สายพระป่ากรรมฐานลป.บุญจันทร์ อุดรธานี ลป.บุญหนัก หนองคาย

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343
    รับทราบครับ ขอบคุณครับ
     
  2. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343
    เหรียญรุ่นแรกหลวงปู่หงษ์หลังแม่ธรณี
    ให้บูชา1,2000 บาท รุ่นแรกจะมี3พิมพ์ ด้านหลัง คือแม่ธรณี แม่โพสพ และยันต์ครู
    ใช้กับ การภาวนาท่องคาถานะเมติ ของหลวงปู่ เหรียญสภาพสวยเดิมๆ ผมเก็บบูชาตั้งแต่ สมัย เหรียญออกใหม่ๆ 25 ปีแล้ว นะครับ
     
  3. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343

    ลูกอมปฐวีธาตุ" วัตถุมงคลยอดนิยมที่หลวงปู่มีความพอใจดำริกล่าวถึงเสมอๆ พร้อมกับเรื่องราวของพระชุดปฐวีธาตุ ลูกอมปฐวีธาตุมีทั้งทางกองทุนฯ สุสานฯ และคณะศิษย์สร้างถวาย ลูกอมปฐวีธาตุชุดที่นำมาลงนี้ เป็นพิธีใหญ่เต็มสูตรแบบสุมไฟแกลบแบบโบราณ ด้วยมวลสารพิเศษต่างๆ ซึ่งประกอบด้วยผงธาตุขันธ์ เกษา จีวร ชานหมาก ไม้มงคล ขี้ธูป น้ำสระที่ไม่เคยแห้ง 9 บ่อ ผงว่านยา ดินโปร่ง ดิน 7 นคร 9 บุรี ผงมงคลต่างๆ สีผึ้ง ฯลฯ เมื่อผ่านพิธีสุมไฟแกลบแบบโบราณให้ครบธาตุ 4 ตามดำริของหลวงปู่ ลูกอมจึงมีความแกร่ง และสีสันต่างๆ ที่สวยงามแตกต่างกันไป ซึ่งมาพร้อมกับความศักดิ์สิทธิ์แห่งแม่พระธรณีและบารมีหลวงปู่หงษ์เป็นที่สุด

    ในสมัยแรกๆที่ "ลูกอมปฐวีธาตุ" เริ่มสร้าง สามารถลำดับได้ตั้งแต่ประมาณช่วงปี 2541 ถึง 2553 ประกอบด้วย รุ่นแซยิด 80 ปี (2541) , รุ่นฉลองมงคล 84 (2544) , รุ่นเก้าหน้าดี (2553) ซึ่งต้องเข้าใจว่านี่เป็นเพียงการออกให้บูชาในรุ่นดังกล่าวขณะนั้นๆ เพราะวัตถุมงคลของหลวงปู่ที่เหลือมีทั้งที่นำออกให้บูชาในภายหลังด้วย จึงอาจมีซองและใบฝอยแตกต่างกันบ้างตามแต่ดำเนินการ ข้อเท็จจริงของวัตถุมงคลบางส่วนที่สร้างโดยหน่วยงานหลักของหลวงปู่ มีทั้งที่ได้เตรียมการและผ่านพิธีเสร็จบริบูรณ์มาก่อนหน้า บางส่วนรอจนเสกครบ 3 ปี หรือเสกครบปี และมีแบบทวิพิธีด้วย จึงควรถือความแท้จริงของวัตถุมงคลเป็นหลักสำคัญครับ ดังนั้นการจัดสร้าง "ลูกอมปฐวีธาตุ" พอลำดับได้เบื้องต้นตามที่กล่าวมา ซึ่งจะมีทั้งที่ตอกโค๊ต "นะเมติ" โค๊ต "ดอกไม้" โค๊ตยันต์พระเจ้า 5 พระองค์ (นะโมพุทธายะ) หรือมีตอกไว้ทั้ง 2 โค๊ต (ส่วนลูกอมปั๊ม โค๊ต "แซยิด ๘๒ ปี ศิษย์สร้างถวาย)
    --------------------------------------

    จากข้อมูลสำคัญที่เผยแพร่เกล็ดบารมีเกี่ยวกับลูกอมปฐวีธาตุของหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ ไว้มากมาย ส่วนหนึ่งถือกันเป็นของดีวิชาเอกปั้นดินเสกคุ้มครองศิษย์ชาวเขมรรอดภัยสงคราม หลายคนอาจมองข้ามไปแบบน่าเสียดาย ด้วยว่าดูธรรมดา แต่ที่จริงแล้วลูกอมนี้หลวงปู่ท่านจะชอบมาก เพราะพกพาสะดวก โดยท่านพูดถึงลูกอมนี้ว่า "พกง่าย ยามคับขันก็อมเข้าปากเป็นกำบังหายตัว"......."หากเกิดภัยสงครามโลกครั้งที่๓ ลูกอมนี้ชนะ"......"อีกหน่อยจะได้เห็นเองว่าดีอย่างไร ลูกละ 10,000 เจ้าของเขาก็ไม่ขาย"

    การเสกดินนี้ถือได้ว่าเป็นวิชาเอกของท่านวิชาหนึ่งเลยทีเดียว เพราะช่วงที่หลวงปู่ธุดงค์อยู่ในประเทศเขมรมีภัยสงครามเกิดขึ้น ชาวบ้านล้มตายกันมากมาย ด้วยความเมตตาขององค์ท่าน ก็ได้เสกก้อนดิน ก้อนหินใบไม้นี่แหละให้ชาวบ้านพกนำติดตัวและสอนให้ถือศีล 5 ให้ได้ ผลประจักษ์ยันทุกวันนี้ ทุกคนที่ถือศีลได้รอดพ้นภัยจากอาวุธจากสงครามปลอดภัยทุกคน แม้องค์ท่านได้ถอนกลดอำลาชาวบ้านต่างร่ำไห้อาลัย ดินใต้แคร่ที่หลวงปู่นั่งก็ไม่เหลือ ชาวบ้านมาขุดไปปั้นติดตัวกันจนลึกลงเป็นเมตร นี่แหละที่มาของการสร้างลูกอมดินปฐวีธาตุ แถมเป็นสื่อบูชาแทนองค์แม่ธรณีได้อย่างดีด้วย หลวงปู่ถึงได้มั่นใจในเรื่องของวิชาและศีลมาก ท่านมักกล่าวว่า "ศีลนั้นสำคัญคุ้มกันได้ทุกอย่าง หลวงปู่เห็นมาแล้วตอนมีภัยสงคราม "ท่านจึงเป็นเอกมากในวิชาปฐวีธาตุ ไม่ว่าจะเป็นกุมารดิน ลูกอมดินรุ่นต่างๆที่สร้างออกมา หากองค์ท่านได้เห็นก็จะหยิบขึ้นมาพลางหัวเราะ "นี่แหละ อมเข้าปากง่ายดียามคับขันเป็นกำบังหายตัว" อันลูกอมนี้มีดี 108 ประการ กันเขี้ยวกันงา รถเชี่ยวรถชน มีดปืนระเบิดหอกดาบ กันคุณไสยศาตย์ผีร้ายทั้งหลาย ค้าขายแกว่งแช่น้ำมนต์ประพรมสินค้าช่วยให้ขายดี เป็นกำบัง แคล้วคลาดปลอดภัย.... สุดจะพรรรณาใช้ดูเองเถิด
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ลูกอมปฐวีธาตุแซยิด๘๒ปี นะเมติ
    ออกจากวัดไม่ได้เลี่ยม พลาสติค นำไปเลี่ยมเอง สมัยนั้น แบบราคาถูก และปิดทอง สภาพไม่เดิม ถ้าอยากเดิมนำไปแกะเลี่ยม ลอกทองออกได้ครับ ...
    ให้บูชาลูกละ
    300 บาทครับ
    มี
    10 ลูก ตอนนี้ ของปลอม ของเก๊ ระบาดหนัก .....ถ้าอยากได้ของแท้ บูชาได้เลยครับ หลวงปู่ บอกว่า อนาคตลูกละหมื่น

     
  4. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343

    ตะกรุดชุดนี้มีพุทธคุณครอบจักรวาล มีเรื่องเล่าว่า มีลูกศิษย์ถามหลวงปู่ว่า ตะกรุด 12 ดอกนี้ดีแค่ไหน หลวงปู่บอกลูกศิษย์ว่า เขมรกำลังมีสงคราม คาดตะกรุดหลวงปู่แล้วไปเที่ยวเขมรได้เลย ถ้ามีอันตรายกลับมาหลวงปู่จะเผาตำราทิ้ง

    ประสบการณ์ตะกรุด 12ดอกของท่าน

    1. ครูจุ่นศิษย์เก่าแก่ของหลวงปู่ใด้มาบูชาตะกรุดของหลวงปู่เอาใว้คุ้มครองตัวเ องเพราะสมัยนั้นโจรเยอะมาก และทางที่ไปสอนหนังสือเด็กเปลี่ยวและไกล วันหนึ่งใด้มีโจร5คนดักรอครูจุ่นกลางทางเพื่อจะทำอันตรายและชิงทรัพย์ เมื่อครุจุ่นเห็นโจรก็ตกใจจนขี้แตกขี้แตนโจร5คนใด้เอาใม้และหินจะทุบครุจุ่น ให้ตายด้วยอานุภาพของตะกรุดบันดาลให้โจรยกใม้และหินใม่ขึ้น และเป็นจังงัง เมื่อครูจุ่นเห็นโจรทำอะใรตัวเองใม่ใด้ก็เลยหนีไปจากกลุ่มโจรนั้น



    เ รื่องที่2คนบ้านตายอก อยู่อ.ท่าตูมมีอาชีพขายเสื้อผ้าวันหนึ่งใด้หาบเสื้อผ้าไปขาย ได้มีโจรดักปล้น แต่โจรก้ทำอันตรายใม่ใด้ แกตกใจจนฟ้าเหลืองหมด(อาการคนฟ้าเหลืองหลวงปุ่ใด้อธิบายว่ามองอะใรใม่เห็นสั กอย่างเห้นแต่ฟ้าเหลือง)เดินผ่านมา5สะพานใม่เห็นอะใรเลยเห็นแต่ฟ้าเหลืองๆๆเ ดินบนสะพานก้ใม่ดกน้ำ จนหายตกใจเสื้อผ้าก็อยู่ครบเงินก็ครบ เรื่องที่3 ศิษย์ผู้ชายท่าน1ใด้มาหาท่านที่วัดตอนค่ำและคุยธุระกับท่านจนดึก วั้นนั้นใด้มีคนที่เป็นคุ่อริ มาดักฆ่า หลังจากที่แกเดินทางกลับบ้าน ซึ้งที่ที่เขาดักรอแกกับที่แกเดินอยุ่ห่างกันตั้งกิโล แต่ด้วยอานุภาพของตะกรุดบรรดาลให้คนที่ดักฆ่าเห็นแกเดินมาแต่ที่จริงยังเดิน มาใม่ถึง คนนั้นเมือเห็นว่าแกมาถึงแล้วก็กระหน่ำฟันด้วยดาบอย่างใม่ยั้งมือ ฟันไปฟันมาก้โดนแต่อากาศ ฟันใม่เข้าสักที แกตกใจมากนึกว่าผีหลอกแล้วก้วิ่งหนีไป หลังจากวันนั้นมาคนที่ดักฆ่าใด้กินเล้าเมาและใด้เล่าให้เพื่อนสนิทฟังว่าฟัน ยังไงก้โดนแต่อากาศสงสัยจะเป็นผีหลอกแกเลยหนีกลับ
    ดึก วั้นนั้นใด้มีคนที่เป็นคุ่อริ มาดักฆ่า หลังจากที่แกเดินทางกลับบ้าน ซึ้งที่ที่เขาดักรอแกกับที่แกเดินอยุ่ห่างกันตั้งกิโล แต่ด้วยอานุภาพของตะกรุดบรรดาลให้คนที่ดักฆ่าเห็นแกเดินมาแต่ที่จริงยังเดิน มาใม่ถึง คนนั้นเมือเห็นว่าแกมาถึงแล้วก็กระหน่ำฟันด้วยดาบอย่างใม่ยั้งมือ ฟันไปฟันมาก้โดนแต่อากาศ ฟันใม่เข้าสักที แกตกใจมากนึกว่าผีหลอกแล้วก้วิ่งหนีไป หลังจากวันนั้นมาคนที่ดักฆ่าใด้กินเล้าเมาและใด้เล่าให้เพื่อนสนิทฟังว่าฟัน ยังไงก้โดนแต่อากาศสงสัยจะเป็นผีหลอกแกเลยหนีกลับ



    เรื่องที ่ 3 นายเบือนมีอาชีพขายใก่และเชือดใก่ขายใด้บูชาตะกรุดไปติดตัวเพื่อไว้ป้องกันต ัวหลังจากที่ใด้บูชาตะกรุดหลังจากนั้น2วันใด้มีคนจ้างแกไปฆ่าไก่แต่แปลกมากท ี่ไก่ที่แกเชือดแล้วโยนลงไปในน้ำร้อน..ใด้บินออกจากกะทะน้ำร้อนเดือดๆๆซึ้งใ ม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนตกลงต่อหน้าแกสร้างความตกใจให้แกมากด้วยใม่เคยเจอเหตุ การณ์แบบนี้แกจึงลาเจ้าของบ้านกลับโดยขี่รถเครื่องกลับบ้านทางที่แกผ่านชาวบ ้านใด้นำลวดมาขึงอยางตึงเพื่อใช้เป็นที่ตากผ้าซึ้งแกก็ใม่ใด้เห็น และบิดคันเร่งอย่างแรงเพื่อจะกลับบ้าน คอแกไปตรงกับลวดพอดี แกตกใจมาก แต่ขณะนั้นเหมือนมีมือยักมาผลักต้วแกออกจากลวดทำให้คอแกเป้นแค่รอยแดงๆๆแค่น ิดเดียวเหมือนยุงกัด แกรุ้สิกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่จึงเลิกฆ่าใก่โดยเด็ดขาด


    ......... เรื่องที่4มีลูกศิษย์ที่ศรีสะเกษใด้บูชาตะกุด บ้านของเขาอยู่ติดกับชายแดนเขมรซึ้งที่เขาพนมดงรักนั้นมีระเบิดเยอะมากสมัยส งครามเขมรแดงซึ้งทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่ เขามีอาช๊พหาของป่าขาย วัน1ฝนตกเขาใด้ขึ้นเขาไปเก็บหน่อไผ่บนเขา ขาลงทางลื่นทำให้ขาของเขาไปเหยียบหลุมระเบิดอย่างแรงมีระเบิดประมาณ3ลูก เขาตกใจแทบชอกทำอะใรใม่ถุกในใจนึกถึงหลวงปู่ แต่ระเบิดใม่ใด้ระเบิดเขาค่อยยกขาออกอย่างช้าๆๆ แล้วก้เดินทางกลับบ้าน


    ตะกรุด 12 ดอก 12 ราศี หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ ข้างในจารมือทุกดอก

    วัตถุมงคลเครื่องรางของคลังสายเขมร เมตตามหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม โชคลาภ แคล้วคลาดปลอดภัย ค้าขายร่ำรวย หลวงปู่หงษ์ได้ฤกษ์พิธีมหาพุทธาอธิฐานจิตปลุกเสก ประจุ พระคาถาและประจุธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เข้าสู่วัตถุมงคล เพื่อความสมบูรณ์ตามประเพณี และความศักดิ์สิทธิ์ เข้มขลังถูกต้อง เพื่อประสงค์จะให้ผู้ที่เคารพศรัทธาในองค์หลวงปู่หงษ์ ที่จัดสร้างขึ้นในครั้งนี้มีไว้บูชาที่บ้านหรือติดตัว จะอยู่เย็นเป็นสุข คุ้มภัยกันภัย และมีความเจริญรุ่งเรือง ในหน้าที่การงาน ค้าขายร่ำรวย แคล้วคลาดปลอดภัย ดีนักแล ฯ (พระครูปราสาทพรหมคุณ)หรือหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ วัดเพชรบุรี (สุสานทุ่งมน) ต.ทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ยอดพระเกจิอาจารย์ผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตาบารมีแห่งแดนอีสาน หลวงปู่ท่านมีพระเวทวิทยาคมมีพลังจิตญานสูง วัตถุมงคลที่ท่านอธิษฐานจิตปลุกเสก ล้วนแล้วแต่ศักดิ์สิทธิ์เข้มขลัง ท่านมีบุญญาบารมีมากเป็นที่เคารพบูชา เป็นที่พึ่งของ ของเหล่าบรรดายานุศิษย์และประชาชนทั่วประเทศ และประเทศเพื่อนบ้านเลยทีเดียว เคยมีผู้สามารถสัมผัส และจับพลังจิตได้ลองสัมผัสพลังจิตวัตถุมงคลของหลวงปู่ หลายท่านบอกว่ามีพลังจิตสูงมาก ดังนั้นวัตถุมงคลของท่านจึงเป็นสุดยอดของดีที่ควรมีไว้บูชาเป็นอย่างยิ่ง นะโม ๓ จบ นะเมติ ๑๒ ดีนักแล

    ตะกรุดข้างในทุกดอกจารมือ อาราธนาใช้ตะกรุด ตั้งนะโม 3 จบ
    (นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ นะเมติ 12 จบ)
    ภาวนาคาถานี้เสก 12 จบ ถึง 108 จบ 1 คน สู้ชนะ 100 คน
    ดอกที่่ 1 ดีทางก้นเขี้ยว กันงาเสือ ช้าง จระเข้กัดขบ
    ดอกที่ 2 ดีทางคงกะพันชาตรี แคล้วคลาดปลอดภัย
    ดอกที่ 3 ดีทางกันฟ้าผ่า กันฟืนกันไฟ
    ดอกที่ 4 ดีทางมีฤิทธิ์กันปืน กันระเบิด
    ดอกที่ 5 กันมืดดาบ กระบอง ของมีคม
    ดอกที่ 6 มหาเสน่ห์ มหานิยม โชคลาภ เมตตาค้าขาย
    ดอกที่ 7 มหาระงับดับอันตราย มหาจจังงัง ระวังภัย
    ดอกที่ 8 ศัตรูทำอันตรายมิได้ ผู้คิดร้ายกลับกลายเป็นมิตร
    ดอกที่ 9 แก้อาถรรพณ์ บังภัยบังตัว กันไสยศาสตร์มนต์ดำกันมนต์ตราเป็น
    มหาสะท้อนคืนคุณไสยกลับคืนผู้ทำ
    ดอกที่ 10 ศัตรูยกมือไม่ขึ้น อาวุธตกจากมือ นะจังงังสะกดศัตรู
    ดอกที่ 11 จับไม่ถูก คว้าไม่ติด กระสุนปืนหยุดมาไม่ถึง
    ดอกที่ 12 ทำน้ำมนต์อาบดื่มกิน จืดจางโรคภัย คุณไสยแก้อาถรรพณ์

    วัตถุมงคลเครื่องรางของขลังสายเขมร เมตตามหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม หลวงปู่หงษ์ได้ฤกษ์พิธีมหาพุทธาอธิฐานจิตปลุกเสก ประจุ พระคาถาและประจุธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เข้าสู่วัตถุมงคล เพื่อความสมบูรณ์ตามประเพณี และความศักดิ์สิทธิ์ เข้มขลังถูกต้อง เพื่อประสงค์จะให้ผู้ที่เคารพศรัทธาในองค์หลวงปู่หงษ์ ที่จัดสร้างขึ้นในครั้งนี้มีไว้บูชาที่บ้านหรือติดตัว จะอยู่เย็นเป็นสุข คุ้มภัยกันภัย และมีความเจริญรุ่งเรือง ในหน้าที่การงาน ค้าขายร่ำรวย แคล้วคลาดปลอดภัย ดีนักแล ฯ (พระครูปราสาทพรหมคุณ)หรือหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ วัดเพชรบุรี (สุสานทุ่งมน) ต.ทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ยอดพระเกจิอาจารย์ผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตาบารมีแห่งแดนอีสาน หลวงปู่ท่านมีพระเวทวิทยาคมมีพลังจิตญานสูง วัตถุมงคลที่ท่านอธิษฐานจิตปลุกเสก ล้วนแล้วแต่ศักดิ์สิทธิ์เข้มขลัง ท่านมีบุญญาบารมีมากเป็นที่เคารพบูชา เป็นที่พึ่งของ ของเหล่าบรรดายานุศิษย์และประชาชนทั่วประเทศ และประเทศเพื่อนบ้านเลย เคยมีผู้สามารถสัมผัส และจับพลังจิตได้ลองสัมผัสพลังจิตวัตถุมงคลของหลวงปู่ หลายท่านบอกว่ามีพลังจิตสูงมาก ดังนั้นวัตถุมงคลของท่านจึงเป็นสุดยอดของดีที่ควรมีไว้บูชาเป็นอย่างยิ่ง นะโม ๓ จบ นะเมติ ๑๒ ดีนักแล

    นะเมติ พระคาถาบทนี้เป็นคาถา ประจำสำนักที่ไว้ให้ศิษย์ภาวนาเวลาจะสื่อกับครูบาอาจารย์หลวงปู่ท่านเคยบอกว่าเราภาวนา นะเมติ นี้หนาสะเทือนขึ้นไปถึงพรหมโลกหมายถึง นะเมติ นี้ถ้าเราภาวนาจะสื่อไปถึงสุดแดนครูบาอาจารย์ผู้สถิตย์อยู่บนชั้นพรหมโลกและความหมายของ นะเมติ นี้หลวงปู่ท่านบอกว่าหมายถึงรสน้ำนมแม่พระธรณี คืออาหาร พืชพันธุ์ ข้าวน้ำต่าง ๆ ที่เลี้ยงดูทุก สรรพชีวิตอย่างไม่ลำเอียง ใครจะปลูก ใครจะหว่านใครจะเก็บเกี่ยว เอาไปกินไม่ว่า คนหรือสัตว์ ไม่ว่าคนรวยหรือคนจน พระสงฆ์ เณร ชีหรือ อลัชชี มหาโจร คนต่ำทราม แม่พระธรณีย์ก็ไม่เคยรังเกียจมีคุณให้การเลี้ยงดูเท่าๆกันหมด แล้วแต่ใครจะเก็บเกี่ยวใช้สอยได้มากเท่าใด
    นะเมติ รสน้ำนมแม่พระธรณี นี้จึงเปรียบเหมือนคุณครูบาอาจารย์ที่ไม่เคยรังเกียจเดียจฉันท์ ลูกศิษย์คนใด ที่เคารพนับถือ หลวงปู่ ท่านถึงไม่เคยดุด่าว่ากล่าวลูกศิษย์คนไหน ก็ด้วยใจที่เปี่ยมด้วยเมตตา หนักแน่นเยือกเย็นดั่งคุณของพระแม่ธรณีนั่นเอง
    (เงินหาใหม่ได้ แต่พระเก่าๆหายาก และราคาก็ขยับขึ้นเรื่อยๆ)

    เคล็ดการบูชาวัตถุมงคลหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ
    “หมั่นไหว้ หมั่นบอก หมั่นขอ” เคล็ดการบูชาวัตถุมงคลหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ

    1. เมื่อเราจะแขวนพระหรือ คาดตะกรุด ก็ให้ยก วัตถุมงคลขึ้นมาพร้อมพนมไว้ที่มือตั้งนะโม 3 จบในใจหรือ ออกเสียงเบา ๆ ก็ได้ ต้องมีความเคารพเลื่อมใสเป็นอุบายให้ จิตใจสะอาด

    2. อาราธนา (นึกถึง) บารมีหลวงปู่และครูบาอาจารย์ทั้งหมดมีพระพุทธพระธรรมพระอริยะสงฆ์เป็นที่สุด จึงว่าคาถาวัตถุมงคล 3 จบ 7 จบ 12 จบ หรือว่าตามกำลังวัน หรือว่า 108 หรือภาวนาจนจุใจก็ทำได้

    3. อธิฐานบอกกล่าว ขอ…. ถือเป็นหัวใจสำคัญ หลวงปู่หงษ์จะไม่ให้แค่ไหว้กราบเฉย ๆ ท่านว่าประมาท เพราะ กฎของโลกทิพย์ ไม่ขอไม่ให้ ไม่บอกไม่ช่วย ต้องบอกกล่าว…จะให้ช่วยอะไร? คุ้มครองแค่ไหน? เช่น ขอให้ปลอดภัย ขอให้คนเมตตา ขอให้มีลาภ มีเสน่ห์ ขอให้ค้าขายดี อย่าให้มีอุบัติเหตุ เดินทางปลอดภัยทั้งตอนไปตอนกลับ ฯลฯ ถ้าทำได้อย่างนี้ครูบาอาจารย์ก็ช่วยได้เต็มที่ บอกกล่าวแล้วก็ให้ทำใจสบาย ๆ วางเฉย (อุเบกขา) เลิก หวัง เลิกอยากนั้นนี่ เพราะความหวัง ความอยากจะเป็นตัวปิดกั้นผลสำเร็จ เลยคิดว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์บุญกุศลไม่ช่วย เพราะเราไม่เข้าใจกฎของกรรม และ อัตภาพบุญกุศล จะบันดาลผลได้แค่ไหนอย่างไร

    แล้วเรา ควรอาราธนาบ่อยแค่ไหน? ก็ต้องขอบอกก่อนว่า กำลังใจคนไม่เสมอกัน ให้ดีแท้แน่นอน ก็ทุกเช้า –เย็น จะขับรถ เดินทาง ก็นึกถึงไหว้บอก กราบหิ้งพระ, กราบพระบูชาที่บ้าน บอกครูบาอาจารย์ทุกครั้ง ทั้งไปและกลับ เป็นทั้งกุศลทั้งเมตตามหานิยม และจิตภาวนาเพราะระลึกถึงพระเทพเทวดาเป็นอนุสติ หลวงปู่สอนว่า…คนประมาทมักคิดว่าแขวนพระไว้กับตัวตลอดก็จะเหนียว ฟัน แทงไม่เข้า แคล้วคลาด ปลอดภัยแน่นอน ก็แขวนพระไว้ กับตัวเลยตลอด วัน, เดือน, ปี สะดวกดี ขี้เกียจ…จะอาราธนาทำไมบ่อยๆ จึงเข้าใจผิดนึกว่าพระคุ้มครองแน่…เมื่อแขวนวัตถุมงคลไว้นาน…ๆ กำลังจิตกำลังศรัทธาจะลดลง ไม่ตั้งมั่น พระขลังดุจเดิมแต่… อานุภาพการคุ้มครองก็จะลดตามกำลังจิต กำลังศรัทธาให้ผลได้ไม่เต็มที่ พอประสบเหตุเภทภัย อาทิ หมากัดเข้า รถเชี่ยวชน เลือดตกยางออก ผีเข้า เจ้าสิง ทั้งที่แขวนพระแขวนเครื่องราง ก็พาลนึกว่า พระเสื่อมแล้ว ไม่เห็นขลัง ศรัทธาก็เสื่อมคลาย เลิกแขวนเลิกนับถือ ทั้งที่จริงหากหมั่นอาราธนา บอก ขอ มีศรัทธามั่น ปืนเขาจะยิงเราไม่ออก (คงกระพันชาตรี) เมื่อศรัทธาเราลด ปืนเขายิงเราออกแต่ไม่โดน (แคล้วคลาด) ศรัทธาเราลดอีกยิงโดนแต่ไม่เข้า (หนังเหนียว) ศรัทธาลดอีกยิงเข้าแต่ไม่ตาย เป็นต้น

    ดังนั้นหากจะแขวนเครื่องรางก็อย่าประมาท ควรหมั่นอาราธนาให้สบประโยชน์สมเจตนา

    #เรื่องตะกรุด12ดอก ยอดวิชาตะกรุดหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ
    *เรื่องเล่าจากอาจารย์เสก*
    ดั่งได้สดับมา สมัยหนึ่งเพลาเย็น หลังจากที่แขกได้กลับหมดแล้ว หลวงปู่หงษ์ได้สรงสนานกายด้วยน้ำอุ่นเพื่อชำระอินทรีธาตุให้สะอาดบริสุทธิ์ เมื่อเสร็จกิจแล้ว จึงได้พักผ่อนอิริยาบถที่ศาลาพรหมคุณ สุสานทุ่งมน
    ผู้ข้า(อ.เสกสรรค์ อริยวงศ์พรหมมินทร์)
    ได้ทำวัตรอุปฐากต่อหลวงปู่หงษ์ ด้วยน้ำร้อนน้ำชา และหมากพลูเป็นต้น เสร็จแล้วจึงนั่งพูดคุยสนทนากับท่าน
    อ.เสก : กราบขอโอกาสต่อพ่อแม่ครูบาอาจารย์ กระผมสนใจใครรู้เกี่ยวกับประวัติตระกรุด12ดอก ขอพ่อแม่ครูบาอาจารย์ใด้เมตตาบอกเล่าด้วยเถิดครับ
    หลวงปู่หงษ์ : ได้สิ เดี๋ยวหลวงปู่จะเล่าให้ฟัง ท่านเล่าว่า สมัยหนุ่มนั้นท่านมีความเพียรพยายามศึกษาหาความรู้ในเรื่องสรรพวิทชา มนตราอาคม เลขยันต์ และการฝึกจิตทำภาวนามาก ได้ยินว่าที่ไหนมีครูบาอาจารย์ดี เก่ง ท่านก็จะเดินทางไปฝากเป็นศิษย์ ขอเรียนวิชาทันที โดยไม่รีรอ แม้ทางจะไกล ท่านก็ใม่เคยบ่น ด้วยเป็นบุคคลที่มีความอดทนสูงยิ่ง เดินเท้าเปล่าๆไป เดินไปด้วยภาวนาไปด้วยตลอดเวลา ไปร่ำเรียนวิชาประมาน160ครูบาอาจารย์
    ครูบางท่านให้วิชามาเยอะ บางท่านให้มาน้อย บางท่านให้คาถามา1บท ก็มี เมื่อใด้วิชามาเยอะคาถาเป็นพันๆบทท่านเลยเอามาบริกรรมจนขึ้นใจ
    อ.เสก : กราบขอโอกาสต่อพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ยังจำชื่อครูบาอาจารย์ได้หมดหรือไม่ หนอครับ
    หลวงปู่หงษ์ : อ้อ จำได้ไม่หมดหรอก จำได้บางท่านเช่น หลวงปู่ศุข หลวงพ่อเอีย หลวงพ่อแปน หลวงพ่อดิน หลวงพ่อด่อน หลวงปู่ดูลย์ หลวงพ่อเขียว หลวงพ่อแป้ะ หลวงพ่อดำ หลวงพ่อเป็น หลวงพ่ออินหลวงพ่อสอน หลวงพ่อแวด หลวงพ่อปราง หลวงพ่อเปร้าะ หลวงพ่อวุเธียระ หลวงพ่อจริง หลวงพ่อริดหลวงพ่อคูน หลวงพ่อกัน หลวงพ่อพิมพ์สุวรรณ หลวงพ่อโรค หลวงพ่อทอง หลวงพ่อแถบ หลวงพ่อโยง หลวงพ่อเปื้อด หลวงปู่ศรวง
    อ.เสก: ครับพ่อแม่ครูบาอาจารย์
    หลวงปู่หงษ์ : หลังจากเรียนมาเสร็จได้ทำตะกรุดขึ้นเป็นครั้งแรกที่เขมร ช่วงสงครามเขมรแดง ด้วยชาวบ้านได้เห็นพระธุดงค์เดินทางผ่านมา ก็มักจะมาขอของดีป้องกันตัวจากภัยอันตราย หลวงปู่ไม่มีอะไรจะให้ แต่ได้นึกขึ้นว่าได้ร่ำเรียนวิชามาเยอะ น่าจะลองสงเคราห์คนดูบ้าง จึงใด้ให้ชาวบ้านไปหาแผ่นโลหะมาทำตะกรุด แต่เนื่องจากคาถาที่ได้เรียนมามีมากมายนัก ท่านจึงคัดเฉพาะบทที่ดีที่สุด12บท
    มาทำตะกรุด12ดอก ซึ้งเท่ากับพระคุณของมารดาคือ12 และทำการปลุกเสกอาราธนาบารมีคุณพระรัตนตรัย พรหม เทวดา ครูบาอาจารย์มาช่วยปลุกเสกตะกรุดให้ แล้วมอบให้ชาวบ้านเอาไปติดตัว ด้วยอานุภาพของตะกรุด ท่านว่า ยิงไม่ออกก็มี ยิงออกแต่ใม่เข้าก็มี ปืนแตกที่ปากกระบอกก็มี จึงรู้ว่าวิชานี้ใช้ใด้ผล จากนั้นชาวบ้านจึงนำแผ่นโลหะมาให้ท่านทำให้เรื่อยๆ จนท่านได้ลาชาวบ้านออกธุดงค์ต่อไปอีก
    อ.เสก: ขอโอกาสต่อพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ตะกรุดทั้ง12ดอกนี้ดีทางไหนบ้างครับ
    หลวงปู่หงษ์ : ตระกรุด 12 ดอกนั้นมีอานุภาพตามยันต์พระคาถาดังนี้
    •ดอกที่ 1ดีทางกัน เขี้ยว กันงา เสือ ช้าง จระเข้
    •ดอกที่ 2 ดีทางคงกระพัน ชาตรีแคล้วคลาด ปลอดภัย
    •ดอกที่3 กันฟ้าผ่า กันฟืน กันไฟ
    •ดอกที่4 มีฤทธิ์ กันปืน กันระเบิด
    •ดอกที่ 5 กันมีด ดาบกระบอง ของมีคม
    •ดอกที่6 มหาเสน่ห์ โชค ลาภ เมตตามหานิยม ค้าขาย
    •ดอกที่ 7 มหาระงับ ดับอันตราย มหาจังงัง ระวังภัย
    •ดอกที่8 ศรัตรู ทำอันตรายมิได้ คึดร้ายกลับกลายเป็นดี
    •ดอกที่9 แก้อาถรรน์ บังภัย บังตัว กันไสยศาสตร์มนดำ กันมนต์ตราเป็นมหาสะท้อนคืนคุนไสยกลับคืนผู้กระทำ
    •ดอกที่10 ศรัตรูยกมือไม่ขึ้น อาวุธตกจากมือ นะจังงัง สะกด ศัตรู
    •ดอกที่11 จับไม่ถูก คว้าไม่ติด กระสุนปืนหยุดมาไม่ถึง
    •ดอกที่ 12 ทำน้ำมนต์ อาบดื่มกิน จืดจางจากโรคภัย แก้คุนไสย แก้อาถรรพ์
    พุทธคุนอธิฐานได้ 108
    อ.เสก : อานุภาพ108ประการจริงๆๆครับ
    หลวงปู่หงษ์ : ของดีก็จริง แต่คนต้องดีด้วย คือรักษาศีล5 ทำความดี สวดมนต์ทำภาวนาทุกๆวัน ไม่ใช่ว่ามีของดีแล้ว ใม่ทำดีเลย ของดีก็ช่วยใม่ใด้ เราอยากให้ของดีมีอานุภาพมาก เราต้องทำดีด้วย หากเราๆไม่ทำดีทำแต่ชั่วของก็เสื่อมเทวดาครูบาอาจารย์หนีจากหมด
    อ.เสก : ขอโอกาสต่อพ่อแม่ครูบาอาจารย์ มีคาถาและวิธีใช้ตะกรุดหรือไม่ครับ
    หลวงปู่หงษ์ :ก่อนคาดเอวให้ท่องนะโม3จบแล้วจึงสวดบูชาว่า นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะนะเมติ12-108จบ
    ก่อนคาดเอาให้ท่องคาถาผูกตะกรุดว่า อะระหังพุทโธ มะอะอุ12จบ
    และก่อนถอดตะกรุดออกให้สวดว่า อะระหังพุทโธอุอะมะ12จบ
    อ.เสก:กราบขอบพระคุณพ่อแม่ครูบาอาจารย์มากครับที่เมตตาเล่าให้ฟัง
    ประสบการณ์ของตะกรุด12ดอกที่ลูกศิษย์หลวงปู่เคยมีประสบการณ์
    #คำอาราธนาใช้ตะกรุด 12 ดอก ตั้งนะโม 3 จบ แล้วจึงสวดบูชาว่า นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ นะเมติ12-108จบ
    #ประสบการณ์ตะกรุด 12ดอกของท่าน(บางส่วน)
    -
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ตะกรุด ๑๒ ราศรี ลป.หงษ์ ให้บูบา 1,5000 บาทครับ สวยเดิมๆ ไม่เคยใช้

     
  5. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343

    ผ้ายันต์เทพนางจันทร์ ซึ่งเป็นสายวิชาหลักที่โด่งดังที่สุดของหลวงปู่หงษ์ พระโพธิสัตว์แห่งสุสานทุ่งมน จังหวัดสุรินทร์ อานุภาพวิชานี้ปรากฏโด่งดังเมื่อหลวงปู่หงษ์ ท่านได้ไปโปรดลูกศิษย์ที่ประเทศสิงคโปร์ บังเอิญมีลูกศิษย์ได้มองเห็นผู้หญิงแต่งชุดไทยโบราณห่มผ้าสไบ หน้าตาสะสวย ยืนอยู่ไม่ไกลจากหลวงปู่หงษ์มากนัก จึงเรียนถามหลวงปู่ท่านว่า ผู้หญิงใส่ชุดไทยโบราณนั้น ท่านเป็นใครกัน หลวงปู่ท่านบอกว่า คือ “เทพนางจันทร์”
    และด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของสุดยอดวิชาเพียงหนึ่งเดียวในสยามประเทศที่มีความศักดิ์สิทธิ์จริง และเป็นเทพที่มีตัวตนจริง ซึ่งต่อมาเมื่อบรรดาลูกศิษย์ต่างมีความต้องการที่จะมีเทพนางจันไว้บูชาเพื่อเป็นศิริมงคล จึงได้กราบเรียนหลวงปู่หงษ์ ท่านจึงลงเป็นผ้ายันต์
    เทพนางจันนั้น แต่เดิมท่านเป็นผู้หญิงที่รักสวยรักงามมาก และมีใจที่เป็นบุญเป็นกุศลเสมอมา แต่ก็ต้องมาตายตั้งแต่ยังสาวเมื่อตายไปแล้วก็ไปจุติเป็นเทพยังอีกภพหนึ่งและได้เกิดเป็นลูกของท่านท้าวเวสสุวัณ โดยท่านได้ตั้งสัตย์ปฏิญาณไว่ว่า...จะช่วยเหลือเหล่ามวลมนุษย์ทั้งหลายที่ตกทุกข์ได้ยาก โดยผ่านมาจากผู้ที่ปฎิบัติศีล ปฏิบัติธรรมอันดี และเมื่อนึกถึงเธอแล้วเธอก็จะมาช่วยเหลือ ให้พ้นจากทุกข์ภัยเหล่านั้น โดยปัจจุบันผู้ที่สามารถเสกเทพนางจันได้มีฤทธิ์มากที่สุดและเห็นผลมากที่สุด ก็คือ หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ แห่งสุสานทุ่งมน จังหวัดสุรินทร์

    วิธีบูชาเทพนางจันกวัก ก่อนทำการใด ๆ ระลึกถึงหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ ครูอาจารย์ เทพ-พรหม… จุดธูป 5 ดอก เทียน 2 เล่ม ดอกไม้หรือพวงมาลัย น้ำเปล่า 1 แก้ว ผลไม้ตามที่หาได้ ถวายของหอมบูชาสิ่งที่สมควรจะดีมาก ช่วยให้ ผู้คนไหลมาช่วยค้าช่วยขาย มีกินมีใช้ไม่ขัดสน จากนั้นให้ว่า

    นะโม 3 จบ

    ภาวนาคาถา นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ นะเมติ 12 จบ

    แล้วอธิษฐานตามความปรารถนา

    หรือ ตั้ง นะโม 3 จบ

    ภาวนา “ นะโมพุทเธียหังหุ นะเมติ ” คาถาเมตตาโชคลาภค้าขาย 12 จบ-108 จบ ก็ดีดุจกัน
    แม่เทพนางจันทร์ รูปโฉมงดงาม ผู้มีบุญฤทธิ์อำนาจ ด้านโชคลาภ ค้าขาย หากกิตติศักดิ์บุญฤทธิ์อานุภาพแม่ย่านางเรือ แม่ย่านางรถ ท่านเป็นเทพสตรีมีอำนาจบารมีทำหน้าที่ปกปักรักษาคุ้มครองกันภัย ก็จะขอกล่าวศาสตร์เขมรโบราณ แห่งเทพนางจันทร์ เทพสตรีเทพแห่งโชคลาภ ค้าขาย ผู้มีกำเนิดอุบัติดวงจิตมีทิพย์อำนาจ ด้วยบารมี เทพ-พรหม ครูอาจารย์ 500 องค์ บารมีหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ ผู้สร้าง อัญเชิญเทพทิพย์นางจันทร์ ผู้มีโชคลาภมาก เป็นเอกด้านการค้าขาย มาสถิต อีกทั้งมีตำนานกล่าวถึงเทพนางจันทร์ จุติจากผู้มีบุญ ผู้ได้รับพร จากท้าวเวสสุวัณมหาราช ให้สงเคราะห์ผู้คน ด้านพานิช ค้าขาย พืชพันธุ์ธัญญาหาร สำหรับเทพนางจันทร์ หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ สร้างพุทธาภิเษก ขึ้นตามศาสตร์วิชา มีอานุภาพด้าน โชคลาภ ค้าขาย มหานิยมโภคทรัพย์ คนรักเมตตา เป็นยอดหัวใจคนทั้งหลาย จักบนบาลแม่ก็ได้ มีของกำนัลถวายก็รับ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ผ้ายันต์ เทพนางจัน นางกวัก หลวงปู่หงษ์เขียนมือ โดยศิษย์ท่าน ปี๒๕๕๐ ผืนนี้ไม่ใช่สกรีนนะครับ ของเก่า ขนสดประมาณ๑ฟุต เขียนด้วยหมึกสีแดง ลงบนผ้าขาว รีบบูชาก่อนที่จะหลุดไปต่างประเทศหมด คนจีน คนสิงคโปร์ มาเอาไปบูชา ชั่วโมงนี้ ของขลัง จากไทย แต่ถูกใจคนจีน
    ให้ บูชา
    8,000 บาท ครับ

     
  6. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343

    ลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ (พระครูปราสาทพรหมคุณ)
    สุสานทุ่งมน (วัดเพชรบุรี) อ.ปราสาท จ.สุรินทร์


    เด็กชายสุวรรณหงษ์ จะมัวดี เป็นเด็กที่มีความขยันหมั่นเพียร มีความกตัญญูกตเวทีต่อบิดามารดา ได้ช่วยกิจการงานทุกอย่าง ทำนา หว่านกล้า เก็บเกี่ยวข้าว ด้วยความวิริยะอดทน จนอายุได้ 18 ปี มารดาขอร้องให้บวชเณร ด้วยสาเหตุเกรงว่าจะไปมีเรื่องกับผู้อื่น เพราะเป็นช่วงเวลาของวัยรุ่นอารมณ์ร้อน ซึ่งโดยนิสัยแล้วเป็นผู้มีจิตใจเข้มแข็ง ไม่เกรงกลัวใคร สุดท้ายเห็นแก่มารดาจึงตัดสินใจบวชให้แค่เพียง 7 วัน

    ครั้นบรรพชาแล้วพระอุปัชฌาย์ได้ตั้งนามให้ใหม่ว่า"สามเณรพรหมศร" ลุมาได้ 3 วัน ขณะนั่งบนแคร่ไม้ใต้โคนต้นมะขามใหญ่ได้มีบุรุษหญิงชายแปลกหน้าทั้งมีอายุแก่ และหนุ่ม แต่งกายแบบชาวบ้านมาขอร้องให้เทศน์โปรดทีเถิด สามเณรพรหมศรกล่าวว่า “ฉันพึ่งบวชได้ไม่ถึงวันยังเทศน์ไม่เป็นหรอก ชายหญิงผู้แปลกหน้าทั้งหลายต่างให้ข้อแนะนำว่า” “ท่านเจ้าคะท่านเทศน์ไม่เป็นก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้ท่านทดลอง ว่านะโม 3 จบ ประเดี๋ยวท่านก็จะเทศน์ได้เองนั่นแหละ” สามสามเณรพรหมศรนั่งนิ่งแลสงสัยว่า บุคคลทั้งหลายเหล่านี้เป็นใคร? มาจากไหน? อยู่ๆก็มาขอร้องให้เราเทศน์ แต่เมื่อลองคิดแล้วเขาบอกให้ว่านะโม 3 จบ จากนั้นก็เป็นเรื่องที่ปากพูดไปได้เองเป็นเรื่องเป็นราว ชายหญิงทั้งหลายต่างนั่งพนมมือ อมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ครั้นเทศน์จบก็กราบขอบคุณขอลากลับ หันไปอีกทาง ปรากฏว่าหายไปทางไหนก็ไม่รู้ ผู้เขียนกราบเรียนถามหลวงปู่ว่าทำไมสามเณรพรหมศรจึงเทศน์ได้ ท่านกล่าวว่า มันเป็นของเก่าหรือที่เรียกว่า “ธรรมบันดาล” ที่พาให้พูดกล่าวไปได้เอง ความตั้งใจที่จะบวชเพียง 7 วัน ก็อยู่เลยเรื่อยมาจนอายุครบ 20 ปี พระอุปัชฌาย์จึงอุปสมบทให้ ณ วัดเพชรบุรี ต.ทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ โดยตั้งนามฉายาให้ใหม่ว่า “พรหมปัญโญ” แปลว่า ผู้มีปัญญาดุจพรหม

    เมื่ออุปสมบทแล้ว หลวงปู่หงษ์ ตั้งใจมั่นขยันหมั่นเพียรศึกษาพระปริยัติธรรมคำสั่งสอนของสมเด็จพระผู้มีพระ ภาคเจ้า หลวงปู่เป็นผู้มีความวิริยะสูง จดท่องจำแม่นยำยิ่งนัก ทั้งฝักใฝ่หาความรู้ เพียรหาครูบาอาจารย์อย่างไม่ลดละแม้จะไกลไปยาก ก็อุตส่าห์ดั้นด้นเดินทางไป เพื่อให้ได้ความรู้กลับคืนมาเป็นรางวัล ด้วยปณิธานมั่นที่จะโปรดลูกหลานญาติโยมภายหน้า สืบไป

    ครั้นอุปสมบทได้แล้ว 3 พรรษา จึงกราบลาพระอุปัชฌาย์จาริกธุดงควัตรตามแบบฉบับแห่งพระบรมครู อาศัยอยู่ตามโคนไม้ นุ่งห่มใช้ผ้าเพียงสามผืน ทั้งถือที่สงบสัปปายะ เช่น ป่าช้าเป็นที่เจริญภาวนาเช้าค่ำ ขบฉันภัตตราหารเพียงมื้อเดียว ได้ท่องเที่ยวสู่เมืองขุขัน จ.ศรีสะเกษ เพราะเป็นเขตแห่งสรรพศาสตร์มนตรา จึงได้เข้าขอศึกษากับครูอาจารย์ที่เป็นทั้งฆราวาสก็ดี เป็นผู้ทรงศีลสมณะก็ตาม จนเป็นที่พอใจแล้ว จึงขออนุญาตลากลับเพื่อจาริกธุดงค์สู่พรมเปญ กัมพูชาสืบไป

    เมื่อธุดงค์ข้ามเขาเข้าเขตกัมพูชา อันเป็นที่ตระหนักดีอยู่แล้วว่าเป็นดินแดนแห่งอาณาจักรขอมถิ่นอาถรรพ์ เป็นที่รวมแห่งสรรพศาสตร์ ไสยเวทย์มนตรารุ่งเรืองนัก คงเป็นด้วยบุญบารมีเก่าหนุนนำ พาให้ได้พบกับครูบาอาจารย์เก่า เมื่อพบเห็นแล้วทุกครูอาจารย์ ต่างพึงพอใจในพระภิกษุหงษ์ พรหมปัญโญ ผู้สันโดษอ่อนน้อมถ่อมตนยิ่งนัก ได้บังเกิดความเมตตาประสิทธิประสาทสรรพวิชา ทั้งเวทย์มนแลคาถาเมตตา มหาเสน่ห์ กำบังภัยทั้งคุ้มครอง แคล้วคลาดกันอาวุธ ปืน หอก ดาบ ธนูหน้าไม้เขี้ยวงา ช้างเสือ หุงสีผึ้ง กันยาเบื่อ ทั้งคุณไสย ทำน้ำมนต์รดอาบต่างหายไป แม้นบ้าใบ้จิตหลอนก็อ่อนโยน จนลุเลยข้ามดงสู่จังหวัดสารพัดไต่เขาและภูผา อาศัยหุบเขาข้างห้วยเอนกายา ตกค่ำภาวนาตลอดไปยามสองจิตผ่องใส บังเกิดธรรมบันดาลพาพบไป กับพระอาจารย์ใหญ่องค์เทพเทวาได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาลงจารเสกปากกา อุปเท่มีคุณมากหนากว่าพันประการ ประทานเสร็จสอนจบครบตำรา พระพรหมปัญโญ ให้ปิติทั้งศรัทธา ตั้งจิตกราบครูบาแล้วเงยหน้าขอชมบารมี ทันทีที่ลืมตารูปท่านอาจารย์ใหญ่ก็จางหายทันที พระพรหมปัญโญ สุดที่จะเสียดายเพราะมิได้กล่าวคำว่าขอบคุณ แก่ท่านผู้กรุณาประสาทวิชา ครั้นล่องไพรในพนากลางป่าใหญ่ อัศจรรย์ใจเป็นนักหนาเห็นเด็กร่างดำใหญ่ดุจศิลา พลางผลักทักทายมาแต่ใด กุมารดินล้มหงายหลัง แล้วตั้งตรงทดลองใหม่ ผลักล้มมาด้านหน้า ทดลองถึงสองครั้งให้ระอาจึงแสดงกายาสูงใหญ่ได้ห้าเมตร แสดงเสร็จให้เกิดศรัทธาแล้วสั่งสอนถึงวิธีการสร้างกุมารทองให้ถูกต้องตาม ตำรับฉบับครู ครั้นธุดงค์ผ่านเขาพนาไพร นานอยู่ได้เกือบขวบปี แวะผ่านที่หมู่บ้านชื่อ “บ้านกรู”

    ณ หมู่บ้านนี้เองที่ชาวบ้านต่างกล่าวขานคุณงามความดีในวีรกรรมหลายๆสิ่งที่ไม่ อาจลืมเลือนได้ จากหัวใจของทุกคน แม้หลวงปู่จะธุดงค์กลับประเทศไทยแล้วก็ตามจนขณะนี้หลวงปู่มีอายุย่าง 85 ปี จึงได้เดินทางไปเยี่ยมชาวกัมพูชา เมื่อชาวบ้านทราบข่าวว่าหลวงปู่จะมาต่างดีใจ ครั้นหลวงปู่ไปถึงชาวบ้านเกือบพันคนต่างนอนคว่ำเรียงรายตั้งแต่ถนนจนถึงศาลา แล้วอาราธนาให้หลวงปู่เดินเหยียบบนหลังของเขาเหล่านั้น หลวงปู่จะไม่เดินชาวบ้านเขาก็ไม่ยอม กล่าวว่ายอมพร้อมพลีกายด้วยความเคารพบูชา หลวงปู่ขัดเขามิได้จึงยอมเดินบนหลังของเขาเหล่านั้น แม้แต่ผู้เฒ่าอายุราว 100 กว่าปี เมื่อทราบข่าวว่าหลวงปู่หงษ์ มาก็อุตส่าห์ลากไม้เท้าหลังงองกเงิ่นเดินทางมากราบบูชา

    ผู้ติดตามหลวงปู่ทุกคนต่างแปลกใจและถามว่าทำไมจึงศรัทธาองค์หลวงปู่ขนาดนี้ พวกเราทุกคนต่างก็ถึงบางอ้อ! เพราะพ่อเฒ่าต่างเล่าให้ฟังว่า “หลานเอ๋ย ถ้าวันนั้นหลวงพ่อไม่ได้อยู่กับเราแล้ว หมู่บ้านกรูทั้งหมู่บ้านก็แตกกระจายป่นปี้ไปแล้ว เพราะมันเป็นเรื่องแปลก ตาเองก็ไม่เคยเห็น ว่าลูกระเบิด และลูกปืนใหญ่ขนาดแตงโม มันตกมาบนหลังคาหญ้าแฝก แปลกที่มันไม่ทะลุหล่นลงมา กลับกลิ้งคลุกๆ ไปตามทางลาดชายคา พวกเราก็นึกว่าต้องตายแน่ๆ ถ้าลูกระเบิดตกกระทบกับพื้นดิน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังตุ้บ! ปรากฏว่าลูกปืนจมดินเกือบครึ่งลูก แต่มันอัศจรรย์มาก หลานเอ๋ย มันไม่ระเบิด! เท่านั้นแหละเม็ดกรวด เม็ดหิน แม้แต่ดินใต้แคร่ไม้ไผ่ เขายังขุดไปลึกเป็นเมตรเอาไปปั้นเป็นลูกอมตากแดด ครั้นหลวงพ่อกลับประเทศไทยไปแล้ว แคร่ตัวที่ท่านนั่งก็ยังไม่มีเหลือ ชาวบ้านเขาจุดธูปเอามาพลีแบ่งกันจบหมดไม่เหลือหรอ หลวงพ่อเน้อ! พร้อมกับยกมือไหว้ทางหลวงปู่หงษ์ พวกตาและชาวบ้านรอดตายมาได้ทุกคน เสมือนตายแล้วเกิดใหม่ เท่ากับหลวงพ่อท่านมาชุบชีวิตให้ใหม่”

    ดังนั้นจึงไม่แปลกใจว่าทำไมชาวบ้านเขาจึงพร้อมใจกันยอมนอนคว่ำให้หลวงปู่ ท่านเดินบนหลังของพวกเขา ชาวบ้านทุกคนเคารพรักหลวงปู่เสมือนเป็นเทพของพวกเขาทีเดียว เพราะมิใช่ว่าหลวงปู่ จะป้องกันภัยให้พวกเขาได้อย่างเดียว แต่หลวงปู่ได้แผ่เมตตาปล่อยสัตว์ ขุดบ่อ ขุดสระ สร้างฝายน้ำล้น ปลูกป่า ปล่อยช้าง วัว ควาย เต่า งู ตะขาบ สัตว์ทุกชนิด และสั่งห้ามมิให้ชาวบ้านทำลายป่าไม้ โดยอบรมสั่งสอนให้เห็นคุณและโทษของการไม่มีป่าไม้ไม่มีน้ำ จะเกิดความเดือนร้อนนานาประการ พร้อมทั้งสอนให้ชาวบ้านทุกคนถือศีลห้า ห้ามดื่มเหล้าเมายา แล้วครูอาจารย์ของหลวงปู่ท่านจะคุ้มครอง ทุกคนเคารพศรัทธาในหลวงปู่ได้ประพฤติปฏิบัติตาม จึงมีแต่ความร่มเย็นเป็นสุข

    หลวงปู่หงษ์ เป็นพระธุดงค์ ถือสันโดษ โปรดสัตว์ จึงไม่ติดกับที่อยู่ หรืออมิสลาภ จึงได้ลาญาติโยม เพื่อจาริกแสวงบุญต่อเรื่อยมา



    เมตตาบารมีอิทธิปาฏิหารย์ ปราบนางพญาโจรี

    หลวงปู่หงษ์ ธุดงค์จาริกแสวงบุญเรื่อยมายังเมืองพระตะบอง ขณะนั้น ชาวเมืองเกิดความเดือดร้อน ข้าวยากหมากแพง เกิดขโมย โจรชุกชุม แต่ยังมีกลุ่มโจรหนึ่งมีหัวหน้าเป็นสตรี มีลูกน้องกว่า 50 คน มีนามว่า “มะลิ” มะลิเป็นชื่อของสาวใหญ่ชาวเขมร ถือกำเนิด ณ เมืองพะตะบอง ในยุคนั้นแล้วต้องถือว่ามะลิเป็นสาวที่มีความงดงามที่สุด ความงามสมัยนั้นจะต้องมีผิวดำเป็นมัน ผมดำเงา มีความสง่าแฝงไปด้วยตะบะบารมีประดุจนางพญา เพราะนางนั้นมีสมุนพลพรรคบริวารประมาณกว่า 50 คน ทั้งนางและสมุนบริวารนั้นล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่ทางราชการของกัมพูชาต้อง การตัวมากที่สุด เพราะมะลิและบริวาร มีอาชีพในการจี้ปล้น

    แต่ก็เป็นโจรที่มีคุณธรรม เพราะข้าวของที่ได้มาจากการปล้นนั้นนางได้แบ่งปันแล้วก็นำไปแจกจ่ายแบ่งต่อ คนยากจนด้วย ซึ่งการจี้ปล้นแต่ละครั้ง จะปล้นจากคนรวยมาแบ่งคนจน หรือการจี้ปล้นแต่ละครั้งนั้นจะกระทำก็ต่อเมื่อพรรคพวกอดอยากไม่มีจะกินแล้ว จึงทำการปล้น ในการลูกสมุนออกปล้นแต่ละครั้ง นางมะลิจะทำพิธีเบิกทางโจร ด้วยวิชาไสยศาสตร์โดยการตั้งขันทำน้ำมนต์เสร็จแล้วก็นำน้ำมนต์นี้แจกจ่ายแก่ พวกสมุนให้ดื่มกินกันจนครบ จึงได้ออกกระทำการปล้น จนเป็นที่หวาดหวั่นสะพรึงกลัวต่อผู้มีฐานะร่ำรวย เดือดร้อนไปตามๆกัน จึงได้นำความนี้ขึ้นร้องเรียนแจ้งต่อกฎหมายบ้านเมือง แต่ก็มิได้รับผลสำเร็จแต่ประการใด เพราะยามใดที่ทางราชการออกกวาดล้างไล่จับ ก็ไม่สามารถจะจับได้ หรือติดตามได้ทัน ขนาดประชิดตัวเห็นอยู่หลัดๆจับได้ก็ดิ้นหลุด หายตัวมองไม่เห็นต่อหน้าต่อตา อย่างหาสาเหตุไม่พบ ขนาดตำรวจทราบลังหรือแหล่งที่อยู่ล้อมรอบไว้แล้วก็ยังมิอาจจะทำอะไรต่อสมุน นางได้

    เมื่อตำรวจล้อมบ้านยามใดสมุนทุกคนต่างกระโดดลงอ่างน้ำมนต์ หายไปต่อหน้าต่อตาเช่นกัน โดยที่บ้านเมืองนั้นต้องพบกับความผิดหวังร่ำไป และเมื่อทุกคนต่างทราบกิตติศัพท์ของหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ ว่าเป็นพระธุดงควัตร ประพฤติปฏิบัติดีมีสรรพวิชา เรืองด้วยวิทยาอาคมอันแก่กล้า ต่างก็นำความมากราบเล่าสู่หลวงปู่หงษ์ และขอความเมตตาช่วยเหลือปราบนางพญาโจรี และพรรคพวกด้วยเถิด หลวงปู่ก็ได้เมตตาสัตว์ที่ยากไร้ อันหาที่พึ่งมิได้ จึงได้ดำเนินเดินทางมาถึงบ้านของมะลิ และได้นั่งภาวนาแผ่เมตตาบารมีอยู่ ณ บนบ้านของนางพญาโจรี จนพลบค่ำนางพญาโจรีได้กลับมาถึงบ้าน หลวงปู่กล่าวว่านางมะลิมาแล้ว แต่ทุกคนก็มิอาจมองเห็นนางได้เลย แต่มะลินั้นมิอาจที่จะรอดพ้นสายตาของหลวงปู่หงษ์ผู้ทรงด้วยฌานแห่งทิพย์ จักษุและเจโตปริยญานไปได้ ว่านางนั้นต้องการอะไร และจะประพฤติปฏิบัติเหตุการณ์อะไรต่อไปเป็นลำดับ ด้วยญานของอนาคตตังสะญาณ

    ทั้งที่นางมะลิพยายามก้าวขาขึ้นบันไดด้วยวิธีใดๆก็ตาม ก็มิอาจที่จะขึ้นบันไดบ้านของตนได้ จนหลวงปู่ได้กล่าวขึ้นว่า “อ้าว! ขึ้นมาบนเรือนซิ” นางจึงขึ้นมาบนเรือนได้ ทุกคนได้ยินเสียงเท้าคนเดินไปมา แต่ก็มิอาจที่จะมองเห็นนางมะลิได้อยู่ดีนั่นเอง จนหลวงปู่ได้กล่าวว่า “นั่งลงซี” พร้อมกันนั้นหลวงปู่ได้ทำการถอนเวทมนต์ทั้งปวง ทุกคนจึงได้เห็นว่านางมะลินั่งอยู่ หน้าหลวงปู่ ทันใดนางก็ชักปืนออกมาจากเอว หมายจะสังหารพระภิกษุรูปนี้เสีย แต่นางก็หาได้มีความไวเกินจากญานอันหยั่งรู้ของหลวงปู่ไปมิได้ ทันใดนั้นหลวงปู่ก็ตบที่หัวเข่าของท่านว่า “ติด” เป็นที่แปลก นางมะลินั้นมือก็ติดอยู่ที่ปืน และก็ไม่สามารถที่จะชักปืนนั้นออกมาจากเอวของนางได้ สักครู่ต่อมาหลวงปู่จึงได้ถามว่า “ยอมแล้วหรือยัง ถ้ายอมแพ้ให้กราบ” นางมะลิยอมแพ้และได้ก้มกราบแต่โดยดี และนำปืนไว้ข้างหน้า

    สักครู่นางจึงนึกว่าหลวงปู่ตายใจแล้วว่ายอมแพ้ พอหลวงปู่เผลอด้วยสัญชาติญาณของนางพญาโจรี นางก็ยื่นมือเตรียมหยิบปืน หมายจะสังหารหลวงปู่เสีย ให้สิ้นจงได้ แต่ก็มิสามารถที่จะหลุดเลยจากญานของหลวงปู่ไปได้ ทันใดนั้นหลวงปู่ก็ตบหัวเข่าของท่านอีกครั้ง และกล่าวว่า “ติด” ด้วยสัจจวาจาและตะบะบารมีจึงทำให้นางพญาโจรีจะเอื้อมหยิบปืนอย่างไรก็ไม่ สามารถหยิบได้เลยทั้งๆที่ปืนนั้นอยู่ด้านหน้าของนางเองไม่ถึงศอก

    จากนั้นหลวงปู่หงษ์ ก็กล่าวอบรมให้สติ ด้วยหลักแห่งศีลและเมตตาธรรม จนนางนั้นได้เกิดความละอาย เกรงกลังต่อบาป บังเกิดความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ถวายตัวเป็นอุบาสิกา และขอสมาทานศีลแปด ประพฤติดี ปฏิบัติชอบจนถึงทุกวันนี้ ณ ประเทศกัมพูชา ซึ่งหลวงปู่ก็นับถือน้ำใจของนางมะลิ ทั้งต่างให้ความนับถือกันเป็นพี่น้องบุญธรรมร่วมชาตินี้ด้วย

    ส่วนพรรคพวกสมุนบริวารต่างกลับตัวกลับใจ หันมาประกอบสัมมาอาชีพประพฤตัวถูกต้องตามกฎหมายเป็นพลเมืองดีของชาติบ้านเมืองสืบไป



    ห้าสิบห้าหาไม่เห็น

    หลวงปู่หงษ์ ได้ธุดงค์ ดั้นด้นมาถึงเขตดินแดงติดต่อระหว่างกัมพูชากับเวียตนาม(เวียตกง) ซึ่งขณะนั้นลัทธิคอมมิวนิสต์กำลังเผยแพร่ มีอิทธิพลต่อทวีปเอเชียอาคเนย์เป็นอย่างมาก ได้มีหลายประเทศเปลี่ยนระบบการปกครองเป็นลัทธิดังกล่าว ในจำนวนนี้ ประเทศเวียตนาม หรือเรียกกันว่า “พวกเวียตกง” ก็เปลี่ยนระบบการปกครองไปแล้ว ระบอบการปกครองลัทธินี้ สอนให้ไม่มีศาสนา มีความเชื่อเกี่ยวกับเทพเทวดา หรือว่าวิญญาณทั้งหลาย จึงได้กวาดล้างลัทธิของทุกศาสนาให้หมดไปโดยสิ้นเชิง ดังนั้นพระสงฆ์องค์เจ้าก็ต้องศึกไป บ้างก็ต้องหนีออกนอกประเทศ มิฉะนั้นจะถูกทำลายล้างเข่นฆ่าให้ตายหมด

    ขณะที่หลวงปู่หงษ์ ได้ธุดงค์มาถึง ณ เขตชายแดนประเทศกัมพูชา กับประเทศเวียตนาม ทันใดนั้นทหารเวียตกงก็ได้แห่กันมาประมาณห้าสิบกว่าคน ล้อมรอบกลดของหลวงปู่หงษ์ เพื่อจะจับนำตัวไปฆ่า แต่เมื่อเปิดผ้าคลุมมุ้งกลดดู ก็เห็นแต่กลดว่างเปล่า คงมีแต่กาน้ำใส่น้ำตั้งอยู่ กับบาตรและถุงยามเท่านั้น แต่องค์หลวงปู่นั้นได้หายไปแล้วจึงทำให้นึกย้อนเหตุการณ์สมัยหลวงปู่หงษ์ ผจญกับนางพญาโจรีที่พาลูกสมุนโดดลงขันน้ำกลางบ้านหายกันไปหมด แต่ได้กราบเรียนถามท่านแล้วว่าหลวงปู่ใช้วิชานี้หรือเปล่า หลวงปู่ท่านกล่าวตอบว่า “ทำมิได้หรอก” เป็นเรื่องของครูบาอาจารย์ ที่จะช่วยให้ศัตรูเห็นก็ได้ หรือมิเห็นก็ได้ เป็นเรื่องของท่านหลวงปู่ทำไม่เป็นหรอก

    ซึ่งในการนี้ทหารเวียตกงจะค้นหาอย่างไรก็ไม่พบองค์หลวงปู่หงษ์ได้ ผลสุดท้ายท่านเมตตา และสงสารพวกทหารเวียตกง จึงได้ปรากฏกายยอมให้ทหารเวียตกงจับตัวไป โดยคิดปลงเสียว่า ถ้าอดีตเคยเป็นศัตรูกันมาก็ดี เคยเป็นเจ้ากรรมนายเวร จะนำไปฆ แกงอย่างไรก็เชิญจับไป ให้ถือว่าใช้เวรใช้กรรมกันเป็นชาติสุดท้าย จักได้เป็นอันตัดขาดหมดเวรหมดกรรมกันไป แต่ถ้ามิได้เป็นเจ้ากรรมนายเวรกันมาก่อนแล้วละก็ ขอให้คุณพระศรีรัตนตรัยรักษา ครูบาอาจารย์รักษาคุ้มครอง อย่าได้เป็นอันตรายแต่ประการใดเลย

    ทันใดที่หลวงปู่ได้ปรากฏกายออกมาจากกลดนั้น ทหารเวียตกงต่างตกใจขวัญหนีดีฝ่อ จึงได้นำปืน M16 ประทับบ่าแล้วยิงถล่มสู่เป้าหมายถึงองค์หลวงปู่หงษ์ ทันที หลวงปู่นั้นก็ได้แต่ยืนเฉย หาได้สะทกสะท้าน หรือหวาดกลัวเสียงลูกปืนแต่ประการใดไม่ เพราะลูกปืนนั้นได้ตกลงกองอยู่ ณ ด้านปลายเท้าของหลวงปู่นั่นเอง ห่างจากปลายเท้าประมาณ 1 วา บางกระบอกปืนก็ยิงจนปากกระบอกแดง บางกระบอกลูกปืนไหลออกจากปากกระบอกเอง ซึ่งตามตำราของท่านเรียกว่า “ปืนแตกน้ำ” คือลูกกระสุนจะด้านหรือหมดสภาพประดุจลูกปืนหรือดินประสิวนั้น แช่อยู่ในน้ำ เวลายิงจึงด้าน และไหลออกมาประดุจว่าไหลมากับน้ำ จึงเรียกว่าปืนแตกน้ำ “ซึ่งถือว่าเป็นสุดยอดของวิชาคงกระพันของท่าน”

    เมื่อทหารเวียตกงจะฆ่าอย่างไรๆ ก็มิอาจฆ่าได้ ทุกคนต่างก็จนใจ ผลสุดท้ายจึงเข้ารุมจับหลวงปู่ แล้วนำมาใส่กรงเหล็ก นำเดินทางมาถึงท่าเรือ จากนั้นก็ยกกรงเหล็กใส่เรือตังเกออกสู่กลางทะเล สักครู่ต่อมาเวียตกงจึงนำเชือกผูกกรงเหล็ก แล้วยกกรงเหล็กถ่วงทะเล ประมาณ 10 นาทีต่อมาจึงได้สาวเชือกดึงกรงเหล็กขึ้นมา ทุกคนต้องตกใจอย่างที่สุด เพราะพระภิกษุที่อยู่ในกรงเหล็กนั้นนั่งสมาธิเฉยหาได้สะทกสะท้านตกใจกลังต่อ ภัยใดๆไม่ แถมจีวรที่นุ่งห่มอยู่นั้นก็ไม่เปียกน้ำทะเลแต่ประการใด

    ซึ่งการนี้ได้กราบเรียนถามหลวงปู่ว่าทำไมจีวรของหลวงปู่จึงไม่เปียกน้ำ หลวงปู่ได้เมตตาตอบว่า “อ๋อศีลคุ้ม คนเราถ้ามีศีลมั่นถือมั่น ในปฏิทาแห่งคุณพระพุทธเจ้า และครูบาอาจารย์แล้ว เชื่อว่าตกน้ำก็ไม่ไหล ตกไฟก็ไม่ไหม้ ประกอบกับการที่เรามีเมตตาอธิษฐานแผ่ยังสรรพสัตว์ทั้งหลาย”

    แต่ก็ยังไม่สะใจพวกทหารเวียตกงอยู่นั่นแหละ เพราะเขากลับมีคำสั่งให้เรือหาปลานั้นวิ่งแล่นต่อไปอีกไกลแสนไกล จนเห็นแค่ขอบฟ้าจรดผิวน้ำเท่านั้น จากนั้นก็นำกรงเหล็กหย่อนลงมหาสมุทร อยู่นานสักประมาณ 10 นาที จึงได้สาวเชือกขึ้นมา ทันใดทหารเวียตกงก็ต้องช๊อก เพราะว่าหลวงปู่นั้นยังคงนั่งสมาธิเฉยดุจเดิมอยู่ในกรงเหล็ก ทำให้พวกทหารเวียตกงนั้น หมดความสามารถที่จะประหารเข่นฆ่าพระภิษุรูปนี้ได้ จึงได้สั่งคนเรือหัวเรือกลับสู่ฝั่งของเมือง ได้กราบเรียนถามว่า”หลวงปู่หงษ์ ทราบได้อย่างไรว่าเป็นมหาสมุทรมิใช่ทะเล” หลวงปู่ได้เมตตาตอบว่า “ก็น้ำในมหาสมุทรนั้นจะเย็นมากกว่าน้ำในทะเล ผู้เขียนจึงถึงบางอ้อ และมีความรู้เพิ่มขึ้นอีก”

    ในที่สุดเรือหาปลาก็แล่นเข้าหาฝั่งอีกครั้ง แต่ทหารเวียตกงนั้นก็มิได้ละความพยายามแต่ประการใด ต่างก็ช่วยกันยกกรงเหล็กลงและรุมกระชากองค์หลวงปู่หงษ์ ออกมาจากกรงเหล็ก อีกสี่คนช่วยกันจับแขนทั้งสอง และขาทั้งสองอยู่ในลักษณะนอนคว่ำ จากนั้นก็นำพุ่งเข้าปากจระเข้ใหญ่ ซึ่งกำลังนอนหลับอ้าปากอยู่ ซึ่งตามลักษณะสัญชาติญาณของจระเข้แล้ว เวลานอน

    สุดท้ายทหารเวียตก งก็ยอมแพ้ในอิทธิบุญบารมีของหลวงปู่ จึงได้นำองค์หลวงปู่หงษ์ ออกจากจระเข้ใหญ่ พร้อมทั้งกราบถวายตัวเป็นศิษย์สืบมา

    ที่มา http://www.buddhakhun.org/main//index.php?topic=478.0
     
  7. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343
    วัตถุมงคลหลากหลายทั่วทุกภูมิภาคของประเทศครับค่าจัดส่งต่อครั้ง 30 บาทระบบflash หรือ J&Tและ 50 บาทems ไปรษณีย์ไทย 08--1--70--4--72--64 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง line ตามเบอร์โทรศัพท์
    บัญชีธนาคาร กรุงไทย 125-00-89-239
    Supachai thu
    โอนแล้วแจ้งบอก ทางข้อความ พร้อมที่อยู่จัดส่ง ป้อง กัน การเอาข้อมูลจากมิจฉาชีพครับ
     
  8. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343
    h1273
    ครูบาบุญชุ่ม หรือครูบาพ่อ......เป็นชื้อเรียกในสายบุญของท่าน ท่านเป็นนักปฏิบัติที่เคร่งครัดมาก ทางสายลาว ไทยใหญ่ พม่า ต่างนับถือท่านกันทั้งนั้น ในสายฤาษีก็นับถือท่านเช่นเดียวกัน ตอนนี้ท่านได้ไปปฏิบัติอยู่ที่ ประเทศภูฏาน ตามคำอราธนาของพระบาทสมเด็จเจ้าจิ๊กมี่ และพระบรมวงษ์สานุวงษ์ยังไม่มีกำหนดกลับไทยครับ..........เมื่อประมาน 3 อาทิตย์ก่อนหน้านี้ พระที่เคยเป็นพระอุปถาก ครูบาบุญชุ่มได้มาที่บ้านพรพุทธพรหม ตามคำสั่งของครูบาท่าน ผมจะเล่าย้อนกลับไปดังนี้.......ครั้งเมื่อครูบาท่านได้ออกจากการเข้ากรรมฐานเป็นเวลา 3 ปี 3 เดือน 3 สัปดาห์ 3 วัน 3 ยามแล้ว พระรูปนี้ท่านได้เข้าไปกราบครูบาฯและได้สนทนาธรรมกับครูบาฯ ครูบาท่านได้ถามพระท่านมาว่า ตุ๊รู้จักหลวงปู่ทวดบ่ หลวงปู่ทวดนี้บารมีมหาโพธิสัตว์เลยนะดีหลายๆเลย ตุ๊รู้จักครูบาเจ้าศรีวิชัยบ่ ครูบาเจ้ารูปนี้บารมีเต็มเน้อดีหลายๆเหมือนกัน ตุ๊รู้จักหลวงปู่ดู่บ่ องค์นี้ดีหลายๆเลยนะหายาก เออ ตุ๊นี้รู้จักหมดเลยเน้อ มีอยู่รูปหนึ่ง ตุ๊เฒ่าหงษ์ ตุ๊รู้จักบ่ พระท่านก็เงียบไม่รู้จัก ครูบาท่านเลยบอกว่า ตุ๊เจ้าองค์นี้อยู่ที่สุรินทร์ เก่งมากๆดำดินได้ต่อหน้าต่อตา บารมีก็เหลือล้น ในยุคนี้หาเก่งๆอย่างนี้ไม่ได้แล้วเน้ออออ มีเวลาก็ไปกราบท่านบ้างท่านดี๊หลายๆ .......พระท่านก็งงว่าครูบาพ่อ ไปรู้จักได้อย่างไร เพราะอยู่แต่ในถ่ำ หน้าตาก็ไม่เคยเห็นกัน แถมยังระบุได้อีกว่าหลวงปู่หงษ์ท่านอยู่ที่สุรินทร์ ชะรอยน่าจะมาจากฌานบารมีที่สัมผัสถึงกันได้ พระรูปนี้ท่านได้เข้าไปกราบหลวงปู่หงษ์ที่ โรงพยาบาลฯมาครั้งหนึ่งแล้วท่านก็ได้มาร่วมบุญผ้าป่าที่บ้านพรพุทธพรหม และได้มวลสารศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำไปผสมทำพระสร้างวัดต่อไป
    การที่ผมเริ่มหยุดบูชาวัตถุมงคลของที่อื่นก็เพราะเหตุนี้แหละครับ หลวงปู่เองท่านก็เอาชีวิตท่านเป็นเดิมพันในวัตถุมงคลของท่านเอง ( เราก็ต้องมีศีล 5 ด้วยตามที่ท่านบอก) และพระหลายๆรูปที่ท่านได้ฌานสมาบัติก็ได้บอกกล่าวกันมา ถึงขนาดที่ เสกพระแล้วช่วยคนต่อได้ 50 คน เสกพระแล้วมีเทวดาลงมาประจำวัตถุมงคลนั้นๆท่านค่อยให้ความสงเคราะห์ช่วยเหลือ เสกกันฟ้า กันไฟ กันลม กันปืน กันสัตว์ กันขโมย กันสารพัดกัน หายตัวกำบังกาย ยิงไม่ออก ติดลำกล้อง ฟันไม่เข้า แทงไม่เข้า ยกมือทำร้ายไม่ได้ ค้าขายของดีมีกำไล เดินทางใกล้ไกลปลอดภัยทั่วทิศ และในยุคนี้จะหาเก่งๆแบบนี้ไม่มีอีกแล้ว ตามที่หลวงปู่ หลวงพ่อ ครูบาอาจารย์ท่านได้กล่าวมา ขอยกหลวงปู่ท่านไว้เหนือเกล้าเหนือผม สาธุ.......
    บทความโดย คุรุนารยันพรหมเมศวร ขวัญ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
     
  9. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343

    ประวัติวัติวัดจุกกะเฌอ-ประวัติ หลวงปู่เริ่ม ปรโม
    ในอดีตกาลจุกกะเฌอเป็นที่อยู่อาศัยชั่วคราวของคนที่มีอาชีพตัดยาง ทำน้ำมัน และทำไม้ ตั้งอยู่กลางดงใหญ่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองบางละมุง ในสมัยนั้นเมืองบางละมุงเป็นเมืองๆหนึ่ง ถ้าเดินทางด้วยเท้าราวชั่วโมงกว่าๆจึงจะถึงจุกกะเฌอ ภายในดงใหญ่เป็นที่อาศัยของหมี เสือ ช้าง กวาง เก้ง และสัตว์ต่างๆเป็นจำนวนมาก ภายในดงนี้มีหนองน้ำใหญ่เป็นที่ที่สัตว์ทั้งหลายลงเล่นและกินน้ำที่ขอบหนองมีต้นจุกกะเฌอขึ้นอยู่ทั่วไป ผู้คนทั้งหลายจึงเรียกหมู่บ้านนี้ว่าจุกกะเฌอ
    เมื่อผู้คนในบางละมุงเพิ่มมากขึ้น บางคนจึงอพยพขึ้นมาอยู่ที่จุกกะเฌอเพื่อประกอบอาชีพกัน แต่ในสมัยนั้นก็ยังมีผู้คนไม่แน่นหนามาก มีบ้านเรือนอยู่ประมาณ ๑๕ หลังคาเรือนเท่านั้น ต่อมามีพระธุดงค์โดยการนำมาของหลวงพ่อทอง ซึ่งเดินทางจากระยองผ่านมาที่หมู่บ้านจุกกะเฌอนี้ไปไหว้พระพุทธบาทที่สระบุรี และพระแท่นตงรังที่กาญจนบุรี ซึ่งเมื่อพอไหว้พระพุทธบาทและพระแท่นตงรังแล้วจึงได้เดินทางกลับมาถึงหมู่บ้านจุกกะเฌอพอดีวันเข้าพรรษา ญาติโยมทั้งหลายจึงนิมนต์ให้จำพรรษาที่จุกกะเฌอ โดยช่วยกันทำที่พักชั่วคราวให้พระสงฆ์จำพรรษา เมื่อออกพรรษาแล้วพวกญาติโยมทั้งหลายจึงทำการทอดกฐิน เมื่อรับกฐินแล้วหลวงพ่อทองจึงได้เดินทางกลับไประยอง ภายหลังหลวงพ่อทองได้เดินทางมาที่จุกกะเฌออีกครั้ง และได้ลงมือสร้างวัดขึ้นมา และจำพรรษาอยู่ถึง ๒ ปี ก่อนจะเดินทางไปนมัสการพระแท่นศิลาอาสน์ที่อุตรดิตถ์ ต่อมาวัดนี้บางปีก็มีพระมาจำพรรษาอยู่บ้าง แต่บางปีก็ไม่มีพระมาจำพรรษาเลย จนเวลาร่วงเลยมานานจึงได้มีพระเข้ามาจำพรรษาอยู่เป็นประจำ และกลายเป็นวัดที่เป็นที่รู้จักดังทุกวันนี้
    ทำเนียบเจ้าอาวาส
    ตั้งแต่ก่อตั้งวัดมามีพระที่เคยดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสประจำวัดจุกกะเฌออยู่ด้วยกันทั้งสิ้น ๑๑ รูป ดังนี้
    ๑. หลวงพ่อทอง
    ๒. หลวงพ่อเอียด
    ๓. หลวงพ่อเมือง
    ๔. หลวงพ่อฉาบ
    ๕. พระอาจารย์วัน
    ๖. พระอาจารย์จาบ
    ๗. พระอาจารย์แดง
    ๘. พระอาจารย์-หลวงปู่ขันธ์ โชติโก
    ๙. พระครูศรีฉฬังคสังวร (เริ่ม ปรโม)
    ๑๐. พระใบฏีกาสงวน สุจิณฺโณ
    ๑๑. พระอธิการจารึก สัญญโต
    สถานที่ตั้ง
    ตำบลบึง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ๒๐๒๓๐
    ประวัติหลวงปู่เริ่ม ปรโม
    หลวงปู่เริ่ม ท่านมีนามเดิมว่า เริ่ม นามสกุล เฉียงเอก เกิดเมื่อวันศุกร์ ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๘ ปีมะเส็ง ตรงกับวันที่ ๗กรกฎาคม ๒๔๔๘ ณ บ้านเลขที่ ๒๖ ต.บึง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี บิดาชื่อ มิ่ง มารดาชื่อ เลี่ยม เฉียงเอก มีพี่น้องร่วมบิดามารดารวม ๑๑ คน
    ๑.หลวงปู่เริ่ม ปรโม
    ๒.นางทองดี เฉียงเอก
    ๓.นายรื่น เฉียงเอก
    ๔.นางโถม เฉียงเอก
    ๕.นางอบ เฉียงเอก
    ๖.นางสำรวย เฉียงเอก
    ๗.นางเยี้ยน เฉียงเอก
    ๘.นางหงส์ กล่อมเกลา
    ๙.นางทวาย เฉียงเอก
    ๑๐.ผึ้ง เฉียงเอก
    ๑๑.นางทวี เฉียงเอก
    เมื่อหลวงปู่เริ่มท่านอายุครบ ๒๐ ปีท่านจึงได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดแหลมฉบัง โดยมี พระครูสุนทรธรรมรส วัดอ่างศิลา(ซึ่งต่อมาท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ พระวิสุทธิสมาจาร หรือ เจ้าคุณศรีฯ วัดอ่างศิลานั่นเอง) เป็นพระอุปัชฌาย์ และ พระอาจารย์ลำดวน วัดอ่างศิลา เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา "ปรโม" โดยงานทางด้านศาสนาของหลวงปู่เริ่มมีดังนี้
    พ.ศ.๒๔๗๙ รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดจุกกะเฌอ
    พ.ศ.๒๔๘๑ รับสมณศักดิ์พระครูประทวน
    พ.ศ.๒๔๘๔ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    พ.ศ.๒๔๘๕ เป็นพระอุปัชฌาย์
    พ.ศ.๒๔๘๗ รับตำแหน่งเจ้าคณะตำบลบึง-หนองขาม
    พ.ศ.๒๔๙๓ รับรับสมณศักดิ์พระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะตำบลชั้นตรี
    พ.ศ.๒๔๐๗ รับรับสมณศักดิ์พระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะตำบลชั้นโท
    พ.ศ.๒๔๑๕ รับรับสมณศักดิ์พระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะตำบลชั้นเอก
    พ.ศ.๒๕๑๘ รับตำแหน่งรักษาการเจ้าคณะอำเภอศรีราชา
    พ.ศ.๒๕๑๙ รับตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอศรีราชา
    พ.ศ.๒๕๒๐ รับรับสมณศักดิ์พระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะอำเภอชั้นเอก
    พ.ศ.๒๕๓๐ ลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดจุกกะเฌอเพื่อรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดจุฑาทิศธรรมสภารามวรวิหาร อ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี
    หลวงเริ่มท่านได้ไปศึกษากับพระอาจารย์หลายรูป อาทิเช่น
    หลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก
    หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ
    หลวงพ่อสาย วัดหนองเกตุน้อย
    หลวงปู่เทียน วัดโบสถ์
    หลวงพ่ออ่อง วัดหนองรี
    หลวงพ่อผุย วัดหน้าพระธาตุ เจ้าคุณศรีฯ
    วัดอ่างศิลา สมเด็จพระสังฆราช(อยู่ ญาโณทัย) วัดสระเกศ หลวงปู่ทิม อิสริโก แห่งวัดละหารไร่ด้วย
    ในช่วงบั้นปลายชีวิตของท่าน หลังจากรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดจุฑาทิศธรรมสภารามวรวิหารได้2ปี ท่านก็อาพาธเป็นโรคถุงลมโป่งพอง จึงเข้ารับการรักษา ณ โรงพยาบาลสมเด็จฯ ณ ศรีราชา ระหว่างรับการรักษาหลวงปู่เริ่มก็ได้พำนัก ณ วัดจุกกะเฌอ จนกระทั่งถึงปี พ.ศ.๒๕๓๖ สุขภาพท่านก็ดีขึ้นมากสามารถประกอบศาสนกิจต่างๆได้เป็นปกติ
    จนกระทั่งในวันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๓๘ หลังจากหลวงปู่ปฏิบัติวัตรในช่วงเช้าตามปกติ จนกระทั่งถึงเวลาเพลพระลูกวัดได้นำภัตตาหารไปถวาย ปรากฏว่าท่านได้จากไปแล้วโดยอาการสงบ สิริอายุทั้งสิ้น ๙๑ ปี ๑๒ วัน พรรษาที่ ๗๑

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    สติ๊กเกอร์ติดกระจกรถด้านในหลวงปู่เริ่มปรโมปี 2533 ให้บูชา
    120 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    จะเอาไปม้วนทำตะกรุด เคลือบ แผ่นใสติดรถ รักษาสภาพไว้ เวลาเปลี่ยนรถหรือ ลอกฟิมล์ ก็ไม่เสียหาย


     
  10. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343
    เหรียญพุทธนิมิต ปี 34 วัดสุทัศน์ ตอกเลข ๙ มีจาร หายากครับ
    รายละเอียด “พุทธนิมิตร” (บ้างก็เรียก “พุทธนิมิต”) นั้น ถือเป็นพระยันต์ที่ขึ้นชื่อที่สุดและถือว่าศักดิ์สิทธิ์ที่สุด โดยเป็นยันต์ที่เขียนเป็นรูปองค์พระทั้งองค์ แล้วลงด้วยคาถาพุทธคุณพระพุทธเจ้า ๕๖ และเรียกสูตรด้วย อิติปิโสรัตนมาลา เสกด้วยพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ รวมทั้ง คาถาพระพุทธนิมิตร สำหรับ ผ้ายันต์พระพุทธ ที่จะยกมาเป็นตัวอย่างการอธิบาย คือ ผ้ายันต์หน้าพระ ของ หลวงปู่แย้ม ปิยวณฺโณ วัดตะเคียน อ.บางกรวย จ.นนทบุรี โดยท่านได้ทำผ้ายันต์ไว้เมื่อกว่า ๑๐ ปีที่แล้ว ทั้งนี้ได้ทำเป็นรูปเฉพาะส่วนที่เป็นพระพักตร์เท่านั้น หรืออาจจะเรียกว่า “ยันต์หน้าพระ” ก็ได้ แม้ว่าจะมียันต์เพียงไม่กี่ตัว แต่ถือเป็นการรวมสุดยอดแห่งยันต์เอาไว้ โดยมีอักขระเลขยันต์ที่น่าสนใจดังนี้ คือ ยันต์พระเจ้า ๕ พระองค์ นะ โม พุท ธา ยะ โดยตำแหน่งของแต่ละตัว คือ นะ (หูขวาของพระพุทธรูป) โม (หูซ้ายของพระพุทธรูป) พุท (ตรงเศียร) ธา (หน้าฝาก) ยะ (ปาก)

    คาถาบทนี้คือ คาถาพระเจ้า ๕ พระองค์ นั่นเอง ซึ่งถือเป็นสุดยอดพระคาถาที่โบราณาจารย์ทุกสำนักใช้ โดยมีการเรียกสูตร ดังนี้ นะกาโรโหติสัมพโว พระกุกกุสันโท จงบังเกิดเป็นตัวนะ โมกาโรโหติสัมพโวพระโคนาคม จงบังเกิดเป็นตัวโม พุทธากาโรโหติสัมพโวพระกัสสปะ จงบังเกิดเป็นตัวพุท ธากาโรโหติสัมพโว พระศรีศากยมุณี (บางครั้งอาจจะเรียกว่าสิริศากยมุนี) จงบังเกิดเป็นตัวธา ยะกาโรโหติสัมพโว พระอริยะเมเตโย (พระอริยเมตตรัย) จงมาบังเกิดเป็นตัวยะ ยันต์บริเวณคอ (เหนือเส้น) คือ ยันต์ธาตุ ๔ คือ นะ (น้ำ) มะ (ดิน) พะ (ไฟ) ทะ (ลม) แต่เรามักจะพูดติดปากว่า ดิน น้ำ ลม ไฟ มีคติความเชื่อว่ามีพุทธคุณเด่นทางคงกระพัน ทั้งนี้ต้องเขียนควงเป็น ๔ บท สลับกัน ยันต์ใต้คาง คือ ยันต์หัวใจพระตรัยปิฎก คือ มะ อะ อุ ซึ่งเป็นตัวย่อมาจาก อาปามะจุปะ (พระวินัยปิฎก) อะทีมะสังอังขุ (พระสุตันตะปิฎก) สังวิทาปุกะยะปะ (หัวใจพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์) รวมแล้วเรียกว่า หัวใจพระตรัยปิฎก ซึ่งมีอยู่ ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ยันต์ที่อยู่รอบนอกสุด (ที่เป็นรูปโค้งตามเศียร) คือ พุท โธ ซึ่งเป็นพระนามพระพุทธเจ้า แปลว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ในขณะที่ยันต์ที่อยู่เหนือเศียรพระ คือ อุ

    ทั้งนี้หากจะเขียน ต้องเรียกสูตรว่า อุเมตตา สัพเสน่หา นะระปูชิโต ตรีอักขระนิอัฒจันทัง (พระจันทร์ครึ่งซีก) เสวะสุริยะราชิโน (วงกลมแทนพระอาทิตย์) อุณาโลมมาพุทธะปะนะชะยเต อะสังวิสุโลปุสะพุภะ (มงคล ๙) สัตถุโนพุทโธ ยันต์เขียนยาวติดกัน (ใต้ยันต์มหาเบา) เป็นคาถาพระพรหม อ่านว่า สัพเพชนา พหูชนา เอหิพรหมา จิตตังมานมามะมะ มีคติความเชื่อว่า ใช้เรียกคน เรียกทรัพย์ เรียกเงิน เรียกทอง ให้มามากๆ เฑาะว์รันโต ที่อยู่ ซ้ายขวา ยันต์มหาเบา การเขียนเฑาะว์รันโตตรามตำราของ หลวงพ่อคง วัดบางกระพร้อม จ.สมุทรสงคราม ให้เริ่มต้นด้วยการตั้งนะโม ๓ จบ ก่อน แล้ววางอารมณ์ทำใจให้เป็นสมาธิ แล้วภาวนาว่า “เฑาะว์รันโตศีละสมาธิ เฑาะว์รันโตตันตินะมัตถุโน เฑาะว์รันโตนะกัมมัถฐานัง เฑาะว์พุทธานมามิหัง” เฑาะว์ตัวนี้มีคติวามเชื่อว่า เป็นยันต์ที่มีพุทธคุณเด่นด้านคงกระพัน
    ขอขอบคุณข้อมูลจากสมาชิกครับ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญสวยเดิมมีรอยจารให้บูชา 150 บาท ค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
     
  11. shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,987
    ค่าพลัง:
    +6,893
    ขอจองครับ
     
  12. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343
    ขออภัยครับ มีคนปิดแล้วครับ
     
  13. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343
    ผ้ายันต์หัวเสาป่าซาง ป้องกันไฟ ฟ้าผ่าและภยันตรายต่าง ปี๒๕๐๙ สีแดง ที่ระลึกงานนมัสการพระสมุทรเจดีย์

    ผ้ายันต์หัวเสาป่าซาง ป้องกันไฟ ปืน และภยันตรายต่างๆ

    2 ผืนให้บูชารวมกัน 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
     
  14. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343
    หลวงปู่ผาด ฐิติปัญโญ
    นักบุญแห่งอีสานใต้ 1 ใน 10 พระเกจิอาจารย์ที่อายุยืนที่สุด




    "หลวงปู่ผาด ฐิติปัญโญ" หรือ "พระครูวิบูลย์ปัญญาวัฒน์" เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์
    มีความเชี่ยวชาญวิทยาคมเป็นที่เลื่องลือ ได้รับการยกย่องว่า "เทพเจ้าแห่งบ้านกรวด"
    เป็นพระเกจิอาจารย์ระดับแนวหน้าอีกรูปของอีสานใต้


    ประวัติหลวงปู่ผาด

    พระครูวิบูลย์ปัญญาวัฒน์ หรือ หลวงปู่ผาด ฐิติปัญโญ เจ้าอาวาสวัดบ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เกิดเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2452


    ท่านได้ชื่อว่าเป็นพระปฎิบัติดี ตั้งมั่นอยู่ในสมณธรรม มีวัตรปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม
    วัตถุมงคลและเครื่องรางที่ท่านอธิษฐานจิตปลุกเสกโด่งดังไปไกลทั่วประเทศ โดยเฉพาะตะกรุดมหาจักรพรรดิ


    หลวงปู่ผาดมรณภาพลงเมื่อช่วงเวลา 11.58 น.ของวันที่ 5 มกราคม 2558 ด้วยสิริอายุ 105 ปี 8 เดือน 2 วัน พรรษา 85 พรรษา นับเป็น 1 ใน 10 เกจิอาจารย์ที่อายุยืนที่สุดในประเทศไทย ท่านได้รับฉายา นักบุญแห่งอีสานใต้
    อัตโนประวัติ สืบค้นได้จากคำบอกเล่าของท่านว่า ท่านเกิดเมื่อปี พ.ศ.2457 เป็นชาวบ้าน อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ครอบครัวมีอาชีพทำนา ชีวิตในวัยเด็กค่อนข้างลำบาก ต้องช่วยเหลือครอบครัวทำงาน แต่ยังมีเวลาที่จะศึกษาเล่าเรียนที่โรงเรียนประชาบาล จนจบชั้น ป.4 แล้วออกมาช่วยครอบครัว

    ครั้นอายุ 22 ปี ได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ พัทสีมาวัดบ้านกรวด ปฏิบัติกิจแห่งสงฆ์โดยครบถ้วน ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมด้วยความตั้งใจ ขณะศึกษาธรรม ท่านได้มีโอกาสศึกษาวิชาการแพทย์แผนโบราณควบคู่ไปด้วย จนมีความรู้ความชำนาญการใช้สมุนไพรรักษาโรคภัยไข้เจ็บ

    หันมาศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณเพิ่มเติม และเรียนวิทยาคมควบคู่กันไป ท่านได้ศึกษาสรรพวิชาจากในตำราทั้งหมด จนมีความรู้ในวิทยาคมเป็นอย่างดี ด้วยความเป็นพระหนุ่มไฟแรง ท่านได้ออกจาริกไปยังที่ต่างๆ เพื่อศึกษาหาความรู้ทั้งด้านวิทยาคม วิชาแพทย์แผนโบราณ ในครั้งนั้น ได้ไปศึกษวิทยาคมที่กัมพูชา จังหวัดอุดรมีชัย ถึง 3 ปี ก่อนจะจาริกไปศึกษาหาความรู้จากครูบาอาจารย์ต่างๆ ที่นครวัด นานกว่า 8 ปี จนมีความรู้ในวิทยาคมสายเขมร

    เมื่อได้เวลาอันเหมาะสม ท่านจึงเดินทางกลับบ้านเกิด อาศัยจำพรรษาในวัดบ้านกรวดเป็นเพียงพระลูกวัดธรรมดา กระทั่งท่านเริ่มมีอายุมากขึ้น ท่านได้รับการถวายที่ดินจากชาวบ้าน เกิดความคิดริเริ่มในการพัฒนาบูรณะจากพื้นดินที่ว่างเปล่า ให้กลายเป็นศาสนสถาน คือ วัดตาอี, วัดบ้านปราสาท และวัดบ้านบึงเก่า

    ในกาลต่อมา หลวงปู่หริ่ง เจ้าอาวาสวัดบ้าน กรวดมรณภาพ ชาวอำเภอบ้านกรวดได้นิมนต์ให้รับตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสสืบต่อ แม้ตอนแรกจะปฏิเสธแต่ในที่สุดท่านก็ทนแรงศรัทธาของญาติโยม ไม่ได้จึงยอมรับและดำรงอยู่มาจนถึงปัจจุบันในที่สุด

    วัดบ้านกรวด ถือเป็นวัดเก่าแก่ประจำอำเภอบ้านกรวด สร้างขึ้นในยุคปลายสมัยรัชกาลที่ 5 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 10 เมษายน พุทธศักราช 2469 มีพระพุทธรูปศิลาศักดิ์สิทธิ์ เป็นพระประธานในพระอุโบสถ

    มีเรื่องเล่าขานกันว่า ครั้งหนึ่งมีคณะศรัทธาจากชาวบ้านกรวดนั้นเดินทางไปกราบนมัสการ "หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ" เทพเจ้าแห่งด่านขุนทด พระเกจิชื่อดังแห่งวัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา

    หลวงพ่อคูณ ถามว่า "พวกเอ็งมาจากไหนกัน" คณะศรัทธาบอกว่ามาจากบ้านกรวด หลวงพ่อคูณตอบกลับไปว่า "มึงจะมากราบ มาเอาของกูทำไม มึงไปไหว้หลวงพ่อใหญ่วัดบ้านกรวดโน่น ของท่านศักดิ์สิทธิ์ พวกมึงไม่จำเป็นต้องมาใช้ของกูเลย ของ ดีอยู่กับตัว ยังไม่รู้ค่าอีก"

    หลวงปู่ผาด สร้างคุณูปการแก่วัดบ้านกรวดและวัดสาขาทั้ง 3 แห่ง เป็นอันมาก เช่น ตั้งสำนักอบรมวิปัสสนากัมมัฏฐาน งานด้านการสงเคราะห์ญาติโยม งานสาธารณูปโภค การก่อสร้างถาวร วัตถุของวัด อาทิ สร้างพระอุโบสถ อุปถัมภ์โรงเรียน ศาลาการเปรียญ สร้างศาลาบำเพ็ญกุศล


    ยุคปลายสมัยรัชกาลที่ 5 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 10 เมษายน พุทธศักราช 2469 มีพระพุทธรูปศิลาศักดิ์สิทธิ์ เป็นพระประธานในพระอุโบสถ


    มีเรื่องเล่าขานกันว่า ครั้งหนึ่งมีคณะศรัทธาจากชาวบ้านกรวดนั้นเดินทางไปกราบนมัสการ "หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ" เทพเจ้าแห่งด่านขุนทด พระเกจิชื่อดังแห่งวัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา

    หลวงพ่อคูณ ถามว่า "พวกเอ็งมาจากไหนกัน" คณะศรัทธาบอกว่ามาจากบ้านกรวด หลวงพ่อคูณตอบกลับไปว่า "มึงจะมากราบ มาเอาของกูทำไม มึงไปไหว้หลวงพ่อใหญ่วัดบ้านกรวดโน่น ของท่านศักดิ์สิทธิ์ พวกมึงไม่จำเป็นต้องมาใช้ของกูเลย ของ ดีอยู่กับตัว ยังไม่รู้ค่าอีก"

    หลวงปู่ผาด สร้างคุณูปการแก่วัดบ้านกรวดและวัดสาขาทั้ง 3 แห่ง เป็นอันมาก เช่น ตั้งสำนักอบรมวิปัสสนากัมมัฏฐาน งานด้านการสงเคราะห์ญาติโยม งานสาธารณูปโภค การก่อสร้างถาวร วัตถุของวัด อาทิ สร้างพระอุโบสถ อุปถัมภ์โรงเรียน ศาลาการเปรียญ สร้างศาลาบำเพ็ญกุศล
    น้อยมาก

    ด้วยหลวงปู่ท่านเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นเนื้อนาบุญของพุทธศาสนา โดยแท้ ทุกลมหายใจเข้าออกท่านกำหนดจิตด้วยกรรมฐานมีสติอยู่เสมอ วัตถุมงคล ที่ผ่านการอธิฐานจิตจากท่านจึงทรงความศักดิ์สิทธิ์ มีพุทธคุณเด่น เมตตามหานิยมเยี่ยม

    หลวงปู่ผาด บอกว่า "พระยอดขุนพลปฐมโพธิญาณ มีเทวดาปกปักรักษา ให้บูชาด้วยการสวดมนต์เป็นประจำ จะบังเกิดความเป็นสิริมงคลยิ่งนัก"



    ธรรมะหลวงปู่ผาด

    หลวงปู่ผาด ได้นำวิชาความรู้ด้านวิทยาคม เป็นกุศโลบายสำคัญในการอบรมสั่งสอนให้ชาวบ้านยึดหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาได้อย่างกลมกลืน




    ถึงแม้วัตถุมงคลของหลวงปู่ผาดมีพุทธคุณเข้ม แต่ท่านไม่เคยอวดโอ่ มีแต่พร่ำสอนให้ญาติโยมเสมอว่า



    ทุกข์....มีไว้ให้เห็น....ไม่ได้มีใว้ให้เป็น....

    ............................................

    อย่าดำรงชีวิตด้วยความประมาท อย่ายึดมั่นถือมั่นเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่มีใครหนีพ้น
    ขณะยังมีชีวิตขอให้ทุกคนหมั่นประกอบแต่กรรมดี ละเว้นทำชั่ว
    เพราะอายุคนนั้นสั้นนัก ถึงไม่แก่ไม่เฒ่าก็ตายได้เช่นกัน จงอย่าประมาท

    ...............................................

    มนุษย์ แท้จริงแล้วไม่ได้โตด้วยอาหาร แต่โตได้ด้วยความลำบาก

    ...............................................

    ฟังให้มาก, คิดให้มาก, แล้วค่อยทำกับทุก ๆ เรื่อง





    ขอบคุณภาพประกอบและเนื้อหาเรียบเรียงจาก

    คอลัมน์ มงคลข่าวสด

    เฟซบุ๊คwatbankruat

    www.itti-patihan.com/

    เดลินิวส์ออนไลน์

    board.palungjit.org/
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระผงรูปเหมือน หลวงปู่ผาด วัดบ้านกรวด บุรีรัมย์ ปี๒๕๕๗ ให้บูชาคู่กัน 2องค์ 200 บาท ค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
     
  15. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343

    ประวัติท่านลงกันไว้เยอะ ลองหาอ่านดูครับ
    เหรียญ ญสสปี36 เกจิอาจารย์ ที่มาร่วมปลุกเสก อาทิเช่น หลวงพ่อดี วัดพระรูป ,หลวงพ่อทิม วัดพระขาว, หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา, หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว , หลวงพ่อเฉลิม วัดพระญาติ , หลวงพ่ออิฐ วัดจุฬามณี , หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ , เจ้าคุณธงชัยวัดไตรมิตร
    เหรียญหลวงปู่สด วัดโพธิ์แตงใต้
    ให้บูชา ปิดรายการบาทครับ
     
  16. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343
    วัตถุมงคลหลากหลายทั่วทุกภูมิภาคของประเทศครับค่าจัดส่งต่อครั้ง 30 บาทระบบflash หรือ J&Tและ 50 บาทems ไปรษณีย์ไทย 08--1--70--4--72--64 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง line ตามเบอร์โทรศัพท์
    บัญชีธนาคาร กรุงไทย 125-00-89-239
    Supachai thu
    โอนแล้วแจ้งบอก ทางข้อความ พร้อมที่อยู่จัดส่ง ป้อง กัน การเอาข้อมูลจากมิจฉาชีพครับ
     
  17. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343
    พระปิดตาผงงิ้วดำ วัดใหม่บ้านดอน นครราชสีมา ลองกาประวัตินางพญางิ้วดำ วัดใหม่บ้านดอนอ่านดูก่อนครับ
    ให้บูชา100 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
     
  18. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343

    เพชรน้ำหนึ่งอีกท่านพระครูอุดมศีลาภรณ์
    หลวงปู่เสาร์ ติสฺสปญฺโญ วัดกุดเวียน
    ตำบลบุ่งขี้เหล็ก อำเภอสูงเนิน นครราชสีมา
    #คติธรรมหลวงปู่เสาร์
    ทุกข์ไม่ทำ ทำไม่ทุกข์
    ทุกข์ไม่พูด พูดไม่ทุกข์
    ทุกข์ไม่คิด คิดไม่ทุกข์
    ทำพูดคิด ไม่ติดทุกข์
    สัมภาษณ์ชาวบ้านที่ศรัทธา
    หลวงปู่เสาร์ ติสฺสปญฺโญ


    หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา
    หลวงพ่อคูณการนั่งยอง หรือการพูดด้วยภาษาโบราณใช้คำว่า “กู-มึง” และพูดตรงๆ มีความจริงใจ ไม่โอ้อวด หรือไม่แสดงอิทธิปาฏิหาริย์ให้ผู้คนเข้าใจผิดติดในอวิชชา คนถึงศรัทธาท่านมากเพราะท่าน ไม่โอ้อวดดีท่านเดียว
    อย่างคนในอำเภอสูงเนินไปหาท่านท่านจะพูดเสมอว่า
    #พวกมึงมาหากูทำไมไปหาของดีบ้านมึงปะไร #หลวงพี่เสาร์วัดกุดเวียนเก่งกว่ากูอีก
    #ประวัติพระครูอุดมศีลาภรณ์
    หรือหลวงปู่เสาร์ ติสสปัญโญ
    อดีตเจ้าอาวาสวัดกุดเวียน ต.บุ่งขี้เหล็ก
    อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบล
    หลวงปู่เสาร์ เดิมชื่อเสาร์ เกิดเมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2455 เป็นบุตรของนายคำและนางอุมา อยู่ที่บ้านลิ้นจี่ อ.ห้วยทับทัน จ.ศรีสะเกษ บรรพชาเป็นสามเณรเมื่อปี พ.ศ.2474 ขณะมีอายุ 18 ปี และอุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์เมื่อปี พ.ศ.2476 โดยมีหลวงปู่ฉิม ธัมมรตโน เป็นพระอุปัชฌาย์ ที่วัดบ้านเมืองหลวง ต.เมืองหลวง อ.ห้วยทับทัน ในช่วงนั้นมีญาติโยมชาว อ.สูงเนิน นิมนต์มาพัฒนาวัดกุดเวียน ซึ่งเป็นวัดร้างตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ.2478 กระทั่งปัจจุบันวัดกุดเวียนมีความเจริญรุ่งเรือง และเป็นที่ศรัทธาของลูกศิษย์ลูกหา เป็นพระเถระผู้ใหญ่ที่ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ แห่งวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ให้ความเคารพ นับถือหลวงปู่เสาร์เป็นอาจารย์ นอกจากนี้ หลวงปู่เสาร์จัด สร้างวัตถุมงคล ไม่ว่าจะเป็นพระเครื่อง เหรียญ ตะกรุดโทน ตะกรุดมหารูด ตะกรุดใบลาน ตะกรุดเมตตามหานิยม สมเด็จแช่น้ำมนต์ด้วยสายรุ้ง ตลับขี้ผึ้ง พระผงสมเด็จ พระปิดตา และผ้ายันต์ โดยเฉพาะเหรียญปี พ.ศ.2511 ที่หลวงปู่สร้างขึ้น เป็นรุ่นแรก และเป็นที่ต้องการของเซียนพระ


    หลวง ปู่เสาร์ วัดกุดเวียน อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา ได้ถึงกาลมรณะภาพด้วยอาการอันสงบ เมื่อเวลา13.28 น. บ่ายวันเสาร์ที่ 29 กันยายน 2550 ที่ห้อง CCUอาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.มหาราช
    หลัง จากที่หลวงปู่เสาร์ ซึ่งมีอายุ 96 ปี (ท่านเกิด 10มกราคม 2454 แต่ในทะเบียนเกิดแจ้ง 2455) ได้ป่วยด้วยโรคชรา มีปัญหาเรื่องต่อมลูกหมาก จนต้องเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลอยู่เป็นประจำ ในช่วง 1-2 ปี กระทั่งหลังสุด หลวงปู่เพิ่งออกจากโรงพยาบาลกลับไปพักฟื้นที่วัดกุดเวียนเมื่อวันพุธที่26ก.ย2550 ก่อนจะกลับเข้ารับการรักษาตัวอีกครั้งในช่วงค่ำวันศุกร์ และได้ละสังขารไปในที่สุด
    สรีระของหลวงปู่เสาร์ อยู่ที่โรงพยาบาลมหาราช (อาทิตย์ 30 กย2550) ทางคณะศิษย์ได้นำศพของหลวงปู่เสาร์กลับไปบำเพ็ญกุศลที่วัดกุดเวียน ในเวลา13.00 น.
    สำหรับกำหนดการณ์พระราชทานเพลิงศพหลวงปู่เสาร์นั้น จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 – 15 มกราคม 2555 ที่วัดกุดเวียน ต.บุ่งขี้เหล็ก อ.สูงเนิน โดยในวันที่ 13 - 14 มกราคมประกอบพิธีสวดพระอภิธรรมศพ และในวันที่ 15 มกราคม 2555 พระราชทานเพลิงศพ

    ก่อนปี พ.ศ 2500 #คนรู้จักมากหลวงปู่เสาร์รักษาโรค
    #อหิวาตกโรคหรือโรคห่า โรคระบาดในอำเภอสูงเนิน
    ช่วงนั้นท่านเมตรตารักษาให้หาย ทำให้ชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทางไปวัดกุดเวียนเดินทางลำบากคนยังเดินทางไปหาท่าน
    #หลวงปู่เสาร์ท่านได้สูตรยาต่างๆจากพระธุดงค์ #พระภิกษุสมัยก่อนเวลาท่านออก #ธุดงค์ไปยังป่าเขาลำเนาไพร
    #ท่านจะมียาสมุนไพร
    #ป้องกันโรคพกติดย่ามไปด้วย
    หลวงปู่เสาร์ท่านใฝ่เรียนจึงศึกษาและเขียนเป็นตำรายาติดไว้รักษาโรคให้ญาติโยม สมัยก่อนยังไม่เจริญ
    (อหิวาตกโรค หรือ โรคห่า (อังกฤษ: cholera) คือ โรคระบาดชนิดหนึ่ง เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Vibrio cholerae ที่ลำไส้เล็ก ผู้ป่วยจะมีอาการท้องร่วงเป็นน้ำและอาเจียนเป็นหลัก เรียกว่า "ลงราก" จึงเรียกโรคนี้ว่า "โรคลงราก" ก็มี และถ้าเกิดแก่สัตว์เลี้ยง เช่น เป็ด ไก่ วัว ควาย เรียก "กลี" ร่างกายจะขับน้ำออกมาเป็นจำนวนมาก ในผู้ป่วยรุนแรงอาจทำให้มีผิวสีออกเทา-น้ำเงินได้ การแพร่เชื้อเกิดขึ้นจากการดื่มน้ำหรือกินอาหารที่ปนเปื้อนอุจจาระของผู้ติดเชื้อเป็นหลัก ซึ่งผู้นั้นแม้ไม่มีอาการก็สามารถแพร่เชื้อได้)
    รู้ความจริงว่า ผู้การสมชาติมีหลวงปู่เสาร์ คุ้มตัวตลอดเวลาในเวียดนาม
    อะไรที่ผู้การสมชาติถือไว้ตลอด สงครามของสำคัญนั้นคือ "น้ำมัน" บรรจุไว้ในขวดเล็กๆพกใส่ในกระเป๋าเสื้อ น้ำมันนี้มีคุณลักษณะพิเศษ สามารถพยากรณ์เหตุร้ายเหตุดีที่จะเกิดขึ้นได้เมื่อใด จะออกปฏิบัติการ จะลาดตระเวน หรือจะอะไรก็แล้วแต่ ผู้การสมชาติจะเอาน้ำมันมาอธิษฐานดู ถ้าหากน้ำมันเดือดเป็นฟองพล่านเป็นอันแน่ใจได้ว่า มีการปะทะแน่ ถ้าไม่เดือด ขึ้นฟอง คงสภาพอยู่ตามปรกติ ก็แปลว่าปฏิบัติการเที่ยวนี้ปลอดโปร่ง
    ผู้การสมชาติบอกว่าทุกครั้งที่น้ำมันเดือดขึ้นฟอง ต้องมีเรื่องปะทะกับเวียดกงทุกที
    ซึ่งเมื่อเตือนลูกน้องให้ระวังตัวจงดี ลูกน้องเชื่อถือกันทุกคน ด้วยเห็นจริงมาตลอด กลายเป็นพระร่วงวาจาสิทธิ์แห่งเวียดนามไป
    ว่ากันว่า หลวงปู่เสาร์สำเร็จน้ำมัน ซึ่งนอกจากจะบอกเหตุล่วงหน้า ทั้งร้ายหรือดี แล้วก็ยังมีคุณลักษณะคุ้มกันเภทภัย เช่นเดียวกับตะกรุดอีกด้วย การสร้างเสกน้ำมันแบบนี้มองย้อนหลังไปไกลๆ ยังคิดไม่ออกว่ามีใครทำได้ เหมือนอย่างนี้ ความสำเร็จ ในการสร้างเสกเครื่องมือเตือนภัยเห็นจะมีอยู่ที่วัดกุดเวียนเท่านั้น
    ซึ่งแม้ทุกวันนี้ยังเป็นที่คร้ามเกรง ของมวลชนชาวขลัง เป็นไสยวิชช์ที่หลากหลาย ดุจสายน้ำถ่ายทอดกันได้ แม้ชาวบ้านทั่วไปใช่แต่พระ
    ขึ้นชื่อลือชาว่า เก่งในสายวิชชาทำร้ายคน แม้ทุกวันนี้ยังพอจะเห็นได้ ตามแถบชายแดนไทย-เขมร ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ เป็นของเล่นของชาวบ้าน ที่ล้อเล่นไม่ได้เพราะว่าทำให้ถึงเป็นถึงตายได้ไม่ยาก
    เมื่อเก่งในวิชชาทำร้ายคน แล้วไหนเลย จะไม่เก่งในวิชชาช่วยคน
    นี่แหละเขมรแท้
    เมื่อถ่ายทอด ทั้งดีทั้งร้ายแล้ว ก็เป็นเรื่องที่จะเลือกกรรมดี หรือกรรมชั่ว ศีลของพระ ย่อมนำไปทางดี กิเลสตัณหาของปุถุชน ย่อมนำไปทางชั่วได้ง่าย
    อาจารย์คูณถ่ายทอดไสยวิชช์ให้หลวงปู่ ตั้งแต่หลวงปู่มีอายุได้ 20 กว่าปี หลวงปู่ได้นำมาช่วยคนจนทุกวันนี้
    ไม่ ได้ถามหลวงปู่ว่าน้ำมันเตือนภัยนี้เป็นอาจารย์คูณถ่ายทอดหรือเปล่า หลวงปู่เสาร์ ติสฺปญฺโญ กับหลวงปู่คำพันธ์ โฆสปญฺโญ เหมือนกันตรงที่มีอาจารย์เป็นฆราวาส
    เก่งทั้งคู่เลย
    ทั้ง 2 ท่าน เป็นเยี่ยงเสือ ไม่ขอเนื้อใครกิน ถ้าสร้างเองแล้วย่อมเสกเอง ไม่พึ่งใคร อยาก บอกว่า ถ้าเป็น ผู้ที่ชอบความสงบเงียบกริบ ไม่กระโตกกระตาก ให้เลี้ยวเข้าวัดกุดเวียน ต.บุ่งขี้เหล็ก อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา
    เปิดดูไฟล์ 6039339

    จะไปตามล่าหาของขลัง หรือจะไปปลีกวิเวกแบบไหน ก็ตามใจ บางทีถนนขลัง สายใหม่ อาจตัดเข้าสู่วัดกุดเวียน เมื่อไหร่ก็ได้ใครจะรู้....
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ตะกรุดใบลานบังปืน หลวงปู่เสาร์ วัดกุดเวียน เป็นใบลานเก่า จารอักขระ นำมาม้วนทำตะกรุด ให้หลวงปู่ปลุกเสกอธิฐานจิต ของดีมีประสพการณ์ ปัจจุบัน หาเครื่องรางวัตถุมงคลแบบนี้จะจัดสร้างยากเต็มที
    ให้บูชาดอกละ
    800 บาทครับ มี 2 ดอก ค่าจัดส่ง 30 บาทระบบflashหรือ j&tหรือkerry
     
  19. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343

    เสื้อยันต์ หลวงปู่เสาร์ วัดกุดเวียน จารมือหมึกอักขระเลขยันต์ ด้านหน้าหลัง ปัจจุบัน หาเกจิอาจารย์ หรือวัด ใดทำยาก ทำแล้วขลัง ยิ่งยาก ส่วนมากก็สกรีนยันต์ไม่เขียน
    ให้บูชา 3,500 บาทครับ

     
  20. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343
    เหรียญพระแก้วมรกต รุ่นบูรณะฉัตร ปี 2531 พิธีวัดพระแก้ว
    เหรียญ บล็อคกองกษาปณ์
    โดยใช้มวลสาร ยอดฉัตร ณ วัดพระแก้วมา ผสมมวลสาร
    สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงพระมหากรุณาธิคุณเสด็จมาประกอบพิธีพุทธาภิเษกด้วยพระองค์เอง
    มีพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคมในขณะนั้นร่วมปลุกเสกหลายองค์ อาทิ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง ฯลฯ ให้บูชา150 บาทค่าจัดส่งด่วน30บาทครับ(ปิดรายการ)

     

แชร์หน้านี้