หนุ่มเนปาลเลียนพระพุทธเจ้าโผล่อีก

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย คือ~ว่างเปล่า!, 12 พฤศจิกายน 2008.

  1. khunsittiporn

    khunsittiporn สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +1
    ติดตามข่าวมานาน อยากรู้เหมือนกันว่าสรุปว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับพระพุทธเจ้าหรือไม่


    ใจหนึ่งคิดว่าพระพุทธเจ้าไม่เวียนว่ายตายเกิดแล้ว จึงคิดว่าความเชื่อสุดท้ายที่สรุปคืออะไร
     
  2. ธัมมานุสรณ์

    ธัมมานุสรณ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +47
    ...............


    ความเห็นส่วนตัวของผมนั้น​

    ผมคิดว่า ... " เขาอยู่ในช่วงบำเพ็ญบารมีอยู่ครับ น่าจะเป็นพวกพุทธภูมิ
    (เดานะครับ) ซึ่งบารมีอาจจะยังไม่เต็มที่นัก (จะล่มระหว่างกลางหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ)

    แต่คิดว่า ที่เขาเป็นอยู่นี้ ก็น่าจะโอเคนะครับ

    ต่อไปภายภาคหน้า อาจจะดีขึ้น เก่งขึ้นก็เป็นได้
    แต่ถ้าหากว่า มีเหตุอะไรที่เขาต้องพลิกผันไปจากที่เป็นอยู่นี้ ก็ถือว่าเป็นวิบากกรรมของเขา ... ไม่ซ้ำเติม ดูถูกเขา ... เพราะว่า อย่างไรเสีย ขึ้นชื่อว่า "กำลังสรางบารมี" ก็ย่อมมีอะไรผิดพลาดกันได้ เป็นเรื่องธรรมดาครับ

    โดยส่วนตัวแล้ว โมทนากับเขา
    .. คิดว่า น่าจะให้กำลังใจเขา ได้มุ่งมั่นปฏิบัติจิตภาวนา ให้มาก ให้ได้ดี ยิ่งๆขึ้นไปครับ
     
  3. ธัมมานุสรณ์

    ธัมมานุสรณ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +47
    <TABLE class=tborder id=post1655206 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">เมื่อวานนี้, 08:18 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#21 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>พิศวัสต์<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1655206", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งล่าสุด: เมื่อวานนี้ 08:47 PM
    วันที่สมัคร: Sep 2007
    อายุ: 22
    ข้อความ: 129
    <IF condition="">
    </IF>ได้ให้อนุโมทนา: 17
    ได้รับอนุโมทนา 546 ครั้ง ใน 111 โพส
    พลังการให้คะแนน: 73 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1655206 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ผู้ทรงฌาน สามารถอยู่ได้ด้วยอำนาจแห่งปีติแห่งฌานสมาบัติโดยไม่ต้องกินต้องถ่าย และโยคีบางตนที่บารมีแก่กล้า สามารถอยู่แบบนี้ได้เป็นร้อยๆ ปีในป่า ..

    เรื่องนี้เป็นสิ่งที่มีมานานแล้ว ซึ่งคนที่ไม่ได้ฝึกทางนี้จะไม่รู้

    เข้าใจว่า ... หนุ่มน้อยคนนี้ เป็นพราหมณ์ ซึ่งทางพราหมณ์นั้นสามารถฝึกให้ได้ถึงขั้นรูปฌานและอรูปฌาน ได้ตั้งแต่ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะตรัสรู้เสียอีก

    ..แต่ไม่สามารถไปถึงขั้นนิพพานได้

    ..ดังนั้นจะเอาเค้ามาเทียบกับพระพุทธเจ้าไม่ได้เลยครับ

    แต่ถ้าท่านเป็นพระโพธิสัตว์ ผมต้องขออนุโมทนาด้วย _/l\_

    <!-- / message --><!-- sig -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ...................

    ท่านก็พูดเกินจริงไปนะท่าน 555 ผมฟังดูแล้ว ท่านคงจะดูหนังมากเกินอ่ะท่าน




    ................... <!-- / message -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ......................


    โดยความเห็นส่วนตัวของผมแล้ว

    ผมอยากบอกว่า ... เรื่องอดอาหาร จากการฝึกจนได้ฌานสมาบัตินั้น

    " ไม่ใช่เรื่องเหลวไหล ไม่ใช่เรื่องเกินจริงครับ "


    ... พระพุทธเจ้า ทรงเป็นจอมแห่งนักวิทยาศาสตร์ ...


    ธรรมะของพระพุทธเจ้านั้น พิสูจน์ได้ทุกจุด ไม่มีโกหก

    การเข้าฌานได้ จนกระทั่งไม่ต้องทานอาหารนั้น มีให้เห็นอยู่หลายท่าน


    ... ที่สำคัญก็คือ ...

    เราไม่ควรรอความหวัง ว่าบุคคลอื่น จะมาพิสูจน์ให้เราดู

    เราควรพิสูจน์ให้เห็นได้ ด้วยตัวเราเองครับ

    " .. ไม่ได้บอกว่า ผมทำได้ .. "

    .. แต่ต้องการบอกว่า "ธรรมะจริงๆนั้น พิสูจน์ได้จริง" ครับ ..

    มิใช่ของเหนือวิสัย
     
  4. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,933
    ค่าพลัง:
    +43,536
    ท่านยังมั่นคงในพุทธศาสนา และแก่นแท้แห่งพระธรรมดีอยู่หรือ

    พระพุทธเจ้าปรินิพพานล่วงแล้วมิอยู่ในวัฎฎ สังสารวัตรต่อไป
    แล้วใยกลับมาจุติอีกได้เล่า....


    แม้นจักเป็นโพธิสัตว์ หรือ ปัจเจกพุทธะ ก็สาธุการด้วย








     
  5. ภัทรอังคาร

    ภัทรอังคาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    4,904
    ค่าพลัง:
    +14,098
    เห็นด้วยกับคุณสร้อยฟ้ามาลาเจ้าค่ะ หากท่านเข้านิพพานไปแล้ว ใยจะกลับมาจุติอีกเล่าเจ้าค่ะ ในเมื่อคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ก็สอนให้เราปรารถนาเข้าสู่พระนิพพานเืพื่อการหลุดพ้นไม่กลับมาเวียนว่ายตายเกิดในวัฎสงสารนี้อีก นิพพานคือที่สุดท้ายเจ้าค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2008
  6. khunsittiporn

    khunsittiporn สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +1

    เห็นด้วยครับ

    อยากให้เขาทำสำเร็จ และอยากเห็นผลที่เขาสำเร็จด้วย
     
  7. chakarin

    chakarin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,541
    ค่าพลัง:
    +397
    เนกขัมมะบารมีด้วยครับ
     
  8. พระไตรภพ

    พระไตรภพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,067
    ค่าพลัง:
    +7,521
    ตัวเขาเองไม่ได้กล่าวว่า เขาคือพระพุทธเจ้ากลับชาติมาเกิดใหม่

    แต่เขากำลังฝึกตนดั่งเช่นพระพุทธเจ้า แต่ที่มีเสียงเล่าลือว่าเขาเป็นพระพุทธเจ้ากลับชาติมาเกิดใหม่นั้น คือเสียงที่มาจากคนอื่นๆที่อยู่รอบๆข้างเขา ที่ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องการนิพพานของพระพุทธเจ้า เรื่องการสำเร็จพระอรหันต์ว่าเป็นอย่างไร

    หากเราเข้าใจตรงนี้แล้ว ก็จะไม่สงสัยตรงประเด็นนั้นเลย

    แต่ที่สงสัยกันคือ เขาไม่ทานอะไรเลยนานหลายๆเดือน จนเป็นปีๆ เป็นเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ ?

    ตัวเขาเองกล่าวว่าไม่ทานอะไรเลยจริงๆ หรือว่า นานๆทานครั้ง อาตมาได้ยินมาว่า ตัวเขาเองกล่าวว่า เขาดื่มน้ำนมอยู่บ้าง นานๆครั้ง 7วันดื่มที อะไรประมาณนั้นนะ

    แต่ที่เขาสามารถอยู่ที่เดียวได้นานๆโดยไม่ไปไหนเนี่ยก็นับว่า สงบพอสมควรแล้วนะ เพราะคนธรรมะที่ไม่ได้โดนกักกัน จะอยู่ในที่คับแคบได้นานเพียงไรกันหนอ ถ้าจิตไม่สงบพอ เดี๋ยวก็ต้องฟุ้งซ่านสัดส่าย อยู่ดีนั่นหละ แสดงว่าเขามีสมาธิพอสมควรนะ

    แล้วคนที่มีทีวีดู มีคอมเล่น อย่านำตัวเองมาเปรียบเทียบนะว่า ตนเองก็สามารถอยู่ได้เพียงคนเดียวนานๆได้

    เพราะอยู่คนเดียวไม่พูดอะไรเลย ไม่มีเครื่องเล่นอะไรเลย ต้องสงบมีสมาธินั่นหละจึงจะอยู่ได้ ไม่เชื่อก็รองขังตัวเองไว้ในห้องดูนะ แล้วจะรู้ว่าความฟุ้งซ่านมันเป็นเช่นใดกัน สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2008
  9. ธัมมานุสรณ์

    ธัมมานุสรณ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +47
    .............................

    ใช่เลยครับ

    ผมว่า หลายๆคนกำลัง "หลงประเด็น" ครับ

    ... เราไม่ได้บอกว่า เขาเป็นพระพุทธเจ้า .. เขากำลังสร้างบารมีอยู่ครับ ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2008
  10. ศุภกร_ไชยนา

    ศุภกร_ไชยนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    627
    ค่าพลัง:
    +1,122
    เขาไม่ได้บอกว่าเป็นพระพุทธเจ้านะคับ ข่าวนั้นแหละที่ผิด

    อนุโมทนาครับ ผมไม่กล้าคิดหรอกว่าท่านจะเป็นอะไร แต่ผมชื่นชมละเลื่อมใสในคำพูดของท่านตอนที่ออกเรื่องจริงผ่านจอมากคับ ดูท่านสงบๆ เลยทีเดียวเชียว ยังไงก็ดี ท่านเก่งนะคับ เพราะดินแดนที่ท่านอยู่ อาจต้องการ ความเป็นจริง ( ธรรมมะ ) อยู่ก็ได้ แต่ท่านนับถือศาสนาพุทธครับ จากที่ดูเรื่องจริงผ่านจอ
     
  11. นักพรตเหมา

    นักพรตเหมา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    528
    ค่าพลัง:
    +305
    ผมว่าเป็นเรื่องธรรมดาขนาดพวกนักพรตยังหานั่นทำสมาธิตามป่าเขาเลยครับ อันี้เขาคงจะทำสามธิบางทีอาจสำเร็จสมาบัติ8แล้วก็ได้
     
  12. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,164
    ค่าพลัง:
    +3,739
     
  13. fapatan

    fapatan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    145
    ค่าพลัง:
    +134
    แนะนำครับ

    จากที่คุณ รักD ได้กล่าวไว้ผมขอแนะนำหน่อยครับ พระอรหันต์คือผู้ตัดกิเลสจนหมดสิ้นไปจากดวงจิต การที่พระอรหันต์ได้บำเพ็ญเพียรอย่างนั้นก็เพราะเห็นทุกข์ภัยในสังสารวัฏ ต้องการบำเพ็ญเพียรเพื่อให้จิตหลุดพ้นไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีก สรุปแล้วก็คือ พระอรหันต์จะไม่สามารถกลับมาสู่สังสารวัฏหรือพูดง่ายๆก็คือไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีก ส่วนการที่จะลงมาปราบยุคเข็ญนั้นเป็นเรื่องของเหล่าผู้หวังในพุทธภูมิทั้งหลายเมื่อได้บำเพ็ญบารมีจนถึงขั้นแล้วก็รอเวลาที่จะอธิษฐานจิตลงมาและตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าและประกาศสาสนาสืบต่อไป ยกตัวอย่างเช่นพระศรีอริยะเมตไตรเป็นต้น..อันนี้อย่าเข้าใจผิดนะครับในฐานะที่เราเป็นพุทธศาสนิกชน...
     
  14. อรมณีจันทร์

    อรมณีจันทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    993
    ค่าพลัง:
    +499
    หนุ่มเนปาลเลียนพระพุทธเจ้าโผล่อีก หมวด &raquo;

    [​IMG]
    เอพีรายงานวันที่ 11 พ.ย. ว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลเนปาล เมืองนิจกาธ ห่างจากกรุงกาฐมาณฑุไปทางใต้ 160 กิโลเมตร แจ้งว่า พบเห็นนายราม พามจัน วัยรุ่นเนปาลอายุ 18 ปี ที่ชาวบ้านร่ำลือเป็นพระพุทธเจ้ากลับชาติมาเกิดอีกครั้ง ที่หมู่บ้านราตันบุรี หลังจากหายไปนานเกินกว่า 1 ปี ซึ่งหลังจากข่าวสะพัดออกไป ชาวบ้านหลายพันคนต่างหลั่งไหลไปดูนายรามกันอย่างหนาแน่น แม้กระทั่งมาจากอินเดียก็มี
    [​IMG]
    นายรามมีชื่อเสียงตั้งแต่ปี 2548 ขณะนั่งบำเพ็ญเพียรใต้ต้นไม้ ในป่าเป็นเดือนๆ จนเป็นที่ร่ำลือไปทั่วว่าเหมือนพระพุทธเจ้า จนเกิดธุรกิจขายภาพและของที่ระลึกรูปนายรามอย่างเฟื่องฟู ส่วนการปรากฏตัวล่าสุดนี้ นายราม ดูมีสุขภาพดี พูดกับชาวบ้านที่ศรัทธาเกี่ยวกับสันติภาพและการเลิกแบ่งพรรคแย่งพวกกัน ชาวบ้านบางคนกล่าวว่า ไม่สงสัยเลยว่า นายรามเป็นพระพุทธเจ้ากลับชาติมาเกิด
    [​IMG]
    ภาพล่าสุดเมื่อ 10 พย. 51
    ก่อนหน้านี้ ทางการเนปาลเคยให้ผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะประเด็นข่าวลือว่า นายราม ซึ่งตอนนั้นเป็นเด็กชาย บำเพ็ญเพียรโดยไม่กินอะไรเลย แต่การตรวจสอบของหน่วยงานปฏิบัติธรรมยังไม่ได้ข้อสรุป เนื่องจากยังไม่ได้สอบถามนายรามอย่างเต็มรูปแบบ และผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ต้องตรวจสอบในอีกหลายประเด็น แต่ในเบื้องต้นนี้บอกได้เพียงว่า การบำเพ็ญเพียรโดยไม่กินอะไรเลย ไม่ได้หมายความว่า เป็นพระพุทธเจ้ากลับชาติมาเกิด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • dress1.jpg
      dress1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      98.4 KB
      เปิดดู:
      2,238
  15. Falcon_Se

    Falcon_Se เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +223
    เรื่องนี้เป็นปัจจัตตัง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง ..ซึ่งมีแต่ผู้ที่ฝึกสมาธิเท่านั้นที่จะรู้ว่าสิ่งที่ผมได้กล่าวมาเป็นเรื่องจริง หรือเป็นเรื่องที่คนเค้าแสดงให้ดูตามในหนังครับ แต่อย่างน้อยผมขอฝากเรื่องนี้ให้คุณพิศวัสต์ได้ลองศึกษาดูจากการปฏิบัติจากครูบาอาจารย์ทางสายกรรมฐานดูครับ ท่านจะให้คำตอบได้ดีกว่าผม :)

    ผมไม่ได้ต้องการให้ใครเชื่อผมนะครับ อยากให้ลองศึกษาดูกันเองว่าจริงหรือไม่ที่คนที่ได้ฌานสามารถดำรงค์ขันธ์ด้วยการเจริญสมถภาวนาและทรงฌานให้อยู่ตัว ..ฟังผมเล่าเป็นนิทานก็แล้วกันครับ พระพุทธเจ้าท่านตรัสถึงเรื่องอจินไตย หรือสิ่งที่คนธรรมดาไม่ควรคิด 1 ในนั้นก็คือ การคิดวิเคราะห์ถึงฤทธิ์ของคนที่ได้ฌาน เอาแค่ฌาน4 ก่อนก็ได้ เจริญจนคล่องตัว มีความสุขในฌานและติดอยู่ในภวตัณหา (ติดรูป) หรือถ้าเป็นอรูปคือพวกที่ติดอยู่ในวิภวตัณหา (ติดอรูป) คนสองพวกนี้คือคนที่ตายไปหากเข้าฌานในขณะที่ตายก็จะไปจุติเป็นรูปพรหมหรืออรูปพรหม ..คนสองประเภทนี้ตอนที่ยังมีชีวิตเป็นมนุษย์อยู่ก็มีฤทธิ์แล้วครับ พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าคนธรรมดาทั่วไปที่ยังคงติดอยู่ในกามตัณหา ซึ่งเป็นตัณหาขั้นต่ำสุดอยู่ จะคิดหาเหตุผลถึงฤทธิ์ของคนที่ได้ฌานแล้วว่ามายังไง เค้าทำได้ยังไง ..คิดจนเป็นบ้าก็หาเหตุผลไม่ได้ (ใช้ปัญญาแค่สุตมยปัญญา (ได้ยินมาหรือดูหนังมาก็ได้) และจินตมยปัญญา (คิดหาเหตุผลเอง) เพื่อใช้ในการคิดใคร่ครวญหาเหตุผลเรื่องนี้ไม่ได้ ต้องใช้ภาวนามยปัญญา (ปัญญาที่เกิดจากการปฏิบัติ) คือเมื่อเอ็งทำได้ ข้าก็ต้องทำได้ เมื่อเอ็งฝึกแบบนี้แล้วมีฤทธิ์ เออ ข้าก็จะฝึกแบบนี้บ้าง เพื่อที่จะมีฤทธิ์ ..ถ้าฝึกสำเร็จแล้วมีฤทธิ์อดข้าวอดน้ำได้แบบนี้บ้างถึงจะเชื่อ แต่ถ้าทุ่มเทเต็มที่แล้วไม่เห็นมีอะไรเลยนั่นแหละถึงไม่เชื่อ)

    ขอยกตัวอย่างในพระไตรปิฎกเรื่องนึงนะครับ เรื่อง พระนางสามาวดี ซึ่งเป็นพุทธสาวิกาที่มีศรัทธาและทำบุญกับพระพุทธเจ้าอยู่เป็นประจำ แต่ภายหลังไฟไหม้บ้านและถูกไฟคลอกตายยกบ้าน ภายหลังพระพุทธเจ้าจึงตรัสถึงกรรมที่ทำให้เป็นเช่นนี้ ดังนี้ครับ

    [ตอนเย็นวันหนึ่งภิกษุทั้งหลายนั่งประชุมกันในธรรมสภา สนทนาเรื่องพระนางสามาวดีว่า " การสิ้นพระชนม์แบบนี้ ไม่สมควรแก่พระนางผู้เป็นอุบาสิกาเพียบพร้อมด้วยศรัทธาเห็นปานนี้ " ( พระโสดาบัน )

    พระศาสดาเสด็จมาแล้วตรัสว่า

    " ภิกษุ ทั้งหลาย มรณกรรมของพระนางสามาวดีและบริวารไม่สมควรแก่พวกเธอในบัดนี้ก็จริง แต่สมควรแก่กรรมที่เธอทั้งหลายเคยร่วมกันทำไว้ในอัตตภาพอันเป็นอดีต "

    เมื่อภิกษุทูลถามถึงอดีตกรรม พระศาสดาจึงตรัสว่า

    " ภิกษุ ทั้งหลาย ในอดีตกาลมีพระปัจเจกพุทธเจ้า ๘ องค์ ได้ไปฉันอาหารเนืองนิตย์ในพระราชวังแห่งพระเจ้าพรหมทัต ในกรุงพาราณสีมีหญิงจำนวน ๕๐๐ คนอุปัฏฐากบำรุงท่านอยู่ ในจำนวน ๘ องค์นั้น เมื่อฉันเสร็จแล้ว ๗ องค์ได้ไปสู่หิมวันตบรรพต ส่วนอีกองค์หนึ่งนั้นนั่งเข้าฌานอยู่ ณ ริมฝั่งแม่น้ำหนึ่ง "

    "ใน เวลาเย็น พระราชาได้นำหญิงเหล่านั้นที่ท่าน้ำ หญิงเหล่านั้นรู้สึกหนาวมากจึงปรารถนาจะจุดไฟผิง เที่ยวหาที่จุดไฟอยู่ ก็เห็นกองหญ้าแห้งซึ่งพระปัจเจกพุทธเจ้าอาศัยนั่งอยู่ หญิงเหล่านั้นมิได้เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้า จึงจุดไฟขึ้นเพื่อผิง เมื่อไฟเผาหญ้ามอดลง พวกเธอจึงเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้า จึงตกใจมากเพราะจำได้ว่าเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าที่พระราชาทรงเคารพเลื่อมใส พวกเธอกลัวแต่พระราชอาญาจึงหาฟืนมาเป็นกองใหญ่ตั้งใจเผาเสียให้สิ้นไปเลย เพื่อจักไม่มีร่องรอยปรากฏ แล้วพวกเธอก็จากไป "

    " แต่ธรรมดาพระปัจเจกพุทธเจ้าซึ่งกำลังเข้าฌานนั้น ใครจะนำฟืนประมาณหนึ่งพันเล่มเกวียนก็หาเผาให้มอดได้ไม่ ทั้งนี้ด้วยอำนาจแห่งฌานคุ้มครองไว้ ในวันที่ ๗ พระปัจเจกพุทธเจ้านั้น จึงออกจากฌานลุกขึ้นได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น "

    " ในเบื้องแรก นางทั้งหลายเหล่านั้นกระทำกรรมโดยไม่เจตนา แต่ภายหลังทำด้วยเจตนาเต็มที่ ด้วยวิบากแห่งกรรมชั่วนั้น พวกเธอต้องตกนรกเป็นเวลานานหลายพันปี เมื่อขึ้นจากนรกแล้ว เศษแห่งวิบากนั้นยังคงเหลืออยู่ พวกเธอจึงถูกเผาทั้งเป็นมาเป็นเวลาหลายร้อยอัตตภาพแล้ว นี่คือบุพพกรรมของหญิงเหล่านั้นซึ่งมีพระนางสามาวดีเป็นประมุข "
    ----------------------------------------------------------
    พระไตรปิฎกเล่มที่ 25 พระสุตตันตปิฎก เล่ม 17
    ขุททกนิกาย อุทาน จูฬวรรค อุเทนสูตร

    http://larndham.net/cgi-bin/stshow.pl?book=25&lstart=3948&lend=3976&word1=อุเทนสูตร]

    ลองดูที่ผมเน้นตัวหนาสีแดงไว้นะครับ คิดซะว่าเป็นนิทาน :) เรื่องฤทธิ์ของผู้ได้ฌานโดยเฉพาะเรื่องอำนาจคุ้มครองแห่งฌานนี้มีหลักฐานอยู่ในพระไตรปิฎกครับ ..และถ้าได้เคยศึกษาธรรมของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านกล่าวไว้หลายครั้งครับ ว่าในขณะที่ท่านได้ไปธุดงค์ในป่า ท่านเจอพวกโยคีหลายตนที่อยู่ตามป่าตามถ้ำ พวกนี้อยู่มาหลายร้อยปีแล้วด้วยอำนาจแห่งฌานสมาบัติ บางตนมีดินคลุมอยู่เต็มร่าง จำได้ว่าหลวงพ่อเล่าว่าครั้งนึงท่านไปในถ้ำและถ้ำนั้นมีแต่ขี้ค้างคาว ..เห็นโยคีตนนึงขี้ค้างขาวคลุมอยู่เต็มตัว เมื่อกะเทาะออกนิดนึงเห็นเป็นผิวสีขาวใสอยู่ข้างใน พวกนี้นานๆ ทีก็เหาะออกไปเที่ยวครั้งนึง หลวงพ่อท่านเล่ามาอย่างนี้ ..ผมก็เล่าตาม เอาเป็นว่าฟังเป็นนิทานอย่างที่หลวงพ่อท่านบอกก็ได้ครับ ไม่ต้องเชื่อหรอก แค่เรื่องนี้ทำให้หลายๆ คนที่ตามอ่าน comment ยาวเหยียดนี้ได้มี Question mark ขึ้นกลางหน้าผาก (เกิดสงสัยขึ้นในขณะทีอ่าน - สุตมยปัญญา) และคิดว่าเรื่องที่เล่านี้จริงหรือไม่จริงกันแน่ (เกิดจินตมยปัญญา) เท่านี้ก็บรรลุผลที่ผมต้องการสื่อแล้วครับ ส่วนเรื่องโยคีหนุ่มที่เป็นข่าวท่านนี้จะเป็นของจริงหรือไม่จริงก็ช่างท่านเถิด เพราะหากว่าท่านแกล้งทำก็เป็นกรรมของท่านที่หลอกลวงคน หรือถ้าเป็นเรื่องจริงในกรณีที่ท่านเกิดปีติในฌานจนไม่อยากถอนออกจากฌาน กว่าที่คนธรรมดาจะเถียงกันจบว่าจริงไม่จริง ถ้าจริงแล้วเค้าทำได้อย่างไร ..ท่านก็บำเพ็ญบารมีหนีเราไปได้ไกลแล้วครับ จริงไหมล่ะ :)

    ช่วงหลังนี้ผมไม่ค่อยได้เข้าเว็บ นานๆ จะเข้ามาที่นี่ที ครั้งนี้เลยพิมพ์ยาวหน่อย และมีหนังสือเรื่องจริงอิงนิทาน เล่ม 1 ของหลวงพ่อฤาษีมาฝากให้อ่านกัน ไม่ยาวเท่าไรครับ อ่านสนุก ไปอ่านกันได้ที่นี่ครับ http://suknirun.buddhi.sm/jing_nitan.html

    หวังว่าสิ่งที่ผมพิมพ์ไปทั้งหมดคงทำให้หลายๆ ท่านที่ตามอ่านเกิดปัญญา เกิดข้อสงสัย และมีจิตที่น้อมนำไปในการปฏิบัติสมาธิภาวนาเพื่อให้รู้ด้วยตัวเองมากขึ้น บุญที่เกิดในครั้งนี้ขออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรของผม และขอให้สำเร็จแก่ท่านที่ได้อ่านจนจบทุกคนครับ อยากให้ได้ภาวนามยปัญญาซึ่งเกิดจากการปฏิบัติกันทุกๆ คน คิดดูสิครับว่าเจริญแค่สมถยังได้ขนาดนี้ถ้าเจริญวิปัสสนาจนคล่องตัวแล้วจะได้ขนาดไหน ไม่ต้องเชื่อนิทานที่ผมเล่าก็ได้ แต่ลองมาพิสูจน์ดูเอาเอง ดังพุทธพจน์ที่ว่า เอหิปัสสิโก ..จงมาพิสูจน์เถิด :)

    ปล. ประเด็นที่ว่าเป็นพระพุทธเจ้ากลับชาติมาเกิด ตัดทิ้งไปได้เลย คนที่คิดและเชื่อเช่นนี้คือชาวบ้านในแถบนั้น ซึ่งนับถือศาสนาฮินดูหรือพราหมณ์ โดยมีความเชื่อว่าพระพุทธเจ้าเป็นเพียงร่างอวตารร่างหนึ่งของเทพที่พวกเค้าเคารพนับถือ และนักข่าวที่ทำข่าว ถ้าไม่ได้นับถือฮินดู ก็นับถือคริสต์ ซึ่งตรรกะในการวิเคราะห์ก็ต้องคิดแบบนี้ ..ไม่แน่ว่าหนุ่มคนนี้อาจจะเป็นพระโพธิสัตว์ก็ได้ครับ เพราะลักษณะเด่นข้อนึงของพระโพธิสัตว์ที่ลงมาสร้างบารมีคือเป็นผู้นำทางศรัทธาของคน และช่วยทำให้คนส่วนใหญ่ได้ทำความดี โดยไม่จำเป็นว่าคนเหล่านั้น หรือว่าตัวพระโพธิสัตว์เองจะนับถือศาสนาอะไรอยู่ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤศจิกายน 2008
  16. กระต่ายอรชร

    กระต่ายอรชร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +96
    ..........
     
  17. อรมณีจันทร์

    อรมณีจันทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    993
    ค่าพลัง:
    +499
    [​IMG]

    [​IMG]

    หน้าตาดูเหมือนไทย ปน จีน บอกไม่ถูก
    แต่ดูคมกว่า แต่ก็ไม่คมแบบแขก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤศจิกายน 2008
  18. อรมณีจันทร์

    อรมณีจันทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    993
    ค่าพลัง:
    +499
  19. fapatan

    fapatan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    145
    ค่าพลัง:
    +134
    ผมก็ไม่ค่อยชอบใจซักเท่าไรที่เพื่อนสมาชิกบางคนแสดงกิริยาเยอะเย้ยเพื่อนสมาชิกด้วยกันด

    สาธุครับ..ผมเห็นด้วยกับคุณตั้งแต่ที่แรกแล้วครับ ส่วนคนที่เค้าว่าคุณก็อย่าถือสาเค้าเลยครับ คิดเสียว่าเราเป็นพุทธศาสนิกชนควรให้อภัยและมีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน คิดเสียว่าขนาดสมัยพุทธกาลพระพุทธเจ้าของเราทรงเป็นผู้ประเสริฐขนาดใหนก็ยังมิวายมีคนต่อต้านเลยครับ...
     
  20. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,310
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,002
    ไม่กล้าตอบครับ เเต่ท่านคนนี้ทําอย่างนี้ได้ก็ดีเเล้ว ยังไงเขาก็มีึความศรัทธาต่อพุทธศาสนาอย่างเเน่นอน
     

แชร์หน้านี้

Loading...