หลวงปู่บุญมา ปภากโร วัดถ้ำโพงพาง
"เทพเจ้าแห่งความเมตตา"
พระเถระมากบารมี รัชกาล ที่ 4 ทรงมอบพระคาถาศักดิ์สิทธิ์"หลวงปู่บุญมา ปภากโร" พระอริยสงฆ์ที่ปล่อยวางละแล้วซึ่งกิเลสตัณหา ถือสันโดษ มักน้อย พูดน้อย ถ่อมตน มีเมตตาธรรมสูง เป็นพระผู้มีแต่ให้ หากใครได้ไปกราบไหว้หรือได้สัมผัสใกล้ชิดท่าน จะมีความรู้สึกว่าท่านมีความเมตตาอย่างสูง ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง อนุเคราะห์ช่วยเหลือทุกคนเท่าเทียมกันหมด สมแล้วกับสมญานาม "หลวงปู่บุญมา เทพเจ้าแห่งความเมตตา" วัดถ้ำโพงพาง ต.หาดทรายรี อ.เมือง จ.ชุมพรหลวงปู่บุญมาได้จำพรรษาและศึกษาพระธรรมวินัยอยู่ที่วัดปากจ่า จนสอบได้นักธรรมตรี โท เอก ตามลำดับ และได้ฝึกปฏิบัติธรรมกับพระอาจารย์เกลื่อน วัดชายนา จ.นครศรีธรรมราช ต่อมาได้เดินทางมาศึกษาวิชาวิปัสนากรรมาฐานที่วัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ จนถึงปี พ.ศ.2500 ได้ติดตามพระอาจารย์แป้น ธัมมสโร ออกธุดงควัตรเป็นเวลา 3 ปี จนมีวิชาแก่กล้าจึงขอลาพระอาจารย์แป้น เพื่อธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ อาทิ ลงภาคใต้ ไปภาคเหนือ อิสาน และธุดงค์เข้าประเทศพม่า ลาว เขมร เป็นต้น ในช่วงเวลาธุดงค์อยู่ทางภาคใต้ ได้ฝากตัวเป็นศิษย์และศึกษาวิชาจากหลวงพ่อคล้าย วัดสวนขันด้วย
หลวงปู่บุญมา ถือกำเนิดเมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ.2469 ตรงกับปีขาลขึ้น 12 ค่ำ เดือน 1 (อ้าย) อัฏฐศก จ.ศ.1288 (ร.ศ.145) อธิมาส (เดือน 8 สองหน) ณ บ้านโคกสะบ้าหนึ่ง หมู่ที่ 4 ต.นาบินหลา อ.เมือง จ.ตรัง
เมื่ออายุได้ 15 ปี เข้าบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดใกล้บ้าน และศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปี และในขณะที่บวชเณรได้ 5 พรรษา มีอายุครบ 20 ปีบริบุูรณ์ ต้องเข้ารับการคัดเลือกทหาร และจับได้ใบดำต้องรับราชการทหารอยู่ 2 ปี หลังปลดประจำการได้ครองเรือนตามวิสัยฆราวาส จนมีอายุได้ 25 ปี จึงอุปสมบทที่วัดปากจ่า ต.ควนโส อ.รัตภูมิ จ.สงขลา เมื่อปี พ.ศ. 2494 โดยมีพระครูพิทักษ์ธรรมคุณ (เลี่ยม จันทสโร) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์พร้อม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์คล้าว กตปุญโญ เป็นพระอนุสาวสนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "ปภากโร" ซึ่งมีความหมายว่า "ผู้ทำแสงสว่างให้เจิดจ้า"
อนึ่งในช่วงที่ท่านเดินธุดงค์ไปที่เขาชัยสน จ.พัทลุง ในคืนหนึ่งขณะนั่งสมาธิได้นิมิตเห็น ในบริเวณป่าเขาที่อยู่ไม่ไกลจากที่นั่งนี้มีเหวลึก ในเหวนั้นมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์และเจดีย์อยู่ รุ่งเช้าท่านจึงเดินทางไปดูตามนิมิตก็เห็นเป็นจริงตามนั้น
อีกครั้งหนึ่งหลังจากท่านนั่งสมาธิตามปกติ เมื่อจิตหยั่งลงสู่สมาธิเป็น “เอกจิต” แล้ว ท่านได้เห็นพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เสด็จมาหา โดยพระองค์ได้ตรัสกับท่านว่า “ท่านบุญมา มาอยู่ที่นี่แล้ว ไม่รู้อะไรดอกหรือ” ท่านได้ถวายพระพรถามไปว่า “มหาบพิตรมีอะไรดี ก็ขอบอกแก่อาตมาบ้าง” พระองค์ตรัสว่า “ถ้าอย่างนั้นก็คอยจดจำไว้ให้ดี ฉันจะบอกให้ คาถานี้เป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ที่ฉันได้ใช้มาตั้งแต่ยังผนวชเป็นพระภิกษุอยู่” ในนิมิตนั้นท่านได้เห็นแผ่นป้ายหินชนวนขนาดใหญ่สีดำ รัชกาลที่ 4 ได้เขียนพระคาถาให้ท่องจำซึ่งมีทั้งหมด 11 พระคาถา มีชื่อว่า “รัตตนัตตะยะปะภาวาภิยาจะนะคาถา” พระองค์ทรงใช้มาตั้งแต่ครั้งผนวชอยู่ที่วัดสมอราย (วัดราชาธิวาส) และเมื่อทรงย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศ ก็ทรงใช้เจริญภาวนามา จนถึงวันที่ทรงลาผนวชออกมาครองราชย์ และใช้ภาวนาสวดมนต์จนถึงวันสุดท้ายของพระชนม์ชีพ
ทั้งนี้ หลวงปู่บุญมาท่านได้ยึดพระคาถาของรัชกาลที่ 4 มาเป็นแนวปฏิบัติควบคู่ไปกับปฏิปทาของพระอาจารย์คือ หลวงปู่สงฆ์ วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของประชาชนโดยทั่วไป
หลวงปู่บุญมาได้เดินธุดงค์มาถึงปี พ.ศ.2506 ได้เดินธุดงค์มาถึงวัดเจ้าฟ้าศาลาลอย อ.เมือง จ.ชุมพร จึงได้เข้ากราบนมัสการหลวงปู่สงฆ์ และได้สนธนาธรรมกับหลวงปู่สงฆ์ จนเกิดความเลื่อมใสในบารมีธรรมของหลวงปู่สงฆ์เป็นอย่างมาก จึงฝากตัวเป็นศิษย์อยู่ศึกษาวิชากับหลวงปู่สงฆ์ เป็นเวลา 3 เดือน หลวงปู่สงฆ์จึงแนะนำให้หลวงปู่บุญมาหยุดเดินธุดงค์ และให้อยู่จำพรรษาที่วัดถ้ำโพงพาง ซึ่งเป็นวัดร้างแต่มีบรรยากาศร่มรื่น เหมาะแก่การวิปัสนากรรมฐาน อยู่ที่อ่าวทุ่งมะขาม ต.หาดทรายรี อ.เมือง จ.ชุมพร ด้านหน้าติดชายทะเลมีธรรมชาติที่สวยงาม ด้านหลังติดเชิงเขา มีถ้ำธรรมชาติอยู่ 2 แห่ง ซึ่งวัดนี้หลวงปู่สงฆ์เคยมาจำพรรษาวิปัสนากรรมฐานภายในถ้ำของวัดนี้ เพื่อให้หลวงปู่บุญมาช่วยพัฒนาวัดเพื่อเป็นเสาหลักให้ชาวบ้านได้ยึดเหนี่ยว หลวงปู่บุญมาจึงรับปากตกลงที่จะจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้ จวบจนปัจจุบัน
ในด้านวิชาอาคมท่านได้รับการถ่ายทอดจากหลวงปู่สงฆ์ และไปฝากตัวเป็นศิษย์ของพ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน
ส่วนการสร้างวัตถุมงคล หลวงปู่บุญมาได้จัดสร้างวัตถุมงคลมาแล้วหลายรุ่น ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์เป็นที่ประจักษ์ เป็นที่กล่าวขานว่าดีทางด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ปลอดภัย คงกระพันชาตรี คุ้มครองป้องกันภัย ค้าขายเจริญรุ่งเรือง
สอบถามได้ที่เบอร์ 081-661-9989, 083-956-6942
Email : kobsub@hotmail.com
กอบทรัพย์ สมบูรณ์พร
ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา นครปฐม
บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 519-2-62901-1
หลวงปู่บุญมา ปภากโร วัดถ้ำโพงพาง
ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย ขุนพลาย, 17 กุมภาพันธ์ 2014.
-
-
หลวงพ่อทวด หลวงปู่บุญมา หน้าเลื่อน รุ่นแรก รุ่นปลดหนี้ เฮง เฮง เฮง เนื้อทองแดงรมดำ หลวงปู่บุญมา
"หลวงปู่บุญมา ปภากโร" พระอริยสงฆ์ที่ปล่อยวางละแล้วซึ่งกิเลสตัณหา ถือสันโดษ มักน้อย พูดน้อย ถ่อมตน มีเมตตาธรรมสูง เป็นพระผู้มีแต่ให้ หากใครได้ไปกราบไหว้หรือได้สัมผัสใกล้ชิดท่าน จะมีความรู้สึกว่าท่านมีความเมตตาอย่างสูง ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง อนุเคราะห์ช่วยเหลือทุกคนเท่าเทียมกันหมด สมแล้วกับสมญานาม "หลวงปู่บุญมา เทพเจ้าแห่งความเมตตา" วัดถ้ำโพงพาง ต.หาดทรายรี อ.เมือง จ.ชุมพร
หลวงปู่บุญมา ถือกำเนิดเมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ.2469 ตรงกับปีขาลขึ้น 12 ค่ำ เดือน 1 (อ้าย) อัฏฐศก จ.ศ.1288 (ร.ศ.145) อธิมาส (เดือน 8 สองหน) ณ บ้านโคกสะบ้าหนึ่ง หมู่ที่ 4 ต.นาบินหลา อ.เมือง จ.ตรัง
เมื่ออายุได้ 15 ปี เข้าบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดใกล้บ้าน และศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปี และในขณะที่บวชเณรได้ 5 พรรษา มีอายุครบ 20 ปีบริบุูรณ์ ต้องเข้ารับการคัดเลือกทหาร และจับได้ใบดำต้องรับราชการทหารอยู่ 2 ปี หลังปลดประจำการได้ครองเรือนตามวิสัยฆราวาส จนมีอายุได้ 25 ปี จึงอุปสมบทที่วัดปากจ่า ต.ควนโส อ.รัตภูมิ จ.สงขลา เมื่อปี พ.ศ. 2494 โดยมีพระครูพิทักษ์ธรรมคุณ (เลี่ยม จันทสโร) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์พร้อม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์คล้าว กตปุญโญ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "ปภากโร" ซึ่งมีความหมายว่า "ผู้ทำแสงสว่างให้เจิดจ้า"
หลวงปู่บุญมาได้จำพรรษาและศึกษาพระธรรมวินัยอยู่ที่วัดปากจ่า จนสอบได้นักธรรมตรี โท เอก ตามลำดับ และได้ฝึกปฏิบัติธรรมกับพระอาจารย์เกลื่อน วัดชายนา จ.นครศรีธรรมราช ต่อมาได้เดินทางมาศึกษาวิชาวิปัสนากรรมฐานที่วัดมหาธาตุกรุงเทพฯ จนถึงปี พ.ศ.2500 ได้ติดตามพระอาจารย์แป้น ธัมมสโร ออกธุดงควัตรเป็นเวลา 3 ปี จนมีวิชาแก่กล้าจึงขอลาพระอาจารย์แป้น เพื่อธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ อาทิ ลงภาคใต้ ไปภาคเหนือ อิสาน และธุดงค์เข้าประเทศพม่า ลาว เขมร เป็นต้น ในช่วงเวลาธุดงค์อยู่ทางภาคใต้ ได้ฝากตัวเป็นศิษย์และศึกษาวิชาจากหลวงพ่อคล้าย วัดสวนขันด้วย
อนึ่งในช่วงที่ท่านเดินธุดงค์ไปที่เขาชัยสน จ.พัทลุง ในคืนหนึ่งขณะนั่งสมาธิได้นิมิตเห็น ในบริเวณป่าเขาที่อยู่ไม่ไกลจากที่นั่งนี้มีเหวลึก ในเหวนั้นมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์และเจดีย์อยู่ รุ่งเช้าท่านจึงเดินทางไปดูตามนิมิตก็เห็นเป็นจริงตามนั้น
อีกครั้งหนึ่งหลังจากท่านนั่งสมาธิตามปกติ เมื่อจิตหยั่งลงสู่สมาธิเป็น “เอกจิต” แล้ว ท่านได้เห็นพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เสด็จมาหา โดยพระองค์ได้ตรัสกับท่านว่า “ท่านบุญมา มาอยู่ที่นี่แล้ว ไม่รู้อะไรดอกหรือ” ท่านได้ถวายพระพรถามไปว่า “มหาบพิตรมีอะไรดี ก็ขอบอกแก่อาตมาบ้าง” พระองค์ตรัสว่า “ถ้าอย่างนั้นก็คอยจดจำไว้ให้ดี ฉันจะบอกให้ คาถานี้เป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ที่ฉันได้ใช้มาตั้งแต่ยังผนวชเป็นพระภิกษุอยู่” ในนิมิตนั้นท่านได้เห็นแผ่นป้ายหินชนวนขนาดใหญ่สีดำ รัชกาลที่ 4 ได้เขียนพระคาถาให้ท่องจำซึ่งมีทั้งหมด 11 พระคาถา มีชื่อว่า “รัตตนัตตะยะปะภาวาภิยาจะนะคาถา” พระองค์ทรงใช้มาตั้งแต่ครั้งผนวชอยู่ที่วัดสมอราย (วัดราชาธิวาส) และเมื่อทรงย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศ ก็ทรงใช้เจริญภาวนามาจนถึงวันที่ทรงลาผนวชออกมาครองราชย์ และใช้ภาวนาสวดมนต์จนถึงวันสุดท้ายของพระชนม์ชีพ
ทั้งนี้ หลวงปู่บุญมาท่านได้ยึดพระคาถาของรัชกาลที่ 4 มาเป็นแนวปฏิบัติควบคู่ไปกับปฏิปทาของพระอาจารย์คือ หลวงปู่สงฆ์วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของประชาชนโดยทั่วไป
หลวงปู่บุญมาได้เดินธุดงค์มาถึงปี พ.ศ.2506 ได้เดินธุดงค์มาถึงวัดเจ้าฟ้าศาลาลอย อ.เมือง จ.ชุมพร จึงได้เข้ากราบนมัสการหลวงปู่สงฆ์ และได้สนธนาธรรมกับหลวงปู่สงฆ์ จนเกิดความเลื่อมใสในบารมีธรรมของหลวงปู่สงฆ์เป็นอย่างมาก จึงฝากตัวเป็นศิษย์อยู่ศึกษาวิชากับหลวงปู่สงฆ์ เป็นเวลา 3 เดือน หลวงปู่สงฆ์จึงแนะนำให้หลวงปู่บุญมาหยุดเดินธุดงค์ และให้อยู่จำพรรษาที่วัดถ้ำโพงพาง ซึ่งเป็นวัดร้างแต่มีบรรยากาศร่มรื่น เหมาะแก่การวิปัสนากรรมฐาน อยู่ที่อ่าวทุ่งมะขาม ต.หาดทรายรี อ.เมืองจ.ชุมพร ด้านหน้าติดชายทะเลมีธรรมชาติที่สวยงาม ด้านหลังติดเชิงเขา มีถ้ำธรรมชาติอยู่ 2 แห่ง ซึ่งวัดนี้หลวงปู่สงฆ์เคยมาจำพรรษาวิปัสนากรรมฐานภายในถ้ำของวัดนี้ เพื่อให้หลวงปู่บุญมาช่วยพัฒนาวัดเพื่อเป็นเสาหลักให้ชาวบ้านได้ยึดเหนี่ยว หลวงปู่บุญมาจึงรับปากตกลงที่จะจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้จวบจนปัจจุบัน
ในด้านวิชาอาคมท่านได้รับการถ่ายทอดจากหลวงปู่สงฆ์ และไปฝากตัวเป็นศิษย์ของพ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน
ส่วนการสร้างวัตถุมงคล หลวงปู่บุญมาได้จัดสร้างวัตถุมงคลมาแล้วหลายรุ่น ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์เป็นที่ประจักษ์ เป็นที่กล่าวขานว่าดีทางด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ปลอดภัย คงกระพันชาตรี คุ้มครองป้องกันภัย ค้าขายเจริญรุ่งเรือง
และจากตำนานที่เล่าขานกันถึงประวัติหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ได้เหยียบน้ำทะเลจืดนั้น จากการคาดคะเนของนักวิชาการและนักประวัติศาสตร์ คาดว่า หลวงปู่ทวดได้เหยียบน้ำทะเลจืดในบริเวณทะเลเขตจังหวัดชุมพร ทางวัดถ้ำโพงพาง จึงได้จัดสร้างเหรียญหลวงพ่อทวดพิมพ์เสมาหน้าเลื่อนหลังหลวงปู่บุญมา ปภากโร รุ่นแรกขึ้น วัตถุมงคลรุ่นนี้ เน้นคุณวิเศษทางด้านเมตตามหานิยม โชคลาภค้าขายดี หน้าที่การงานก้าวหน้า เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง ปลดหนี้สิน คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดปลอดภัย เรียกว่าครอบจักรวาลเลยทีเดียว เฮง เฮง เฮง
ส่วนวัตถุประสงค์ในการจัดสร้างเพื่อนำปัจจัยร่วมสมทบทุนสร้างซุ้มประตูวัดถ้ำโพงพางให้แล้วเสร็จ
"เหรียญหลวงพ่อทวด หลวงปู่บุญมา หน้าเลื่อน รุ่นแรก รุ่นปลดหนี้ เฮง เฮง เฮง เนื้อทองแดงรมดำ" หลวงปู่บุญมา ปภากโร ยอดพระเกจิอาจารย์ผู้เคร่งเพียรวิปัสสนากรรมฐาน ปลุกเสกเดี่ยวอย่างเข้มขลัง เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2556 จำนวน 2,999 เหรียญ
บูชา 1,500.-บาท+ค่าจัดส่ง EMS.50.-บาท
โทร.081-661-9989, 083-956-6942
Email:kobsub@hotmail.com
LINE ID:kobsub
กอบทรัพย์ สมบูรณ์พร
ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา นครปฐม
บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 519-2-62901-1 -
หลวงพ่อทวด หลวงปู่บุญมา หน้าเลื่อน รุ่นแรก รุ่นปลดหนี้ เฮง เฮง เฮง เนื้อทองแดงหน้าอัลปาก้า หลวงปู่บุญมา
"หลวงปู่บุญมา ปภากโร" พระอริยสงฆ์ที่ปล่อยวางละแล้วซึ่งกิเลสตัณหา ถือสันโดษ มักน้อย พูดน้อย ถ่อมตน มีเมตตาธรรมสูง เป็นพระผู้มีแต่ให้ หากใครได้ไปกราบไหว้หรือได้สัมผัสใกล้ชิดท่าน จะมีความรู้สึกว่าท่านมีความเมตตาอย่างสูง ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง อนุเคราะห์ช่วยเหลือทุกคนเท่าเทียมกันหมด สมแล้วกับสมญานาม "หลวงปู่บุญมา เทพเจ้าแห่งความเมตตา" วัดถ้ำโพงพาง ต.หาดทรายรี อ.เมือง จ.ชุมพร
หลวงปู่บุญมา ถือกำเนิดเมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ.2469 ตรงกับปีขาลขึ้น 12 ค่ำ เดือน 1 (อ้าย) อัฏฐศก จ.ศ.1288 (ร.ศ.145) อธิมาส (เดือน 8 สองหน) ณ บ้านโคกสะบ้าหนึ่ง หมู่ที่ 4 ต.นาบินหลา อ.เมือง จ.ตรัง
เมื่ออายุได้ 15 ปี เข้าบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดใกล้บ้าน และศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปี และในขณะที่บวชเณรได้ 5 พรรษา มีอายุครบ 20 ปีบริบุูรณ์ ต้องเข้ารับการคัดเลือกทหาร และจับได้ใบดำต้องรับราชการทหารอยู่ 2 ปี หลังปลดประจำการได้ครองเรือนตามวิสัยฆราวาส จนมีอายุได้ 25 ปี จึงอุปสมบทที่วัดปากจ่า ต.ควนโส อ.รัตภูมิ จ.สงขลา เมื่อปี พ.ศ. 2494 โดยมีพระครูพิทักษ์ธรรมคุณ (เลี่ยม จันทสโร) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์พร้อม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์คล้าว กตปุญโญ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "ปภากโร" ซึ่งมีความหมายว่า "ผู้ทำแสงสว่างให้เจิดจ้า"
หลวงปู่บุญมาได้จำพรรษาและศึกษาพระธรรมวินัยอยู่ที่วัดปากจ่า จนสอบได้นักธรรมตรี โท เอก ตามลำดับ และได้ฝึกปฏิบัติธรรมกับพระอาจารย์เกลื่อน วัดชายนา จ.นครศรีธรรมราช ต่อมาได้เดินทางมาศึกษาวิชาวิปัสนากรรมฐานที่วัดมหาธาตุกรุงเทพฯ จนถึงปี พ.ศ.2500 ได้ติดตามพระอาจารย์แป้น ธัมมสโร ออกธุดงควัตรเป็นเวลา 3 ปี จนมีวิชาแก่กล้าจึงขอลาพระอาจารย์แป้น เพื่อธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ อาทิ ลงภาคใต้ ไปภาคเหนือ อิสาน และธุดงค์เข้าประเทศพม่า ลาว เขมร เป็นต้น ในช่วงเวลาธุดงค์อยู่ทางภาคใต้ ได้ฝากตัวเป็นศิษย์และศึกษาวิชาจากหลวงพ่อคล้าย วัดสวนขันด้วย
อนึ่งในช่วงที่ท่านเดินธุดงค์ไปที่เขาชัยสน จ.พัทลุง ในคืนหนึ่งขณะนั่งสมาธิได้นิมิตเห็น ในบริเวณป่าเขาที่อยู่ไม่ไกลจากที่นั่งนี้มีเหวลึก ในเหวนั้นมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์และเจดีย์อยู่ รุ่งเช้าท่านจึงเดินทางไปดูตามนิมิตก็เห็นเป็นจริงตามนั้น
อีกครั้งหนึ่งหลังจากท่านนั่งสมาธิตามปกติ เมื่อจิตหยั่งลงสู่สมาธิเป็น “เอกจิต” แล้ว ท่านได้เห็นพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เสด็จมาหา โดยพระองค์ได้ตรัสกับท่านว่า “ท่านบุญมา มาอยู่ที่นี่แล้ว ไม่รู้อะไรดอกหรือ” ท่านได้ถวายพระพรถามไปว่า “มหาบพิตรมีอะไรดี ก็ขอบอกแก่อาตมาบ้าง” พระองค์ตรัสว่า “ถ้าอย่างนั้นก็คอยจดจำไว้ให้ดี ฉันจะบอกให้ คาถานี้เป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ที่ฉันได้ใช้มาตั้งแต่ยังผนวชเป็นพระภิกษุอยู่” ในนิมิตนั้นท่านได้เห็นแผ่นป้ายหินชนวนขนาดใหญ่สีดำ รัชกาลที่ 4 ได้เขียนพระคาถาให้ท่องจำซึ่งมีทั้งหมด 11 พระคาถา มีชื่อว่า “รัตตนัตตะยะปะภาวาภิยาจะนะคาถา” พระองค์ทรงใช้มาตั้งแต่ครั้งผนวชอยู่ที่วัดสมอราย (วัดราชาธิวาส) และเมื่อทรงย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศ ก็ทรงใช้เจริญภาวนามาจนถึงวันที่ทรงลาผนวชออกมาครองราชย์ และใช้ภาวนาสวดมนต์จนถึงวันสุดท้ายของพระชนม์ชีพ
ทั้งนี้ หลวงปู่บุญมาท่านได้ยึดพระคาถาของรัชกาลที่ 4 มาเป็นแนวปฏิบัติควบคู่ไปกับปฏิปทาของพระอาจารย์คือ หลวงปู่สงฆ์วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของประชาชนโดยทั่วไป
หลวงปู่บุญมาได้เดินธุดงค์มาถึงปี พ.ศ.2506 ได้เดินธุดงค์มาถึงวัดเจ้าฟ้าศาลาลอย อ.เมือง จ.ชุมพร จึงได้เข้ากราบนมัสการหลวงปู่สงฆ์ และได้สนธนาธรรมกับหลวงปู่สงฆ์ จนเกิดความเลื่อมใสในบารมีธรรมของหลวงปู่สงฆ์เป็นอย่างมาก จึงฝากตัวเป็นศิษย์อยู่ศึกษาวิชากับหลวงปู่สงฆ์ เป็นเวลา 3 เดือน หลวงปู่สงฆ์จึงแนะนำให้หลวงปู่บุญมาหยุดเดินธุดงค์ และให้อยู่จำพรรษาที่วัดถ้ำโพงพาง ซึ่งเป็นวัดร้างแต่มีบรรยากาศร่มรื่น เหมาะแก่การวิปัสนากรรมฐาน อยู่ที่อ่าวทุ่งมะขาม ต.หาดทรายรี อ.เมืองจ.ชุมพร ด้านหน้าติดชายทะเลมีธรรมชาติที่สวยงาม ด้านหลังติดเชิงเขา มีถ้ำธรรมชาติอยู่ 2 แห่ง ซึ่งวัดนี้หลวงปู่สงฆ์เคยมาจำพรรษาวิปัสนากรรมฐานภายในถ้ำของวัดนี้ เพื่อให้หลวงปู่บุญมาช่วยพัฒนาวัดเพื่อเป็นเสาหลักให้ชาวบ้านได้ยึดเหนี่ยว หลวงปู่บุญมาจึงรับปากตกลงที่จะจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้จวบจนปัจจุบัน
ในด้านวิชาอาคมท่านได้รับการถ่ายทอดจากหลวงปู่สงฆ์ และไปฝากตัวเป็นศิษย์ของพ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน
ส่วนการสร้างวัตถุมงคล หลวงปู่บุญมาได้จัดสร้างวัตถุมงคลมาแล้วหลายรุ่น ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์เป็นที่ประจักษ์ เป็นที่กล่าวขานว่าดีทางด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ปลอดภัย คงกระพันชาตรี คุ้มครองป้องกันภัย ค้าขายเจริญรุ่งเรือง
และจากตำนานที่เล่าขานกันถึงประวัติหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ได้เหยียบน้ำทะเลจืดนั้น จากการคาดคะเนของนักวิชาการและนักประวัติศาสตร์ คาดว่า หลวงปู่ทวดได้เหยียบน้ำทะเลจืดในบริเวณทะเลเขตจังหวัดชุมพร ทางวัดถ้ำโพงพาง จึงได้จัดสร้างเหรียญหลวงพ่อทวดพิมพ์เสมาหน้าเลื่อนหลังหลวงปู่บุญมา ปภากโร รุ่นแรกขึ้น วัตถุมงคลรุ่นนี้ เน้นคุณวิเศษทางด้านเมตตามหานิยม โชคลาภค้าขายดี หน้าที่การงานก้าวหน้า เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง ปลดหนี้สิน คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดปลอดภัย เรียกว่าครอบจักรวาลเลยทีเดียว เฮง เฮง เฮง
ส่วนวัตถุประสงค์ในการจัดสร้างเพื่อนำปัจจัยร่วมสมทบทุนสร้างซุ้มประตูวัดถ้ำโพงพางให้แล้วเสร็จ
"เหรียญหลวงพ่อทวด หลวงปู่บุญมา หน้าเลื่อน รุ่นแรก รุ่นปลดหนี้ เฮง เฮง เฮง เนื้อทองแดงหน้าอัลปาก้า" หลวงปู่บุญมา ปภากโร ยอดพระเกจิอาจารย์ผู้เคร่งเพียรวิปัสสนากรรมฐาน ปลุกเสกเดี่ยวอย่างเข้มขลัง เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2556 จำนวน 999 เหรียญ
บูชา 1,800.-บาท+ค่าจัดส่ง EMS.50.-บาท
โทร.081-661-9989, 083-956-6942
Email:kobsub@hotmail.com
LINE ID:kobsub
กอบทรัพย์ สมบูรณ์พร
ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา นครปฐม
บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 519-2-62901-1
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
หลวงพ่อทวด หลวงปู่บุญมา หน้าเลื่อน รุ่นแรก รุ่นปลดหนี้ เฮง เฮง เฮง เนื้ออัลปาก้า หลวงปู่บุญมา
"หลวงปู่บุญมา ปภากโร" พระอริยสงฆ์ที่ปล่อยวางละแล้วซึ่งกิเลสตัณหา ถือสันโดษ มักน้อย พูดน้อย ถ่อมตน มีเมตตาธรรมสูง เป็นพระผู้มีแต่ให้ หากใครได้ไปกราบไหว้หรือได้สัมผัสใกล้ชิดท่าน จะมีความรู้สึกว่าท่านมีความเมตตาอย่างสูง ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง อนุเคราะห์ช่วยเหลือทุกคนเท่าเทียมกันหมด สมแล้วกับสมญานาม "หลวงปู่บุญมา เทพเจ้าแห่งความเมตตา" วัดถ้ำโพงพาง ต.หาดทรายรี อ.เมือง จ.ชุมพร
หลวงปู่บุญมา ถือกำเนิดเมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ.2469 ตรงกับปีขาลขึ้น 12 ค่ำ เดือน 1 (อ้าย) อัฏฐศก จ.ศ.1288 (ร.ศ.145) อธิมาส (เดือน 8 สองหน) ณ บ้านโคกสะบ้าหนึ่ง หมู่ที่ 4 ต.นาบินหลา อ.เมือง จ.ตรัง
เมื่ออายุได้ 15 ปี เข้าบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดใกล้บ้าน และศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปี และในขณะที่บวชเณรได้ 5 พรรษา มีอายุครบ 20 ปีบริบุูรณ์ ต้องเข้ารับการคัดเลือกทหาร และจับได้ใบดำต้องรับราชการทหารอยู่ 2 ปี หลังปลดประจำการได้ครองเรือนตามวิสัยฆราวาส จนมีอายุได้ 25 ปี จึงอุปสมบทที่วัดปากจ่า ต.ควนโส อ.รัตภูมิ จ.สงขลา เมื่อปี พ.ศ. 2494 โดยมีพระครูพิทักษ์ธรรมคุณ (เลี่ยม จันทสโร) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์พร้อม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์คล้าว กตปุญโญ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "ปภากโร" ซึ่งมีความหมายว่า "ผู้ทำแสงสว่างให้เจิดจ้า"
หลวงปู่บุญมาได้จำพรรษาและศึกษาพระธรรมวินัยอยู่ที่วัดปากจ่า จนสอบได้นักธรรมตรี โท เอก ตามลำดับ และได้ฝึกปฏิบัติธรรมกับพระอาจารย์เกลื่อน วัดชายนา จ.นครศรีธรรมราช ต่อมาได้เดินทางมาศึกษาวิชาวิปัสนากรรมฐานที่วัดมหาธาตุกรุงเทพฯ จนถึงปี พ.ศ.2500 ได้ติดตามพระอาจารย์แป้น ธัมมสโร ออกธุดงควัตรเป็นเวลา 3 ปี จนมีวิชาแก่กล้าจึงขอลาพระอาจารย์แป้น เพื่อธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ อาทิ ลงภาคใต้ ไปภาคเหนือ อิสาน และธุดงค์เข้าประเทศพม่า ลาว เขมร เป็นต้น ในช่วงเวลาธุดงค์อยู่ทางภาคใต้ ได้ฝากตัวเป็นศิษย์และศึกษาวิชาจากหลวงพ่อคล้าย วัดสวนขันด้วย
อนึ่งในช่วงที่ท่านเดินธุดงค์ไปที่เขาชัยสน จ.พัทลุง ในคืนหนึ่งขณะนั่งสมาธิได้นิมิตเห็น ในบริเวณป่าเขาที่อยู่ไม่ไกลจากที่นั่งนี้มีเหวลึก ในเหวนั้นมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์และเจดีย์อยู่ รุ่งเช้าท่านจึงเดินทางไปดูตามนิมิตก็เห็นเป็นจริงตามนั้น
อีกครั้งหนึ่งหลังจากท่านนั่งสมาธิตามปกติ เมื่อจิตหยั่งลงสู่สมาธิเป็น “เอกจิต” แล้ว ท่านได้เห็นพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เสด็จมาหา โดยพระองค์ได้ตรัสกับท่านว่า “ท่านบุญมา มาอยู่ที่นี่แล้ว ไม่รู้อะไรดอกหรือ” ท่านได้ถวายพระพรถามไปว่า “มหาบพิตรมีอะไรดี ก็ขอบอกแก่อาตมาบ้าง” พระองค์ตรัสว่า “ถ้าอย่างนั้นก็คอยจดจำไว้ให้ดี ฉันจะบอกให้ คาถานี้เป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ที่ฉันได้ใช้มาตั้งแต่ยังผนวชเป็นพระภิกษุอยู่” ในนิมิตนั้นท่านได้เห็นแผ่นป้ายหินชนวนขนาดใหญ่สีดำ รัชกาลที่ 4 ได้เขียนพระคาถาให้ท่องจำซึ่งมีทั้งหมด 11 พระคาถา มีชื่อว่า “รัตตนัตตะยะปะภาวาภิยาจะนะคาถา” พระองค์ทรงใช้มาตั้งแต่ครั้งผนวชอยู่ที่วัดสมอราย (วัดราชาธิวาส) และเมื่อทรงย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศ ก็ทรงใช้เจริญภาวนามาจนถึงวันที่ทรงลาผนวชออกมาครองราชย์ และใช้ภาวนาสวดมนต์จนถึงวันสุดท้ายของพระชนม์ชีพ
ทั้งนี้ หลวงปู่บุญมาท่านได้ยึดพระคาถาของรัชกาลที่ 4 มาเป็นแนวปฏิบัติควบคู่ไปกับปฏิปทาของพระอาจารย์คือ หลวงปู่สงฆ์วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของประชาชนโดยทั่วไป
หลวงปู่บุญมาได้เดินธุดงค์มาถึงปี พ.ศ.2506 ได้เดินธุดงค์มาถึงวัดเจ้าฟ้าศาลาลอย อ.เมือง จ.ชุมพร จึงได้เข้ากราบนมัสการหลวงปู่สงฆ์ และได้สนธนาธรรมกับหลวงปู่สงฆ์ จนเกิดความเลื่อมใสในบารมีธรรมของหลวงปู่สงฆ์เป็นอย่างมาก จึงฝากตัวเป็นศิษย์อยู่ศึกษาวิชากับหลวงปู่สงฆ์ เป็นเวลา 3 เดือน หลวงปู่สงฆ์จึงแนะนำให้หลวงปู่บุญมาหยุดเดินธุดงค์ และให้อยู่จำพรรษาที่วัดถ้ำโพงพาง ซึ่งเป็นวัดร้างแต่มีบรรยากาศร่มรื่น เหมาะแก่การวิปัสนากรรมฐาน อยู่ที่อ่าวทุ่งมะขาม ต.หาดทรายรี อ.เมืองจ.ชุมพร ด้านหน้าติดชายทะเลมีธรรมชาติที่สวยงาม ด้านหลังติดเชิงเขา มีถ้ำธรรมชาติอยู่ 2 แห่ง ซึ่งวัดนี้หลวงปู่สงฆ์เคยมาจำพรรษาวิปัสนากรรมฐานภายในถ้ำของวัดนี้ เพื่อให้หลวงปู่บุญมาช่วยพัฒนาวัดเพื่อเป็นเสาหลักให้ชาวบ้านได้ยึดเหนี่ยว หลวงปู่บุญมาจึงรับปากตกลงที่จะจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้จวบจนปัจจุบัน
ในด้านวิชาอาคมท่านได้รับการถ่ายทอดจากหลวงปู่สงฆ์ และไปฝากตัวเป็นศิษย์ของพ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน
ส่วนการสร้างวัตถุมงคล หลวงปู่บุญมาได้จัดสร้างวัตถุมงคลมาแล้วหลายรุ่น ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์เป็นที่ประจักษ์ เป็นที่กล่าวขานว่าดีทางด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ปลอดภัย คงกระพันชาตรี คุ้มครองป้องกันภัย ค้าขายเจริญรุ่งเรือง
และจากตำนานที่เล่าขานกันถึงประวัติหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ได้เหยียบน้ำทะเลจืดนั้น จากการคาดคะเนของนักวิชาการและนักประวัติศาสตร์ คาดว่า หลวงปู่ทวดได้เหยียบน้ำทะเลจืดในบริเวณทะเลเขตจังหวัดชุมพร ทางวัดถ้ำโพงพาง จึงได้จัดสร้างเหรียญหลวงพ่อทวดพิมพ์เสมาหน้าเลื่อนหลังหลวงปู่บุญมา ปภากโร รุ่นแรกขึ้น วัตถุมงคลรุ่นนี้ เน้นคุณวิเศษทางด้านเมตตามหานิยม โชคลาภค้าขายดี หน้าที่การงานก้าวหน้า เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง ปลดหนี้สิน คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดปลอดภัย เรียกว่าครอบจักรวาลเลยทีเดียว เฮง เฮง เฮง
ส่วนวัตถุประสงค์ในการจัดสร้างเพื่อนำปัจจัยร่วมสมทบทุนสร้างซุ้มประตูวัดถ้ำโพงพางให้แล้วเสร็จ
"เหรียญหลวงพ่อทวด หลวงปู่บุญมา หน้าเลื่อน รุ่นแรก รุ่นปลดหนี้ เฮง เฮง เฮง เนื้ออัลปาก้า" หลวงปู่บุญมา ปภากโร ยอดพระเกจิอาจารย์ผู้เคร่งเพียรวิปัสสนากรรมฐาน ปลุกเสกเดี่ยวอย่างเข้มขลัง เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2556 จำนวน 1,999 เหรียญ
บูชา 2,000.-บาท+ค่าจัดส่ง EMS.50.-บาท
โทร.081-661-9989, 083-956-6942
Email:kobsub@hotmail.com
LINE ID:kobsub
กอบทรัพย์ สมบูรณ์พร
ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา นครปฐม
บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 519-2-62901-1
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
หลวงพ่อทวด หลวงปู่บุญมา หน้าเลื่อน รุ่นแรก รุ่นปลดหนี้ เฮง เฮง เฮง เนื้ออัลปาก้าหน้าทองฝาบาตร หลวงปู่บุญมา
"หลวงปู่บุญมา ปภากโร" พระอริยสงฆ์ที่ปล่อยวางละแล้วซึ่งกิเลสตัณหา ถือสันโดษ มักน้อย พูดน้อย ถ่อมตน มีเมตตาธรรมสูง เป็นพระผู้มีแต่ให้ หากใครได้ไปกราบไหว้หรือได้สัมผัสใกล้ชิดท่าน จะมีความรู้สึกว่าท่านมีความเมตตาอย่างสูง ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง อนุเคราะห์ช่วยเหลือทุกคนเท่าเทียมกันหมด สมแล้วกับสมญานาม "หลวงปู่บุญมา เทพเจ้าแห่งความเมตตา" วัดถ้ำโพงพาง ต.หาดทรายรี อ.เมือง จ.ชุมพร
หลวงปู่บุญมา ถือกำเนิดเมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ.2469 ตรงกับปีขาลขึ้น 12 ค่ำ เดือน 1 (อ้าย) อัฏฐศก จ.ศ.1288 (ร.ศ.145) อธิมาส (เดือน 8 สองหน) ณ บ้านโคกสะบ้าหนึ่ง หมู่ที่ 4 ต.นาบินหลา อ.เมือง จ.ตรัง
เมื่ออายุได้ 15 ปี เข้าบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดใกล้บ้าน และศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปี และในขณะที่บวชเณรได้ 5 พรรษา มีอายุครบ 20 ปีบริบุูรณ์ ต้องเข้ารับการคัดเลือกทหาร และจับได้ใบดำต้องรับราชการทหารอยู่ 2 ปี หลังปลดประจำการได้ครองเรือนตามวิสัยฆราวาส จนมีอายุได้ 25 ปี จึงอุปสมบทที่วัดปากจ่า ต.ควนโส อ.รัตภูมิ จ.สงขลา เมื่อปี พ.ศ. 2494 โดยมีพระครูพิทักษ์ธรรมคุณ (เลี่ยม จันทสโร) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์พร้อม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์คล้าว กตปุญโญ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "ปภากโร" ซึ่งมีความหมายว่า "ผู้ทำแสงสว่างให้เจิดจ้า"
หลวงปู่บุญมาได้จำพรรษาและศึกษาพระธรรมวินัยอยู่ที่วัดปากจ่า จนสอบได้นักธรรมตรี โท เอก ตามลำดับ และได้ฝึกปฏิบัติธรรมกับพระอาจารย์เกลื่อน วัดชายนา จ.นครศรีธรรมราช ต่อมาได้เดินทางมาศึกษาวิชาวิปัสนากรรมฐานที่วัดมหาธาตุกรุงเทพฯ จนถึงปี พ.ศ.2500 ได้ติดตามพระอาจารย์แป้น ธัมมสโร ออกธุดงควัตรเป็นเวลา 3 ปี จนมีวิชาแก่กล้าจึงขอลาพระอาจารย์แป้น เพื่อธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ อาทิ ลงภาคใต้ ไปภาคเหนือ อิสาน และธุดงค์เข้าประเทศพม่า ลาว เขมร เป็นต้น ในช่วงเวลาธุดงค์อยู่ทางภาคใต้ ได้ฝากตัวเป็นศิษย์และศึกษาวิชาจากหลวงพ่อคล้าย วัดสวนขันด้วย
อนึ่งในช่วงที่ท่านเดินธุดงค์ไปที่เขาชัยสน จ.พัทลุง ในคืนหนึ่งขณะนั่งสมาธิได้นิมิตเห็น ในบริเวณป่าเขาที่อยู่ไม่ไกลจากที่นั่งนี้มีเหวลึก ในเหวนั้นมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์และเจดีย์อยู่ รุ่งเช้าท่านจึงเดินทางไปดูตามนิมิตก็เห็นเป็นจริงตามนั้น
อีกครั้งหนึ่งหลังจากท่านนั่งสมาธิตามปกติ เมื่อจิตหยั่งลงสู่สมาธิเป็น “เอกจิต” แล้ว ท่านได้เห็นพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เสด็จมาหา โดยพระองค์ได้ตรัสกับท่านว่า “ท่านบุญมา มาอยู่ที่นี่แล้ว ไม่รู้อะไรดอกหรือ” ท่านได้ถวายพระพรถามไปว่า “มหาบพิตรมีอะไรดี ก็ขอบอกแก่อาตมาบ้าง” พระองค์ตรัสว่า “ถ้าอย่างนั้นก็คอยจดจำไว้ให้ดี ฉันจะบอกให้ คาถานี้เป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ที่ฉันได้ใช้มาตั้งแต่ยังผนวชเป็นพระภิกษุอยู่” ในนิมิตนั้นท่านได้เห็นแผ่นป้ายหินชนวนขนาดใหญ่สีดำ รัชกาลที่ 4 ได้เขียนพระคาถาให้ท่องจำซึ่งมีทั้งหมด 11 พระคาถา มีชื่อว่า “รัตตนัตตะยะปะภาวาภิยาจะนะคาถา” พระองค์ทรงใช้มาตั้งแต่ครั้งผนวชอยู่ที่วัดสมอราย (วัดราชาธิวาส) และเมื่อทรงย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศ ก็ทรงใช้เจริญภาวนามาจนถึงวันที่ทรงลาผนวชออกมาครองราชย์ และใช้ภาวนาสวดมนต์จนถึงวันสุดท้ายของพระชนม์ชีพ
ทั้งนี้ หลวงปู่บุญมาท่านได้ยึดพระคาถาของรัชกาลที่ 4 มาเป็นแนวปฏิบัติควบคู่ไปกับปฏิปทาของพระอาจารย์คือ หลวงปู่สงฆ์วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของประชาชนโดยทั่วไป
หลวงปู่บุญมาได้เดินธุดงค์มาถึงปี พ.ศ.2506 ได้เดินธุดงค์มาถึงวัดเจ้าฟ้าศาลาลอย อ.เมือง จ.ชุมพร จึงได้เข้ากราบนมัสการหลวงปู่สงฆ์ และได้สนธนาธรรมกับหลวงปู่สงฆ์ จนเกิดความเลื่อมใสในบารมีธรรมของหลวงปู่สงฆ์เป็นอย่างมาก จึงฝากตัวเป็นศิษย์อยู่ศึกษาวิชากับหลวงปู่สงฆ์ เป็นเวลา 3 เดือน หลวงปู่สงฆ์จึงแนะนำให้หลวงปู่บุญมาหยุดเดินธุดงค์ และให้อยู่จำพรรษาที่วัดถ้ำโพงพาง ซึ่งเป็นวัดร้างแต่มีบรรยากาศร่มรื่น เหมาะแก่การวิปัสนากรรมฐาน อยู่ที่อ่าวทุ่งมะขาม ต.หาดทรายรี อ.เมืองจ.ชุมพร ด้านหน้าติดชายทะเลมีธรรมชาติที่สวยงาม ด้านหลังติดเชิงเขา มีถ้ำธรรมชาติอยู่ 2 แห่ง ซึ่งวัดนี้หลวงปู่สงฆ์เคยมาจำพรรษาวิปัสนากรรมฐานภายในถ้ำของวัดนี้ เพื่อให้หลวงปู่บุญมาช่วยพัฒนาวัดเพื่อเป็นเสาหลักให้ชาวบ้านได้ยึดเหนี่ยว หลวงปู่บุญมาจึงรับปากตกลงที่จะจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้จวบจนปัจจุบัน
ในด้านวิชาอาคมท่านได้รับการถ่ายทอดจากหลวงปู่สงฆ์ และไปฝากตัวเป็นศิษย์ของพ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน
ส่วนการสร้างวัตถุมงคล หลวงปู่บุญมาได้จัดสร้างวัตถุมงคลมาแล้วหลายรุ่น ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์เป็นที่ประจักษ์ เป็นที่กล่าวขานว่าดีทางด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ปลอดภัย คงกระพันชาตรี คุ้มครองป้องกันภัย ค้าขายเจริญรุ่งเรือง
และจากตำนานที่เล่าขานกันถึงประวัติหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ได้เหยียบน้ำทะเลจืดนั้น จากการคาดคะเนของนักวิชาการและนักประวัติศาสตร์ คาดว่า หลวงปู่ทวดได้เหยียบน้ำทะเลจืดในบริเวณทะเลเขตจังหวัดชุมพร ทางวัดถ้ำโพงพาง จึงได้จัดสร้างเหรียญหลวงพ่อทวดพิมพ์เสมาหน้าเลื่อนหลังหลวงปู่บุญมา ปภากโร รุ่นแรกขึ้น วัตถุมงคลรุ่นนี้ เน้นคุณวิเศษทางด้านเมตตามหานิยม โชคลาภค้าขายดี หน้าที่การงานก้าวหน้า เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง ปลดหนี้สิน คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดปลอดภัย เรียกว่าครอบจักรวาลเลยทีเดียว เฮง เฮง เฮง
ส่วนวัตถุประสงค์ในการจัดสร้างเพื่อนำปัจจัยร่วมสมทบทุนสร้างซุ้มประตูวัดถ้ำโพงพางให้แล้วเสร็จ
"เหรียญหลวงพ่อทวด หลวงปู่บุญมา หน้าเลื่อน รุ่นแรก รุ่นปลดหนี้ เฮง เฮง เฮง เนื้ออัลปาก้าหน้าทองฝาบาตร" หลวงปู่บุญมา ปภากโร ยอดพระเกจิอาจารย์ผู้เคร่งเพียรวิปัสสนากรรมฐาน ปลุกเสกเดี่ยวอย่างเข้มขลัง เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2556 จำนวน 999 เหรียญ
บูชา 2,300.-บาท+ค่าจัดส่ง EMS.50.-บาท
โทร.081-661-9989, 083-956-6942
Email:kobsub@hotmail.com
LINE ID:kobsub
กอบทรัพย์ สมบูรณ์พร
ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา นครปฐม
บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 519-2-62901-1
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
หลวงพ่อทวด หลวงปู่บุญมา หน้าเลื่อน รุ่นแรก รุ่นปลดหนี้ เฮง เฮง เฮง เนื้อนวะโลหะ หลวงปู่บุญมา
"หลวงปู่บุญมา ปภากโร" พระอริยสงฆ์ที่ปล่อยวางละแล้วซึ่งกิเลสตัณหา ถือสันโดษ มักน้อย พูดน้อย ถ่อมตน มีเมตตาธรรมสูง เป็นพระผู้มีแต่ให้ หากใครได้ไปกราบไหว้หรือได้สัมผัสใกล้ชิดท่าน จะมีความรู้สึกว่าท่านมีความเมตตาอย่างสูง ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง อนุเคราะห์ช่วยเหลือทุกคนเท่าเทียมกันหมด สมแล้วกับสมญานาม "หลวงปู่บุญมา เทพเจ้าแห่งความเมตตา" วัดถ้ำโพงพาง ต.หาดทรายรี อ.เมือง จ.ชุมพร
หลวงปู่บุญมา ถือกำเนิดเมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ.2469 ตรงกับปีขาลขึ้น 12 ค่ำ เดือน 1 (อ้าย) อัฏฐศก จ.ศ.1288 (ร.ศ.145) อธิมาส (เดือน 8 สองหน) ณ บ้านโคกสะบ้าหนึ่ง หมู่ที่ 4 ต.นาบินหลา อ.เมือง จ.ตรัง
เมื่ออายุได้ 15 ปี เข้าบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดใกล้บ้าน และศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปี และในขณะที่บวชเณรได้ 5 พรรษา มีอายุครบ 20 ปีบริบุูรณ์ ต้องเข้ารับการคัดเลือกทหาร และจับได้ใบดำต้องรับราชการทหารอยู่ 2 ปี หลังปลดประจำการได้ครองเรือนตามวิสัยฆราวาส จนมีอายุได้ 25 ปี จึงอุปสมบทที่วัดปากจ่า ต.ควนโส อ.รัตภูมิ จ.สงขลา เมื่อปี พ.ศ. 2494 โดยมีพระครูพิทักษ์ธรรมคุณ (เลี่ยม จันทสโร) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์พร้อม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์คล้าว กตปุญโญ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "ปภากโร" ซึ่งมีความหมายว่า "ผู้ทำแสงสว่างให้เจิดจ้า"
หลวงปู่บุญมาได้จำพรรษาและศึกษาพระธรรมวินัยอยู่ที่วัดปากจ่า จนสอบได้นักธรรมตรี โท เอก ตามลำดับ และได้ฝึกปฏิบัติธรรมกับพระอาจารย์เกลื่อน วัดชายนา จ.นครศรีธรรมราช ต่อมาได้เดินทางมาศึกษาวิชาวิปัสนากรรมฐานที่วัดมหาธาตุกรุงเทพฯ จนถึงปี พ.ศ.2500 ได้ติดตามพระอาจารย์แป้น ธัมมสโร ออกธุดงควัตรเป็นเวลา 3 ปี จนมีวิชาแก่กล้าจึงขอลาพระอาจารย์แป้น เพื่อธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ อาทิ ลงภาคใต้ ไปภาคเหนือ อิสาน และธุดงค์เข้าประเทศพม่า ลาว เขมร เป็นต้น ในช่วงเวลาธุดงค์อยู่ทางภาคใต้ ได้ฝากตัวเป็นศิษย์และศึกษาวิชาจากหลวงพ่อคล้าย วัดสวนขันด้วย
อนึ่งในช่วงที่ท่านเดินธุดงค์ไปที่เขาชัยสน จ.พัทลุง ในคืนหนึ่งขณะนั่งสมาธิได้นิมิตเห็น ในบริเวณป่าเขาที่อยู่ไม่ไกลจากที่นั่งนี้มีเหวลึก ในเหวนั้นมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์และเจดีย์อยู่ รุ่งเช้าท่านจึงเดินทางไปดูตามนิมิตก็เห็นเป็นจริงตามนั้น
อีกครั้งหนึ่งหลังจากท่านนั่งสมาธิตามปกติ เมื่อจิตหยั่งลงสู่สมาธิเป็น “เอกจิต” แล้ว ท่านได้เห็นพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เสด็จมาหา โดยพระองค์ได้ตรัสกับท่านว่า “ท่านบุญมา มาอยู่ที่นี่แล้ว ไม่รู้อะไรดอกหรือ” ท่านได้ถวายพระพรถามไปว่า “มหาบพิตรมีอะไรดี ก็ขอบอกแก่อาตมาบ้าง” พระองค์ตรัสว่า “ถ้าอย่างนั้นก็คอยจดจำไว้ให้ดี ฉันจะบอกให้ คาถานี้เป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ที่ฉันได้ใช้มาตั้งแต่ยังผนวชเป็นพระภิกษุอยู่” ในนิมิตนั้นท่านได้เห็นแผ่นป้ายหินชนวนขนาดใหญ่สีดำ รัชกาลที่ 4 ได้เขียนพระคาถาให้ท่องจำซึ่งมีทั้งหมด 11 พระคาถา มีชื่อว่า “รัตตนัตตะยะปะภาวาภิยาจะนะคาถา” พระองค์ทรงใช้มาตั้งแต่ครั้งผนวชอยู่ที่วัดสมอราย (วัดราชาธิวาส) และเมื่อทรงย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศ ก็ทรงใช้เจริญภาวนามาจนถึงวันที่ทรงลาผนวชออกมาครองราชย์ และใช้ภาวนาสวดมนต์จนถึงวันสุดท้ายของพระชนม์ชีพ
ทั้งนี้ หลวงปู่บุญมาท่านได้ยึดพระคาถาของรัชกาลที่ 4 มาเป็นแนวปฏิบัติควบคู่ไปกับปฏิปทาของพระอาจารย์คือ หลวงปู่สงฆ์วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของประชาชนโดยทั่วไป
หลวงปู่บุญมาได้เดินธุดงค์มาถึงปี พ.ศ.2506 ได้เดินธุดงค์มาถึงวัดเจ้าฟ้าศาลาลอย อ.เมือง จ.ชุมพร จึงได้เข้ากราบนมัสการหลวงปู่สงฆ์ และได้สนธนาธรรมกับหลวงปู่สงฆ์ จนเกิดความเลื่อมใสในบารมีธรรมของหลวงปู่สงฆ์เป็นอย่างมาก จึงฝากตัวเป็นศิษย์อยู่ศึกษาวิชากับหลวงปู่สงฆ์ เป็นเวลา 3 เดือน หลวงปู่สงฆ์จึงแนะนำให้หลวงปู่บุญมาหยุดเดินธุดงค์ และให้อยู่จำพรรษาที่วัดถ้ำโพงพาง ซึ่งเป็นวัดร้างแต่มีบรรยากาศร่มรื่น เหมาะแก่การวิปัสนากรรมฐาน อยู่ที่อ่าวทุ่งมะขาม ต.หาดทรายรี อ.เมืองจ.ชุมพร ด้านหน้าติดชายทะเลมีธรรมชาติที่สวยงาม ด้านหลังติดเชิงเขา มีถ้ำธรรมชาติอยู่ 2 แห่ง ซึ่งวัดนี้หลวงปู่สงฆ์เคยมาจำพรรษาวิปัสนากรรมฐานภายในถ้ำของวัดนี้ เพื่อให้หลวงปู่บุญมาช่วยพัฒนาวัดเพื่อเป็นเสาหลักให้ชาวบ้านได้ยึดเหนี่ยว หลวงปู่บุญมาจึงรับปากตกลงที่จะจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้จวบจนปัจจุบัน
ในด้านวิชาอาคมท่านได้รับการถ่ายทอดจากหลวงปู่สงฆ์ และไปฝากตัวเป็นศิษย์ของพ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน
ส่วนการสร้างวัตถุมงคล หลวงปู่บุญมาได้จัดสร้างวัตถุมงคลมาแล้วหลายรุ่น ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์เป็นที่ประจักษ์ เป็นที่กล่าวขานว่าดีทางด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ปลอดภัย คงกระพันชาตรี คุ้มครองป้องกันภัย ค้าขายเจริญรุ่งเรือง
และจากตำนานที่เล่าขานกันถึงประวัติหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ได้เหยียบน้ำทะเลจืดนั้น จากการคาดคะเนของนักวิชาการและนักประวัติศาสตร์ คาดว่า หลวงปู่ทวดได้เหยียบน้ำทะเลจืดในบริเวณทะเลเขตจังหวัดชุมพร ทางวัดถ้ำโพงพาง จึงได้จัดสร้างเหรียญหลวงพ่อทวดพิมพ์เสมาหน้าเลื่อนหลังหลวงปู่บุญมา ปภากโร รุ่นแรกขึ้น วัตถุมงคลรุ่นนี้ เน้นคุณวิเศษทางด้านเมตตามหานิยม โชคลาภค้าขายดี หน้าที่การงานก้าวหน้า เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง ปลดหนี้สิน คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดปลอดภัย เรียกว่าครอบจักรวาลเลยทีเดียว เฮง เฮง เฮง
ส่วนวัตถุประสงค์ในการจัดสร้างเพื่อนำปัจจัยร่วมสมทบทุนสร้างซุ้มประตูวัดถ้ำโพงพางให้แล้วเสร็จ
"เหรียญหลวงพ่อทวด หลวงปู่บุญมา หน้าเลื่อน รุ่นแรก รุ่นปลดหนี้ เฮง เฮง เฮง เนื้อนวะโลหะ" หลวงปู่บุญมา ปภากโร ยอดพระเกจิอาจารย์ผู้เคร่งเพียรวิปัสสนากรรมฐาน ปลุกเสกเดี่ยวอย่างเข้มขลัง เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2556 จำนวน 699 เหรียญ
บูชา 2,500.-บาท+ค่าจัดส่ง EMS.50.-บาท
โทร.081-661-9989, 083-956-6942
Email:kobsub@hotmail.com
LINE ID:kobsub
กอบทรัพย์ สมบูรณ์พร
ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา นครปฐม
บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 519-2-62901-1ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
หลวงพ่อทวด หลวงปู่บุญมา หน้าเลื่อน รุ่นแรก รุ่นปลดหนี้ เฮง เฮง เฮง เนื้อนวะโลหะหน้าเงิน หลวงปู่บุญมา
"หลวงปู่บุญมา ปภากโร" พระอริยสงฆ์ที่ปล่อยวางละแล้วซึ่งกิเลสตัณหา ถือสันโดษ มักน้อย พูดน้อย ถ่อมตน มีเมตตาธรรมสูง เป็นพระผู้มีแต่ให้ หากใครได้ไปกราบไหว้หรือได้สัมผัสใกล้ชิดท่าน จะมีความรู้สึกว่าท่านมีความเมตตาอย่างสูง ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง อนุเคราะห์ช่วยเหลือทุกคนเท่าเทียมกันหมด สมแล้วกับสมญานาม "หลวงปู่บุญมา เทพเจ้าแห่งความเมตตา" วัดถ้ำโพงพาง ต.หาดทรายรี อ.เมือง จ.ชุมพร
หลวงปู่บุญมา ถือกำเนิดเมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ.2469 ตรงกับปีขาลขึ้น 12 ค่ำ เดือน 1 (อ้าย) อัฏฐศก จ.ศ.1288 (ร.ศ.145) อธิมาส (เดือน 8 สองหน) ณ บ้านโคกสะบ้าหนึ่ง หมู่ที่ 4 ต.นาบินหลา อ.เมือง จ.ตรัง
เมื่ออายุได้ 15 ปี เข้าบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดใกล้บ้าน และศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปี และในขณะที่บวชเณรได้ 5 พรรษา มีอายุครบ 20 ปีบริบุูรณ์ ต้องเข้ารับการคัดเลือกทหาร และจับได้ใบดำต้องรับราชการทหารอยู่ 2 ปี หลังปลดประจำการได้ครองเรือนตามวิสัยฆราวาส จนมีอายุได้ 25 ปี จึงอุปสมบทที่วัดปากจ่า ต.ควนโส อ.รัตภูมิ จ.สงขลา เมื่อปี พ.ศ. 2494 โดยมีพระครูพิทักษ์ธรรมคุณ (เลี่ยม จันทสโร) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์พร้อม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์คล้าว กตปุญโญ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "ปภากโร" ซึ่งมีความหมายว่า "ผู้ทำแสงสว่างให้เจิดจ้า"
หลวงปู่บุญมาได้จำพรรษาและศึกษาพระธรรมวินัยอยู่ที่วัดปากจ่า จนสอบได้นักธรรมตรี โท เอก ตามลำดับ และได้ฝึกปฏิบัติธรรมกับพระอาจารย์เกลื่อน วัดชายนา จ.นครศรีธรรมราช ต่อมาได้เดินทางมาศึกษาวิชาวิปัสนากรรมฐานที่วัดมหาธาตุกรุงเทพฯ จนถึงปี พ.ศ.2500 ได้ติดตามพระอาจารย์แป้น ธัมมสโร ออกธุดงควัตรเป็นเวลา 3 ปี จนมีวิชาแก่กล้าจึงขอลาพระอาจารย์แป้น เพื่อธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ อาทิ ลงภาคใต้ ไปภาคเหนือ อิสาน และธุดงค์เข้าประเทศพม่า ลาว เขมร เป็นต้น ในช่วงเวลาธุดงค์อยู่ทางภาคใต้ ได้ฝากตัวเป็นศิษย์และศึกษาวิชาจากหลวงพ่อคล้าย วัดสวนขันด้วย
อนึ่งในช่วงที่ท่านเดินธุดงค์ไปที่เขาชัยสน จ.พัทลุง ในคืนหนึ่งขณะนั่งสมาธิได้นิมิตเห็น ในบริเวณป่าเขาที่อยู่ไม่ไกลจากที่นั่งนี้มีเหวลึก ในเหวนั้นมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์และเจดีย์อยู่ รุ่งเช้าท่านจึงเดินทางไปดูตามนิมิตก็เห็นเป็นจริงตามนั้น
อีกครั้งหนึ่งหลังจากท่านนั่งสมาธิตามปกติ เมื่อจิตหยั่งลงสู่สมาธิเป็น “เอกจิต” แล้ว ท่านได้เห็นพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เสด็จมาหา โดยพระองค์ได้ตรัสกับท่านว่า “ท่านบุญมา มาอยู่ที่นี่แล้ว ไม่รู้อะไรดอกหรือ” ท่านได้ถวายพระพรถามไปว่า “มหาบพิตรมีอะไรดี ก็ขอบอกแก่อาตมาบ้าง” พระองค์ตรัสว่า “ถ้าอย่างนั้นก็คอยจดจำไว้ให้ดี ฉันจะบอกให้ คาถานี้เป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ที่ฉันได้ใช้มาตั้งแต่ยังผนวชเป็นพระภิกษุอยู่” ในนิมิตนั้นท่านได้เห็นแผ่นป้ายหินชนวนขนาดใหญ่สีดำ รัชกาลที่ 4 ได้เขียนพระคาถาให้ท่องจำซึ่งมีทั้งหมด 11 พระคาถา มีชื่อว่า “รัตตนัตตะยะปะภาวาภิยาจะนะคาถา” พระองค์ทรงใช้มาตั้งแต่ครั้งผนวชอยู่ที่วัดสมอราย (วัดราชาธิวาส) และเมื่อทรงย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศ ก็ทรงใช้เจริญภาวนามาจนถึงวันที่ทรงลาผนวชออกมาครองราชย์ และใช้ภาวนาสวดมนต์จนถึงวันสุดท้ายของพระชนม์ชีพ
ทั้งนี้ หลวงปู่บุญมาท่านได้ยึดพระคาถาของรัชกาลที่ 4 มาเป็นแนวปฏิบัติควบคู่ไปกับปฏิปทาของพระอาจารย์คือ หลวงปู่สงฆ์วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของประชาชนโดยทั่วไป
หลวงปู่บุญมาได้เดินธุดงค์มาถึงปี พ.ศ.2506 ได้เดินธุดงค์มาถึงวัดเจ้าฟ้าศาลาลอย อ.เมือง จ.ชุมพร จึงได้เข้ากราบนมัสการหลวงปู่สงฆ์ และได้สนธนาธรรมกับหลวงปู่สงฆ์ จนเกิดความเลื่อมใสในบารมีธรรมของหลวงปู่สงฆ์เป็นอย่างมาก จึงฝากตัวเป็นศิษย์อยู่ศึกษาวิชากับหลวงปู่สงฆ์ เป็นเวลา 3 เดือน หลวงปู่สงฆ์จึงแนะนำให้หลวงปู่บุญมาหยุดเดินธุดงค์ และให้อยู่จำพรรษาที่วัดถ้ำโพงพาง ซึ่งเป็นวัดร้างแต่มีบรรยากาศร่มรื่น เหมาะแก่การวิปัสนากรรมฐาน อยู่ที่อ่าวทุ่งมะขาม ต.หาดทรายรี อ.เมืองจ.ชุมพร ด้านหน้าติดชายทะเลมีธรรมชาติที่สวยงาม ด้านหลังติดเชิงเขา มีถ้ำธรรมชาติอยู่ 2 แห่ง ซึ่งวัดนี้หลวงปู่สงฆ์เคยมาจำพรรษาวิปัสนากรรมฐานภายในถ้ำของวัดนี้ เพื่อให้หลวงปู่บุญมาช่วยพัฒนาวัดเพื่อเป็นเสาหลักให้ชาวบ้านได้ยึดเหนี่ยว หลวงปู่บุญมาจึงรับปากตกลงที่จะจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้จวบจนปัจจุบัน
ในด้านวิชาอาคมท่านได้รับการถ่ายทอดจากหลวงปู่สงฆ์ และไปฝากตัวเป็นศิษย์ของพ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน
ส่วนการสร้างวัตถุมงคล หลวงปู่บุญมาได้จัดสร้างวัตถุมงคลมาแล้วหลายรุ่น ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์เป็นที่ประจักษ์ เป็นที่กล่าวขานว่าดีทางด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ปลอดภัย คงกระพันชาตรี คุ้มครองป้องกันภัย ค้าขายเจริญรุ่งเรือง
และจากตำนานที่เล่าขานกันถึงประวัติหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ได้เหยียบน้ำทะเลจืดนั้น จากการคาดคะเนของนักวิชาการและนักประวัติศาสตร์ คาดว่า หลวงปู่ทวดได้เหยียบน้ำทะเลจืดในบริเวณทะเลเขตจังหวัดชุมพร ทางวัดถ้ำโพงพาง จึงได้จัดสร้างเหรียญหลวงพ่อทวดพิมพ์เสมาหน้าเลื่อนหลังหลวงปู่บุญมา ปภากโร รุ่นแรกขึ้น วัตถุมงคลรุ่นนี้ เน้นคุณวิเศษทางด้านเมตตามหานิยม โชคลาภค้าขายดี หน้าที่การงานก้าวหน้า เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง ปลดหนี้สิน คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดปลอดภัย เรียกว่าครอบจักรวาลเลยทีเดียว เฮง เฮง เฮง
ส่วนวัตถุประสงค์ในการจัดสร้างเพื่อนำปัจจัยร่วมสมทบทุนสร้างซุ้มประตูวัดถ้ำโพงพางให้แล้วเสร็จ
"เหรียญหลวงพ่อทวด หลวงปู่บุญมา หน้าเลื่อน รุ่นแรก รุ่นปลดหนี้ เฮง เฮง เฮง เนื้อนวะโลหะหน้าเงิน" หลวงปู่บุญมา ปภากโร ยอดพระเกจิอาจารย์ผู้เคร่งเพียรวิปัสสนากรรมฐาน ปลุกเสกเดี่ยวอย่างเข้มขลัง เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2556 จำนวน 199 เหรียญ
บูชา 3,000.-บาท+ค่าจัดส่ง EMS.50.-บาท
โทร.081-661-9989, 083-956-6942
Email:kobsub@hotmail.com
LINE ID:kobsub
กอบทรัพย์ สมบูรณ์พร
ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา นครปฐม
บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 519-2-62901-1ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
หลวงพ่อทวด หลวงปู่บุญมา หน้าเลื่อน รุ่นแรก รุ่นปลดหนี้ เฮง เฮง เฮง เนื้อเงิน หลวงปู่บุญมา
"หลวงปู่บุญมา ปภากโร" พระอริยสงฆ์ที่ปล่อยวางละแล้วซึ่งกิเลสตัณหา ถือสันโดษ มักน้อย พูดน้อย ถ่อมตน มีเมตตาธรรมสูง เป็นพระผู้มีแต่ให้ หากใครได้ไปกราบไหว้หรือได้สัมผัสใกล้ชิดท่าน จะมีความรู้สึกว่าท่านมีความเมตตาอย่างสูง ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง อนุเคราะห์ช่วยเหลือทุกคนเท่าเทียมกันหมด สมแล้วกับสมญานาม "หลวงปู่บุญมา เทพเจ้าแห่งความเมตตา" วัดถ้ำโพงพาง ต.หาดทรายรี อ.เมือง จ.ชุมพร
หลวงปู่บุญมา ถือกำเนิดเมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ.2469 ตรงกับปีขาลขึ้น 12 ค่ำ เดือน 1 (อ้าย) อัฏฐศก จ.ศ.1288 (ร.ศ.145) อธิมาส (เดือน 8 สองหน) ณ บ้านโคกสะบ้าหนึ่ง หมู่ที่ 4 ต.นาบินหลา อ.เมือง จ.ตรัง
เมื่ออายุได้ 15 ปี เข้าบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดใกล้บ้าน และศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปี และในขณะที่บวชเณรได้ 5 พรรษา มีอายุครบ 20 ปีบริบุูรณ์ ต้องเข้ารับการคัดเลือกทหาร และจับได้ใบดำต้องรับราชการทหารอยู่ 2 ปี หลังปลดประจำการได้ครองเรือนตามวิสัยฆราวาส จนมีอายุได้ 25 ปี จึงอุปสมบทที่วัดปากจ่า ต.ควนโส อ.รัตภูมิ จ.สงขลา เมื่อปี พ.ศ. 2494 โดยมีพระครูพิทักษ์ธรรมคุณ (เลี่ยม จันทสโร) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์พร้อม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์คล้าว กตปุญโญ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "ปภากโร" ซึ่งมีความหมายว่า "ผู้ทำแสงสว่างให้เจิดจ้า"
หลวงปู่บุญมาได้จำพรรษาและศึกษาพระธรรมวินัยอยู่ที่วัดปากจ่า จนสอบได้นักธรรมตรี โท เอก ตามลำดับ และได้ฝึกปฏิบัติธรรมกับพระอาจารย์เกลื่อน วัดชายนา จ.นครศรีธรรมราช ต่อมาได้เดินทางมาศึกษาวิชาวิปัสนากรรมฐานที่วัดมหาธาตุกรุงเทพฯ จนถึงปี พ.ศ.2500 ได้ติดตามพระอาจารย์แป้น ธัมมสโร ออกธุดงควัตรเป็นเวลา 3 ปี จนมีวิชาแก่กล้าจึงขอลาพระอาจารย์แป้น เพื่อธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ อาทิ ลงภาคใต้ ไปภาคเหนือ อิสาน และธุดงค์เข้าประเทศพม่า ลาว เขมร เป็นต้น ในช่วงเวลาธุดงค์อยู่ทางภาคใต้ ได้ฝากตัวเป็นศิษย์และศึกษาวิชาจากหลวงพ่อคล้าย วัดสวนขันด้วย
อนึ่งในช่วงที่ท่านเดินธุดงค์ไปที่เขาชัยสน จ.พัทลุง ในคืนหนึ่งขณะนั่งสมาธิได้นิมิตเห็น ในบริเวณป่าเขาที่อยู่ไม่ไกลจากที่นั่งนี้มีเหวลึก ในเหวนั้นมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์และเจดีย์อยู่ รุ่งเช้าท่านจึงเดินทางไปดูตามนิมิตก็เห็นเป็นจริงตามนั้น
อีกครั้งหนึ่งหลังจากท่านนั่งสมาธิตามปกติ เมื่อจิตหยั่งลงสู่สมาธิเป็น “เอกจิต” แล้ว ท่านได้เห็นพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เสด็จมาหา โดยพระองค์ได้ตรัสกับท่านว่า “ท่านบุญมา มาอยู่ที่นี่แล้ว ไม่รู้อะไรดอกหรือ” ท่านได้ถวายพระพรถามไปว่า “มหาบพิตรมีอะไรดี ก็ขอบอกแก่อาตมาบ้าง” พระองค์ตรัสว่า “ถ้าอย่างนั้นก็คอยจดจำไว้ให้ดี ฉันจะบอกให้ คาถานี้เป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ที่ฉันได้ใช้มาตั้งแต่ยังผนวชเป็นพระภิกษุอยู่” ในนิมิตนั้นท่านได้เห็นแผ่นป้ายหินชนวนขนาดใหญ่สีดำ รัชกาลที่ 4 ได้เขียนพระคาถาให้ท่องจำซึ่งมีทั้งหมด 11 พระคาถา มีชื่อว่า “รัตตนัตตะยะปะภาวาภิยาจะนะคาถา” พระองค์ทรงใช้มาตั้งแต่ครั้งผนวชอยู่ที่วัดสมอราย (วัดราชาธิวาส) และเมื่อทรงย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศ ก็ทรงใช้เจริญภาวนามาจนถึงวันที่ทรงลาผนวชออกมาครองราชย์ และใช้ภาวนาสวดมนต์จนถึงวันสุดท้ายของพระชนม์ชีพ
ทั้งนี้ หลวงปู่บุญมาท่านได้ยึดพระคาถาของรัชกาลที่ 4 มาเป็นแนวปฏิบัติควบคู่ไปกับปฏิปทาของพระอาจารย์คือ หลวงปู่สงฆ์วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของประชาชนโดยทั่วไป
หลวงปู่บุญมาได้เดินธุดงค์มาถึงปี พ.ศ.2506 ได้เดินธุดงค์มาถึงวัดเจ้าฟ้าศาลาลอย อ.เมือง จ.ชุมพร จึงได้เข้ากราบนมัสการหลวงปู่สงฆ์ และได้สนธนาธรรมกับหลวงปู่สงฆ์ จนเกิดความเลื่อมใสในบารมีธรรมของหลวงปู่สงฆ์เป็นอย่างมาก จึงฝากตัวเป็นศิษย์อยู่ศึกษาวิชากับหลวงปู่สงฆ์ เป็นเวลา 3 เดือน หลวงปู่สงฆ์จึงแนะนำให้หลวงปู่บุญมาหยุดเดินธุดงค์ และให้อยู่จำพรรษาที่วัดถ้ำโพงพาง ซึ่งเป็นวัดร้างแต่มีบรรยากาศร่มรื่น เหมาะแก่การวิปัสนากรรมฐาน อยู่ที่อ่าวทุ่งมะขาม ต.หาดทรายรี อ.เมืองจ.ชุมพร ด้านหน้าติดชายทะเลมีธรรมชาติที่สวยงาม ด้านหลังติดเชิงเขา มีถ้ำธรรมชาติอยู่ 2 แห่ง ซึ่งวัดนี้หลวงปู่สงฆ์เคยมาจำพรรษาวิปัสนากรรมฐานภายในถ้ำของวัดนี้ เพื่อให้หลวงปู่บุญมาช่วยพัฒนาวัดเพื่อเป็นเสาหลักให้ชาวบ้านได้ยึดเหนี่ยว หลวงปู่บุญมาจึงรับปากตกลงที่จะจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้จวบจนปัจจุบัน
ในด้านวิชาอาคมท่านได้รับการถ่ายทอดจากหลวงปู่สงฆ์ และไปฝากตัวเป็นศิษย์ของพ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน
ส่วนการสร้างวัตถุมงคล หลวงปู่บุญมาได้จัดสร้างวัตถุมงคลมาแล้วหลายรุ่น ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์เป็นที่ประจักษ์ เป็นที่กล่าวขานว่าดีทางด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ปลอดภัย คงกระพันชาตรี คุ้มครองป้องกันภัย ค้าขายเจริญรุ่งเรือง
และจากตำนานที่เล่าขานกันถึงประวัติหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ได้เหยียบน้ำทะเลจืดนั้น จากการคาดคะเนของนักวิชาการและนักประวัติศาสตร์ คาดว่า หลวงปู่ทวดได้เหยียบน้ำทะเลจืดในบริเวณทะเลเขตจังหวัดชุมพร ทางวัดถ้ำโพงพาง จึงได้จัดสร้างเหรียญหลวงพ่อทวดพิมพ์เสมาหน้าเลื่อนหลังหลวงปู่บุญมา ปภากโร รุ่นแรกขึ้น วัตถุมงคลรุ่นนี้ เน้นคุณวิเศษทางด้านเมตตามหานิยม โชคลาภค้าขายดี หน้าที่การงานก้าวหน้า เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง ปลดหนี้สิน คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดปลอดภัย เรียกว่าครอบจักรวาลเลยทีเดียว เฮง เฮง เฮง
ส่วนวัตถุประสงค์ในการจัดสร้างเพื่อนำปัจจัยร่วมสมทบทุนสร้างซุ้มประตูวัดถ้ำโพงพางให้แล้วเสร็จ
"เหรียญหลวงพ่อทวด หลวงปู่บุญมา หน้าเลื่อน รุ่นแรก รุ่นปลดหนี้ เฮง เฮง เฮง เนื้อเงิน" หลวงปู่บุญมา ปภากโร ยอดพระเกจิอาจารย์ผู้เคร่งเพียรวิปัสสนากรรมฐาน ปลุกเสกเดี่ยวอย่างเข้มขลัง เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2556 จำนวน 299 เหรียญ
บูชา 6,500.-บาท+ค่าจัดส่ง EMS.50.-บาท
โทร.081-661-9989, 083-956-6942
Email:kobsub@hotmail.com
LINE ID:kobsub
กอบทรัพย์ สมบูรณ์พร
ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา นครปฐม
บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 519-2-62901-1ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
รายการส่งวัตถุมงคล คุณอนันต์ฯ
เหรียญหลวงปู่ทวดรุ่นเสมาหน้าเลื่อนเนื้อทองแดงรมดำ จำนวน 1 องค์
เลขที่ใบส่ง EMS EL979408442TH
ขอบคุณครับ -
เหรียญเสมา รุ่น 2 เนื้อตะกั่ว หลวงพ่อบุญมา วัดถ้ำโพงพาง
หลวงปู่บุญมา วัดถ้ำโพงพาง พระเกจิอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงทางด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย คงกระพันชาตรี ค้าขายร่ำรวย จนเป็นที่ประจักษ์มานานโดยเฉพาะเหรียญเสมา รุ่นแรก ที่จัดสร้างเมื่อ ปี พ.ศ.2538 ปัจจุบันมีราคาเช่าสูงหลายแสนบาท หลวงปู่บุญมา เป็นผู้ที่ฉันอาหารเจมาตลอดชีวิต มีลูกศิษย์เป็นผู้นำระดับประเทศที่มีชื่อเสียงมากมาย ทั้งทหาร นักการเมือง นักธุรกิจ
"เหรียญเสมา รุ่น 2 เนื้อตะกั่ว" หลวงพ่อบุญมา วัดถ้ำโพงพาง จัดสร้างปี 2549 มีโค๊ดด้านหน้าเหรียญ หายากครับ
กรุณาสอบถามครับ
โทร.081-661-9989, 083-956-6942
Email:kobsub@hotmail.com
LINE ID:kobsub
นายกอบทรัพย์ สมบูรณ์พร
ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขานครปฐม
บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 519-262901-1ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
Update รายการบูชา หลวงปู่บุญมา วันที่ 14 มีนาคม 2561
1.เหรียญหลวงปู่ทวดพิมพ์เสมาหน้าเลื่อน รุ่นแรก เนื้อทองแดงรมดำ บูชา 1,500.-บาท (หน้า 1)
2.เหรียญหลวงปู่ทวดพิมพ์เสมาหน้าเลื่อน รุ่นแรก เนื้อทองแดงหน้าอัลปาก้า บูชา 1,800.-บาท (หน้า 1)
3.เหรียญหลวงปู่ทวดพิมพ์เสมาหน้าเลื่อน รุ่นแรก เนื้ออัลปาก้า บูชา 2,000.-บาท (หน้า 1)
4.เหรียญหลวงปู่ทวดพิมพ์เสมาหน้าเลื่อน รุ่นแรก เนื้ออัลปาก้าหน้าทองฝาบาตร บูชา 2,300.-บาท (หน้า 1)
5.เหรียญหลวงปู่ทวดพิมพ์เสมาหน้าเลื่อน รุ่นแรก เนื้อนวะ บูชา 2,500.-บาท (หน้า 1)
6.เหรียญหลวงปู่ทวดพิมพ์เสมาหน้าเลื่อน รุ่นแรก เนื้อนวะโลหะหน้าเงิน บูชา 3,000.-บาท (หน้า 1)
7.เหรียญหลวงปู่ทวดพิมพ์เสมาหน้าเลื่อน รุ่นแรก เนื้อเงิน บูชา 6,500.-บาท (หน้า 1)
8.เหรียญเสมา รุ่น 2 เนื้อตะกั่ว (หน้า 1) กรุณาสอบถามครับ
สอบถามได้ที่เบอร์ 081-661-9989, 083-956-6942
Email : kobsub@hotmail.com
LINE ID:kobsub
กอบทรัพย์ สมบูรณ์พร
ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา นครปฐม
บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 519-2-62901-1