สืบหาตัวตน"แมน อี" มัมมี่สีหน้าทุกข์ทรมาน

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Ghost!!, 8 ธันวาคม 2008.

  1. Ghost!!

    Ghost!! Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +34
    วันที่ 09 ธันวาคม พ.ศ. 2551


    สืบหาตัวตน"แมน อี" มัมมี่สีหน้าทุกข์ทรมาน





    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    วิหารเดร์เอลบาห์รี

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ภาพมัมมี่ที่แสดงสีหน้ากรีดร้องเจ็บปวดโหยหวน มือเท้าถูกมัด ยังคงตรึงอยู่ในใจผู้ที่พบเห็น จึงมีการศึกษากันว่า เจ้าของมัมมี่ผู้นี้คือใครกัน

    เมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ.1886 นายแกสตัน มาสเพอโร อธิบดีกรมศิลปากรอียิปต์ เปิดผ้าพันมัมมี่ของฟาโรห์และราชินีกว่า 40 มัมมี่ออกมาดู ส่วนใหญ่แล้วเป็นมัมมี่ที่พบจากสุสาน ในหุบเขาแดร์เอลบาห์รีเมื่อค.ศ.1881 มัมมี่นี้มีทั้งของฟาโรห์รามเสส ฟาโรห์เซติที่ 1 ฟาโรห์ทัตโมสิสที่ 3

    แต่มีมัมมี่หนึ่งที่แตกต่างไปจากมัมมี่อื่นๆ คือที่โลงศพไม่มีการตกแต่งลวดลายใดๆ ไม่ได้มีการจารึกเบาะแสว่าเป็นใคร เมื่อเปิดโลงดูมาสเพอโรและคณะยิ่งตกใจยิ่งขึ้น เพราะสิ่งที่ใช้พันมัมมี่คือหนังแกะหรือไม่ก็หนังแพะ นับเป็นวัสดุที่ไม่บริสุทธิ์ตามความเชื่อของการทำมัมมี่ในสมัยโบราณ มีแต่คนที่ไม่บริสุทธิ์ ที่เคยทำชั่ว ทำเลวเท่านั้น ถึงจะถูกพันด้วยหนังสัตว์

    ผู้เป็นเจ้าของเป็นเพศชาย สีหน้าแสดงความเจ็บปวด การที่ไม่มีจารึกใดๆ หมายความว่า บุคคลผู้นี้จะต้องถูกสาปแช่งไปตลอดชาติ เนื่องจากชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่า การบ่งบอกว่ามัมมี่เป็นใครนั้น จะทำให้วิญญาณได้ก้าวเข้าไปสู่ชีวิตหลังความตาย มาสเพอโรจึงตั้งชื่อมัมมี่ปริศนานี้ว่า "แมน อี (Man E)"
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    1.มัมมี่

    2.ขณะถ่ายสารคดีแมน อี หรือ Screaming mummy

    3.เข้าเครื่อง 3D สแกน

    4.มัมมี่สีหน้าทุกข์ทรมาน

    5.ฟาโรห์รามเสส
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    เป็นเวลาเกือบ 130 ปี หลังจากพบ "แมน อี" คณะนักวิทยาศาสตร์รวมทั้งดร.ซาฮี ซาวาส เลขาธิการสมัชชาโบราณสถานโบราณวัตถุอียิปต์ จึงใช้เทคโนโลยีล่าสุด ทั้งซีทีสแกน เอกซเรย์ เทคโนโลยีการสร้างหน้าใหม่ เพื่อสืบดูว่า "แมน อี" คือใคร ทำไมถึงถูกประณามสาปแช่ง

    ดร.ฮาวาส กล่าวว่า "เราไม่เคยเห็นมัมมี่ลักษณะนี้มาก่อน สีหน้าที่เจ็บปวด แสดงว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น แต่เราไม่ทราบแน่ชัดว่าอะไร"

    มีหลายทฤษฎีที่ระบุตัวตนของ "แมน อี" ทั้งมีผู้เชื่อว่า "แมน อี" คือ "เจ้าชายเพนทีวีรี" พระโอรสของฟาโรห์รามเสสที่ 3 ผู้สมคบคิดกับ "ราชินีทิฟ" พระมารดาคิดการกบฏ ด้วยการลอบสังหารของฟาโรห์รามเสส แต่ถูกจับได้เสียก่อนจึงได้รับโทษ

    มีผู้เชื่อว่า "แมน อี" คือผู้ว่าการนครอียิปต์ แต่เสียชีวิตขณะอยู่ต่างแดน มีการนำศพกลับมายังอียิปต์เพื่อทำการฝัง มีผู้เชื่อว่าลักษณะการทำมัมมี่บ่งชี้ว่า "แมน อี" ไม่ใช่ชาวอียิปต์ แต่เป็นสมาชิกราชวงศ์ฮิตทิต ศัตรูของราชวงศ์อียิปต์โบราณ

    โดยพระนางอันคีซีนามุน พระชายาม่ายของฟาโรก์ตุตันคามุนที่เพิ่งสิ้นพระชนม์ไป เขียนจดหมายไปหากษัตริย์ของราชวงศ์ฮิตทิต เพื่อขอให้พระองค์ส่งเจ้าชายองค์ใดองค์หนึ่งมาอภิเษกกับพระนาง แลกเปลี่ยนกับเจ้าชายจะได้รับการยกย่องให้เป็นฟาโรห์ของอียิปต์ ส่วนพระนางอันคีซีนามุนจะได้มีอิทธิพลอยู่ต่อไป แต่เมื่อเจ้าชายเดินทางมาถึงอียิปต์แล้วกลับถูกปลงพระชนม์

    แต่ละทฤษฎีต่างมีผู้สนับสนุนจำนวนหนึ่ง เช่น ดร.ซูซาน เรดฟอร์ด นักอียิปต์วิทยาจากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียสเตท ระบุว่า มีกระดาษพาไพรัส (ปาปิรุส) โบราณที่กล่าวถึงแผนของราชินีทิฟที่ต้องการสังหารพระสวามี เพื่อให้ "เจ้าชายเพนทีวีรี" ขึ้นครองราชย์ แม้ว่าเจ้าชายไม่ได้อยู่ในรายชื่อของผู้มีสิทธิ์ครอบครองราชบัลลังก์

    ดร.เรดฟอร์ด กล่าวว่า "มีเจ้าหน้าที่ในราชสำนักสนับสนุนการสังหารฟาโรห์รามเสส แต่ไม่นานแผนการนี้ก็เปิดโปงออกมา จึงมีการนำตัวผู้สมคบคิดไปลงโทษ สำหรับเจ้าชายในพาไพรัสเขียนไว้ว่า ได้รับการไว้ชีวิต เป็นไปได้ว่า การที่พระองค์ทรงมีฐานะเป็นเจ้าชาย จึงเปิดโอกาสให้ปลงพระองค์เอง ด้วยการให้ดื่มยาพิษ"

    ผลของการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่มาศึกษา พบว่า "แมน อี" ได้รับการชำแหละศพอย่างที่บุคคลสำคัญของอียิปต์ได้รับ ผลการตรวจกรามและฟันระบุว่า เป็นชายอายุไม่เกิน 40 ปี ซึ่งเป็นไปได้ว่า อาจเป็นเจ้าชายเพนทีวีรี และจากการสร้างใบหน้าขึ้นมาใหม่ ทำให้เชื่อว่า "แมน อี" ไม่น่าจะใช่เจ้าชายจากราชวงศ์ฮิตทิต แต่เป็นผู้ที่มีหน้าตาดี มีกรามยาว มีสันจมูกเด่นชัด

    เมื่อผลการศึกษาที่ออกมายังไม่สามารถสนับสนุนทฤษฎีใดทฤษฎีหนึ่งได้ว่า "แมน อี" เป็นใคร เพียงแต่ประเด็นที่ว่า อาจเป็นเจ้าชายเพนทีวีรีมีน้ำหนักมากที่สุด กรมศิลปากรของอียิปต์จึงจะนำดีเอ็นเอของ "แมน อี" และฟาโรห์รามเสสที่ 3 มาวิเคราะห์ เพื่อหาว่าความสัมพันธ์ทางสายเลือด เมื่อได้ผลออกมา เราก็อาจทราบว่าใครกันเป็นเจ้าของมัมมี่ร่างนี้ และเกิดอะไรขึ้นกับเขา


    [​IMG]
     
  2. wishbone

    wishbone สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2008
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +24
    ก็เพิ่งรู้วันนี้ว่าวิหารฮัตเชปซุตที่เรียกกัน (ภาพซ้ายบน)
    มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Deir el-Bahri นี่เอง
    ตอนแรกนึกว่าเค้าเขียนผิด เหอะๆๆ

    ขอบคุณครับ
     
  3. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,933
    ค่าพลัง:
    +43,536
    ยังคงเป็นปริศนา ต่อไป...
     
  4. เจ้าโง่

    เจ้าโง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +181
    เมื่อคืนเพิ่งดูสารคดี.....ทำข้อมูลมาละเอียดเลย

    แต่ในสารคดีเขาสรุปเอาว่าเป็นไปตามทฤษดีว่า

    มัมมี่ E คือเจ้าชายเพนทาเวียร์เพราะหลักฐานสนับสนุนเยอะมาก....

    อันนี้คือตามที่เขาเล่านะแต่เราก็ไม่รู้ว่ามันจริงรึเปล่า
     
  5. แมงปอแก้ว

    แมงปอแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    600
    ค่าพลัง:
    +139
    น่าสงสารจังเลย
     

แชร์หน้านี้

Loading...