หลวงปู่ขวัญ ปวโร อริยะแห่งเมืองพิจิตร ศิษย์ผู้สืบทอดวิชาของหลวงพ่อเงินบางคลาน

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 30 พฤศจิกายน 2007.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    เรื่องเล่าหลวงปู่ขวัญ อริยะแห่งเมืองพิจิตร
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->[​IMG]

    พระเถระผู้ใหญ่พูดถึงหลวงปู่ขวัญ

    คำพูดที่ฮือฮามากในช่วงนั้น(10 กว่าปีมาแล้ว) คือคำพูดของหลวงพ่อเกษม เขมโก ที่คนพิจิตรมักจะพูดถึงคือ มีคนพิจิตรไปกราบหลวงพ่อเกษมแล้วหลวงพ่อเกษมพูดว่า "มาทำไมถึงที่นี่ ที่พิจิตรก็มีหลวงพ่อขวัญ" ประโยคนี้แม้แต่ "คุณฉวีวรรณ ขจรประศาสน์" ภริยาท่านพลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ ยังเคยพูดกับผมในช่วงนั้นเลย ซึ่งช่วงนั้นเสธฯหนั่นกำลังเป็น ม.ท.1 ด้วย คุณฉวีวรรณเล่าให้ผมฟังว่า "ป้าได้ไปกราบหลวงพ่อขวัญมาแล้ว ไปเช่าแหวนท่านมาด้วย หลวงพ่อเกษมยังบอกให้ไปกราบหลวงพ่อขวัญเลย" (ผมเพิ่มเติมว่าหลวงพ่อขวัญท่านเคยไปเรียนวิชาทำน้ำมันสมุนไพรคุณพระรักษาที่ จ.ลำปาง ครับ)
    ครั้งหนึ่งมีพิธีปลุกเสกพระหลวงพ่อเงิน ที่วัดบางคลาน ผมมีโอกาสได้รับ-ส่งหลวงพ่ออุตตมะจากสนามบินพิษณุโลกและวัดบางคลาน(ทำให้มีบุญได้พาหลวงพ่อมาพักผ่อนที่บ้านหลังเสร็จพิธีด้วย) ในครั้งนั้นผมจึงถวายแหวนหลวงพ่อขวัญเป็นที่ระลึกกับหลวงพ่ออุตตมะด้วย หลังจากนั้นผมได้ไปกราบหลวงพ่ออุตตมะที่พุทธมนฑลสาย 2 หลวงพ่อหยิบแหวนหลวงพ่อขวัญแล้วพูดกับผมว่า "ของดีนะ" แล้วท่านก็เอาแหวนของหลวงพ่อขวัญมอบให้กับลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดกับท่าน โดยใส่แหวนให้ที่นิ้วด้วยมือของหลวงพ่อเอง แต่ปรากฏว่าแหวนหลวมไป หลวงพ่อท่านก็หาด้ายมาพันที่ท้องวงแหวนให้ เมื่อหลวงพ่อพันด้ายเสร็จก็เอาแหวนมาใส่ให้ด้วยมือของท่านเองอีก คราวนี้ใส่ได้พอดี หลวงพ่ออุตตมะท่านยิ้มแล้วบอกว่า "ของดีนะใส่ติดตัวไว้นะ"
    แค่นี้ก็คงพอแล้วนะครับ แต่เท่าที่ทราบก็ยังมีครูบาอาจารย์อีกหลายองค์ที่พูดถึงหลวงปู่ขวัญอีกเช่น หลวงปู่ครูบาหล้าตาทิพย์, หลวงพ่อแพ, หลวงพ่อฤาษีลิงดำ(หลวงพ่อท่านมอบข้าวตอกพระร่วงให้หลวงพ่อขวัญด้วย) แต่บังเอิญผมไม่มีข้อมูลอ้างอิงครับ ท่านที่มีข้อมูลตรงนี้กรุณาเล่าให้ฟังบ้างนะครับ

    หลวงพ่อขวัญเททองพระประธาน

    หลวงปู่ขวัญท่านไม่ค่อยรับกิจนิมนต์ไปไหน ผมเคยนิมนต์ท่าน 4-5 ครั้ง ผมมั่นใจว่าท่านจะเมตตามาให้ แต่ท่านก็จะไม่รับปาก 100% เลย ท่านจะตอบว่า "ถ้าวันนั้นฉันไปได้ก็จะไปให้" ผมถือว่าหลวงปู่ท่านมีสัจจะมาก เมื่อครั้งที่นิมนต์ท่านมาเป็นประธานหล่อพระประธานประจำวิหารวัดห้วยเขน(งานนั้นคุณหญิงพันธ์เครือ ยงใจยุทธ ขณะนั้นมาในฐานะภริยาของนายกรัฐมนตรีเป็นประธานฝ่ายฆราวาส) หลวงปู่ขวัญท่านทราบว่าจะเททองหล่อพระประธาน ท่านบอกกับผมว่าท่านอยากจะทำบุญให้กับบรรพบุรุษของท่านด้วย ท่านบอกว่าโยมแม่ของท่านมีมรดกเป็นสายสังวาลย์ทองคำและทองคำอีกจำนวนหนึ่ง ท่านจะเอาทองคำของโยมแม่ของท่านนี้หล่อพระประธานด้วย ท่านพูดว่า "เอาไว้ลูกหลานก็แย่งกัน เอาทำบุญดีกว่า" ผมจำได้ว่าหลานๆ หลวงปู่ตอนนั้นแซวผมกันใหญ่เลยเรื่องนี้ แล้วถึงวันงานหลวงปู่ขวัญท่านก็เอาห่อกระดาษสีขาวห่อหนึ่ง ภายในเป็นทองคำมากทีเดียวมายืนพนมมืออธิษฐานแล้วก็ใส่ไปในเบ้าหลอม ผมยังจำหน้าหลวงปู่ได้เลย หลวงปู่ยิ้มสดชื่นดูมีความสุขมาก ส่วนปัจจัยที่มีคนถวายให้กับหลวงปู่ในวันนั้น ซึ่งมีจำนวนมากพอสมควร หลวงปู่ไม่นำกลับเลย หลวงปู่ทำบุญต่อ ณ ที่นั้นหมดเลย (สาธุ) ครั้งสุดท้ายที่ได้นิมนต์หลวงปู่ ก็นิมนต์ท่านไปหล่อพระประธานอีก หลังจากนั้นได้ไปกราบหลวงปู่อีก หลวงปู่พูดกับผมว่า "มีคนเขาเห็นว่าฉันไปงานที่วัดนั้น เขามาบ่นกับฉันว่าทีทำไมเขามานิมนต์ฉันไม่ไป" หลังจากนั้นผมไม่เคยนิมนต์หลวงปู่ไปไหนอีกเลย เพราะกลัวหลวงปู่ลำบากใจ

    หลวงปู่ขวัญเล่าเรื่องตะกรุด

    หลวงปู่เล่าว่า "ฉันทำตะกรุด ฉันก็ทำไปตามตำรา มารู้ว่าเป็นจริงตามตำราก็เพราะว่ามีคนที่ฉันให้ตะกรุดเขาไปเขามาเล่าให้ฟังว่า เขาเป็นพัสดีคุมนักโทษแล้วมีเรื่องเกิดขึ้น คือนักโทษมันแหกคุกหนีออกมา เขาก็ไล่ตามจับ นักโทษมันมีปืนมันก็หันเอาปืนมายิงเขา เขาก็เอาปืนยิงไปที่นักโทษบ้าง ยิงกันไปยิงกันมาอยู่อย่างนั้นปรากฏว่าไม่มีใครโดนลูกปืนเลย"(ผมขอเสริมว่าตะกรุดของหลวงปู่จะคลาดแคล้วทั้งสองฝ่าย เพื่อไม่ให้มีเวรมีกรรมต่อกัน) "มีคนคนหนึ่งคนนี้เขายิงปืนแม่นมาก เขาอยากลองตะกรุดของฉัน เขาจึงเอาตะกรุดไปผูกไว้ที่คอไก่แล้วก็ยิงไก่ ปรากฎว่าลูกปืนไปถูกเชือกที่ผูกตะกรุดขาด ตะกรุดจึงหล่นหายไปเลย หาเท่าไหร่ก็ไม่พบส่วนไก่ไม่เป็นอะไร เขามาเล่าให้ฉันฟังแล้วมาขอตะกรุดฉัน นอกจากฉันไม่ให้ตะกรุดเขาแล้วยังตำหนิเขาด้วย"

    หลวงปู่ขวัญเล่าเรื่องพระกริ่ง

    หลวงปู่เล่าว่า "ฉันได้ตำราสร้างพระกริ่งปวเรศมา พระกริ่งนี้ตัดรุ้งขาดได้ ฉันจะสร้างพระกริ่ง" ผมได้ยินตอนนั้นหูผึ่งเลยติดตามข่าวอย่างใกล้ชิดตลอด จนใกล้วันออกพรรษาหลวงปู่พูดกับผมว่า "ฝนมันตกแล้วแต่ยังไม่เห็นมีรุ้งสักที" ผมได้ฟังแล้วยินดีเป็นอย่างยิ่งที่หลวงปู่เมตตาพูดแบบนี้ให้ฟัง ผมรู้ว่าคืออะไร และไม่กล้าที่จะถามอะไรท่านต่อไป
    เรื่องพระกริ่งนี้ป้าเป้าซึ่งเป็นหลานหลวงปู่และเป็นคนจำหน่ายวัตถุมงคลให้กับวัดบอกว่าเป็นเรื่องแปลก เพราะว่าหลวงปู่ท่านกำหนดราคาพระกริ่งเองว่าให้จำหน่ายองค์ละ 1,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่แพงมากสำหรับหลวงปู่ เพราะขนาดพระที่จำหน่ายอยู่ราคาแค่ 50 บาท หลวงปู่ยังบ่นว่า "ทำไมไปเอาเขาแพงจัง"

    นายกชวนและรัฐมนตรีไปกราบหลวงปู่

    ช่วงนั้นเป็นรัฐบาลชวน2 ขณะนั้นผมเป็นเทศมนตรีเมืองบางมูลนาก วันหนึ่งเสธฯหนั่นซึ่งขณะนั้นเป็น ม.ท.1 บอกกับผมว่า "ลุงจะไปกราบหลวงพ่อขวัญ นายกชวนจะมาพิจิตร เลยให้ไปเจอกันที่วัดหลวงพ่อขวัญ" วันนั้นมีรัฐมนตรีหลายท่านไปที่วัดหลวงพ่อขวัญ ทางวัดก็ได้เตรียมวัตถุมงคลสำหรับมอบเป็นที่ระลึกกับผู้ใหญ่ในวันนั้น เช่น พระบูชาของหลวงปู่ขวัญ และ พระรูปหล่อของหลวงปู่ ฯลฯ สำหรับหลวงปู่ขวัญนั้น ท่านก็ได้เตรียมของเป็นที่ระลึกสำหรับผู้ใหญ่ที่จะมากราบท่านเหมือนกัน ท่านนำพระกริ่งติดตัวท่านไว้จำนวน 3 องค์ เมื่อคณะนายกชวนมาถึงก็ได้เข้าไปกราบหลวงปู่ หลวงปู่ได้มอบพระกริ่งให้กับ 3 คนแรกที่ไปกราบท่าน คือ 1. นายกชวน 2. เสธฯหนั่น 3. รัฐมนตรีกระทรวงไหนผมจำไม่ได้แล้ว สำหรับรัฐมนตรีคนที่ 4 ที่เข้าไปกราบหลวงปู่ก็ขอพระกริ่งกับหลวงปู่ด้วยเพราะเห็นท่านที่ 1-3 ได้ ปรากฏว่าหลวงปู่ท่านเตรียมของท่านมาแค่นั้น ท่านจึงยิ้มเฉยๆ ไม่ได้สั่งอะไร จึงเป็นอันว่า "อด" แล้วก็ไม่มีรัฐมนตรีคนไหนหรือผู้ใหญ่ท่านไหนได้อีก(แต่ได้ของที่ทางวัดเตรียมมาแทน ไม่ได้จากที่หลวงปู่เตรียมมาเพราะท่านไม่สั่งให้เอามาเพิ่มแค่ไหนแค่นั้น)
    โดดร่มไม่กางไม่ตาย
    ผมได้คุยกับคนคนนี้เองเลย เขาชื่อสิบเอกสมพงษ์ ปัญญาพิมพ์ ตอนนั้นเป็นทหารอยู่ที่ลพบุรี เขามากราบขอบคุณหลวงปู่ ซึ่งได้ช่วยชีวิตเขาไว้ ตอนนั้นเขาเพิ่งออกจากโรงพยาบาลกระโหลกเขายังไม่เต็มเลย ยังเห็นสมองเต้นตุบๆ ที่ศรีษะของเขา ผมถามว่าถ้าปรกติกรณีแบบนี้จะเป็นอย่างไร เขาบอกว่า "เอาปิ๊ปเก็บเศษเนื้อของผมได้เลยครับ" รายละเอียดจาก คมชัดลึก

    นางมาลัย ปัญญาพิมพ์ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 127/79 ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ จ.พิษณุโลก เล่าถึงอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ขวัญว่า เมื่อประมาณปี 2539 จ.ส.อ.สมพงษ์ ปัญญาพิมพ์ อายุ 41 ปี สามี ซึ่งเป็นทหารสังกัดกองทัพน้อยที่ 3 ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ จ.พิษณุโลก ไปฝึกหลักสูตรเปลี่ยนแบบร่มที่ จ.ลพบุรี โดยขณะฝึกนั้นสามีโดดร่มลงมาจากเครื่องบิน และเมื่อมาถึงระยะ 5,500 ฟิต สามีกระชากร่ม แต่ร่มไม่กางออก แม้แต่ร่มช่วยก็ไม่ทำงาน
    "ตอนนั้นสามีบอกความรู้สึกได้เพียงว่า คงไม่รอดแน่ เนื่องจากระยะที่สูงมาก จึงเพียงนึกถึงหลวงปู่ขวัญและคุณพ่อคุณแม่ โดยในตัวมีเพียงแหวนรุ่นหัวสิงห์ของหลวงปู่ขวัญเท่านั้น หลังจากนั้นก็เก็บคองอเข่าตามหลักสูตรที่เรียนมา เมื่อตกมาถึงพื้นก็หมดสติไป" นางมาลัย กล่าว
    นางมาลัย ยังกล่าวอีกว่า เพื่อนทหารช่วยกันนำสามีส่งโรงพยาบาล โดยแพทย์บอกว่า ให้ทำใจ เพราะโอกาสที่รอดมีน้อยมาก หรือหากรอดชีวิตก็มิสิทธิเป็นคนปัญญาอ่อน เพราะสมองกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง แขนทั้งสองข้างหัก แต่หลังจากอยู่ในห้องไอซียูไม่ถึง 8 วัน สามีก็ฟื้น โดยอาการเหมือนคนไม่ได้เป็นอะไรเลย ซึ่งแพทย์ยังงง โดยเฉพาะแขนที่หักก่อนหน้านั้น เมื่อแพทย์จะผ่าตัดกลับพบว่า แขนไม่ได้เป็นอะไรเลย ทุกอย่างปกติเหมือนคนทั่วไป ทั้งนี้จากอุบัติเหตุดังกล่าวสามีนอนอยู่ในโรงพยาบาลเพียง 23 วันเท่านั้น นางมาลัย ยังเล่าอีกว่า หลังจากที่สามีหาย ได้สอบถามคนในครอบครัวจึงทราบว่า บิดาของตนไปขอร้องให้หลวงปู่ขวัญช่วย โดยเขียนชื่อที่อยู่จริงของโรงพยาบาลที่สามีนอนรักษา หลังจากนั้นจึงทราบว่าหลวงปู่ท่านได้นำชื่อมาเพ่งกระแสจิต จนทำให้อาการของสามีหายดีในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งข่าวดังกล่าวดังไปทั่วประเทศ โดยช่วงนั้นสามีของตนเองไปออกรายการทีวีหลายรายการ อย่างไรก็ตาม นับแต่นั้นมาตนและสามีจะไปเยี่ยมหลวงปู่ขวัญทุกอาทิตย์เป็นประจำตลอดมา และการจากไปของท่านคงไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นความรู้สึกได้
    ที่มา หนังสือรำลึกหลวงปู่ขวัญ

    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  2. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,129
    อ นุ โ ม ท น า ส า ธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...