สอบถามค่ะ เกี่ยวกับเทพทั้งหลาย

คือดิฉัน รู้จักแต่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ค่ะ แล้วมาวันนึงเพื่อนๆของแฟนดิฉัน รวมทั้งแฟนดิฉัน ก้อได้ชวนไปที่สำนัก เป็นสำนักที่มีเทพเยอะแยะมากมายเลยค่ะ (รูปปั้น)
ทุกคนที่ไป จะถูกทักว่ามีองค์ มีพระพิคเนศ บ้าง เทพพระหลายอย่าง ส่วนดิฉันสำนักว่ามีพระอุ** พระ** พระ**

ศาสนาพุทธแก่นแท้แล้ว มีพระพิคเนศมั้ยค่ะ ไม่ได้ลบหลู่นะคะ กลัวจะคิดไปเองว่าไม่มี ขอความรู้เพิ่มเติมเพื่อความมั่นใจค่ะ ปกติทำบุญ สวดมนต์ นั่งสมาธิอยุ่ แล้วก้ออุทิศบุญให้เทวดาประจำตัวตลอด แต่สำนักถามว่าสวดมนต์มั้ย เลยตอบสวดทุกวัน มีการไม่เชื่อที่ดิฉันตอบค่ะ ถามย้อนกลับว่าไม่โกหกนะ ดิฉันตอบ ไม่โกหกค่ะ แล้วสำนักบอกสงสัยยังสวดไม่มากพอ ยังไม่ถึง แล้วถามว่าเคยไปสำนักไหน ดิฉันตอบ ไม่เคยไปสำนักค่ะ มีแต่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ งงๆดี เพราะคนอื่นที่สำนักทาย เพื่อนๆน้องๆบอกหมอทายแม่น แต่ทำไมพอดิฉันไป กลับไม่ค่อยรู้ รู้ไม่ถูก แต่ของคนอื่นๆเพื่อนๆน้องๆว่าถูก

งงๆค่ะ ถ้าผิดถูกยังไง แนะนำด้วยนะคะ ไม่ลบหลู่เทพ ไม่อะไรทั้งนั้นค่ะ ต้องการความรู้เพิ่มว่า เทพทั้งหลาย เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า พระธรรมคำสั่งสอน และพระสงฆ์เรามั้ยค่ะ ถ้าคำไหนของดิฉันเขียนแล้วทำให้ผู้ใดไม่พอใจ ดิฉันขอโทษไว้ล่วงหน้าเลยค่ะ ไม่มีเจตนาไม่ดีอะไรทั้งนั้นค่ะ

 

พระพิฆเนศ ในพระพุทธศาสนามีครับ เป็นต่ำแหน่งของเทวดา ครองต่ำแหน่งหมุนเวียนไปตามอายุขัยของเทวดา


สำนักเทวดาที่คุณไปหา เขาคงไม่ใช่ของจริงครับ ขอบอกไว้ก่อนว่าอย่าไปรับขันธ์รับพาน มาน่ะครับ

คุณมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งสูงสุด เขาจะอ่านจิตอ่านใจทายอะไรคุณไม่ถูกครับ

คุณไม่ได้มีองค์อะไรครับ แต่คุณมีเทวดาประจำตัวเหมือนทุกคนที่เคารพพระรัตนตรัยครับ

เทพพรหม ก็เหมือนกับมนุษย์ ที่ทำความดี รักษาศีลทำกรรมฐาน เคารพในพระรัตนตรัยครับ

 

หากเรานับถือพุทธ แล้วอยากจะดับทุกข์ในชีวิต ( หรืออย่างน้อยเพื่อบรรเทา ) เราก็ต้องศึกษาแนวคิดและหลักการปฏิบัติต่าง ๆ ว่ามีจุดเริ่มต้นอย่างไร ลงท้ายอย่างไร หากเข้าใจหลักการของพุทธแท้ ๆ แล้ว จะไม่สงสัยอีกเลยว่าเทพเหล่านี้มีจริงหรือไม่ แต่ถ้าไปยึดเอาพราหมณ์ผสมพุทธ ก็จะได้คำตอบที่แตกต่างออกไป

ทุกคนมีจิต และมีระดับของความศรัทธากับความเชื่อที่ต่างกัน จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว ถ้าคิดว่ามี มันก็จะมี และพบเห็นได้เฉพาะทางจิต ถ้าคิดว่าไม่มี มันก็ไม่มี แสวงหาทางพ้นทุกข์ไปทาง แสวงหาความสุขทางโลกไปทาง พุทธะหนึ่ง เทวาหนึ่ง สองเส้นทางที่มีเป้าหมายต่างกัน

 

ขอบคุณทั้งสองความเห็นเลยค่ะ ก่อนอื่นขอบอกก่อนว่าที่ทำให้ลังเล เพราะคนอื่นๆบอกว่าแม่นนี่แหละค่ะ เลยลังเลว่ามีอยู่หรือไม่มี พอคิดเยอะ ก็ไม่สงบสะงั้น ขอบคุณที่เตือนสตินะคะ

 

เป็นคนเชื่อว่า..."เพราะของจริงมี ของปลอมจึงเกิด"
เป็นคนที่ชอบไปตำหนักทรง..หรือที่ไหนที่เขาว่ามีองค์ลงก็ชอบไปดูค่ะ
คือ ไปสังเกตการณ์ "ดู" คนอื่น

ตามความคิดเห็นส่วนตัว..(กรณีของปลอม)..มักมีจิตวิทยาค่อนข้างสูง
เพราะคนที่ไปหา ส่วนใหญ่มักเป็นคนที่มีปัญหาชีวิต มีปม ต้องการสิ่ง
ยึดเหนี่ยว (ที่พึ่งสุดท้าย)..การได้รับ "การทัก" ว่ามีนั่น มีนี่ ก็จะรู้สึกดี
และอื่นๆ..นอกเหนือจากนั้น ก็ได้สาวกเพิ่มขึ้น (ข่าวแพร่เร็ว ปากต่อปาก)
และอีกเยอะแยะ (พูดมาก เดี่ยวโดนตื้บ อิอิ)

ส่วนกรณีของจริง (รึป่าว?)..หากเราจะนับถือเพิ่มขึ้น นอกเหนือจาก
พระรัตนตรัย ก็คิดว่า ไม่เสียหายอะไร..ประมาณว่า เคารพนบไหว้
ผู้หลักผู้ใหญ่เพิ่มขึ้นอีก..เราก็ไม่เสียหาย..ดีซะอีก..ท่านจะได้เมตตา

แต่เท่าที่ทราบมา (หากจริง)..คือ ฟังเขามาอีกที..แม้แต่มหาเทพยัง
ให้ความเคารพต่อภิกษูบวชใหม่ ด้วยเห็นว่า เป็นสาวกแห่งพระผู้มี
พระภาคเจ้าค่ะ

**แค่ความคิดเห็นส่วนตัว ที่ได้ไปอ่าน หรือฟังมา แล้วมาประมวลผล
เองนะคะ..ไม่ได้ลบหลู่..**

 

เรียนเจ้าของกระทู้

ท่าน เคารพใน พระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ ก็ถือว่า ท่านเคารพในสิ่งที่ประเสริฐที่สุดแล้ว

เทวดามี พระพิฆเนศ เป็นต้น ท่านก็เคารพใน พระรัตนตรัย เช่นกัน



ขอให้ท่านตั้งมั่นใน คุณพระรัตนตรัย ใครจะพูดอย่างไร ก็ขออย่าได้หวั่นไหว

แต่ถ้าใครจะชวนพาไปไหว้เทวดา ท่านก็อย่าไปขัดเขา เดี๋ยวจะมีปัญหากัน

ท่านก็ไหว้เทวดาไป แล้วก็ระลึกถึง ความดีของเทวดา ว่าจะเป็นเทวดาได้ต้องมีความดีอย่างไร



เทวธรรม ย่อๆ ก็คือ มีหิริ และ โอตตัปปะ

เวลาไหว้ เทวดา ก็ไหว้ความดีของท่าน ก็ถือเป็น เทวตานุสติกรรมฐาน เช่นกัน

แต่ในใจท่านก็เคารพ พระรัตนตรัย เป็นที่สุด

มีพระรัตนตรัย เป็นที่พึ่ง ที่ระลึกตลอดเวลา

 

เรื่องเทพนี่ถือได้ แต่อย่าถึงกับเลื่อมใสทีเดียว
เพราะว่ามันไม่ใช่ทางพ้นทุกข์

 

ขอขอบพระคุณทุกๆความคิดเห็นค่ะ

 

แนวคิดเรื่องเทพต่าง ๆ ในศาสนาพราหมณ์ และฮินดู ได้มีการพัฒนามาตั้งแต่ยุคก่อนอารยันจนถึงยุคหลังพุทธกาลราว 1000 ปี จนกลายร่างเป็นศาสนาฮินดูที่เราเห็นในปัจจุบัน
พุทธศาสนาเอง แม้จะมีการพัฒนาจากพื้นฐานของวัฒนธรรมเดิม แต่ก็มีแนวทางที่สวนทางกับของเดิมเหล่านั้น
ทั้งเรื่องพรหมผู้สร้าง เรื่องชนชั้นวรรณะ การสวดอ้อนวอนขอพรเหล่าทวยเทพ เรียกกันว่าพระพุทธเจ้าปฏิวัติความเชื่อในครั้งนั้นเลยทีเดียว
ศาสนาที่ออกมาจากอินเดียมีทั้งพุทธ พราหมณ์ เมื่อเข้ามาในดินแดนแถบนี้ที่ถือผีมาก่อน ก็ได้หลอมรวมเข้ากันเป็นหนึ่งเดียว พุทธในบ้านเราจึงกลายเป็นแบบกึ่งผีกึ่งพราหมณ์ เหมือนกับอิสลามที่เข้าไปในเกาะชวา กลายเป็นมุสลิมแบบกึ่งผี
ร่องรอยที่เห็นได้คือเรื่องพระภูมิเจ้าที่ การทรงเจ้าเข้าผีต่าง ๆ ในบ้านเรา
ที่คุณว่ามามันเป็นเรื่งทางสำนักทรง ที่เป็นรองรอยของศาสนาผีที่เอาพุทธเอาพราหมณ์มาครอบทับอีกที ทีนี้มันก็แล้วแต่คุณเชื่อ แต่ถ้าถามความเห็น ก็จะแนะว่า รู้ไว้เฉย ๆ ไม่ต้องทำพิธีรับอะไร เพราะมันไม่ใช่พุทธ และจะมีของอะไรติดตัวเปล่า ๆ ของพวกนี้เรามองไม่เห็น ถ้ารับของดีก็ว่าไป แต่ถ้าไม่ดี แต่อ้างตัวเป็นของสูง อ้างเป็นเทพ จะแย่เอา
ผมเคยถูเชิญไปงานใหว้ครูของสำนักทรงใหญ่ ไปในฐานะผู้เฝ้าดู ก็ได้เห็นหลายอย่างที่น่าสนใจ ทั้งการนำเอาความเชื่อทางศาสนามาบิดให้เข้ากับอุดมการณ์ของทางสำนักและตัวลัทธิเอง รวมไปถึงเห็นการครอบงำทางความเชื่อและอำนาจต่าง ๆ ที่ถูกนำมาใชผลิตซ้ำในการครอบงำผู้เข้าร่วมพิธีอีกทีหนึ่ง ของพวกนี้มันเพื่อหวังผลทางพิธีกรรมทั้งนั้น แต่ไม่ได้มองว่ามันถูกหรือผิด เพียงแต่มองว่า เขาคิดและเชื่อย่างไร ของพวกนี้บางทีทำกันแบไม่รู้ตัว เพราะเราไม่คยตั้งคำถามกับมัน

 

จริงๆเทพไม่มีครับ ถ้าคนเขานับถือจริงๆ ว่าเทพองค์นี้มีพลังแบบนี้ ข้างบนท่านจะหาเทวดาที่มีอานุภาพใกล้เคียงมารับตำแหน่งครับ เราบูชาเทพก็คือการบูชาเทวดา เป็นเทวตานุสติ แล้วการระลึกถึงความดีของเทวดา นี่ก็คิดว่าเป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ ก็กลายเป็นว่าเราได้นึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นพุทธานุสติอีก เอาแบบนี้ก็แล้วกันครับ

 

ขอบพระคุณทุกๆท่านที่มาตอบค่ะ