สัมมาทิฏฐิสูตรว่าด้วยความเห็นชอบ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 3 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. ต้นปลาย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    629
    ค่าพลัง:
    +69
    กามาวจรกุศล


    มันสะดุด กับคำนี้
     
  2. blank123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +229
    อิอิ แท้งกิ๋ว สำหรับฟามลู้เรื่องการรักษาศีลจร้าาาา :cool:
    ตะกี้กะลัง เสิร์ชอากู๋ หาข้อมูลเรื่อง ศีล 8 อยู่พอดีเยยย
    แบ่บว่า อิคิตตี้มันนึกครึ้มอ่า มันบอกประมาณ ว่า


    นี่ ๆ อีนู๋บีจ๋าาา ศีล 6 ที่เธอว์แบกอยู่บนหัวเนี่ย
    มันกระจอกเกินไปสำหรับ แม่ดอกบัวป่อง เป็นยองเป็นใย แระง่ะ
    เปลี่ยนใจมาถือศีล 7 ( งดนอนเตียงนอนฟูก ) เพิ่มเติมดีฝ่าน้าาาา



    เนี่ย มันก็เรยสะกิดชวน อิการ์ฟิลด์ เหย็ง ๆ เยยว่ะ
    สุดท้ายเรยต้องเดือดร้อน ให้ อิฉัน กลายเป็น ท้าวมาลีวราช
    มาว่าความหั้ยซะงั้น ว่าจะ โอเคนะคะ ก๊ะ มันไหม ?
    นี่ก็ยังสองจิตสองใจอยู่เล๊ยยย :'(


    ปล.
    ช่วงนี้กะลังปั่นน้ำลาย ตอบ จม.แควน ๆ อยู่คร้าาา
    ส่วนบ่ายนี้หมอยังม่ะไม่มาตรวจคนไข้ คร้าาา
    เรยหาเรื่องแว่บมาทักทาย กากีนั้ง นิโหน่ย^ 0 ^


     
  3. k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ป๋า อ่าน จบแล้วรึ
    เค ยังอ่านไม่จบ มาแปะไว้ก่อน ค่อยๆย่อย ค่อยๆอ่าน

    บทความเกี่ยวกับ กามาวจรกุศล

    กามาวจรกุศล

    กามาวจรกุศล เป็นกุศลตกแต่งให้เกิดในมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ

    รูปาวจรกุศล อรูปาวจรกุศล ตกแต่งใหเกิดในรูปภพ และอรูปภพ

    ส่วนโลกุตรกุศล เป็นกุศลที่มาตัดเสียซึ่งตัวกรรมภพ ให้ขาด ด้วยอำนาจแห่งมรรคจิต เมื่อตัวกรรมภพขาดลง ชาติคือความเกิดก็ดับลง จึงเรียกว่า นิพพาน

    ถ้าต้องการกุศลชนิดไหน ให้เลือกเอาตามความต้องการแต่นี้จะกล่าวถึง กามาวจรกุศล อันเป็นส่วน กามาวจรภูมิ ที่เรียกตามบาลีว่า

    “รูปารมฺมณํ วา” เอารูปเป็นที่ยินดี เช่นเอารูปพระพุทธรูป หรือเอารูปผ้าจีวร หรือรูปเสนาสนะโบสถ์วิหาร จะเป็นรูปอะไรก็ตาม สักแต่ว่ารูป เมื่อเลื่อมใสยินดีแล้วก็น้อมนำมาซึ่งรูปนั้นให้เป็นที่ยินดี

    “สทฺทารมมณํ วา” เอาเสียงเป็นที่ยินดี เช่นเสียงไหว้พระสวดมนต์เป็นที่ยินดี

    “คนฺธารมฺมณํ วา” เเอากลิ่นเป็นที่ยินดี เช่นกลิ่นมาลาของหอมหรือธูปเทียน

    “รสารมฺมณํ วา” เอารสเป็นที่ยินดี เช่นรสอาหารเป็นต้น

    “โผฏฐพฺพารมฺมณํ วา” เอาโผฏฐัพพะเป็นที่ยินดี เช่น อาสนะเครื่องถูกต้องทางกายเป็นต้น

    “ธมฺมารมฺมณํ วา” เอาธรรมมารมณ์ เป็นที่ยินดีที่เกิดทางใจ รวมกันเข้าเป็น ๖ อย่าง เรียกว่า กามาวจรกุศล

    การรักษาศีล ๕ เป็นวิรัติทานด้วย เช่น ไม่ฆ่าสัตว์ แปลว่าได้ให้ชีวิตเป็นทานด้วย ไม่ลักทรัพย์ แปลว่าได้ให้ทรัพย์เป็นทาน ไม่ประพฤติผิดในกาม แปลว่าได้ให้กามเป็นทาน ไม่พูดปด แปลว่าได้ให้คำสัจเป็นทาน ไม่ดื่มสุราแปลว่าได้ให้ความสงบเป็นทาน การรักษาศีล ๕ เป็นวิรัติทานด้วย เป็นเครื่องระงับเวรทั้ง ๕ ด้วย

    เมื่อเวรทั้ง๕ ไม่มี ทุคติจะมีได้อย่างไร สิ่งทั้ง๕ ที่งดเว้น เป็นส่วนวัตถุกามที่เราต้องการและเขาต้องการ เป็นกรรมกิเลสเหตุเครื่องเศร้าหมองทั้งสองฝ่าย ส่วน รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะที่ไม่มีโทษ ผู้รักษาศีล ๕ ยังต้องประสงค์อยู่ ศีล๕ จึงเป็นกามาวจรกุศล การไหว้พระสวดมนต์ก็เป็นกามาวจรกุศล ประมวลความลงผู้ที่มีทานวัตร ศีล๕ ไหว้พระสวดมนต์ เป็นส่วนกามาวจรกุศล จึงนับเข้าภูมิกามาวจร บุคคลผู้ประพฤติธรรม เห็นปานดังที่กล่าวมานี้

    กามาวจรกุศล
     
  4. k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    กามาวจรกุศล
    โดย พระอาจารย์ทูล ขิปปปญโญ
    วัดป่าบ้านค้อ ต. เขือน้ำ อ. บ้านผือ จ. อุดรธานี
    โทร (๐๘๒) ๒๔๕–๔๘๘

    เราเป็นฆราวาส หากไม่สามารถจะปฏิบัติให้ถึงโยคาวจรกุศลได้ในชาตินี้ เราก็ควรปฏิบัติอยู่ในขั้นกามาวจรกุศล ฝึกตนเองให้อยู่ในสังคมส่วนรวมให้มีความสุขใจได้

    ถึงจะเป็นโลกียสุข ก็ยังดีกว่าความทุกข์ใจที่เกิดขึ้น ความทุกข์ใจนี้ มีเหตุให้เกิดขึ้นมากมาย ถ้าเราเข้าใจในเหตุให้เกิดทุกข์ได้ เราก็จะมีอุบายหลบหลีกจากเหตุแห่งทุกข์นั้นไป ไม่ให้เกิดความทุกข์เต็มตัวจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ จนทำอะไรไม่ได้ มีแต่ความเดือดร้อนทั้งวันทั้งคืน คำว่า เหตุ มีอยู่ ๒ อย่าง

    ๑. เหตุภายใน
    ๒. เหตุที่เกิดจากภายนอก

    เหตุภายใน คือตัวเองเป็นคนก่อเหตุ ส่วนสภาวเหตุ คือเหตุมีประจำตัว เรียกว่า วิบาก คือภพชาติที่เกิดขึ้นมาแล้วต้องได้รับทุกข์ เรียกว่า สภาวทุกข์ คือทุกข์ประจำขันธ์ ที่ทุกคนได้รับกันอยู่ในปัจจุบัน ทุกข์ที่เป็นเจ้าเรือน ทุกคนต้องแบกภาระหนักเฉพาะตัว ส่วนเหตุภายในที่จะไปก่อเหตุให้เกิดขึ้นนั้น หมายถึงใจ เมื่อใจมีความเห็นแก่ตัว เป็นผู้มีอัตตาสูง ผู้นั้นจะก่อเหตุให้เกิดขึ้นแก่ตัวเอง มีทิฏฐิมานะสูง เป็นผู้ไม่ยอมแพ้ใคร เป็นผู้ไม่ยอมก้มหัวให้แก่ใคร ถึงทำไปก็เป็นเพียงกิริยาในการกระทำเท่านั้น เหตุที่จะให้เกิดมานะทิฏฐิมีหลายทาง เช่น ถือว่าเรามีฐานะดีกว่าเขา เรามีชาติตระกูลสูงกว่าเขา เรามีความรู้สูงกว่าเขา เรามีตำแหน่งที่สูงกว่าเขา เรามีบริวารเพื่อนฝูงมากกว่าเขา หรือลาภ ยศ สรรเสริญ สิ่งเหล่านี้จะเป็นบ่อเกิดแก่ผู้ที่ลืมตัวหลงตัวมีมานะทิฏฐิได้ทั้งนั้น เมื่อมีความหลงตัวลืมตัวเกิดขึ้นแล้ว จะทำอะไรให้แก่ใคร ๆ ก็จะทำไปตามใจ ไม่มีความเกรงขามหวั่นกลัวต่อใคร เพราะถือว่าเราใหญ่พอตัว จะผิดใจไม่พอใจต่อคนใดคนหนึ่ง จะไม่คิดในเรื่องนี้ มีแต่เอาชนะคนอื่นเรื่อยไป ถึงจะทำผิดไป ก็ไม่มีความละอายแก่ตัวเอง ไม่มีความละอายแก่ผู้อื่น ไม่ละอายในการทำชั่ว ไม่เกรงกลัวในบาปอกุศล แม้แต่การพูดก็เช่นกัน จะพูดในลักษณะข่ม ๆ ขู่ ๆ ให้คนอื่นเกรงกลัวแก่ตัวเองอยู่เสมอ จะพูดอย่างไรก็พูดไปตามใจอยากจะพูด โดยไม่คิดถึงอกเขาอกเราว่าเขาจะรับคำพูดเราได้หรือไม่ เป็นผู้ไม่รับความผิดในคำพูดของตัวเอง ถือว่าเราใหญ่ ไม่มีใครจะทำจะพูดอะไรแก่เราได้ จะไปที่ไหนในสังคมอย่างไร จะเข้าใจว่าเราใหญ่อยู่ตลอดเวลา ผู้มีอัตตามานะสูงอย่างนี้ เป็นเผด็จการให้ทุกคนทำตามคำสั่งและให้เชื่อฟังคำพูดของตนแต่ผู้เดียว และมีลักษณะของผู้มีมานะอัตตาสูงมากกว่านี้ ให้เราสังเกตดูก็แล้วกัน เราเป็นผู้ปฏิบัติ ต้องกำจัดมานะอัตตาให้หมดไปจากใจให้ได้ พยายามฝึกนิสัยให้แก่ตัวเองนั้นคือการปฏิบัติธรรม ฝึกใจอบรมใจอยู่บ่อย ๆ เมื่อใจได้ฝึกดีแล้ว กิริยาการทำทางกายและการพูดทางวาจา ก็จะละมานะอัตตาให้หมดไปโดยปริยาย จึงเป็นผู้สำรวมกายวาจาใจแล้วเป็นอย่างดี

    http://www.dharma-gateway.com/monk/preach/lp_tool/lp-tool_6-08.htm
     
  5. k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    อ่า นะ...อินู๋บี มา ดีใจ๊ดีใจ
    ถ้าแม่คุณ แม่มหาจำเริญ มีดำริ จะรักษาศีล7
    อิอ่อน ก็ขอร่วมอนุโมทนาบุญล่วงหน้า ด้วยนะจ๊า
    เป็นบุญกุศลของสัตว์โลก แต๊ๆ แม่คุณแม่มหาจำเริญ เอ๋ย....อิอิ
     
  6. วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846

    เป็นภาษา อีกอย่างหนึ่ง เรียกว่า

    คันถะธุระ (กามาวจรกุศล)

    กับ

    วิปัสนาธุระ (ทวนกระแสโลก)
     
  7. blank123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +229
    เหอะ ๆ จู่ ๆ เหตุปัจจัยมันก็ถึงพร้อม พอดิบพอดีเป๊ะ ง่ะ
    ( เด๋วมีโอกาสจะเม้าส์หั้ยฟัง เอิ๊ก ๆ )
    นี่ก็กะลังว่า เด๋วครึ้ม ๆจะลองปูเสื่อนอนดูสักพักน่ะ
    ว่า จาเอาอยู่ เอาไหว อ๊ะปล่าววววว
    ถ้า เข้าท่า ก็ว่าจะ ขึ้น ศีล 7 แบ่บเต็ม ๆ ตัว อิอิ


     
  8. ต้นปลาย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    629
    ค่าพลัง:
    +69
    แล้วกามาวจร กุศล เกี่ยวอะไร เกี่ยวอะไร กับการนอนฟุก เปิดแอร์ไหม ฟังเพลงไหม น้อ
     
  9. วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846

    เพิ่มเติม กามาวจร

    ก็คือ การวนอยู่ในกาม
    (กามนี้ คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส )

    จะนับเข้าจริงๆ ของกามาวจรภูมิ

    จะนับตั้งแต่ นรกชั้นล่างสุด จนมาถึง สวรรค์ทั้ง 6ชั้น

    จึงเรียกว่ากามาวจรภูมิ


    หากเรียกว่า กามาวจรกุศล ก็คือ
    ผลของผู้สะสมกุศลเป็นปัจจัยให้ได้บังเกิดยังสวรรค์ทั้ง 6ชั้น
    (สวรรค์แปลว่า เลิศด้วยกามคุณทั้ง 5)

    ปัจจัยตัวนี้ก็คือ ผลของทาน ผลของศีล

    หากจะวัดผลของศีล ก็ตามลำดับของศีล 5-8-10-227-311

    หากนับเอาเพียง ศีล 5 ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเปิดแอร์ นอนฟูก
    หากนับเอาที่เพิ่มขึ้น อันนั้นเป็นกำลังในการฝึกฝน
    เพื่อส่งทาง ทวนกระแสโลก
    ก็เหมือนกับตั้งสัจจะว่าไม่นอนฟูก แต่ไม่ทำตามมันก็ผิดเต็มๆ
    และอยู่ที่เจตนาเป็นสำคัญ
     
  10. k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    จร้า...ขอบคุณที่มาช่วยอุดหนุน และช่วยสร้างสรรค์กระทู้ เจ้าค่ะ
     
  11. วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
  12. k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ถ้าวัดกันด้วย ระดับความพอใจยินดี เป็นสุข คือภพกุศลของเรา
    การที่เรา ยินดีในการนอนฟูก เปิดแอร์ ฟังเพลง ทำให้จิตใจเป็นสุข มันก็เป็นกุศลของเรา
    แต่ถ้าวันใดไม่มีฟูก ไม่มีแอร์ ไม่มีเพลงฟัง จิตใจมันยังจะเป็นสุข เป็นกุศลได้ไหม
    ถ้ายังเป็นสุขได้อยู่ ก็ถือว่าฝึกจิตมาดี แต่ถ้าเป็นทุกข์เพราะขาดของที่เคยชินในการ
    ให้ความสุขสบายก็คงเข้าข่าย อ่อนไหวต่อโลก เป็นทุกข์ได้ง่าย

    การมาฝึกจิตด้วยการรักษาศีล8 ให้เคยชินกับความลำบาก เช่น นอนเสื่อ อดอาหารเย็น งดดูหนังฟังเพลง
    ก็คืออุบายการฝึกจิตให้เคยชินกับความลำบาก ให้จิตเกิดความอดทนต่อความลำบาก
    และแม้จะอยู่ในสภาวะลำบากก็ไม่เกิดเป็นทุกข์ แถมยังเกิดกุศลจิตเคยชินในการเป็นอยู่อย่างง่ายๆ
    อดทนต่อทุกสภาวะได้ เป็นผู้เลี้ยงง่าย
     
  13. นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    อีน้อง ลายตาไปหมดเเล้วจ๊ะป้าขวานจ๋า

    ท่าจะต้องใช้ ซักสอง สามชั่วโมงเป็นอย่างน้อยเป็นเเน่เเท้

    อนุโมทนาล่วงหน้าก่อนเเล้วกัน

    ขอบคุณค๊าาาาาาาาาาาาาาาา
     
  14. k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    แอร๊....ยยยยย ป้าก็ตาลายเหมือนกัน หุหุ
    ยอมรับว่า ชุดนี้ หินมั่กๆๆๆๆ เอาไว้ทดสอบสมาธิ ว่าจะตกภวังค์ง่วง ภวังค์หลับ มั่งป่าวววว
    ใครมีสติ สมาธิเจ๋งๆตั้งมั่นได้นาน..น้าน..นาน อ่านสดจบม้วนเดียว ป้ายกนิ้วให้ :cool:

    ของดี อ่านยาก ต้องใช้ความพยายาม พากเพียร เรียนรู้ไป อะนะ
    มะใช่นิยายแฮรีพอตเตอร์นิ ที่อ่านแล้วติดงอมแงม อ่านแล้วตาใสวางไม่ลง
    เพราะมันถูกใจกิเลสมากฝ่า

    ส่วนความรู้ทางธรรมอันนี้เราอ่านเพื่อทวนกระแสโลก ทวนกระแสง่วง ทวนกระแสเบลอ

    แต่ถ้าใครอ่านไปเกิดปิติซาบซึ้งในธรรมไป มันก็ไม่ง่วงไม่หลับไม่เบลอมั้ง
    แบบว่า ยิ่งอ่านยิ่งมันส์ ยิ่งอ่านยิ่งแซ่บ ยิ่งอ่านยิ่งตาโต ก็ว่ากันไปนะ
    แล้วแต่จริตและวาสนาของแต่ละคน เนาะ แต่ป้าขวานก็อ่านได้แป๊บๆ
    อาศัยว่าอ่านไปทีละนิด ทีละหน่อย อ่านบ่อยๆมันก็เข้าแก๊ปเอง
    เรื่องที่เรายังไม่เข้าใจแท้จริง มันก็ยากในการอ่านอะนะ แต่ถ้าเข้าใจความจริงในเรื่องนั้นๆ
    มันถึงจะเข้าถึงอรรถรสในการอ่าน
     
  15. ต้นปลาย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    629
    ค่าพลัง:
    +69
    k ศีล 8 คงเป็นอุบาย ให้หลุดจาก กระแสโลกสำหรับผู้ที่ยังไม่เคยฝึกตน
    ที่เคยชินต่อกระแสโลก อันนี้ป๋าคิดเอาเองนะ วันนี้พิมคอมลูก มันไม่ค่อยถนัดเลย เครื่องเล็กไป
     
  16. ต้นปลาย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    629
    ค่าพลัง:
    +69
    การอ่าน หนังสือ นั้นมันเป็นเอกลักษณ์เฉพราะสำหรับผู้ที่รักการอ่าน
    หากรักการอ่าน ไม่ต้องอ่านเพราะรักครับ มันจะทำของมันเอง
     
  17. k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เห็นด้วยเลย ค่ะ ทั้ง ศีล5 ศีล8 ศีล10 ศีล227 คืออุบายฝึกตนทั้งสิ้น
    ฝึกตนให้เข้ากระแสทางธรรม ทวนกระแสทางโลก ฝึกตัดห่วง ตัดภาระ ตัดการแสวงหา

    :cool:
     
  18. k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เค ก็เป็นคนชอบการอ่านนะ อ่านได้ทุกประเภท ทั้งทางโลกและทางธรรม
    ทางธรรมก็มีบางอย่างยิ่งอ่านยิ่งมันส์ได้อรรถรสอย่างแซ่บ หุหุ
    บางอย่างอ่านแล้วจะหลับก็มี แต่ต้องต้องฝืนตัวเองให้อ่านถ้าสนใจอยากรู้อยากทำความเข้าใจ

    ก็เล่าสู่กันฟังว่า เค เป็นแบบนี้ แต่ก็อยากให้ตัวเองรักอ่านมั่งจัง
    จะได้อ่านทุกอย่างที่อยากรู้ โดยที่ไม่ง่วงไม่เบลอ หุหุ
    บางทีที่ เค ง่วง+เบลอ อาจเป็นเพราะอ่านด้วยตัณหาความอยากรู้

    ไม่ได้อ่านเพราะรักการอ่าน รักการเรียนรู้ :'(
    (แบ่บว่า มันไม่ค่อยรักดี หุหุ ก็ต้องฝืนต้องบังคับกันมั่ง)
     
  19. ต้นปลาย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    629
    ค่าพลัง:
    +69
    การอ่านนี่ เป็นการทำสมาธิ อย่างดีเลยนะ
    หากฝึกแต่เด็ก นี่สุดยอดเลย
     
  20. <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    เป็นบทความที่ดีครับ เป็นวาสนาที่ได้อ่านโดยแท้

    อนุโมทนาครับ อ่านมา ๓ รอบแล้ว
     

แชร์หน้านี้