หลวงปู่จามกับการเรียน พระอภิธรรม

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย รามา, 30 ธันวาคม 2013.

  1. รามา

    รามา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2011
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +520
    ๒๒๕.) ในยุคสมัยนั้น
    พระนิกายทางเมืองเหนือทางลำปางกำลังตื่นเต้น
    กันเรื่องเรียนอภิธรรมอย่าง
    นั้นอภิธรรมอย่างนี้ แต่ผู้ข้าฯ ก็มิ
    ได้หลงไปกับเขาหรอก เขาชวน
    ให้ไปเรียนอภิธรรม
    แล้วมาเจริญวิปัสสนาว่ากันว่า
    เป็นทางลัดเข้าสู่พระนิพพาน
    ในเรื่องนี้จึงได้เก็บเป็นข้อสงสัย
    เป็นข้อกังขามาตลอดอยู่ในใจแต่
    ได้ยินเขาว่าเรียนอภิธรรมแล้ว
    จะเดินวิปัสสนาต่อไปนั้นมันเป็น
    เร็วภาวนาได้เร็ว ในใจก็นึก
    ถึงแต่เพิ่นครูอาจารย์มั่น (ภูริทตฺโต)
    เท่านั้นที่จะแก้ไขให้ เมื่อได้โอกาส
    เข้าฟังธรรมะโอวาทของเพิ่นแล้ว จึง
    ได้ตั้งคำถามไว้ในใจของตนเองว่า
    “ อภิธรรม ” นี้อย่างใดหนอ จึงจะ
    เป็นพระอภิธรรมโดยแท้ ? วันนั้น
    เป็นวันที่ ๓ ครั้งที่ ๓ ที่
    เข้าฟังโอวาทอุบายธรรมของเพิ่น
    คืนวันนั้นเพิ่นได้ยกขึ้นต้นว่า อิ อะ
    นะโม รุ จิ เจ นิ จะมีอยู่ในตนหรือมี
    อยู่นอกตน หรือมีอาการอย่างใด ?
    กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา อพฺยากตา
    ธมฺมา
    คำว่า “ ธรรม ” “ ธัมมา ”
    เป็นชื่อของสภาวะอันหนึ่ง มีอันเดียว
    เป็นของเอกที่มากมายหลายหลวงนั้น
    ก็หากมากด้วยอาการของธรรม
    เรียกว่า คุณธรรม คือ
    เป็นคุณของธรรมะ
    กุศล ความฉลาดในความดี อกุศล
    ความฉลาดในความชั่ว หรือ
    อัพยากฤต ความฉลาดในความ
    เป็นกลาง
    นี่ “ ธรรม ” แสดงอาการอย่างนี้
    มีคุณอย่างนี้ มีลักษณะอย่างนี้
    เป็นกิริยาของธรรมอย่างนี้ จึงพูดได้ว่า
    ได้แต่เพียงว่าอาการ พึ่ง
    เข้าใจอย่างเดียวกันเหมือนกับคำว่า “
    ขันธ์ ” ขันโธ มากมายหลายกอง
    ก็หากแต่มีนัยยะอันเดียว
    เป็นชื่อของสภาวะอันหนึ่ง บ่มีปริยาย
    มีอันเดียวเท่านั้น แต่ทว่ายกเอารูป
    เอาเวทนา เอาสัญญา เอาสังขาร
    เอาวิญญาณ มาสวมครอบไว้ จึง
    เป็นขันธ์ ๕ ถ้าเอาไปสวมใส่ธรรม
    ก็ชื่อว่า รูปธรรม เวทนาธรรม
    สัญญาธรรม สังขารธรรม
    วิญญาณธรรม หรือขันธ์ก็เช่นเดียวกัน
    รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์
    สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์
    หากย่นลงก็คือ รูปกับนาม ก็
    เป็นรูปธรรมนามธรรม รูปกับนามก็
    ได้แก่ กายกับใจนี้เอง
    หากจะแจกนามรูปนี้ออกไปก็
    เป็นคุณของธรรมที่กว้างขวางมากมายนัก
    รูปคงไว้เป็นหนึ่ง
    ส่วนนามธรรมแจกออกเป็น ๔ คือ
    เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
    รูปนั้นเป็นหนึ่ง
    อยู่ก็จริงแต่กระจายอาการของรูป
    ได้แก่ มหาภูตรูป ๔ ได้แก่ ธาตุดิน
    ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม
    อุปทายรูป คือ
    รูปอาศัยของมหาภูตรูปอีก ๒๔ อัน
    ได้แก่ ปสาทรูป ๕
    โคจรรูป ๔
    ภาวรูป ๓
    ทหายรูป ๑
    ชีวิตรูป ๑
    อาหารรูป ๑
    วิญญัติ ๒
    วิการรูป ๔
    ลักษณรูป ๔
    แจกภาวนาออกเป็น ๕ คือ สุข
    ทุกข์
    โสมนัส
    โทมนัส
    อุเบกขา
    เวทนาเหล่านี้อาศัยทวาร ๕ เป็นที่เกิด
    จักขุทวาร
    โสตทวาร
    ฆานทวาร
    ชิวหาทวาร
    กายทวาร
    ทวารละ ๕ บ่อเกิดเวทนา ก็ ๕
    เป็นเวทนา ๒๕
    ***คัดจากธรรมประวัติหลวงปู่จาม
    มหาปุญฺโญ :
    ครั้นคืนสู่อีสานบ้านเกิดเชิดชูธรรม—
    กับ พระธมฺมธโร ครูบาแจ๋ว
     

แชร์หน้านี้

Loading...