สายธารพระป่า แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย aprin, 19 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    [​IMG]
    ภาพหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่วัดป่าบ้านตาด จ.อุบลราชธานี

    [​IMG]
    หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน


    [​IMG]
    หนังสือ " พระป่า สมัยกรุงรัตนโกสินทร์" โดย หลวงปู่ทุย ฉันฺทกโร

    หากจะรำลึกคุณงามความดีของ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน (พระธรรมวิสุทธิมงคล) แห่งวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี ซึ่งท่านได้ละสังขารไปเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2554 ก็คงจะละเลยที่จะกล่าวถึง หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ไปไม่ได้ เนื่องด้วยท่านเป็นครูบาอาจารย์ พระวิปัสสนากรรมฐานผู้พลิกฟื้นสัจธรรมความจริงให้ปรากฏในยุครัตนโกสินทร์นี้เอง ซึ่งในยุคสมัยของท่าน หลังจากค้นพบความจริงอันสูงสุดแล้ว ท่านก็เน้นสอนพระจนกระทั่งดับขันธ์ เช่นเดียวกับครูบาอาจารย์ของหลวงปู่มั่น คือ หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล แห่งวัดดอนธาตุ จ.อุบลราชธานี

    และหากจะรำลึกถึงพระคุณของพระป่าผู้ปกป้องป่า ผู้ปกป้องลมหายใจให้ชาวโลกให้มีพื้นที่แห่งสันติในใจมาจนถึงทุกวันนี้ ก็คงต้องย้อนขึ้นไปถึงต้นสายพระธุดงคกรรมฐาน (วงศ์พระป่า) ในสมัยรัตโกสินทร์ ตั้งแต่พ.ศ. ๒๔๔๐ คือ พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (หลวงปู่จันทร์ สิริจันโท) วัดบรมนิวาสราชวรวิหาร กรุงเทพฯ

    แต่ทำไมต้นสายพระป่าจึงกำเนิดในกรุงเทพฯ ?

    มารู้จักประวัติของหลวงปู่จันทร์กันสักหน่อย

    เดิมหลวงปู่จันทร์ เป็นชาวอุบลราชธานีโดยกำเนิด ตามประวัติเล่าว่า ท่านเป็นเด็กที่มีความคิดพิจารณามาแต่อายุ ๗ ขวบ บิดามารดาเป็นคนใจบุญสุนทาน มีความใกล้ชิดกับวัดวาครูบาอาจารย์มาก พออายุได้ ๑๓ ปี อันอยู่ในช่วงพ.ศ. ๒๔๑๑ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าพระเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต สมัยนั้น เป็นธรรมเนียมของชาวไทยทุกคน ต้องโกนผมไว้ทุกข์แด่องค์พระมหากษัตริย์ และรักษาศีล เจริญภาวนาเป็นการบูชาพระคุณ แต่สำหรับบุคคลที่รักรูปรักกาย สังขารก็มีอยู่บางคนถึงกับร้องไห้เสียใจเพราะต้องปลงผมอันเป็นที่รัก โดยเฉพาะเป็นสตรีที่เสียใจกันมาก แต่หลวงปู่จันทร์ (สมัยเป็นเด็ก) กลับมองตรงกันข้าม ท่านคิดในใจว่า “ศีรษะโล้นนี่เป็นของดีงาม วิเศษกว่ามีผมที่รุงรังบนหัว”

    ตั้งแต่ถูกปลงผมหมดหัวไปแล้ว หลวงปู่จันทร์สมัยเป็นเด็ก ก็มีความสุขมาก กระทั่งพ่อถามว่า “ถ้าจะให้บวชเป็นสามเณร จะอดข้าวเย็นได้บ่” ท่านตอบไปว่า “อดได้”

    ต่อมาพ่อกับแม่จึงได้นำท่านไปฝากบวชกับท่านเจ้าอาวาสวัดบ้านหนองไหล และได้เข้าบรรพชาเป็นสามเณรจันทร์ สุภกร ในปี พ.ศ. ๒๔๑๑ ต่อมาอายุครบบวช พ่อจึงหาอุบายที่จะให้ท่านบวชพระ จนกระทั่งท่านรับปากพ่อกับแม่ว่า “จะบวชให้สัก ๓ ปี " ตอนนั้น พ่อท่านตอบไปว่า “ลูกจะบวชให้สักปีหรือสองปีก็ไม่ว่า แต่ขอให้บวชเป็นพระก็แล้วกัน”

    การอุปสมบทจึงเกิดขึ้น ณ วัดศรีทอง เมื่อเดือน ๖ ขึ้น ๘ ค่ำปีฉลู พ.ศ. ๒๔๒๐ โดยมีท่านพระเทวธัมมี (ม้าว) เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังการบวชเรียน ท่านศึกษาวิชาการต่างๆ อย่างชนิดทุ่มเทจิตใจทั้งปริยัติและปฏิบัติจนเห็นผล ปฏิเวท รู้แจ้งเห็นจริงในธรรมขณะออกปฏิบัติ “ธุดงค์กรรมฐาน” จนมีความเข้าอกเข้าใจภูมิธรรมปฏิบัติ และท่านยังมีเมตตาสงเคราะห์ในเรื่องของวิปัสสนากรรมฐานไปถึงประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและสาธารณรัฐแห่งสหภาพม่า

    หลวงปู่จันทร์นี่เองท่านเป็นผู้สนับสนุนให้หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ก่อตั้งกองทัพธรรมเพื่อออกเผยแพร่ธรรมอันบริสุทธิ์แก่ประชาชนด้วยดีตลอดมา ตลอดชีวิตของท่าน ได้อุทิศกายถวายชีวิตแก่พระศาสนาจนหมดสิ้น กระทั่งอาพาธอย่างหนักด้วยโรคมะเร็งในกระดูก และท่านยังได้ฝากธรรมอันสูงสุดไว้ว่า “สังขารทั้งหลายไม่ยั่งยืนอะไรเลย มีแต่จะเป็นทุกข์เรื่อยไปเชียว”

    และหากจะย้อนต้นสายของพระธุดงค์กรรมฐานไปอีกก็ต้อนย้อนไปในสมัยพุทธกาล ซึ่งมีพระพุทธเจ้าเป็นต้นธารอย่างแท้จริง

    หลวงปู่ทุย ฉนฺทกโร เจ้าอาวาสวัดป่าดานวิเวก จ.หนองคายได้บันทึกเรื่องราวต้นสายพระป่าไว้ อยู่ในหนังสือ "พระป่าสมัยรัตนโกสินทร์" ตอนหนึ่งว่า ...พระป่าในที่นี้ หมายถึงท่านผู้บรรพชาอุปสมบทถูกต้องตามหลักพระธรรมวินัย ไม่ผิดกฎหมายบ้านเมือง บวชด้วยความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา มีเจตนาบวชด้วยความบริสุทธิ์ใจ บวชแล้วมุ่งดำเนินตามหลักคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า

    "จุดมุ่งหมายในการบวช บวชเพื่อหนีจากวัฏสงสาร หนีจากกองทุกข์ กองเพลิง บวชเพื่อข้ามโอฆะกันดาร บวชเพื่อแสวงหาทางอันบรมสุข ที่ท่านเรียกว่า พระนิพพาน ซึ่งเป็นความสุขอย่างบริสุทธิ์สมบูรณ์ จะหาความสุขในโลกนี้หรือโลกไหนมาเปรียบเทียบไม่ได้

    "ตามพุทธประวัติ พระพุทธเจ้าเสด็จออกบวชเพื่อแสวงหาทางพ้นทุกข์เท่านั้น พระองค์ทรงพากเพียรพยายามสร้างพระบารมีมาจนเต็มเปี่ยมครบถ้วนสมบูรณ์บริบูรณ์ด้วยพระบารมีแล้ว พระองค์จึงได้ตรัสรู้ธรรม คืออริยสัจ ๔ ได้แก่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ในคืนวันเพ็ญเดือน ๖ ตรัสรู้ธรรมใต้ร่มไม้ ร่มพระศรีมหาโพธิ์ ที่พุทธบริษัทถือเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ เราชาวพุทธได้ถือว่าวันนี้เป็นวันสำคัญของพระพุทธศาสนา พากันเรียกว่า วันวิสาขบูชา ...

    "เมื่อพระองค์ตรัสรู้เองโดยชอบแล้ว พระองค์จึงทรงนำธรรมที่ทรงรู้ ทรงเห็นมาประกาศศาสนา ทรงแนะนำสั่งสอนสัตว์โลก ด้วยน้ำพระทัยที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพระเมตตามหาคุณ ทรงเมตตาสัตว์โลก จนถึงวันเสด็จปรินิพพาน หลักธรรมที่เป็นหัวใจสำคัญที่สุด ที่ทรงนำมาประกาศพุทธศาสนา โดยย่อมีอยู่สามอย่างคือ ๑.การไม่ทำบาป คือไม่ทำความชั่วทั้งปวง ที่เป็นเหตุก่อให้เกิดโทษทุกข์ทั้งมวล ตั้งแต่ส่วนเล็กน้อยไปถึงส่วนใหญ่สุด ๒.ถึงพร้อมด้วยการบำเพ็ญกุศล คือ ทำแต่สิ่งดีงามไม่เกิดโทษ ให้พยายามบำเพ็ญกุศล ตั้งแต่ส่วนเล็กน้อยไปจนถึงส่วนใหญ่ พยายามบำเพ็ญให้ยิ่งๆ ขึ้นไป ๓.พยายามชำระจิตใจของตนให้บริสุทธิ์สมบูรณ์ จนเป็นวิสุทธิจิตวิสุทธิธรรม เป็นจิตที่เหนือมลทินของกิเลสทั้งมวล"

    หัวใจแห่งธรรมทั้งสามข้อนี้ พระพุทธองค์ทรงแสดงต่อหน้าพระอรหันต์ ๑,๒๕๐ รูป ที่มาพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย ในวันเพ็ญเดือน ๓ หลังการตรัสรู้ธรรม ๙ เดือน คือวันนี้ "วันมาฆบูชา"

    และตราบใดที่หลักธรรมสามข้อนี้ยังคงเป็นหลักปฏิบัติของพุทธบริษัทสี่ในทุกวันนี้ หรือวันหน้า ตราบนั้นโลกจะไม่ว่างจากพระอรหันต์ และความเย็นอกเย็นใจอย่างแน่นอน ...

    http://www.komchadluek.net/detail/20110218/89162/สายธารพระป่าแห่งกรุงรัตนโกสินทร์.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กุมภาพันธ์ 2011
  2. นายสาธิต

    นายสาธิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2008
    โพสต์:
    409
    ค่าพลัง:
    +1,066
    ถูกแล้วที่แยกธรรมยุติออกมาก่อน คนจะได้เห็นความแตกต่าง มหานิกายก้อจะบอกว่ามหานิกายก้อทำดีนิ แต่ถ้ารวมกันอยู่ก้อมองไม่เห็นแน่ แยกออกมาเชิงนามรูปให้โลกเค้าเห็นก้อพอ เนื้อแท้แล้วเมืองไทยเหมือนกัน รักกันเหมือนเดิม
     
  3. Reynolds

    Reynolds เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    578
    ค่าพลัง:
    +1,501
    กราบอนุโมทนา คนเราเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเห็นความสัมพันธ์ของป่าเท่าใดเลย หากมีพระพุทธศาสนาในใจกันเยอะกว่านี้ซักนิด คิดถึงครูบาอาจารย์เป็นหลัก และจะเข้าใจว่าป่ามีความสำคัยกับโลก คน สัตว์ขนาดไหน ไม่ใช่เพราะป่าหรอกเหรอที่ทำให้มีโอกาสบริสุทธิ์ ไม่ใช่เพราะป่าหรอกเหรอที่เป็นแหล่งน้ำ แหล่งอาหารอันดุดม ของคนและสัตว์ ไม่ใช่เพราะป่าหรอกเหรอที่หล่อเลี้ยงต้นตระกูลชีวิตมนุษย์ และไม่ใช่เพราะป่าหรอกเหรอที่ทำให้มีพระอริยเจ้าเกิดขึ้นได้มากมาย เหตุใดมนุษย์จึงไม่ให้ความสำคัญกับป่าไม้ธรรมชาติ เหตุใดหนอจึกอยากได้มาเป็นสมบัติส่วนตนกันนัก ทั้งๆที่มันควรเป็นของธณรมชาติควรเป็นของส่วนรวม แย่จริง ที่ปากช่องอากาศดีดี ตอนนี้ไปฮุบซื้อไว้กันไถทำรีสอร์ทบีบคนท้องที่ให้ย้ายออก ซื้อที่เป็น100ไร่ เพื่อปลูกบ้านอยู่แคบครอบครัวเดียว ยังมีการไปปลูกบ้านของตนไว้บนภูเขาเพียงเพราะตนมีอิทธิพล น่าน้อยใจคนใหญ่คนโตนัก ป่าไม้กลายเป็นรีสอร์ท สลดจริงๆ อีกหน่อยป่าไม้คงหมด คงจะเหลือป่าคอนโดคอนกรีต ให้ลูกให้หลานเห็น ป่าไม้คงจะเหลือแต่อุทยานแห่งชาติ รอบๆคงเป็นป่าคอนกรีตหมดทั้งที่มันควรจะเป็นป่า แล้วจะไม่ให้เกิดสภาวะโลกร้อนได้อย่างไร มนุษย์นี่แหละเป็นตัวการทำลายธรรมชาติอย่างแท้จริง แล้วพอธรรมชาติเค้าจะเอาคืนก็มากลัวมาระวัง พวกคนมีอิทธิพลนี่หนอ พอรู้ว่าภัยธรรมชาติจะมาถึงก็เตรียมหาที่ดีดีหลบภัย ทั้งๆที่ไม่ใช่พวกท่านหรือไถป่าไม้กลายเป็นพื้นที่ธุรกิจ คนส่วนใหญ่กลายเป็นซวยเพราะนักธุรกิจกลุ่มน้อย แทนที่จะปลูกฝังให้ลูกให้หลานรักธรรมชาติกันแล้วก็ช่วยกันรักษาป่า กลับปลูกฝังให้ลูกหลานเป็นไฮโซที่ดินในสวยก็พยายามเปลี่ยนมันให้เป็นสมบัติส่วนตน สงสารธรรมชาติและคนท้องที่
     
  4. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,164
    ค่าพลัง:
    +3,739
    ลองเข้าไปดูในนี้ซิครับ ครูบาอาจารย์ที่เป็นลูกศิษย์ หลานศิษย์ ของหลวงปู่มั่นยุคปัจจุบัน จำนวน ๑๐๐ รูป (มีอีกจำนวนมากกว่านี้ ที่อาจไม่ได้กล่าวถึง) รูปที่ละสังขารไปแล้วส่วนมากกระดูกแปรเป็นพระธาตุแทบทั้งสิน

    http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=15367&postdays=0&postorder=asc&start=0&sid=592df12bb2715d49bce0a9081c0fc6ac
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2011
  5. คนรักชาติ

    คนรักชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +181
    [​IMG]
    ขอบุญบารมีพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอริยะทุกพระองค์ พระโพธิสัตย์ทุกพระองค์โดยมีบุญบารมีของหลวงปู่ดู่และหลวงปู่ทวดเป็นที่สุดช่วยดลบันดาลให้จิตข้าพเจ้าฝากกระแสจิตไว้กับบุญบารมีของผู้เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่โพส ฝากกระแสจิตไว้กับบุญบารมีผู้โพสกระทู้ ฝากกระแสจิตไว้กับบุญบารมีผู้อ่านกระทู้ และฝากกระแสจิตไว้กับบุญบารมีของผู้ตอบกระทู้ ข้าพเจ้าอยากมีส่วนร่วมกับบุญบารมีของพวกท่านทั้งบุญบารมีในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
    พุทธังอนันตัง ธัมมังจักรวาลัง สังฆังนิพพานัง ปัจจะโยโหตุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...