สัจจะ กับศีล อะไร มาก่อนกัน

ครับ ใครมีความคิดเห็นว่าไง
ตอนนี้ กลุ้มและเครียด

 

เห็นตัวเองกลุ้ม เห็นตัวเองเครียด
คิดว่าดีว่า
สนใจว่า สัจจะกับศีล อะไรมาก่อนกัน

 

ก็ไม่ใช่ทั้ง สัจจะ และ ศีล หรอกคร้าบ แต่ต้องเป็น อุชุกตา

ความซื่อตรงต่อธรรม

ปฏิบัติธรรมะ จะทำแบบง๊อกๆแง็กๆ ขอไปที แล้ว ไปคว้าเอา สิ่ง
ที่นึกเอาว่าอย่างนี้ สัจจะ อย่างนี้ ศีล แบบนี้ ก็ไม่แปลกหรอก
ครับที่จะ ล้มทั้งยืนได้

* * * *

แต่จริงๆน๊า ถ้า สดับธรรมบ่อยๆแล้ว ไม่ยึดของเก่าที่เคยฟังมาก่อน

แล้ว "ฟังสิ่งที่ไม่เคยได้ยิน ไม่เคยได้ฟังมาก่อน" ไว้บ้าง ก็ไม่ยากหรอก

ที่ยาก เพราะไปเน้นการฟังของเก่าที่เคยฟังมาก่อนเหล่านั้นเอาไว้กัน เลยยุ่ง

ป๊ะป๋า ต้องฟังธรรมดีๆ ฟังให้เป็น ธรรมะนั้นแสดงตัวอยู่ตลอดเวลา

 

โจรทำความชั่วมาตลอดชีวิต
พอมาได้ฟังธรรมะแล้ว พิจารณาตาม ในวันนั้น

ก็บรรลุอรหันต์ เรียกว่า

ผู้มีราตรีเดียวเจริญ

แม้ไม่ได้รักษาศีลมาเจริญ แต่ก็ทำให้บรรลุธรรมได้
วัดกันที่ปัจจุบัน ว่าเห็นธรรมในปัจจุบันกันหรือไม่

ธรรมปัจจุบันจึงอยู่ที่ตัวเองในภายใน ​

 

พอไปวัด ไปทำบุญ ก่อจะถวายข้าวพระ

พระท่านจะบอกว่าโยม ตั้งใจรับศีลนะ

ต่อมา เราจะรักษาศีลห้า ศีลแปด ได้หรือไม่

ก็ขึ้นอยู่ที่สัจจะ ที่เราได้ไห้ ได้มีมากน้อยแค่ไหน

กับตัเวเราเอง

 

สำหรับผมนะให้เรียงตามบารมี 10 ทัศครับ มีอะไรอึดอัดใจก็พิจารณาดูเองครับปัญหาแต่ละคนไม่เหมือนกัน

บารมีี แปลว่า กำลังใจเต็ม บารมี 10 ทัศ มีดังนี้

1. ทานบารมีี จิตของเราพร้อมที่จะให้ทานเป็นปกติ
2. ศีลบารมี จิตของเราพร้อมในการทรงศีล
3. เนกขัมมบารมี จิตพร้อมในการทรงเนกขัมมะเป็นปกติ เนกขัมมะ แปลว่า การถือบวช แต่ไม่ใช่ว่าต้องโกนหัวไม่จำเป็น
4. ปัญญาบารมี จิตพร้อมที่จะใช้ปัญญาเป็นเครื่องประหัตประหารให้พินาศไป
5. วิริยบารมี วิิริยะ มีความเพียรทุกขณะ ควบคุมใจไว้เสมอ
6. ขันติบารมี ขันติ มีทั้งอดทน อดกลั้นต่อสิ่งที่เป็นปฏิปักษ์
7. สัจจะบารมี สัจจะ ทรงตัวไว้ตลอดเวลา ว่าเราจะจริงทุกอย่าง ในด้านของการทำความดี
8. อธิษฐานบารมี ตั้งใจไว้ให้ตรงโดยเฉพาะ
9. เมตตาบารมี สร้างอารมณ์ความดี ไม่เป็นศัตรูกับใคร มีความรักตนเสมอด้วยบุคคลอื่น
10. อุเบกขาบารมี วางเฉยเข้าไว้ เมื่อร่างกายมันไม่ทรงตัว ใช้คำว่า "ช่างมัน" ไว้ในใจ

 

ได้สดับมาว่า ผู้ที่เกิดมาเป็นมนุษย์ได้ต้องมีศีล ๕ !

ได้สดับมาว่า สัจจะธรรมเป็นของเดิมมีอยู่แล้ว !
เราจะเข้าถึงความจริงนี้ได้
ต้องปฎิบัติตามหลักไตรสิกขา ๓
ในฐานะผู้เริ่มต้น เริ่มจาก ทาน ศีล ภาวนา
ในฐานะนักปฎิบัติ เริ่มจาก ศีล สมาธิ ปัญญา.

แต่ส่วนใหญ่จะเริ่มจาก ปัญหาก่อน มีปัญหาแล้วถึงจะแสวงหาที่พึ่งกัน !

 

กลับมาอธิบายสักหน่อย เรื่อง อุชุกตา

อันธรรมดา บุคคลผู้สดับธรรม ย่อมสมาทานศีล และ มีสัจจะในการรักษา
แต่พอมาถึงเวลาหนึ่ง จะสุดเขตการเห็น จะไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อ ตรง
นี้จึงต้อง ต่อด้วยเรื่อง อุชุกตา การมี "ความตรง" และมี "กริยาตรง"

ก่อนอื่น มาดูเรื่องที่ไม่ตรง ตาม นิเทศ ( บังเอิญหาได้แต่ นิเทศ ไม่สามารถ
หาที่เป็น พุทธวัจนะได้ )

เรียบเรียงใหม่ :

ก็จะเห็นว่า เหล่านี้ คือ ผู้ปรารภในศีล และ มีสัจจะในศีล ทั้งสิ้น แต่ทว่า จน
แล้วจนรอด ก็ไม่พัฒนา ไม่ก้าวหน้า ถึงแม้จะอยู่ในศีล มีสัจจะ ก็ยังเรียกว่ามี

ความคด ความไม่ตรง มีกริยาไม่ตรง อยู่ หรือ ไม่มี อุชุกตา นั่นเอง

ถ้าจะกล่าวอธิบายง่ายๆ คือ ไม่ตรงต่อปัจจุบันธรรม

ถ้ากล่าวแบบ นิเทศ เห็นท่านใช้ว่า ไม่ตรงต่อกริยาวิญญาณขันธ์ ( การรับรู้
ในปัจจุบันขณะของวิญญาณขันธ์)

* * * *

ทีนี้ หากพอเข้าใจ ความตรง ที่เป็น อุชุกตา เป็นเรื่องของการ เหนือกว่า ศีล
และ สัจจะ ที่ไม่พอต่อการหลุดพ้น ก็ขอเสนอโดยละเอียดอีกว่า

อุชุกตา แบ่งเป็นสองแบบ คือ กายุชุกตา กับ จิตตุชุกตา แล้วก็ขอตบ
ท้ายด้วยถ้อยคำในพระไตรปิฏกอีกที

สังเกตุนะครับ กายุชุกตา แม้ชื่อว่า กาย แต่ก็กล่าวเฉพาะ นามขันธ์ ทั้งหมด

ที่นี้ อาจจะสงสัยว่า เอ แล้ว เอามากล่าวทำไม

ก็ อุชุกตามีเมื่อไหร่ ลหุตา ปคุณตา มุทุตา ก็มีเมื่อนั้น

พอมีปั๊ป ศีล และ สัจจะ จะยังให้ กายเบา จิตเบา คล่องแคล่ว ไม่เครียด
ควรแก่การงาน ทันที แม้นว่า เวทนาขันธ์จะปรากฏให้ทราบ สัญญาขันธ์จะ
ปรากฏให้ทราบ สังขารขันธ์จะปรากฏให้ทราบ ว่า กลุ้มและเครียด แต่หาก
ตรงต่อการรู้ วิญญาณขันธ์ ไม่คด ไม่งอ ไม่อ้อมไปเห็นอย่างอื่น แต่เป็น
"ผู้รู้ ผู้รู้ มาดูในๆนี่ ข้างนอกไม่มีอะไรให้ดู" ก็จะ ถึงบางอ้อได้แบบ ผึ๋งเลย

 

มาด้วยกันนั่นหละ.................

 

เราควรมีสัจจะ ให้กับใครมากที่สุด
และไม่ควร มีสัจจะกับใครมากที่สุด ครับ

 

กับตัวเอง ทำให้ดีที่สุด ​

 

ขอตอบดังนี้ ในฐานะของผู้มีครอบครัวทั่วๆไป โดยเฉพาะคุณต้นปลาย

1.ภรรยา
2.โจร

 

เราควร กำหนดสัจจะ ยังไงครับ เพื่อจะรักษาศีลให้ยาว และนาน

เร็วๆนี้ ผมเกือบผิดศีล เพราะอารมณ์ชั่ววูป เพราะผมกำลังจะทำลายสัจจะ

แต่เหมือนอะไร มาสกิดใจว่า เอ้ย ไม่เอาน่าอย่าทำ เลยหยุด

 

ถ้ามั่นคงกับ กรรมฐานดูตัวเอง ได้บ่อยๆ ไม่แน่นะ​

มรรคจิตเกิดในขณะจิตเดียว พระท่านว่างั้น​

คำว่า ยาวและนาน แน่นอน​

 

สัจจะคือจุดเริ่มต้นของศีล

 

การสละชีวิต เพื่อรักษาสัจจะล่ะมีไหม อันนี้ถามเกินไป แต่อยากรู้

กรรมฐานของผม ดันไปเห็นเหตุการณ์อีกสองเืดือนข้างหน้าถึงเป็นนิมิต

แต่ผมรู้สึกว่าผมแน่ๆ ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันไม่จริง

 

ตรงนี้ ก็บอกอยู่แล้วนี่ ว่าศีลช่วยรักษาสัจจะ

เพราะเมื่อก่อนสัจจะช่วยรักษาศีล

เห็นได้ว่าการพึงระวังด้วยการมีสังวร มันจึงเกิดเป็นสติคอยช่วยสะกิด ให้เกิดการพิจารณาเห็นคุณเห็นโทษ

กำหนดสัจจะให้ยิ่งด้วยการสำรวมอินทรีย์ ศีลจะช่วยรักษาสัจจะ และสัจจะช่วยรักษาศีล
ด้วยการกำหนดความสำรวมในตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

ศีล จึงเป็นศีล โดยความเป็นปกติของใจ ไม่ล่วงออกมาทางกาย ทางวาจา ในสิ่งเป็นประโยชน์ ไม่เป็นประโยชน์ อะไรควรไม่ควร

 

มันก็ถูกของคุณนะ บางครั้งผมก็แยกมันไม่ออก
เหมือนกัน กับระหว่าง สิ่งที่ถูกใจ กับเหตผลละมั้ง
ผมดันลั่นสัจจะไป แต่ก็ต้องยอมทำตามคำพูดตัวเอง
เหมือนผมกำลังบังคับตนเอง คำพูดอาจจะดูวัยวุ่นหน่อยนะ
ผมกำลังอยู่ในวัยวุ่นวาย

 

มั่นคงในกรรมฐานดูตัวเองไหมล่ะครับ


การปฏิบัติธรรม การไปรู้เห็นสิ่งลี้ลับ ที่สายตาคนทั่วไปไม่สามารถรู้ได้

กรรมฐานดูตัวเองจริงเป็นสิ่งสำคัญ

1.หากไปรู้ไปเห็นพ่อ แม่ พี่น้อง คนรัก คนสนิท ว่า
ต้องจากไปในวันนั้นวันนี้ ถามว่า ทำไมพระท่านถึงเน้นลงที่กายใจตัวเอง

2.หากไปรู้ไปเห็นแล้ว ถามว่า เอามาพิศูจน์ได้จริงแล้ว ถามว่า
ทำไมพระท่านถึงเน้นลงที่กายใจตัวเอง

3.หากนำมาบอกมากล่าวโดยที่ไม่มีพยานยืนยัน ถามว่า
ทำไมพระท่านถึงเน้นลงที่กายใจตัวเอง

4.หากจะแก้ไขป้องกันในสิ่งที่จะเกิดขึ้น ถามว่า
ทำไมพระท่านถึงเน้นลงที่กายใจตัวเอง

พราหมณ์ สมัยก่อน แม่นยำในอิทธิและการทำนาย
แต่ทำนายองค์คุลีมารผิด
เพราะ อะไร
เพราะว่า​

ก็อยู่ที่การกระทำของตัวเอง
เรียกว่า
ผลกรรมตัดสินด้วยตัวเอง​

คนเหนือดวง​

 

ผมใช้วิธีนี้ครับ ตั้งคำถามกับตนเอง
ขณะนี้เรากำลังทำอะไรอยู่
เพราะคำถามเช่นนี้จะนำเรากับมาสู่ความรู้เท่าทัน ได้ดีทีเดียวเลยมันเป็นเช่นนั้น

ผมมีความเข้าใจดังนี้ การที่ถามว่าสัจจะกับศีล สิ่งใดมาก่อนกัน
สำหรับผมแล้วไม่ใช้สิ่งที่ให้ความสำคัญแต่อย่างใดเลยครับ
เพราะถ้าเข้้าใจแล้วว่าสรรพสิ่งคือการอิงอาศัยกันและกัน
ก็จะทำให้ไม่เกิดคำถามที่ว่า สัจจะกับศีลเกิดก่อนกัน เพราะที่จริงมันก็คือการอิงอาศัยกันและกันเท่านั้นเองครับ