สุขภาพลำไส้ใหญ่ วันนี้คุณรู้จักลำใหญ่ตัวเองดีพอหรือยั

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย หนูมาลี, 26 มิถุนายน 2006.

  1. หนูมาลี

    หนูมาลี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2005
    โพสต์:
    607
    ค่าพลัง:
    +1,148
    <TABLE borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#fffff0 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0>สุขภาพลำไส้ใหญ่ วันนี้คุณรู้จักลำใหญ่ตัวเองดีพอหรือยั</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#fffff0 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#fdebc7><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#fdebc7><TD vAlign=center> </TD></TR><TR bgColor=#f1e9df><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=left bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle>แสดงภาพตัดขวาง จะเห็นว่าผนังลำไส้ใหญ่มีตะกรันอุจจาระพอกพูนอยู่หนา ซึ่งคาดว่ามีบริเวณนี้มีการสะสมอุจจาระกว่า 20 ปี</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR bgColor=#f1e9df><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ลำไส้อักเสบ และเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ และปัญหาที่หนักหน่วงที่สุดคือปัญหาท้องผูก
    ในอเมริกาประเทศเดียวมีตัวเลขยืนยันได้ว่ามีคนอเมริกันถึง 70 ล้านคนที่เป็นโรคท้องผูก คนจำนวนนี้มีอาการมากขนาดต้องไปหาหมอแล้วที่ท้องผูกและกินยาระบายเองอยู่กับบ้านจะต้องมีมากกว่านี้แน่ นี่คือผลพวงจากการกินแป้งขัดขาว กินเนื้อ นม ไข่ ช็อคโกแลต และกินสารเส้นใยน้อย</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR bgColor=#f1e9df><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=left bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle>เขาพบว่าไม่มีรายไหนเลยที่จะมีลำไส้ใหญ่สมบูรณ์สวยงามเช่นนี้ จากตัวเลขนี้ เคลล็อก คาดว่ามีคนอเมริกันเพียง 6% เท่านั้นที่ลำไส้ใหญ่จะมีสุขภาพดี</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR bgColor=#f1e9df><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ลำไส้ใหญ่น่าเกลียดกับแบคทีเรียตัวร้าย


    เรารู้กันว่าลำไส้เล็กมีหน้าที่ดูดซับสารอาหารที่ร่างกายต้องการออกจากอาหารที่เรากินเข้าไป เมื่ออาหารผ่านเลยลำไส้เล็กไปก็จะเหลือเพียงกากอาหารที่ร่างกายไม่ต้องการแล้ว ลำไส้ใหญ่รับเอากากอาหารที่มีน้ำอยู่เป็นจำนวนมากมาจากลำไส้เล็ก



    หน้าที่ของลำไส้ใหญ่ก็คือดูดเอาน้ำออก น้ำซึ่งเคยเป็นตัวพาเอากากอาหารเคลื่อนมาไกลตามความยาวของลำไส้เล็กกว่า 22 ฟุต เมื่อกากอาหารถูกดูดเอาน้ำออกมันก็จะเกาะกันเป็นก้อนและถูกขับออกนอกร่างกายเป็นอุจจาระ ลำไส้ใหญ่ของเรายาว 5 ฟุตมีลักษณะเป็นรูปตัวยูคว่ำ โดยลำไส้ใหญ่จะต่อกับลำไส้เล็กตรงตำแหน่งของไส้ติ่ง แล้ววางตั้งขึ้นไปในช่องท้องจนกระทั่งถึงตำแหน่งของตับแล้วมันจะทอดตัวตามขวางวางอยู่ในช่องท้องส่วนหน้าโดยวางอยู่ใต้กระเพาะอาหาร เมื่อไปถึงตำแหน่งม้าม ลำไส้ใหญ่ก็จะเลี้ยวลงไปหาช่องท้องน้อย ในช่องท้องน้อยลำไส้ใหญ่จะอยู่ในลักษณะงอโค้งแล้วกลายเป็นลำไส้ตรงเมื่อถึงทวารหนัก แน่นอนสุดทวารหนักเป็นกล้ามเนื้อหูรูดอันแข็งแรงคอยกักกันอุจจาระเอาไว้ไม่ให้หลุดล่วงออกไปให้เจ้าตัวขายหน้า
    ลำไส้ใหญ่มีลักษณะเป็นกระเปาะไปเกือบตลอดทั้งอัน ยกเว้นในลำไส้ตรงเท่านั้นมีผนังเรียบ ความที่ผนังของลำไส้ใหญ่โป่งออกเป็นกระเปาะ ทำให้อุจจาระเข้าไปเก็บกักสะสมอยู่ในนั้นได้มาก ตะกรันยางมะตอยที่กล่าวถึงก็ฉาบผนังตรงนี้เอาไว้ ในเมื่อผนังของมันป่องออกเป็นกระเปาะก็เข้าได้ไม่ยากว่าทำไมบางคนมีอุจจาระคั่งค้างอยู่ในลำไส้ใหญ่ได้ ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีประวัติท้องผูก

    แต่ลำไส้ใหญ่รูปร่างผิดปกติก็มีเหมือนกัน ดังเช่นลำไส้ของผู้หญิงอเมริกันคนหนึ่งที่มีอายุเพียง 36 ปี ไม่กินสารเส้นใยเลย เธอมีลำไส้ใหญ่ที่หน้าตาน่าเกลียด ดังรูป รูปนี้เป็นรูปจากภาพเอกซ์เรย์ลำไส้ของเธอ (รูปลำไส้น่าเกลียด)


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR bgColor=#f1e9df><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=left bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพวาดจากเอกซ์เรย์สวนสารทึบแสง ทั้งหมดนี้เป็นลำไส้ของคนตะวันตก ผู้ "กินอยู่ดี" จะเห็นว่าลำไส้ใหญ่ลีบเล็ก ตีบ หย่อนยาน คดงอ และบิดตัว</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR bgColor=#f1e9df><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>เดิมทีความรู้เกี่ยวกับลำไส้ใหญ่ของเรามีเพียงว่า มันทำหน้าที่ดูดน้ำกลับไปให้ร่างกายใช้
    เราจึงละเลยอวัยวะส่วนนี้ของร่างกายเป็นที่สุดโดยคิดว่ามันแค่เป็นทางผ่านของของเสียที่ร่างกายรอจะขับออกทิ้ง แต่เมื่อรู้มากขึ้นว่าลำไส้ใหญ่มีแบคทีเรียตัวร้ายอย่างอีโคไล (E.coli) คอยย่อยสลายเนื้อสัตว์ที่เรากินเหลือให้กลายเป็นสารอินดอล หรือโปตัสเซียม อินดอกซิลซัลเฟต และสกาทอลซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง สารที่ว่านี้เมื่อเกิดขึ้นจะมีกลิ่นเหม็นแบบกลิ่นผายลม หรือกลิ่นอุจจาระของคนที่กินเนื้อสัตว์มากๆ ดังนั้นใครมีกลิ่นลมเหม็นหรืออุจจาระเหม็นให้รู้ไว้ว่ากำลังมีเจ้าสารก่อมะเร็งเกิดขึ้นในตัวคุณเอง ยิ่งเหม็นมากยิ่งมีมาก เมื่อเป็นเช่นนี้ วงการแพทย์ก็ตื่นตัวกันขนานใหญ่ โดยเฉพาะในซีกอเมริกา เพราะคนอเมริกันได้ชื่อว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่มากที่สุดในโลก


    ถึงตอนนี้เราก็ตระหนักว่าลำไส้ใหญ่ไม่ใช่ท่อพลาสติกเสียแล้ว แต่สารพิษเหล่านี้เป็นสาเหตุของมะเร็งลำไส้ใหญ่ แต่ยังเกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งเต้านมอีกด้วยอาการท้องผูกจึงไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดาหรือเรื่องเล่นๆ อีกแล้ว หันมาสนใจกินสารเส้นใยกันในวันนี้ เพื่อช่วยแก้อาการท้องผูกเสียแต่วันนั้น ก่อนมันจะสายเกินแก้

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR bgColor=#f1e9df><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>



    แหล่งที่มา : หนังสือคุณค่าอาหารเส้นใย ป้องกันสารพัดโรค ของปาริชาติ สักกะทำนุ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE> โดย : bay โพสเมื่อ [ วันอาทิตย์ ที่ 25 มิถุนายน 2549 เวลา 12:09 น.] [​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <CENTER><FORM id=formlist name=formlist action=455.html#reply method=post><INPUT type=hidden name=quoteid> <INPUT type=hidden name=replyno> <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=580 align=center bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD width=8>[​IMG]</TD><TD width=562 background=001_02.gif>[​IMG]</TD><TD width=10>[​IMG]</TD></TR><TR><TD width=8 background=001_04.gif> </TD><TD vAlign=top width=562><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#b19572 colSpan=2></TD></TR><TR><TD width="92%" bgColor=#fdebc7 colSpan=2>[​IMG]ความคิดเห็นที่1
    เย้
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#f5c057 colSpan=2></TD></TR><TR bgColor=#ffdd7c><TD>โดยคุณ หวังดี [ วันอาทิตย์ ที่ 25 มิถุนายน 2549 เวลา 12:15 น. ] </TD><TD align=right>อ้างอิง </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=10 background=001_06.gif> </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD background=001_08.gif>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></FORM></CENTER>
     
  2. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,189
    ค่าพลัง:
    +20,861
    ขอบคุณที่โพส์ บทความนี้มาซึ่งก็เป็นเรื่องที่เข้าใจถูกต้อง
    "แต่ไม่ได้เสนอ วิธีแก้ไขและทางออก" ให้กับปัญหานี้

    เรื่องนี้หมออารีย์ วชิรมโน (หมอเถื่อน) ได้อธิบายทั้งเหตุและผลในเรื่องนี้ไว้อย่างละเอียด ทางแก้ก็คือ ให้มีสติในการกินอาหารและทำการสวนทวารด้วยกาแฟ (Detoxication) เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ตรงจุดและได้ผลจริง

    คนในโลกยังต้องเจ็บป่วยด้วยมะเร็งลำไส้และเสียเงินทองในการรักษาที่ไม่ตรงจุดเป็นจำนวนเงินมหาศาลนับหมื่นล้านบาทในแต่ละปี แถมตายเยอะอีกต่างหาก (นับหมื่นคนต่อปี)
    แต่ทำไมไม่คิดหาหนทางอื่นนอกจากการใช้ยาเพียงอย่างเดียว
    นับว่ามีอวิชชาบดบังอยู่มากทีเดียว
     

แชร์หน้านี้

Loading...