สังฆราชสวดถวายพระพรในหลวง

สังฆราชสวดถวายพระพร'ในหลวง'

​

เหล่าพสกนิกรยังคงร่วมน้อมใจถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการแห่มาลงนามถวายพระพรที่ รพ.ศิริราช อย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 9 โดยตั้งแต่ เวลา 06.37 น. วันที่ 29 ก.ค. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินลงจากอาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช เพื่อเสด็จฯปฏิบัติพระกรณียกิจ ท่ามกลางพสกนิกรที่มารอรับเสด็จ ตั้งแต่ เวลา 03.00 น. จากนั้น พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเยี่ยมพระอาการพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

วันหยุดคนยิ่งมาถวายพระพร
จากนั้นก็มีประชาชนทยอยเดินทางมาลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ศาลาศิริราช 100 ปี และอาคาร 100 ปีสมเด็จพระศรีนครินทร์อย่างไม่ขาดสาย ตั้งแต่ก่อนเวลา 07.00 น. ที่เปิดให้ลงนาม โดยมีผู้เดินทางมาจากต่างจังหวัดมากขึ้น เนื่องจากเป็นวันหยุด ซึ่งทุกคนตั้งใจมาถวายพระพรและรอเข้าเฝ้าฯพระบรมวงศานุวงศ์ ที่เสด็จฯมาเยี่ยมพระอาการพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างเนืองแน่น รวมทั้งที่บริเวณลานพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ก็มีเหล่าประชาชนปักหลักเฝ้าจับจ้องมองขึ้นไปที่หน้าต่างชั้น 16 ของอาคารเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งเป็นชั้นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อหวังว่าจะได้เห็นพระพักตร์ของพระองค์ ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ อย่างไม่ยอมถอย โดยต่างเตรียมร่ม พลาสติกรองนั่งมาพร้อม

ชาวบ้านขอให้พระชนมายุยืนร้อยปี
เมื่อสอบถามความคิดเห็นจากชาวบ้านที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด ส่วนใหญ่เมื่อทราบข่าวทางโทรทัศน์ ก็อยากเดินทางมาถวายพระพร อาทิ นางฮวน ดิษเกิด อายุ 67 ปี ชาว จ.ราชบุรี ที่กล่าวว่า อยากจะเดินทางมาร่วมถวายพระพร แต่ไม่มีเงินจะมา จนเพื่อนแถวบ้านรวมตัวกันจึงขอติดมาด้วย เพราะเกรงว่าถ้ามาช้ากว่านี้ พระองค์จะเสด็จฯกลับก่อน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าต้องนั่งตากแดดอยู่สนามหญ้าแต่กลับไม่ร้อน อย่างน้อยแม้ไม่ได้ เห็นพระพักตร์ แต่ก็ปลื้มใจแล้วที่ได้มา ขอให้พระชนมายุยืนยาวนับร้อยปี อยู่คุ้มครองประเทศไทยไปนานเท่านาน

คณะบุคคลร่วมลงนามกันคึกคัก
ขณะเดียวกัน ก็มีคณะบุคคลจากหลายสาขาอาชีพ เดินทางมาลงนามและสักการะพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรมฯ อาทิ กลุ่มศิลปินนักร้องลูกทุ่งกว่า 40 คน เช่น เจเน็ต เขียว สุดา ศรีลำดวน ฯลฯ ขณะเดียวกัน สมณะจันทร์เสฏโฐ หรือท่านจันทร์ จากสำนักสันติอโศก พร้อมกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน นำอาหารมังสวิรัติและหนังสือพระมหากษัตริย์ยอดกตัญญูมาแจกจ่ายให้ประชาชน นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานต่างๆ นำอาหาร น้ำ นม มาบริการ ส่งผลให้ลานพระราชานุสาวรีย์พระบรมราชชนก แน่นจนแทบไม่มีที่จะยืน ส่วนในช่วงเย็น ที่ประชุมประธานสภาอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย (ปอมท.) นำโดย น.พ.ธวัชชัย พีรพัฒน์ดิษฐ์ ประธานสภาคณาจารย์ ม.มหิดล นำผู้บริหารสถาบันอุดมศึกษา 21 สถาบันทั่วประเทศ เดินทางมาลงนามถวายพระพรเช่นกัน

ลงนามถวายพระพรทั่วประเทศ 8 ล้านคน
ต่อมาในเวลา 08.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวออกอากาศในรายการ “นายกฯ ทักษิณคุยกับประชาชน” ทางสถานีวิทยุแห่งประเทศไทย ว่า หลังจากที่คณะแพทย์ได้ถวายการรักษาพระปิฐิกัณฐกัฐิของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ รพ.ศิริราช ขณะนี้พระอาการทั่วไปดีมาก เป็นที่พอใจของคณะแพทย์ และสิ่งที่ยังความปลาบปลื้มแก่ประชาชนคือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้จัดเลี้ยงอาหาร พระราชทานแก่ประชาชนที่เฝ้าฯติดตามพระอาการประชวร ที่ รพ.ศิริราช ขณะที่ประชาชนทั่วประเทศยังลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างต่อเนื่อง เฉพาะที่ รพ.ศิริราช ตั้งแต่วันที่ 21-26 ก.ค. มีประชาชนมาลงนามถวายพระพร 267,521 คน รวมทั่วประเทศมีประชาชนลงนามถวายพระพรถึง 8 ล้านคน คาดว่าจนถึงเสด็จกลับจะมีประชาชนมาถวายพระพรเกิน 15 ล้านคน

เชิญร่วมถวายพระพรสมเด็จพระบรมฯ
พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวอีกว่า ส่วนวันที่ 28 ก.ค.เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมกันน้อมจิตอธิษฐานถวายพระพรแด่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร ให้ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์ เป็นมิ่งขวัญของประชาชนชาวไทยตลอดกาลนาน

ใจป้ำให้มหาดไทยแจกภาพในหลวง
พ.ต.ท.ทักษิณยังกล่าวถึงความคืบหน้าการแจกพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ว่า กระทรวงมหาดไทยได้อัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ทยอยแจกแก่ประชาชนทุกครัวเรือนแล้ว โดยให้กรมการปกครองเป็นผู้รับผิดชอบแจกจ่าย จะแจกจ่ายให้ครบทุกครัวเรือนไม่เกินสิ้นเดือน ต.ค.นี้

ตัวแทนโป๊ปสวดอวยพรให้ในหลวง
ในเวลา 12.30 น. อาร์กบิชอป โซวาตอเร เพนนัคชิคโอ (Solvatore Pennacchio) เอกอัครสมณะทูตสำนักวาติกัน ประจำประเทศไทย เดินทางมาร่วมลงนามถวายพระพร จากนั้นให้สัมภาษณ์ว่า มาร่วมกับชาวไทยร่วมลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิใจที่เห็นคนไทยร่วมกันถวายพระพรให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รู้สึกประทับใจมาก ในนามตัวแทนของสำนักวาติกัน และพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ขณะนี้คริสต์ศาสนิกชนโรมันคาทอลิกมีการสวดภาวนาเพื่อให้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว สืบเนื่องจากความสัมพันธไมตรีอันใกล้ชิดระหว่างไทยและวาติกัน และในโอกาสที่ในหลวงทรงครองราชย์ ครบ 60 ปี ทางนครรัฐวาติกันได้มีการจัดพิมพ์หนังสือความสัมพันธ์ระหว่างวาติกันและประเทศไทย ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยเสด็จเยือนนครรัฐวาติกัน และสันตะปาปาจอห์นปอลเคยเสด็จเยือนประเทศไทย จึงแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธไมตรีระหว่างสำนักวาติกันและพระมหากษัตริย์ของไทย

รพ.ศิริราชเขตปลอดอาชญากรรม
ด้าน พล.ต.ท.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช โฆษกตำรวจแห่งชาติ กล่าวหลังลงนามถวายพระพรว่า ขอความร่วมมือประชาชนที่จะเดินทางมาถวายพระพร ขอให้มาโดยรถขนส่งมวลชนจะดีที่สุด ส่วนเรื่องความปลอดภัยนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลประชาชนได้เต็มที่ ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าที่โรงพยาบาลศิริราช เพื่อดูแลความเรียบร้อย ปรากฏว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่มีปัญหาอาชญากรรมเกิดขึ้นในบริเวณรอบๆโรงพยาบาลศิริราชเลย เหมือนตอนที่มีการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติที่พระที่นั่งอนันตสมาคม วันที่ 9 มิ.ย. ยอมรับว่า คนไทยทั้งประเทศรักในหลวงที่สุด และพระองค์จะทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ววันและหลังจากนั้นขอให้ชาวไทยทุกคนร่วมกันแบ่งเบาพระราชภาระของพระองค์ด้วย

ผบช.น.มั่นใจรักษาความปลอดภัยทั่วถึง
ส่วน พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผบช.น. กล่าวถึงกรณีที่ประชาชนเดินทางมาถวายพระพรในหลวงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า ทางตำรวจได้ประเมินสถานการณ์ ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะต้องมีประชาชนเดินทางมาจำนวนมาก จึงได้เตรียมกำลังไว้พร้อม เพียงพอต่อการดูแล ความเรียบร้อยและระเบียบทุกอย่างภายในพื้นที่ของโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งในส่วนของประชาชนก็ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี เช่น การงดใช้เสียงตอนค่ำ ดังนั้น ไม่ว่าประชาชนจะเดินทางมามากแค่ไหน ตำรวจก็สามารถดูแลรักษาความปลอดภัยได้อย่างเต็มที่ไม่มีปัญหา ในส่วนของมิจฉาชีพตำรวจได้ระมัดระวังอย่างดี โดยมีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบคอยสอดส่องตลอด ส่วนใหญ่ที่มีการจับกุมนั้น จะเป็นที่นอกโรงพยาบาลศิริราช สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย ซึ่งมาปฏิบัติหน้าที่นั้น แม้ว่าจะเดินทางมาติดต่อกันหลายวัน แต่ตำรวจทุกคนก็เหมือนประชาชนคนอื่นๆ ที่มีความภาคภูมิใจที่ได้มาร่วมถวายอารักขาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงต่างมาทำหน้าที่ด้วยความเต็มใจ

สมเด็จพระเทพฯพระราชทานขนมผู้รอเฝ้าฯ
ขณะที่ภายในอาคารเฉลิมพระเกียรติ เวลา 15.50 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โปรดเกล้าฯ ให้นายวัชรกิติ วัชโรทัย ผู้ช่วยเลขาธิการพระราชวัง ฝ่ายที่ประทับ นำขนมปังไส้ต่างๆ 2 พันชิ้น พร้อมน้ำดื่มและน้ำส้ม รวม 40 ลัง เยลลี่ 15 ลัง มาแจกจ่ายให้ประชาชนที่เฝ้ารอรับเสด็จ สร้างความปลาบปลื้มกับคนที่มารอเฝ้ารับเสด็จเป็นอย่างมาก

ในหลวงทรงยืนเดินได้มั่นคงขึ้น
ต่อมาในช่วงเย็น สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ เรื่อง การถวายการรักษาพระปิฐิกัณฐกัฐิ (กระดูกสันหลัง) ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฉบับที่ 12 ความว่า วันนี้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาได้รายงานว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสวยพระกระยาหารได้มากขึ้น และทรงเปลี่ยนพระราชอิริยาบถจากท่าบรรทม เป็นท่าต่างๆ เพื่อบริหารพระกล้ามเนื้อ วันละ 2 ครั้งนั้น ได้ทรงยืน ทรงพระดำเนินและประทับพระเก้าอี้สลับกันได้เป็นระยะเวลานานขึ้น นอกจากนี้ ยังทรงยืนและทรงพระดำเนินได้มั่นคงขึ้น จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

พระราชินีจะทรงเข้ารับการผ่าตัด
นอกจากนั้น ในวันเดียวกัน สำนักพระราชวัง ออกแถลงการณ์ เรื่อง การถวายการรักษาจอประสาทพระเนตร สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ฉบับที่ 3 ความว่า หลังจากที่คณะจักษุแพทย์โรงพยาบาลจักษุรัตนิน ได้ถวายการผ่าตัดรักษาจอประสาทพระเนตรและสลายต้อกระจกที่พระเนตรข้างขวาของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พุทธศักราช 2549 คณะแพทย์ได้ติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลการรักษาเป็นที่พอใจ รอยปริที่จอประสาทพระเนตรกลับคืนสู่ปกติและแข็งแรงดี การตรวจเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พุทธศักราช 2549 คณะแพทย์พบว่ามีรอยน้ำซึมใหม่เกิดขึ้นเล็กน้อยที่จอประสาทพระเนตรข้างขวา ด้านนอกล่าง เพื่อป้องกันไม่ให้จอประสาทพระเนตรเสียหายมากขึ้นและเป็นการเสริมบริเวณดังกล่าวให้แข็งแรงกว่าเดิม
คณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านจอประสาทพระเนตร ต่างเห็นพ้องต้องกันว่าควรถวายการรักษาด้วยเลเซอร์และใส่แก๊สเข้าดวงพระเนตร คณะแพทย์จึงได้กราบบังคมทูล ขอพระราชทานพระราชานุญาต ถวายการผ่าตัดรักษาจอประสาทพระเนตร ในวันอาทิตย์ที่ 30 กรกฎาคม พุทธศักราช 2549 ณ โรงพยาบาลจักษุรัตนิน และขอพระราชทานให้ทรงพักผ่อนพระวรกายภายหลังการถวายการผ่าตัดเป็นเวลา 6 สัปดาห์ กับขอพระราชทานให้ทรงงดพระราชกรณียกิจเป็นเวลา 6 สัปดาห์ด้วย จึงขอประกาศให้ทราบทั่วกัน

ทรงให้จัดอาหารแจก ปชช.ต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 17.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โปรดเกล้าฯ ให้ท่านผู้หญิงกรัณฑ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ท่านผู้หญิงนราวดี ชัยเฉนียน และท่านผู้หญิงอรนุช อิศรางกูร ณ อยุธยา นางสนองพระโอษฐ์ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จัดอาหารมาพระราชทานแก่ผู้มารอรับเสด็จฯ และเฝ้าติดตามข่าวพระอาการประชวรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ รพ.ศิริราช โดยอาหารที่จัดมาในวันที่ 29 ก.ค. ได้แก่ ราดหน้าหมู จากร้านก๋วยเตี๋ยวหมูโบราณ ปทุมธานี บะหมี่น่องไก่ จากร้านครัวบัวเทพ ข้าวหมูแดง ก๋วยเตี๋ยวเป็ด อย่างละ 1 พันชุด ซึ่งช่วงที่แจกจ่ายอาหารนั้น มีประชาชนเข้ามาต่อแถวรอรับอาหารพระราชทานอย่างเนืองแน่น โดยระหว่างนั้น กลุ่มประชาชนจากชมรมออกกำลังกายวังสราญรมย์ ยังได้จัดกระเพาะปลามาช่วยอีก 1 พันชุด ขณะที่บริเวณใต้อาคารเฉลิมพระเกียรติ ก็มีการแจกของว่างคือขนมปัง นมอัดเม็ดและน้ำผลไม้ตามปกติ

สมเด็จพระสังฆราชสวดมนต์ถวายในหลวง
ขณะที่ในเวลาเดียวกันที่บริเวณชั้นพระมหากรุณาธิคุณ ชั้น 6 อาคารวชิรญาณสามัคคีพยาบาร รพ.จุฬาลงกรณ์ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลสังฆปริณายก เสด็จออกทำวัตรเย็นพร้อมทั้งสวดมนต์ถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว โดยมีประชาชนกว่า 80 คน สวมเสื้อเหลืองเข้าร่วมพิธี โดยพระครูโสภณศาสนกิจ พระผู้ช่วยพระเลขานุการ สมเด็จพระสังฆราชกล่าวว่า ในการทำวัตรเย็นทุกครั้ง สมเด็จพระสังฆราชจะสวดมนต์ถวายพระพรให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกครั้ง แต่ในครั้งนี้มีประชาชนทราบข่าวจากสื่อว่าจะมีการสวดมนต์ถวายพระพรให้พระองค์ให้หายประชวร จึงเดินทางมาร่วมพิธีเป็นจำนวนมากกว่าปกติ

เพิ่มบทสวดป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ
สำหรับบทสวดมนต์ในครั้งนี้ มีเพิ่มเติมจากที่ทำวัตรเย็นทั่วไปคือ บทสวดธรรมจักร ซึ่งใช้เวลาสวดนาน 20 นาที เป็นบทสวดเพื่อความเป็นสิริมงคล และบทสวดโพชฌงคปริตร เป็นบทสวดเพื่อป้องกันโรคภัยไข้เจ็บและบทสวดภูมิพลมหาราชวรสฺส ชยมงฺคล ซึ่งเป็นพระคาถาถวายพระพรชัยมงคล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสทรงครองราชย์ครบ 60 ปี พร้อมกันนี้ ภายหลังการสวดมนต์แล้ว ยังได้มีการนั่งสมาธิเป็นเวลา 10 นาที เพื่อเจริญจิตภาวนาถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นอันเสร็จพิธี



ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=14381