หลวงพ่อยอดวัดหนองปลาหมอปี๒๕๒๐
ประวัติหลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ อ.หนองแค จ.สระบุรี
หรือ พระครูประสุดสังฆกิจ อดีตเจ้าอาวาส วัดหนองปลาหมอ นับเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงอันดับหนึ่งของ จ.สระบุรี พระรูปเหมือนของท่านถึงแม้จะสร้างไม่ ทันตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ก็ตาม แต่ก็ยังเป็นที่นิยมและยกย่องให้เป็นหนึ่งใน เบญจภาคีพระรูปเหมือน ยอดนิยมของเมืองไทย และมีสนน ราคาสูงครับ หลวงพ่อยอด ท่านเป็นชาวนครราชสีมา เกิดเมื่อปีพ.ศ.2400 พออายุครบบวชท่านจึง ได้อุปสมบท โดยมีพระอาจารย์อินทร วัดมะรุม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ปล้อง วัดมะรุม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์รอด วัดมะค่า เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "อินทโชติ" ได้ศึกษาคันถธุระและวิปัสสนาธุระจากพระอุปัชฌาย์จนแตกฉาน จึงได้เดินทางมาศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมที่วัดชนะสงคราม หลวงพ่อยอดท่านได้ศึกษาวิทยาการต่างๆ อยู่ที่วัดชนะสงครามหลายพรรษา ต่อ มาท่านก็ได้รู้จักกับพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งเมืองพระนครศรีอยุธยา คือหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม และหลวงพ่อฉาย วัดพนัญเชิง ท่านจึงได้เดินทางมาที่พระนคร ศรีอยุธยา โดยจำพรรษาอยู่กับหลวงพ่อกลั่นระยะหนึ่ง จากนั้นก็ออกเดินทางมาทางอำเภอ อุทัย อำเภอหนองแค ผ่านหมู่ บ้านหนองปลาหมอ และขณะนั้นที่วัดหนองปลาหมอเดิมเป็นเพียงสำนักสงฆ์ที่ร้างอยู่ ท่านจึงดำเนินการ สร้างขึ้นเป็นวัด ในปี พ.ศ. 2432 จนเจริญรุ่ง เรืองมาจนทุกวันนี้
หลวงพ่อยอดท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นพระอธิการหมวด และเป็นพระอุปัชฌาย์ จนถึงพระครูเจ้าคณะแขวงที่ พระครูประสุดสังฆกิจ เมื่อปี พ.ศ.2460 ท่านปกครองวัดหนองปลาหมอนานถึง 54 ปี จึงมรณภาพลงในปี พ.ศ.2486 สิริอายุได้ 86 ปี พรรษาที่ 63
ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
หลวงพ่อยอดวัดหนองปลาหมอปี ๒๕๒๐
รุ่นแรกก็ไม่ทันตัวท่านปลุกเสก แต่ ราคาสูงมาก รุ่นนี้ ศิษย์ท่านปลุกเสก ใกล้จะ 50 ปีแล้วนะครับ
บูชา 170 บาทค่าส่งด่วน 30 บาทครับ
สายพระป่ากรรมฐานลป.บุญจันทร์ อุดรธานี ลป.บุญหนัก หนองคาย
ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.
หน้า 94 ของ 106
-
-
เขาหากันให้ควัก
....
ท้าวเวสสุวรรณหลวงปู่โง่นโสรโย
ท้าวเวสสุวรรณ พระพุทธเอกนพรัตน์ 12นักษัตร
หลวงปู่โง่น โสรโย วัดพระพุทธบาทเขารวก
ปลุกเสกเป็นรุ่นสุดท้าย ปี๒๕๓๘
ออกวัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ จ.นครสวรรค์
พระพุทธเอกนพรัตน์ ประดิษฐานอยู่ ณ บริเวณหัวเรือราชญาณฑีฆายุมงคล ซึ่งสร้างขึ้นในมหามงคลสมัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี เป็นปีกาญจนาภิเษก พระเทพโมลี ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มสร้างวัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ ได้คิดรวบควมพระพุทธจริยาปางต่างๆ ที่ประจำวันของเทพนพเคราะห์ทั้ง9พระองค์ มี อาทิตยเทพ จันทรเทพ เป็นต้น...
พระ12นักษัตรที่รายรอบ พระพุทธเเละท้าวเวสสุวรรณ เปรียบเสมือนการฝากดวงชะตาไว้ที่พระ
ทำเนียบท้าวเวสสุวรรณ หลวงปู่โง่น โสรโย
ท้าวเวสสุวรรณ หลวงปู่โง่น จัดสร้างตามปีดังนี้...
1.) ท้าวเวสสุวรรณปี14 ออกที่วัดมิ่งเมือง /ศาลหลักเมืองน่าน เสกพร้อมหลวงพ่อวัดดอนตัน ครูบาก๋ง. เเละเกจิสมัยนั้น ติดอันดับท้าวเวสเมืองเหนือยอดนิยมมาหลายสิบปี
2.) ท้าวเวสสุวรรณเนื้อดิน วัดโมฬี(หลวงพ่อโม้) จ.กำเเพงเพชร ปี2525
3.) ท้าวเวสสุวรรณปี2535 วัดพระพุทธบาทเขารวก จ.พิจิตร ปีนั้นสวดภาณยักษ์ที่วัดเขารวกอย่างยิ่งใหญ่ บางคนหลงว่าเป็นปี14 มี2พิมย์
3.1 )พิมย์ใหญ่หน้ายักษ์
3.2 )พิมย์เล็กหน้าเทวดา
4.) ท้าวเวสสุวรรณเนื้อผง วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ จ.นครสวรรค์ ปี2538 สร้างเป็นท้าวเวสด้านนึงอีกด้านเป็นพระพุทธเอกนพรัตน์ หรือเป็นอย่างใดอย่างนึงทั้งสองด้าน
5.) ท่านท้าวเวสสุวรรณ เนื้อดินผสมผง วัดพระพุทธบาทเขารวก ปี2541-2542 ลักษณะเป็นการนำท่านท้าวเวสสุวรรณปี2535พิมย์เล็ก พิมย์ใหญ่มารวมกัน คือขนาดเท่าพิมย์ใหญ่ เเต่ด้านหน้าคล้ายพิมย์เล็กหน้าเทวดา่
ราชาเเห่งทรัพย์จ้าวเเห่งภูติผีนายเเห่งยักษ์ทั้งปวง
ยักษ์ผู้มีเมตตา
......
หลวงปู่โง่น ท่านเป็นครูบาอาจารย์ยุคแรก
ที่สร้างและอธิฐานจิตท้าวเวสสุวรรณได้ขลังแทบทุกรุ่น
หลวงปู่โง่น ยังเมตตากล่าวรับรองว่าผู้ใดก็ตามที่พก
ท้าวเวสสุวัณของท่านย่อม รอดพ้นจากภัยพิบัติอันตราย
ทังปวง ไม่ว่าจะคุณไสย คุณคน หรือคุณผี ก็ป้องกันได้ทั้งหมด เพราะท่านสร้างขึ้น ด้วยสรรพวัสดุที่มีคุณค่าทางจิตใจจากทุกสารทิศทั่วโลก
พระพุทธเอกนพรัตน์ เป็นพระพุทธรูป ๓ องค์ ๓ สมัย ๔ อิริยาบถ ๑๐ ปาง ในฐานเดียวกันคือ ประทับยืนสมัยสุโขทัย ประทับนั่งสมัยเชียงแสน และปางไสยาสน์สมัยอู่ทอง รวมพุทธจริยา ๑๐ ปาง ประทับยืน ๕ ปาง
๑. ปางประทับรอยพระพุทธบาท
(พระกาญจนาภิเษกเป็นองค์ประธาน )
๒. ปางรำพึง ประจำวันศุกร์
๓. ปางห้ามญาติ ประจำวันจันทร์
๔. ปางถวายเนตร ประจำวันอาทิตย์
๕. ปางอุ้มบาตร ประจำวันพุธ ประทับนั่ง ๓ ปาง คือ
๖. ปางนาคปรก ประจำวันเสาร์ มีนาค ๙ เศียร
๗. ปางสมาธิ ประจำวันพฤหัสบดี
๘. ปางปาลิไลยก์ ประจำวันพุธกลางคืน
ประทับบรรทม ( ไสยาสน์ ) ๒ ปาง คือ
๙. ปางไสยาสน์ ประจำวันอังคาร
๑๐. ปางพระเกศธาตุ ประจำพระเกตุ
(พระหัตถ์แตะพระเศียร ) ถอนเส้นพระเกศา
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
ให้บูชา 320 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
-
พระผงรูปเหมือนพ่อท่านศรีแก้ววัดห้วยเงาะเนื้อว่าน พ่อท่านเขียวปลุกเสก ปี๒๕๓๖
บรรพชา
เมื่ออายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ นายศรีแก้วจึงได้รับการอุปสมบทในราว พ.ศ. 2378 ณ วัดห้วยเงาะ โดยมี หลวงพ่อจันทร์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์หลวงปู่หิด เป็นพระกรรมวาจาจารย์
พระศรีแก้วเป็นพระที่ใฝ่หาในวิทยาคมและขยันหมั่นเพียร เมื่อเป็นพระภิกษุท่านได้ศึกษาเวทย์จากหลวงพ่อจันทร์ จนบรรลุในจุดที่สามารถจะไปไหนมาไหนได้อย่างอาจารย์เมื่อถึงจุดหนึ่งพระศรีแก้วจึงออกธุดงค์ เพื่อเสาะหาอาจารย์ที่เรืองเวทย์ในสถานที่ต่าง ๆ กัน โดยไม่จำกัดว่าวิชาเหล่านั้นท่านได้มาจากเพศบรรพชิตหรือฆราวาส ตามประวัติท่านออกธุดงค์เงียบหายไปเป็นเวลานานมาก เงียบหายไปกับกาลเวลา
พระศรีแก้ว กลับมาวัดห้วยเงาะอีกครั้งหนึ่ง แต่ครานี้ท่านกลับกลายเป็น หลวงพ่อศรีแก้วผู้เข้มขลังด้วยพระเวทย์ เต็มเปี่ยมเมตตาปรานี เพียบพร้อมด้วยไสยและโหราศาสตร์และวิชาแพทย์แผนโบราณ แต่น่าเสียดายที่สมุดบันทึกมิได้กล่าวถึงรายนามพระอาจารย์ของท่าน ที่ท่านออกธุดงค์ไปพบเจอพร้อมทั้งศึกษาไสยเวทย์ มาให้ชนรุ่นหลังได้ทราบ ทราบแต่เพียงว่าท่านธุดงค์ไปถึง ถ้ำผ่าปล่องสู่ถ้ำเชียงดาว ระยะทางจากปัตตานี ถึง เชียงใหม่ ในเวลานั้นจะ
สุดยอดขนาดไหน ที่แน่ ๆ เส้นทางเมื่อ 100กว่า ปี ที่แล้วต้องเต็มไปด้วยป่าไม้รกทึบ ไข้ป่า สัตว์ป่านานาชนิดแน่นอน พระเวทย์ของพระเกจิอาจารย์ในสมัยก่อนสุดหยั่งจริง ๆ ยิ่งมีอยู่ในตัวเท่าไหร ยิ่งทำให้พระเกจิท่านนั้น ดูภูมิฐาน อิ่มเอิบสดใส คงเป็นไปได้ว่า พระเกจิสมัยก่อนนั้น ทุก ๆ ท่านหยั่งรู้ได้ทั้งอดีต ปัจจุบัน และ อนาคต เป็นแน่แท้
พระเวทย์อีกวิชาหนึ่งซึ่งประจักษ์แก่สายตาชาวท้องถิ่น คือ วิชาสั่งกระสุน (ธนู) วิชานี้ท่านเอาไว้ใช้ปราบเด็กอันธพาลเกเร ที่ไม่เชื่อฟัง ในสมัยต้องมีวิธีการที่ใช้ปราบเด็กเกเรให้เด็ดขาด วิธี หลวงพ่อศรีแก้วท่านสั่งสอนแบบธรรมดา คือ ผู้ที่โดดลูกธนูของท่านก็จะไม่กระทำในสิ่งที่ผิดที่คิดจะกระทำอีก และทราบด้วยว่ากระสุนนั้นเป็นของใครทุกคนที่โดนจะต้องเข้าไปกราบไหว้ท่านและต้องกลับตัวเป็นคนดีประสอบการณ์เรื่องนี้มีมากมาย
วิธีใช้ เมื่อท่านจะสั่งกระสุนไปโดนใคร (ลูกธนูดิน) ท่านจะนั่งบริกรรมพระคาถาอยู่ในกุฏิ คนที่จะกระทำผิดก็จะโดดลูกธนู พร้อมเสียงร้อง โอ๊ย ทุกคน
วิชาสั่งกระสุนนี้ ชาวบ้านในแถบถิ่นรู้กันดี ว่าถ้าใครโดด คือ หลวงพ่อท่านเตือนแล้ว อย่าได้บังอาจคิดกระทำผิดอยู่ ฉะนั้นในละแวกวัดจึงมีแต่คนคิดดี ทำดี
หลวงปู่แดง วัดศรีมหาโพธิ์ จ.ปัตตานี เคยกล่าวไว้เกี่ยวกับสายพระเวทย์ว่า � วิชาไสยศาสตร์และคาถาอาคม เปรียญเหมือนมีดเราจะใช้ทำอะไรก็ได้ ฆ่าคน ทำร้ายคนหรือนำมาเป็นประโยชน์ป้องกันตัว ช่วยคน ตัดไม้ทำอาหาร มีดมิใช่ว่าใช้ทำร้ายคนอย่างเดียว ประโยชน์ต่าง ๆ ก็มีมากมาย�
เป็นพระอุปัชฌาย์
หลวงพ่อศรีแก้ว ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ ในรัชสมัยราชที่ 4 หลวงพ่อได้ให้การบรรพชาและอุปสมบทแก่กุลบุตร ผู้มีความศรัทธาอย่างกว้างขวางท่านต้องรับภาระหนักมาก ทุกปีจะต้องเดินทางไกลโดยใช้ช้างเป็นพาหนะ ช้างของท่านมีอยู่ 2 เชือก ชื่อ อ้ายหนุน เป็นช้างพราย และ บูดาหยัง เป็นช้างพัง
ทำงานพระศาสนา
หลวงพ่อผู้เปี่ยมด้วยเมตตาแก่ผู้เข้าสนทนาด้วยความปิติในศีลาจารวัตรว่า
�ตลอดชีวิตของกู ทำนกบินหลาตาย ตัวเดียว�
หลวงพ่อศรีแก้ว สมัยท่านยังมีชีวิตอยู่ หลังจากวันเพ็ญวิสาขะมาศ ท่านก็จะออกเดินทางจากวัดห้วยเงาะ โดยมีช้างเป็นพาหนะ รอนแรมไปตามทาง เพื่อให้การอุปสมบทแก่ชาวพุทธที่อาศัยอยู่ใน กลันตัน ปะริด ไทรบุรี ในสมัยนั้น กลันตัน ปะริด ไทรบุรี ยังเป็นเขตแดนไทยอยู่ เพราะ หลวงพ่อศรีแก้ว มีชีวิตอยู่ พ.ศ. 2357 � พ.ศ. 2447 แต่ไทยเสียดินแดน กลันตัน ปะริด ไทรบุรี ประมาณ พ.ศ 2451 เมื่อเสร็จภารกิจแล้ว ก็จะเดินทางอ้อมกลับไปทางสงขลา
กว่าจะเดินทางมาถึงวัดห้วยเงาะ เป็นเวลาถึง 8 เดือน จึงให้การอุปสมบทแก่วัดค้างเคียงก่อน และจะอุปสมบท ที่วัดห้วยเงาะ เป็นครั้งสุดท้าย หลวงพ่อท่านจึงอธิษฐานเข้าพรรษา
มรณภาพ
หลวงพ่อศรีแก้วทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาในภาคใต้ของไทยตลอดจน กลันตัน ปะริด ไทรบุรี จนกระทั่งได้ร่วงเลยมาถึงวัยชรา ท่านได้ถึงกาลมาณภาพ ในวัย 90 พรรษา พรรษาที่ 69
หลวงพ่อศรีแก้วได้มรภาพลงแล้วชาวพุทธผู้ศรัทธาในองค์หลวงพ่อก็หล่งไหลไปนมัสการกราบไหว้บูชา บางคนมีเรื่องทุกข์ร้อน ก็บนหลวงพ่อของความเมตตา หากสิ่งใดเป็นไปเพื่อความสุจริต ก็จะสมปรารถสิ่งนั้นตามสมควร
จึงมีคนพูดว่า บนพ่อท่านในหีบ
พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ บรรพชาอุปสมบท เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ.2492 ณ.พัทธสีมา วัดนางโอ
โดยมี พระครูมนูญสมณการ วัดพลานุภาพ เป็นพระอุปัชฌาย์
พระอธิการแดง ธมฺมโชโต วัดนาประดู่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
พระอธิการทอง จนฺทโชโต วัดภมรคติวัน เป็นพระอนุสาวนาจารย์
พระอธิการดำ ติสสโร เจ้าอาวาส วัดนางโอในขณะนั้น เป็นประธานสงฆ์ พระสงฆ์หัตถบาส เป็นพระอาจารย์ ผู้ที่ประสิทธิ์ประศาสน์ วิชาความรู้ ให้พ่อท่านเขียวมาตั้งแต่ครั้งยังเป็นฆราวาส
หลังจากครองผ้าเหลือง พ่อท่านเขียว ได้จำพรรษาอยู่วัดนางโอ โดยท่านได้ใช้เวลาว่างทั้งหมด เล่าเรียนการสวดมนต์ต่างๆ และรวมถึงการสวดภาณยักษ์ แบบฉบับของภาคใต้ กระทั่งพรรษา 2 ท่านได้ย้ายไปจำพรรษาที่วัดสุนทรบัญชาราม อ.รามัญ จ.ยะลา ครั้งถึงพรรษาที่ 3 พ่อท่านเขียว ได้กลับมาจำพรรษาที่วัดนางโออีกครั้ง ได้ศึกษาวิชาอาคมต่างๆ กับ �ตาเลี่ยม�ฆราวาสที่เชี่ยวชาญ ด้านวิปัสสนา รวมทั้งศึกษาสรรพวิชาต่างๆจากผู้เรืองพระเวทย์วิทยาคมอีกหลายท่าน
นอกจากนี้ พ่อท่านเขียวยังได้ศึกษาในทางธรรม ท่านปฏิบัติเคร่งครัด ศึกษาด้านปริยัติธรรมบาลีไวยากรณ์และนักธรรม รวมถึงการสวดมนต์ สาธยายธรรม ด้วยเหตุนี้เอง พ่อท่านเขียวท่านจึงสามารถ สวดปาฏิโมกข์ได้ตั้งแต่ในพรรษาที่ 5 พ่อท่านเขียว สอบได้นักธรรมโทและต่อมา ท่านได้รับตำแหน่ง รักษาการเจ้าอาวาส วัดนางโอ จนกระทั่งได้เป็นเจ้าอาวาสในลำดับต่อมา ในระหว่างนี้ท่านเองเป็นสหธรรมมิกกับ �พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ � ด้วยความที่วัดอยู่ใกล้กัน ท่านทั้งสองจึงได้เคยร่วมสังฆกรรม สนทนาธรรม และร่วมในพิธีกรรมต่างๆด้วยกันเสมอ
แม้กระทั่งพ่อท่านเขียว ยังเคยไปช่วยตำว่านยาต่าง ๆ ให้กับพระอาจารย์ทิม เมื่อครั้งที่สร้างหลวงปู่ทวด 2497 อันโด่งดัง คณะนั้นพระอาจารย์ทิมไม่ได้สร้างไว้เพื่อเช่า แต่สร้างไว้เพื่อมอบให้กับผู้ที่ร่วมทำบุญสร้างพระอุโบสถ
พ่อท่านเขียวเป็นพระที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัยมาก ไม่เคยยกตัวออดดี และตั้งแต่บวชมาไม่เคยยึดติดในลาภยศ สรรเสริญ พ่อท่านเขียวได้เคยเล่าให้ศิษย์ใกล้ชิดฟังว่า พรรษาแรกที่ท่านบวชท่านได้ถูกขโมยรองเท้าไป หลังจากนั้นมาท่านจึงเลิกส่วมรองเท้ามาจนถึงทุกวันนี้
พ่อท่านเขียว ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีลูกศิษย์ลูกหามากในภาคใต้ ด้วยเหตุนี้ท่านจึงต้องรับกิจนิมนต์ไปปลุกเสกวัตถุมงคลทั่วประเทศ ทั้ง ๆ ที่ท่านก็ชราภาพมากแล้ว
เหตุนี้เองทำให้ชาวบ้านและญาติโยม จึงให้ความเคารพศรัทธาพ่อท่านเขียว กันเกินคณานับในปัจจุบัน
ข้อมูลส่วนใหญ่ คัดลอกมาจากหนังสือ พระอาจารย์เขียว กิตติคุโณ วัดห้วยเงาะ ทั้งนี้เพื่อเป็นการเผยแผ่ ประวัติ คุณงาม ความดี ของบูรพาจารย์ ให้ชนส่วนใหญ่ได้ทราบ และ มิให้หายสาบสูญไปตามกาลเวลา
จึงขออณุญาติทางวัดห้วยเงาะ มา ณ ที่นี้ด้วยครับ
ขอบคุณท่านเจ้าของระบบความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
พระผงรูปเหมือนพ่อท่านศรีแก้ววัดห้วยเงาะเนื้อว่าน พ่อท่านเขียวปลุกเสกปี๒๕๓๖ สวยเดิม กล่องเดิม
ให้บูชา 230 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
-
พระสมเด็จหลวงปู่เจือวัดกลางบางแก้วตะกรุดเงิน ๒ ดอก สร้างปี๒๕๕๑ อายุ ๘๓ ปี
หลวงปู่เจือ ปิยสีโลสุดยอดพระเกจิอาจารย์เรืองนามเมืองเจดีย์ใหญ่ในอดีต มิพักต้องกล่าวถึงเกียรติคุณของ หลวงปู่บุญ ขันธโชติ และ หลวงปู่เพิ่ม ปุญญวสโน แห่งสำนักวัดกลางบางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
แม้บูรพาจารย์ทั้ง 2 ท่าน จะล่วงลับดับสังขารไปแล้ว แต่วิทยาคมอันเรืองอิทธิฤทธิ์ของท่านยังเลื่องลือขจรไกลไป ทั่วสารทิศอย่างไรก็ดี เมื่อสิ้นบุญหลวงปู่บุญและหลวงปู่เพิ่ม สำนักวัดกลางบางแก้ว ได้ปรากฏนาม หลวงปู่เจือ ปิยสีโล ศิษย์เอกสายตรงหลวงปู่เพิ่ม เป็นทายาทสืบทอดวิทยาคม ปัจจุบัน หลวงปู่เจือ ปิยสีโล สิริอายุ 82 พรรษา 56 เป็นรองเจ้าอาวาสวัดกลางบางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
อัตโนประวัติหลวงปู่เจือ
เกิด ในสกุล เนตรประไพ เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2468 ที่บ้านท้ายคุ้ง ต.ไทยยาวาส อ. นครชัยศรี จ.นครปฐม โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายแพและนางบู่ เนตรประไพ ในช่วงวัยเยาว์ ศึกษาเล่าเรียนจบชั้นประถมปีที่ 4 จากโรงเรียนวัดประชานาถ (วัดโคกแขก) แล้วมาช่วยครอบครัวทำนาหาเลี้ยงชีพ
กระทั่งอายุได้ 26 ปี จึงกราบลาบุพการีเข้าพิธีอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดกลางบางแก้ว โดยมีพระครูพุทธวิถีนายก (เพิ่ม ปุญญวสโน) เจ้าอาวาสวัดกลางบางแก้ว เป็นพระอุปัชฌาย์, พระธรรมธรมูล วัดกลางบางแก้ว เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูพุทธไชยศิริ (ผูก) วัดใหม่สุประดิษฐาราม เป็นพระอนุสาวนาจารย์
หลังอุปสมบท อยู่จำพรรษาที่วัดกลางบางแก้ว ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมอย่างมุ่งมั่น สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก
พ.ศ.2504 ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระฐานานุกรมพระสมุห์ ของพระพุทธวิถีนายก(เพิ่ม)
พ.ศ.2528 ได้รับการแต่งตั้งเป็นรองเจ้าอาวาสวัดกลางบางแก้ว และเป็นพระกรรมวาจาจารย์
แม้นเคยได้รับเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดกลางบางแก้ว แต่ท่านปฏิเสธ ทั้งที่เพียบพร้อมทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิ
หลวงปู่เจือ เป็นศิษย์สายตรงวัดกลางบางแก้ว เริ่มจากเป็นพระลูกวัดศิษย์อุปัฏฐากรับใช้สนองงานของหลวงปู่เพิ่ม โดยมีหน้าที่คอยจัดสร้างเบี้ยแก้ตามคำสั่งของหลวงปู่เพิ่ม ประกอบพิธีกรรมตั้งแต่เริ่มบรรจุปรอท ใช้ตะกั่วหุ้มหอยเบี้ย ลงอักขระเลขยันต์ ถักเชือกหุ้มหอยเบี้ยด้วยมือ
เมื่อทำสำเร็จจะนำไปขอบารมีให้หลวงปู่เพิ่มปลุกเสกอีกครั้ง ก่อนจะนำออกแจกจ่ายลูกศิษย์ กล่าวได้ว่า หลวงปู่เจือ ได้สืบทอดวิธีจัดสร้างเบี้ยแก้ อันเป็นสุดยอดวิชาของหลวงปู่บุญและหลวงปู่เพิ่มไว้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด
สรรพคุณหรือพุทธคุณเบี้ยแก้หลวงปู่เจือ เป็นที่ร่ำลือในด้านแคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหานิยม และป้องกันคุณไสยต่างๆ สามารถกันถูกกระทำย่ำยี กันคุณผี คุณไสยเวท อาถรรพณ์ ยาสั่ง ฝังรูปฝังรอย ผีเข้าเจ้าสิง กันไข้ป่าสารพัด ผีป่า ผีโป่ง ผีเปิ่ง ผีปอบกองกอย กันจิตคิดวิกลด้วยโรคอุปาทาน กันมนต์ยาดำย่ำยีด้วยเล่ห์กลมายาสารพัด เป็นต้น
นอกจากการสร้างเบี้ยแก้อันลือลั่นแล้ว หลวงปู่เจือ ยังสร้างยาจินดามณี อันเป็นวิชาที่สืบทอดตำรับของวัดกลางบางแก้วอย่างสมบูรณ์อีกหนึ่งขนาน
ยาจินดามณี หรือ ยาวาสนา (ยาต่ออายุ) เป็นยาที่สำเร็จด้วยสมุนไพรและปลุกเสกด้วยมหาพุทธาคม ต้องรวบรวมตัวยาตามตำรับคัมภีร์ที่โบราณาจารย์ระบุไว้ตามสูตร การผสมบดยาต้องใช้พระสงฆ์ผู้ทรงศีลบริสุทธิ์หรือฆราวาสนุ่งขาวห่มขาว สมาทานศีล รักษาศีลอุโบสถ ผสมยาอยู่ในอุโบสถ ปริมณฑลวงสายสิญจน์ การตำบด ปั้นตัวยา ต้องบริกรรมภาวนาพระคาถาตลอด และต้องให้เสร็จตามฤกษ์ที่กำหนดด้วย
ยาจินดามณี ใช้อธิษฐานทำน้ำมนต์ อาบ กิน ป้องกันและปัดเสนียดจัญไร บูชาติดตัวไว้จะเป็นเสน่ห์ เมตตามหานิยม เจริญด้วยโชคลาภ หญิงมีครรภ์รับประทาน 3 เม็ดคลอดลูกง่าย มีผิวพรรณวรรณะผุดผ่องใส สติปัญญาดี
นอกจากนี้ หลวงปู่เจือ ยังได้สร้างวัตถุมงคลไว้แจกจ่ายแก่ศิษยานุศิษย์อีกหลายแบบหลายรุ่น เช่น เหรียญเสมาหลวงปู่เจือ รุ่น 1 พ.ศ. 2534 เนื้อเงิน เนื้อกะไหล่ทอง รูปหล่อลอยองค์ รูปเหมือนบูชา พระพิฆเนศวรบูชา พระกริ่งนเรศวรตรึงไตรภพ พระพิมพ์ปรกโพธิ์เนื้อผง พระนางพญาสะดุ้งกลับเนื้อผงขมิ้นเสก และเนื้อดินเผา พระพิมพ์เศียรโล้น พระพิมพ์ซุ้มแหลม พระขุนแผนเคลือบ เหรียญหล่อหลวงปู่เจือ พระปิดตา เนื้อผง ผ้ายันต์และยาจินดามณี
ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2550 ตรงกับวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 82 ปี คณะศิษย์ได้จัดงานบุญถวายเป็นมุทิตาสักการะ โดยจัดสร้างวัตถุมงคลพระผงเนื้อยาวาสนาจินดามณี รุ่นแรก เป็นพระผงพิมพ์นางพญาสะดุ้งกลับพิมพ์เจ้าสัว พิมพ์ปรกโพธิ์ใหญ่ และพิมพ์พระปิดตา เนื้อผงยาจินดามณีที่นำมาจัดสร้างประกอบพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ตามตำรับของวัดกลางบางแก้ว เมื่อวันเพ็ญกลางเดือนสิบสอง ปีที่ผ่านมา โดยประกอบพิธีกรรมภายในอุโบสถวัดกลางบางแก้ว โดยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เสด็จทรงเป็นประธานในการประกอบพิธีสร้างยาจินดามณีดังกล่าว
หลวงปู่เจือ ดำเนินชีวิตด้วยความมักน้อยสันโดษ ไม่ยินดียินร้ายในลาภสักการะทั้งหลายทั้งปวง เคร่ง ครัดในศีลาจารวัตร ส่งผลให้ท่านเป็นที่เคารพนับถือของศิษยานุศิษย์ตลอดทั้งพุทธศาสนิกชนทั่วไป
ความเรียบง่ายของหลวงปู่เจือ เห็นได้อย่างชัด เจน เมื่อมีชาวบ้านไปขอบูชาเบี้ยแก้ที่กุฏิ แล้วให้ท่านประสิทธิ์ประสาท หลวงปู่เจือจะเมตตาทำให้ทุกคน บางคนให้ท่านปลุกเสก ลงเหล็กจาร ท่านจะเมตตาตั้งใจทำอย่างดีเป็นที่ประทับใจของผู้พบเห็น
ตลอดชีวิตในช่วงที่ครองตนอยู่ในเพศบรรพชิตของหลวงปู่เจือ ท่านได้เคยปรารภว่า เจอมาทั้งความสำเร็จและอุปสรรคขัดขวาง ทั้งจากทางตรงและทางอ้อม ทั้งมนุษย์และสัตว์ที่เรียกได้ว่ามารผจญ แต่ท่านก็ยึดหลักยึดมั่นจนฟันฝ่ามาได้ คือ ทนเอา อดทน อดกลั้น รวมทั้งแนวความคิดรับสืบทอดมาจากครูบาอาจารย์ ท่านได้นำมาสั่งสอนแก่ลูกศิษย์ว่า ให้มีความเพียร ขยัน อดทน
หลวงปู่เจือ จึงนับเป็นพระเกจิอาจารย์ ที่มีวัยวุฒิอาวุโสรูปหนึ่งแห่งลุ่มแม่น้ำนครชัยศรี จ.นครปฐม เป็นพระเกจิอาจารย์ ที่สมถะเรียบง่าย มักน้อย สัน โดษ มีความเป็นอยู่แบบพระที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย เมตตาบารมีสูง เป็นพระเถระที่ควรแก่การกราบไหว้โดยแท้.
เมื่อ วันที่ 3 ส.ค.2551 ซึ่งเป็นวันที่หลวงปู่เจือสิริอายุครบ 83 ปี ท่านได้อนุญาตให้ศิษยานุศิษย์จัดสร้างวัตถุมงคลและได้มอบมวลสารผงยาวาสนา จินดามณี ชนวนวัตถุมงคลต่างๆ ที่ชำรุดตั้งแต่สมัยหลวงปู่บุญ-หลวงปู่เพิ่มให้นำมาจัดสร้างวัตถุมงคลรุ่น ที่ระลึกครบรอบ 83
วัตถุมงคลที่ระลึกครบรอบ 83 ปี หลวงปู่เจือ ปิยสีโล ศิษย์รุ่นสุดท้าย สายวัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม สร้างน้อยมีจำนวนจำกัด
พิธีพุทธาเษกยิ่งใหญ่ที่สุดของ หลวงปู่เจือ ปิยสีโล ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ปลุกเสกในวิหารใหญ่ หลวงปู่บุญ-หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม
ในวันที่ 3 สิงหาคม 2551
วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง วัตถุมงคลหลวงปู่เจือ ปิยสีโล
1. เพื่อนำเงินรายได้ไปก่อสร้างสะพานให้ประชาชนเดินไปกราบไหว้พระพุทธมหามงคลโลก ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหน้าตัก 5.5 เมตร สูง 13 เมตร น้ำหนัก 120 ที่ประดิษฐานอยู่ ณ. เกาะกลางบึงใหญ่ วัดอุทกวราราม ต.สระแก้ว อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งปัจจุบันเป็นสะพานที่ใกล้ชำรุดทรุดโทรม
2. เพื่อนำเงินร่วมสมทบทุนให้กับ ชมรมคนรักศิลธรรม เพื่อให้ในกิจกรรมต่างๆ ที่ทางชมรมได้ช่วยเหลือแก่หน่วยงานและมูลนิธิต่างๆ
รายการวัตถุมงคล หลวงปู่เจือ รุ่น ที่ระลึกครบรอบ 83 ปี มีดังนี้
1. เหรียญเสมาพุฒซ้อน บุญ-เพิ่ม หลังหลวงปู่เจือ ปิยสีโล ขนาด 3.7 ซม.
1.1 เนื้อทองคำ ( ตอกโค๊ด 3 ตัว รันนัมเบอร์ ) น้ำหนัก 27 กรัม
1.2 เนื้อเงิน ( ตอกโค๊ด 3 ตัว รันนัมเบอร์ )
1.3 เนื้อนวะ ( ตอกโค๊ด 3 ตัว รันนัมเบอร์ )
1.4 เนื้อทองแดง ( ตอกโค้ด 1 ตัว )
2. เหรียญกลมหลวงปู่เจือ ปิยสีโล ขนาด 3.2 ซม.
2.1 เนื้อทองคำ ( ตอกโค๊ด 3 ตัว รันนัมเบอร์ ) น้ำหนัก 23 กรัม
2.2 เนื้อเงิน ( ตอกโค๊ด 3 ตัว รันนัมเบอร์ )
2.3 เนื้อนวะ ( ตอกโค๊ด 3 ตัว รันนัมเบอร์ )
2.4 เนื้อทองแดง ( ตอกโค๊ด 1 ตัว )
3. พระสมเด็จหลวงปู่เจือ ปิยสีโล หลังองค์พระปฐมเจดีย์
3.1 เนื้อผงยาจินดามณีตำหรับวัดกลางบางแก้ว ฝังตะกรุดทองคำ 2 ดอก ( กรรมการ )
3.2 เนื้อผงยาจินดามณีตำหรับวัดกลางบางแก้ว ฝังตะกรุดเงิน 2 ดอก
3.3 เนื้อขมิ้นเสกตำหรับวัดกลางบางแก้ว ฝังตะกรุดทองคำ 2 ดอก ( กรรมการ )
3.4 เนื้อขมิ้นเสกตำหรับวัดกลางบางแก้ว ฝังตะกรุดเงิน 2 ดอก
3.5 เนื้อขาวผสมผงพุทธคุณ 108 ตำหรับวัดกลางบางแก้ว ฝังตะกรุดเงิน 2 ดอก
4. พระขุนแผน พิมพ์สะดุ้งกลับ หลวงปู่เจือ ปิยสีโล หลังองค์พระปฐมเจดีย์
4.1 เนื้อผงยาจินดามณีตำหรับวัดกลางบางแก้ว ฝังตะกรุดทองคำ 1 ดอก ( กรรมการ )
4.2 เนื้อผงยาจินดามณีตำหรับวัดกลางบางแก้ว ฝังตะกรุดเงิน 1 ดอก
4.3 เนื้อขมิ้นเสกตำหรับวัดกลางบางแก้ว ฝังตะกรุดทองคำ 1 ดอก ( กรรมการ )
4.4 เนื้อขมิ้นเสกตำหรับวัดกลางบางแก้ว ฝังตะกรุดเงิน 1 ดอก
4.5 เนื้อขาวผสมผงพุทธคุณ 108 ตำหรับวัดกลางบางแก้ว ฝังตะกรุดเงิน 1 ดอก
5. ล็อกเกตซุบเปอร์จัมโบ้ บุญ-เพิ่ม-เจือ สูง 5.2 ซม. หลังเนื้อผงยาจินดามณี
5.1 ล็อกเกตซุบเปอร์จัมโบ้ฉากทองฝังตะกรุดทองคำ 2 ดอก ( กรรมการ )
5.2 สีฟ้าหลังแผ่นปั๊มองค์พระปฐมเจดีย์ฝังตะกรุดเงิน 2 ดอก
5.3 สีขาวหลังแผ่นปั๊มองค์พระปฐมเจดีย์ฝังตะกรุดเงิน 2 ดอก
6. พระปรกใบมะขาม พิมพ์สะดุ้งกลับ
6.1 พระปรกใบมะขาม พิมพ์สะดุ้งกลับ เนื้อทองคำ - เงิน - นวะ - ตะกั่ว - ทองแดง ( กรรมการ )
6.2 พระปรกใบมะขาม พิมพ์สะดุ้งกลับ เนื้อทองแดง
บล็อกทุกพิมพ์และโค๊ดทุกตัวของพระชุดนี้ หลังจากเสร็จพิธีจะทำลายและเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์พระพุทธวิถีนายก หลวงปู่บุญ หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว นครชัยศรี จ.นครปฐม
กำหนดพิธีพุทธาภิเษก : วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2551 ณ วิหารใหญ่ หลวงปู่บุญ-หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม
.........
ทุกพิมพ์ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดีจนกระทั่งได้รับการยอมรับทั้งในและนอกวงการพระว่า มีความเป็นเอกลักษณ์และสวยงามอีกทั้งมวลสารและผงพุทธคุณต่างๆ ที่นำมาผสมลงในวัตถุมงคลนี้ ล้วนเป็นต้นตำรับเดิมของวัดกลางบางแก้วแทบทั้งสิ้น โดยเฉพาะผงยาจินดามณีและผงขมิ้นเสก ซึ่งเป็นมวลสารที่หายากก็ได้นำมาจัดสร้างเป็นวัตถุมงคลรุ่นนี้ด้วยพิธีพุทธภิเษก
นับว่ายิ่งใหญ่ที่สุดของ “หลวงปู่เจือ ปิยสีโล” และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ปลุกเสกในวิหารใหญ่ “หลวงปู่บุญ-หลวงปู่เพิ่ม” วัดกลางบางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ในวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2551 พร้อมทั้งมีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังอีก 15 รูป ร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสกด้วย
ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
-
เขาหากันให้ควัก
พระผงรูปเหมือนครูบาศรีวิชัยออกวัดพระธาตุสบฝางปี ๒๕๑๘ หลวงปู่โต๊ะวัดประดู่ฉิมพลีปลุกเสกและครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆ
พระนิยตโพธิสัตว์
คือพระโพธิ์สัตว์ที่ได้รับการพยากรณ์จาก"พระพุทธเจ้าแล้วว่า ท่านจะมาเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อๆ ไป
"พระนิยตโพธิสัตว์"
พระโพธิสัตว์ที่ได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าแล้ว และได้รับการกล่าวขาน
หรือได้รับการบันทึกไว้เป็นบันทึกตัวอักษร
ไว้ว่า จะได้เป็นพระพุทธเจ้า องค์ต่อๆไปในอนาคตกาลข้างหน้า ไว้ดังนี้
๑ ครูบาเจ้าศรีวิชัย สิริวิชโย
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เคยพบและสนทนา
ธรรมกับ “พระครูบาศรีวิชัย” หลังจากที่
พระครูบาศรีวิชัยถูกอธิกรณ์แล้ว หลวงปู่มั่น
เคยออกปากชวนพระครูบาศรีวิชัยออกมาปฏิบัติกัมมัฏฐานด้วยกัน แต่พระครูบาศรีวิชัยปฏิเสธ โดยกล่าวว่าท่านได้บำเพ็ญบารมีมาทางพระโพธิสัตว์ และได้รับการพยากรณ์
แล้ว เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ต่อมาพระอุบาลี
คุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) สนใจใคร่
รู้ถึงภูมิธรรมและปฏิปทาตามวิถีทางที่พระ
ครูบาศรีวิชัยดำเนินอยู่ จึงได้สอบถาม
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ซึ่งท่านได้กราบเรียน
พระเดชพระคุณให้ทราบว่า…
“พระศรีวิชัยองค์นี้เป็นพระโพธสัตว์
ปรารถนาพระโพธิญาณ ขณะนี้กำลังบำเพ็ญเพียรสร้างสมบารมีอยู่ ซึ่งต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารอีกนาน จนกว่าการสั่งสม
บารมีธรรมจะบริบูรณ์ จะมาตรัสรู้เป็นองค์
ที่ ๑๐ พระสุมังคโลพุทธเจ้า นับจากพระศรี
อาริยเมตไตรโยองค์ที่ ๑…....
................
ครูบาศรีวิชัย หรือพระศรีวิชัย เกิดเมื่อวันอังคารที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๔๒๑ ปีขาล
เป็นบุตรของนายควายกับนางอุสา ที่บ้านปาง ต.แม่ตืน อ.ลี้ จ.ลำพูน เมื่อคลอดมานั้นเกิดเหตุกาณ์ฝนตกฟ้าคะนอง มีเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่า จึงได้ตั้งชื่อบุตรชายนั้นว่า “เฟือน” เป็นภาษาท้องถิ่นภาคเหนือ มีความหมายว่าสะเทือนเลื่อนลั่น เมื่อครั้งเจริญวัย ขณะนั้นครูบาขัตติยะ หรือครูบาแข้งแคระ เดิมจำพรรษาในวัดที่อยู่ในตัวเมืองลำพูนในปัจจุบัน ได้ธุดงค์ไปพำนักยังวัดบ้านปาง เป็นโอกาสอันดีที่นายเฟือน ได้ศึกษาหลักธรรมตลอดจนวัตรปฏิบัติต่างๆ จนเมื่ออายุครบ ๑๘ ปี ทางบิดามารดาจึงจัดให้มีการบรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดบ้านปาง เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๒
สามเณรเฟือน ได้มีอายุครบกำหนดอุปสมบท
โยมบิดามารดา จึงได้พาไปอุปสมบทยังอุโบสถวัดบ้านโฮ่งหลวง อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน
ได้รับฉายาว่า “สิริวชโยภิกฺขุ”
เมื่อครูบาแข้งแคระ ได้มรณภาพลง พระศรีวิชัย ก็ได้บูรณะซ่อมแซมวัดบ้านปางให้สะดวกต่อการจำพรรษาของพระภิกษุและการประกอบศาสนกิจ ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงระบบการบริหารราชการแผ่นดินตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ เป็นต้นมา ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการปกครองของคณะสงฆ์ อันเป็นผลมาจากการตราพระราชบัญญัติปกครองคณะสงฆ์ ร.ศ. ๑๒๑ ขึ้น
แต่เดิมการปกครองคณะสงฆ์ล้านนานั้น จะปกครองในระบบ “หมวดอุโบสถ”
ในขณะที่การปกครองแบบใหม่นั้นขึ้นตรงต่อกรุงเทพฯ มีระบบการบริหารที่ลดหลั่นกันตามลำดับ โดยต้องได้รับการแต่งตั้งจากส่วนกลางทั้งสิ้น หนึ่งในนั้นคือการอนุญาตให้บวช
ซึ่งผู้ที่จะอนุญาตให้บวชได้นั้นต้องมีตราตั้งก่อน ส่งผลให้เกิดความขัดแย้งระหว่างครูบาศรีวิชัยกับส่วนกลางเป็นเวลายาวนานหลายปี(สุวพันธุ์ จันทรวรชาติ, ๒๕๕๙, ๗)
ครูบาเจ้าศรีวิชัยเริ่มการบูรณะศาสนสถานต่างๆ ในวัดบ้านปางและศาสนสถานที่ทรุดโทรมในจังหวัดลำพูน เช่น วัดพระธาตุหริภุญชัย วัดจามเทวี(กู่กุด) และแห่งอื่นๆในภาคเหนือ ทำให้เกิดเป็นรูปแบบงานศิลปกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ที่มีรูปแบบเฉพาะในยุคนั้น
๒๒ มีนาคม ๒๔๘๑ ครูบาศรีวิชัยได้มรณภาพ ณ วัดบ้านปาง อันเป็นวัดเดิมที่ท่านจำพรรษา สิริอายุ ๖๐ปี ต่อมาได้เชิญศพมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดจามเทวี ในตัวเมืองลำพูน พระราชทานเพลิงศพเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๑ ณ วัดจามเทวี และได้สร้างกู่อัฐิสำหรับเป็นที่สักการะของประชาชน ณ วัดแห่งนี้ด้วย
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
พระผงรูปเหมือนครูบาศรีวิชัยออกวัดพระธาตุสบฝางปี ๒๕๑๘ หลวงปู่โต๊ะวัดประดู่ฉิมพลีปลุกเสกและครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆ หลวงปู่โต๊ะเคยมาจำพรรษาที่วัดพระธาตุสบฝาง
ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
-
แบบนี้เขาหากันให้ควักไอ้ทิด
พระผงภัทร(พิมพ์สมเด็จ) พ.ศ.๒๕๒๕ หลวงปู่หวล วัดพุทไธศวรรย์ จ.อยุธยา พระผงชุดนี้หลวงปู่ได้นำขึ้นทูลเกล้าถวายพ่อหลวง ร.๙
สมเด็จหลวงปู่หวล พิมพ์พระประธานในโบสถหลวงพ่อดำ ปี ๒๕๒๕
พระพุทไธศวรรย์วรคุณ” หรือ “หลวงพ่อหวล ภูริภัทโท” อดีตเจ้าอาวาสวัดพุทไธศวรรย์ จ.พระนครศรีอยุธยา มีพระเกจิเรืองนามเมืองกรุงเก่าที่มีชื่อเสียง เจ้าตำรับวัตถุมงคลเหล็กไหลที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ศึกษาวิทยาคมจากพระเกจิอาจารย์ชื่อดังหลายรูป
กล่าวได้ว่า เมื่อครั้งท่านยังดำรงชีวิตได้รับนิมนต์ร่วมพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลนั่งปรกอธิษฐานจิต.
วัดพุทไธศวรรย์ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ต.สำเภาล่ม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นวัดเก่าแก่และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์
มีนามเดิม หวล การเกตุ เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 ส.ค.2472 พื้นเพเดิมอยู่ต.สามง่าม อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง
เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ บรรพชาที่วัดกษัตราธิราชวรวิหาร...
ต่อมาย้ายมาอยู่ที่วัดพุทไธศวรรย์ และเข้ารับการอุปสมบทที่วัดพุทไธศวรรย์ เมื่อวันที่12 มี.ค.2494 มีพระราชธานินทร์ (หลวงพ่อเจิม) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระกุศลธรรมธาดาเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระสมุห์ยอด เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า ภูริภัทโท
ใช้ชีวิตอยู่ในสมณเพศด้วยความมุ่งมั่นและด้วยการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบตลอดมา จึงได้รับการแต่งตั้งให้รักษาการเจ้าอาวาสในปี2497 แทนพระครูสาธุกิจโกศลที่มรณภาพ
ต่อมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส เมื่อวันที่ 31ธ.ค.2498
เป็นผู้นำในการบูรณะซ่อมแซมโบราณสถาน โบราณวัตถุภายในวัดให้มีสภาพสวยงามมั่นคงแข็งแรง อุโบสถ วิหาร พระพุทธรูปภายในพระระเบียงรอบองค์พระปรางค์พระพุทธรูปภายในวิหารต่างๆ หลายหลัง...
ด้านการสร้างพระเครื่อง-วัตถุมงคลนั้น เป็นศิษย์สืบทอดพระเวทวิทยาคมสายวัดประดู่ทรงธรรมจากหลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราชมีวิชาเล่นแร่ แปรธาตุ ถึงขนาดลูกศิษย์ลูกหาร่ำลือกันว่า หลวงพ่อหวลตัดเหล็กไหลหลอมเหล็กไหลได้
ท่านสร้างวัตถุมงคลประเภทเหรียญรุ่นแรก มีประสบการณ์โด่งดังแพร่สะพัดไปทั่วตั้งแต่ปี พ.ศ.2515 ส่วนเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้รับบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา จะนำไปพัฒนาวัดและส่งเสริมด้านการศึกษาทั้งสิ้น
กล่าวได้ว่าพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลรุ่นดังแทบทุกรุ่นต้องมีชื่อเข้าร่วมพิธีด้วยแทบทุกงาน
ด้วยสังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยง เมื่อเวลา 11.00 น. วันศุกร์ที่ 11 ธ.ค.2563 มรณภาพอย่างสงบ ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์
สิริอายุ 91 ปี พรรษา 70
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ เวปไซท์ น.ส.พ.ข่าวสด
พระผงภัทร(พิมพ์สมเด็จ) พ.ศ.๒๕๒๕ หลวงปู่หวล วัดพุทไธศวรรย์ จ.อยุธยา พระผงชุดนี้หลวงปู่ได้นำขึ้นทูลเกล้าถวายพ่อหลวง ร.๙
องค์นี้ มีผงทองระเรื่อบางๆในองค์พระ
ให้บูชา 270 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
-
วันนี้จัดส่ง
ขอบคุณครับ -
พระผงพระพุทธชินราช หลวงพ่อสร้อย วัดเลียบราษฎร์บำรุง ปี ๓๙ ปลุกเสก ออกวัดดอกบัว สุพรรณบุรี
วัดที่ท่านดูแล
ลพ.สร้อยพระอริยสงฆ์ผู้ทรงฤทธิ์ ปลุกเสกให้ครับ ประวัติหลวงพ่อสร้อย (ลูกศิษย์หลวงปู่สรวง) หลวงพ่อสร้อยแสดงฤทธิ์ ใน งานพิธีบางครั้ง ท่านจะแสดงฤทธิ์ ให้เหล่าศิษย์ประจักษ์ เช่น เคี้ยวๆ หมากอยู่ จากนั้น ก็ล้วงไปหยิบออกมาเป็น พระสมเด็จ พระรอด แจก ในบางครั้งก็หยิบโยนโปรยออกมาให้ลูกศิษย์ กลายเป็นลูกแก้ว ลูกอม ต่างๆ เคย มีคนไม่เชื่อว่าสมัยนี้ยังมีพระมีฤทธิ์ ท่านก็เลยเรียกมานั่งริมน้ำ จากนั้นท่านก็โยนปลัดลงสระน้ำไป 10 ตัว แล้วท่านก็ใช้นิ้วเคาะที่พื้น ก๊อกๆๆๆๆๆ ปลัดก็ค่อยๆ เลื้อยเรียงกันขึ้นมาทีละตัวๆ จากสระน้ำ คนนั้นก้มกราบแทบพื้นเลย อีก เรื่องคือ ท่านได้ไปสุพรรณ ลงเรือยนต์ไป พอจะขึ้นท่าที่วัดแห่งหนึ่ง ขนขับบอกเทียบท่าไม่ได้ ท้องเรือเกย (ท่านคงรู้ว่าโดนแกล้ง) ก็ไม่สนใจกระโดดลงน้ำว่ายเข้าฝั่งเองไปนั่งในโบสถ์วัด ผลปรากฎว่าเรือยนต์นั้นก็ไปไหนไม่ได้ ต้องจอดนิ่งอยู่ตรงนั้น แก้อย่างไรก็ไม่หาย จนคนขับคิดขึ้นได้ตามไปขอขมาท่าน ปัจจุบันหลวงพ่อสร้อยมรณภาพไปแล้ว สรีระอยู่ในโลงแก้ว ไม่เน่าเปื่อย ปิดทองทั้งองค์ หลวงพ่อสร้อยพบหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ในการธุดงค์ครั้งหนึ่ง หลวงพ่อสร้อยได้ไปพบพระผู้เฒ่าท่านหนึ่ง สอนคาถาให้ ตอนจะจากกัน ท่านบอกว่า ท่านคือ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงพ่อสร้อยเล่าให้ลูกศิษย์ฟัง ท่านบอกว่า แปลกดี หลวงปู่ศุข ท่านมรณภาพไปแล้ว แต่มาให้พบได้ เทพเจ้าแห่งการทำนาย- ชี้ทางรวย หลวง พ่อสร้อยนอกจากจะมีผู้มาพึ่งท่าน คราวเจ็บป่วย หรือถูกคุณไสยแล้ว ท่านยังทักได้แม่นยำมากๆ มีตัวอย่างให้เห็นมากมาย เช่น มีคนหนึ่งอยู่ๆ หลวงพ่อก็บอกว่า แกไปหาเงินซื้อที่ดินตรงนั้น (ท่านบอกจุด) แล้วทำอู่ซ่อมรถยนต์ แกจะรวยมาก แกก้บอกว่าหลวงพ่อไม่มีเงิน ท่านก็บอกว่าแกเชื่อฉัน ไปกู้มาแกจะรวย ด้วยความศัทธาในตัวหลวงพ่อสร้อย เขาก็ทำตามท่านว่า ปัจจุบันเป็นเถ้าแก่ร่ำรวยมาก ราย ที่ 2 หลวงพ่อบอกว่า อีกหน่อยแกจะรวยกว่าพี่น้อง ไปเซ้งห้องแถวตรงนี้ (ท่านกำหนดจุด) แกจะรวยจากตรงนี้ (ตอนนั้นแถวนั้นค่าเช่าปีละ 8 แสนบาท) ปัจจุบันผู้นี้จากไม่มีอะไร กลายเป็นมหาเศรษฐีท่านหนึ่ง ราย ที่ 3 หลวงพ่อบอกว่าแกไปเช่าร้านดอกไม้ตรงนี้ (ท่านกำหนดจุด) อีกหน่อยแกจะร่ำรวย ปัจจุบันจากไม่มีอะไร กลายเป็นเศรษฐีร้านขายดอกไม้เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง มี แบบนี้อีกหลายราย ไม่ใช่นิยาย ทุกคนยังมีตัวตน อยากพูดคุยกับท่านเหล่านี้สามารถไปสอบถามพระอาจารย์โต ที่วัดเลียบได้
..........
ท่านเป็นศิษย์หลวงปู่สรวง(เทวดาเล่นดิน)เรื่องราวของหลวงปู่ สรวงให้ฟังมากมาย ล้วนน่าสนใจทั้งสิ้นและมีอยู่เรื่องหนึ่งท่านบอกว่า “หลวงปู่สรวง” เคยเดินทางไปพุทธาภิเษกวัตถุมงคลที่วัดเลียบราษฎร์บำรุง เขตดุสิต เนื่องจากท่านมีลูกศิษย์ชื่อ หลวงพ่อสร้อย อยู่ที่นั่น ผู้เขียนและคณะจึงเดินทางไปที่วัดเลียบราษฎร์บำรุงทันที และได้พบกับพระอาจารย์โต ซึ่งท่านเป็นพระเลขาฯของหลวงพ่อสร้อยซึ่งมรณภาพไปเมื่อปี พ.ศ.2542 ได้กราบเรียนไต่ถามเรื่องราวของหลวงปู่สรวงจากท่าน ท่านได้เมตตาเล่าให้ฟังว่า
เมื่อสมัยหลวงพ่อสร้อยมีชีวิตอยู่ หลวงปู่สรวงเคยมาเยี่ยมหลวงพ่อสร้อยหลาย ครั้ง เคยแสดงปาฏิหาริย์ให้เห็นอยู่เสมอ มีอยู่ครั้งหนึ่งหลวงปู่สรวงลุกขึ้นไปยืนถ่ายปัสสาวะที่หน้ากุฏิ พระอาจารย์โตเห็นดังนั้นจึงบอกลูกศิษย์คนหนึ่งซึ่งเป็นโรคลมบ้าหมูว่า ถ้าอยากหายรีบเอามือไปรองปัสสาวะหลวงปู่ทำน้ำมนต์รดหัวแล้วจะหาย ท่านอาจารย์โตเล่าว่า ความจริงท่านแกล้งพูดเล่นไปเท่านั้นเอง แต่ลูกศิษย์ท่านเกิดศรัทธาเห็นจริงจึงรีบวิ่งเอามือแหย่เข้าไปตรงช่องขาด้าน หลังรองน้ำปัสสาวะของหลวงปู่ แล้วเอาน้ำปัสสาวะรดบนหัวทันที ท่ามกลางสายตาของคนจำนวนหลายคนต่างงงไปตามๆ กัน หลวงปู่สรวงหันมาหัว
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
พระพุทธชินราชหลังหลวงพ่อสร้อยวัดเลียบราษฎร์บำรุง ออกวัด ดอกบัว สุพรรณบุรี ปี๒๕๓๙ ๒ องค์ คู่
ให้บูชา 220 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
-
อาจารย์บุญหนา ทวีจิตร อาศรมแดนธรรมฆารวาสผู้สำเร็จวิชาปรอกหมอกหนาวศิษย์องค์หลวงปู่เทพโลดอุดร
พระผงที่มีอานุภาพป้องกันเชื้อโรคระบาดและดูดสารพิษต่างๆ สร้างจากผงว่านวิเศษกายสิทธิ์ในป่าลึก ตามคำสั่งของหลวงปู่เทพโลกอุดรเพื่อช่วยมนุษย์โลก
พระสมเด็จผงว่านกายสิทธิ์ดูดสารพิษและเชื้อโรค หลังรูปหลวงปู่เทพโลกอุดร
สร้างขึ้นตามคำสั่งของหลวงปู่เทพโลกอุดร เพื่อช่วยมนุษย์โลกให้รอดพ้นจากภัยพิบัติ โดย อ.ปู่บุญหนา ทวีจิตร อาจารย์ฆราวาสผู้เฒ่าศิษย์หลวงปู่เทพโลกอุดร)))
สร้างขึ้นจากต้นว่าน ๑๒ ราศรี (ว่านกายสิทธิ์เทพรักษาในป่าลึก มีคุณวิเศษด้านดูดสารพิษและเชื้อโรคต่างๆ)
-ผสมกับผงพุทธคุณ ๑๐๘
-และมวลสารว่านยาต่างๆ
พุทธาภิเษกใหญ่
ภายในถ้ำที่หลวงปู่ใหญ่เคยจำพรรษา
โดยอาราธนาบารมีหลวงปู่ใหญ่มาเป็นประธาน*
ประกอบพิธีโดย ท่านอาจารย์ปู่บุญหนา ทวีจิตร
ผู้เคยอยู่ในป่ากับหลวงปู่ใหญ่ ตั้งแต่อายุ ๑๒ ปี
*ปัจจุบันนี้..ท่านอาจารย์ปู่บุญหนามีอายุ ๗๒ ปี*
พุทธคุณและอานุภาพ
-ป้องกันโรคระบาดทุกชนิด
-ใช้อาราธนาทำน้ำมนต์รักษาโรคต่างๆ
-สามารถช่วยดูดสารพิษที่อยู่ในอาหารน้ำดื่ม
-ป้องกันสารพิษและเชื้อโรคที่อยู่ในอากาศ
- ดูดสารในร่างกายของเรา - เมตตามหานิยม
- แคล้วคลาดปลอดภัย
- มีลาภมาหาไม่ขาดสาย
อาจารย์ปู่บุญหนา ได้เมตตาพูดให้ฟังว่า
หลวงปู่ใหญ่ท่านบอกว่า หากต่างประเทศเขาเกิดรบกันด้วยอาวุธต่างๆ ซึ่งต้องยิงข้ามประเทศ หรือเกิดระเบิดบนฟ้า ก็จะมีสารพิษ แก๊สพิษต่างๆ หรือเชื้อโรคปะปนมากับอากาศ
ถ้าเรามีพระว่านดูดสารพิษอยู่ที่ตัวหรือที่บ้าน
ก็จะสามารถช่วยไม่ให้สารพิษเข้ามาถึงเราได้
ในระยะ 10 เมตร สารพิษจะเข้ามาไม่ได้เลย*
การเลี่ยมบูชาติดตัว เราควรเจาะรูเล็กๆ
ไว้ที่กรอบองค์พระด้วยครับ
เพื่อองค์พระจะสามารถดูดสารพิษได้ครับ*
พระชุดนี้สร้างขึ้นตามคำสั่งของหลวงปู่ใหญ่
เพื่อสงเคราะห์ลูกหลานที่เคารพนับถือองค์ท่าน
ถึงจะราคาไม่สูง แต่มีอานุภาพมากเกินประมาณ
เนื่องจากมวลสารพระสร้างจากผงว่านวิเศษ และว่านยาล้วนๆ กดพิมพ์ด้วยมือทุกองค์ พระบางองค์จึงมีรอยราน หรือบิ่นงอบ้าง แต่พุทธคุณสุดประมาณครับ
หลวงปู่เทพโลกอุดร ท่านได้จิตสื่อสาร อาจารย์บุญหนา ทวีจิตร ให้สร้างพระสมเด็จนี้ขึ้นเพื่อช่วยเหลือปกป้องมวลมนุษย์จากภัยพิบัติต่างๆ รวมทั้งภัยพิบัติจากสารพิษ มลภาวะต่างๆ ที่ไม่ดีต่อร่างกายมนุษย์
องค์หลวงปู่ใหญ่บรมครูหลวงปู่เทพโลกอุดร ซึ่งท่านได้เตือนถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เป็นภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นต่อมวลมนุษย์
ซึ่งหลวงปู่เทพโลกอุดรปรากฏในนิมิตรให้อาจารย์บุญหนาสร้างเพื่อแจกให้ศิษยานุศิษย์ไปบูชา ให้หลวงปู่ได้ปกปักรักษาผู้ใดบูชาติดตัว ผู้นั้นจะรอดจากภยันตรายต่างๆ สารพิษ และโรคภัยไข้เจ็บ
เนื้อมวลสารผงผสมว่าน มวลสารศักดิ์สิทธิ์มงคลอาถรรพ์ต่างๆ มากเข้มข้นที่สุด ซึ่งป้องกันปกปักรักษาได้สารพัด
พระสมเด็จผงว่านกายสิทธิ์ดูดสารพิษและเชื้อโรค อ.ปู่บุญหนา ทวีจิตร ท่านสร้างขึ้นตามคำสั่งหลวงปู่เทพโลกอุดรเพื่อช่วยมนุษย์โลก สร้างจากว่านกายสิทธิ์ที่มีคุณวิเศษดูดเชื้อโรคและสารพิษต่างๆ ทั้งในน้ำ อากาศ อาหาร ฯลฯเหมาะกับการนำไว้ติดตัว ติดบ้าน เพื่อป้องกันโรคระบาดที่กำลังส่งผลในปัจจุบันนี้
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
พระสมเด็จดูดพิษอาจารย์บุญหนาสีเขียวให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
-
พระปิดตาผาสุกวัดเลาปี2537
พิธีใหญ่รวมพระเกจิเถราจารย์นั่งปรก
อธิษฐานจิตมากมาย ของดีที่หลายคนไม่รู้
แต่ นักสะสมพระเครื่อง นั้นรู้ดี
ด้านหน้า เป็นพระปิดตา
ด้านหลัง บน ยันต์ตัวอิ
มีตัวหนังสือ ตรงกลาง ผาสุก
ล่างสุด วัดเลา ฟร้อน หนังสือ สามแถว
จัดสร้าง มี เนื้อขาว เนื้อชมพู 30000องค์
เนื้อดำ 10000 องค์
ประสบการณ์ คนตกงาน อธิษฐานขอให้ได้งาน
ยังได้งานทำ แบบอัศจรรย์
เสน่ห์ เมตตา มหานิยม โชคลาภ เป็นเยี่ยม คน ค้าขายแถว ท่าข้าม บางมด บางขุนเทียน วัดเลา รู้ดี
ด้านมหาอุตม์ สจ.คนดัง ที่ มหาชัย สมุทรสาคร โดน ลอบยิง ถูกทำร้าย จนตัว รถพรุนด้วยรูกระสูน ตัว สจ. เอง กลับ แคล้วคลาดปลอดภัย ไม่ได้ รับ อันตรายใดใด เหลือเชื่อ
พระอาจารย์ชาญณรงค์ ติกขญาโณ วัดเลา เจ้าพิธี จัดสร้าง
ของจริง #ประสบการณ์พระปิดตาผาสุก
พระอาจารย์ชาญณรงค์ ติกขญาโณ วัดเลา จัดสร้าง
ป้ายุพิน เปิดร้านขายอาหารตามสั่ง อยู่ ตลาดบางกะปิ
ตั้งแต่ ได้อธิษฐาน ขอจากพระปิดตา
ให้ลูกค้าสั่งอาหาร มีออเดอร์เข้ามา เยอะๆ
ขายดีมาก ข้าวกล้องหมูกรอบ หมดวันละ6โล
ร้านข้าวอาหาร ข้างเคียงกลับ เงียบสนิท
แต่ร้านอาหาร ป้ายุพิน ไม่เงียบ คึกคัก ขายดี
เชื่อในพุทธคุณ พระปิดตาผาสุก สนิทใจที่สุด เล่าสู่กันฟัง
เคยมีคนได้นำ พระปิดตาผาสุก รุ่นนี้ ไปให้ผู้เชี่ยวชาญ สื่อจิตวิญญาณ พลังเหนือธรรมชาติ สามารถ วัด จับพลังพุทธคุณ มากหรือ น้อย เช็ค พระแท้ พระปลอมได้
แล้ว ตั้งจิตกำพระปิด ตาเหวี่ยงแขน ส่ายหัวไปมา พลังดีด ตีขึ้นหัว
ขนลุกขนพอง
แล้ว อุทาน ออกมาว่า" โอ้ พลังแรง พุทธคุณสูงมาก ทางเมตตๅ เสน่ห์ โชคลาภ แคล้วคลาด กันภัย กันผี ครบทุกทาง เหมือน พระสมเด็จ วัดระฆัง อธิษฐาน
ขึ้นคอได้เลย เนี้ย "
เจ้าของพระ ยิ้มในใจ
พระปิดตา รุ่นนี้ ไม่แรงได้งัย
มีคนถูกหวย แก้บนกับพระปิดตา รุ่น นี่ละ
ได้นิมนต์ บารมีพระเกจิเถราจารย์ ชั้นแนวหน้า ยุคปี2538 มากกว่า 100 รูป ทุกภาค นั่งปลุกเสก
พิธีพุทธาภิเษก วัดเลา 9วัน9คืน
(พระปิดตา รุ่นผาสุก
พระอาจารย์ชาญณรงค์ ติกขญาโณ วัดเลา จัดสร้าง แจกจ่าย ให้ญาติโยม ของมงคลที่ระลึก ไม่คิดมูลค่า
ผงพุทธคุณ ผสมในองค์พระ ล้วนแล้วไม่ธรรมดา พระดีไม่ควรมองข้าม ขึ้นคอได้เลย )
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
พระปิดตาผาสุกวัดเลา ให้บูชา 270 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
-
เขาหากันให้ควัก
พระพุทธชินราชหลังรูปเหมือนหลวงปู่น้อยวัดภูกําพร้า
สำหรับหลวงปู่คำน้อย ว่ากันว่าท่านมีถึงอายุ 238 ปี ท่านพำนักอยู่ วัดถ้ำภูกำพร้า อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่ท่าน อายุได้ 100 กว่าปี ท่านก็สามารถนั่งสมาธิถอดจิต ไปเที่ยว สวรรค์ - นรก และ บางคนเชื่อว่าท่านคือเณรคำผู้มีฤทธิ์จากภูเขาควายเมืองลาว (เหรียญหลวงปู่ออกที่วัดถ้ำเขาอีโต้ ปราจีนบุรี ปี2538ระบุว่าท่านคือหลวงปู่เณรคำ) เรื่องของหลวงปู่คำน้อย วัดถ้ำภูกำพร้า
ท่านเป็นพระใจดี สำหรับอายุของท่านเท่าที่ถามจากคนเฒ่าคนแก่ในละแวกนั้น เขาก็ว่าเกิดมาก็เห็นหลวงปู่แล้ว จนเขามีอายุถึงแปดสิบเก้าสิบ หลวงปู่คำน้อยก็ยังคงอยู่ในสภาพเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และเมื่อสอบถามจากหลวงปู่คำน้อยก็ได้คำตอบเหมือนที่ใครๆได้รับรู้จากวาจา ท่านเองคือเปลี่ยนฟันมาสองรอบแล้ว รอบละ 120 ปี เลยอนุมานเอาว่าช่วงนั้นหลวงปู่น่าจะอายุประมาณ 200กว่า ปี อายุใกล้เคียงกับกรุงเทพมหานคร ก็เลยสันนิษฐานเอาว่าหลวงปู่น่าจะเกิดในสมัยรัชกาลที่ 1 ครับ ปัจจุบันท่านมรณภาพไปแล้วครับ ประมาณปี 2548
ทานบดีท่านหนึ่งท่านเล่าผ่านโลกออนไลน์ว่า...เคยมีโอกาสไปพบหลวงปู่คำน้อย วัด ภูกำพร้า ด้วยคำแนะนำของศิษย์พี่ท่านนึง ท่านว่าหลวงปู่อายุร่วมจะ 300 ปีแล้ว เจ้าลาวแวะมาหาเล่าให้ฟังอีกทีว่า สมัยท่านยังเด็ก พ่อได้พาไปกราบหลวงปู่น้อย ตอนนั้นหลวงปู่น้อยก็แก่มากแล้ว ตอนนี้เจ้าลาวคนนี้ก็อายุ 70 กว่าๆ หลวงปู่คำน้อยก็ยังแก่มากเหมือนเดิม เลยไม่รู้ว่าจริงๆ ท่านอายุเท่าไรกันแน่ ไปกราบท่านพร้อมกับพาน้องๆที่ว่าวอีสานได้ดีไปด้วยเผื่อฟังไม่ออกเพราะท่าน เป็นพระข้ามมาจากฝั่งลาว ปรากฎว่าท่านพูดภาษาลื้อ ก็เลยฟังไม่ออกไปด้วยกันทั้งหมด เป็นพระที่เมตตามากครับ ถามโยมใกล้ชิดท่าน ก็ได้ความว่าอายุหลวงปู่ไม่ถึง 300 ปีหรอกครับ แค่สัก 200 เศษปีเท่านั้นเอง นั่นก็หง่อมมากแล้วครับ ท่านว่าเมื่ออายุครบ 120 ปีครั้งหนึ่ง ฟันชุดใหม่จะงอกขึ้นมาครั้งหนึง นี่ก็งอกขึ้นมาครั้งที่ 2 แล้ว แล้วเห็นเล็บหลวงปู่ก็ดูยังสดใหม่ยังกะพึ่งงอกได้ไม่นาน แต่หนังที่ศีรษะหลวงปู่ยับเหมือนหนังช้าง เวลาท่านนอนท้าวแขนจะยับตามมือปล่อยมือแล้วหนังก็ยังไม่กลับที่ ใครจะไปหาท่านจะรู้ก่อน จะไปนั่งรอ พอเสร็จธุระก็ไปที่อื่นต่อด้วยความที่หลวงปู่น้อยเป็นพระใจดี ทำให้มีคนเข้าไปขอความช่วยเหลือ บ้างก็ขอสร้างวัตถุมงคล ฯลฯ ท่านก็เมตตาอธิษฐานจิตให้ ประสบการณ์ที่เกิดจากผู้ใช้วัตถุมงคลของท่านคือเมตตา แคล้วคลาด และอธิษฐานขอในสิ่งที่ตนเองต้องการ...ประวัติของหลวงปู่คำน้อยนั้นนิตยสาร โลกทิพย์เคยลงเมื่อสามสิบปีก่อน
...................
คิดถึงหลวงปู่คำน้อย...วัดป่าภูกำพร้า อ.ดงหลวง
จ.มุกดาหาร...ว่ากันว่าท่านมีอายุ ๒๓๘ ปี...ได้มี
โอกาสไปกราบท่าน..และค้างคืนที่วัดท่าน..คุยกับ
ท่านไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะท่านพูดลาว...ท่านบอกว่า
ตาท่านบอดทั้ง๒ข้าง...แต่พระอินทร์ เอาดวงตามาถวายท่าน ๑ ข้างฟันท่านหลุดไป ๒ รอบแล้วงอกออกมาใหม่...เมื่อท่านอายุ ๑๒๐ ปี ต้อนนี้เป็นรอบ
ที่ ๒ แล้วอาย ๒๓๘ ปี มีโอกาสได้ถามโยมคนเฒ่า
คนแก่แถวนั้นที่มาวัด..เพราะวันนั้นเราเอาผ้าป่า
ไปทอด...อาตมาได้ถามตาคนหนึ่งอายุ ๗๐ปี..ถาม
ว่าตาอยูที่นี้นานหรือยัง แก่บอกว่าผมเกิดที่นี้..ต้อน
ผมเป็นเด็ก..ผมก็เห็นหลวงปู่อยู่อย่างนี้...ปัจจุบัน
ผม ๗๐ แล้ว หลวงปู่ก็ยังอยู่อย่างนี้...พอสายหน่อย
ได้ฉันเช้ากับท่าน..ท่านฉันข้าวโดยไม่ใช้ช้อน..เอา
มือเปิบเอา...ดูแล้วโบราณ ดี...ถวายผ้าป่าท่านแล้ว
ได้เดินท่านไปกราบ...หลวงปู่มั่น ที่วัดป่าสุธทราวาส
ได้พบกับแม่ชี นารี การุณ อายุ ๑๒๓ ปี ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่น มีคนไปหาไปกราบมากมาย..แรก
ก็อยู่ในวัดป่าสุธทราวาส ต้อนหลังกลับมาอยู่กับ
ลูกหลานไก้ล วัด สมัยนั้นเขาเรียกว่าแมชีอรหันต์...
อาตมาได้ถามแม่ชีว่า...แม่รู้ จักหลวงปู่น้อย ที่วัดป่าภูกำ
พร้าไหม...แม่ชีบอกว่ารู้จัก...ต้อนแม่อายุ ๔๐ ก็เคย
กราบท่าน...ต้อนนี้..แม่อายุ ๑๒๓ ปี ท่านยังมีชีวิตอยู่
ไม่น่าเชื่อว่ายังมีคนมีอายุยืน...ถึง ๒๓๘ ปีอยู่จริง
อาตมาได้ไปกราบ...หลวงปู่สังวาล เขมโก...เห็นรูป
ท่านนั่งอยู่กับ..กับหลวงปู่น้อย..ได้กราบท่านแล้วถามว่า....หลวงปู่ครับ หลวงปู่น้อยวัดป่าภูกำพร้า
อายุ ๒๓๙ ปีจริงไหม....ท่านได้พูดว่าคนปัจจุบันนี้
ต้องมีหลักฐานยืนยันถึงเชื้อ ...ถ้าถามผม..ผมเชื่อ..
ว่าท่านมีอายุ ๒๓๙ ปีจริง....เอาเรื่องร้าวมาเล่าให้
โยมฟันมีคำยืนยันจากปากแม่ชีและพระที่สมัยก่อน
คนรู้จักดีถ้าเป็นสายบุญสายปฎิบัติ ...หลวงพ่อ
สังวาลได้บอกอีกว่า...หลวงปู่น้อยได้ถวายฟัน..ให้
หลวงปู่สังวาลด้วย บอกว่าขึ้น
มาเป็นรอบที่ ๒ แล้ว หลวงปู่คำน้อย ฐิตตะธัมโม
มรณะภาพเมือประมาณปี พ.ศ.2544 อายุ 239 ปี
สมพรภิกขุ......ข้อคิดปี 62
“อายุยืนแค่ไหน สุดท้ายตายหมดไม่เหลือ”
“ชีวิตนี้. ไม่มีคำว่า. อมตะ” ในสังขารทั้งปวง. สมพรภิกขุ
ลูกศิษย์หลวงพ่อสมพรช้วยแชร์ไปเป็นกุศลแล”
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
พระพุทธชินราชหลังหลวงปู่น้อยวัดภูกําพร้า พระไม่สวย ด้านข้าง มีรอยชำรุด
....
บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
-
พระผงรูปเหมือนสมเด็จพุฒาจารย์โตหลวงพ่อรวยวัดตะโก ปลุกเสกปี ๒๕๓๙
สืบทอดพุทธาคม
หลังจากจบนักธรรมเอกแล้ว ท่านคิดว่าเพียงพอสำหรับด้านคันถธุระแล้ว เพราะพระที่อยู่ตามชนบทบ้านนอก พอที่จะรักษาพระธรรมวินัยเพศพรหมจรรย์ ให้รุ่งเรืองและเป็นนำสอนชาวบ้านบ้านได้แล้ว ท่านก็หันมาสนใจทางด้านวิปัสสนาธุระ โดยมองเห็นประโยชน์ในด้านการปฏิบัติ เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ออกเดินทางไปฝากตัวเป็นศิษย์ ศึกษาเรียนพระกรรมฐานกับครู บาอาจารย์เก่งๆ ในยุคนั้น อาทิเช่น
๑. หลวงพ่อชื่น วัดภาชี อยุธยาฯ เชี่ยวชาญด้านวิปัสนากรรมฐาน ที่สืบทอดพุทธาคมมาจากหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ เป็นที่รู้จักกันดีในยุคนั้น ซึ่งมีศิษย์ที่ศึกษาวิชาจากหลวงพ่อกลั่นมากมาย อาทิเช่น หลวงพ่อใหญ่ หลวงพ่ออั้น หลวงพ่อเภา หลวงพ่อศรี หลวงปู่ดู่ และหลวงพ่อชื่น ศิษย์หลวงพ่อกลั่น ที่กล่าวถึงทั้งหมดนี้ ปัจจุบันได้มรณะภาพไปหมดแล้ว ซึ่งแต่ละองค์ล้วนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันอย่างดี
๒. หลวงพ่อแจ่ม วัดแดงเหนือ เชี่ยวชาญเวทมนต์คาถาอาคม ได้ถ่ายทอดสรรพวิชาให้หลวงพ่อรวยทุกอย่าง อาศัยความขยันหมั่นเพียรและความตั้งใจมุ่งมั่น จึงก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว จนวิชาที่เล่าเรียนปฏิบัติเข้มขลังในพลังแห่งวิทยาคมสูงส่ง
เป็นพระเกจิที่เปี่ยมเมตตาธรรมสูง มีความเป็นอยู่อย่างสมถะ เชี่ยวชาญสรรพเวทวิยาคม วัตถุมงคลเข้มขลังเปี่ยมพลังพุทธคุณมากประสบการณ์ แคล้วคลาดนิรันตราย และเมตตา มหานิยม โชคลาภ เป็นหนึ่ง
คาถามหาลาภ
สัมพุทธชิตา จะ สัจจานิ เกรัตสะ พระพุทธชิตา สัพพโส คุณะวิภา สัมปัตโต นะรุตตะโม มหาลาภัง ภวันตุ เม
ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
พระผงรูปเหมือนสมเด็จพุฒาจารย์โตหลวงพ่อรวยวัดตะโกปลุกเสก ปี ๒๕๓๙
ให้บูชา 170 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
-
เมื่อมีการสู้รบเกิดขึ้น ชาวบ้านจะวิ่งเข้ามาในวัด มาหลบกระสุนหลบระเบิดตามใต้ถุนกุฏิท่าน
ซึ่งโดยบริเวณวัดครูบาสร้อยท่านจะทำการมนต์(เสก)ป้องกันไว้ให้หมด
"ระเบิดที่ข้ามตกมา ไม่เคยแตกแม้แต่ลูกเดียว !!"
ถามท่าน ท่านก็ตอบสั้นๆ แค่ว่า "ดินวัดมันเหนียวนะโยม"
นับเป็นเมตตาบารมีต่อชาวบ้านอย่างแท้จริง และ สะท้อนถึงความขลัง แก่กล้าในวิชาอาคมของท่าน
เหรียญครูบาสร้อย ท่าสองยาง ปี๒๕๓๖
ท่านพระครูนิมมานการโสภณ ( ครูบาสร้อย ขนฺติสาโร ) วัดมงคลคีรีเขตร์ ตำบลท่าสองยาง อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก
"ครูบาสร้อย ขันติสาโร" หรือ "ครูบาศักดิ์สิทธิ์แห่งบ้านมะตะวอ" หลายท่านคงคุ้นหูหรือเคยได้ยินกิตติศัพท์ของท่านบ้างไม่มากก็น้อย
ถ้า ย้อนกลับไปเมื่อ 10 กว่าปีก่อนหลายๆ ท่านคงคุ้นหูว่ามีครูบาที่มีอาคมขลังศักดิ์สิทธิ์อยู่รูปหนึ่งในเขตทางภาค เหนือ ที่กล่าวมานั้นคือ "หลวงพ่อครูบาสร้อย ขันติสาโร" แม่ตะวอ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก
ชาวบ้านแถบใกล้เคียง หรือต่างจังหวัดที่เคยมากราบท่านจะทราบดีว่าท่านเป็นพระที่มีอาคมขลังมากรูป หนึ่ง ถ้าท่านที่เคยไปกราบท่านจะทราบดีว่าท่านมีของดีอยู่อย่างหนึ่งที่ท่านมักแจก ให้กับลูกศิษย์ที่นับถือ คือ "กระบอกยาอันศักดิ์สิทธิ์" ซึ่งภายในมีของดีบรรจุอยู่คือ สีผึ้ง ชานหมาก เกศา ว่าน พระสีวลีองค์จิ๋ว และมีประสบการณ์ต่างๆ มากมาย ชาวกะเหรี่ยง พม่า และชนเผ่าต่างๆ นับถือกันมากครับ ถ้าท่านใดเจอที่ไหนบูชาเก็บไว้คุ้มครองกายได้ดีทีเดียวครับ
"กระบอก ยาศักดิ์สิทธิ์" เป็นวัตถุมงคลหรือเครื่องรางของขลังอีกชนิดหนึ่งซึ่งสร้างชื่อเสียงให้กับ ท่านเป็นอย่างมาก เพราะแต่ก่อนถ้าใครได้ไปกราบครูบาหรือครูบารับนิมนต์ไปไหนท่านจะนำหลอดยานี้ ติดมาแจกให้กับลูกศิษย์อยู่เสมอ
ลูกศิษย์ส่วนมากมีคล้องหรือติดตัว กันแทบทุกคน ทำให้เกิดประสบการณ์ด้านแคล้วคลาด คงกระพัน เป็นเมตตามหานิยม เล่าให้ฟังเหมือนโม้หรืออุตริ ของอย่างนี้ต้องลองใช้เองหรือสอบถามลูกศิษย์ทางสายครูบาสร้อยจะรู้ว่าดีแค่ ไหน
วัข้อมูลประวัติ ครูบาสร้อย ขันติสาโร พระเกจิวัดมงคลคีรีเขตร์
'ครูบาสร้อย ขันติสาโร' หรือ 'พระครูนิมมานการโสภณ' วัดมงคลคีรีเขตร์ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก พระเกจิอาจารย์ชื่อดังที่มีวิทยาคมรูปหนึ่งภาคเหนือ
เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ 28 ก.ย. 2472 ตรงกับวันขึ้น 7 ค่ำ เดือน 10 ปีมะเส็ง พื้นที่เขตตำบลละหานทราย อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์
เมื่ออายุได้ 7 ขวบ โยมมารดาของท่านได้ถึงแก่กรรม ท่านได้มาอยู่ในความดูแลของคุณยาย ซึ่งคุณยายของท่านชอบเข้าวัดฟังธรรมตามวิถีชีวิตชนบท และมักพาท่านไปด้วยเสมอ ทำ ให้ท่านได้ใกล้ชิดกับวัดมาตลอด
เมื่อเรียนจบชั้นประถม 4 เด็กชายสร้อยจึงได้ขออนุญาตคุณยายบรรพชาที่วัดชุมพร มีหลวงพ่อมั่น เป็นพระอุปัชฌาย์
หลังจากนั้น ได้ถวายตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อ มั่น ฝึกบริกรรมด้วยการนับลูกประคำเป็นการฝึกสมาธิ เรียนวิทยาคมต่างๆ ควบคู่ไปกับการปฏิบัติสมาธิด้วย
อยู่กับหลวงพ่อมั่น จวบจนอายุ 22 ปี จึงได้อุปสมบท มี หลวงพ่อมั่น เป็นพระอุปัชฌาย์, หลวงพ่อสุข วัดโพธิ์ทรายทอง เป็นพระกรรม วาจาจารย์ และหลวงพ่อสุต เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา ขันติสาโร
หลังจากบวช หลวงพ่อสุขได้กล่าวชวนไป อยู่ด้วย ซึ่งส่วนตัวมีความเลื่อมใสศรัทธาและประสงค์ขอเรียนวิทยาคมจากหลวงพ่อสุข
ในช่วงต้นหลวงพ่อสุขได้เน้นหนักในเรื่องการปฏิบัติกัมมัฏฐาน ในพรรษาถัดมา หลวงพ่อมั่น ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของท่านได้มรณภาพลง ท่านจึงได้กลับไปจัดงานถวายหลวงพ่อมั่น เสร็จสิ้นแล้วจึงกลับมายังวัดหลวงพ่อสุขดังเดิม
หลวงพ่อสุข ได้เริ่มสอนวิชาต่างๆ แก่ท่าน วิชาที่สำคัญ คือ การตรวจดูบุญวาสนา เพื่อช่วยในการรักษาโรคภัยต่างๆ
พ.ศ.2497 ครูบาสร้อยได้ขอลาหลวงปู่สุขเข้าสู่กรุงเทพมหานคร โดยจุดหมายคือ วัดมหาธาตุฯ ด้วยขณะนั้นขึ้นชื่อในเรื่องการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน ท่านได้อยู่ศึกษาเป็นเวลา 7 เดือน จึงลาพระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทธิ) ผู้สอนท่านกลับคืนยังบุรีรัมย์ เมื่อญาติโยมได้รู้ข่าวการกลับมาของท่าน จึงได้ต้อนรับและนิมนต์ให้ท่านอยู่ที่วัดกลางนา
แต่หลังจากออกพรรษาท่านได้ตัดสินใจออกธุดงค์ ถือรุกขมูลลัดเลาะไปตามจังหวัดสุรินทร์ ศรีสะเกษ ต่อไปยังอุบลราชธานี จนยาวไปถึงนครพนม ข้ามไปยังฝั่งลาวแล้วข้ามกลับมายังมุกดาหาร ต่อเรื่อยไปจนเข้าสู่เทือกเขาภูพาน เขตสกลนคร เรื่อยไปจนเข้าหล่มสักเข้าพิษณุโลก ซึ่งช่วงนี้ท่านหลงป่าอยู่ จนทะลุออกมายังอุตรดิตถ์
จากการหลงป่าครั้งนี้ ท่านจึงเปลี่ยนมาเดินโดยใช้เส้นทางรถไฟช่วย ล่วงได้ 7 วัน ท่านก็ถึงดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ได้มีโอกาสพบ 'หลวงปู่แหวน สุจิณโณ' พระสายปฏิบัติชื่อดัง และได้ขอศึกษาข้อธรรมต่างๆ
หลวงปู่แหวนท่านเน้นไปทางอสุภกัมมัฏ ฐาน ซึ่งช่วงนี้ท่านได้พบกับข้อธรรมที่ลึกซึ้งมาก ขึ้น จากนั้นท่านได้กราบลาหลวงปู่แหวน ออกธุดงค์ถือรุกขมูลไปจนถึงแม่สะเรียง พักที่วัดศรี บุญเรือง
ท่านตั้งใจจะไปที่แม่ฮ่องสอน แต่ด้วยติดกาลพรรษา จึงได้อยู่จำพรรษาที่วัดศรีบุญเรือง จนล่วงกาลพรรษา ท่านจะออกเดินทางต่อ พอดีได้ทราบจากญาติโยมว่าที่ท่าสองยางมีวัดร้างอยู่
ท่านได้ไปดูสถานที่แห่งนั้น พบว่าเงียบสงบเหมาะแก่การปฏิบัติธรรม จึงได้ตกลงใจสร้างวัดมงคลคีรีเขตร์
ครูบาสร้อยได้พัฒนาวัดมงคลคีรีเขตร์ จนเจริญรุ่งเรืองเป็นที่รู้จักของญาติโยมและคณะศรัทธา จนท่านได้รับการขนานนามว่า เทพเจ้าแห่งท่าสองยาง
วัตถุมงคลของครูบาสร้อยมีจัดสร้างขึ้นมาก มายทั้งพระเครื่องและเครื่องรางของขลัง โดยเฉพาะประเภทเหรียญ ที่ได้รับความนิยมจากบรรดาเซียนพระและนักสะสมพระเครื่องเป็นอย่างยิ่ง คือ เหรียญครูบาสร้อย รุ่นสุริยุปราคา ปี 2538
เหรียญครูบาสร้อย เป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านแคล้วคลาดปลอดภัย
นอกจากนี้ ชาวบ้านในแถบพื้นที่ใกล้เคียง ที่เคยเดินทางไปกราบนมัสการท่าน จะรู้ดีว่าท่านเป็นพระภิกษุที่มากด้วยเมตตา นอกจากให้เข้าพบโดยง่ายแล้ว ยังชอบแจกวัตถุมงคล กระบอก ยาอันศักดิ์สิทธิ์ ภายในมีของดีบรรจุอยู่คือ สีผึ้ง ชานหมาก เกศา ว่าน พระสีวลีองค์จิ๋ว ชาวกะเหรี่ยง พม่า และชนเผ่าต่างๆ นับถือและชื่นชอบกันมาก
กระบอกยาศักดิ์สิทธิ์ เป็นวัตถุมงคลอีกชนิดหนึ่ง ที่สร้างชื่อเสียงให้กับครูบาสร้อยเป็นอย่างมาก ท่านจะนำหลอดยานี้แจกให้กับลูกศิษย์อยู่เสมอ มีพุทธคุณด้านเมตตามหานิยม
ครูบาสร้อยได้ละสังขารอย่างสงบ เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2541 สิริอายุ 69 พรรษา 49
ปัจจุบันอยู่ในโลงแก้วในกุฏิ ที่ท่านเคยอยู่โดยไม่เน่าเปื่อย
ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
-
-
-
เขาหากันให้ควัก
เหรียญนะสำเร็จ หลวงพ่อคล้อย ฐานธมโม ปี ๒๕๓๘ วัดถ้ำเขาเงิน อ.หลังสวน จ.ชุมพร เป็นเหรียญที่ทรงพลังฤทธิ์ให้สำเร็จ สมหวังทุกประการ มีปาฎิหาริย์ เมตตามหานิยม คุ้มชีวิต สำเร็จดังความอธิษฐาน
ปรกปลุกเสก ๙ วัน ๙ คืน
หลวงพ่อคล้อย ฐานธัมโม "พระเกจิอาจารย์ขมังเวทเรืองคาถาอาคม" วัดถ้ำเขาเงิน อ.หลังสวน จ.ชุมพระ ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ได้รับกล่าวขานจากบรรดาลูกหาว่ารอบรู้ในสรรพวิชาต่าง ๆ โดยเฉพาะหลักการเจริญวิปัสสนากรรมฐานและพุทธเวท เนื่องจากท่านเป็นศิษย์ในสายเขาอ้อ จ.พัทลุง ในปัจจุบัน
ท่านเป็นชาวหลังสวนโดยกำเนิด มีนามเดิมว่า นายคล้อย ทองเสมียน เป็นบุตรของนายพุ่ม และนางแจ้ม ทองเสมียน เกิดเมื่อวันที่ 11ม.ค.2463 ที่บ้านปากลา ต.ขันเงิน อ.หลังสวน จ.ชุมพร มีพี่น้องทั้งหมด 5 คน
อุปสมบทที่วัดเขาเงินเมื่อวันที่ 26 กค.2504 ขณะอายุได้ 41 ปี มีหลวงพ่อจันทร์ โกสโล วัดขันเงิน เป็นพระอุปัชฌาย์ พระสมุห์ซุ่ม ติกจปัญโญ เป็นพระกรรมวาจารย์ ได้รับฉายา ว่า"ฐานธัมโม"
ท่านได้มุ่งมั่นในด้านปฎิบัติวิปัสสนา และสนใจศึกษาพระเวทวิทยาคม หากรู้ว่ามีพระอาจารย์ที่เก่งๆ อยู่ที่ใดก็จะไปฝากตัวเป็นศิษย์ ทั้งได้ศักษาวิชาจากครูบาอาจารย์ที่สายเขาอ้อ หลายท่าน อาทิพระอาจารย์นำ แก้วจันทร์ วัดดอนศาลา,หลวงพ่อคง วัดบ้านสวน,หลวงพ่อหมุน วัดเขาแดง,หลวงพ่อแดง วัดแหลมสอ และพระครูอาทรธรรมวัตร วัดปากสระ ฯลฯ
ท่านยังได้ศึกษาค้นคล้าเพิ่ม เติมจากตำรับตำราของหลวงพ่อแดง พุทโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดถ้ำเงิน ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ร่วมสมัยเดียวกับกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
หลวงพ่อคล้อยท่านมีชื่อเสียงทางด้านการเป่าทองเข้าตัว วิชาที่หลายคนได้ประจักษ์ในพุทธคุณด้านเมตตามหานิยมมาแล้ว
จนกระทั่งเมื่อวันศุกร์ที่ 25 ต.ค.2539 ท่านก็ละสังขารไปอย่างสงบ เหลือไว้เพียงคุณงามความดี และวัตถุมงคลอันทรงคุณค่า ซึ่งมากด้วยพุทธคุณและสูงด้วยค่านิยม
ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
ให้บูชาเหรียญ 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
-
ผงรูปเหมือนหลวงพ่อครึ้มวัดคลองสวน กล่องเดิม
ประวัติ หลวงพ่อครึ้ม สุลโภ หรือพระเดชพระคุณ พระครูสมุทรโกศล อดีตเจ้าอาวาสวัดคลองสวน ตำบลบ้านคลองสวน อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ เป็นพระสุปฏิปัณโน ผู้เปี่ยมด้วยเมตตา สืบทอดพุทธาคมจากพระเกจิที่โด่งดังหลายรูป เช่น หลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว, หลวงพ่อจอม วัดบางสมัคร, หลวงพ่อฟัก วัดนิคมประชาสรรค์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และหลวงพ่อผล วัดพันท้ายนรสิงห์ จังหวัดสมุทรสาคร ท่านได้ศึกษาวิชาอาคมจากท่านอาจารย์หลายท่านจนหมดสิ้น หลวงพ่อครึ้ม จึงมีศิษยานุศิษย์มากมาย เป็นที่เคารพศรัทธาของสาธุชนทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นชาวพระสมุทรเจดีย์ และชาวบางขุนเทียนต่างศรัทธาในตัวหลวงพ่อมาก
ชาติภูมิ : หลวงพ่อครึ้ม สุลโภ
นามเดิม ครึ้ม นามสกุลสรงสุคนธ์ ถือกำเนิดเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2465 เป็นบุตรของโยมบิดาสั้น สรงสุคนธ์ โยมมารดาปั๋น สรงสุคนธ์ บ้านหมู่ที่ 6 ตำบลบางวัว อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา
หลวงพ่อครึ้มเมื่อสมัยเป็นเด็กได้ช่วยโยมบิดามารดา ตามประสาเด็กบ้านนอก สมัยนั้นชาวบางวัวมีอาชีพทำนา ซึ่งเป็นอาชีพหลักและเมื่อว่างจากช่วยบิดามารดาแล้ว หลวงพ่อคิดใฝ่หาความรู้เพิ่มเติม จึงมาวัดบางวัว เพื่อศึกษาหาความรู้กับ หลวงพ่อดิ่ง ซึ่งวัดบางวัดอยู่ถัดไปประมาณ 100 เมตร จึงมีความผูกพันกับวัดและหลวงพ่อดิ่งมาก ท่านขออนุญาตบิดาและมารดาบวชเณร บิดามารดาก็อนุญาตให้บวช อยู่กับหลวงพ่อดิ่งที่วัดบางวัว ได้ศึกษาวิชาอาคมกับหลวงพ่อดิ่ง เรื่อยมาจนครบอายุที่จะบวชพระ จึงได้อุปสมบทเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2485 ณ วัดบางวัว โดยมีพระครูพิบูลย์คณารักษ์ วัดอุสภาราม (หลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูธรรมกิจจานุรักษ์ (หลวงพ่อชื้อ) วัดทองนพคุณ คลองสาน กรุงเทพฯ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระมหาจอม โฆสโก วัดบางสมัคร (ตอนหลังได้รับสมณศักดิ์เป็นพระครูเมธีธรรม) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา “สุลโภ”
การศึกษา >>> เมื่ออุปสมบทแล้วได้ศึกษาด้านคันถธุระและได้จำพรรษาที่วัดบางวัว สอบได้นักธรรมตรี ในปี พ.ศ. 2485 และนักธรรมโท ในปี พ.ศ. 2486 ท่านได้รับนิมนต์มาที่วัดคลองสวน อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ สืบเนื่องจากทางวัดได้ขาดเจ้าอาวาสในปี พ.ศ. 2492 ท่านได้มารักษาการเจ้าอาวาสอยู่ 1 ปี ในปีถัดมา พ.ศ. 2493 จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส และในปีเดียวกันได้รับเป็นพระกรรมวาจาจารย์ ในปี พ.ศ. 2521 ได้รับสมณศักดิ์แต่งตั้งเป็น “พระครูสมุทรโกศล” ชั้นโท หลวงพ่อครึ้ม เมื่อย้ายมารับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดคลองสวน ได้เริ่มพัฒนาวัด ได้กำหนดกฎระเบียบของวัด จัดระเบียบ การปกครอง สร้างถาวรวัตถุตามแบบแผนผังของกรมศาสนา
ครูบาอาจารย์ที่สั่งสอน ให้การศึกษาพระธรรมวินัย และถ่ายทอดพุทธาคมมีดังนี้
1. หลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นอุปัชฌาย์ของหลวงพ่อครึ้มและพระเป็นเกจิที่มีชื่อเสียงโด่งดังเข้มขลังวิทยาคม สร้างวัตถุมงคลไว้มากมาย เช่น เหรียญ ตะกรุดเสือ เสื้อยันต์ ลูกอม และโดยเฉพาะสุดยอดเครื่องราง หนุมานแกะจากรากพุดซ้อน และยังได้ศึกษาวิชานะทรงแผ่นดิน กระทู้เจ็ดแบกและวิชาไล่ผี ทุกครั้งที่หลวงพ่อดิ่งจะปลุกเสกวัตถุมงคล ท่านจะเอาอาวุธ เช่น มีด ปืน หอก ระเบิดมือ จากทหารเรือ ปืนทุกกระบอกขึ้นลำพร้อมที่จะใช้งาน เรียกวิชาข่มอาวุธ ทุกครั้งที่หลวงพ่อครึ้มปลุกเสกวัตถุมงคลจะระลึกถึงอาจารย์และใช้วิชาข่มอาวุธปลุกเสกของด้วยเสมอ หลวงพ่อครึ้มเป็นพระที่คอยอยู่รับใช้ หลวงพ่อดิ่ง แม้กระทั่งการแจกเหรียญของ หลวงพ่อดิ่ง รุ่นแรก ที่โด่งดังคับฟ้า นั้น ก็ผ่านมือของ หลวงพ่อครึ้มทั้งนั้นครับ ท่านจะนั่งอยู่ข้าง ๆ หลวงพ่อดิ่ง ใครมาถวายของ หลวงพ่อดิ่ง จะแจกเหรียญ ก็ให้ไปรับที่ พระครึ้ม ทั้งยัง ได้รับมอบหมายให้ จารอักขระ หามวลสารทำลูกอม อีกด้วย
2. หลวงพ่อจอม วัดบางสมัคร จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นพระอนุสาวนาจารย์ ของหลวงพ่อครึ้มสอนวิชาสร้าง “เสืออาคม” ตำหรับเดิมของหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย จังหวัดสมุทรปราการ
3. หลวงพ่อฟัก วัดนิคมประชาสรรค์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อาจารย์ของท่าน ท่านนี้นั้นสำคัญมาก ๆ เพราะเป็นอาจารย์ที่สอนท่านทำปลัดขิก อันมากประสบการณ์ และ รูปลักษณ์ที่คล้ายกัน ตอนท่านไปขอเรียน ปลัดขิก จาก หลวงพ่อฟัก นั้น ท่านได้ไปกัน 3 รูป นอกจาก หลวงพ่อครึ้ม แล้ว 1 ใน 3 นั้นก็มี หลวงพ่อฟู วัดบางสมัคร อยู่ด้วยลองไปถามท่านดูนะครับ เมื่อไปถึงได้ กราบ หลวงพ่อฟัก เพื่อขอเรียนวิชา หลวงพ่อฟัก ไม่สอนให้ใครเลยแม้แต่คนเดียว แต่ได้บอกกับหลวงพ่อครึ้ม ว่า ท่านอยากได้ กะลาตาเดียว ที่เป็นสมบัติ และของสะสม ของ หลวงพ่อโม (อดีตเจ้าอาวาส วัดคลองสวน ก่อนหลวงพ่อครึ้ม และ หลวงพ่อโม นี้ยังเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของ หลวงพ่อฟัก อีกด้วย) ให้ได้หรือป่าว ถ้าได้ก็จะยอมสอนวิชาให้ ตกลง หลวงพ่อครึ้ม ท่านยอมถวายให้ จึงได้ฝากตัวเป็นศิษย์ หลวงพ่อฟัก เพียงแค่รูปเดียว ส่วนหลวงพ่อฟู นั้นท่านว่า ท่านรักและเคารพ หลวงพ่อคง วัดวังสรรพสร มาก ๆ จึงหันไปศึกษากับ หลวงพ่อคง แทน
4. หลวงพ่อผล วัดพันท้ายนรสิงห์ จังหวัดสมุทรสาคร เรียนวิชาทำผ้ายันต์
เกียรติคุณบารมีธรรม ของหลวงพ่อครึ้ม นอกจากจะมีเมตตาต่อญาติโยมแล้ว ท่านยังเป็นพระนักพัฒนา นักเผยแผ่อีกด้วย ท่านพัฒนาวัดคลองสวน จนเจริญรุ่งเรือง มีอาคารเสนาสนะต่างๆ มั่นคงจนทุกวันนี้
หลวงพ่อครึ้มท่านได้มรณภาพลงด้วยอาการสงบ เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ.2540 ชาววัดคลองสวน ชาวพระสมุทรเจดีย์ และบรรดาศิษยานุศิษย์ ต่างอาลัยต่อการจากไปของท่านเป็นยิ่งนัก ชาวบ้านและลูกศิษย์ต่างมีความเห็นไม่ให้ฉีดยาและเก็บร่างของท่านไว้ประมาณ 2 ปี ต่อมาทางวัดคลองสวนจะนำร่างของท่านมาดำเนินการตามประเพณีบรรดาลูกศิษย์ได้เห็นว่าร่างของท่านไม่เน่าเปื่อย และยังคงสภาพเดิมไม่มีอะไรบุบสลาย ขาดหรือหายไป จึงพร้อมใจนำร่างของท่านเก็บไว้ในโลงแก้ว เพื่อให้ผู้ที่เคารพนับถือหลวงพ่อกราบไหว้บูชาตลอดจนทุกวันนี้
บางส่วนอ้างอิงจาก นิตยสารกระแสพระ นิตยสารพระเครื่อง ลานโพธิ์ ปีที่33 ฉบับที่ 982 และคุณลูกบอล2009 ใน G- pra.com
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
.ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
-
สมเด็จ9อรหันต์ เนื้อผสมอัฐิธาตุ อังคารธาตุ เกศา และชานหมากของพระอรหันต์ 9 รูป พิธีสร้างวัดอินทาราม จ.สมุทรสงคราม พ.ศ.2538 สภาพสวย
พระสมเด็จ ๙ อรหันต์หรือ พระผงอังคาร ๙ อรหันต์ สร้างเมื่อปี พ.ศ.2538 เป็นที่สุดของมวลสารในการจัดสร้างพระรุ่นนี้คือ
1. พระผงรูปเหมือนหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ซึ่งด้านหลังบรรจุเกศาแท้ ๆ ของหลวงปู่มั่น สร้างโดยหลวงปู่เจี๊ยะ วัดป่าภูริทัตตะฯ จ.ปทุมธานี สมเด็จชานหมากของหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ด้านหลังฝังเหล็กเปียกสร้างโดยพระอาจารย์โชติ อาภัคโค วัดภูเขาแก้ว จ.อุบลราชธานี
2. พระผงรุ่นอายุยืน เส้นเกศา จีวร ชานหมาก ผิวสรีระบางส่วนที่ขูดออก ครั้งเปลี่ยนจีวร สีผึ้งที่ทำจากอุจจาระ ซึ่งก่อนมรณภาพหลวงปู่สี ฉันทสิริ ได้ขับถ่ายออกมาเป็นสีผึ้ง
3. เส้นเกศา-อัฐิธาตุ-อังคารธาตุ หลวงปู่สิม พุทธาจาโร
4. อัฐิธาตุ-อังคารธาตุ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
5. อัฐิธาตุ-อังคารธาตุ หลวงปู่ขาว อนาลโย
6. พระผงอังคารธาตุ หลวงปู่ชา สุภัทโท
7. อัฐิธาตุ-อังคารธาตุ ชานหมากหลวงปู่สาม อกิญจโน
8. อัฐิธาตุ-อังคารธาตุ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
9. อัฐิธาตุ-อังคารธาตุ หลวงปู่บัวพา ปัญญาภาโส
และผงธาตุกายสิทธิ์เช่น
1. ผงอิทธิเจ ปถมัง มหาราช
2. ผงว่าน ๑o๘
3. ดินสังเวชนียสถานทั้ง ๔ ประสูติ ตรัสรู้ ปฐมเทศนา และปรินิพพาน
4. ใบโพธิ์ ของต้นโพธิ์ตรัสรู้แท้ ๆ จากประเทศอินเดีย
5. ผงแร่เกาะล้าน แร่เกาะคาม แร่เกาะภูเก็ต แร่เมฆพัด
6. ผงแร่เหล็กไหลเพลิง
7. ผงเหล็กไหลตาแรด หลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดถ้ำแฝด
8. ผงธูป ผงพระเก่า สมเด็จพระพุฒาจารย์โต
9. ดินกากยายักษ์ที่ใช้ผสมทำพระผงหลวงปู่ทวด
10. ผงเกสรดอกไม้บูชาพระอาจารย์หลายรูป
11. ผงพระเก่าหลวงพ่อมงคลบพิตร
12. ผงพระธาตุพระสิวลี ชนิดสีขาวและสีดำ
13. ผงสะเก็ดแก้ว พิสดาร
โดยมีพิธีอธิษฐานจิต-พุทธาภิเษก ถึง 3 ครั้ง
ครั้งที่ ๑ ภายในโบสถ์มหาอุด วัดอินทราราม ต.เหมืองใหม่ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๓๘ ซึ่งตรงกับวันเกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคา โดยหลวงพ่อแดง นันทิโย และพระภิกษุผู้ทรงอิทธิจิตสูงส่งภายในวัดอินทรารามทั้งยังเป็นผู้สร้างพระสมเด็จ ๙ อรหันต์ ตามสูตรการสร้างพระสมเด็จที่สืบทอดมาจากหลวงปู่ใจวัดเสด็จ และ หลวงปู่หยอด วัดแก้วเจริญ
ครั้งที่ ๒ พิธีมหาพุทธาภิเษก ภายในพระวิหารพระร่วงโรจนฤทธิ์ วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร อ.เมือง จ.นครปฐม เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๓๘ โดยมีพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ๙ รูป นั่งปรกแผ่เมตตาดังนี้
1. หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม จ.กาญจนบุรี
2. หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จ.นครปฐม
3. หลวงพ่อลำไย วัดทุ่งลาดหญ้า
4. หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ จ.สมุทรสงคราม
5. หลวงพ่อยะ วัดท่าข้าม จ.นครปฐม
6. หลวงพ่อแย้ม วัดสามง่าม จ.นครปฐม
7. หลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม จ.นครปฐม
8. หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม
9. หลวงพ่อสง่า วัดหนองม่วง จ.ราชบุรี
ครั้งที่ ๓ อธิษฐานจิตแผ่พลังโดยพระป่ากรรมฐานในสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต อีกจำนวนทั้งหมด ๒๒ รูป ดังนี้
1. หลวงปู่โง่น โสรโย วัดพระพุทธบาทเขารวก จ.พิจิตร
2. หลวงปู่หลอด ปโมทิโต วัดสิริกมลาวาส กรุงเทพฯ
3. หลวงพ่อคำพอง ติสโส วัดถ้ำกกดู่ จ.อุดรธานี
4. พระอาจารย์กิ ธัมมุตตโม วัดสนามชัย จ.อุบลราชธานี
5. พระอาจารย์ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน จ.เลย
6. พระอาจารย์บุญเพ็ง กัปปโก วัดป่าวิเวกธรรมวิทยาราม จ.ขอนแก่น
7. หลวงปู่หลวง กตปุญโญ วัดป่าสำราญนิวาส จ.ลำปาง
8. หลวงปู่จันทา ถาวโร วัดป่าเขาน้อย จ.พิจิตร
9. พระอาจารย์โชติ อาภัคโค วัดภูเขาแก้ว จ.อุบลราชธานี
10. พระโพธินันทมุนี วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์
11. พระอาจารย์แปลง สุนทโร วัดป่าอุดมสมพร จ.สกลนคร
12. พระครูอุดมสังวรคุณ วัดบรมนิวาส กรุงเทพฯ
13. หลวงพ่อเพิ่ม กิตติวัฒฑโน วัดถ้ำไตรรัตน์ จ.นครราชสีมา
14. หลวงพ่อจำเนียร สีลเสฏโฐ วัดถ้ำเสือวิปัสสนา จ.กระบี่
15. พระอาจารย์สมาน ชิตมาโร วัดป่าศรัทธาราม จ.นครราชสีมา
16. หลวงพ่อเที่ยง ผาสุโก วัดหลวงปรีชากูล จ.ปราจีนบุรี
17. พระครูพิทักษ์มัชฌิมเขต วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม จ.นครราชสีมา
18. พระอาจารย์เคล็ม ปิยธโร วัดกระสัง จ.บุรีรัมย์
19. หลวงพ่อแดง นันทิโย วัดอินทราราม จ.สมุทรสงคราม
20. พระอาจารย์เฉลียว วรกิจโจ วัดป่าโคกมน จ.เลย
21. หลวงพ่อสิทธา เชตะวัน
22. พระอาจารย์เกษมสุข เขมสุโข วัดประดู่ธรรมาธิปัตย์ กรุงเทพฯ
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
พระสมเด็จ ๙ อรหันต์
ไม่บูชา 220 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
-
วันนี้จัดส่ง
ขอบคุณครับ -
เหรียญหลวงปู่เทพโลกอุดรหลังหลวงปู่เย็นวัดสระเปรียญชัยนาท
วิชาพ.พาน ของหลวงปู่เย็นท่านเรียนมาจากหลวงปู่เทพโลกอุดรท่านเมตตามาสอนให้แล้วจากไป
คาถา ตัว พอ แก้วสารพัดนึก มหัศจรรย์
ตำหรับหลวงปู่ ใหญ่เทพโลกอุดร
พ่อจงมาโปรดลูกคนนี้ให้เขากินอิ่มนอนหลับ
พ่อจงมาโปรดลูกคนนี้เขาจะเอาอะไร
ก็ขอให้ช่วยเขาสมปรารถนา
พ่อจงมาโปรดลูกคนนี้ พุทธะเตเชนะ
ความใดอย่าให้ถูก ปติเสวามิ พุทธะเมตตาจิต
ธัมมะเมตตาจิต สังฆะเมตตาจิต นะเมตตา
โมกรุณา พุทปราณี ธายินดี ยะเอ็นดู
อิสวาสุ สุสวาอิ พุทธะปิติอิ
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
ให้บูชา 220 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
หน้า 94 ของ 106