สายพระป่ากรรมฐานลป.บุญจันทร์ อุดรธานี ลป.บุญหนัก หนองคาย

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343

    เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อพิมพ์หลังขุนสรรรค์ ออกวัดสนามชัย ศิษย์หลวงพ่อกวยปี๒๕๒๕
    ประวัติหลวงพ่อพิมพ์
    ท่านเกิดที่บ้านวังขรณ์ ต.โพธิ์ชนไก่ อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี เมื่อวันศุกร์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 7 ปีเถาะ ตรงกับวันที่ 15 มิถุนายน 2458 เป็นบุตรของ พ่อขวัญ-แม่พัว อินทอง ที่บ้านวังขรณ์นี้อยู่ไม่ไกลจากวัดสนามชัย แต่อยู่คนละฝั่งแม่น้ำ ชีวิตวัยเรียนจบชั้นประถม 4 ซึ่งถือว่าสมบูรณ์และสูงสุดแล้ว ในวัยหนุ่มท่านเป็นคนใจร้อน พูดน้อย ไม่เกรงกลัวผู้ใด รูปร่างล่ำป้อม ผิวสีค้อนข้างดำ แข็งแรง ทำจริงชอบยิงกระสุน (คล้ายธนู) และเรียนกระบี่กระบองจนจบ พูดจริง ทำจริง และไม่เคยข้องแวะกับสตรีเพศเลย จนกระทั่งบวช มีชื่อเล่นว่า นายพลุ เพราะเป็นคนจริง ลงถ้าโมโหแล้วจะไม่เกรงกลัวผู้ใดเลย นายพิมพ์ได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ณ พัทธสีมาวัดโพธิ์หอม ต. เชิงกลัด อ. บางระจัน จ. สิงบุรี เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2479 โดยมีท่านพระครูศรีวิริยะโสภิต (หลวงพ่อสี) วัดพระปรางค์ เป็นพระอุปัชฌาย์ มีอาจารย์พัน เป็นพระกรรมวาจาจารย์และมหากราด เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เป็นพระภิกษุสงฆ์ เวลา 15.00 น. ได้รับฉายาว่า สุวณ۪โณและได้จำพรรษาอยู่ที่วัดโพธิ์
    หอม 1 พรรษา เพื่อหัด
    ศึกษาวิชาอาคม
    หลังจากพรรษาที่ 1 ผ่านไป ท่ามเริ่มที่จะศึกษาวิชาอาคมวิปัสสนากรรมฐาน โดยไม่ทิ้งเวลาให้สูญเปล่า ท่านได้เดินทางมาเรียนวิชากับหลวงพ่อกวย วัดบ้านแค เพราะท่านเคยเป็นลูกศิษย์หาบสำรับให้หลวงพ่อกวย ตอนที่หลวงพ่อกวยไปเรียนวิชากับหลวงพ่อเดิมถึง 7 ปี (แต่พักจำพรรษาที่วัดบางตาหงาย) เมื่อพระพิมพ์แจ้งความจำนงว่าจะขอเรียนวิปัสสนาและวิชาอาคม หลวงพ่อกวยได้ตอบปฏิเสธ โดยบอกว่าให้ไปเรียนกับอาจารย์ของท่านโดยตรงเลยคือ หลวงพ่อสีวัดพระปรางค์ หลวงพ่อสีองค์นี้แก่กล้าอาคมยิ่งนัก สร้างเหรียญไว้ 1 รุ่น ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ เต็มองค์ สวยงามยิ่งนักสนนราคาแพง มีลูกศิษย์หลายองค์ล้วนแต่แก่กล้าอาคม เช่น หลวงพ่อบัว วัดแสวงหา อาจารย์ดำรง วัดเขาขึ้น หลวงพ่อฟุ้ง หลวงพ่อเฟื่อง วัดแหลมคาง หลวงพ่อหร่ำ วัดวังจิก หลวงพ่อทอง วัดพระปรางค์ ที่โด่งดังทะลุฟ้า คือ หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง และที่เก่งและรักลูกศิษย์เหมือนหลวงพ่อรักลูก ก็หลวงพ่อกวย วัดบ้านแค (ติดอันดับ 1 ใน 9 ยอดเกจิอาจารย์รัตนโกสินทร์ยุค 4) ขอเงินหมื่นให้เงินหมื่น ขอเงินแสนให้เงินแสน ขอเงินล้านให้เงินล้าน ฯลฯ อันตัวท่านหลวงพ่อสีนี้ สร้างโบสถ์โดยไม่ได้เรื่อไรใคร ท่านสามารถเรียกทรัพย์แผ่นดินได้ เป็นเหรียญเงินเก่าสมัย ร.5, ร.6 โดยไปตักเอาในบ่อเล็กๆ ในวันฌาปนกิจศพท่าน ดาวได้ขึ้นเวลากลางวันซึ่งอัศจรรย์มาก
    หลังจากที่หลวงพ่อพิมพ์ได้ศึกษาอาคมจากหลวงพ่อสีระยะหนึ่ง ท่านก็เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ได้พักอยู่วัดปากน้ำภาษีเจริญแต่ท่านไม่ได้เรียนวิชาธรรมกาย คงยึดมั่นในการปฏิบัติตามแนวของหลวงพ่อสีอยู่เหมือนเดิม ท่านมาอยู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ 8 ปี ท่านได้เรียนทางปฏิบัติ คือ นักธรรมตรี, โท และเอก แล้วท่านก็กลับมาวัดสนามชัย การกลับมาครั้งนี้ของท่านปรากฏว่าหลวงพ่อพ่อสี วัดพระปรางค์ องค์อาจารย์ได้มรณภาพแล้ว การกลับมาครั้งนี้ท่านได้ปฏิบัติทางจิตอย่างจริงจัง หลังจากฉันเช้าแล้ว ท่านก็เข้าไปนั่งสมาธิในป่าช้า จนมืดค่ำดึกดื่น จะว่าท่านเรียนวิปัสสนากรรมฐานได้ช้า ไม่เหมือนศิษย์พี่ คือ หลวงพ่อกวย ก็ไม่เชิง เพราะหลวงพ่อกวยมีหลักฐานว่าเรียนวิปัสสนากรรมฐานเพียงปีเดียวสำเร็จ โดยพักที่วัดหนองตาแก้ว ได้ขุดสระศักดิ์สิทธิ์เอาไว้และปลูกต้นสมอเอาไว้ ใครอาบน้ำในสระโดยไม่ตัดไปอาบจะเป็นขี้กลาก ใครปัสสาวะที่ต้นสมอจะชักดิ้นชักงอ แต่หลวงปู่พิมพ์ท่านกลับฝึกทางจิต โดยนั่งสมาธิถ้ามีเวลาว่าง ท่านปฏิบัติทางจิตจนกระทั่งบั้นปลายของชีวิต ในบั้นปลายของชีวิตของท่าน ท่านก็คงแข็งแรง ไม่กินหยุบกินยา ล่ำป้อมดำเหมือนเดิม ถามผมว่า หลวงพ่อกวยสอนมึงอย่างนั้นหรือ ผมบอกว่าเปล่า แต่คาถาของหลวงพ่อกวยกล่าวไว้ว่า พุทโธ คือลมหายใจเข้า -ออกของพระพุทธเจ้า แล้วท่านก็ถามผมต่อ แล้วใครสอนมึง ผมตอบว่า อาจารย์ชา วัดหนองป่า
    เป็นอุปัชฌาย์
    หลวงปู่พิมพ์ ท่านไม่สนใจลาภยศ ชอบสงบ ชอบปฏิบัติทางจิต แต่พอพรรษาที่ 9 ท่านก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระปลัด พอพรรษาที่ 10 ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นอุปัชฌาย์ ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอ ชื่อ พระครูสรรคภารวิชิตโดยได้รับคำสั่งจากเจ้าคณะภาคกรุงเทพฯ ท่านถึงกลับนิ่งอึ้งไป เพราะท่านไม่ได้ยินดีในลาภยศตำแหน่งใดๆ การได้มาซึ่งตำแหน่งยิ่งทำให้ท่านทำตัวสมถะ และเพื่อเห็นแก่ศาสนาท่านจึงรับไว้ ท่านปกครองพระภิกษุสงฆ์ในอำเภอสรรคบุรีอย่างจริงจัง ถ้าท่านได้ยินข่าวว่าพระภิกษุยุ่งเกี่ยวกับสีกา ท่านจะเรียกมาพบ โดยมากพระภิกษุที่มีเรื่องแบบนี้ท่านมักจะมีสตางค์ ท่านจะเอาปัจจัยข้าวของมาถวายท่านมากมาย แต่ท่านหลับพูดว่า ท่านเอาของของท่านกลับไปซะ แล้วไปหาที่อยู่ไกลๆ ให้พ้นจากเขตปกครองของจ้า ไม่อย่างนั้นจะหาว่าข้าไม่ดีไม่ได้นะ รีบๆ ไปซะไปให้ไวๆ ไปให้ไกลๆ ด้วย เนื่องจากตบะแล้วความแกกล้าอาคม ความสันโดษ ความไม่เกรงกลัวใครนี่เอง ลูกศิษย์ที่ท่านได้บวชให้ไปได้อนุญาตท่านเปลี่ยนนามสกุล จากนามสกุลเดิม “สรรคภารวิชิต” ได้ขอเปลี่ยนหลายคน
    ของคู่บุญ
    หลวงพ่อพิมพ์ ท่านชอบปฏิบัติทางจิต แต่ไม่ชอบเรียนวิชา แม้ศิษย์พี่คือหลวงพ่อกวย จะอยู่ไม่ไกล (ตอนที่ท่านเป็นอุปัชฌาย์ ท่านต้องไปจำพรรษาอยู่วัดวิหารทอง ซึ่งอยู่ติดที่ว่าการอำเภอ) แต่มีสิ่งหนึ่งที่ท่านชอบคือคันกระสุน(คล้ายธนู) ใช้ลูกดินยิง คือ ท่านเคยเรียนกระบี่กระบองมาก่อน ท่านได้สั่งศิษย์หาไม่ไผ่ป่าที่ล้มอยู่มีโขลงช้างข้ามและมีผีตายทับ ถ้าได้ช่วยทำให้ท่านสัก 1 อัน อยู่ต่อมาลูกศิษย์ของท่านได้ไปดูเขายิงเสือ (คน) นอนตายทับลำไม้ไผ่เมื่อดูไปดูมา ได้เห็นรอยเท้าของโขลงช้างเดินข้ามไปมานานแล้ว ลูกศิษย์ของท่านเลยตัดเองมา แม้ว่าจะทำได้ 2 อันแต่ลูกศิษย์ของท่านกลับทำเพียงอันเดียว เพื่อให้เป็นของหนึ่งเดียว คันกระสุนนี่ยาวกว่าของหลวงพ่อกวยเกือบ 1 ฟุต แต่ของหลวงพ่อกวยไม้แก่กว่า ไม้แก่มากเกือบเป็นสีแดง แต่ท่านจะยิงกระสุนวิถีคดได้แบบหลวงพ่อกวยหรือเปล่าไม่รู้เพราะครั้งหนึ่งศิษย์รุ่นเก่าไปกราบท่าน เห็นท่านถือคันกระสุนอยู่ จึงแกล้งแหย่ท่านว่า หลวงปู่หันหน้าไปทางโน้น แล้วยิงให้โดนหัวผมที ท่านนิ่งเฉย ท่านพูดว่า กูไม่ใช่หลวงพ่อกวยนี่หว่า ภายหลังคันกระสุนนี้ได้ตกมาอยู่กับศิษย์ใกล้ชิดท่านนึง ปัจจุบันได้มอบให้พิพิธภัณหลวงพ่อกวยไปแล้ว
    ผู้สืบทอดอาจารย์ธรรมโชติ
    ที่อำเภอสรรค์บุรีนี้ ถ้าพระองค์ใดเป็นเจ้าคณะอำเภอจะต้องจำพรรษา หรือเป็นเจ้าอาวาสวัดวิหารทอง ซึ่งอยู่ติดหรือใกล้ที่ว่าการอำเภอ ท่านพระครูพิมพ์ก็เช่นกัน เดิมก็เป็นเจ้าอาวาสวัดวิหารทอง อยู่ๆ ท่านไม่ชอบใจกรรมการวัด ท่านก็มาจำพรรษาที่วัดสนามชัย บ้านเกิดของท่าน เหตุการณ์แบบนี้ได้เกิดขึ้นมา 3 ครั้ง ตั้งแต่พระครูปัตร, พระครูปุ่น ซึ่งสืบเชื้อสายเป็นญาติพี่น้องกันมาทั้ง 3 องค์ ได้มีการจดบันทึกเอาไว้ว่า สืบเชื้อสายมาจากขุนสรรค์ แต่ตัวพระครูพิมพ์นั้นกลับมีปฏิปทา เหมือนหนึ่งเป็นหน่อของท่านอาจารย์ธรรมโชติ คือใครเดือดร้อนของเหรียญรูปท่าน ท่านก็ให้ไป แต้ถ้าเป็นทหาร เป็น ตชด. ท่านต้องแจกตะกรุด เหรียญหันหลังชนกันกับขันสรรค์ ผ้ายันต์ ผ้ายันต์นี้แม้ไม่มีก็จะเขียนให้ จะค้างคือที่วัดก็จะเขียนให้ แม้ผืนขนาดใหญ่ ผู้พันให้ลูกน้องมาขอ เขียนด้วยปลุกด้วย 3 วัน 3 คืน เอาไว้ป้องกันบังเกอร์ก็เขียนให้ เงินไม่สำคัญ ทหารกินข้าววัด
    เป็นผู้มีเชื้อสายของคนจริง และเทพสังหาร
    พระครูพิมพ์ มีชื่อเล่นว่า นายพลุ มีศักดิ์เป็นน้องปู่ฉุ่น อดีตครูใหญ่คนแรกวัดสนามชัย ภายหลังได้ลาออกและโดนกักบริเวณที่บางขวางเป็นสิบปี และเป็นน้องของสางฉาว สางฉาวนี้ คำว่า สาง หมายถึงคนที่ตายไปแล้วจะเรียกว่าเสือฉาวก็ได้ เป็นที่ไม่กลัวคน ไม่ว่ามีดหรือปืน จะเดี๋ยวหรอหมู่ก็ได้ เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อกวย วัดบ้านแค หนังเหนียว ปืนยิงไม่ออก แถมล่ำป้อมแบบพระครูพิมพ์ เป็นเสือบุกเดี่ยว แต่ไม่ปล้นชิงบริเวณบ้าน เคยติดคุกที่บางขวาง ที่เกาะตะรุเตา ก็หนีมาได้ ตอนนั้นสงครามโลกครั้งที่ 2 ยังได้รับจ้างทหารญี่ปุ่นซ่อมสะพานพุทธยอดฟ้าฯ ครั้งสุดท้ายติดคุกที่ชัยนาท พัศดีสั่งตีตัวแดง (สั่งตาย) โดยทั้งไม้ทั้งปืน ยังแหกคุกที่มีลวดไฟฟ้าออกมาได้ ท่านมีหลาน – เหลน อยู่คนสองคน คนแรกเป็นกำนัน ชื่อกำนันใส กำนันใสนี้ถ้าลูกบ้านทะเลาะกันอย่างรุนแรงท่านก็จะเตียน ถ้าเตียนไม่ฟัง แกจะฆ่าคนผิด โดยไม่คิดสตางค์ และไม่แย้มให้ใครรู้เลย
    จอมคน
    ในสมัยเสือหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สุพรรณบุรี ได้ชื่อว่าเป็นถิ่นเสือปล้น เสือที่โด่งดังที่สุดที่ขนาดตั้งเป็นชุมเสือได้คือ เสือฝ้าย โดยมากก็จะมีของดี ทราบว่าเสือที่มีของดีและมีคุณธรรมคือ เสือมเหศวร ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่ อยู่บ้านไพรนกยูง อ.หันคา จ.ชัยนาท ครั้งหนึ่งเสือฝ้ายได้มาตั้งชุมเสือที่บ้านล่องใหญ่ บ้านเดิมบางนางบวง สุพรรณบุรี ได้รู้ข่าวว่า บ้านนายยอด เดชมา (พ่อหมอเฉลียว เดชมา) มีปืน ร.ศ.ปืนพระราม อยู่ 5 กระบอก จึงได้ให้ลูกน้องมาเอาปืนที่บ้านโยมยอดโยมยอดได้มาบอกหลวงพ่อกวยให้ช่วย แต่หลวงพ่อกวยได้ไปเรียนวิชาเพิ่มเติมกับหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ โยมยอดเลยวิ่งแจ้นไปบอกพระครูพิมพ์ พระครูพิมพ์ท่านก็รับกิจนิมนต์ทันที ท่ารนเดินลัดตัดทุ่งไปทันทีที่หมู่บ้านสามเอก (ดงเสือ) ขณะที่ชุมเสือฝ้ายได้ตั้งชุมอยู่ ไม่รู้ว่าท่านพูดอย่างไร แล้วท่านก็สะพายปืนยาวรุ่นเก่า 5 กระบอก มาหน้าตาเฉย เรื่องนี้ท่านไม่ยอมเล่าให้ใครฟังถึงที่ไปที่มา ยังมีลูกหลานที่ทำนิสัยแบบนี้อีก คนคนนี้เป็นคนบ้าบิ่น (โหล่) ชื่อเชน (ปิ๊ด) ฉายาแหวนแขนเรดาร์ บ้านเดิมอยู่หัวเด่น ขณะบวชอยู่กับหลวงพ่อกวย วัดบ้านแค ปรากฏว่ามีพวกเสือได้วิ่งไล่จะปล้ำคุณยายม่าย (เป็นคนจีนเตี่ยเอามาขาย 2 คนพี่น้อง) ยายม่ายได้วิ่งมาหวังพึ่งหลวงพ่อกวย พอดีเจอพระเชนพอดี พระเชนโดดเหน็บมีดหมอหลวงพ่อกวย ห่มผ้าไปส่งยายม่าย พระเชนได้พูดว่า “ถ้ามันกล้าปล้ำผู้หญิงต่อหน้ากู กูก็ขาดจากพระวันนี้แหละวะ”
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อพิมพ์หลังขุนสรรค์ออกวัดสนามไชย ปี๒๕๒๕
    ให้บูชา 170 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

     
  2. ลืมจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    325
    ค่าพลัง:
    +822
    รับ
     
  3. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343


    พระสมเด็จทรงเครื่อง หลังช้าง วัดช้าง นครนายก
    พิธีไหว้ครู วัดสุทัศน์เทพวรารามปี ๒๕๔๔ หลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน เป็นประธานเสก
    พระผง รุ่นไหว้ครู ปี 2544 ขณะนั้นหลวงปู่หมุน อายุ 106 ปี พิธีไหว้ครู ที่วัดสุทัศน์เทพวราราม พ.ศ.2544 หลวงปู่อธิฐานปลุกเสกก่อนงาน 9 วัน 9 คืน และในพิธีไหว้ครูได้ประกอบพิธีพุทธาภิเษกโดย
    หลวงปู่หมุน เป็นประธานพิธี พร้อมด้วย
    หลวงปู่ลมัย อายุ 102 ปี
    หลวงปู่ทอง วัดจักรวรรดิ์ กทม.อายุ96ปี
    ร่วมกันปลุกเสกอีกด้วยครับ
    พิธีไหว้ครูบูรพาจารย์ 2544
    หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล อายุ 107 ปี พิธีอธิษฐานจิตปลุกเสก วันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม 2544 โดย
    1. หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล พระปรมาจารย์อมตะมหาเถระ 5 แผ่นดิน
    2. หลวงปู่ลมัย ฐิตมโน อายุ 102 ปี สำนักสงฆ์สวนสมุนไพร เพชรบูรณ์ พระผู้เชี่ยวชาญในกสิณสมาบัติ และวิชาปรอท เล่นแร่แปรธาตุ
    3. หลวงปู่ทอง อายุ 96 ปี วัดจักรวรรดิ กทม. สหธรรมิกร่วมสมัยกับหลวงปู่หมุน ผู้เคยทดลองวิชาอาคมในยุคอินโดจีน
    พระเครื่องรุ่นนี้ ท่านเจ้าคุณวัดสุทัศน์ เตรียมไว้แจกแก่ผู้ที่มาร่วมงานที่ วัดโดยไม่มีจำหน่าย
    พระชุดนี้เมื่อทำเสร็จก็ได้นำเข้าพิธีที่วัดสุทัศน์ฯ เป็นที่แรก และข้าพเจ้าจำได้ว่าท่าน อาจารย์ต๊ะได้นำมาแจกตอนพรมน้ำมนต์หลังเสร็จพิธี จำนวน ๑กล่องใหญ่ ๔-๕ ร้อยองค์ และที่เหลือได้มอบไว้ที่วัดสุทัศน์ ส่วนที่เหลือได้นำกลับมาเสกต่อที่วัด และทยอยแจกให้ศิษย์เรื่อยมา จำนวนการสร้าง ถ้าจำไม่ผิดอยู่ที่ ๕,๐๐๐ องค์ เห็นจะได้ จะมีด้วยกัน ๓ แบบๆที่ปั๊ม "วัดช้าง" ๕๐๐๐ องค์ แบบที่ปั๊มเป็นรูป "ช้างทรงเครื่อง" ๕๐๐๐ องค์ และแบบ )มรูปช้างทรงเครื่อง ๒ เชือกมี ๑๐๐ องค์
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระสมเด็จทรงเครื่อง หลังช้าง วัดช้าง นครนายก
    พิธีไหว้ครู วัดสุทัศน์เทพวรารามปี ๒๕๔๔
    ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งอยู่ 30 บาทครับ

     
  4. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343


    พระสมเด็จปรกโพธิ์หลวงปู่ทองวัดสามปลื้ม
    หลวงปู่ทอง โสณุตฺตโร แห่งวัดสามปลื้ม ท่านเป็นพระคณาจารย์สายปฏิบัติที่จำพรรษาอยู่กลางใจเมืองกรุงเทพมหานคร ด้วยวัยวุฒิถึง100 ปี และพรรษาที่เป็นพระภิกษุสงฆ์ยาวนานถึง 70กว่าพรรษา ในอดีตท่านพำนักอยู่ภายในกุฏิคณะ 5 บริเวณกุฏิของท่านจะมีสาธุชนเดินทางขึ้นลงคับคั่งทั้งวัน และเหตุที่ใครๆมักจะไปหาท่านจนล้นกุฏิแทบทุกวันนั้นก็สืบเนื่องด้วยเหตุหลายประการ โดยเฉพาะน้ำพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ สุดยอดวิชาเสกน้ำมนต์ดอกบัวบานหลวงปู่ทองท่าน
    น้ำพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์
    สุดยอดวิชาเสกน้ำมนต์ดอกบัวบานตำรับโบราณ
    หลวงปู่ทอง ท่านเมตตาทำน้ำพุทธมนต์ดอกบัวบาน พิธีสะเดาะเคราะห์ให้แก่ศิยานุศิษย์ ที่มาขอความเมตตาพึ่งบารมีของท่าน ให้ช่วยปัดเป่าทุกข์ สารพัดเหตุเภทภัย หลวงปู่ท่านพิจารณา แล้วจึงเมตตาทำให้
    วิชาทำน้ำพุทธมนต์ดอกบัวบาน ซึ่งเป็นเอกวิชาหนึ่งของหลวงปู่ทอง หนึ่งในสรรพวิชาที่ท่านมี ที่ท่านร่ำเรียนมาจากครูบาอาจารย์ท่านคือท่านพระมหาปั้น วัดสามปลื้ม เพื่อ นำมาใช้สงเคราะห์สาธุชน ช่วยสร้างเสริมกำลังใจให้ดีขึ้นได้ เป็นวิชาพลิกฟื้น กลับร้ายกลายดี เสริมชะตาราศรี ขจัดมลทิลอัปมงคลต่างๆชงัด
    น้ำพุทธมนต์ดอกบัวบัวบาน ที่หลวงปู่แผ่เมตตาเสกทำให้ จะใช้ในพิธีสืบต่ออายุ โดยให้ผู้ที่มาขอให้ท่านช่วยนั้น ให้เตรียมเทียนมากกว่าอายุ ในแต่ละครั้ง ในขณะที่องค์หลวงปู่สวดเสก ก็จะมีผู้มาขอร่วมให้ท่านเมตตาทำพิธีเป็นจำนวนมาก
    ในแต่ละปีจะมีแท่งเทียนต่ออายุขนาดใหญ่สูงกว่าเทียนพรรษา มากกว่าสองต้น และในวันอาสาฬหบูชา ของทุกปี หลวงปู่จะให้นำเทียนต่ออายุนี้ ไปหล่อเป็นเทียนจำพรรษา เพื่อใช้จุดตลอดพรรษา ให้เกิดเเสงสว่าง
    วิชาอิติปิโสบัวบาน เป็นวิชาโบราณเก่าแก่ มีการเล่าสืบทอด กล่าวถึงสายวิชานี้ไว้ว่า พระบูรพาจารย์ที่สำเร็จในวิชานี้ ท่านจะทำน้ำพุทธมนต์ ภาวนาด้วยพระคาถาอิติปิโส ฯ จนดอกบัวที่ตูมอยู่สามารถแย้มบานเองได้ หากมิเหนือแห่งวิสัยกรรมที่จะช่วยได้ แม้ดวงยังไม่ถึงฆาต หากใช้วิชานี้ช่วยสงเคราะห์เมื่อดอกบัวบานเมื่อใด จากหนักก็กลายเป็นเบา เหมือนดังดอกบัวที่เบ่งบาน มีชีวิตชีวา
    พระมหาทองนั่นน่ะเก่ง
    เรื่องนี้ มีผู้บันทึกลงเผยแผ่ไว้ในนิตยาสารนะโมนานมาแล้ว ผู้โพส ได้สืบถึงเรื่องราวนี้ ตามเนื้อเรื่องที่จะเล่านี้ จากหลายๆท่าน ที่อยู่ในพิธี ไหว้ครูวัดสุทัศน์ คณะ๗ เมื่อปี๒๕๔๔ ซึ่งเป็นงานไหว้ครูของหลวงปู่หมุน สืบจนแน่ชัด ก่อนจะเผยเเผ่ ให้ได้ซึ่งข้อมูลแท้จริง มิใช่การเเต่งเติม โยงใย หรือ เอาชื่อเสียงครูบาอาจารย์ มาส่งเสริมกัน เพื่อเรียกศรัทธาแต่อย่างใด หลวงปู่ทองท่านเองเป็นดั่งทองแท้ที่งดงามอยู่แล้ว ผู้โพสเห็นว่าเป็นเรื่องราวดีๆที่สมควรแก่การบันทึกไว้ เพื่อการเผยแผ่กิตติคุณครูบาอาจารย์ ความสัมพันธ์ของท่านทั้งสอง ที่เป็นสหธรรมมิกกันทางธรรมในอดีต จะต่างกันก็เพียงอายุและพรรษา
    หลวงปู่มหาทอง วัดสามปลื้ม เดิมทีนั้น ท่านมีชื่อเสียงอยู่ในแวดวงพระคณาจารย์มาช้านาน นับแต่ปีพ.ศ. ๒๕๓๐เป็นต้นมา นามหลวงปู่ทอง วัดสามปลื้ม มีปรากฏอยู่ในงานพิธีสำคัญต่างๆ มานานแล้ว เป็นที่รู้จักในแวดวงพระคณาจารย์ ยุคสมัยนั้น ก่อนที่หลวงปู่หมุนจะมีชื่อเสียง จะเป็นที่รู้จักโดยกว้างขวางในภายหลัง
    ในพิธีไหว้ครูวัดสุทัศน์ หลวงปู่มหาทองท่านได้รับการอราธนา ให้เป็นหนึ่งในครูบาอาจารย์แผ่เมตตาบารมีสู่มณฑณพิธี งานไหว้ครู และพุทธาภิเษก วัตถุมงคล ในครั้งนี้อีกท่านหนึ่ง เมื่อพิธีดำเนินการเสร็จสิ้น หลวงปู่หมุนได้เอ่ยชมพระเก่งรูปหนึ่ง ที่นิมนต์ท่านมาร่วมงาน ให้ศิษย์ฟัง ผู้รับฟังมา จึงนำเรื่องราวนั้นเรียบเรียงลงนิตยาสารนะโม
    พระที่หลวงปู่หมุนชมว่าเก่งนั้น คือหลวงปู่ทอง เเนะนำให้ศิษย์เข้ามากราบหลวงปู่ทอง ทั้งกล่าวชมว่า พระมหาทองนั่นน่ะเก่ง หลวงปู่หมุนได้เล่าถึงหลวงปู่ทองให้ศิษย์ฟังว่า
    หลวงปู่หมุนได้เดินทางมาศึกษาพระปริยัติธรรมบาลี ก็ได้พบกับพระมหาทอง มีความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี พระมหาทองมีบารมีสัมพันธ์กับพระฤาษีมาก หลวงปู่หมุนร่ำเรียนพระปริยัติธรรมบาลีกับสมเด็จพระสังฆราชแพ อยู่ในพระนครจนมีอายุได้๓๕ปี หลวงปู่จึงจาริกลาพระนครไปสู่วิถีทางอันสงบของท่านต่อไป หลังจากนั้นก็มิได้พบกับพระมหาทองอีกเลย จวบจนกระทั่งงานไหว้ครูนี้ คณะ๗ วัดสุทัศน์ครั้งนี้ จึงได้พบกันอีก
    (ปี๒๕๔๔ขณะนั้นหลวงปู่ทองอายุ๙๖ปี )
    ทั้งหลวงปู่มหาทอง และ หลวงปู่หมุน เป็นศิษย์สมเด็จพระสังฆราชแพพระสมเด็จ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระสมเด็จปรกโพธิ์ ลป ทองวัดสามปลื้ม ไหว้ครูปี๓๕ ๒ องค์
    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

     
  5. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343

    เหรียญ พระศีลขันธ์โสภณ(สนิท ทองสีนวล) วัดศีลขันธาราม จ.อ่างทอง ปี 2517 รุ่นแรก
    เหรียญอยู่เย็น เป็นสุข พระศีลขันธโสภณ(สนิท) วัดศีลขันธ์ อ่างทอง ที่ระลึก 5 รอบ 27 มิ.ย. 2517
    ท่านเจ้าคุณสนิทเป็นศิษย์รุ่นน้องของท่านเจ้านรฯ โดยมีสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(เจริญ)เป็นพระอุปัชฌาย์ บวชและศึกษาอยู่ที่วัดเทพศิรินทร์มาตลอดจนไปประจำอยู่ที่วัดศีลขันธ์ อ่างทอง
    พระเทพสังวรญาณ (ท่านเจ้าคุณสนิท) วัดศีลขันธาราม เป็นศิษย์ในท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์เจริญ แห่งวัดเทพศิรินทราวาส ที่ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์อาจารย์ของท่านเจ้าคุณนรฯ
    พระเทพสังวรญาณ ฉายา ถิรสินิทโธ อายุ ๗๘ พรรษา ๕๕ นักธรรมชั้นเอก เจ้าอาวาสวัดศีลขันธาราม และเจ้าคณะจังหวัดอ่างทอง(ธรรมยุต) ตำบลอ่างแก้ว อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง เดิมชื่อสนิท นามสกุล ทองสีนวล เกิดวันที่ ๒๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๕๗ บิดาชื่อนายเย็น ทองสีนวล มารดาชื่อนางเจียม ทองสีนวล ตำบลหนองตีนนก อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา บรรพชา เมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๔๗๙ ณ วัดอุทกเขปสีมาราม ตำบลวัดโบสถ์ อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี พระอุปัชฌาย์คือ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรเถร) เจ้าอาวาสวัด เทพศิรินทราวาส อำเภอป้อมปราบฯ กรุงเทพมหานคร(สมเด็จเมืองชล) ท่านเจ้าคุณสนิท ท่านมีพระอุปัชฌาย์องค์เดียวกันกับท่านเจ้าคุณนรฯ ถือได้ว่าเจ้าคุณสนิทท่านเป็นศิษย์ผู้น้องร่วมสํานักกับท่านเจ้าคุณนรฯ ท่านทั้งสองถือเป็นศิษย์เอกท่านเจ้าคุณเจริญที่ได้รับการถ่ายทอดวิทยาคมมาโดยตรง พระผงที่ทันท่านปลุกอธิษฐานจิตจึงไม่ธรรมดา ของดีวิเศษราคาเบา
    พระเทพสังวรญาณ ได้ถึงมรณภาพ ที่โรงพยาบาลศิริราช ห้องไอ.ซี.ยู. เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๓๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ เวลา ๐๐.๔๕ น. ด้วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง รวมอายุได้ ๗๘ ปี ๓ เดือนพรรษา ๕๕


    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ราคา 270 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

     
  6. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343
    วันนี้จัดส่ง

    ขอบคุณครับ
     
  7. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343

    เหรียญหลวงปู่สงฆ์วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย ปี ๒๕๒๐
    ตั้งแต่เช้าจรดค่ำคืน ที่วัดเจ้าฟ้าศาลาลอยจะเนืองแน่นไปด้วยผู้คน บ้างต้องจอดรถยนต์เดินกันเป็นระยะทาง ๒-๓ กิโลเมตร ในระหว่างงานมีเหตุอัศจรรย์เกิดขึ้น คือ หาใช่เพียงแต่ผู้คนไม่ที่มานมัสการสรีระของหลวงปู่ แม้แต่เต่าที่ท่านได้เคยเลี้ยงและได้ปล่อยไปแล้ว ยังกลับมาที่วัดเสมือนว่ามันจะทราบว่าหลวงปู่ได้ละสังขารแล้วในวันที่เต่าปรากฏนั้นเกิดพายุหมุน เล่นเอาสังกะสีหลังคาโรงที่สร้างเอาไว้สำหรับรองรับคนที่มาฟังเทศน์ ฟังการสวดพระอภิธรรม กระจัดกระจาย สังกะสีปลิวว่อนแต่ไม่มีใครได้รับอันตรายแต่อย่างใด เต่าตัวนี้มีขนาดประมาณ ๑๕-๒๐ นิ้วเห็นจะได้ เมื่อมาถึงที่ศาลามีคนอุ้มเอาขึ้นไปวางไว้ตรงหน้าหีบศพของหลวงปู่ เมื่อวางเสร็จเต่าตัวนี้ก็ทำหัวผงกๆ จากนั้นก็นิ่ง มีคนเห็นเต่าน้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสอง ข่าวนี้กระจายไปทั่วเมืองชุมพร คนก็เลยมาดูเต่ากันมากขึ้น สิ่งที่น่าประหลาด คือ เมื่อนำเต่าออกมาถ่ายรูปหรือจะนำออกมาวางในลักษณะใดก็ตาม พอวางเสร็จซักครู่เต่าก็จะหันหัวกลับไปที่หีบศพทุกครั้ง แล้วกลับไปนอนนิ่งใต้หีบศพของหลวงปู่
    ความแปลกยังมีอีก จนกระทั่งถึงวันที่ ๑๔ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๒๖ จากจำนวนเต่า ๑ ตัวแรก กลายเป็น ๙ ตัว เพราะมีเต่าเพิ่มมาอีก บางตัวมาปรากฏอยู่หน้าลานวัด บางตัวชาวบ้านจับเอามาส่งที่วัด เพราะเขาเล่าว่าตอนขณะที่พวกเขาจะเดินทางมานมัสการหลวงปู่ เต่าได้ออกมาขวางหน้ารถ คล้ายกับว่าจะให้พามันมานมัสการหลวงปู่ด้วยนั่นเอง ที่เป็นอย่างนี้เพราะเหตุว่าเมื่อตอนหลวงปู่ยังอยู่นั้นหากชาวบ้านพบเต่าคลานอยู่หรือว่าจับได้ ก็จะนำมาถวายหลวงปู่ที่วัด ท่านก็จะเอาสีเขียนทาลงไป เขียนชื่อท่านบ้าง เขียนชื่อวัดบ้าง บางตัวก็จะมีอักขระขอม เป็นที่รู้กันว่านี่คือเต่าของหลวงปู่ เป็นเต่าพันธุ์เต่าหก มีลักษณะ ๖ ขา เป็นเต่าพันธุ์เฉพาะถิ่นในแถบเมืองชุมพรนี้ บางตัวหากจะยกต้องใช้ผู้ชายกำลังดีๆ ถึง ๔คนจึงจะยก

    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลอย่างสูงครับ


    เหรียญหลวงปู่สงฆ์หลังปู่เจ้าฟ้าปี ๒๕๒๐
    บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

     
  8. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343

    ศิษย์หลวงพ่อกวยอีก ๑ รูป
    พระสมเด็จและพระผงรูปเหมือนหลวงพ่อแป๋ววัดดาวเรือง ๓ องค์
    ประวัติ หลวงปู่ พระครูแป๋ว (พระครูปัญญาวิมล) ที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบล เป็น พระอุปัชฌาย์ อายุ ๘๕ปี บวชตั้งแต่ อายุ ๒๐ ปี พ.ศ. ๒๔๙๖ กับพระราชสิงหมุนี พระครูรัตนาธาร(หลวงพ่อเยื้อน)
    พรรษาแรก "หลวงพ่อแป๋ว" อยู่กับหลวงพ่อเชน วัดสิงห์ ร่ำเรียนวิชา ทำตะกรุด ต่อมา ไปเรียนกับหลวงพ่อกวย สักหนุมาน แผลงฤทธิ์ สักธนูมือ สักมงกุฎพระเจ้า (หลังเหรียญรุ่นแรก) ป้อนน้ำมันงาให้ท่านรูปเดียว ตั้งแต่ปี 2498 หลวงพ่อกวยเอ่ยปากยอมรับว่า "อื้อใช้ได้ใช้ได้ทำเหมือนหลวงพ่อแล้วนี่" ปกติหลวงพ่อกวยไม่ยอมรับใครง่ายๆ
    ต่อมาไปหา "หลวงพ่อทอง วัดพระปรางค์" ศิษย์ "หลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์" เรียกหลวงพ่อทองว่า "พ่อ" ปี 2513
    ปี 2517 หลวงพ่อกวยมาเสกพระให้ถึงโบสถ์วัดดาวเรือง หลวงพ่อกวยบอกว่า "ให้พระครูทำบ่อยๆ ทำทุกวันทั้งยืนเดินนั่งนอนกรรมฐานอย่าทิ้ง เมื่ออายุ 70 ปีขึ้นไป ทำได้ขลังเหมือนข้าฯ ” ถึงวันนั้น พระครูแป๋วไม่เป็นสองรองใคร
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระสมเด็จและพระผงรูปเหมือนหลวงพ่อแป๋ววัดดาวเรือง ๓ องค์ ๓ รุ่น
    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343

    พระชัยวัฒน์(พิมพ์อุบาเก๋ง)รุ่นสู่มาตุภูมิสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชทรงเททอง ๑๔ ธ.ค.๒๕๓๒ วัดบวรนิเวศวิหาร
    สวยเดิมพร้อมกล่อง
    370 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

     
  10. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343

    หลวงปู่ทวด หน้าอรหันต์ (หน้าแก่) วัดช้างให้ รุ่นนิรันตราย๗๗ "เนื้อว่านผสมผงเก่า หน้ากากมหาชนวน หลังแบบโรยพลอยฯ." ปี 56
    จัดสร้างโดยหน่วยกู้ระเบิด EDO ภาคใต้ / พิธีพุทธาภิเษกฯ. 7 วาระ
    วัตถุประสงค์ : เพื่อนำเงินไปซื้ออุปกรณ์เครื่องมือสื่อสาร ให้ทหาร อาสาสมัครที่ดูแลบ้านเมือง และครูใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
    สุดยอดพิธีพุทธาภิเษกฯ. 7 วาระ
    วาระที่ 1 เริ่มต้นที่วัดพุทไธศวรรย์
    หลวงพ่อเฉลิม วัดพระญาติ
    หลวงพ่อเอียด วัดไผ่ล้อม
    หลวงพ่อหวล วัดพุทไธศวรรย์
    พระอาจารย์โชติ วัดพุทไธศวรรย์
    หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว
    หลวงพ่ออุดม วัดพิชัยสงคราม
    หลวงพ่อแม้น วัดหน้าต่างนอก
    หลวงพ่อเอื้อน วัดวังแดงใต้
    หลวงพ่อระเบียบ วัดบ้านอ้อ
    หลวงพ่อโฉม วัดตำหนัก
    หลวงพ่อสืบ วัดสิงห์
    หลวงพ่อชำนาญ วัดบางกุฏิทอง
    พระอาจารย์ปืน วัดลาดชะโด
    พระอาจารย์มนตรี วัดบางแวก
    พระอาจารย์สุรสิทธิ์ วัดไทร
    พระอาจารย์จารุวัช วัดคฤหบดี
    วาระที่ 2 สายอีสาน ศิษย์สายโคราช หลวงพ่อคูณครับ ณ อุโบสถ วัดโนนไทย ได้รับความเมตตาจากพระเกจิที่เป็นที่รู้จักของชาวโคราช
    พระครูอนุวัตรชินวงศ์ หลวงพ่อจอย วัดโนนไทย
    พระครูประทุมสารคุณ หลวงพ่ออินทร์ วัดบัว
    พระครูวิสารวรกิจ หลวงพ่อบุญส่ง วัดหนองหว้า
    พระครูวิภัชธรรมคุณ หลวงพ่อบุญ วัดจระเข้หิน
    หลวงพ่อทอง สุทฺธสีโล วัดพระพุทธบาทเขายายหอม
    วาระที่ 3 สำหรับพิธีพุทธาภิเษก ณ สำนักสงฆ์ต้นเลียบ
    พิธีขลังมากๆครับ เงียบสงบ บรรจุพลังพุทธคุณเต็มที่ ได้รับความเมตตาจากพระเกจิครูบาอาจารย์อย่างสูงสุด
    พ่อท่านหวาน วัดสะบ้าย้อย อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา
    พ่อท่านอิ้น วัดทับใหม่ อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี
    พ่อท่านเอียด วัดโคกแย้ม อ.ควนขนุน จ.พัทลุง
    พระครูอุทัย วัดวิหารสูง อ.เมือง จ.พัทลุง
    พระสมุห์วรัญญู เจ้าสำนักสงฆ์ต้นเลียบ จ.สงขลา
    วาระที่ 4 รับความเมตตาจากคณะกรรมการของวัดเนินสุทธาวาส จังหวัดชลบุรีอนุญาตให้นำวัตถุมงคลนิรันตราย๗๗ เข้าร่วมพิธีมหาพุทธาภิเษกของทางวัดด้วยครับได้รับบารมี พลังพุทธคุณจากพระเกจิ ผู้เปี่ยมด้วยความเมตตาและมีลูกศิษย์มากมายทั่วประเทศ
    หลวงปู่ปัญญา วัดหนองผักหนาม
    หลวงปู่แขก วัดสุนทรประดิษฐ์
    หลวงพ่อชาญ วัดบางบ่อ
    หลวงพ่อมาลัย วัดบางหญ้าแพรก
    ครูบาอริยชาติ วัดแสงแก้วโพธิญาณ
    วาระที่ 5 การเดินทางของงานบุญสุขในหัวใจ ภาคตะวันออก
    ได้รับความเมตตาอย่างสูงสุดจาก
    หลวงพ่อสิน วัดละหารใหญ่
    หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ
    หลวงพ่อเชย
    วาระที่ ๖ พิธีหมาพุทธาภิเษฏ ณ วัดบวรฯ
    หลวงปู่ทวดหน้าอรหันต์ “นิรันตราย 77”
    อีกหนึ่งงานบุญที่ได้รวมสุดยอดพระเกจิฯชั้นแนวหน้าทั่วทุกภาคของประเทศไทย.โดยเฉพาะ หลวงปู่ คำบุ คุตฺตจิตฺโต..แห่งวัดกุดชมภู อุบลราชธานี
    วาระที่ ๗ พิธีมหาพุทธาภิเษก ที่วัดท่าพระเจริญพรต นครสวรรค์
    หลวงพ่อสุนทร วัดท่าพระเจริญพรตจ.นครสวรรค์
    หลวงพ่อชุบ วัดวังกระแจะ จ.กาญจนบุรี
    หลวงพ่อแถม วัดช้างแทงกระจาด
    หลวงพ่อเสน่ห์ วัดพันสี จ.อุทัยธานี
    หลวงพ่อสะอาด วัดเขาแก้ว จ.นครสวรรค์
    พระมหาสุรศักดิ์ วัดประดู่พระอารามหลวง จ. สมุทรสงคราม
    พระอาจารย์ติ๋ว วัดมณีชลขันธ์ จ.ลพบุรี
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา 320 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

     
  11. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343

    เหรียญหน้าเสือหลวงพ่อชมวัดตลุกปลุกเสก ๑ ไตรมาส
    #ขอนอบน้อมก้มกราบหลวงพ่อชม
    เจริญพร จะขอนำประวัติหลวงพ่อชม
    เท่าที่พยายามเสาะหามาได้ เพื่อเผยแผ่
    ประวัติคุณความดีของหลวงพ่อ ผิดพลาดประการใด #อาตมาจะขอน้อมรับไว้ #ขออภัยไว้ ณ #ที่นี้ด้วย
    หลวงชมท่านเป็นบุตร นาย ลอย นาง เขียน พึ่งหอย เกิดวันเสาร์ ขึ้น๙คํ่าเดือน๗ ปีขาล ๒๔๔๕ ณ บ้านตลุก หมู่๒
    อุปสมบทเมื่อขึ้น๑๔คํ่า เดือน๘ ปีกุน
    ๒๔๖๖ หลวงพ่ออํ่า เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อหลินเป็นพระกรรมวาจาจารย์
    (บ้างว่า พระใบฎีกา เป้า)พระสมุห์ เพ็ง เป็นอนุสาวนาจารย์
    หลวงพ่อไม่รู้หนังสือเลย เเต่ฝึกอ่านเขียนพร้อมท่องบทสวดเจ็ดตำนาน ตามคำบอก เเละ พระปาฎิโมกข์ควบคู่กันไปใน เวลา ๘ เดือนอย่างแตกฉานและ สำเร็จนักธรรมชั้นเอก เเละเรียนหนังสือขอม เเละเวทย์มนต์คาถา กับหลวงพ่ออํ่า
    และออกเดินธุดงค์ ไป พระเเท่นศิลาอาสน์ พระแท่นดงรัง พระพุทธบาท เเละชายแดนพม่า เรียนวิชากับอาจารย์อีกหลายรูปเเละพระกัมมัฎฐานควบคู่ไปด้วย

    ครั้นปี๒๔๗๖หลวงพ่อได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดศรีมงคล อยู่๒ปีเศษ และได้กลับไปรับ ตำแหน่งเจ้าคณะตำบลตลุก
    ปี๒๕๐๓ หลวงพ่อได้ศึกษาวิชากัมมัฎฐานกับพระอาจารย์พม่า สำนักวัดมหาธาตุ
    ก.ท.ม. หลังบำเพ็ญพระกัมมัฎฐานอยู่๔เดือน ก็สำเร็จขั้นสุดยอด นับเป็นองค์ที่๒ในประเทศไทย
    หลวงพ่อได้สร้างสำนักวิปัสนากัมมัฎฐานในวัด ด้วยเงิน๓๐๐,๐๐๐บาทเศษและ ได้แสดงวิชาวิปัสนากัมมัฎฐานขั้นสูง
    บำเพ็ญจิต จนเข้าระดับฌาณในท่าสมาธิ จะผลักร่างให้ล้มก็ไม่ล้ม ใช้ของมีคมเฉือนแทงก็ไม่ระคายผิวหนังหลวงพ่อเลยเเม้เเต่น้อย
    มีครั้งหนึ่งหลวงพ่อธุดงค์ไปอยู่ที่พระแท่นดงรัง มีพวกโจรเข้าปล้นหมู่บ้าน
    ที่หลวงพ่อปักกลดอยู่ มีลูกกระสุนปืนที่พวกโจรยิงมา ที่กลดหลวงพ่อ ตกอยู่ข้างกลดท่าน พอพวกโจรกลับไปแล้ว มีชาวบ้านมาดูหลวงพ่อ
    และเห็นท่านไม่เป็นอะไรเลย ชาวจึงขอของดีจากท่าน
    หลวงพ่อกับพูดว่า #คนไม่ถึงที่ตายทำอย่างไรก็ไม่ตายหรอก #แต่ถ้าถึงที่ถึงเวลา
    #ไม่มีใครหนีพ้นเเน่ ขอให้ทุกคนหมั่นรักษาศีลสวดมนต์ไหว้พระ ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทำความดีอย่าให้ขาด พระจะคุ้มครองเอง

    เกร็ด หลวงพ่อได้สมญานามว่า พระผู้ให้
    สมดังที่..หลวงพ่ออํ่า เอย ชมท่านว่ามีความมานะดี ถ้าบวชไม่สึกจะแทนฉันได้
    คราวหน้าจะพยายามรวบรวมข้อมูล
    หลวงพ่อชม มาเผยแผ่อีกนะ
    ผิดพลาดประการใด ขออภัย ไว้ด้วย
    อาตมาขอน้อมรับ #พระปู #ฐานวุฑฺโฒ ภิกษุ
    วัดศาลาขาว #พระเลขานุการเจ้าคณะตำบลตลุก
    .........
    เจริญพร ขอนอบน้อมก้มกราบหลวง
    พ่อชม หรือ #พระครูธรรมวิทย์โสภณ
    อาตมาจะ #ขอเพิ่มเติมประวัติของหลวงพ่อชม ที่อาตมาได้ประสบ มากับตัวเอง
    และได้รับฟังมา ซึ่งผู้ที่เล่าให้ฟังเชื่อถือได้
    เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อตอน เด็กอาตมาอายุประมาณ 4-6ขวบหน้าจะได้ พักอาศัยอยู่ที่บ้านโยมย่า ข้างบ้านโยมย่า มีโยมคนหนึ่ง(ไม่ขอเอ่ยนาม)เเก่ชอบเลี้ยงนกเอี้ยง และมันพูดได้ อาตมาความเป็นเด็ก
    ชอบจะไปดูนกพูดได้(#หนีไปคนเดียว)
    เขาเลี้ยงสุนัขไว้หลายตัว #มันรุมกัดอาตมาซึ่งเป็นเด็ก จนกางเกงและเสื้อขาด ร้องไห้จ้ากๆ โยมพ่อเข้าไปช่วยไล่พวกสุนัข แต่ต้องแปลกใจ #เพราะไม่มีบาดแผลแม้แต่นิดเดียว #ซึ่งโยมพ่อได้ให้ปลัดขิกหลวงพ่อชมคล้องไว้ เพียงตัวเดียว (ปัจจุบันไม่มีแล้ว)น่าเสียดายอย่างยิ่ง
    เรื่องที่๒( ขออนุญาติเอ่ยนามผู้ที่จะเกี่ยวกับประวัติ) ผู้นั้นคือ หมอเที่ยง
    ซึ่งเป็นคนดีมาก อยู่ในศีลธรรมอันดีงามและ เป็นหมอรักษาคนเจ็บ เช่น กะดูกแขนขาหัก และอีกหลายๆอย่าง หายชงัดนักเชียว บ้านอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับวัดตลุก โด่งดังมากมากสมัยนั้น
    อาตมาก็ทันได้เห็นท่าน แต่เด็กมากนัก
    เรื่องมีอยู่ว่า ขณะนั้นหลวงพ่อชมกำลังคุยกับญาติโยมอยู่ที่วัด อยู่ๆหลวงพ่อก็พูดขึ้นว่า #เที่ยงเขาไปดีเเล้วหนอ ไม่นานนัก ก็มีคนมาแจ้งข่าวว่าหมอเที่ยง
    เสียชีวิตแล้ว ซึ่งเวลาที่เสียชีวิตเป็นเวลาเดียวกับที่หลวงพ่อพูดว่า เที่ยงเขาไปดีแล้วหนอ ทั้งที่หลวงพ่ออยู่ที่วัดคุยกีบโยมอยู่แท้ๆ #นี่ก็แสดงให้เห็นในฌาณหยั่งรู้ล่วงหน้าของหลวงพ่ออยางแจ่มแจ้ง ทั้งๆที่ที่คุยกับญาติโยมอยู่ที่วัด
    #วัตถุมงคลหลักร้อย #พระพุทธคุณหลักแสนล้าน ของหลวงพ่อชม บุญกุศลอันใด
    ที่เผยแผ่ประวัติคุณความดีและศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อชม ที่มีประโยชน์ ขอผลบุญกุศลนั้นถวายให้เเด่หลวงพ่อชม พระผู้มีเเต่ให้ ด้วยเทอญฯ สาธุๆๆ
    มีต่อตอนต่อไป เจริญพร
    #พระปูฐานวุฑฺโฒ ภิกษุ #วัดศาลาขาว
    #พระเลขานุการเจ้าคณะตำบลตลุก
    ...........
    เจริญพร ขอนอบน้อมก้มกราบหลวง
    พ่อชม หรือ #พระครูธรรมวิทย์โสภณ
    อาตมาจะ #ขอเพิ่มเติมประวัติของหลวงพ่อชม ที่อาตมาได้ประสบ มากับตัวเอง
    และได้รับฟังมา ซึ่งผู้ที่เล่าให้ฟังเชื่อถือได้
    เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อตอน เด็กอาตมาอายุประมาณ 4-6ขวบหน้าจะได้ พักอาศัยอยู่ที่บ้านโยมย่า ข้างบ้านโยมย่า มีโยมคนหนึ่ง(ไม่ขอเอ่ยนาม)เเก่ชอบเลี้ยงนกเอี้ยง และมันพูดได้ อาตมาความเป็นเด็ก
    ชอบจะไปดูนกพูดได้(#หนีไปคนเดียว)
    เขาเลี้ยงสุนัขไว้หลายตัว #มันรุมกัดอาตมาซึ่งเป็นเด็ก จนกางเกงและเสื้อขาด ร้องไห้จ้ากๆ โยมพ่อเข้าไปช่วยไล่พวกสุนัข แต่ต้องแปลกใจ #เพราะไม่มีบาดแผลแม้แต่นิดเดียว #ซึ่งโยมพ่อได้ให้ปลัดขิกหลวงพ่อชมคล้องไว้ เพียงตัวเดียว (ปัจจุบันไม่มีแล้ว)น่าเสียดายอย่างยิ่ง
    เรื่องที่๒( ขออนุญาติเอ่ยนามผู้ที่จะเกี่ยวกับประวัติ) ผู้นั้นคือ หมอเที่ยง
    ซึ่งเป็นคนดีมาก อยู่ในศีลธรรมอันดีงามและ เป็นหมอรักษาคนเจ็บ เช่น กะดูกแขนขาหัก และอีกหลายๆอย่าง หายชงัดนักเชียว บ้านอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับวัดตลุก โด่งดังมากมากสมัยนั้น
    อาตมาก็ทันได้เห็นท่าน แต่เด็กมากนัก
    เรื่องมีอยู่ว่า ขณะนั้นหลวงพ่อชมกำลังคุยกับญาติโยมอยู่ที่วัด อยู่ๆหลวงพ่อก็พูดขึ้นว่า #เที่ยงเขาไปดีเเล้วหนอ ไม่นานนัก ก็มีคนมาแจ้งข่าวว่าหมอเที่ยง
    เสียชีวิตแล้ว ซึ่งเวลาที่เสียชีวิตเป็นเวลาเดียวกับที่หลวงพ่อพูดว่า เที่ยงเขาไปดีแล้วหนอ ทั้งที่หลวงพ่ออยู่ที่วัดคุยกีบโยมอยู่แท้ๆ #นี่ก็แสดงให้เห็นในฌาณหยั่งรู้ล่วงหน้าของหลวงพ่ออยางแจ่มแจ้ง ทั้งๆที่ที่คุยกับญาติโยมอยู่ที่วัด
    #วัตถุมงคลหลักร้อย #พระพุทธคุณหลักแสนล้าน ของหลวงพ่อชม บุญกุศลอันใด
    ที่เผยแผ่ประวัติคุณความดีและศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อชม ที่มีประโยชน์ ขอผลบุญกุศลนั้นถวายให้เเด่หลวงพ่อชม พระผู้มีเเต่ให้ ด้วยเทอญฯ สาธุๆๆ
    มีต่อตอนต่อไป เจริญพร
    #พระปูฐานวุฑฺโฒ ภิกษุ #วัดศาลาขาว
    #พระเลขานุการเจ้าคณะตำบลตลุก
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาเรื่องเล่าอย่างสูงครับ
    เหรียญหลวงพ่อชมอทยุ๗๖ปี หน้าเสือ ปลุกเสก ๑ ไตรมาสปี๒๕๒๐
    ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

     
  12. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343


    เหรียญพระหลักเมืองกรุงรัตนโกสินทร์พิมพ์หลัง เจ้าพ่อหอกลอง เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง ๒ เหรียญ
    พระหลักเมืองรัตนโกสินทร์ - พระทรงเมือง ปี 2518 ด้านหลัง พิมพ์ พระเสื้อเมือง
    พิธีใหญ่ ณ ศาลหลักเมือง กรุงเทพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานพิธี สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์) วัดราชบพิธฯ ทรงเป็นประธานพิธีสงฆ์ พระเกจิดังยุคนั้นทั่วประเทศ 108 องค์ ปลุกเสก อาทิเช่น
    - หลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง,
    - หลวงพ่อเกษม เขมโก,
    - หลวงปู่ฝั้น วัดป่าอุดมสมพร,
    - หลวงปู่ผาง วัดอุดมคงคาคีรีเขต เป็นต้นปลุกเสก แผ่นโลหะ
    พระเกจิที่ร่วมปลุกเสกในพิธีรวม 72 รูป อาทิ
    - หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กรุงเทพ
    - หลวงพ่อฑูรย์ วัดโพธิ์นิมิตร กรุงเทพ
    - หลวงพ่อเส่ง วัดกัลยาณมิตร กรุงเทพ
    - หลวงปู่ธูป วัดแค นางเลิ้ง กรุงเทพ
    - หลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม จ.นครปฐม
    - หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม
    - หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี จ.สมุทรสงคราม
    - หลวงพ่อทองอยู่ วัดใหม่หนองพะอง จ.สมุทรสาคร
    - หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ จ.อยุธยา
    - หลวงปู่เทียม วัดกษัตราธิราช จ.อยุธยา
    - หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลย์ จ.สุพรรณบุรี
    - เจ้าคุณสนิท วัดศีลขันธาราม จ.อ่างทอง
    - หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา
    - หลวงพ่ออุตมะ วัดวังวิเวการาม จ.กาญจนบุรี
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ๒ เหรียญคู่
    บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

     
  13. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343

    เหรียญพระพุทธชินราช รุ่นมาลาเบี่ยง (รุ่นแรก) ปี ๒๕๒๐ พิธีจักรพรรดิ์ วัดพระศรีฯ จ.พิษณุโลก
    พระพุทธชินราช รุ่นพระมาลาเบี่ยง จัดสร้างเมื่อปี ๒๕๒๐ โดยพระราชรัตนมุนี (ทองปลิง โสรโต)
    อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก และเจ้าอาวาส วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ
    ร่วมกับข้าราชการ พลเรือน ตำรวจ ทหาร และประชาชน ร่วมกันสร้างเพื่อหาทุนหล่อพระพุทธชินราชบูชา ขนาด 29 นิ้ว
    แจกแก่วัดในเขตทุรกันดารจำนวนประมาณ 120 องค์ และพระเครื่อง สำหรับแจกแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ปราบ ผกค.
    การจัดสร้างพระในครั้งนั้น ประกอบด้วย พระบูชาพระพุทธชินราช พระมาลาเบี่ยง ขนาด 9 และ 5 นิ้ว ลงรักปิดทอง พระกริ่ง พระชัยวัฒน์ พระพุทธชินราช มาลาเบี่ยง เนื้อทองคำ เนื้อเงิน และเนื้อนวโลหะ เหรียญพระพุทธชินราช พระมาลาเบี่ยง (รูปทรงพระมาลาเบี่ยง)
    และพระพุทธชินราชเนื้อผง รุ่นพระมาลาเบี่ยง จำนวน 3 พิมพ์ คือ พิมพ์สี่เหลี่ยมใหญ่ พิมพ์สมเด็จ และพิมพ์เล็กตัดชิด (สามเหลี่ยม)
    หลังเป็นยันต์อกเลาอันศักดิ์สิทธิ์ ประจำองค์หลวงพ่อพระพุทธชินราช และพระมาลาเบี่ยง ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
    และอักขระขอม หัวใจธาตุ 4 (นะ มะ พะ ทะ)
    พระรุ่นนี้ได้ประกอบพิธีเมื่อปี 2519 โดยมี
    พระธรรมราชานุวัตร วัดสุวรรณาราม เป็นประธานสงฆ์
    พระครูประสาทธรรมวัตร หรือหลวงตาละมัย (แจ่ม) วัดอรัญญิก เป็นเจ้าพิธี
    และพระครูประภาสธรรมาภรณ์ หรือหลวงพ่อลำยอง (ปัจจุบันนิยมเรียกหลวงพ่อแขก) เป็นผู้ช่วยเจ้าพิธี
    มี หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม กาญจนบุรี
    ครูบาสายทอง วัดท่าไม้แดง ตาก
    หลวงพ่อเปรื่อง วัดบางคลาน พิจิตร
    หลวงพ่อเกตุ วัดศรีเมือง สุโขทัย
    หลวงพ่อยงยุทธ วัดเขาไม้แดง ชลบุรี เป็นต้น ร่วมนั่งปรกเททอง
    ส่วนพิธีมหาพุทธาภิเษก จัดขึ้นในวันยุทธหัตถี 25 ม.ค.2520 ณ พระวิหารพระพุทธชินราช พิษณุโลก
    โดยมีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังในยุคนั้น จำนวน 125 รูปนั่งปรกตลอดคืน อาทิ
    หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ธนบุรี,
    หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง สิงห์บุรี,
    หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม สิงห์บุรี,
    หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์ สุพรรณบุรี,
    หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โก่งธนู ลพบุรี,
    หลวงพ่อทองอยู่ วัดใหม่หนองพะอง สมุทรสาคร,
    หลวงพ่อสุด วัดกาหลง สมุทรสาคร,
    หลวงพ่อวัดเกตุมฯ สมุทรสาคร,
    หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี สมุทรสงคราม ฯลฯ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    กะไหล่ทองลงยาสีขาว สภาพผ่านการบูชา
    ให้บูชา 120 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

     
  14. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343


    พระนางพญาพุทธนิมิตมงคล ๙ วัดกิ่งแก้ว จ.สมุทรปราการ พุทธาภิเษกใหญ่ พ.ศ.2522 สร้างจากผงเก่าหลวงปู่เผือก มีมวลสารรุ่นเก่าๆผสมอยู่ โดยมีหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฯ และศิษย์สายหลวงปู่เผือกร่วมปลุกเสกมากมาย
    ๒ องค์
    บูชา 270 บาทค่าส่งอยู่ 30 บาทครับ

     
  15. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343

    เหรียญเสมา เนื้อทองเหลือง พระประธาน วัดโคกเมรุ นครศรีธรรมราช ปี ๒๕๑๗
    สร้างเป็นที่ระลึกเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
    เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ไปยังพระอุโบสถวัดโคกเมรุ
    ทรงประกอบพิธีเททองหล่อพระพุทธรูป เมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๑๗
    มวลสาร
    ที่นำมาสร้างเททองหล่อพระ ผ่านการปลุกเสกจาก
    หลวงพ่อคล้าย วาจาสิทธิ์ วัดสวนขัน
    หลวงพ่อท่านขาว วัดโคกเมรุได้จัดทำพิธีพุทธาภิเษกที่ยิ่งใหญ่
    พระเกจิอาจารย์ชื่อดังสายใต้ร่วมนั่งปลุกเสก เช่น
    หลวงพ่อท่านเขียว วัดหรงบล
    พระอาจารย์นำ วัดดอนศาลา
    หลวงพ่อคลิ้ง วัดถลุงทอง
    พ่อท่านขาว วัดโคกเมรุ เป็นต้น
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ให้บูชา 130 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

     
  16. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343


    หลวงปู่บุญ วัดบ้านนา อ.แกลง จ.ระยอง
    พระครูสุทธิวัตรสุนทร (บุญ สุสฺมโณ) วัดบ้านนา ต.บ้านนา อ.แกลง จ.ระยอง
    พระผู้ถือสันโดษเป็นยิ่ง
    โดย...รณธรรม ธาราพันธุ์
    คนเก่าในเมืองระยองแทบสิ้น คึกเมื่อสิ้นหลวงปู่ทิม หลายคนพยายามมองหาพระเก่งเพื่อเพิ่มความคึก เล็งแลกันอยู่นานศิษย์รุ่นเก่าแก่ของหลวงปู่ทิมก็กระซิบกับผมว่า มีพระเก่งอยู่รูปหนึ่งนิสัยใจคอคล้ายกับหลวงปู่ทิม ความเก่งความชำนาญชาญเชี่ยวในเชิง ‘ฤทธิ์’ ก็ไม่น้อยไปกว่าหลวงปู่ทิมเท่าใดนัก
    ผมรีบกระซิบคืน “ใครครับ” ท่านว่า “หลวงปู่บุญ วัดบ้านนา”
    เมื่อผมไปเยี่ยมน้องสะใภ้ที่ ต.ซำฆ้อ ใน อ.แกลง ก็ได้ยินมารดาของสาวเจ้าเล่าความขลังของเกจิรูปหนึ่งให้ฟังว่า...
    มี ครอบครัวคนทำสวนยางใกล้บ้านครอบครัวหนึ่ง มีลูกเป็นเด็กทารกอายุไม่กี่เดือนอยู่ด้วย แต่ก่อนร่อนชะไรเจ้าตัวเล็กก็ไม่มีปัญหา แต่หลังจากที่พ่อไปทำสวนยางใหม่กลับมาลูกน้อยก็ร้องไห้อย่างไม่มีสาเหตุ ผู้เป็นพ่อเป็นแม่ก็กลุ้มจนนอนไม่หลับ
    แต่ ‘โชคดี’ ยังให้ความเอ็นดูผู้เป็นพ่ออยู่บ้าง
    วัน หนึ่งของทำสวนยาง ผู้พ่อก็พบผ้ายันต์สีขาวผืนหนึ่งตกอยู่ในสวนของตน ไม่ทราบที่ไปและไม่ทราบที่มา แต่เมื่อเป็นรูปพระในฐานะที่เป็นคนพุทธก็ต้องให้ความเคารพไว้ก่อน ด้วยความไม่รู้จักมักจี่กับเจ้าของยันต์ก็เลยเอายันต์นั้นแปะไว้ที่หน้าบ้าน ตน
    ‘โชคดี’ ยังเป็นของเขาอยู่อีก
    เพราะ นับจากวันที่ยันต์ปริศนามาอยู่ร่วมชายคา หนูน้อยเสียงดีก็เป็นอันหยุดร้องสนิทราวกับปิดสวิทซ์เครื่องเทป ยังความปลาบปลื้มยินดีให้พ่อแม่เป็นอันมาก
    แต่ ‘โชคร้าย’ ก็ใช่ว่าจะหนีไปไกล
    เมื่อ วันหนึ่งของทำสวนยาง ผู้แม่ก็ล้มพับลงไปท่ามกลางป่ายาง ครั้นใครหลายคนจะเข้าไปช่วยเหลือเจ้าหล่อนก็กลับลุกพรวดพราดทำตาขวาง พลางลุกขึ้นกรีดร้องเผ่นโผนออกจากสวนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย หมู่พวกจึงพากันทิ้งงานกวดตามหลังอย่างตระหนกตกใจ
    พอ เจ้าหล่อนห้อตะบึงมาถึงบ้านก็ทำท่าจะวิ่งตรงเข้าประตูไป และก่อนที่จะเป็นดังนั้น ความอัศจรรย์ก็พลันเกิด เมื่อเธอหยุดกึก พลางจับจ้องไปที่ผ้าผืนน้อยสีขาวหน้าบ้านชนิดตาไม่กระพริบ แล้วทรุดฮวบลงกับพื้นพลางร้องไห้คร่ำครวญเหมือนจะขาดใจ
    หมู่ พวกที่ตามมาถึงก็พากันระส่ำระสายจะเข้าช่วยก็ไม่กล้า เพราะดูท่าแล้วมันไม่ใช่เรื่อง ‘ธรรมดา’ พอผู้เป็นสามีเข้าไปจับเนื้อต้องตัวเพื่อสอบถามเรื่องราว เจ้าหล่อนกลับสวนมาว่า
    “ฉันไม่ใช่เมียแก”
    เอาละสิ อยู่กันจนมีลูก จู่ ๆ มาบอกไม่ใช่เมีย ถึงตอนนี้ชาวบ้านชาวช่องก็พากันมารุมล้อมประสา ‘ไทยมุง’ คนเฒ่าคนแก่พากันซุบซิบให้ความเห็น
    “ผีเข้าแหง ๆ”
    หลาย คนแสดงตนเป็นผู้รู้ คอยปลอบประโลมจนคนผีเข้าคลายทุกข์โศกลงบ้าง คนผีสิงก็ปริปากว่าตนชื่อ ลำดวน (นามสมมุติ) ถูกฆ่าตายแล้วฝังเอาไว้ในป่ายาง ทุกข์ทรมานมากทั้งมืดทั้งหนาว คิดถึงลูกมากแต่ไปหาไม่ได้ เพราะตนถูกผู้ฆ่าเอากระโหลกไปให้คนมีวิชาทำพิธีสะกดวิญญาณ แล้วไปฝังในสวนยางจึงไปไหนไม่ได้ พอได้ยินเสียงเด็กเลยคิดถึงลูก จึงมาที่บ้านทุกวันเพื่อมาเล่นด้วย แต่ตอนนี้รักเด็กคนนี้มากจึงอยากเอาไปอยู่ด้วย
    ได้ยินอย่างนี้ผู้เป็นพ่อก็สะดุ้งตากลับ
    แล้วก็ใจชื้นขึ้นเป็นกอง เมื่อเมียรักชี้ไปที่ผ้าสีขาวแล้วเอ่ยว่า แต่ตอนนี้เข้าไปหาเด็กไม่ได้แล้วเพราะกลัวผ้ายันต์นี้มาก คนทำเก่ง ร้อนมาก สู้ไม่ได้ พอเห็นแม่เด็กเดินมาใกล้ ๆ จึงเข้าทับเพื่อมาหาเด็กเข้าใจว่าจะเข้าบ้านได้ แต่ก็เข้าไม่ได้อีก คิดถึงลูกเหลือเกิน
    จาก นั้นคนผีเข้าก็ร้องไห้คร่ำครวญต่อไปอีก เป็นที่เวทนานัก ชาวบ้านจึงถามชื่อแซ่ เธอก็บอกเล่าให้ฟังหมด ถามถึงฆาตกรเธอก็เล่าด้วยความแค้นเคืองได้ความว่า คนฆ่าคือสามีของตัวเองที่เกิดไปมีเมียน้อยแต่ไม่รู้จะหนีไปอย่างไร จึงเอาจอบตีเมียตอนทำครัวจนสลบ ผัวเข้าใจว่าตายแล้วจึงเอายางรถยนต์เก่ามาซ้อน จับตนขึ้นนั่งแล้วเผาทั้งเป็นที่หลังบ้านของตัวเอง
    แล้วผัวตัวแสบก็ ไปแจ้งความทำทีว่าถูกโจรปล้นแล้วฆาตกรรมภรรยา ปรากฏว่าแผนสำเร็จด้วยดีสามีใจโหดเลยรอดตัว ได้ขายสวนยางและบ้านช่องให้คนอื่น ก่อนที่จะหอบผ้าผ่อนไปอยู่กับเมียที่ต่างตำบล
    ทุกคนได้ฟังก็ต่าง สงสาร รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะช่วยเหลือทุกทางจนวิญญาณแค้นพอใจแล้วออก จากร่างไป สิ่งที่ตามมาคือการทำบุญงานใหญ่อุทิศให้ผี และการตามสืบเรื่องผ้ายันต์จนได้ความว่าเป็นของ
    หลวงปู่บุญ วัดบ้านนา
    ทุกบ้านเลยเป็นอันมีผ้าขาวผืนน้อยติดกันพรึ่บไปหมด ผ้ายันต์เต็มองค์สีเหลือง ปี 2538 (มี 3 สี ขาว, แดง, เหลือง)

    ผ้ายันต์ครึ่งองค์สีขาว ปี 2538 (มี 3 สี ขาว, แดง, เหลือง)
    ผมเห็นว่าเรื่องนี้แปลกดีเลยนำมาเล่าสู่กันฟัง ผมเองก็ได้ไปดูใกล้ ๆ กับที่เกิดเหตุ พบว่าเปล่าเปลี่ยววังเวกดีพิลึก ก็น่าหรอกที่ผีจะดุ
    ใช่ว่าหลวงปู่จะเก่งกล้าสามารถในเรื่องผีอย่าง เดียวเมื่อไร ยิงไม่เข้า ฟันไม่เข้า ก็ประจักษ์กันมามากต่อมาก ขนาดฟันกันฉับ ๆ หน้าศาลาวัดบ้านนาก็มี แต่ไม่มีใครได้เลือดใคร เพราะมีพระหลวงปู่กันทุกคน
    พูดถึงความสันโดษอันเป็นเอกลักษณ์ของหลวง ปู่นั้น ผมขอยกนิ้วให้เลย ท่านสันโดษจริง ๆ ไปไหนมาไหนไม่ต้องประคองทั้งที่มีอายุถึง 93 ปีแล้ว ผมพบท่านครั้งแรกท่านก็ลุกหนีเลย สาเหตุเพราะผมมาผิดเวลา บอกกันก่อนเลยว่าท่านจะรับแขกตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึงเที่ยง ขณะรอท่านถ้าเป็นเวลาฉันห้ามชวนคุย เวลาลุกอย่าเข้าไปประคอง เพื่อนผมเคยหวังดีตั้งท่าเข้าไปหา ท่านว่า
    “ไม่ต้องก็ได้มั้ง”
    เพื่อนผมเลยจ๋อยไป ท่านไม่ใคร่ให้ความสนิทใคร ไม่เอาใจใคร เป็นตัวของตัวเองที่สุด
    หลัง เที่ยงท่านจะเข้ากุฏิเงียบ หรือไม่ก็เอนหลังลงแถว ๆ หน้ากุฏิท่าน แต่อย่าเข้าไปคุยเชียวหนา นอกจากท่านจะเป็นฝ่ายทักก่อน หรือรอจนกว่าจะ 4 โมงเย็นอันเป็นเวลารับแขกไปเรื่อยสิ้นสุดที่ 5 โมงเย็น หากพรวดพราดเข้าไปพูดคุยอาจเป็นเหตุให้มี ‘ฟ้าผ่า’ แบบไม่มี ‘เค้าฝน’ ก็เป็นได้ ด้วยท่านถือเรื่อง กาละ และ เทศะ
    ท่าน ชอบทดสอบคนโดยให้เหตุผลว่า ถ้าเขาต้องการพบเราจริง เขาต้องรอได้ แต่เราเองกว่าจะมาถึงทุกวันนี้เราก็ต้องใช้ความอดทน ถ้าแค่นี้ทนไม่ได้จะไปทำอะไร
    บางคน ท่านเดินผ่านหน้าไป-ผ่านหน้ามาถึงครึ่งชั่วโมง ท่านก็ยังไม่ทัก แต่คนนั้นมาบ่อยรู้แกวท่านจึงนั่งเฉย ๆไม่ทักท่านก่อน สักพักท่านก็นั่งลงแล้วเอื้อนเอ่ย “มีธุระอะไรหรือ” แต่ถ้าใครคนนั้นหมดความอดทนถามท่านก่อนที่ท่านจะเป็นฝ่ายถาม การสนทนาวันนั้นเป็นอันจบ
    นี่คือพระที่ไม่ประจบโยม
    ครั้ง หนึ่งที่ท่านอาพาธด้วยโรคเกี่ยวกับหลัง ผมจึงเอาน้ำมันเลียงผาไปถวายท่านกับคุณสุมิทธิ์ ติสโส ขณะที่ท่านนอนตะแคงซ้ายคุยกับผมอยู่นั้น คุณสุมิทธิ์ก็เกิดความสงสารท่านจับใจคิดขึ้นมาว่า “เออหนอ...หลวงปู่ตั้ง 90 กว่ายังต้องมาเจ็บมาทรมาน ถ้าผมแบ่งความเจ็บมาจากหลวงปู่ได้บ้างสักครึ่ง ผมก็จะทำ” เมื่อจบห้วงความคิดนั้น หลวงปู่ก็พูดลอย ๆ ขึ้นว่า
    “ความเจ็บป่วยเป็นของเฉพาะตัว ใครจะมาช่วยแบ่งเบาก็เป็นไปไม่ได้ นอกจากเจ้าของจะช่วยเหลือตัวเอง”
    คน งงคือผม เพราะผมกำลังคุยกับท่านเรื่องถนนไปบางแสน จู่ ๆ ท่านก็ปรารภเรื่องอะไรไม่รู้ งง!! แต่คนที่ปีติคือคุณสุมิทธิ์ เพราะเขาได้ประจักษ์ชัดว่า ท่านเก่งจริง
    หรือใครว่าการรู้ความคิดคนอื่นเป็นของธรรมดา!
    วัตถุมงคลที่เหลืออยู่เป็นรุ่นที่ 5 ในชีวิตท่าน เรียกว่ารุ่น ‘ซ่อมอุโบสถ’ ด้วยแต่เดิมทางวัดหมายใจจะซ่อมโบสถ์ที่ชำรุดทรุดโทรม ทว่า ความโทรมของโบสถ์มีมากเกินกว่าจะซ่อม จึงตัดสินใจเปลี่ยนโบสถ์เก่าเป็นวิหารไปเสีย แล้วสร้างโบสถ์ใหม่เสียเลย รุ่น ‘ซ่อม’ เลยกลายเป็นรุ่น ‘สร้าง’ โดยฉะนี้แล
    ใคร เช่าพระรุ่นนี้โชคดีนัก เพราะพระสร้างมาแต่ปี 2537 เมื่อเข้าพรรษาปี 37 ท่านอธิษฐานพระชุดนี้ให้ตลอด 3 เดือน เมื่อล่วงมาถึงปี 2538 ปรากฏว่าพระจำหน่ายไม่หมด หลวงปู่ก็เอาเข้ากุฏิเสกอีกตลอดพรรษาปี 38
    บัด นี้ล่วงเข้าพรรษาปี 2539 พระเครื่องทั้งหลายจะไม่มีจำหน่ายบนศาลาเลย ใครคิดไปเช่าช่วงนี้ขอให้ล้มคิดนั้นเสีย เพราะพระอยู่ในกุฏิท่านทั้งหมด ท่าน ‘ซ้ำ’ ให้อีก 3 เดือนตลอดพรรษาปี 39
    พิถีพิถันดีไหม? พระกริ่งบุญอุปถัมภ์ รุ่น 2 เนื้อนวโลหะ ปี 2537
    เหรียญรุ่น 3 เนื้อทองเหลือง ปี 2537
    เหรียญรุ่น 5 'ซ่อมอุโบสถ' เนื้อเงินลงยา ปี 2537
    ออกพรรษาปี 39 ค่อยไปเช่าละกัน เสกมาแล้วตั้ง 9 เดือน เรียกว่ายอดที่สุด ผมเช่าจนเกือบไม่มีตังค์กินหนมแล้ว กระซิบก่อนว่า พระกริ่งรุ่น 2, เหรียญเงินลงยา, พระสมเด็จดำ (พิมพ์ปรกโพธิ์) แน่นอนนัก
    อย่า ลืมแวะเวียนไปวัดหนองจระเข้ด้วยนะครับ ที่นั่นเป็นวัดบ้านเกิดของท่าน ท่านอยู่ที่นั่นมาก่อนจะไปอยู่วัดบ้านนา วัตถุมงคลที่นั่นมากมายตาลายเลยแหละ สวย ๆทั้งนั้น ขลังมากด้วย เพราะท่าน ‘เต็มใจ’ ทำมาก ถ้ามีโอกาสจะเขียนให้ทราบอีกทีว่า ‘ขลัง’ อย่างไร...
    ขอความสวัสดีจงมีแก่ทุกท่านครับ
    หลวงปู่บุญ วัดบ้านนา อ.แกลง จ.ระยอง
    พระครูสุทธิวัตรสุนทร (บุญ สุสฺมโณ) วัดบ้านนา ต.บ้านนา อ.แกลง จ.ระยอง
    พระผู้ถือสันโดษเป็นยิ่ง
    โดย...รณธรรม ธาราพันธุ์
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของระบบความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ นิตยสารศักดิ์สิทธิ์
    และคุณ รณธรรม ธาราพันธุ์

    เหรียญซ่อมโบสถ์วัดบ้านนารุ่นประสบการณ์ และเหรียญพัทธสีมาหลังพระประจำวันวัดหนองจระเข้ รุ่นมากประสบการณ์อีกรุ่นของหลวงปู่ ๒ เหรียญ ทั้ง ๒ เหรียญสวยเดิมครับ
    ไอ้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

     
  17. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343

    พระกสิณเนื้อโลหะหล่อฉีดหลวงพ่อพัฒน์ปี ๒๕๓๓
    ประวัติหลวงพ่อพัฒน์ นารโท อดีตพระเกจิดังสุราษฎร์ธานี
    "หลวงพ่อพัฒน์ นารโท" อดีตเจ้าอาวาสวัดพัฒนาราม อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี เป็นพระเกจิอาจารย์เรืองวิทยาคมที่มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งเมืองปักษ์ใต้ ได้รับความเลื่อมใสศรัทธาจากสาธุชนชาวเมืองสุราษฎร์ธานี และภาคใต้มาอย่างยาวนาน
    อัตโนประวัติเกิดในสกุล พัฒนพงศ์ เมื่อวันพุธ เดือน 6 ปีจอ พ.ศ.2405 ในปีที่ 12 แห่งรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ณ ตลาดบ้านดอน อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายฉุ้นและนางเนียม พัฒนพงศ์
    เมื่อเยาว์วัยได้ศึกษาอยู่กับพระอาจารย์ผ่อง แห่งวัดพระโยค ศึกษาเล่าเรียนเนื้อหาวิชาตามควรแก่วัยและตามภูมิพื้นความรู้ของผู้เป็นอาจารย์
    ย่างเข้าวัยหนุ่ม ได้สมรสกับนางละม่อม ต่อมาภรร ยาซึ่งตั้งครรภ์อยู่ได้คลอดบุตรออกมาเป็นผู้หญิง แต่ถึงแก่กรรมภายหลังคลอดได้ไม่นานนัก ท่านเสียใจเป็นอันมาก ทำให้ท่านตัดสินใจหันหน้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์
    ท่านอุปสมบท เมื่ออายุได้ 25 ปี ใน พ.ศ.2430 ณ อุโบสถวัดพระโยค โดยมีพระครูสุวรรณรังษี (มี) เจ้าคณะอำเภอกาญจนดิฐและเจ้าอธิการวัดโพธิ์ ต.บ้านตลาดบน (ยึดถือตามรายงานมณฑลชุมพร ร.ศ.119) เป็นพระอุปัชฌาย์, หลวงพ่อกล่อม วัดโพธิ์ เป็นพระ กรรมวาจาจารย์ และหลวงพ่อขำ วัดบางใบไม้ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "นารโท"
    หลังอุปสมบทแล้ว ท่านได้อยู่จำพรรษาที่วัดพระโยค เป็นเวลาหลายพรรษา
    ชีวิตในร่มกาสาวพัสตร์ของหลวงพ่อพัฒน์ นอกจากยังความสงบเย็นเกื้อกูลความก้าวหน้าในทางธรรม สำหรับตัวท่านเองแล้ว ยังได้สร้างคุณูปการหลายประ การให้แก่พระศาสนา ราชอาณาจักรและประชาชนอีกด้วย โดยท่านได้เคยดำรงตำแหน่งและหน้าที่ต่างๆ ตลอดจนเกื้อกูลสนับสนุนการศึกษา
    หลวงพ่อพัฒน์เป็นพระสังฆาธิการที่เป็นธุระจัดการ เอาใจใส่ในความประพฤติปฏิบัติของพระสงฆ์ลูกวัด ตลอดจนกิจวัตรทางศาสนาต่างๆ นอกจากกิจการศาสนาแล้ว หลวงพ่อพัฒน์ยังได้ส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาด้วย โดยได้มีการจัดตั้งโรงเรียนขึ้นเป็นแห่งแรกของเมืองกาญจนดิฐ เมื่อประมาณ ร.ศ.116 (พ.ศ.2440)
    หลวงพ่อพัฒน์ดำรงตำแหน่งทางปกครอง เป็นพระอุปัชฌาย์ และเจ้าคณะแขวงอำเภอบ้านดอนอยู่ประมาณ 4-5 ปี แต่ด้วยความเป็นผู้ไม่ยึดติด หลวงพ่อพัฒน์จึงได้ลาออกจากตำแหน่งเจ้าคณะแขวงอำเภอเมือง (อำเภอบ้านดอน-เดิม) เมืองไชยา และตำแหน่งอุปัชฌาย์ เพื่อออกไปธุดงควัตร
    ด้านวิทยาคม หลวงพ่อพัฒน์ได้รับการถ่ายทอดวิชาจากพระเกจิอาจารย์มากมาย อาทิ พระครูสุวรรณรังษี ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อกล่อม พระกรรมวาจาจารย์ และหลวงพ่อขำ พระอนุสาวนาจารย์ ยังมีพระธุดงค์รูปหนึ่งซึ่งเดินทางมาจากวัดเขาหัวลำภู แห่งเขาพระบาท อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช พระธุดงค์รูปนี้ เรียกขานกันว่า "พระอาจารย์สุข"
    ทั้งนี้พระอาจารย์สุขได้เมตตาถ่ายทอดสรรพวิชา ทั้งด้านการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานและวิทยาคม เช่น การลงอักขระอาคมบนแผ่นเงิน แผ่นทอง ตะกรุด ผ้ายันต์ เป็นต้น
    วัตถุมงคลของหลวงพ่อพัฒน์ ที่สร้างขึ้นในสมัยท่านยังมีชีวิต คือ พระกสิณ มีทั้งเนื้อดินเผา เนื้อผงผสมว่าน และที่เป็นเหรียญ คือ เหรียญกสิณ ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง
    ในช่วงบั้นปลายชีวิต หลวงพ่อพัฒน์ ได้มอบภารกิจหน้าที่ของทางวัดไว้กับหลวงพ่อเจียว สิริสุวัณโณ พระภิกษุผู้เป็นน้องชายของท่านให้เป็นผู้ดูแล ส่วนท่านไปหลบปลีกวิเวก โดยใช้ศาลาที่พักศพในป่าช้าเป็นที่พำนัก ทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ไปกับการมุ่งมั่นปฏิบัติธรรม บำเพ็ญเพียรภาวนาในพระสัทธรรม
    กระทั่งเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2485 หลวงพ่อพัฒน์ ได้บำเพ็ญสมาธิภาวนาตั้งแต่หัวค่ำด้วยความสงบเย็น จนเวลาประมาณ 08.43 น. หลวงพ่อพัฒน์ นารโท ได้ละสังขารจากไปอย่างสงบ สร้างความเศร้าสลดและความอาลัยแก่ศิษยานุศิษย์ ญาติมิตร และพุทธบริษัทของวัดอย่างสุดซึ้ง
    อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง ด้วยหลวงพ่อพัฒน์ มรณภาพในท่านั่งสมาธิ และกาลเวลาผ่านไป 6-7 ปี แต่ปรากฏว่าสังขารท่านไม่เน่าเปื่อยแต่อย่างใด
    ตลอดชีวิตในร่มเงาพระพุทธศาสนา ประกอบคุณงามความดีด้วยจิตใจที่ผ่องแผ้ว แม้ว่าจะละสังขารไปแล้วก็ตาม แต่คุณงามความดีที่ได้ประกอบศาสนกิจมาตลอดชีวิต ยังคงปรากฏอยู่ในใจของพุทธศาสนิกชนชาวเมืองสุราษฎร์อย่างมิลืมเลือน ในฐานะปูชนียบุคคล
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระกสิณปี ๒๕๓๓ พร้อมใบฝอยคาถาเดิมจากวัด พิธีใหญ่ สายใต้
    บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
     
  18. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343
    วันนี้จัดส่ง

    ขอบคุณครับ
     
  19. shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,987
    ค่าพลัง:
    +6,893
    ขอจองครับ
     
  20. Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,787
    ค่าพลัง:
    +21,343


    สมเด็จหลวงพ่อสัมฤทธิ์ รุ่นแรก ปี๒๕๑๑ คะแนนวัดไผ่เงินโชติวนารามกรุงเทพฯ
    หลวงบริบาลบุรีภัณฑ์ หัวหน้ากองพิพิธภัณฑ์และโบราณวัตถุ กระทรวงธรรมการในขณะนั้น ได้ทำการสืบประวัติหลวงพ่อสัมฤทธิ์ ทราบแต่เพียงว่าเป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยตอนปลายต่ออยุธยา ในสมัยของพระบามสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ พระยาโชฏิกราช (เจ้าสัวบุญมา) ข้าหลวงเดิมของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นผู้ทำการปฎิสังขรณ์วัดพระยาไกร เสร็จแล้วจึงน้อมถวายเป็นพระอารามหลวง สถาปนาขึ้นเป็นพระอารามหลวงนามว่า "วัดโชตนาราม" ได้อัญเชิญหลวงพ่อสัมฤทธิ์ มาประดิษฐานไว้ในอุโบสถ พระสงฆ์อยู่ไม่ได้พากันทิ้งวัดจึงกลายเป็นวัดร้าง
    ปลายสมัยรัชกาลที่ ๕ ทางการได้พิจารณาแล้วว่าให้บริษัท อิสเอเซียติคจำกัด เช่า สถานที่ตั้งของวัดทั้งหมดเป็นที่ตั้งของโรงเลื่อยจักร มีสภาพวัดปรักหักพังทรุดโทรมไปมาก ทางคณะสงฆ์จึงมี บัญชาให้ทางวัดไผ่เงินโชตนารามไปอัญเชิญพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ ไปประดิษฐาน ณ วัดไผ่เงินโชตนาราม เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร และได้ถวายนามว่า หลวงพ่อสัมฤทธิ์ เนื่องจากองค์พระทำ ด้วยสัมฤทธิ์แก่เงิน มีส่วนผสมของเงินมาก ก่อนที่กรมศาสนาจะแจกพระพุทธรูปที่ค้างอยู่ในวัดพระยาไกร ซึ่งขณะนั้นเป็นวัดร้างให้มาประดิษฐาน ณ วัดไผ่เงิน ในปี ๒๔๘๓ โดยหลวงพ่อศรีเจ้าอาวาสในขณะนั้นได้เลือกหลวงพ่อสัมฤทธิ์ด้วยมีพุทธลักษณะสมบูรณ์ ในขณะที่พระสุโขทัยไตรมิตรมีรอยร้าว จากไหลถึงเอว
    มีการปิดทองหลวงพ่อสัมฤทธิ์ทั้งองค์อีกครั้งในช่วงฉลองกรุงรัตนโกสินทร์สองร้อยปี พ.ศ. ๒๕๒๕ หลวงพ่อสัมฤทธิ์เป็นที่เคารพกราบ ไหว้ของประชาชนในย่านนั้น เจ้าอาวาสกล่าวว่า ท่านสามารถสร้างวัดไผ่เงินขึ้นมาได้ก็ด้วยบารมีของหลวงพ่อสัมฤทธิ์ ด้วยเหตุนี้จึง ประดิษฐานไว้ในพระวิหารแทนที่จะเป็นพระอุโบสถเพื่อสะดวก แก่ประชาชนที่ต้องการเข้ามากราบไหว้บูชา และในวันขึ้นปีใหม่ของ ทุกปีจะมีงิ้วแสดงตลอด ๓ วัน ๓ คืน จนกลายเป็นประเพณีที่ถือปฏิบัติต่อกันมา พระครูสิริธรรมสุธีหรือหลวงปู่สี เป็นพระเถระที่มีข้อวัตรปฏิบัติเคร่งครัดตามหลักพระธรรมวินัย ดำรงชีวิตแบบเรียบง่ายไม่สนใจในลาภยศ มีอุปนิสัยที่จริงจังต่อการงาน และเป็นพระเถระที่มี
    ความเมตตากรุณาต่อสาธุชนทั้งหลาย หลวงปู่สียังเป็นผู้ที่อัญเชิญองค์หลวงพ่อสัมฤทธ์ มาจากวัดพระยาไกร ซึ่งเป็นวัดร้างและเป็นวัดดั้งเดิมของหลวงพ่อสัมฤทธ์และหลวงพ่อทองคำแห่งวัดไตรมิตร ที่โด่งดังไปทั่วโลก มาประดิษฐานยังวัดไผ่เงินโชตนารามจวบจนถึงปัจจุบัน
    หลวงหลวงปู่สีท่านมักจะนิยมปลุกเสกเดี่ยว นอกจากถ้ามีงานสำคัญๆท่านจึงจะนิมนต์พระเกจิจากที่อื่นมาร่วมปลุกเสกด้วย แต่ก็หาได้น้อยรุ่นมากครับที่จะเสกแบบหมู่การปลุกเสกของท่านแต่ละครั้งก็จะไม่ค่อยเหมือนพระเกจิองค์อื่นๆ เพราะท่านจะปลุกเสกอยู่ในโบสถ์เป็นเวลา7วัน7คืนโดยจะไม่ออกมาจากโบสถ์เลยจนกว่าจะสำเร็จในการเสก ท่านจะสั่งให้ลูกศิษย์ปิดประตูโบสถ์ทั้งหมดและกำชับว่าไม่อนุญาติให้ใครเข้ามารบกวนโดยเด็ดขาดในขณะทำพิธีตลอด7วัน
    ....................


    ประวัติอดีตเจ้าอาวาสวัดไผ่เงินโชตนาราม (หลวงปู่สี พานคำ)

    ประวัติเจ้าอาวาส
    นับตั้งแต่วัดไผ่เงินโชตนารามได้เริ่มสร้างมาจนถึงปัจจุบันนั้น ก็ได้มีเจ้าสมภารอาวาสปกครองวัดมาตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันเป็นจำนวน ๑๔ รูป (เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันรูปที่ ๑๔ คือ พระครูอดุลยธรรมานุวัตร)
    ----------------------------------------------------------
    พระมหาสี ยโสธโร/พระครูสิริธรรมสุธี/พระมงคลสุธี ป.ธ.๖ น.ธ.เอก เป็นเจ้าอาวาสรูปที่ ๑๓
    หลวงพ่อสี ยโสธโร นามเดิมว่า สี นามสกุล พานคำ เกิดเมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๕๑ ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๖ ปีวอก ณ บ้านเลขที่ ๗ หมู่ที่ ๓ บ้านเหล่าฮก ตำบล หนองผือ อำเภอเมืองสรวง (เดิมขึ้นกับอำเภอสุวรรณภูมิ) จังหวัดร้อยเอ็ด และเป็นบุตรของนายพิมพ์ นางดา พานคำ อาชีพกสิกรรม

    บรรพชา - อุปสมบท
    พ.ศ.๒๔๖๘ ได้บรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดเหนือ บ้านเหล่าฮก อำเภอเมืองสรวง จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีพระอธิการสอ เป็นพระอุปัขฌาย์
    พ.ศ.๒๔๗๑ จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ที่วัดเหนือ บ้านเหล่าฮก ตำบลหนองผือ อำเภอเมืองสรวง จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีอธิการพรหมาเป็นอุปัชฌาย์ ได้รับ นามฉายาว่า #ยโสธโร
    พ.ศ.๒๔๗๔ ได้ย้ายมาสังกัดวัดไผ่เงินโชตนาราม ซึ่งในขณะนั้นมีพระอธิการทอง (ทอง เจริญพันธ์) เป็นเจ้าอาวาสอยู่

    #วิทยฐานะ
    พ.ศ.๒๔๖๔ สอบไล่ได้ชั้นประถมปีที่ ๒ จากโรงเรียนวัดบ้านเหล่าฮก จังหวัดร้อยเอ็ด
    พ.ศ.๒๔๗๗ สอบนักธรรมชั้นเอกได้ในสนามหลวง สำนักเรียนวัดมหาพฤฒารามกรุงเทพมหานคร
    พ.ศ.๒๔๘๑ สอบเปรียญธรรม ๖ ประโยคได้ในสนามหลวงสำนักเรียนวัดมหาพฤฒาราม

    #งานปกครอง
    พ.ศ.๒๔๘๓ ดำรงตำแหน่งอาวาสวัดไผ่เงินโชตนาราม
    พ.ศ.๒๔๘๖ ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะตำบลบางโคล่ และรักษาการเจ้าคณะตำบลช่องนนทรี เขต ๑
    พ.ศ.๒๕๑๔ ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะแขวงบางโคล่

    #สมณศักดิ์
    พ.ศ.๒๕๑๐ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครู เทียบเท่าผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง ชั้นโท ที่ #พระครูสิริธรรมสุธี
    พ.ศ.๒๕๑๕ ได้รับแต่งตั้งเป็นพระ #อุปัชฌาย์
    พ.ศ.๒๕๑๗ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครู เทียบเท่าผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอาราม หลวงชั้นพิเศษ ในราชทินนามเดิมที่ #พระครูสิริธรรมสุธี
    พ.ศ.๒๕๔๙ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะ ชั้นสามัญที่ #พระมงคลสุธี
    หลวงพ่อสี ยโสธโร อดีตเจ้าอาวาสวัดไผ่เงินโชตนาราม เป็นพระเถระที่มีข้อวัตรปฏิบัติเคร่งครัดตามหลักธรรมวินัย ดำรงชีวิตแบบเรียบง่าย ไม่ทะเยอทะยานในลาภยศ มีอุปนิสัยที่จริงจังต่อการงานและปฏิบัติตนตามสมณวิสัย แต่ก็เป็นพระเถระที่เปี่ยมไปด้วยเมตตาคุณกรุณาคุณต่อท่านที่ได้พบเห็น ดังนั้นหลวงปู่สี ยโสธโร จึงเป็นพระเถระที่เป็นปูชนียบุคคลแก่เหล่าพระภิกษุ สามเณรในการดูแลปกครอง และพุทธศาสนิกชนทั่วไป
    ----------------------------------------------------------
    #ในด้านสังคมสงเคราะห์และการเผยแผ่
    หลวงพ่อสี ยโสธโร ท่านได้ให้การสนับสนุนพระภิกษุ สามเณรภายในวัดให้ได้รับการศึกษาพระปริยัติธรรมตามสมควแก่ ฐานานุรูป ทั้งยังให้ความอนุเคราะห์แก่นักศึกษาที่มีภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัดที่เข้ามาศึกษาต่อสถาบันต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านยังเป็นผู้อำนวยการสอน พระปริยัติธรรม ดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนพุทธศาสนาวัดอาทิตย์วัดไผ่เงินโชตนาราม ประธานมูลนิธิเพื่อการศึกษาของโรงเรียนประถมศึกษา - โรงเรียนมัธยมศึกษา และได้เป็น ผู้ริเริ่มก่อตั้งทุนมูลนิธิเพื่อการศึกษาของโรงเรียนวัดไผ่เงินโชตนาราม สังกัดกรุงเทพมหานคร ทั้งยัง เป็นองค์อุปถัมภ์โรงเรียนวัดไผ่เงินโชตนาราม และโรงเรียนอื่นๆ อีก ในเขตยานนาวา
    #งานเผยแผ่ ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการตรวจธรรม เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๒ และบาลีสนามหลวง เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๑ ศาสนกิจภายในวัดท่านได้เอาใจใส่ต่อการอบรมสั่งสอนพระภิกษุ สามเณรตลอดทั้งอุบาสกอุบาสิกาเป็นประจำโดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างพรรษา ท่านได้นำพาพระภิกษุ สามเณร ลงบำเพ็ญสมาธิภาวนาในอุโบสถ ระหว่างเวลา ๐๔ : ๐๐ - ๐๕ : ๓๐ น. เป็นกิจวัตรประจำวัน ส่วนในด้านศาสนกิจด้านต่างประเทศ ก็ได้เดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจกับคณะธรรมฑูตสายต่างประเทศหลายครั้งในเอเชีย,ออสเตรเลีย,อเมริกา,และยุโรป เป็นต้น นับว่าเป็นพระเถระธุระงานของพระศาสนาอย่างจริงจังอีกรูปหนึ่ง แม้จะมีอายุพรรษากาลมากแล้วก็ตาม
    -----------------------------------------------------------
    #ในด้ายการพัฒนา หลวงพ่อสี ยโสธโร ท่านเป็นพระเถระที่มีความสามารถและฝีมือในทางช่างสถาปัตยกรรม ตลอดถึงนวกรรม ท่านเป็นผู้นำพระภิกษุสามเณรและประชาชนบูรณะปฏิสังขรณ์ก่อสร้างถาวรวัตถุต่างๆ ภายในวัดจนเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม เป็นสัดส่วนเหมาะสมกับสถาบันวัดอันเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมแก่พระภิกษุสามเณรและสาธุชนโดยทั่วไป นับได้ว่าท่านเป็นพระนักพัฒนาทำความเจริญ ให้แก่วัดไผ่เงินโชตนารามและท้องถิ่นอย่างเหมาะสม
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับเพจวัดไผ่เงิน
    พระสมเด็จหลวงพ่อสัมฤทธิ์วัดไผ่เงินรุ่นแรกปี๒๕๑๑ ลป.สี ปลุกเสกเดี่ยวปิดโบสถ์ ๗ วัน ๗ คืน
    ท่านเป็นศิษย์ของหลวงพ่อพุ่มวัดบางโคล่นอก อายุยืนร่วม๑๐๐ ปี
    บูชา 600 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

     

แชร์หน้านี้