คอยหลงทาง กลางกระทู้ รู้ว่าหลง
ทางสายตรง ตามมาหลง ลงกระทู้
มีสาระธรรม มากมาย ให้ท่านดู
มาร่วมรู้ ดูกระทง ไม่หลงทาง
ลอยกระทง หลงทาง กลางแม่น้ำ
ลอยไปตาม กระแส แท้เชี่ยวไหล
ลอยจิตตาม กิเลส เศษเสี้ยวใจ
ลอยไปใกล ให้กระทง นั้นหลงทาง
หลงทาง
ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย raming2555, 3 พฤษภาคม 2013.
หน้า 9 ของ 27
-
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
วันนี้เว็บพลังจิตตลกมากค่ะ กดอนุโมทนากลับพบข้อความนี้
V
V
ติงติง, คุณไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าชมหน้านี้ ซึ่งอาจจะเกิดได้จากเหตุผลใดเหตุผลหนึ่งดังต่อไปนี้ :
คุณไม่ได้รับอนุญาตให้ให้เข้าชมหน้านี้. หรือ คุณอาจจะกำลังพยายามแก้ไขข้อความของสมาชิกคนอื่น
คุณอาจจะกำลังเข้ามาในเขตหวงห้ามของเว็ป เราไม่อนุญาตให้เข้ามาอ่าน หน้านี้
-
-
5555555555555555........5555555555555555555555555555
-
-
คลิกจะไปพิมพ์ข้อความที่ pm กลับไปทะลุที่แผงควบคุมของตัวเอง
๕๕๕ สงสัยเพราะกระทู้หลงทางแน่ๆเลยค่ะ
ใครสักคนอาจเอาว่านเครือเขาหลงมาโปรยไว้
เดี๋ยวติงเอามาบ้างค่ะ
(ที่บ้านยังมีอยู่บ้างพอสมควรในส่วนที่เหลือแจก) -
ท่านจากไปอัฐิกลายเป็นพระธาตุ
สิ่งสุดท้ายท่านเหลือใว้ไม่ลาจาก
อภิญญาฝากให้ฝึกฝนคนรุ่นหลัง
ว่าอภิญญาในจิตนี้มีจริงจัง
เป็นพลังแสงแห่งจิตศิษย์มีครู
สิ้นภพชาติวางหมดจิตสดใส
เหลือความดีมีคุณพระชนะใจ
มอบให้ใว้ได้บูชาพระอาจารย์ -
จะเล่าขานตามวิถีที่ในป่า
สนทนากับเทพไปในไพรสน
หลวงปู่ใหญ่แยกกายได้หลายคน
มาฝึกฝนสอนข้อธรรมติดตามไป
ส่งลูกศิษย์ติดตามข้ามประเทศ
อาจารย์เทพหรือพระครูผู้ยิ่งใหญ่
อภิญญาวิทยายุทธ์สุดเกรียงไกร
ไม่แพ้ใครในสยามตามมาดู
วัดท่าแคเทพนิมิตรศิษย์พบท่าน
เป็นอาจารย์อยู่สายป่าที่มาสอน
ปรุงธาตุสี่หลายวิธีมีขั้นตอน
แปลงของร้อนให้เย็นเช่นพริบตา -
ปรุงธาตุ ๔ มีจิตดีเป็นที่ตั้ง
๔ ธาตุยังคงที่อยู่๔ดูใว้
๔ธาตุรู้คู่ธาตุ๔มีในใจ
ดินน้ำลมไฟแยกออกได้จึงใช้งาน
มะอะอุ นะมะพะทะ จะพะสะกะ -
นึกว่า ไชยา มิตรชัย ท่านคมสันต์
^_^
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=LMn9G1HFEbg&feature=player_detailpage]ไชยา มิตรชัย เพลง กระทงหลงทาง - YouTube[/ame] -
เว็บมีปัญหา หรือแท็ปเล็ตดิฉันมีปัญหาค่ะเนี้ย กดอะไรไม่ได้เลย แงๆๆมีแต่ ตัว??????????
แงๆ แงๆ แงๆ -
ขอให้กดเงินออกจากตู้ATM ได้เป็็นพอค่ะ ๕๕๕ -
-
ส่วนสัมปชัญญะคือ มีหน้าที่มาควบคุมตัวปัญญาในการถือพวงมาลัยรถและมีเบรกห้ามล้อพร้อม กับมรรคมีองค์แปดหรือ จี พี เอส ขององค์พระสัมมาฯ คอยบอกเส้นทางเดิน ให้ไม่ลอยกระทงหลงทาง มีสติ+สัมปชัญญะ
และเมื่อหลงทางแล้ว...
จะรู้ได้อย่างไรว่า กำลังหลงทางอยู่... ก็ถ้าเรากำลังดำเนินทางชีวิต ที่ผิดไปจากหลักศีลธรรมแล้ว ก็ถือว่ายังหลงทางอยู่ คือจะต้องเอื้อเฟื้อต่อพระธรรมวินัย และไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น และไม่ไปแสวงบุญนอกเขตบวรพระพุทธศาสนา
แล้วจะกลับไปเริ่มตรงไหนดี..ให้มันถูกทาง เริ่นต้นใหม่โดยตั้งจิตใหม่เริ่มด้วยการรักษาศีล
และศึกษาพระธรรมวินัย และน้อมนำมาปฏิบัติ โดยเดินตาม ทางสายกลางตามมรรคมีองค์มีองค์แปดไฟล์ที่แนบมา:
-
-
เคยได้ยินมาบ่อยๆ ว่าคนโน้น คนนี้ เป็นพระศรีอาริย์.. เดิมก็เคยมีความสงสัยในเรื่องเหล่านี้ ว่าทำไมมีหลายคน จะเป็นไปได้หรือ??..
ได้อ่านบทความของหลวงปู่ จึงเข้าใจ เลยนำมาถ่ายทอดให้กัน...อ่านกัน สบายๆ อย่าคิดมาก เราทุกคนมีวิจารณานเป็นของตนอยู่แล้ว..
...................................................................................
เรื่องการฝากกระแสของพระโพธิสัตว์
คัดบางส่วนมาจากหนังสือ หลวงตาสอนศิษย์ เรื่องโพธิสัตว์ และการสร้างบารมี
....”พระโพธิสัตว์ท่านไม่ได้แยกร่างมาเกิด แยกร่างแบ่งร่างไม่ได้ ถ้าจะลงมาเกิด ก็ลงมาได้แค่องค์เดียวเท่านั้น ส่วนที่เหลือไม่ใช่ เป็นการฝากพลังงานของท่าน”
“บางครั้งท่านจะฝากกระแสของท่านมากับ เหล่าเทวดาที่เกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับท่านที่จะลงมาเกิด เพื่อให้ช่วยงานบางประการ ตัวท่านก็เกิดอยู่ที่หนึ่ง เทวดาที่ได้รับการฝากกระแสก็ไปเกิดที่อีกที่หนึ่ง แยกกันทำงานไป”
“ผู้ที่ได้รับฝากกระแสมานั้น จะมีกระแสพลังงานของโพธิสัตว์องค์นั้นอยู่ด้วย ถ้าเขาคนนั้นโตขึ้นมา ได้ปฏิบัติสมาธิภาวนาจนเห็นพลังงานได้ ก็จะเห็นพลังงานที่พระโพธิสัตว์เหล่านั้นฝากเอาไว้ ถ้าจิตไม่พิจารณาให้ละเอียดจริง ๆ จะแยกยากๆ ไม่ใช่เป็นแค่การฝากกระแสลงมาเท่านั้น หรือถ้าคนอื่นที่พอจะมองเห็นพลังงานมาดู ถ้าดูไม่ละเอียดพอ ก็จะเห็นแค่พลังงานของพระโพธิสัตว์องค์นั้น ๆ ที่ฝากมา เพราะพลังงานนั้นมักมาก ก็อาจจะหลงคิดไปได้ว่า คนนั้น คนนี้เป็นพระโพธิสัตว์องค์นั้นองค์นี้กลับชาติมาเกิด เลยทำให้เดี่ยวนี้มีคนบอกว่าพระองค์นั้นองค์นี้ เป็นองค์นั้นองค์นี้กลับชาติมาเกิดซ้ำกันไปมาเต็มไปหมด จริง ๆ ไม่ใช่ ท่านแยกร่างไม่ได้ ท่านลงมาได้แค่องค์เดียว สวนองค์อื่น ๆ เป็นการฝากกระแสเท่านั้น”
”แต่พวกที่ได้รับการฝากกระแสมานี้ดูยากมาก ๆ เรื่องของโพธิญาณละเอียดอ่านมากๆ เพราะผู้ที่จะได้รับการฝากกระแสมาได้นี้ ต้องเป็นผู้มี่กรรมเกี่ยวเนื่องกับพระโพธิสัตว์องค์นั้น ๆ ด้วย จึงฝากกระแสกันมาได้ และเมื่อท่านฝากกระแสของท่านมา บวกกับพระแสเดิมของผู้นั้นเกี่ยวข้องกับท่านอยู่แล้ว ก็เลยยิ่งทำให้กระแสพลังงานนั้นใกล้เคียงกับท่านมากเข้าไปอีก ดูยากมาก”
”บางองค์ท่านจะฝากกระแสก่อนตายเลย เล็งไว้เลยว่าจะไปเกิดสร้างบารมีเป็นลูกใครต่อ อาจเป็นลูกศิษย์ลูกหา หรือผู้เกี่ยวข้องกับท่าน แล้วอธิฐานฝากกระแสไว้ตั้งแต่เธอแต่งงาน พอท่านมรณภาพปั๊บ ก็ไปเกิดสร้างบารมีต่อในท้องของหญิงคนที่ท่านได้พิจารณาเอาไว้แล้วเลย”
”หรือ ถ้าเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ท่านยังมรณภาพไม่ได้ เด็กที่จะมาเกิดกับหญิงคนนั้น ก็จะกลายเป็นผู้ได้รับฝากกระแสตรงนี้ไปด้วย เด็กคนนั้นจะมีลักษณะนิสัยท่าทางคล้ายกับท่านผู้อธิฐานฝากกระแสไว้มากๆ “....
-
-
ท่านสอนสั้นๆ พูดน้อยๆ แต่เน้นให้ปรารถความเพียรมากๆ...
ท่านมักจะเตือนอยู่เสมอว่า
" กินน้อย นอนน้อย พูดน้อย ทำความเพียรให้มากๆ " -
หลายๆครั้งที่จะได้ยิน คำว่า ติดนิมิต บ้าง ติดคำบริกรรมบ้าง...
ตรงนี้ผมก็ยังติดคำบริกรรม พุทโธ...
เพราะบริกรรมมาตั้งแต่เด็ก...
แม้ในฝันเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น คำว่าพุทโธก็ปรากฎขึ้นเอง โดยอัตโนมัติ...
แม้จะเปลี่ยนเป็น นะมะพะทะ หรือคำบริกรรมอื่นๆ สุดท้ายก็มาจบลงที่พุทโธ...
เรื่องการติดคำบริกรรมนี่ผมก็ยอมรับอย่างไม่อายว่า ยังติดอยู่...
แต่เมื่ออารมณ์เข้าเขตปฐมฌาณแล้วคำบริกรรมก็หายไปเอง...
ผมไม่ทราบว่าติดพุทโธ แล้วจะไปนิพพานไม่ได้ หรือเปล่า...
แต่ผมเห็น หลวงปู่มั่น หลวงปู่เสาร์ หลวงพ่อพุธ หลวงปู่เทสน์ ฯลฯ
ท่านก็ให้บริกรรมพุทโธทั้งนั้น ...
ประสาคนหลงทาง ผมก็คิดว่าถ้าครูบาอาจารย์สอนมาให้บริกรรมอย่างไร ผมก็ยอมโง่ ทำตามท่านทุกประการ
ผมทำแล้วสบายใจดีครับ ผมก็ทำไป ใครจะด่าจะว่าอย่างไร ก็ไม่ค่อยสนใจเท่าไรเพราะว่าหน้าด้านเสียแล้ว...
ผมเห็นว่าถ้าติด รัก ติดโลภ ติดโกรธ ติดหลง อันนี้หลวงพ่อ ด่า...
แต่ถ้าติด พุทโธ นี่หลวงพ่อไม่ด่า...
เรื่องติดนิมิตนี่ผมก็ยอมรับจริงๆว่า ยังติดอยู่...
ผมยังติดเห็นสมเด็จองค์ปฐม ทรงเครื่องพระนิพพาน ติดมายี่สิบกว่าปี...
นึกถึงท่านตลอด เห็นท่านอยู่ในกายเสมอๆ...
ผมเองยังมีความเลวติดอยู่ในใจมาก...
การได้ติดนิมิตสมเด็จองค์ปฐม ก็รู้สึกว่าจะทำให้ผมหวาดกลัว ที่จะคิดชั่ว
ผมกลัวว่าพระองค์ท่านจะทราบ และผมรู้สึกจริงๆว่าพระองค์ท่านทราบเสมอถ้าผมคิดชั่ว
แม้เวลาผมเจริญภาวนาผมก็นึกถึงพระองค์ท่านเสมือนหนึ่งเสด็จมาประทับอยู่เบื้องหน้าผม
นี้เองเวลาเจริญภาวนาใจเลวๆผมมันเลยไม่กล้ากระดุกกระดิกไปไหน...
ซึ่งผมเองก็คิดว่าอย่างนี้แหละ ดีแล้ว เรามันยังไม่หมดเลว...
ยังต้องยึดท่านไว้ก่อน...
กะว่าจะยึดไปยันลมหายใจสุดท้าย...
ใครจะว่าติดนิมิต ติดคำบริกรรม ก็ให้เขาว่าไป...
เรากินอยู่กับปาก อยากอยู่กะท้อง ทำอะไรเราก็รู้ของเรา...
ถ้าหลวงพ่อไม่ว่าอะไรเราก็ทำของเราไป... -
-
รออ่านต่อค่ะ ท่านระมิงค์:cool:
หน้า 9 ของ 27