สัมผัสที่ 6 ญาณหยั่งรู้ในชีวิตประจำวัน

ขอบคุณค่ะคุณพ่อมังกร

 

อำนาจของพลังจิต ใต้สำนึก

ชายคนหนึ่ง เป็นคนทำความสะอาดรถแช่เย็น วันนั้น..ขณะที่เขากำลังทำความสะอาด

ห้องเย็น ของรถคันหนึ่ง..อยู่ ๆ เกิดลมพัดแรง ประตูห้องเย็น ถูกปิดดัง ปึง!

เขาพยายามตะโกนร้อง ครั้งแล้ว..ครั้งเล่า เรียกให้คนช่วย แต่ไม่มีใครได้ยิน

คนอื่นกลับบ้านไปแล้ว เพราะเป็นเย็นวันศุกร์ กว่าจะมีคนมาอีกที ก็คงเช้าวันจันทร์!!!


เขาคิดว่า เขาคงต้องตายแน่ๆ ในอุณหภูมิ -10 องศา คงมีชีวิตรอดอยู่ได้ไม่นาน

เขาเลยคิดจะทำความดีครั้งสุดท้าย โดยเขียนให้รู้ว่า คนที่ต้องตาย เพราะความเย็นจัด

จะมีอาการเช่นไร อย่างน้อย มันยังเป็นประโยชน์ กับวงการแพทย์ เขาได้เขียน

ทุกอย่าง ตามที่รู้สึกอย่างละเอียด...


เช้าวันจันทร์..มีคนพบศพชายผู้นี้ พร้อมกับกระดาษ ที่เขาเขียนบันทึกไว้

แพทย์ที่มาชันสูตร ยอมรับว่า มันเป็นอาการของคนที่ตาย จากความเย็นจัดจริงๆ

ตรงทุกประการ...


แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผิดปรกติ! ก็คือ...ห้องเย็นนั้น

ไม่ได้เปิดระบบทำความเย็น มันเป็น

อุณหภูมิปกติ!! เหมือนรถทั่วไป

 

เรื่องต่อมา เป็นเรื่องที่โด่งดังมาก เกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษ ในคุกเมืองบริสตอล

นักโทษคนหนึ่ง ถูกศาลตัดสินประหารชีวิต ด้วยการแขวนคอ ในวันรุ่งขึ้น..

ตอนเย็นก่อนวันประหาร มีนักจิตวิทยา 2 คน ที่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาล ให้ทำการ

ทดลองบางอย่าง ได้ปลอมตัวมาบอก กับนักโทษประหารคนนี้ว่า " พรุ่งนี้จะเปลี่ยนจาก

การแขวนคอมาเป็นการ เชือดคอแทน ตามกฏใหม่ของเรือนจำ "


นักโทษผู้น่าสงสาร ไม่ได้นอนทั้งคืน และคิดแต่ว่า พรุ่งนี้เช้า เขาจะต้องถูกเชือดคอ

และเมื่อตอนเช้ามาถึง เขาถูกมัดมือไพล่หลัง เอาผ้าปิดตา และถูกนำตัวมายังห้องแห่ง

หนึ่ง ซึ่งเขาไม่รู้เลยว่า มันเป็นแค่ห้องสังเกตการณ์ เฉยๆ

เขานึกว่า ห้องนี้ คือห้องประหาร!!!


ได้มีการจัดฉากไว้อย่างดี ในห้องนั้นมี นักจิตวิทยา เจ้าหน้าที่ของรัฐบาล และมีพระมา

สวดครั้งสุดท้าย..ให้เขา

นักจิตวิทยาคนแรก แสดงเป็นคนลงมือเชือดคอ..

มีดที่ใช้เชือดคอ ก็คือมีดแบบที่เขาใช้โกนหนวด แต่เขาเอาด้านทื้อ ของมีดพาดผ่าน

ไปที่ลำคอ (เขาบอกว่ามีดนั้นไม่ได้สัมผัสลำคอ นักโทษแม้แต่น้อย ) แล้วนักจิตวิทยา

อีกคนหนึ่ง ได้ทำเสียงน้ำไหล ให้เหมือนเลือดที่กำลังไหลจากคอ


นักโทษคนนี้ รู้สึกเย็นที่ลำคอ เพราะโลหะของมีดโกน และได้ยินเสียงน้ำไหล เขาคิดว่า

เลือด! เขากำลังไหลออกจากคอหอย!

แล้วในที่สุด เขาก็ล้มลงสิ้นใจตรงนั้นเอง !!!

 

จากเรื่องที่เล่ามา เป็นเรื่องจริง และทำให้เราเห็นได้ว่า ความเชื่อและใจคิดของคน
เรา มีอำนาจมากแค่ไหน

จินตนาการดูซิว่า สิ่งนี้ มันจะช่วยเราได้มากแค่ไหน?

ในทางพุทธศาสนาจึงบอกว่า "ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน" ทุกสิ่งสำเร็จได้ด้วยใจของ
เรานี้เอง"

ถ้าเรากลัวตาย และคิดว่าเราจะต้องตาย เราก็จะตาย เพราะความกลัว ที่เกิดจากใจที่
คิดไปนั่นเอง ใจที่ฆ่าตัวเรา!

ปัญหาส่วนใหญ่ ที่เราต้องเจอล้วนมาจาก ใจที่เป็นลบ ใจที่คิดแต่เรื่องไม่ดี
ดังนั้น เราต้องแก้ไขที่ใจของเรา เวลาเราอยู่ในอารมณ์ที่ดีๆ ใจสบายๆ มีเรื่องเกิดขึ้น
เราจะรู้สึกว่า..แค่เรื่องเล็กน้อย

ธรรมชาติของคน เวลาเราเป็นสุข เราอยากจะแบ่งปันความสุข เช่น เราสอบได้ดี ได้
เลื่อนขั้น ถูกหวย เราแทบจะวิ่งแจ้นไปบอกเพื่อนฝูง เวลาความรักของเรา กำลังไปด้วย
ดี เราจะเห็นโลกเป็นสีชมพูทุกอย่าง อะไรก็ได้ ดีไปหมด

แต่ถ้าเราเป็นทุกข์ เราก็จะหน้าตาบูดบึ้ง ใส่คนที่อยู่รอบๆ ตัวเรา โมโหเป็นฟืนเป็นไฟ
แม้เรื่องเล็กน้อย เจอหมาเตะหมา เจอแมวเตะแมว เพราะว่าเรากำลัง เป็นทุกข์!!


และนี้ก็คือ สิ่งที่ท่านพยายามบอกเราว่า ให้เรารักษาใจของเราให้เป็นสุขอยู่เสมอ โดย
วิธีทำสมาธิ

การหยุดคิดทุกสิ่งในโลก อดีต อนาคต หยุดความกังวล และ มีความสงบสุข และสันติ..
ใจที่จะทำการงานได้ดี คิดได้ดี คิดแต่สิ่งที่ดีๆ ก็คือ ใจที่สงบสุขจากการทำสมาธิ นี้เอง....

 

มีท่านผู้ใด สามารถอธิบายถึงความหมาย ของคำว่า....

"กระแสจิต" หรือ "พลังงาน" ของบุคคล หรือสิ่งมีชีวิต

ที่ได้จากโลกนี้ไปแล้ว(ตามความเข้าใจ)

 

คนตายไป สัตว์ตายไป วิญญาณวิ่งไปสู่ตามภพ ตามภูมิของเขา

แต่ทิ้งพลังงาน ทิ้งกระแสจิต ไว้ในโลก ซึ่งสามารถน้อม

เข้่ามาสัมผัส น้อมเข้ามารำลึก น้อมเข้ามาใช้งาน


เนื่องเพราะตัวของเรา ก็อยู่ในรูปของพลังงานนั้น

เป็นเช่นเดียวกับพลังงานนั้น

 

"กระแสจิต" หรือ "พลังงาน"

ตอนแรกตาฝาดเป็นกระสือสะดุ้งเลยค่ะ

 

คนตายไป สัตว์ตายไป วิญญาณวิ่งไปสู่ตามภพ ตามภูมิของเขา
แต่ทิ้งพลังงาน ทิ้งกระแสจิต ไว้ในโลก ซึ่งสามารถน้อมเข้่ามาสัมผัส น้อมเข้ามารำลึก น้อมเข้ามาใช้งาน
เนื่องเพราะตัวของเรา ก็อยู่ในรูปของพลังงานนั้น
เป็นเช่นเดียวกับพลังงานนั้น

<!-- google_ad_section_end -->คล้ายหลวงปู่ดู่หรือพระโพธิ์สัตว์หลวงๆพระองค์ใช่ไหมค่ะ ที่เราสามารถน้อมนำพลังงานมารำลึก ใช้งานได้

ถึงแม้จะเข้าใจตามประโยคคบน แต่ไม่เข้าใจว่าคนหรือสัตว์ตายไปอยู่ภพภูมิเขาแต่สามารถนำพลังงานมาใช้ได้อย่างไร แล้วพลังงานในที่นี่คืออะไร อย่างไรค่ะ

 

เข้าใจถามนิ....เจ้าลูกปลาน้อย

จะเอาคำตอบสั้น หรือคำตอบยาว

ถ้าคำตอบยาว จะเข้าใจได้ดี

ถ้าคำตอบสั้น ก็ต้องใช้ภูมิรู้ตัวเอง

สานต่อเรื่องราว

หรือจะเอาวิธีดึงพลังงาน มาใช้ด้วย

เอาไหม ๆ อย่าโลภ เลือกซะหมดล่ะ

 

สมองมนุษย์ทำหน้าที่คล้าย ROM หน่วยความจำถาวร และRAM หน่วยความจำชั่วคราว
สมองของเราใช้งานจริงแค่ 30%เท่านั้น อีก 70% อยู่ใต้จิตสำนึกทั้งหมด
นั้นหมายความว่าเราใช่งานสมองจริงๆเหมือนหน่วยความจำสำรองเท่านั้นส่วนหน่วยความจำ
ROMในสมองเราจะบันทึกตัวเราเองตั้งแต่เกิดยันตายแม้บางเรื่องเราไม่เคยคิดว่าจะจำมันเลย
ถึงแม้เราตายไปแล้วข้อมูลต่างๆในสมองส่วนRomก็ยังคงอยู่

 

อนุโมทนากับน้อง lamb of god ด้วยครับ ที่มาพูดถึงเรื่องสมอง และจิตใต้สำนึก


ผมเคยไปอยู่ค่ายที่ประจวบ 11 วัน (หาดวนกร) ที่นั่นมีภูเขาอยู่ด้านหลัง

ด้านหน้าเป็นทะเล และมีต้นสนนับร้อย เรียงรายกั้นระหว่างภูเขากับทะเล

อาจารย์ที่อบรมท่านหนึ่ง เข้ามาสอนในสิ่งที่พวกผมไม่เคยได้ยิน

นั่นคือเรื่องพลังจิตใต้สำนึก มีใจความว่า


หากอยากตัดตะเกียบให้ขาด ด้วยนามบัตรบาง ๆ จะต้องโน้มน้าวใจ ให้มีความ

เชื่อมั่นว่า ตะเกียบคือถั่วฝักยาว นามบัตรคือมีดอีโต้ พอใจเชื่อตรงนี้จริง ๆ

แล้วฟาดกระดาษนั้นลงไป นามบัตร จะสามารถตัดตะเกียบได้


เคยได้ยินบางท่านบอกว่า หากจะบิดช้อนซ่อมให้งอ จนหมุนเป็นเกลียว

ให้สมมุติช้อนนั้น มีลักษณะเหมือนหมากฝรั่ง แล้วบิด

 

อันนี้แล้วแต่พ่อมังกรจะเมตตาค่ะ ^ ^

 

สาธุ สาธุ ขอโมทนา
ขอเชิญร่วมเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคี ปี 2552 ณ วัดย่านยาว จ.พิษณุโลก

 

เมื่อเช้าตอนที่เข้ามาอ่นกระทู้ขอพ่อแล้วปิดคอมกลับออกไปยั้งคิดดูด้วยปัญญาอันน้อยนิดก็มีความได้ว่า......

ถ้าหากจะสรุปตามความคิดดอันน้อยนิดของปลา
ดวงวิญญาณที่ไปสู่ภพภูมิของเขาเปรียบเหมือนพระอาทิตย์บนฟ้า

และดวงอาทิตย์ดวงนั้นจะมีพลังงานอยู่ตัวของมันเอง และซึ่งมันจะส่งพลังงานมาให้สิ่งต่างๆรอบตัวเรา
(แต่ทิ้งพลังงาน ทิ้งกระแสจิต ไว้ในโลก ซึ่งสามารถน้อมเข้่ามาสัมผัส น้อมเข้ามารำลึก น้อมเข้ามาใช้งาน)

ซึ่งมนุษย์และสัตว์ทุกชนิดเหมือนกัน น้อมพลังงานเข้ามาสัมผัส และใช้งาน สมมุติว่าคล้ายกับการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ (รึป่าวค่ะ)

และเมื่อเขานำพลังงานมาบ่อยๆ ก็คงเหมือนกับมนุษย์ที่ศึกษาการใช้พลังงานแสงอาทิตย์เอามาทำเป็นแบบตเตอร์รี่ เอามาทำเป็นอื่นๆอีกมากมายเหมือนกับ การชาร์ตพลันไว้ในตัวและสามารถนำออกมาใช้ได้เมื่อต้องการใช่หรือป่าวค่ะ

นี่คือทฤษฏีมั่วๆที่ปลาคิดขึ้นมาเองไม่รู้ถูกผิดแค่ไหน แต่ยังไงขอคำเฉลยจากพ่อมังกรค่ะ

 

พ่อมักรค่ะ ค้างงงงงงง ค่ะ มาต่อเลย รอมาหลายวันละ เหอๆ

 

พวกเด็กวัยสะรุ่น ช่างใจร้อนน่าดู ป๋าอุตสา่ห์หนีไปห้องพระเครื่อง เหล่ ๆ มอง

อยู่หลายองค์ เล่นเอาหัวงี้ชาและมึนตึ๊บ คืองี้นะ.......


ตามองดูรูปพระ แล้วผ่อนลมหายใจออกให้หมด

แล้วสูดลมเข้ามา นึกมาถึงร่างกายตัวเอง

แล้วผ่อนลมออก นึกไปที่พระ ทำซ้ำไปมาหลายครั้ง

อย่าลืมยกมือไหว้ บอกกล่าวท่านด้วย คือขอขมากรรม


ถ้าไม่ถนัดเรื่องใช้ตามอง ให้หาเหรียญของครูบาอาจารย์ มากำไว้ที่มือ

แล้วทำแบบเดียวกันนั่นแหล่ะ ถ้ามีความรู้สึกถึงพลัง ที่วิ่งเข้ามา ก็หยุด

ไม่ต้องทำมาก เดี๋ยวไม่สะบาย

(วงเล็บน้อมพลังเข้าตัว)

 

เหล่มาได้อีกองค์หนึ่ง พระกริ่งเจ้าฟ้านเรศ ของหลวงตาม้า ของดีราคาถูก

พลังแน่นเหลือเฟือ เหมาะสำหรับ ผู้ที่ไม่ใช่นักเลงพระ แต่ต้องการพลังคุ้มครอง

แค่ 300 บาท สุดคุ้ม (จะโดนใบเหลืองป่าว)

http://palungjit.org/threads/ให้บูชา-พระเครื่อง-วัดพุทธพรหมปัญโญ-หลวงตาม้า-จ-เชียงใหม่.203985/

 

การน้อมพลังงานปลาก็พอทราบค่ะเพราะทำอยู่ประจำค่ะ

พ่อมังกรลองดูสามชิ้นนี้สิคะ ว่าเป็นไงบ้าง

องค์เล็กๆพระใบขะขามครูบาดวงดี วัดท่าจำปี ค่ะได้ไปบูชาเมื่อวันสงกรานต์ปีนี้ค่ะ

กลมๆเหรียญหลวงปู่ทวด พระหลวงปู่ดู่ วัดสะแกค่ะ ได้มาฟรีเพราะมีเทวดาอยากให้ได้ไว้ติดตัวค่ะ

ส่วนตระกุดได้มาตากแม่ชีณัฐทิพย์ ที่ห้องแชทพลังจิตค่ะ

 

รูปที่ถ่ายขึ้นมา หวังว่าคงไม่ได้ห้อยจริงนะเจ้าปลา มีสร้อยเหล็กคล้องคอ

ล็อคไม่ให้พลังปราณขึ้นมา ใส่ตะกรุดกับพระปรกใบมะขาม แค่นี้ก็พอ ควรใช้

เชื่อกดำดำ ที่เห็นนั่นแหล่ะ ดีที่สุด สำหรับพระหลวงปู่ทวด ให้เจาะรูเล็ก ๆ

ที่ใต้ล่าง สนามแม่เหล็กจะวิ่งได้สะดวก แล้วใช้นั่งกรรมฐาน จะดีมาก

 

งั้นปลาขอใส่พระหลวงปู่ทวดกับตระกุดดีกว่าคะ เพราะคนให้เขาอยากให้เราใส่ติดตัว

และเวลาไปไหนมาไหนปลาชอบหลบมุมจิตทำนั่นทำนี่คะ ^ ^