"สะเดาะเคราะห์" ความเชื่องมงายหรือแก้อาการดวงตกได้จริง

...ว่ากันว่า หากผู้ใดที่มีเคราะห์ มีวิบากกรรม มีปัญหาขัดข้อง มีอุปสรรค ทำให้การดำเนินชีวิตไม่ราบลื่น ให้ไปทำการ “สะเดาะเคราะห์” หากได้ทำพิธีสะเดาะเคราะห์ จะเป็นการขจัดปัดเป่า ปัญหา อุปสรรค สิ่งชั่วร้ายและภัยอันตรายทั้งปวง จะทำให้ชีวิตของผู้นั้นดีขึ้น เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ เป็นคนใหม่ สิ่งชั่วร้ายต่างๆได้ตายไปกับคนเก่า ต่อไปจะได้ชีวิตใหม่ ได้ในสิ่งที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อตัวเอง ต่อสังคมและประเทศชาติ

...พิธีกรรมก็คือ ด้วยการให้ผู้จะพ้นไปจากเคราะห์ลงไปนอนในโลงศพ พระสงฆ์จะประกอบพิธี บังสุกุลเป็น บังสุกุลตาย เหมือนพิธีสวดอภิธรรมศพคนตาย และประพรหมน้ำพระพุทธมนต์ให้ ก็จะเป็นสิริมงคลที่ดีแก่ชีวิต เป็นการขจัดปัดเป่าปัญหา อุปสรรคและภัยอันตรายทั้งปวง จะทำให้ชีวิตของผู้นั้นดีขึ้นเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ เป็นคนใหม่ และเชื่อว่า สิ่งชั่วร้ายต่างๆได้ตายไปกับคนเก่า


..คงจะเป็นความเชื่อแบบนี้นั่นเอง บรรดาคนในข่าวแวดวงดารา เหล่าไฮซ้อไฮโซ จนถึงระดับนายกรัฐมนตรี ถึงได้เดินทางแก้กรรม สะเดาะเคราะห์กันให้ขวั่ก

.เมื่อก่อนเห็นคนเขาไปสะเดาะเคราห์ก็เฉยๆ มาเกิดอาการสงสัยอย่างแรงก็ตอนเห็นนายกฯของไทยไปสะเดาะเคราะห์ตามที่เป็นข่าวนี่แหล่ะ โอ้! พระเจ้าจ้อด...


</O
.ท่านที่มีประสบการณ์มีความเห็นกันอย่างไรว่า พิธีกรรมนี้ทำแล้วแก้ได้จริงหรือ! รึว่าแค่เป็นกำลังใจให้คนที่รู้สึกดีขึ้น..แค่นั้นหรืออย่างไร? ถ้าแก้ได้จริงอย่างนั้น หากใครดวงดวงตกเข้า ก็ไปทำพิธีนี้แล้วก็คงแก้กันได้ง่ายๆก็คงสบาย.. ภัยพิบัติที่คำรามฮึ่มๆ ทั้งดินไหว ภูเขาไฟระเบิด รวมทั้งภัยพิบัติอื่นๆ ก็คงต้องถือเป็นเคราะห์อย่างหนึ่ง ก็คงไม่ต้องตกใจขาสั่นกันอีกต่อไป เพราะประเดี๋ยวจะมีคนมาช่วย ”สะเดาะเคราะห์”


ถ้าอย่างงั้นใครที่อยู่เป็นโสดมานานปี ต้องการจะมีคู่ แต่คอยอยู่เท่าไหร่ก็ไม่มีมาสักที อันนี้ก็คงต้องถือเป็นเคราะห์ คงต้องไปทำการ “สะเดาะเคราะห์
..เพราะขนาดใครๆไล่ตั้งแต่รากหญ้าขึ้นไป ยันหัวหน้าเบอร์ 10 ก็ยังทำกันเลย “สะเดาะเคราะห์” !!!!!

 

ศีล สมาธิ ปัญญา

 

สะเดาะต่อชะตา เป็นการบรรเทากรรมได้ชั่วครั้งชั่วคราว เมื่อเวลาที่แรงบุญเก่าและใหม่ของเราลดลง วิบากกรรมเหล่านั้นก็มีอำนาจเหมือนเดิม จะต้องไปทำเป็นระยะตามที่หมอดูทัก
ทำไมไม่ดูที่ต้นเหตุ ต้นเหตุที่แท้จริงคือเจ้ากรรมนายเวรไม่มีดวงดาวอะไรมาเกี่ยวข้อง หรอก เจ้ากรรมนายเวรนี้แหละเขาจะคอยกลั่นแกล้งและกระทำเราให้เดือดร้อน(ทั้งร่างกาย จิตใจ การงานการเงิน สังคมและสิ่งแวดล้อม)อย่างสาสมที่เราทำกับเขาไว้ หากสนใจpm ส่วนตัวได้ ครับ สาธุ สาธุ สาธุ

 

ทุกสิ่ง ทุกอย่าง อยู่ที่ "ใจ" หากใจสงบแล้ว ก่จะสามารถจะเผชิญหน้ากับ "เคราะห์" อย่างมีสติ

 

ทำบุญใหญ่ผลักกรรมไม่ดีออกไปก่อน

 

สำหรับข้าพเจ้าไม่เห็นด้วยกับการสะเดาะเคราะห์หรือแก้กรรม แต่จะว่าไปแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อของแต่ละบุคคล ถ้าบุคคลใดมีความเชื่อว่าทำแล้วจะดีขึ้นมันก็ดีขึ้นจริงๆ แต่เป็นเรื่องของจิตใจหรือความรู้สึกมากกว่า เพราะได้ทำในสิ่งที่ตนเองเชื่อ แต่พอไม่นานความรู้สึกนั้นก็จะหมดไป ส่วนเรื่องอื่นมองไม่เห็นว่าจะช่วยอะไรได้ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคนๆ นั้นมีปัญหาเรื่องสุขภาพมีโรคมากแต่ยังสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า นอนดึก ทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ไม่ออกกำลังกาย ถามว่าโรคภัยที่เป็นอยู่มันจะลดลงหรือหายไปหรือไม่ด้วยการสะเดาะเคราะห์หรือแก้กรรม หรืออีกตัวอย่างหนึ่งเช่น คนที่ประสบอุบัติเหตุบ่อยๆ แต่ยังขับรถเร็ว แถมไฟแดง แซงทางซ้าย ถามว่าโอกาสเกิดอุบัติเหตุยังมีอยู่หรือไม่

การสะเดาะเคราะห์หรือแก้กรรมจริงๆแล้วเป็นเพียงการหลอกตัวเองเท่านั้น สิ่งที่ได้จากการสะเดาะเคราะห์หรือแก้กรรมเป็นเพียงความพึงพอใจที่ได้ทำในสิ่งที่ตนเองมีความเชื่อเท่านั้น ไม่ได้เป็นการแก้กรรมของตนเองเลยแม้แต่น้อย หลายคนต้องถูกหลอกเพราะมีความเชื่อผิดๆ ต้องเสียทั้งเวลา เสียทั้งเงิน เสียทั้งทอง หรืออื่นๆ อีกมากมาย

กรรมคือ “การกระทำ” ฉะนั้นการแก้กรรมก็ควรจะต้องแก้ที่การกระทำ การกระทำในอดีตเราไม่สามารถแก้ได้ ถ้าจะแก้ก็ต้องแก้ที่ปัจจุบันเท่านั้น ถ้าบุคคลใดสามารถทำปัจจุบันให้ดีทั้ง กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ข้าพเจ้าเชื่อว่าชีวิตของคนๆ นั้นย่อมจะประสบแต่สิ่งที่ดีมีความสุข โดยไม่ต้องพึงการสะเดาะเคราะห์หรือแก้กรรมแต่อย่างใด นี่แหละ “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน"

 

หากเราหมดเจ้ากรรมนายเวรแล้วอนาคตหากเราไปสร้างต่อ ผลกรรมต่าง ๆก็จะบังเกิดขึ้นในภายภาคหน้าต่อไป นายเวรเวรตัวใหม่ก็จะมีอีก ทางที่ดี ไปนิพพาน เป็นหนทางหนีกรรมได้ สาธุ สาธุ สาธุ