เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 21 ส.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศภายในวัดไผ่สามเกาะ ต.เขาขลุง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ได้มีพิธี เชิญน้ำหลวงพระราชทานสรงศพ พระครูปัญญาวิภูษิต (หลวงปู่หนู ปัญญาโสโต) เจ้าอาวาสวัดไผ่สามเกาะ เกจิดังแห่งภาคตะวันตก ที่อาพาธ
ด้วยโรคติดเชื้อในกระแสเลือดและโรคชรามรณภาพลงอย่างสงบเมื่อเวลา 12.02 น. ของวันที่ 20 ส.ค. ที่ผ่านมา สิริอายุ 98 ปี 76 พรรษา โดยมี พระธรรมปัญญาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดราชบุรี ประธานฝ่ายสงฆ์ นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผวจ.ราชบุรี ประธานฝ่ายฆราวาส และเป็นผู้อัญเชิญน้ำหลวงพระราชทานสรงศพ ท่ามกลางความโศกเศร้าของศิษยานุศิษย์และชาวบ้านที่ทราบข่าว
เดินทางมารดน้ำศพกันจนแน่นศาลาวัด ก่อนจะมีพิธีบรรจุสรีระของหลวงปู่ลงหีบศพที่ทางวัดจัดเตรียมไว้ กำหนดตั้งสวดพระอภิธรรมศพเป็นเวลา 100 วัน
ที่มา: https://www.thairath.co.th/content/1045352
ประวัติหลวงปู่หนู ปญฺญาโสโต วัดไผ่สามเกาะ
เป็นพระเกจิอาจารย์มีเวทย์มนต์เข้มขลัง สมาธิจิตแก่กล้า ถือมักน้อยสันโดษ มีปฏิปทาน่าเสื่อมใส บริสุทธิ์ผ่องแผ้วทั้งทางโลกและทางธรรม เป็นศิษย์ผู้สืบทอดไสยเวทย์พุทธาคมจากหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม และหลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม อ.ดอนตูม จ.นครปฐม สืบสายวิชาหลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้ จ.กาญจนบุรี จากพระอาจารย์อู๋ วัดใหม่สำรอง สืบสายวิชาหลวงพ่อแทน ธรรมโชติ วัดธรรมเสน จากหลวงพ่อกล่อม วัดขนอม อ.โพธาราม จ.ราชบุรี หลวงปู่หนู ปัญฺญาโสโต มีเมตตาบารมี เอื้อเฟื้อต่อผู้มากราบนมัสการท่านอย่างเสมอเหมือนไม่เลือกที่รักมักที่ชั่ง เป็นพระสุปฏิปันโณอีกรูปหนึ่งที่กราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ
ชาติภูมิ หลวงปู่หนู ปัญฺญาโสโต มีนามเดิมว่า “หนู กันขำ” ถือกำเนิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายนพ.ศ.2462 เป็นบุตรคนที่ 2 ในจำนวนพี่น้อง 8 คนด้วยกัน คือ 1.นางยุ้ย 2.หลวงปู่หนู 3.นายพัด 4.นางหมุ่ย 5.นายคุย 6.นางบาง 7.นายเสงี่ยม 8.นายวาล เป็นบุตรของโยมพ่อนวน โยมแม่ตุ่น กันขำ ณ บ้านไผ่สามเกาะ ต.เขาขลุง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี จบการศึกษาชั้น ป.4 ที่โรงเรียนเขาขลุง อาชีพทำนา
อุปสมบท เมื่ออายุ 22 ปี ณ พัทธสีมา วัดสระตะโก ต.หนองปลาหมอ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เมื่อวันที่ 9 เมษายน พ.ศ.2484 โดยมีพระครูเม เมธาธิการ (หลวงพ่อหวาน) เจ้าคณะตำบลหนองปลาหมอ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูบุญนาค สักการโว วัดลำพยอม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์ม่วง วัดไผ่สามเกาะ เป็นพระอนุสาวณาจารย์ หลวงปู่หนู ได้รับฉายาว่า ปญฺญาโสโต อุปสมบทแล้วได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดไผ่สามเกาะ ได้ศึกษาเรียนนักธรรม สอบได้นักธรรมเอก ได้รับพัดยศสมณศักดิ์ เป็นพระครูชั้นเอก ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดไผ่สามเกาะในปีพ.ศ.2490 สืบต่อจากพระอาจารย์ม่วง จักหมื่นภูผา อดีตเจ้าอาวาสวัดไผ่สามเกาะ ตลอดมาจนจวบถึงปัจจุบันนี้และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ในปีพ.ศ.2512
ศึกษาไสยเวทย์พุทธาคม หลวงปู่หนู ปัญฺญาโสโต เป็นศิษย์ผู้สืบทอดพุทธาคมจากหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม และหลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม จ.นครปฐม ในปีพ.ศ.2486 หลวงปู่หนู ได้เดินทางไปกราบนมัสการหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม ได้ฝากตัวเป็นศิษย์ขอศึกษาพุทธาคมจากหลวงพ่อแช่ม หลวงพ่อแช่มได้เมตตาสอนสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐานให้เป็นอันดับแรก และได้สอนพระคาถากำบัง วิชามหาอุด และคงกระพันชาตรีให้อยู่เป็นเวลา 1 ปีและในพรรษาที่7 ตรงกับปีพ.ศ.2492 ได้เดินทางไปกราบนมัสการหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม อ.เมือง จ.นครปฐม ได้เข้าฝากตัวเป็นลูกศิษย์ขอศึกษาเรียนไสยเวทย์พุทธาคม หลวงพ่อเงิน ได้รับเป็นศิษย์ได้ให้หลวงปู่หนู มาขึ้นครูที่วัดดอนยายหอม หลวงพ่อเงิน ได้สอนวิชาสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐานให้เช่นกัน และได้สอนคาถาอาคมต่าง ๆ ให้เช่น คาถาเสกหุ่น หนุนธาตุ คาถามหาอุด และการทำกสิณต่าง ๆ เช่น กสิณน้ำ กสิณลม กสิณไฟ และปัฐวีธาตุ จนสามารถบรรลุกสิณ10 และหลวงปู่หนู ได้ไปกราบนมัสการหลวงพ่อเต๋ คงทอง ที่วัดสามง่าม อ.ดอนตูม จ.นครปฐม ซึ่งหลวงพ่อเต๋ คงทอง ท่านก็ได้เป็นศิษย์หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้องเช่นกัน ได้เข้าขอศึกษาและปรึกษารับการแนะนำในการใช้วิชาต่าง ๆ จากหลวงพ่อเต๋ คงทอง ซึ่งเป็นศิษย์ผู้พี่และเป็นทั้งพระอาจารย์ หลวงปู่หนู ปัญฺญาโสโต ได้เดินทางไปมาหาสู่ทั้ง 3 พระอาจารย์อยู่อย่างต่อเนื่องตลอดมาจนมาในปีพ.ศ.2490 หลวงพ่อแช่ม วัดตากล้อง ได้ละสังขารลง สำหรับหลวงพ่อเงินและหลวงพ่อเต๋ หลวงปู่หนู ได้เดินทางไปหาอย่างต่อเนื่องตลอดมาและได้เรียนวิชาไสยเวทย์ต่าง ๆ จากหมอไสยศาสตร์ ชื่อโยมเปลื่อง จักหมื่นภูผา เรียนวิชาทำตะกรุด วิชาขับคูณไสย เมตตามหานิยม ได้เรียนวิชาไสยเวทย์จากหลวงพ่อกล่อม วัดขนอม ต.สร้อยฟ้า อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ซึ่งหลวงพ่อกล่อม ท่านเป็นศิษย์สืบสายวิชามาจากหลวงพ่อแทน ธรรมโชติ วัดธรรมเสน ต่อจากนั้นได้เรียนวิชาคาถาอาคม อักขระเลขยันต์จากพระอาจารย์อู๋ วัดใหม่สำรอง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี อาจารย์อู๋ องค์นี้ท่านเป็นศิษย์ผู้สืบสายวิชาสายหลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้ จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง เหรียญติดอันดับ 1 ใน 5 ในทำเนียบเบญจภาคีเหรียญยอดนิยมของเมืองไทย
หลวงปู่หนู ได้รับการประสิทธิ์ประสาทวิชาไสยเวทย์พุทธาคม จากท่านพระเกจิอาจารย์ที่มีวิชาไสยเวทย์พุทธาคมเข้มขลังและมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักและยอมรับทั้งสิ้น ฉะนั้น หลวงปู่หนู จึงเป็นพระเกจิอาจารย์ ที่เชี่ยวชาญและแตกฉานในไสยเวทย์มนต์คาถา จึงทำให้วัตถุมงคลของท่านมีพุทธคุณศักดิ์สิทธิ์และน่าเชื่อถือ
ธุดงค์วัตร ในปีพ.ศ.2491 พรรษาที่8 หลวงปู่หนู ได้บอกกล่าวกราบลา พระอุปัชฌาย์หลวงพ่อหวาน ออกธุดงค์วัตรสู่ความวิเวก ได้เดินธุดงค์ไปตามป่าเขาลำเนาไพร่เสียส่วนใหญ่ เริ่มต้นเดินสู่ อ.จอมบึง น้ำพุ ยางหัก หินสี โป่งกระทิง สวนผึ้งแล้วลัดเลาะมายังด่านทัพตะโก ด่านมะขามเตี้ย ผ่าน จ.กาญจนบุรี อ. ศรีสวัสดิ์ อ.ทองผาภูมิ ขากลับสู่ อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ผ่านเข้า อ.เลาขวัญ อ.พนมทวน อ.ท่าม่วงและมุ่งกลับสู่วัดไผ่สามเกาะ ใช้เวลาออกธุดงค์เป็นเวลา 5 เดือน ตลอดระยะเวลาเดินทางด้วยเท้ายามค่ำคืนส่วนใหญ่จะอยู่ปักกลดจำวัดอยู่ชายเขา และตามถ้ำข้างลำธารน้ำไหลต่าง ๆ หลวงปู่เล่าว่าได้ประสบการณ์ถึงสิ่งลี้ลับมหัศจรรย์ในยามค่ำคืนในถ้ำต่าง ๆ หลายแห่ง เช่น ถ้ำเขาคันหอก ถ้ำเขาองค์จุ ถ้ำมังคลา ส่วนใหญ่จะได้ยินเสียงหวีดร้องจากวิญญาณต่าง ๆ เสียงม้าร้อง เสียงเสือคำราม เสียงนกที่ร้องดังมาก ดังสะท้านป่า เสียงดังจง..จง..จง.. มีแสงประกายแลบ ๆ เหมือนฟ้าแลบในป่าเขาเป็นประกายปฏิกิริยาของแร่ต่าง ๆ ในยามค่ำคืน ในหุบเขาเขต อ. ศรีสวัสดิ์ หลวงปู่จะทำสมาธินั่งอยู่ในกลดที่ปักอยู่ในถ้ำและตามชายเขาเสียส่วนใหญ่ ที่ถ้ำเขาองค์จุในยามค่ำคืน ๆ หนึ่ง ได้เห็นวิญญาณหัวขาด วิญญาณวัวหัวขาดและวิญญาณม้าหัวขาด มีงูใหญ่เลื่อยมาคดตัวอยู่ข้างกลดหลวงปู่และมีบรรดาสัมภเวสีมาขอส่วนบุญ หลวงปู่ได้อธิษฐานจิตแผ่เมตตาไปให้ แล้วสิ่งที่เห็นก็ได้หายไปตามป่าเขามีบ้านผู้คนอยู่น้อยมากมีหลายครั้งที่หลวงปู่ออกบิณบาตร ไม่ได้อาหารเลยพอกลับมายังที่พักสักครู่ก็จะมีคนนำอาหารมาถวายบางครั้งมา 2 คน 3 คนบ้าง บางวันจะก็มาเป็น 10 ก็เป็นที่ประหลาดใจตอนที่หลวงปู่ออกบิณบาตรไปไกลมาก ก็ไม่เห็นมีชาวบ้านและบ้านผู้คนอาศัยอยู่แม้สักหลัง โยมทั้งหลายนี้ที่มาทำบุญกันมาจากที่ไหนกันแน่หนอ หลวงปู่จึงได้ถามกลับไปว่า “โยมที่มานี้บ้านอยู่ที่ใด อยู่ไกลหรือไม่” ก็ได้รับคำตอบว่า ”ก็อยู่ระแวงนี้แหละหลวงปู่” หลังจากหลวงปู่ได้ฉันท์อาหารเช้าแล้วได้สวดเมตตาให้พรแล้ว ผู้คนเหล่านั้นก็ได้กราบลาหลวงปู่เดินออกจากถ้ำไป หลวงปู่ได้ลุกจากที่ทันทีและเดินตามหลังไปดูที่ปากถ้ำ ปรากฏว่าผู้คนเล่านั้นได้หายไปหมดแล้ว จากเรื่องราวหลวงปู่ได้ประสบมานั้น เราชาวพุทธน่าจะสันนิฐานได้ว่า เรื่องเล่านี้ได้เคยเกิดมาแล้วตั้งแต่ในยุคโบราณกาล เพราะบรรดาทวยเทพยดาเทพารักษ์หรือนางไม้ทั้งหลาย ได้เห็นพระผู้ทรงศีลหรือพระอริยสงฆ์ออกบิณบาตรโปรดสัตว์ ต่างก็มาร่วมทำบุญถวายอาหารแก่หลวงปู่เพื่อเสริมสร้างกุศลผลบุญ
วัตถุมงคล หลวงปู่หนู ปัญฺญาโสโต ได้สร้างวัตถุมงคลรุ่นแรกในปีพ.ศ.2515 เป็นเหรียญรูปไข่ เนื้อทองแดงรมดำ จำนวน 10,000 เหรียญ และเนื้อทองแดงกะไหล่ไฟ จำนวน 5,000 เหรียญสร้างออกให้บูชาในงานปิดทองผูกภัทธศรีมา (ฝังลูกนิมิต)ในปีพ.ศ.2515 โดยเหรียญรูปไข่ เนื้อทองแดงรมดำ ได้รับความนิยมมากกว่าเนื้อทองแดงกะไหล่ไฟ ทางวัดจึงได้เก็บเหรียญรูปไข่เนื้อทองแดงรมดำจำนวน 3,000 เหรียญ โดยได้บรรจุไว้ใต้อุโบสถ และสำหรับเนื้อทองแดงกะไหล่ไฟต่อมาได้หมดไปแล้วเช่นกัน ปัจจุบันเหรียญทองแดงรมดำได้รับค่านิยมเล่นหาในตลาดพระอำเภอบ้านโป่ง สภาพสวย ๆ เล่นหากันราคา 2,500 บาทสำหรับเหรียญรูปไข่ เนื้อทองแดงกะไหล่ไฟ เล่นหากันราคาประมาณ 1,200-1,500 บาท เหรียญรุ่นแรกปีพ.ศ.2515 นี้ทั้ง 2 เนื้อเป็นเหรียญรุ่นเดียวกันออกพร้อมกัน หลวงปู่อธิษฐานจิตปลุกเสกเดียวครั้งเดียวกันเป็นเหรียญรูปไข่ขนาดความกว้าง 2.1 ซม. ส่วนสูง 3 ซม. ด้านหน้าเป็นรูปเหมือนหลวงปู่ มีอักษรคำว่าพระครูหนู ปัญฺญาโสโต ถัดขึ้นไปเป็นอักขระเลขยันต์ 3 ตัว ด้านบนเป็นตัวอักษรคำว่า วัดไผ่สามเกาะ อ.บ้านโป่ง ส่วนด้านหลังของเหรียญเป็นยันต์นะละลวย รายล้อมด้วยคาถาพระเจ้า ๕ พระองค์ ใต้ยันต์มีชื่อ จ.ราชบุรี ๒๕๑๕ เหรียญรุ่นแรกนี้มีประสบการณ์คุ้มครองผู้บูชามาแล้วมากมาย
อภินิหารประสบการณ์เหรียญรุ่นแรก พ.ศ.๒๕๑๕
นายนิเวศ กล่อนคง อยู่บ้านเลขที่ 31 หมู่6 บ้านมาบแค ต.หนองปลาหมอ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ได้บูชาเหรียญรุ่นแรกปีพ.ศ.2515 เลี่ยมทองห้อยคอบูชาอยู่บนสร้อยทอง ได้ไปเที่ยวงานที่วัดหนองกลางดง ขากลับได้มีคนร้ายดักจี้เอารถและสร้อยทองของนายนิเวศ แต่นายนิเวศได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์หนีไม่ยอมหยุด โดนคนร้ายยิงถูกกลางหลัง 2 นัดแต่ไม่เข้ารถมอเตอร์ไซค์ได้เสียหลักล้มลง คนร้ายได้ตามเข้ามายิงซ้ำอีกหลายนัดก็ยิงไม่เข้า นายนิเวศลุกขึ้นต่อสู้จนคนร้ายเห็นท่าจะสู้ไม่ได้จึงได้วิ่งหนีไป
อภินิหารประสบการณ์เรื่องอุบัติเหตุ นายทัศ เกตุกมล ชาวบ้านเขาขลุง ได้ขับรถไปทำธุระที่จอมบึง รถยางแตกเสียหลักไหลไปประสานงากับรถสิบล้อบรรทุกลูกลังจนรถปิกอัพของนายทัศ พังยับเยินใช้งานไม่ได้แต่ตัวของนายทัศ ได้กระเดนออกจากรถไปตกลงข้างทางไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ภายหลังได้ทราบว่า นายทัศ นั้นได้ห้อยคอบูชาเหรียญรุ่นแรกปีพ.ศ.2515 ของหลวงปู่หนูในคอเพียงเหรียญเดียว
นายสมจิต โมคสิต เป็นชาวหนองพังตุ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี มากราบนมัสการหลวงปู่หนู ได้ถามหาจะขอบูชาเหรียญรุ่นแรกหลวงปู่หนู แล้วได้กรุณาเล่าให้ทราบว่าเมื่อปีพ.ศ.2515 เค้าได้มาในงานปิดทองฝังลูกนิมิต วัดไผ่สามเกาะ ได้มาบูชาเหรียญทองแดงกะไหล่ไฟ ไป 2 เหรียญ ให้ภรรยาเค้าใช้ 1 เหรียญเค้าเองได้บูชาติดตัวอยู่ 1 เหรียญ นายสมจิต ทำอาชีพขับรถส่งผักจากชาวสวนไปส่งในเมืองอยู่เป็นประจำ อยู่มาวันหนึ่งเมื่อเดือนกันยายนปีพ.ศ.2521 ได้เกิดอุบัติเหตุรถของเค้าถูกชนจนพลิกหงายลงผักหล่นกระจัดกระจายเต็มถนน ส่วนตัวของนายสมจิต ถูกประตูรถหนีบร่างจนสลบไป ผู้คนเห็นเหตุการณ์ต่างก็วิ่งเข้าดูและช่วยงัดตัวของนายสมจิตออกมา พอฟื้นขึ้นปรากฏว่าผิวหนังของนายสมจิต มีรอยช้ำเขียวถึง 8 แห่งแต่ไม่ได้รับบาดเจ็บหรือมีบาดแผลแม้แต่น้อย ได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลตรวจเช็คร่างกายแล้วผลปรากฏว่าแพทย์ให้กลับบ้านได้เลย เหตุการณ์ครั้งนี้ นายสมจิตรอดพ้นจากอันตรายได้ด้วยพุทธคุณอันศักดิ์ศักดิ์ของเหรียญรุ่นแรกหลวงปู่หนูช่วยชีวิตไว้อย่างแน่นอน
ด้านพัฒนา วัดไผ่สามเกาะในสมัยเริ่มแรกพระอาจารย์ม่วง จักหมื่นภูผา และอาจารย์ค้ำ ได้เป็นผู้ริเริ่มสร้างวัดไผ่สามเกาะ โดยได้สร้างกุฏิไม้ขึ้นหลังหนึ่งเมื่อประมาณปีพ.ศ.2476 เป็นเวลาผ่านมาถึงปีพ.ศ.2523 ได้ 47 ปี ได้ชำรุดทรุดโทรมจนใช้การไม่ได้ทางวัดจึงได้ทำการรื้อถอนเอาสถานที่นั้นเพื่อสร้างกุฏิสงฆ์ขึ้นใหม่ตั้งแต่ปีพ.ศ.2490 เป็นต้นมา หลวงปู่หนูได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส วัดไผ่สามเกาะ ได้ทำการก่อสร้างและพัฒนาวัดไผ่สามเกาะต่อเนื่องมาไม่หยุด โดยได้มอบเนื้อที่วัด ซึ่งมีอยู่ประมาณ 60 ไร่ได้มอบให้ทางการจำนวน 20 ไร่เพื่อสร้างสถานศึกษาโรงเรียนไผ่สามเกาะปัญญาสามัคคี หลวงปู่ได้เป็นองค์อุปถัมภ์การศึกษาโรงเรียนไผ่สามเกาะปัญญาสามัคคีตลอดมา ส่วนเนื้อที่ดินของวัดที่เหลือประมาณ 40 ไร่หลวงปู่ได้ทำการปลูกต้นไม้สร้างกุฏิสงฆ์ สร้างหอฉันท์ สร้างซุ้มประตูและรั้ววัด ได้สร้างอุโบสถขึ้นในปีพ.ศ.2509 และทำการฝังลูกนิมิตในปีพ.ศ.2515 ได้สร้างศาลาอเนกประสงค์ 2 ชั้นหลังใหญ่ขึ้น สำหรับชั้นล่างได้สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันหลวงปู่หนู ปัญฺญาโสโต ได้จำวัดและอาศัยอยู่ที่ชั้นล่างนี้ ส่วนชั้นบนยังสร้างไม่เรียบร้อยซึ่งจะต้องใช้จตุปัจจัยอีกจำนวนหนึ่ง บริเวณวัดไผ่สามเกาะ นั้นมีแมกไม้นานาพันธุ์เขียวชอุ่มร่มรื่น บรรยากาศสงบ อากาศบริสุทธิ์สดชื่นที่สุด บริเวณวัดนั้นมีความสะอาดเรียบร้อย กุฏิที่อยู่ของหลวงปู่ก็สะอาดและมีระเบียบเรียบร้อย อีกทั้งหลวงปู่ก็ใจดี มีเมตตาที่สุดผู้ใดได้เข้าพบและกราบนมัสการแล้วจะรู้สึกอิ่มเอิบใจและมีความสุขสบายใจอย่างที่สุด โดยที่มากราบหลวงปู่แล้วอยากกลับมากราบไหว้ท่านอีก
นอกจากที่กล่าวมาแล้ว หลวงปู่หนู ท่านยังได้ซื้อที่ดินบริจาคให้กับทางราชการสร้างสถานีตำรวจชุมชน ต.เขาขลุง ซื้อที่ดินบริจาคให้สำหรับสร้างสถานีอนามัยเขาขลุง ซื้อที่ดินบริจาคให้สำหรับสร้างองค์การบริหารส่วนตำบลเขาขลุง หลวงปู่หนูได้เป็นผู้ริเริ่มสร้างถนนสายไผ่สามเกาะดอนไม้ลายความยาว 3.5 ก.ม. ตำบลเขาขลุง ในอดีตมักจะแห้งแล้งและกันดาน หลวงปู่หนูมีความเมตตาช่วยเหลือชาวบ้านไผ่สามเกาะ ได้ยกที่ดินของวัดจำนวน 5 ไร่ให้ชาวบ้านไผ่สามเกาะ และได้ทำการขุดสระน้ำใหญ่จำนวน 5 ไร่ เพื่อให้เป็นสาธารณูประโภคของชาวบ้านไผ่สามเกาะได้ใช้น้ำสำหรับอุปโภคบริโภคร่วมกันทั้งหมู่บ้าน มาในปัจจุบันระบบคลองชลประทานได้ขุดคลองชลเข้ามาห่างจากวัดประมาณ 1 ก.ม. หลวงปู่หนูก็ได้ทำการฝังท่อประปา เชื่อมจากคลองชลประทานผ่านวัดเข้าสู่หมู่บ้านไผ่สามเกาะซึ่งทำให้ทางวัดและชาวบ้านได้ใช้น้ำกันอย่างทั่วถึง หลวงปู่หนูบริจาคทานบารมีทุกปี ซื้อเครื่องครัวถวายมอบให้วัดต่าง ๆ ที่ยังไม่มีให้มีไว้ใช้อยู่เสมอ บริจาคโต๊ะเรียนนักธรรมให้วัดต่าง ๆ จำนวนมาก หลวงปู่หนูไม่สะสมสมบัติใด ๆ เมื่อญาติโยมทำบุญถวายปัจจัยมาท่านจะนำไปสร้างสาธารณะประโยชน์และพัฒนาวัดทั้งหมด ท่านใช้ชีวิตสมณะเพศอย่างสมถะจำวัดอยู่ด้วยเสื่อผืนหมอนใบและกางมุ้งจำวัดแบบเรียบง่าย ถือมักน้อยสันโดษ
หลวงปู่อนุรักษ์ป่าไม้ ที่ป่าเขาดิน มีพื้นที่อยู่ห่างวัดไผ่สามเกาะไปประมาณ 2 ก.ม. มีเนื้อที่ประมาณ 25 ไร่ แต่เดิมแทบจะเป็นเขาหัวโล้น ไม่มีป่าหลงเหลือเลย หลวงปู่หนูได้ทำการพลิกฟื้นให้เป็นผืนป่าขึ้นมาใหม่ โดยได้สรรหานำเอาพันธุ์ไม้ต่าง ๆ นานาชนิดมาปลุก จนเป็นป่าผืนใหญ่ที่สมบูรณ์เต็มพื้นที่ มีต้นไม้เขียวขจีล้อมรอบภูเขาดินทั้งลูก และได้ทำการปลูกสร้างสำนักสงฆ์ขึ้น ได้ส่งพระสงฆ์จากวัดไผ่สามเกาะไปอยู่สำนักสงฆ์จำนวน 2 รูปเพื่อดูแลอนุรักษ์ป่าไม้ หลวงปู่ได้ใช้จตุปัจจัยไปพัฒนาดูแลปลูกป่าจำนวนหลายแสนบาท จึงนับได้ว่าหลวงปู่หนูเป็นนักอนุรักษ์ป่าและธรรมชาติ นอกเหนือจากนั้นแล้ว หลวงปู่หนู ท่านยังได้มอบทุนการศึกษาให้นักเรียนโรงเรียนวัดไผ่สามเกาะและทุนอาหารกลางวันให้แก่นักเรียนทุกปี ท่านส่งเสริมการศึกษามาตลอด หลวงปู่เคยกล่าวไว้ว่า การศึกษาพัฒนาคนเป็นเรื่องสำคัญมาก หลวงปู่หนูได้สร้างความเจริญให้กับตำบลเขาขลุงตลอดมาได้เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ในงานสำคัญต่าง ๆ จำนวนมากครั้ง พุทธศาสนิกชนและชาวบ้านมีความศรัทธาเลื่อมใสหลวงปู่หนูมาก ยกย่องศรัทธาเป็นพระสงฆ์ผู้อาวุโสที่สุดในตำบลและวัดไผ่สามเกาะได้เป็นศูนย์รวมของตำบลเขาขลุงมาโดยตลอด หลวงปู่หนูจึงได้ถูกนิมนต์ให้เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ในงานต่าง ๆ อยู่เสมอ ชาวบ้านไผ่สามเกาะและศิษย์ยานุศิษย์ทั่วทุกสาระทิศจะเดินทางมาร่วมในงานวันเกิดหลวงปู่หนูทุกปี ในวันที่ 9 เมษายนของทุกปี ต่างก็ได้มาแสดงมุทิตาจิตกับหลวงปู่หนู ปญฺญาโสโต หลวงปู่หนูเป็นที่ยึดเหนี่ยว เป็นที่พึ่งพาของชาวบ้านและพุทธศาสนิกชนที่เลื่อมใสทั่วไปมาเป็นเวลาอันยาวนานหลายสิบปีแล้ว จะเป็นเด็ก ผู้สูงอายุ หรือวัยชรา ยามเจ็บไข้ได้ป่วยหรือมีอาการต่าง ๆ ที่ไม่ปกติสุขเกิดขึ้นก็จะพากันมาปรึกษาให้หลวงปู่ขจัดปัดเป่าเป็นกำลังใจเสมอมา ซึ่งหลวงปู่เป็นที่พึ่งทางใจของชาวบ้าน บ้างก็มาให้หลวงปู่ดูฤกษ์ บวชพระ สึกลาลิกขาจากพระ หาฤกษ์ปลูกบ้าน ขึ้นบ้านใหม่ ดูฤกษ์เปิดป้าย จะนิมนต์หลวงปู่ไปเจิมป้ายห้างร้าน สิ่งที่ขึ้นชื่อคือ เรื่องให้หลวงปู่เจิมรถต่างเล่าลือกันว่ารถทุกคันที่หลวงปู่หนูได้เจิมให้จะไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเลย
หลวงปู่หนู เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีศีลจิราจาวัฒน์ต่าง ๆ ที่เพียบพร้อมสมบูรณ์ที่สุดทุกด้านตามคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกประการ เป็นเนื้อนาบุญพระตะถาคฤเจ้า หลวงปู่ทรงพิจารณาเห็นว่าทุกอย่างเป็นอนิจจัง อนัตตา ได้พิจารณาเจริญมรณาสติเป็นนิจ และได้เห็นว่าการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นสิ่งที่ทุกผู้คนไม่สามารถหลีกพ้นได้ ท่านจึงได้เตรียมพร้อมอยู่เสมอ โดยไม่ประมาทแม้แต่โลงแก้วสำหรับใส่ร่างของท่านหลวงปู่ก็ได้ทำเตรียมพร้อมไว้แล้ว ในทุกวันท่านจะพิจารณาเจริญมรณาสติที่โลงแก้วที่สั่งเตรียมไว้เสมอ ฉะนั้นตลอดชีวิตของการถือครองสมณะเพศของหลวงปู่ท่านจะเคร่งครัดในพระธรรมวินัยคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างถูกต้องและมั่นคง ประพฤติปฏิบัติแต่คุณงามความดีโดยตลอดมา ไม่มีด่างพร้อยแต่อย่างใด
บารมีธรรมหลวงปู่หนู ปัญฺญาโสโต
หลวงปู่หนู เป็นพระอุปัชฌาย์พิเศษ เป็นที่ปรึกษาของเจ้าคณะตำบลเขาขลุงในเขตอำเภอบ้านโป่ง ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์ที่อาวุโสที่สุด วัดต่าง ๆ ทางอำเภอท่าม่วง จ.กาญจนบุรี เวลาจะบวชพระทางวัดจะนำนาคมาให้หลวงปู่หนูเป็นพระอุปัชฌาย์บวชให้อยู่เสมอ
วันธรรมสรณะ วันพระขึ้น 15 ค่ำของทุกเดือน พระสงฆ์ตามวัดต่าง ๆ จะลงอุโบสถทำสังฆกรรม ได้มีพระสงฆ์ตามวัดต่างๆ เดินทางมาร่วมแสดง โอวาทปฎิโมกข์ กับหลวงปู่หนูที่อุโบสถวัดไผ่สามเกาะ พระสงฆ์ที่เดินทางมาจากวัดต่าง ๆ มีหลายวัด เช่น วัดสัมมาราม วัดหนองไก่ขัน วัดแจ้ง วัดเขาขลุง วัดเจริญธรรม วัดโป่งยอ ทุกครั้งจะมีพระสงฆ์มาร่วมสังฆกรรมเต็มแน่นไปทั้งอุโบสถวัดไผ่สามเกาะ บารมีหลวงปู่หนูมีมากมายต่อมวลหมู่พระสงฆ์และชาวพุทธจนสุดที่จะนำมากล่าวลงได้หมดสิ้น
ความเลื่อมใสยึดมั่นในหลวงปู่หนู
ได้มีชายวัยอายุประมาณ 50 ปี เป็นคนอำเภอท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ได้มากราบนมัสการหลวงปู่หนูหลายครั้งและนับถือหลวงปู่หนูมาก ได้เคยขอตะคตคาดเอวหลวงปู่ไปบูชาแล้วฐานะก็ดีขึ้นจนเป็นคนรวยมีทรัพย์สินที่ดินมาก ด้วยความศรัทธาแม้แต่รองเท้าเก่า ๆ ของหลวงปู่ยังขอหลวงปู่ไปบูชา ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องของคนที่เขาเลื่อมใสจริง ๆ ของแต่ละบุคคล หาใช่เป็นเรื่องงมงายไม่ สำหรับตะกรุดโทน หลวงปู่สุดยอดมหาอุดและคงกระพัน ทหารพลร่มค่ายพระราม6 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทหารจังหวัดเพชรบูรณ์และชาวพุทธ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาบูชาไปจากหลวงปู่จำนวนมาก หลายท่านมาบูชาหลายครั้งได้เล่าให้ฟังว่า เรื่องมหาอุดอยู่ยงคงกระพันชาตรี แน่นอนเชื่อถือได้
เส้นทางการเดินทางสู่วัดไผ่สามเกาะ
เดินทางมุ่งสู่ตลาดอำเภอบ้านโป่ง จ.ราชบุรี ขับรถมุ่งไปสู่วัดไผ่สามเกาะระยะทาง 20 ก.ม. โดยขับรถข้ามสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลองไปทางทิศตะวันตก มุ่งสู่ตลาดชุมชนหนองปลาหมอประมาณ 15 ก.ม. วิ่งตรงไปอีก 5 ก.ม. ก็จะถึงวัดไผ่สามเกาะ วัดอยู่ติดกับถนนทางลาดยางหนทางไปมาสะดวก อากาศบริสุทธิ์สดชื่นชมวิวทิวทิศน์สวยงาม จากบ้านโป่งไปวัดไผ่สามเกาะระหว่างทางจะมีร้านอาหารที่มีชื่อเสียงรสชาติอร่อยหลายร้าน สะอาดและโอ่งอ่า บรรยากาศแบบธรรมชาติ ท่านจะไม่รู้สึกเหนื่อยกับการเดินทาง เรื่องข้าวสารที่ขึ้นชื่อว่าหุงดีมีรสดี ข้าวดีก็ไม่เปลืองกับข้าว ต้องข้าวสารหนองปลาหมอ ขากลับอย่าลืมแวะถามตามโรงสีแถวหนองปลาหมอซื้อข้าวสารกลับไปหุงกินที่บ้านแล้วท่านจะติดใจ ไปแล้วอยากไปอีก หากท่านพุทธศาสนิกชนที่ได้เดินทางไปกราบนมัสการหลวงปู่หนู เกรงว่าหาวัดไม่เจอได้โปรดโทรศัพท์สอบถามทางได้ที่เบอร์โทรวัดไผ่สามเกาะ โทร. 032-311-221 และ 086-363-7635, 089-912-7752
ที่มา : http://www.pnt19.com/biography/22
สิ้นเกจิดัง หลวงปู่หนู ปญฺญาโสโต วัดไผ่สามเกาะ
ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย sereenon, 21 สิงหาคม 2017.