อาหาร และผ้าใบสำหรับทำเต็นท์ไปยังพื้นที่ประสบภัยในคืนนี้ และความพยายามช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางอากาศจะเริ่มขึ้นในเช้าวันพรุ่งนี้ โดยเบื้องต้นมีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตหลายคน
</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table> -
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3">
- ออสเตรเลียอากาศแปรปรวนหนัก
ตำรวจกล่าวว่า ผู้เสียชีวิตเป็นชายวัย 53 ปี เสียชีวิตเนื่องจากถูกกันสาดพังถล่มทับ เนื่องจากฝนที่ตกหนัก และพายุที่พัดกระหน่ำในเขตบัลโกลวาห์ นอกเมืองซิดนีย์ ขณะที่อาคารในพื้นที่ก็พังเสียหายหลายหลัง ทำให้เจ้าหน้าที่เกรงว่าอาคาร และบ้านเรือนอีกจำนวนมาก ซึ่งมีปัญหาโครงสร้างอาจได้รับความเสียหายเพิ่ม กระแสลมแรง ทำให้เกิดคลื่นสูงบริเวณชายฝั่งนอกอ่าวซิดนีย์ที่ตั้งของโอเปร่า เฮาส์ ตำรวจทางหลวงประกาศเตือนผู้ใช้รถใช้ถนน ให้ขับขี่ยานพาหนะด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากถนนลื่น และทัศนวิสัยไม่ดี
ขณะที่การจราจรในตัวเมืองกลับติดขัดในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน แต่ยังไม่มีรายงานน้ำท่วมขัง ด้านหน่วยงานพยากรณ์อากาศระบุว่า ฝนตกหนักมากถึง 20 มิลลิเมตร ในเวลาเพียง 10 นาที แต่คาดว่าฝนจะตกน้อยลงในช่วงสุดสัปดาห์นี้.
</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table> -
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="2">
</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td colspan="3">- ทางการมาเลเซียอพยพผู้คนกว่า 4,500 คนหนีน้ำท่วม
นายคง โช ฮา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์มาเลเซีย กล่าวว่า ฝนกำลังตกหนักในพื้นที่รัฐยะโฮร์และปะหัง และสถานการณ์อาจเลวร้ายลง ทางการได้แนะให้ประชาชนฟังคำเตือนสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด
สำนักข่าวเบอร์นามาของทางการอินโดนีเซีย รายงานว่า รัฐยะโฮร์ได้รับผลกระทบ หนักที่สุด มีประชาชน 3,738 คน ต้องอพยพออกจากบ้านเรือนไปอาศัย ตามศูนย์บรรเทาทุกข์น้ำท่วม 42 แห่ง และถนนสายหลักอีก 3 สายต้องปิดสัญจร ส่วนที่รัฐปะหัง มีประชาชน 662 คนต้องอพยพไปยังศูนย์บรรเทาทุกข์ มีรายงานแผ่นดินถล่ม 2 แห่ง และถนนสองสายมีน้ำท่วมขังสูงถึง 1 เมตร ส่วนที่รัฐกลันตัน มีประชาชนต้องอพยพ 185 คน
สำนักงานอุตุนิยมวิทยามาเลเซียเตือนว่า อาจมีฝนตกหนักอีกในรัฐยะโฮร์ โดยเฉพาะในพื้นที่ตอนเหนือจนถึงวันเสาร์นี้ และในรัฐปะหังจะมีฝนตกหนัก ต่อเนื่องไปจนถึงวันอาทิตย์.
</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table> -
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>พายุน้ำแข็งจ่อถล่มวอชิงตัน-นิวยอร์กหลังพบผู้เสียชีวิตในโอกลาโฮมาแล้ว 11 ราย!</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>11 ธันวาคม 2550 02:43 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=200 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=200> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เจ้าหน้าที่เร่งรื้อซากต้นไม้ที่ล้มโค่นลงมาทับสายไฟฟ้าในรัฐโฮกลาโอมา</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>เอเอฟพี
-
หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี
*** กรรมมา ****
กรรมเบาๆ ปรากฏไปทั่ว
ค้นหา โลกุตตระ และ สัจจะ !!!
คือ ที่พึ่งนำพาให้รอดพ้นกรรม
- " หนุมาน ผู้นำสาร " -
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3">
- มีผู้เสียชีวิตจากพายุฤดูหนาวปกคลุมพื้นที่ตอนกลางของสหรัฐ 15 รายแล้ว
พายุฤดูหนาวที่เข้าปกคลุมพื้นที่ตอนกลางของสหรัฐ ทำให้ทางการสหรัฐ ต้องประกาศภาวะฉุกเฉินในรัฐโอคลาโฮมา เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ รวมทั้งเมืองโอคลาโฮม่าซิตี้ ต่างถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ
นอกจากนี้ สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติ ได้ประกาศเตือนภัยจากพายุฤดูหนาว ในรัฐมิสซูรี แคนซัส เนแบรสกา ไอโอวา และ อิลลินอย
ขณะที่รัฐมิสซูรีได้ประกาศภาวะฉุกเฉินเช่นกัน และได้สั่งการให้กองกำลังป้องกันชาติ เตรียมพร้อมสำหรับการเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย
นอกจากนี้ รัฐโอคลาโฮมา ระบุด้วยว่า หิมะที่ตกลงมาอย่างหนักทำให้กระแสไฟฟ้า ถูกตัดขาด ผู้คนราว 5 แสนคนไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ นับเป็นเหตุไฟฟ้าดับครั้งใหญ่ ที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐ
ส่วนที่รัฐมิสซูรีผู้คนกว่า 1 แสนคนไม่มีกระแสไฟใช้ด้วยเช่นกัน ล่าสุดมีผู้เสียชีวิต เพราะสภาพอากาศที่เลวร้ายแล้วอย่างน้อย 15 คน ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เสียชีวิต จากอุบัติเหตุบนท้องถนน
ขณะเดียวกัน ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติของสหรัฐ ได้ออกแถลงการณ์พิเศษว่า พายุออลก้ากำลังก่อตัวขึ้น บริเวณหมู่เกาะเวอร์จิ้น ในทะเลแคริบเบี้ยน นับเป็นพายุที่เกิดขึ้นหลังฤดูเฮอริเคน ในมหาสมุทรแอตแลนติกสิ้นสุดได้เพียง 10 วัน
อย่างไรก็ดี ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติของสหรัฐยังไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับพายุดังกล่าว
</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table> -
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3">
- พายุหิมะรุนแรงในหลายรัฐของสหรัฐ
ทางการรัฐโอคลาโฮมาประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วทั้งรัฐ ขณะที่สำนักงานอุตุนิยมวิทยา แห่งชาติสหรัฐ ได้ประกาศเตือนภัยพายุหิมะ ในบางส่วนของรัฐมิสซูรี แคนซัส เนแบรสกา ไอโอวาและอิลลินอยส์ โดยเฉพาะที่รัฐมิสซูรี ได้มีการประกาศภาวะ ฉุกเฉิน ตั้งแต่วันอาทิตย์ และมีคำสั่งให้กองกำลังพิทักษ์ชาติอยู่ในภาวะเตรียมพร้อม
ที่รัฐโอคลาโฮมา ประชาชนกว่าครึ่งล้านคนไม่มีไฟฟ้าใช้ เนื่องจากสายไฟฟ้าขาด เพราะทานน้ำหนัก ของน้ำแข็งที่เกาะบนสายไฟฟ้าไม่ไหว ขณะที่ในรัฐมิสซูรี มีบ้านเรือนและร้านค้ากว่า 100,000 หลังไม่มีไฟฟ้าใช้เช่นกัน คาดว่าต้องใช้เวลา หนึ่งสัปดาห์ หรือนานกว่านั้น จึงจะกลับมามีไฟฟ้าใช้เหมือนเดิม นอกจากนี้ โรงเรียน และโรงพยาบาลทั่วรัฐโอคลาโฮมาต้องปิดชั่วคราว เช่นเดียวกับสนามบินต่าง ๆ ซึ่งต้องระงับเที่ยวบินเพราะทางวิ่งมีน้ำแข็งเกาะ
สภาพอากาศที่เลวร้ายยังทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยที่รัฐโอคลาโฮมา มีผู้เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุรวม 12 คน ที่รัฐมิสซูรี 1 คน และที่เมืองโอคลาโฮมา ซิตี มีผู้ไร้ที่อยู่เสียชีวิตเพราะอากาศหนาว 1 คน
</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table> -
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="2">
</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td colspan="3">- อนามัยโลกเตือนรับมือปัญหาสาธารณสุขจากโลกร้อน
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของดับเบิลยูเอชโอประจำกรุงนิวเดลีระบุ ระดับน้ำทะเล ที่เพิ่มสูงขึ้นจากภาวะโลกร้อน ส่งผลให้นำเค็ม ไหลบ่าเข้าไปปนเปื้อนในแหล่งน้ำจืด ขณะที่คลื่นความร้อนเป็นสาเหตุให้อัตราตาย และความชุกของโรคหัวใจเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ ความจำเป็นในการย้ายถิ่นฐานจากแนวชายฝั่ง ที่เริ่มพังทลายยังส่งผล ต่อสุขภาพจิตของประชาชน ทำให้เกิดภาวะวิตกจริต และโรคเครียด
ด้านผลการศึกษาของดับเบิลยูเอชโอชี้ว่า อุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นได้คร่าชีวิตประชาชน ทั่วโลกแล้ว มากกว่า 1 ล้านคนนับตั้งแต่ปี 2543 โดยมากอาศัยอยู่ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกซึ่งมีประชากรตั้งถิ่นฐานอยู่หนาแน่น ทั้งนี้ สถิติดังกล่าวยังไม่รวมตัวเลข ผู้เสียชีวิตจากมลพิษในเขตเมืองทั่วโลกอีกปีละกว่า 800,000 คน
ผลการศึกษาของดับเบิลยูเอชโอยังตั้งสมมติฐานด้วยว่า อุณหภูมิที่สูงขึ้น อาจเป็นสาเหตุของการแพร่พันธุ์ของยุง ในเนปาล และภูฏาน จนส่งผลให้เกิดโรค ที่มีแมลงเป็นพาหะ รวมทั้งโรคมาลาเรียระบาด เป็นครั้งแรกในพื้นที่สูงจาก ระดับน้ำทะเล
</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table> -
ยอดเหยื่ออุทกภัยมาเลเซียพุ่ง สั่งเร่งอพยพประชาชนนับหมื่น <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">11 ธันวาคม 2550 21:12 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle"></td> </tr> </tbody></table> เอเอฟพี – ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของมาเลเซีย เพิ่มเป็น 6 รายแล้ว ส่วนจำนวนผู้อพยพไปยังศูนย์บรรเทาสาธารณภัยก็พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่ ห่าฝนก็ยังคงตกกระหน่ำลงมาอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่หลายคนระบุในวันนี้ (11)
สำนักข่าวแห่งชาติของมาเลเซีย หรือ “เบอร์นามา” รายงานว่า มีเด็กชายวัย 15 ปี จมน้ำเสียชีวิต หลังจากลงเล่นน้ำในคลองแห่งหนึ่งของรัฐกลันตัน ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ
เมื่อวันอาทิตย์ (9) ที่ผ่านมา สำนักข่าวเบอร์นามา ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 5 ราย และสูญหายอีก 3 คน จากภาวะน้ำท่วมในรัฐกลันตัน, ยะโฮร์ และปะหัง
สำนักข่าวมาเลเซียรายงานในวันนี้ (11) ว่า ประชาชนกว่า 15,000 ราย ต้องอพยพมาอยู่ที่ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย
ด้านกรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า ฝนยังจะยังคงกระหน่ำอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งปลายสัปดาห์นี้ ขณะที่ ประกาศเตือนภัยน้ำท่วมในรัฐยะโฮร์และปาหังยังคงอยู่ในขั้นสูงสุด หลังจากมีปริมาณน้ำฝนเพิ่มสูงขึ้นเมื่อวันจันทร์ (10) ที่ผ่านมา
“ในระหว่างฤดูมรสุม เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีฝนตกหนัก ฝนจะยังคงตกอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งช่วงสุดสัปดาห์”กองโชฮา ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ของมาเลเซียระบุ -
4 หนุ่มแดนปลาดิบ คิดสั้นรมควันฆ่าตัวตายหมู่ <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">11 ธันวาคม 2550 19:59 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle"></td> </tr> </tbody></table> เอเอฟพี – ชาย 4 คน นอนตายอนาถอยู่ภายในรถพร้อมกับตะเกียงเผาถ่าน โดยสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นการฆ่าตัวตายหมู่ครั้งล่าสุดในประเทศญี่ปุ่น เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุเมื่อวันจันทร์ (11) ที่ผ่านมา
ชายคนหนึ่งซึ่งกำลังเดินอยู่ในป่า ณ จังหวัดคานากาวา เป็นผู้พบร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 4 ศพ โฆษกตำรวจ เผย
“ทางตำรวจกำลังสอบสวนคดีดังกล่าว โดยมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นการฆ่าตัวตายหมู่” โฆษกตำรวจกล่าวต่อ
ผู้เสียชีวิตทั้ง 4 คน เป็นผู้ชายที่มีอายุระหว่าง 20-30 ปี และรถคันดังกล่าวก็ถูกล็อก และปิดผนึกด้วยเทปกาว ทั้งนี้ จากรายงานของสื่อท้องถิ่น
ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งประเทศพัฒนาแล้ว ที่มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงที่สุดในโลก -
แอลจีเรียบึ้มสยอง 2 ครั้งซ้อน สังเวยเกือบครึ่งร้อยศพ <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">11 ธันวาคม 2550 19:22 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="right" height="1" valign="bottom" width="1"></td> <td align="center" background="/images/linedot_hori.gif" height="1" valign="bottom"></td> <td align="left" height="1" valign="bottom" width="1"></td> </tr> <tr> <td align="center" background="/images/linedot_vert.gif" valign="middle" width="1"></td> <td> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="5" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle"></td> </tr> </tbody></table> </td> <td align="center" background="/images/linedot_vert.gif" valign="middle" width="1"></td> </tr> <tr> <td align="right" height="1" valign="top" width="1"></td> <td align="center" background="/images/linedot_hori.gif" height="1" valign="top"></td> <td align="left" height="1" valign="top" width="1"></td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> </tbody></table>
</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td align="left" height="12" valign="bottom"></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#cccccc"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="1" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" bgcolor="#ffffff" valign="top"> <table cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="160"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="4" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="center" valign="baseline">คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle"></td> </tr> </tbody></table>
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle"></td> </tr> </tbody></table>
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle"></td> </tr> </tbody></table>
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle"></td> </tr> </tbody></table>
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" height="1" valign="middle" width="165"></td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> </tbody></table></td> <td background="/images/linedot_vert3.gif" width="4"></td> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellspacing="7" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> ซีเอ็นเอ็น – เกิดเหตุระเบิด 2 ครั้งซ้อน ในวันนี้ (11) ณ กรุงแอลเจียร์ ของแอลจีเรีย จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตราว 47 คน อีเอ็นทีวี สถานีโทรทัศน์ข่าวแห่งชาติรายงาน
ระเบิดลูกแรกปะทุขึ้นบริเวณภายนอกศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับศาลสูงสุด ทำให้มีผู้เสียชีวิต ราว 30 คน ส่วนอีกลูกเกิดขึ้น ณ แหล่งที่อยู่อาศัยในย่านฮัยดรา ใกล้กับสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติประจำแอลจีเรีย หรือ ยูเอ็นเอชซีอาร์ คร่าชีวิตผู้คนไปประมาณ 15 ราย
แต่ทาง ยูเอ็นเอชซีอาร์ เผยว่า ที่ทำการของตนถูกระเบิด และมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง
ด้าน นูริดดิน ยาซิด เซอร์ฮูนี รัฐมนตรีมหาดไทยของแอลจีเรีย คาดว่า สำนักงานของยูเอ็นเอชซีอาร์ และศาลรัฐธรรมนูญน่าจะเป็นเป้าหมายในการโจมตีครั้งนี้
สำนักข่าวแห่งชาติของแอลจีเรีย บอกว่า มี “เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจำนวนมาก” จากการโจมตีของกลุ่มก่อการร้าย
ทั้งยังให้ข้อมูลด้วยว่า เหยื่อจำนวนมากเป็นนักศึกษาที่นั่งอยู่ในรถโดยสารของมหาวิทยาลัย
ภาพวิดีโอในที่เกิดเหตุ เผยให้เห็นหลุมระเบิดขนาดใหญ่บนถนน ที่เกลื่อนกลาดไปด้วยเศษหินเศษปูนแล้วฝูงชน
ด้าน ประธานาธิบดี นิโกลาส์ ซาร์โกซี แห่งฝรั่งเศส ออกมาประณามเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น โดยตำหนิว่าเป็น “การโจมตีที่ป่าเถื่อน”
</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table> -
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>มะกันอ่วม! สั่งเตรียมพร้อมรับมือพายุน้ำแข็งระลอกใหม่วันนี้หลังยอดเหยื่อพุ่งสูง 23 ราย </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>12 ธันวาคม 2550 03:40 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ต้นไม้ล้มโค่นลงมาขวางถนนในรัฐโอกลาโฮมา</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> เอเอฟพี
-
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td>
</td> <td> </td> </tr> <tr> <td>
</td> <td> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td colspan="3">- น้ำท่วมนราธิวาสทรงตัว ชาวบ้านวอนเร่งแก้ปัญหาโรคระบาดสัตว์
สำหรับสภาพอากาศที่จังหวัดนราธิวาส ขณะนี้ยังคงปกคลุมไปด้วยเมฆฝนหนาทึบ และมืดครึ้มตลอดทั้งวันรวมถึงมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง
</td> </tr> </tbody></table></td> </tr> </tbody></table></td> </tr> </tbody></table></td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td width="1%"> </td> <td colspan="2">
</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td colspan="3">- พายุหิมะถล่มสหรัฐการจราจรป่วน
ท้องถนนหลายสายในเมืองโอคลาโฮมาซิตี้ รัฐโอคลาโฮมา รวมถึงรัฐมิสซูรี มีหิมะ ปกคลุมหนาถึง 2 นิ้ว หลังถูกพายุหิมะพัดถล่มอย่างหนัก สำนักงานบริหารจัดการ ภาวะฉุกเฉินกลาง และกองทัพสหรัฐต้องนำเครื่องกำเนิดไฟฟ้า และน้ำดื่ม จากรัฐเทกซัสไปแจกจ่าย ให้กับประชาชนในรัฐโอคลาโฮมาที่ไม่มีไฟฟ้าใช้กว่า 600,000 คน และอีกกว่า 100,000 คนในรัฐมิสซูรี หิมะที่ตกหนักยังส่งผลให้ เที่ยวบินที่สนามบินเมืองเดสมอยน์ และสนามบินระหว่างประเทศโอแฮร์ในชิคาโก หลายร้อยเที่ยวต้องเลื่อนหรือยกเลิกการเดินทาง
สภาพอากาศที่เลวร้ายนี้ได้คร่าชีวิตผู้คนในรัฐโอคลาโฮมา แคนซัส และมิสซูรี ไปแล้ว อย่างน้อย 22 คน ส่วนใหญ่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ขณะที่การจราจรก็ติดขัด เนื่องจากเจ้าหน้าที่ต้องปิดถนน เพื่อกวาดหิมะออกจากผิวการจราจรบ่อยครั้ง
</td> </tr> </tbody></table></td> </tr> </tbody></table></td> </tr> </tbody></table></td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td width="1%"> </td> <td colspan="2">
</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td colspan="3">- ยอดเหยื่ออุทกภัยมาเลเซียเพิ่ม ต้องอพยพผู้คนนับหมื่น
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวเบอร์นามา รายงาน ยอดผู้เสียชีวิต 5 คน และสูญหาย 3 คน จากภาวะน้ำท่วมในรัฐ 3 แห่ง ได้แก่รัฐกลันตัน ยะโฮร์ และปะหัง ซึ่งขณะนี้มีประชาชน 15,000 คน อยู่ในศูนย์บรรเทาทุกข์ ศูนย์พยากรณ์อากาศเตือนว่า จะมีฝนตกหนักไปจนถึงปลายสัปดาห์นี้ ขณะที่ยังมีประกาศเตือนภัยน้ำท่วมในรัฐยะโฮร์และปะหัง
</td> </tr> </tbody></table></td> </tr> </tbody></table></td> </tr> </tbody></table></td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td width="1%"> </td> <td colspan="2">
</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td colspan="3">- นกเพนกวินแถบขั้วโลกใต้ถูกคุกคามจากโลกร้อน
รายงานซึ่งเปิดเผยต่อที่ประชุม ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่บาหลี ระบุว่า พื้นที่แถบขั้วโลกใต้ร้อนเร็วกว่าในพื้นที่อื่น ๆ ของโลกโดยเฉลี่ย 5 เท่า ส่งผลกระทบ ต่อ ประชากรนกเพนกวินทั้ง 4 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์เอมเพอเรอร์ ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สายพันธุ์เจนตู สายพันธุ์ชินสแตรป และสายพันธุ์อเดลี สภาพดังกล่าว ทำให้สัตว์อันเป็นสัญลักษณ์แห่งขั้วโลกใต้ ต้องพยายามปรับตัว ให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
รายงานซึ่งมีชื่อว่า “เพนกวินขั้วโลกใต้ และการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ” ระบุว่า ขั้วโลกใต้มีพื้นที่ที่มีน้ำแข็งปกคลุมลดลงกว่าในช่วง 26 ปีที่ผ่านมา ทำให้ “เคย” ซึ่งเป็นแหล่งอาหารของเพนกวินลดลง และบริเวณชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือ ของขั้วโลกใต้ มีประชากรเพนกวินพันธุ์อเดลี ลดลงถึงร้อยละ 65 ในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา และประชากรเพนกวินพันธุ์ชินสแตรป ลดลงร้อยละ 30-66 ในบางพื้นที่ เนื่องจากปริมาณอาหารลดลง.
</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
</td></tr></tbody></table> -
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3">
- ชาวรัฐมิสซูรี่ไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ หลังพายุหิมะถล่มหนัก
แม้ว่าชาวบ้านหลายพันคน ในพื้นที่ตะวันตกตอนกลางของสหรัฐ จะมีไฟฟ้าใช้ เหมือนเดิม หลังจากที่ถูกพายุหิมะถล่มในช่วงฤดูหนาว แต่อีกหลายพันคนในรัฐมิสซูรี่ ยังต้องอยู่กันท่ามกลางความมืดมิดหนาวเย็น เนื่องจากไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ อย่างไรก็ตาม คาดว่า สถานการณ์ในพื้นที่ส่วนใหญ่ของรัฐมิสซูรี่ จะบรรเทาลง หลังมีฝน และพายุหิมะตกติดต่อกันนานถึง 4 วัน มีรายงานว่าพายุหิมะครั้งนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 27 คน
ส่วนพื้นที่ในแถบทะเลแคริบเบียน กำลังถูกพายุโซนร้อนออลก้าพัดถล่มอย่างหนัก อิทธิพลของพายุลูกดังกล่าว ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในสาธารณรัฐโดมินิกัน ทางการต้องอพยพผู้คนออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย 2,000 คน มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 11 คน ส่วนที่เฮติ มีผู้เสียชีวิต 2 คน บ้านเรือนพังเสียหาย และต้นไม้หักโค่น ขณะที่เปอร์โตริโก ชายคนหนึ่งเสียชีวิตในรถยนต์จากดินถล่มทับ
ด้านศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติในไมอามี เตือนว่า อาจมีฝนตกหนักลงมาอีก ซึ่งเสี่ยงเกิดน้ำท่วมและดินถล่ม.
</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table> -
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="2">
</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td colspan="3">- พายุโซนร้อน “โอลก้า” พัดถล่มสาธารณรัฐโดมินิกัน
ซึ่งขณะนี้ มีรายงานว่า เกิดน้ำท่วมขังในหมู่บ้านกว่า 7 แห่งแล้ว โดยเป็นผลมาจาก ทางการได้สั่งระบายน้ำออกจากเขื่อน ลงในแม่น้ำ เนื่องจากเกรงว่าเขื่อนจะรับน้ำไม่ไหว
นอกจากนั้น ยังมีรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 7 คน ขณะที่ผู้อยู่อาศัย บริเวณริมฝั่งแม่น้ำ ต้องอพยพไปแล้วกว่า 5,000 คน ทางการสาธารณรัฐ”โดมินิกัน” เตรียมประกาศเตือนประชาชนให้อพยพออกจากบริเวณริมฝั่งแม่น้ำอีกระลอก เนื่องจากจะมีการระบายน้ำออกจากเขื่อนอีก
</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table> -
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3">
- ยอดผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมมาเลเซียเพิ่มขึ้นเป็น 12 คน
รายงานระบุว่า อิทธิพลของพายุฝนทำให้ถนนในหลายรัฐ รวมทั้งกลันตัน และตรังกานู ในภาคตะวันออก และรัฐยะโฮร์ ในภาคใต้ ถูกตัดขาด สำนักงานอุตุนิยมวิทยาคาดว่า จะมีฝนตกหนักลงมาอีก รัฐยะโฮร์ได้รับผลกระทบหนักที่สุด มีประชาชน ต้องอพยพ ออกจากบ้านเรือนถึง 13,000 คน รัฐยะโฮร์เป็นแหล่งผลิตปาล์มน้ำมัน และปลูกยาง รวมทั้งแหล่งเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ปีก
นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่า เหตุน้ำท่วมอาจส่งผลให้ราคาอาหารขยับสูงขึ้น ทำนองเดียวกับสถานการณ์เมื่อต้นปีนี้ ซึ่งมาเลเซียเผชิญน้ำท่วมครั้งรุนแรงที่สุด ในรอบเกือบ 40 ปี
</td> </tr> </tbody></table></td> </tr> </tbody></table></td> </tr> </tbody></table></td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td width="1%"> </td> <td colspan="2">
</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td colspan="3">- ชาวบ้านนราฯ อ่วม! น้ำท่วมหนัก วอน จนท.ช่วยเหลือด่วน
นายทรงศักดิ์ นาศิริ อายุ 55 ปี ชาวประมงที่เลี้ยงปลาเก๋าในกระชัง เปิดเผยว่า หลังจากมีฝนตกลงมาอย่างหนักจนเกิดน้ำท่วมนั้น ทางเขื่อนได้ปล่อยน้ำจืด ลงสู่ทะเลเพื่อระบายน้ำ ทำให้ปลาเก๋าที่เลี้ยงในกระชัง ตัวโตกำลังจะขายได้ ต้องตายหมดรวม 7 กระชัง จำนวน 600 ตัว ได้รับความเสียหายกว่า 50,000 บาท จึงอยากเรียกร้องให้ทางการเข้ามาช่วยเหลือบ้าง เนื่องจากที่ผ่านมายังไม่ได้รับการช่วยเหลือเลย
</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table> -
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3">
- พายุกระหน่ำแคริบเบียน มีผู้เสียชีวิต 14 คน
ที่สาธารณรัฐโดมินิกัน มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 11 คน ในเมืองซานติอาโก จากกระแสน้ำท่วมพัดพา ต้องอพยพประชาชน 2,000 คน ส่วนที่เฮติ มีผู้เสียชีวิต 2 คน บ้านเรือนพังเสียหาย และต้นไม้หักโค่น ขณะที่เปอร์โตริโก ชายคนหนึ่งเสียชีวิต ในรถยนต์จากดินถล่มทับ ด้านศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติ ในไมอามี เตือนว่า อาจมีฝนตกหนักลงมาอีก ซึ่งเสี่ยงเกิดน้ำท่วมและดินถล่ม ทั้งนี้ พายุโอลก้าพัดกระหน่ำหลังหมด ช่วงฤดูมรสุมไปเมื่อเดือนที่แล้ว และไม่ค่อยปรากฏพายุในเดือนธันวาคม
</td> </tr> </tbody></table></td> </tr> </tbody></table></td> </tr> </tbody></table></td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td width="1%"> </td> <td colspan="2">
</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td colspan="3">- เกิดแผ่นดินไหวปานกลางที่เวเนซุเอลา
แผ่นดินไหวดังกล่าวอยู่ลึกใต้พื้นดิน 85 กิโลเมตรห่างจากเมืองกีเรีย ซึ่งเป็นพื้นที่ ชายฝั่งราว 11 กิโลเมตร ชาวบ้านกล่าวว่า รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือน และต้องหนี ออกจากบ้านเรือนชั่วคราว หน่วยงานฉุกเฉินแถลงว่า ไม่มีรายงานทรัพย์สินเสียหาย หรือผู้บาดเจ็บ ขณะที่โฆษกบริษัทน้ำมันของรัฐ กล่าวว่า พื้นที่ตั้งโรงน้ำมัน ไม่มีรายงานความเสียหายเช่นกัน
</td> </tr> </tbody></table></td> </tr> </tbody></table></td> </tr> </tbody></table></td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td width="1%"> </td> <td colspan="2">
</td></tr></tbody></table> -
โห้พายุทั้งนั้นเลย แถมมีพายุน้ำแข็งพายุหิมะอีก ได้ดูรายการชั่วโมงโลกตะลึงมารู้รายละเอียกเกี่ยวกับภัยพิบัติมากๆเลย พายุหิมะจะเกิดเพราะมีความเย็นน้อยกว่าความเย็นที่เกิดหิมะได้ แต่ก็งงเห็นเขาบอกว่าถ้าโลกเรายังร้อนอยู่อย่างนี้พายุหิมะก็จะเกิดบ่อยและรุนแรงยิ่งขึ้น สภาวะการเกิดภัยพิบัติมามากขึ้นตามไปด้วยถ้าโลกเรามีความร้อนสะสมมากขึ้น แค่แกนโลกเปลี่ยนแล้วยังมาเจอภัยหนักๆอีกจะไหวไหมเนี้ยมนุษย์ เฮ้อ...ก็มนุษย์เป็นผู้ทำก็สมควรได้รับหรอกนะ
หน้า 23 ของ 191