สอยธรรม มาเผื่อแผ่

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 16 มิถุนายน 2008.

  1. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    รู้ โดยไม่คิด คิดก็ไม่รู้ ว่าจริงกว่าจริง ถูกไหมสาว หุหุ
    ตัวตนมี เหมือน ไม่มี
    ไม่มี ก็เหมือน มี
    นิยามนี้ ไม่ต้องคิด แต่ต้องอาศัยคิด หุหุ
     
  2. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 5 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 3 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>ฐาณัฏฐ์, อาจารย์ส่ายหน้า </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ปริศนาคือ ขนาดของว่าง

    เมื่อสร้างสัญญาว่าว่าง จึงเห็นว่านี่ ว่างใหญ่ นั่น ว่างเล็ก

    เมื่อสร้างสัญญาได้แม่นมั่น ก็เข้าไปหาเป็นว่าเล่น

    แท้จริงว่างอย่างยิ่งนั้นครอบคลุมอยู่ โดยไร้ขนาด

    รับรู้ด้วย การหยุดสำคัญว่า นั่นว่างเล็ก นั่นว่างใหญ่
    หยุดเข้าแล้วออกอย่างหมายมั่นปั้นมือ

    ก็จะเข้าใจความบริบูรณ์ว่า ไม่ต้องไปไหนเลย
     
  4. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ดูเฉยๆ การดูเฉยคือการปฏิบัติ

    การดูเฉยๆ แล้วสำคัญว่าไม่ปฏิบัติ คือ คนที่พยายามทำ

    การดูเฉยๆ จริงแล้วมันก็ต้องอาศัยสมาธิ ใช่ว่าไม่ใช้

    แต่ไม่ใช่ทำสมาธิเฉยๆ หรือสมาธิหลงเลื่อย เพราะนั้นไม่ได้ดู เป็นการเผิกเฉย หรือ ทับ

    การดูเฉยๆ เป็นภาวะนำไปของปัญญาอินทรีย์ โดยประกอบด้วยสมาธิอินทรีย์

    การดูเฉยๆ จึงประชุมอยู่ด้วยสมาธิอยู่แล้ว อย่าได้สงสัยว่า เป็นการขี้เกียจ
    เพราะการดูเฉยๆ นั้นแท้จริงไม่ใช่เรื่องทำกันได้ง่ายๆ ต้องอาศัยสติที่หมั่น
    สร้างเหตุใกล้ให้เกิด พอสติมีมากก็เป็นความเพียรตามคำของหลวงปู่มั่น

    การดูเฉยๆ กับ การทำสมาธิ อันไหนเชื่อยากกว่ากัน อันไหนทำให้ละวิจิกิจฉา
    ต่อพระพุทธองค์ได้ยากกว่ากัน

    การทำสมาธิ ทำแล้วก็ได้ผลทันที แต่เคยละสงสัยในคำสอนในลำดับถัดไปได้ไหม

    การดูเฉยๆ ทำแล้วใจก็หลุดเบา มันแทบจะทำให้สิ้นสงสัยทันที
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2008
  5. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    การทำสมาธิอยู่ ไม่ว่าถึงขั้นไหนแล้ว ก็ทำไป

    แต่ต่อไป ทำแล้วให้ดูอยู่เฉยๆ อย่าให้ไหลตามมันไป

    เมื่อไม่ไหลตามไป ใจก็หลุดออกจากการสงสัยในสิ่งต่างๆ

    ออกมาเป็นเพียงผู้สังเกตุการณ์ เมื่อตั้งมั่น ก็เป็น สติ

    เมื่อ สติตั้งมั่น ก็เป็นความเพียร จิตก็แยกออกมา

    เมื่อจิตแยกออกมา ก็ทำให้เห็นความจริงที่มีต่อจิต

    เห็นจิตเป็นผุ้เข้าไปเสพ ไม่อยู่ในอานัติ ไม่เที่ยง แปรปรวน

    เมื่อเห็นจิตจนแจ่มแจ้งว่า ไม่มีอะไรมากไปกว่า ไม่อยู่ในอานัติ ไม่เที่ยง แปรปรวน

    ก็จะเริ่มการละวางจิต สลัดคืน จิตสู่โลก

    เมื่อนั้น ความว่าง ที่ไร้ขอบเขต หมดการหมายมั่น นั่นเล็ก นั่นใหญ่ นั่นว่างก็หายไป

    เหลือแต่ความเข้าใจที่บริบูรณ์อยู่ตรงหน้า ไม่ต้องทำอะไร
     
  6. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    การจะมองเห็นจิต ก็เหมือนเราต้องละจากจิต

    ถ้าเราไม่ละจากจิต ก็เหมือนเรานั่งอยู่ในจิต จิตก็พาโลดแล่นไป เหมือนยานตนะ

    เราจึงต้องมาดูจิต เพื่อให้ เราออกจากตัวจิต อยู่นอกตัวถัง เราก็จะเห็นจิตเขา
    ทำงานได้ ไม่อย่างนั้น ก็ไม่สามารถมองดู หรือ สังเกตุจิตเขาทำงานได้ มันจะมี
    ความเป็นเราอยู่อย่างนั้น มันจะเป็นราวไม่ไผ่จับอยู่อย่างนั้น
     
  7. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    การมีจิตเป็นหนึ่งทำงานได้ตามใจเรา แบบนี้ ทำให้เราคลายกำหนัดจากจิตได้ไหม

    การมีจิตเป็นของถูกรู้ถูกดู เห็นมันทำงานของมัน บังคับไม่ได้ แบบนี้ ทำให้เราคลาย
    กำหนัดจากจิตได้ไหม

    ทางไหน คือ หนทางของการคลายกำหนัด จนใช้โยนิโสนมสิการไตร่ตรองให้แยบคาย
     
  8. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    การมี สติ หมั่นคอยรักษา จิต

    ก็หมายถึง หมั่นมีสติ ออกมาเป็นผู้ ดูจิต สังเกตจิต

    ถ้า สติไม่มี ก็ไม่สามารถสังเกต จิต เขาทำงานได้
    เมื่อนั้นก็จะเห็นจิตไม่ตรงตามความเป็นจริง
     
  9. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ก็แยกผู้รู้ ตอนที่น้าจรแยก 45 องศา นั่นเอง

    จิตแยกออกไป 45 องศาได้ ก็ใครเล่าเป็นผู้สังเกต

    ตัว สติ นั่นเอง ที่ทำให้เห็นว่า จิต แยกออกไปดู ไปรู้ข้างนอกได้

    เมื่อหมั่นเจริญ สติ ก็จะเห็น จิตเขาออกไปอยู่ตรง 45 องศาบ้าง
    เดี่ยวก็กลับมาคลุกกับโลก เดี๋ยวก็แยกออกไปซึม เดี๋ยวจิตก็ไปได้
    ยินเสียงใครต่อใคร ไหลไปไหลมา

    การ รักษา จิต ก็คือ อย่าให้มันไหลไปไหลมา อย่าให้มันจมกับเสียง
    อย่าให้มันจมแช่อยู่ที่ 45 องศา ให้มันไม่ออกนอก และไม่ส่งใน

    เมื่อนั้น ก็เหมือนคน ปล่อยราวจับ ไม่จับจิตเป็นราวไว้แน่นแนบกับ
    อาการของจิตที่ไปรู้ ไปได้ยิน แต่ก็ไม่หลงจนไม่จับไหลไปกับโลก
    ที่วุ่นวาย เมื่อนั้น ก็จะเหมือนคนเดินข้ามสะพานไม้ ที่บางทีก็กลับ
    ไปจับราวสะพาน บ้างก็ปล่อย บ้างก็ตกจ๋อมลงไปในน้ำ

    การดำเนินของนักปฏิบัติก็เหมือน บัวที่ต้องเปรอะน้ำ และโคลนตม เป็นธรรมดา

    ขอเพียงอย่าหยุด อย่าหยุดความเพียร ในการ มีสติ คอยรู้ คอยดู
     
  10. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    การมีสติ รักษาจิต ก็คือ การรักษา จิต ให้อยู่ในภูมิของมนุษย์ไว้เนืองๆ นั่นเอง

    เพราะภูมิของมนุษย์ จะมีกาย ให้ทำกายาคติ

    จะมีจิต ให้ทำสติปัฏฐาน พร้อมทั้ง เวทนา และ ธรรม

    ภูมิไหนเล่าน้าจร ที่มี สี่ สิ่งนี้ให้ดูได้อย่างหลากหลายที่สุด
     
  11. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    กลับมาอ่าน วันนี้หลายหน้าไปแล้ว คนโง่ เห็นผิดก็ยังโง่อยู่เท่าเดิม แถมหนักกว่าเดิมอีก
    แต่เอาเถอะ ผมก็ไม่ตอแยอะไรแล้ว ก็เรื่องของมัน
     
  12. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ลองทำดูนะน้าจร พอจิตเป็นสมาธิในแบบของน้าจรที่ปฏิบัติอยู่

    ก็แค่ทำความรู้สึกขึ้นมาอีกตัวหนึ่ง รับรู้ว่า ตอนนี้ ไปเห็นนิมิตทางใด

    ทางหู ทางตาใน ทางกาย ทางอยาตนะใด ก็ให้รับรู้ด้วยการรู้สึกว่า
    มันมี มันมา มันไป

    ถ้าน้าจรถลำยินดี ก็จะจมไปกับนิมิตนั้น

    ถ้าน้าจรถลำไปยินร้าย ก็อาจจะสลัดนิมิตนั้นไม่พ้น

    ก็ให้มาดูตัวยินดี ยินร้ายแทน เพราะนั้นคือ ปัจจุบันณธรรม มารู้สึก
    ตัวยินดียินร้ายแทน มาดู โสมนัส โทมนัสแทน จนสติ ตามรู้สองตัว
    นี้ว่าไม่มี ก็จะเห็นว่า ตัณหาไม่มี เมื่อนั้นก็จะแจ้งบางสิ่ง

    แจ้งในภาวะรู้ โดยเป็นกลาง

    ถ้าทำได้ จะออกมาจิตใจเบาสบายกว่าเดิม นิมิตที่เห็นนั้นจะ
    ทำร้าย หรือ ให้น้ำหนักแก่น้าจรจนบันทึกเป็นสัญญาผูกพันยากจะลืมไม่ได้อีก

    ใจจะเบา จิตจะเบาขึ้นทันตา แต่กายจะหนักบ้างแล้วแต่วิบาก

    แม้กายจะหนัก แต่จิตเบาสบาย ตั่งมั่น ควรแก่การงาน แม้ออกสมาธิ
    ก็เห็นกิเลสจรไป จรมาอย่างน่าสนุก ไม่ได้เกลียดมันอีก และก็ไม่ได้
    หลงไหลมันอีก เว้นแต่ ตัวสติ จะหายไป ก็จะถลำไปคิด และเริ่มกลาย
    เป็นกรรมไปตามเรื่องตามราว

    จะเริ่มคลายกำหนัดจากสิ่งไรไร อันตรงตามปริยัติ

    ทางของพุทธ คือ ทางเจริญเพื่อความหน่าย คลายกำหนัด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2008
  13. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ปาฏิหาริย์บังเกิดแล้ว...(f)
     
  14. นักบุญภาคอีสาน

    นักบุญภาคอีสาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2008
    โพสต์:
    192
    ค่าพลัง:
    +334
    ก็ วันนี้ผมได้เข้ามาอ่าน.....เห็น สันโดษ ยกคำครูอาจารย์มาไว้ให้อ่านหน้าแรกๆ

    ...ดีมากเลย....ก็อยากให้สันโดษทำงี้ต่อไป เพราะอย่างน้อยผมก็ยังได้ตามอ่าน ของแท้อยู่บ้าง เป็นเนื้อหาสาระเป็นประโยชน์แก่ผู้มาอ่านและได้เป็นมงคลที่ได้อ่านของผู้รู้จริงผมคิดว่าสันโดษคงรู้ประโยชน์ส่วนนี้มาก นี้ก็เป็นการยกให้เห็นว่าสันโดษมีปัญญาที่สูงแน่นอน ...ที่ยังสามารถนำคำสอนของครูอาจารย์ที่เป็นของแท้ที่ได้จากการปฎิบัตรมา เพื่อเป็นแนวทางในการปฎิบัตร เพราะการศึกษาธรรมะ ไม่ว่าจะเป็นด้าน จิต ภาวนา ที่ปริยัดก็ตามต้องอาศัยความเข้าใจเป็นหลัก.....ถึง สันโดษ ยิงกระทู้ต่างๆที่ตั้งขึ้น นิ ดีมากเลยผมอ่านอยู่นะ.....ดีจริงๆ ชอบเรื่อง พลังการหยังรู้ หรือ ป่าวจำไม่ได้ แต่ดี จริงๆละกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มิถุนายน 2008

แชร์หน้านี้

Loading...