---- สำหรับผู้ที่ชื่นชอบตะกรุดคู่ชีวิต ----

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย น้าต๋อย เซมเบ้, 8 พฤษภาคม 2010.

  1. น้าต๋อย เซมเบ้

    น้าต๋อย เซมเบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2009
    โพสต์:
    7,815
    ค่าพลัง:
    +58,748
    ตะกรุดคู่ชีวิต

    เดิมนั้นเล่ากันว่า ต้นตอที่แท้จริงนั้นมาจาก หลวงพ่อโพธิ์ วัดวังหมาเน่าทั้งนั้น แม้แต่หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ท่านเอง ก็ได้เล่าเรียนมาจาก หลวงพ่อโพธิ์ เช่นกัน

    หลวงพ่อโพธิ์ วัดวังหมาเน่า นั้น เป็นพระเกจิอาจารย์ยุคเก่าแก่มาก ค้นประวัติไม่เจอ สันนิษฐานว่าน่าจะเกิดในยุครัตนโกสินทร์ ตอนต้น ๆ จากคำกล่าวขานคนรุ่นเก่าๆ เล่าต่อๆ มากันว่า หลวงพ่อโพธิ์ท่านเป็นพระมอญ เดินธุดงค์ มาจากเมืองปทุมธานี บุคลิกท่านเป็นพระสันโดษ ชอบอยู่องค์เดียว ชอบวิปัสสนากรรมฐาน ในสำนักสงฆ์ที่ท่านสร้างเอาไว้เล็ก ๆ มีลูกศิษย์มาเรียนวิชาอาคมกับท่านอยู่ด้วยกันหลายองค์ รวมทั้ง หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ด้วย เล่ากันว่า หลวงพ่อโพธิ์นั้น ท่านก็ได้สร้างตะกรุดไว้ไม่มากนัก ส่วนมากจะมีขนาดค่อนข้างเขื่อง คือ มีขนาดความยาวตั้งแต่ ๔ นิ้ว จนถึงขนาด ๙ นิ้ว เท่าที่พบเจอตะกรุดของท่าน มักจะอยู่ในสภาพสวยสมบูรณ์เป็นส่วนมาก อาจเนื่องจากมีขนาดค่อนข้างใหญ่ไม่เหมาะสำหรับพกพา จึงเก็บบูชาบนหิ้งกันมากกว่า
    ตะกรุด ของท่านจะ สร้างก็ต่อเมื่อมีผู้ขอให้ท่านสร้าง ผู้ขอต้องหาวัสดุไปให้ท่าน วัสดุในการสร้างตะกรุดนั้น หลักๆ ได้แก่ แผ่นตะกั่ว และทองแดง เอกลักษณ์ตะกรุดของหลวงพ่อโพธิ์ จะทำจากเนื้อตะกั่ว ซึ่งมีขนาดค่อนข้างเขื่อง แล้วใช้ตะกรุดอีกดอกหนึ่งซึ่งทำจากโลหะเนื้อทองแดงม้วนใส่ไปตรงแกนกลางอีก ชั้นหนึ่ง ไม่ทราบว่าท่านทำแบบนี้เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของตะกรุด หรือ หลวงพ่อท่านต้องการเพิ่มคาถาอาคมให้มากขึ้นหรือเปล่า
    สำหรับ ชื่อวัดวังหมาเน่านั้น ประวัติเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือ บริเวณเหนือขึ้นจากวัดไป มีสายน้ำหักเลี้ยวโค้ง ทำให้เกิดวังน้ำวนขึ้น เวลาสัตว์ตายลอยน้ำมาก็จะไหลวนเวียนอยู่ตรงนั้น ไม่ลอยไปไหน ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นเน่า ตลบอบอวลไปหมด หลวงพ่อโพธิ์ท่านมีคาถาสยบกลิ่นเหม็นเน่า ท่านจึงอยู่ได้โดยไม่มีปัญหา และรังเกียจ
    ยัง มีเรื่องเล่าอีกว่า เมื่อหลวงพ่อโพธิ์ ท่านได้มรณภาพสิ้นลงแล้วนั้น บรรดาลูกศิษย์ ได้แบ่งเอาตำราคาถาของท่านออกจากวัดจนหมด ส่วนบรรดาญาติๆ ของหลวงพ่อโพธิ์ที่ขึ้นมาจากปทุมธานีนั้นก็ได้ขนเครื่องใช้สอยต่างๆ ของท่านทุกชิ้น ไม่ว่าจะเป็นไม้ที่สร้างกุฏิท่าน หรือจะเป็นเสา ไม้กระดาน แม้แต่
    ตอม้อ ก็ขุนขนกลับไปเมืองปทุมกันหมดเลย ชาวบ้านที่อยู่แถวนั้น ไม่มีใครได้อะไรของหลวงพ่อเลยสักชิ้นหนึ่ง ทุกคนมีความเชื่อกันว่า เครื่องใช้ไม้สอยของหลวงพ่อทุกอย่างนั้นมีความศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด เล่ากันว่าเคยมีไฟไหม้ทั่วรอบบริเวณใกล้วัด พอลามมาถึงวัด ไฟนั้นก็ดับลงเองหมด
    หลัง จากท่านมรณภาพไปนาน แล้ว ประมาณปี พ.ศ. ๒๔๘๒ วัดจึงจัดตั้งขึ้นใหม่เป็นทางการอีกครั้ง และเปลี่ยนชื่อเป็น วัดโพธิ์ศรี โดยนำชื่อของท่านมาประกอบในการตั้งชื่อ


    หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ปรมาจารย์พระเกจิอีกรูปหนึ่ง ท่านเป็นชาวพิจิตร เกิดเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ปี พ.ศ.๒๓๕๓ ตรงกับวันศุกร์ เดือน ๑๐ ปีฉลู โยมบิดาชื่อ อู๋ เป็นชาวบ้านบางคลาน โดยกำเนิด ส่วนโยมมารดาชื่อ ฟัก ท่านเป็นชาวกำแพงเพชร
    เชื่อกันว่า หลวงพ่อเงินท่านเป็น อริยสงฆ์ ที่มีญาณแก่กล้ามากองค์หนึ่ง วัตถุมงคลของท่าน ที่สร้างขึ้นนั้นได้รับความนิยมเป็นอันมาก ไม่ว่าจะเป็นพระเครื่อง หรือ เครื่องรางของขลัง และกลายเป็นของหาชมยากมากในยุคปัจจุบัน
    หลวง พ่อเงิน ท่านได้สร้างตะกรุด โดยลงยันต์ อะสิสัตติ ฯ หรือยันต์คู่ชีวิตเช่นกัน ซึ่งหลวงพ่อเงิน ท่านได้ไปเล่าเรียนวิชาอาคมนี้มาจาก หลวงพ่อโพธิ์ วัดวังหมาเน่า มาทั้งหมด วัดวังหมาเน่า กับวัดบางคลานนั้นอยู่ไม่ไกลกันมากนัก จึงสะดวกมากในการเดินทางไปมา
    ะกรุด ของหลวงพ่อ เงิน วัดบางคลาน ท่านสร้างมีขนาดค่อนข้างเขื่องอยู่เหมือนกัน คือ ยาวประมาณ ๓-๔ นิ้ว และค่อนข้างอวบอ้วนสักหน่อย แต่จะสั้น ยาวกว่านี้หรือเปล่า ผู้เขียนไม่แน่ใจเหมือนกัน ลักษณะของตะกรุด หลวงพ่อเงินท่านจะสร้างคล้ายๆ ของ หลวงพ่อโพธิ์เลย คือ เป็นตะกรุดที่ทำจากแผ่นตะกั่ว นำมาม้วนเสร็จก็ใส่แกนกลางด้วยตะกรุดอีกดอกหนึ่ง
    ตะกรุด ของหลวงพ่อเงิน จะต่างจาก หลวงพ่อโพธิ์ ซึ่งแยกกันได้ชัดเจนก็คือ ตะกรุดที่ทำเป็นไส้แกนกลางนั้น หลวงพ่อโพธิ์ท่านจะใช้แต่ตะกรุดที่ทำจากเนื้อทองแดงเท่านั้น สอดใส่ไว้เฉยๆ แต่ตะกรุดของ หลวงพ่อเงินนั้น แกนกลางที่ใส่ท่านจะไม่ใช้แผ่นทองแดง จะใช้แผ่นทองเหลือง หรือ แผ่นเงินเท่านั้น แล้วรีดตะกรุดที่ใช้เป็นแกนกลาง กับตะกรุดปลอกนอกที่เป็นตะกั่ว ให้แนบเป็นเนื้อเดียวกันทั้ง ๒ ดอก ส่วนหลวงพ่อโพธิ์ตะกรุดแกนกลางจะใส่เอาไว้เฉย ๆ ไม่รีดให้เป็นเนื้อเดียวกัน เจตนาของหลวงพ่อเงินท่านคงจะให้ผู้ใช้ภายหน้าแยกกันออกชัดเจน ว่าตะกรุดดอกนี้เป็นของอาจารย์องค์ไหนสร้าง
    หลวงพ่อเงิน ท่านมรณภาพเมื่อ แรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะแม พ.ศ. ๒๔๖๒ รวมสิริอายุได้ ๑๐๙ ปี ซึ่งตรงกับวันเกิดของท่านด้วย

    หลวงปู่ภู วัดท่าฬ่อ จังหวัดพิจิตร อีก องค์หนึ่งที่เป็นพระเกจิอาจารย์ ที่มีวิชาอาคม แก่กล้ามาก หลวงปู่ภู เดิมท่านเป็นชาวอยุธยา เกิดเมื่อ เดือน ๖ ปีเถาะ พ.ศ. ๒๓๙๘ บ้านผักไห่ อยุธยา โยมบิดาชื่อ แฝง โยมมารดาชื่อ ขำ ซึ่งต่อมา ครอบครัวได้ย้ายภูมิลำเนาที่ทำกิน ไปที่หมู่บ้าน หาดมูลกระบือ ต.ไผ่ขวาง อ.เมือง จ.พิจิตร
    หลวง ปู่ภู วัดท่าฬ่อนั้น ท่านเป็นผู้ชอบศึกษาวิชาอาคม มีความสนใจด้านไสยศาสตร์มาก และถือว่าท่านเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน องค์หนึ่ง ซึ่งคอยติดตามไปธุดงค์ทั่วทิศ ได้ฝึกจิต และสมาธิจนกล้าแข็ง หลวงพ่อเงิน ท่านได้ถ่ายทอดวิชาอาคมให้จนมากมาย รวมทั้งอาจารย์อื่น ๆ อีกหลายองค์ หลวงปู่ภู ท่านได้สร้างเครื่องรางของขลังไว้เป็นจำนวนมากเช่นกัน หลวงปู่ภู ท่านเป็นเกจิอาจารย์ที่ตั้งใจสร้างวัตถุมงคล สังเกตได้ว่า วัตถุมงคลแต่ละชิ้นท่านจะพยายามลงอักขระยันต์จนทั่ว ซึ่งน้อยนักจะพบเห็นเกจิอาจารย์ที่ลงอักขระยันต์ ในวัตถุมงคลของท่านเองมากมายขนาดนี้
    ตะกรุด ลง ยันต์คู่ชีวิตของ หลวงปู่ภูนั้นท่านจะสร้างลักษณะซึ่งต่างไปจากอาจารย์ของท่านทั้ง ๒องค์ คือ หลวงปู่โพธิ์ และหลวงพ่อเงิน โดยตะกรุดของท่านจะมีความยาวประมาณ ๔-๖ นิ้ว ค่อนข้างเขื่องสักหน่อย ท่านจะไม่ใช้ตะกรุดอีกดอกใส่เป็นไส้แกนกลาง แต่ท่านจะนำเอาแผ่นตะกั่ว แผ่นทองแดง หรือ แผ่นทองเหลือง นำมาทุบ รีด ตัดเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า เมื่อลงอักขระยันต์เรียบแล้ว นำมาซ้อนกัน ๒ แผ่น หรือ ๓ แผ่น แล้วม้วนรวมกันเลย ถ้ามองดูตรงหัวตะกรุด เนื้อโลหะที่ต่างกันจะสลับเป็นขั้นๆ
    หลวง ปู่ภู ได้มรณภาพ เมื่อ พ.ศ.๒๔๖๗ รามสิริอายุได้ ๖๙ ปี ศิษย์เอกของท่านคือ หลวงพ่อครุฆ ซึ่งเป็นหลานของท่าน และสืบเป็นเจ้าอาวาสองค์ต่อมา


    หลวงพ่อพิธ วัดฆะมัง พระเกจิอาจารย์ซึ่งถือว่า มีวิชาแก่กล้ามากเป็นที่สุดอีกองค์หนึ่งของประเทศไทย เลยทีเดียว หลวงพ่อพิธ ท่านเกิดเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๑๕ เล่ากันว่า ท่านเป็นหลานแท้ๆ ของ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน และเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อเงินอีกองค์หนึ่งด้วย และได้ศึกษาวิชาอาคม การทำตะกรุดมาจากหลวงพ่อเงินทั้งสิ้น ตะกรุดของหลวงพ่อพิธนั้นได้รับความนิยมสูงมาก มีประสบการณ์มากมายจากผู้ใช้ จนได้รับฉายาว่า “ ตะกรุดคู่ชีวิต หลวงพ่อพิธ วัดฆะมัง ”
    หลวง พ่อพิธ ท่านได้สร้างตะกรุดคู่ชีวิตไว้เมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๔๗๐-๒๔๘๕ ให้ทำบุญดอกละ ๑๐ บาท นำเงินที่ได้มาสร้าง พระอุโบสถ ที่วัดสามขา ซึ่งในขณะเวลานั้น รูปหล่อของ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน องค์หนึ่งยังไม่เกิน ๑๐ บาทเลย
    ตะกรุด ของหลวงพ่อพิธ วัดฆะมังนั้น ปัจจุบันเป็นเครื่องรางที่หาชมของแท้ได้ยากเอามากๆ การปลอมลอกเลียนแบบมีด้วยกันหลายฝีมือ ที่เลียนแบบได้ดีที่สุดก็น่าจะเป็นการนำเอาตะกรุดเกจิอาจารย์เก่าๆ ที่มีขนาดใกล้เคียงกันกับ ตะกรุด หลวงพ่อพิธ แล้งนำอั่วที่ทำขึ้นใหม่มาสอดแกนกลาง ของแท้ราคาค่างวดในตลาดพระสูงมาก ดอกละหลายหมื่นบาท น่าเป็นรองแค่ตะกรุดมงคลโสฬล ของหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง เท่านั้นเอง
    จุด สังเกตการดูตะกรุด ของหลวงพ่อพิธ นั้น ตะกั่วต้องเป็นตะกั่วน้ำนม ใช้อั่วทองเหลืองเป็นแกนกลาง และลงยันต์คู่ชีวิตหรือยันต์อะ หลวงพ่อพิธ ท่านยังมีศิษย์เอกอีกท่านหนึ่ง คือ หลวงพ่อเตียง วัดเขารูปช้าง ซึ่งได้ศึกษาเล่าเรียนวิชาทำตะกรุดคู่ชีวิต จากหลวงพ่อพิธ หมดทั้งสิ้นเช่นกัน การสร้างตะกรุดของหลวงพ่อเตียงนั้น ท่านจะสร้างเลียนแบบ หลวงพ่อพิธ แต่จะต่างกัน ที่อั่วของหลวงพ่อเตียง จะทำจากโลหะทองแดงเป็นแกนกลาง หลวงพ่อพิธ นั้นท่านมรณภาพลงเมื่อ พ.ศ.๒๔๘๘
    ตะกรุด คู่ชีวิตนั้น ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์องค์ไหนสร้างก็ตาม มีความศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่น้อยลดหย่อนไปกว่ากัน เชื่อกันว่าแผ่นโลหะที่ได้ลงยันต์คู่ชีวิต มีความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์โดยไม่ต้องปลุกเสก ก็สามารถนำมาใช้ติดตัวได้แล้ว
    ตะกรุด แต่ละดอกที่ปรมาจารย์ไม่ว่าจะเป็น หลวงพ่อโพธิ์ หลวงพ่อเงิน หลวงปู่ภู หรือ หลวงพ่อพิธ ที่ได้สร้างขึ้นนั้นบางดอกก็นำมาลงรักถักเชือก บางดอกก็เปลือยไม่มีการถักเชือก แต่จะสังเกตได้ ตะกรุดทุกดอกของทุกอาจารย์ จะมีความเรียบร้อย ประณีตมาก
    ด้านพุทธคุณนั้น เชื่อกันว่าครบสูตรทุกประการ แต่เน้นทางด้านแคล้วคลาด และคงกระพัน ชาตรีเป็นหลัก เพราะ ยันต์คู่ชีวิต นั้นหมายถึง มีอยู่แล้วชีวิตอยู่คง ส่วนค่านิยมด้านราคาทุกอาจารย์นิยมเล่นกันอยู่ในหลักหมื่นขึ้นไปครับ.

    ขอขอบคุณข้อมูลจาก :: NUPETCHARAT.COM ::
     

แชร์หน้านี้

Loading...