สู่แสงธรรมตอนที่25 ทำไมจึงต้องกำหนดเอาการดื่มสุราเข้าไว้ในศีล 5

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 18 มีนาคม 2008.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    ทำไมจึงต้องกำหนดเอาการดื่มสุราเข้าไว้ในศีล 5 ด้วย
    [​IMG]
    โดยพื้นฐานของจิตใจที่แท้จริงแล้ว ข้าพเจ้าเป็นผู้ที่ชอบช่วยเหลือคนมาตั้งแต่เด็ก อาทิเช่น ช่วยติวหนังสือให้เพื่อนๆ ที่เรียนไม่ค่อยเก่ง ช่วยเหลือครูในการปรามเพื่อนๆ ที่เกเร อีกทั้งช่วยเหลือกิจกรรมส่วนรวมของทางโรงเรียนตลอดมาไม่ว่าจะเรียนอยู่ในระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา หรือแม้แต่ในโรงเรียนนายร้อย จปร.และแม้เมื่อออกมารับราชการก็ให้การช่วยเหลือต่อผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อนข้าราชการและญาติ สนิทมิตรสหาย ในทุกรูปแบบไม่ว่าจะเรื่องการเงินการทองการให้อภัยแก่ผู้คน หรือแม้แต่การอบรมสั่งสอนชี้แนะให้เดินทางที่ถูกที่ควรดังนั้นว่ากันตามความเป็นจริงแล้ว ข้าพเจ้ามีความเมตตากรุณา ต่อคนและสัตว์มาแต่ไหนแต่ไรแล้วพอสมควรทีเดียว ด้วยเหตุนี้เมื่อข้าพเจ้านำคำสอนของหลวงพ่อมาพิจารณาดู จึงไม่มีความหนักใจในการสร้างทานบารมีเลย ไม่ว่าจะเป็นวัตถุทาน สังฆทาน อภัยทาน หรือแม้ธรรมทาน และเมื่อลองตรวจศีล 5 ดูในข้อแรกปาณาห้ามฆ่าสัตว์นั้นสบายมาก เพราะข้าพเจ้าเป็นคนที่รักสัตว์ สงสารสัตว์อยู่แล้วฆ่าไม่ได้แน่ๆ
    ในข้อที่สอง อทินนาห้ามลักขโมยทรัพย์สิน ของผู้อื่นก็ยิ่งง่ายใหญ่เพราะข้าพเจ้าเกลียดนักเกลียดหนาในเรื่องนี้ และเคยประณามผู้ที่ลักขโมยเสมอมาว่าเป็นคนเห็นแก่ตัวแก่ได้ เบียดเบียนผู้อื่นที่เขาเอาแรงกายแรงใจเข้าแลกกว่าจะหาเงินหาทองมาได้ แล้วจู่ๆ ไอ้พวกนักลักมาฉวยโอกาสขโมยของเขาไปง่ายๆ โดยไม่ต้องลงทุนลงแรง
    ในข้อที่สามกาเม ผิดลูกผิดเมียคนอื่น ก็ผ่านไปได้เลยเพราะเรื่องเช่นนี้ไม่เคยอยู่ในความคิดของข้าพเจ้า ด้วยเห็นเป็นเรื่องที่น่าละอายมาก
    และในข้อที่สี่มุสา ห้ามพูดโกหกในข้นอี้ตอนแรกๆ ข้าพเจ้าก็ยังหวั่นๆ ใจอยู่บ้างไม่ค่อยจะแน่ใจนักว่าจะรักษาข้อนี้ได้หรือไม่เพราะในการอบรมผู้ใต้บังคับบัญชาบางครั้งก็ต้องล่อหลอกกันบ้างเพื่อให้เขากลัวในการยักยอกของหลวง หรือขู่กันบ้าง เพื่อมิให้เขาประพฤติตนออกนอกลู่นอกทางแต่เมื่อข้าพเจ้าทุ่มความสนใจไปในการศึกษาค้นคว้าหาหนังสือธรรมะอ่านมากมาย ก็เข้าใจว่าการพูดไม่ตรงต่อความจริงด้วยเจตนาให้ผู้ฟังเกิดกำลังใจที่จะประพฤติดีประพฤติชอบก็ดี เปลี่ยนการกระทำจากร้ายเป็นดีก็ดี มิได้เข้าข่ายผิดศีลข้อมุสา เพราะเป็นการพูดที่มิได้หลอกลวงให้เขาเสียซึ่งทรัพย์สินเงินทอง เสียเกียรติยศชื่อเสียงหรือเสียผู้เสียคน ดังนั้นศีลข้อมุสาจึงสอบผ่านไปได้ ไม่น่าหนักใจสำหรับข้าพเจ้าอีกต่อไป
    แต่ศีลข้อที่ห้าคือ สุรา นี่ซิมันเป็นความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของข้าพเจ้า จริงๆ โดยเฉพาะสำหรับชีวิตในต่างจังหวัดซึ่งขาดแคลนทั้งสถานที่ท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นบาร์ คลับ โรงหนัง โรงละครทุกเย็นบรรดาเพื่อนๆ ก็ชักชวนกันมาตั้งวงกินเหล้าอยู่ที่บ้านข้าพเจ้าเป็นที่สนุกสนาน อย่าว่าแต่จะคิดเลิกเลย แม้เพียงข้าพเจ้าเจ็บไข้ได้ป่วยเพียงแค่วันสองวันบรรดา คอเหล้าก็โวยวายกันแล้ว หนำซ้ำเพื่อนคอเหล้าที่เป็นหมอแทนที่จะสั่งยาให้ข้าพเจ้ากิน กลับเขียนใบสั่งยาว่า “แม่โขงหนึ่งแบน ผสมยาจีนร้อนๆ 1 กา วันละ 3 มื้อก่อนอาหาร”อีกด้วย
    ด้วยเหจุนี้ข้าพเจ้าจึงหนักใจนัก อีกทั้งคิดเข้าข้างตัวเองว่าการที่ข้าพเจ้าดื่มสุรา ความจริงก็หาได้ทำให้ใครเดือดร้อนไม่ เงินที่ซื้อหามาก็เป็นเงินของข้าพเจ้าเองมิได้เบียดเบียนใคร จะดื่มจะกินก็ดื่มกินในบ้านของข้าพเจ้ามิได้เกะกะระรานทำให้ใครต้องเดือนร้อนผิดกันกับศีลอีก 4 ข้อ ปาณา อทินนา กาเม และมุสา ซึ่งประพฤติปฏิบัติแล้วผู้อื่นเข้าเดือดร้อน ทำไมและอะไรกันนักหนาจึงต้องเอาสุราเข้าไปอยู่ในศีล 5 กับเขาด้วย เรื่องเลวรายอย่างอื่นอีกตั้งมากมายทำไมจึงไม่คัดเอามาบรรจุไว้แทนสุราเล่า?
    เมื่ออัดดั้นตันใจและสงสัยเรื่องนี้อยู่ ข้าพเจ้าจึงเล่าเรื่องทั้งหมดที่ข้าพเจ้าเขียนไว้แล้วนี้ให้หลวงพ่อฟัง แล้วเน้นถามว่า
    “หลวงพ่อครับ ผมก็ไม่เห็นว่าสุราจะเลวร้ายอะไรนักหนาทำไมจึงต้องเอามากำหนดเข้าไว้ในศีล 5 ด้วยเล่าครับ?”
    “ไอ้สุรานี่แหละตัวร้ายที่สุดละคุณ เพราะมันเป็นตัวทำลายสตินะหากดื่มเข้าไปแล้วจะทำให้ขาดสติ และทำลายศีลทั้ง 4 ข้อแรกได้ทั้งหมดเลยนะ เป็นยังไง ดูคุณอาลัยอาวรณ์มากจริงนะ”หลวงพ่อตอบและเย้าข้าพเจ้า
    “ก็เป็นบ้างครับ แต่ผมสงสัยว่าสุราจะไปทำลายศีลทั้ง 4 ข้อแรกได้อย่างไรครับหลวงพ่อ?”ข้าพเจ้ารับอ่อยๆ
    “อ้าว ก็ดื่มแก้วแรก แก้วสอง แก้วสาม ก็ยังคุยกันได้เป็นเรื่องเป็นราวสนุกสนานครื้นเครงดี พอแก้วที่สี่ที่ห้าชักหน้าตึง หูตึง ลิ้นไก่สั้น เสียงเริ่มดัง ใครเก่งทางใดก็เริ่มอวดลวดลาย คุยอวดความเก่งกล้าสามารถของตัว บางรายก็ชักแสดงอิทธิฤทธิ์ด้วยการเคี้ยวแก้วเล่นก็มี บางรายก็ถอดถุงเท้าของตัวเองลงในแก้ว แล้วนั่งดื่ม บางรายก็ร้องไห้หากมีการพูดผิดหูกันขึ้นอาจถึงขั้นมาการท้าดวล ยิ่งโต๊ะข้างเคียงไม่ถูกกันมาก่อนพูดจาแขวะกันไปแขวะกันมาก็ขาดสติ ยั้งคิด ถึงขั้นฆ่ากันตาย ก็ผิดศีลปาณาขึ้นมาด้วย ขาดสติใช่ไหม? และถ้าคุณเมามายขาดสติ แล้วเกิดไปหยิบฉวยข้าวของมีค่าเช่นปากกาปลอกทอง หรือนาฬิกาของเพื่อนฝูงที่เมาด้วยกันติดไม่ติดมือกลับบ้าน หรือทำเงินที่เขาฝากมาหายไป แล้วพอได้สติก็หาใช้เขาไม่ได้ ก็เป็นการผิดศีลอทินนาเข้าอีก หรือถ้าคุณเกิดเมามายขาดสติกลับเข้าบ้านเกิดไปสะดุดสายมุ้งมุดเข้าไปหลับนอนกับใครที่มิใช่เมียของคุณก็ผิดศีลกาเมเข้าไปอีก หรือถ้าในขณะที่คุณเมามายขาดสติ เกิดไปรับปากสัญญาอะไรกับใครเขาไว้แต่พอวันรุ่งขึ้นเมื่อสร่างเมาคุณก็ลืมเสียสิ้นปล่อยให้เขาต้องเสียเวลาไปรอคอยก็ดี หรือผิดหวังที่คุณผิดสัญญาในเรื่องที่คุณรับปากไว้ก็ดี ก็ผิดศีลมุสา อีกใช่ไหม? นี่แหละฉันจึงว่าสุรานั้นเป็นตัวทำให้ขาดสติและทำลายศีลทั้ง 4 ข้อแรกได้หรือคุณว่าไม่ใช่?”หลวงพ่ออธิบายแล้วย้อนถาม
    “ผมก็เห็นด้วยตามที่หลวงพ่อพูดทุกอย่างแหละครับจึงหาหนทางป้องกันไว้ทุกแง่ทุกมุม เช่นจะดื่มก็ให้มาดื่มกันที่บ้านผมเป็นการหลีกเลี่ยงการมีเรื่องราวกับคนภายนอก มิหนำซ้ำผมจะเลือกชวนเฉพาะเพื่อนสนิทที่ชอบสนุกสนานจริงๆ เท่านั้น คือพอเมาก็ร้องเพลงกันไปตามเรื่องตามราว พวกที่เมาแล้วชอบหาเรื่อง ผมไม่ชวนมาร่วมลงหรอกครับ จึงตัดเรื่องปาณาไปได้ ในเรื่องอทินนาก็เช่นกัน จะหยิบอะไรติดไม้
    ที่มา http://www.geocities.com/magic_angelth/index23.htm
     

แชร์หน้านี้

Loading...