หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ติสาโร, 12 มิถุนายน 2018.

  1. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    72.jpg
     
  2. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    โอวาทธรรม...หลวงปู่บุญส่ง
    .
    “ ธรรมะไม่ใช่ของไกลตัว ธรรมะเป็นของที่อยู่กับเราตลอดเวลา ถ้าเราเอาธรรมะอยู่กับเราตลอดเวลา จะมีความปลอดภัยมาก ทั้งด้านการดำเนินชีวิต ทั้งด้านการเคลื่อนไหวไปมา เพราะธรรมะคือสติ ”

    “ สติ ” สำคัญที่สุด ฝึกให้มันมีอยู่กับตนเองตลอดเวลา เช้า สาย เที่ยง บ่าย เย็น

    . ธรรมะมันเป็นสิ่งหนึ่งที่จะเป็นคู่กับชีวิตของเรา ถ้าอยู่กับธรรมะเราจะรู้สึกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมันจะทำอะไรได้ทันเหตุการณ์ จะนั่งจะนอน จะยืนจะเดิน จะปฏิบัติภารกิจอะไรก็ตาม

    ธรรมะสอนให้เราปฏิบัติที่จิต "จิต" มันอยู่เหนืออำนาจใจ "ใจ" ก็เป็นก้อนเนื้อชนิดหนึ่ง สำหรับสูบฉีดโลหิตหล่อเลี้ยงร่างกาย ส่วนจิตนั้นมันอยู่เหนืออำนาจใจ จิตมันหมายถึงว่าสภาวะรับรู้อารมณ์ต่าง ๆ ที่กระทบมาทางหู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ อันนี้ถ้ากระทบมาแล้ว ถ้าสติเราเพียงพอทุกสิ่งทุกอย่าง จะทำให้เรารู้เราเข้าใจเหตุผลต่าง ๆ ในขณะที่เรากระทบสัมผัสสิ่งที่หนักบ้าง เบาบ้าง ทางหูทางตาก็แล้วแต่เถอะ มันสื่อมา ทางหู – ก็สื่อมากับเสียง ทางตา – ก็สื่อมากับรูป ทางจมูก - ก็สื่อมากับกลิ่น

    ฉะนั้นกลิ่น เสียง รูป รสต่าง ๆ เหล่านี้ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เราจะต้องฝึกหัด ปฏิบัติตัวเราเองให้มันรู้เท่าทันปัจจุบันธรรม จะเคลื่อนไหวไปมา ก็ให้เรามีสติอยู่กับปัจจุบัน มันจะทำให้เราไม่ประมาทพลาดพลั้ง ความบกพร่องก็จะมีน้อยถ้าเรามีสติมาก ๆ ทำอะไรความขาดตกบกพร่องมันก็จะน้อยลง จนกระทั่งมันไม่มีเลยได้ยิ่งดี หมายถึงว่า "สติชนรอบ" พอดี ตั้งแต่นั่งแล้วก็ยืน เดิน การที่เรานำมันเอามาใช้ ในกิจวัตรประจำวันของเรานั้นจำเป็นต้องมี

    เข้าวัดมาทำทาน

    การมาทำทาน ก็เพื่อที่จะเปิดบารมีทานของเราให้มันแก่กล้า อินทรีย์บารมีแก่กล้าทางทานบารมีแล้ว ทำให้เราไม่ยากจนเข็ญใจ ไร้ทรัพย์

    "ทาน" "ศีล" เราก็จำเป็นจะต้องมี เพราะว่าเป็นพื้นฐานของธรรมทั้งหลาย "ศีล"ถ้าจะเปรียบไปก็เป็นที่ตั้งแห่งสรรพสิ่งทั้งหลาย ทั้งหนักทั้งเบา ทั้งภูเขา ทั้งสัตว์สองเท้า สี่เท้าที่มนุษย์เราต้องอาศัยใช้ในการประพฤตินั่นล่ะ ส่วนหนึ่ง ที่จะนำมาซึ่งความพอดีพองาม ถ้าเรามีสติ ที่เรียกว่า ทำอะไรให้มันมีความพอดี พอเพียง พองาม แล้วจะไม่เดือดร้อน ทำอะไรถ้ามันเดือดร้อน อย่าไปทำ ...

    ทำ "โลก" ให้เป็น "ธรรม" ทำ "ธรรม" ให้เป็น "ธรรม" อยู่กับธรรม กินกับ "ธรรม" นอนกับธรรม แต่ไม่ต้องยึดติดในธรรม เอาธรรมเป็นพาหนะ นำเราส่งสู่จุดหมายปลายทาง แล้วเราก็เหมือนพาหนะส่งเราถึงที่แล้ว เราก็ลงเดินทำภารกิจต่อไป ก็จอดรถทิ้งไว้ เช่นเดียวกับร่างกายของเรา ก็เหมือนกับยานพาหนะ ถ้า "เจ้าของ" คือ จิตใจดวงนี้ มีสติ มีปัญญา มีความเฉลียวฉลาดปราดเปรื่องเพียงพอแล้ว ก็จะขับเคลื่อนยานพาหนะคือร่างกายนี้ ไปสู่จุดหมายปลายทางได้อย่างราบรื่น แต่ถ้าเราประมาทขาดสติอยู่เรื่อย ๆ เราก็จะทำให้เสียเงินเสียทอง เสียอวัยวะทรัพย์สินทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่วาจาเราก็ใช้ด้วยความประมาท มันก็ทำโทษให้กับตัวเจ้าของด้วยผู้อื่นด้วย

    กายก็เหมือนกัน เราก็มีสติควบคุมขับเคลื่อนตลอดเวลา จิตเราก็ต้องพยายามใคร่ครวญกลั่นกรอง ก่อนที่จะพูด ก่อนที่ทำ ให้มีสติเข้าไว้ การทำอะไรจะได้ไม่ผิดพลาดบกพร่อง ถ้าเรามีสติอยู่กับตัวเสมอ ๆ ทำอะไรมันก็จะมีแต่ความมั่นใจ ... "

    โอวาทธรรม :

    หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
    วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี
    .
    สมาชิกทุกท่านสามารถเข้ามาหาข้อมูลของหลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร และอุโบสถวัดสันติวนารามได้ที่เวปของทางวัด http://luangpuboonsong.com/web/
    .
    อีกช่องทางคือเข้ากลุ่มไลน์ของลูกศิษย์หลวงปู่บุญส่ง
    https://line.me/R/ti/g/KmbjepJz09
    .
    หรือจะเข้ากลุ่มทางเฟส ชื่อ "หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

    16.png
     
  3. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    เสียงธรรมงานบุญใหญ่เทศกาลออกพรรษาและกฐินกาล 2561 ชมรมพุทธทีโอที วันที่ 26 ตุลาคม 2561

    สัมโมทนียกถา อนุโมทนาให้พร
    หลวงปู่เจริญ ราหุโล วัดป่าพระธาตุเขาน้อย
    https://ia601501.us.archive.org/5/…/18102601…/1810260132.mp3
    เสียงบรรยายธรรม
    หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม
    https://ia601501.us.archive.org/…/ite…/26106132/26106132.mp3

    ติดตามเสียงบรรยายธรรมทั้งหมดที่
    www.kammatantot.com
    .
    .
    สมาชิกทุกท่านสามารถเข้ามาหาข้อมูลของหลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร และอุโบสถวัดสันติวนารามได้ที่เวปของทางวัด http://luangpuboonsong.com/web/
    .
    อีกช่องทางคือเข้ากลุ่มไลน์ของลูกศิษย์หลวงปู่บุญส่ง
    https://line.me/R/ti/g/KmbjepJz09
    .
    หรือจะเข้ากลุ่มทางเฟส ชื่อ "หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

    23.jpg
     
  4. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    เรื่องเล่าจากลูกศิษย์...Piriya Jord Chukeawngam
    .

    #เรื่องราวในบทสนทนา
    #และความเป็นมาของหลวงปู่บุญส่ง
    .
    คืนนี้นอนกับ #หลวงปู่บุญส่ง สนทนากับท่านในหลายเรื่องราว ทั้งเรื่องทางโลกและทางธรรม เรื่องอะไรที่สงสัยอยู่ภายในใจ เรื่องอะไรที่อยากรู้ท่านก็พูดออกมาให้ฟังทั้งหมด และสุดท้ายเรื่องราวและความหมายของการมีชีวิตอยู่ว่าเป็นอย่างไร... หลวงปู่ท่านผ่านโลกมามาก ผจญชีวิตในเพศฆราวาสมาทุกรูปแบบ แบบที่ใครก็คาดไม่ถึง... ท่านใช้ชีวิตจนคุ้มและสุดเหวี่ยงจนถึงขนาดที่ท่านเอื้อนเอ่ยออกมาว่า
    "เรามันไม่ยอมกับความอยุติธรรม ไม่ยอมกับความไม่ถูกต้อง คุณธรรมคือสิ่งสำคัญ เราตรงเกินไป ตรงจนที่ว่ามันไม่สามารถอยู่ในโลกที่คนทั่วไปเขาอยู่ได้
    .
    สำหรับเราเกียรติและศักดิ์ศรีคือคือสิ่งสำคัญ การให้เกียรติฝ่ายตรงข้ามก็เป็นสิ่งสำคัญ คิดดูแล้วกันว่าเราคบกับแฟนของเรามาตั้ง 4 ปี เราไม่เคยล่วงเกินอะไรเขาเลย ให้เกียรติเขาเสมอ ไม่ทำอะไรเกินเลยทั้งนั้น เพราะยังไม่ได้ทำอะไรถูกต้องตามประเพณี เราเป็นคนแบบนี้ การให้เกียรติและคุณธรรมในหัวใจคือสิ่งสำคัญเสมอ
    .
    เราอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยความฉ้อฉลและกลโกงแบบนั้น แบบที่คนทั่วไปเขาอยู่กันไม่ได้ ถ้าอยู่ก็มีแต่พังกันไปข้าง เพราะโดยนิสัย จะไม่ยอมรับกับความไม่ถูกต้อง ท้ายสุดเราเลยสละเพศฆราวาสแล้วมุ่งสู่การรักษาเพศพรมจรรย์ นั่นคือหนทางที่ถูกต้องที่สุดแล้ว ตอนที่อายุได้ 29 ปี 9 เดือน ที่เรามุ่งเข้าทางธรรม ละทุกอย่างไว้เบื้องหลัง
    .
    เราปฏิบัติตามแนวทางองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างไม่เคยย่นย่อและไม่เกรงกลัวต่อกิเลสอะไรทั้งนั้น ที่ไหนลำบากเราก็ไป ที่ไหนสบายเราก็หนี เราไปเกือบหมดทุกที่ในประเทศนี้ เพื่อให้เข้าใจพระสัทธรรมที่จริง... เราไม่ค่อยรู้จักใคร เพราะเราอยู่แต่ป่าแต่ดง ที่ไหนดังเราก็อยู่ได้ไม่นาน เพราะเราไม่อยากได้ชื่อว่าเกาะชื่อเสียงและบารมีพ่อแม่ครูบาอาจารย์
    .
    เราขอแนวทางจากท่านเท่านั้น แล้วไปปฏิบัติตัวเรา ติดขัดอะไรค่อยมาขอคำแนะนำจากท่าน จากนั้นเราก็ไปปฏิบัติใหม่ โดยไม่ทำตนทำตัวให้เป็นภาระใคร และไม่หวังให้ใครมาจดจำ เราหวังเพียงเพื่อเจอความหลุดพ้น
    .
    ทุกวันนี้เรากล้าพูดได้อย่างเต็มปาก ว่าเราก้าวขึ้นมาได้ด้วยก็เพราะปลีน่องลำแข้งของเราเอง โดยมีหลักธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพ่อแม่ครูอาจารย์ที่เราเคารพนั้นคอยเทิดไว้เหนือเกล้า และคอยเตือนสติเรา
    .
    เราไม่รู้จักใครเท่าไหร่ แต่เราเชื่อและเข้าใจว่าเรารู้จักตัวเองดี... แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ทุกวันนี้เราไม่ได้ต้องการอะไร เราพียงแค่สร้างบารมีและพาลูกหลานพาพวกเธอสร้างบารมีก็เพียงเท่านั้น.... "
    .
    .
    ปัจจุบันหลวงปู่บุญส่งอายุ 82 ปีแล้ว
    แต่ยังมีสุขภาพธาตุขันต์ที่สมบูรณ์แข็งแรง
    #น้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์ด้วยเศียรเกล้า
    .
    .
    สมาชิกทุกท่านสามารถเข้ามาหาข้อมูลของหลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร และอุโบสถวัดสันติวนารามได้ที่เวปของทางวัด http://luangpuboonsong.com/web/
    .
    อีกช่องทางคือเข้ากลุ่มไลน์ของลูกศิษย์หลวงปู่บุญส่ง
    https://line.me/R/ti/g/KmbjepJz09
    .
    หรือจะเข้ากลุ่มทางเฟส ชื่อ "หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

    16.jpg 17.jpg
     
  5. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    " เมื่อ #หลวงปู่บุญส่ง เรียน #ปอเนาะ "
    .
    พระอริยสงฆ์ผู้เป็นนาบุญ
    " #หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร"
    วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี
    .
    หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
    พระสุปฏิปันโน แห่ง จ.จันทบุรี
    .
    สถานะเดิมท่านนั้น
    ถือกำเนิดมาจากครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน
    ที่มีฐานะปานกลาง ที่ต้องหาเช้ากินค่ำ
    และเป็นครอบครัวที่มีลูกมาก
    .
    .
    องค์ท่านมีนามเดิมว่า
    "บุญส่ง " เกิดในสกุล " จำลองรักษ์ "
    เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔
    (ซึ่งถือว่าสูงสุดในสมัยนั้น)
    .
    .
    หลวงปู่บุญส่งเป็นบุตรคนที่ ๒
    จากพี่น้องทั้งหมด ๑๒ คน
    โดยองค์ท่านเป็นลูกชายคนแรก
    ของครอบครัว
    .
    .
    โดยพื้นเพเดิมของครอบครัว
    เป็นคน จ.ฉะเชิงเทรา
    .
    .
    อาศัยอยู่บริเวณคลองเชื่อมแม่น้ำสองสาย
    คือ แม่น้ำเจ้าพระยาตรงพระโขนง
    กับแม่น้ำบางปะกงตรงท่าถั่ว
    ในปัจจุบัน คือ "ประตูน้ำท่าถั่ว"
    .
    .
    โดยโยมบิดา - มารดาท่าน
    ประกอบอาชีพเดินเรือ
    ระหว่างแม่น้ำเจ้าพระยา
    และแม่น้ำบางปะกง
    .
    .
    จึงทำให้ชีวิตส่วนใหญ่
    ของครอบครัวองค์ท่านนั้น
    มักอยู่บนผืนน้ำและลำเรือ
    .
    .
    ชีวิตในวัยรุ่นของท่านนั้น
    องค์ท่านปรารภว่า
    .
    .
    เคยปั่นสามล้อรับจ้าง
    หน้าวัดหลวงพ่อโสธร
    เคยขายปลา เป็นกระเป๋ารถเมล์
    เคยชกมวย เป็นหัวหน้าชุดรักษาความปลอดภัย
    คุมไร่แห่งหนึ่งทางภาคเหนือ-ตะวันตกของประเทศ
    .
    .
    รวมถึง
    ** ขับรถขนดินทำทางสายปัตตานี-นราธิวาส
    เดินสายชกมวย
    .
    .
    .
    จะเห้นได้ว่าก่อนเข้าสู่ร่มผ้ากาสาวพัสตร์
    องค์ท่านผ่านช่วงวัยหลายอย่าง
    และที่น่าสนใจ คือ
    .
    .
    เป็นหนึ่งในผู้ #บุกเบิกเส้นทางสายปัตตานี - นราธิวาส
    .
    .
    หลวงปู่บุญส่ง "**เคยเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิก
    ทำทางสายปัตตานี-นราธิวาส"
    ที่ปัจจุบันคือส่วนหนึ่งของ "ถนนเพชรเกษม"
    เรียกว่าทางหลวงแผ่นดินสายปัตตานี–นราธิวาส
    (ต่อมาได้รับการขนานนามว่า ถนนรามโกมุท)
    .
    ซึ่งในอดีตนั้น
    ไม่มีใครกล้าที่จะลงไปทำทางถนนเส้นนี้
    เพราะทราบกันดีว่าสุ่มเสียงที่จะเกิดอันอันตราย
    ด้วยว่าเกรงกลัวต่อความปลอดภัยในชีวิต
    .
    .
    โดยตอนนั้นเป็นช่วงเหตุการณ์ความไม่สงบ
    "โจรจีนคอมมิวนิสต์มลายา" หรือชื่อย่อว่า “จคม.”
    กองกำลังติดอาวุธของพรรคคอมมิวนิสต์มลายา (พคม.)
    ที่มาตั้งฐานอยู่ในเขตพื้นที่แชยแดนใต้
    .
    รวมไปถึงการขัดแย้งทางความคิดของกลุ่ม
    ไทยพุทธและไทยมุสลิมบางส่วน
    บริเวณแถบนั้น จึงเปรียบเป็น "พื้นที่ต้องห้าม"
    ของผู้คนนอกพื้นที่ไปโดยปริยาย
    .
    .
    แต่หลวงปู่บุญส่ง กลับลงไปใช้ชีวิต
    ในช่วงฆราวาสด้วยการทำทาง
    ที่ถนนสายนี้ อยู่ที่จังหวัดชายแดนใต้
    บริเวณปลายด้ามขวานของประเทศ
    เป็นเวลากว่า 2 ปี
    ในช่วงปีพ.ศ. 2508 - 2510
    .
    .
    .
    #โจรจีนคอมมิวนิสต์คืออะไร
    .
    .
    ช่วงปลายทศวรรษ 2483 ถึงต้นทศวรรษ 2493...
    ใน "ดินแดนมลายา" หรือ "คาบสมุทรมลายู"
    ภายใต้การปกครองของอังกฤษ
    .
    คนเชื้อสายจีนเป็นพวกที่ด้อยสิทธิ์ด้อยเสียง
    ทำให้คนหนุ่มสาวชาวจีนจำนวนไม่น้อย
    หันหน้าเข้าหาลัทธิคอมมิวนิสต์นิยม
    เพื่อเป็นตัวแทนความยุติธรรมทางสังคม
    มีชื่อว่า "พรรคคอมมิวนิสต์มลายา" (พคม.)
    .
    "โจรจีนคอมมิวนิสต์มลายา" หรือชื่อย่อว่า “จคม.”
    ถือเป็นชื่อเรียกกองกำลังติดอาวุธ
    พรรคคอมมิวนิสต์มลายา (พคม.)
    ที่หลบหนีการปราบปรามของรัฐบาลมาเลเซีย
    เข้ามาตั้งฐานปฏิบัติการเคลื่อนไหว
    ตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย
    .
    และเป็นที่รู้กันอีกว่า สมาชิก จคม.
    ส่วนใหญ่ประกอบด้วยกลุ่มชาติพันธุ์จีน
    ทำให้มีชื่อเรียก รู้จักกันในนาม ...
    “จีนคอมมิวนิสต์-มลายา”
    .
    .
    ระหว่างปี 2491-2503
    รัฐบาลมาเลเซียปราบปรามอย่างหนัก
    เป็นช่วงที่พรรคคอมมิวนิสต์มลายา
    ตกอยู่ในฐานะเสียเปรียบ
    จนต้องถอยร่นหลบหนีเข้าไทย
    .
    ตามหลักฐานที่ปรากฏ
    โจรจีนคอมมิวนิสต์มลายาบางส่วน
    ปรากฏตัวครั้งแรกในประเทศไทย
    เขตพื้นที่อำเภอเบตง จ.ยะลา
    และอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา
    .
    และในเวลต่อมา
    ก็ได้ขยายฐานปฏิบัติการเพิ่มขึ้น
    ในพื้นที่ อำเภอแว้ง, สุคีริน,
    รือเสาะ, ระแงะ จ.นราธิวาส ...
    .
    อำเภอบันนังสตา จ.ยะลา ...
    อำเภอยะรัง จ.ปัตตานี
    และในพื้นที่ อ.เบตง อำเภอยะหา จ.ยะลา
    รวมถึงมีอีกหลายพื้นของภาคใต้ตอนล่าง
    .
    .
    โดยกองกำลังทหาร
    ของโจรจีนคอมมิวนิสต์มลายา
    มีจุดมุ่งหมายเพื่อเสริมสร้าง
    ความมั่นคงและขยายอิทธิพล
    ในการควบคุมสร้างฐานสัมพันธ์กับมวลชน
    ที่ยังคงเหลือจากการปราบปราม
    และการข่มขู่คุกคามฝ่ายตรงข้าม
    .
    ตามแนวทางที่ว่า
    “กองกำลังคือปลา ประชาเปรียบเสมือนน้ำ”
    .
    .
    ด้วยเหตุนี้ กองกำลังโจรจีนคอมมิวนิสต์มลายา
    จึงได้พยายามทุกวิถีทาง
    เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ปฏิบัติการ
    และพื้นที่อิทธิพลให้การสนับสนุน
    .
    โดยใช้กลวิธีการโฆษณาชวนเชื่อ
    กับกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ
    ทั้งกลุ่มชาวไทยเชื้อสายจีน
    กลุ่มชาวไทยมุสลิม
    และกลุ่มชาวไทยพุทธ
    .
    พร้อมกับจัดตั้งองค์กรแนวร่วม
    เพื่อทำหน้าที่ในการปฏิบัติงาน
    .
    มีการโฆษณาชวนเชื่อ
    ตลอดจนฝึกอบรมและปลูกฝัง
    อุดมการณ์ปฏิวัติของคอมมิวนิสต์
    ให้แก่เยาวชนมุสลิมและเยาวชนเชื้อสายจีน
    ในเขตพื้นที่นั้น ๆ
    .
    .
    ซึ่งการเข้ามาตั้งฐานปฏิบัติการ
    ของโจรจีนคอมมิวนิสต์มลายา
    ในประเทศไทยเวลานั้น
    .
    ตามข้อมูลกล่าวว่า
    ส่วนหนึ่งหารายได้ด้วยการเรียกเก็บภาษี (เถื่อน)
    และเรียกเก็บค่าคุ้มครองจากราษฎรไทย
    ในพื้นที่ลักษณะต่างๆ เป็นต้นว่า
    เก็บภาษีสวนยาง เก็บส่วย
    เก็บค่าคุ้มครองต่าง ๆ เป็นต้น
    .
    จึงเป็นเหตุให้ฝ่ายรัฐ
    จึงต้องมีการส่งกองกำลังเจ้าหน้าที่
    เข้าไปเฝ้าระวังสถานการณ์ตลอดเวลาในช่วงนั้น
    โดยในส่วนของตอนกลางคืน
    ก็มีประกาศห้ามออกจากบ้าน (เคอร์ฟิวส์)
    .
    จึงทำให้ พื้นที่ชายแดนใต้ในช่วงนั้น
    ชาวบ้านนอกพื้นไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปใช้ชีวิต
    หรือท่องเที่ยวกันเลยทีเดียว
    เพราะสุ่มเสียงกับความปลอดภัย
    ในชีวิตเป็นอย่างยิ่ง
    .
    .
    #การใช้ชีวิตของหลวงปู่บุญส่ง
    .
    .
    ในห้วงเวลานั้นที่หลวงปู่บุญส่ง
    ท่านได้ลงไปใช้ชีวิตที่พื้นที่บริเวณนี้
    ท่านได้ปรารภให้ฟังว่า
    .
    .
    " ตอนนั้นลงไปทำทาง
    เส้นปัตตานี - นราธิวาส
    เรียกว่าลงไปบุกเบิกน่ะแหละ
    ทำกันหลายคนในทีม
    เป็นบริษัทต่างชาติที่ได้สัมปทาน
    .
    เขาก็มาจ้างเราลงไปทำ เราก็ไป
    ไม่ได้กลัวหรือว่าอะไร
    เพราะเราแค่จะไปทำงานเพียงเท่านั้น
    แต่ก็พอรู้ข่าวมาบ้างว่า
    มันมีเหตุการณ์หรือสถานการณ์อะไรอยู่
    .
    แต่เราเป็นคนหู ตา ไว อยู่ที่ไหนก็ไม่ลำบาก
    เราไม่เคยประมาท สังเกตุความเป็นอยู่
    ความเป็นไปของชาวบ้านพื้นที่เขา
    ซึ่งตอนนั้น มันก็มีทั้งไทย พุทธ ไทยมุสลิม
    รวมถึงเจ้าหน้าที่จากทางการ
    ที่จะเข้ามาตรวจตราแต่ละพื้นที่
    .
    .
    เราไปอยู่ที่นั่น 2 ปี แต่ไม่ได้อยู่ติดที่
    เพราะเราทำถนน ทำทาง
    ช่วงไหนเสร็จ เส้นไหนเสร็จ
    เราก็ย้ายไปอยู่ที่อื่น
    .
    เราเช่าห้องพักอยู่
    รวม ๆ กันนั่นแหละ ทั้งไทยพุทธ มุสลิม
    อะไรก็อยู่รวมกันทั้งหมดไม่ได้แบ่งแยกอะไร
    .
    และที่น่าแปลกใจ
    เรากลับไม่เคยมีเรื่องอะไรกับใคร
    ไม่เคยได้รับอันตราย
    และที่สำคัญเราก็ดันได้หมู่ได้พวก
    อิสลามชาวพื้นที่ส่วนใหญ่เสียด้วย "
    .
    .
    หลวงปู่บุญส่งเมตตาเล่าให้ฟังถึงการใช้ชีวิต
    ในช่วงทำทางช่วงแรกเส้นปัตตานี - นราธิวาส
    .
    .
    รู้จักกับ #มะอีซอ ขาใหญ่ในพื้นที่
    .
    .
    " โดยเพื่อนที่รู้จักก็มีมากมาย
    ทั้งรุ่นเดียวกัน หรือจะเป็นวัยชรา
    รวมไปถึงระดับหัวหน้าชุมชน
    ผู้มีอิธิพลในตอนนั้น
    ที่มีชื่อว่า "มะอีซอ"
    .
    .
    ซึ่งมะอีซอคนนี้ถือเป็น
    ผู้มีอิทธิพลพอสมควรในตอนนั้น
    ที่ทุกคนต้องยำเกรง ทั้งชาวบ้านในพื้นที่
    รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐ
    .
    .
    "มะอีซอ" นี้ถือเป็นขาใหญ่ของพื้นที่นั้น
    เป็นคนที่ทุกคนต้องเกรงใจ
    ลักษณะนิสัยยนักเลงพอตัว ใจถึงพึ่งได้
    เราเองก็ได้ไปรู้จักกับ "มะอีซอ" คนนี้ด้วย
    .
    .
    รู้จักกันจนถึงขั้นได้เดินทาง
    ไปที่บ้านมะอีซอคนนี้
    ได้เห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของเขาเหล่านี้
    .
    .
    ก็ได้ทราบว่า แท้จริงแล้ว
    ทั้งเขาและชาวบ้านในพื้นที่
    ไม่ได้มีความอันตรายแต่อย่างใด
    และไม่ได้มีความน่ากลัวอย่างที่คิด
    .
    .
    หากแต่เป็นสถานการณ์
    และความจำเป็นบางอย่างที่ถูกบีบคั้น
    จึงทำให้พวกเขาตัดสินใจทำอะไรบางอย่างลงไป
    ที่ขัดกับทางการ ... เขาเพียงแสวงหาความยุติธรรม
    ให้กับตัวเองและพวกพ้องของเขาเท่านั้น "
    .
    .
    #เรียนปอเนาะ
    .
    .
    " เราไปอยู่ที่นั่น ได้เรียนรู้วัฒนธรรมหลายอย่าง
    โดยเฉพาะ "การเข้าสังคม"
    ด้วยว่าพื้นที่บริเวณนั้น
    ส่วนใหญ่เป็นคนไทยมุสลิม
    ที่จะนับถือศาสนาอิสลาม
    .
    เราเป็นคนนอกที่เข้าไปอยู่
    ถ้าไม่เรียนรู้วัฒนธรรมอะไรของเขาเลย
    ก็จะอยู่ยาก เราเลยได้ลองทำอะไรหลายอย่าง
    เกี่ยวกับวัฒนธรรมที่นั่น
    .
    ทั้งใส่ "หมวกกะปิเยาะห์" ออกงานต่าง ๆ
    (หมวกที่ผู้นับถือศาสนาอิสลามจะใส่)
    .
    ไป"กินเหนียว"กับเพื่อนอิสลาม
    ในงานแต่งงานของเพื่อนชาวอิสลามด้วยกัน
    .
    เรียนรู้การกินการอยู่รวมกับเพื่อนอิสลาม
    แบบที่เรียกว่า "ใจแลกใจ" กัน
    .
    .
    นั่นคือ เวลาไปไหน
    เราจะเลี้ยงข้าวเพื่อน
    อีกวันเพื่อนก็จะเลี้ยงข้าวเรา
    นั่นคือการซื้อใจ ซื้อเพื่อนกัน
    และเราไม่เคยคิดเอาเปรียบใคร
    มันเลยทำให้เราอยู่ที่นั่นได้
    โดยไม่มีปัญหากับใคร
    .
    .
    เราอยู่ที่นั่น
    บางทีก็ทำตัวเหมือนคนนับถืออิสลาม
    เพราะต้องปรับตัวให้เข้าสภาพแวดล้อม
    .
    .
    หรือแม้แต่ตอนที่ว่างงานไม่มีอะไรทำ
    วันหยุด คนอื่นพักผ่อน
    เราก็เดินทางเข้าป่า เข้าสวนยาง
    พกปืนประจำตัวไปหาอะไรในป่า ในเขากิน
    .
    ผ่านบ้านมะแก่ ๆ ปะแก่ ๆ
    คือคนอิสลามสูงวัย
    เขาก็ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรกับเรา
    ยิ้มให้อย่างเมตตา เราอยู่ของเราได้หมด
    .
    ไม่ได้กลัวจะได้รับอันตราย
    จากกองกำลังอะไร
    แต่ก็มีการระวังตัวอยู่ตลอดเวลา
    .
    .
    เหล่านี้คือการเรียนรู็ในการเข้าสังคม
    ตอนที่ไปทำทางที่นั่น
    .
    .
    โดยสำคัญคือ
    การเข้าเรียน " #โรงเรียนปอเนาะ "
    ซึ่งก็คือสำนักสอนศาสนาอิสลาม
    .
    .
    เราเข้าไปเรียนเพื่อที่อยากจะรู้ว่าเป็นอย่างไร
    ศึกษาอยู่ในในระยะพอสมควรเช่นกัน
    ก็ได้เข้าใจหลักคำสอนของเขา
    .
    ได้เรียนรู้หลายอย่าง ที่ไม่เคยรู้
    จนได้เข้าใจ และสิ่งนี้ในภายหลัง
    มันทำให้เราไม่คิดดูถูกศาสนาอื่น
    .
    เพราะคิดว่าอย่างไรเสีย
    ศาสนาอื่นก็มีหลักคำสอนที่ดีของเขา
    แต่สำหรับเราหัวใจมอบให้พระพุทธเจ้าทันที
    ตั้งแต่วันที่ตัดสินใจบวช "
    .
    .
    " กลับไปตอนนั้น
    มันก็น่าแปลกอย่างตอนที่เราอยู่
    ไม่เคยเจอเหตุการณ์ความรุนแรงอะไร
    ทั้งจากฝั่งชาวบ้านในพื้นที่
    หรือจะเป็นกองกำลังโจรจีนคอมมิวนิสต์
    .
    รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐเอง
    เพราะเรียนรู้หลักการเข้าสังคม
    ที่เรียกว่าหลัก "สังคมศาสตร์" "
    .
    .
    การใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ปลายด้ามขวาน
    ระหว่างการทำทางเส้นปัตตานี - นราธิวาส นี้
    หลวงปู่ปรารภว่าถือเป็นช่วงวัย
    ที่ทำให้ท่านได้เรียนรู้อะไรอยู่พอสมควร
    สำหรับคนที่มีวัฒนธรรมต่างกัน
    .
    .
    องค์หลวงปู่บุญส่ง
    ใช้ชีวิตในดินแดนปลายด้ามขวาน
    ดินแดนที่แสนอันตราย
    (ในสายตาของคนภายนอก)
    .
    .
    แต่สำหรับท่านมันคือสถานที่หนึ่ง
    ที่ซึ่งเต็มไปด้วยความเรียบง่าย
    .
    โดยถนนเส้นนั้นยังไม่ทันเสร็จ
    เหลืออีกไม่เท่าไหร่
    ก็ได้เดินทางกลับขึ้นมาจากภาคใต้
    เพื่อที่จะเข้าสู่ทางธรรม
    .
    .
    " เราอยู่ที่นั่น 2 ปี จากนั้นก็กลับขึ้นมาก่อน
    ตอนทำเส้นทางถึง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี
    เพื่อที่จะบวชแล้วลงไปใหม่
    .
    เราบวชเพื่อที่จะแต่งงาน
    แต่ไป ๆ มา ๆ ก็อย่างที่เห็น
    เราก็เสร็จพระพุทธเจ้าจนถึงปัจจุบัน
    .
    .
    ส่วนพื้นที่เหล่านั้น
    พอเรากลับขึ้นมาไม่กี่เดือน
    ความวุ่นวายเหตุร้ายต่าง ๆ ก็เกิดขึ้น
    .
    .
    เพื่อนที่ทำงานที่นั่น
    รวมถึงเพื่อนอิสลามที่รู้จักกัน
    หลังจากที่เราขึ้นมาแล้วมาบวช
    .
    ก็ส่งข่าวมาบอก
    ถึงเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น
    ทั้งการปะทะกันของเจ้าหน้าที่กับชาวบ้าน
    .
    รวมไปถึงความรุนแรงของกลุ่มโจรจีนคอมมิวนิสต์
    เรียกได้ว่าต่างจากที่เราอยู่เป็นอย่างมาก
    เหตุการณ์ต่าง ๆ ก็ลากยาวจนมาถึงปัจจุบัน
    อย่างที่ได้เห็นกัน
    .
    .
    ที่นั่นเพื่อนเรามีอยู่มาก
    แต่ปัจจุบันนี้คงจะไม่เหลือกันแล้ว
    เพราะผ่านพ้นมาหลายสิบปีแล้ว
    .
    .
    พื้นที่บริเวณนั้น
    ก็ไม่ค่อยมีใครกล้าที่จะลงไป
    แต่สมัยที่เราอยู่
    ถือว่าเป็นสถานที่เรียบง่ายที่หนึ่ง "
    .
    .
    เบื้องต้นคือส่วนหนึ่ง
    ของช่วงวัยในองค์หลวงปู่บุญส่ง
    ในยุคสมัยที่องค์ท่านได้ลงไปใช้ชีวิตช่วงฆราวาส
    .
    ทำถนนเส้น ปัตตานี - นราธิวาส
    ที่ปลายด้ามขวานของไทย
    ก่อนเข้าสู่ร่มบวรพุทธศาสนาในภายหลัง
    ที่หลายคนยังไม่ค่อยทราบ
    .
    .
    .
    หลวงปู่บุญส่ง ... องค์ท่านถือกำเนิด
    เกิดมาจากบ้านที่มีลูกมากและยากจน
    ผ่านการต่อสู้ชีวิต
    ที่มีทั้งทางผิดและถูกก่อนการบวช
    .
    .
    แม้บวชแล้วก็ยังต้องต่อสู้กับความอดอยาก
    ไม่มีแม้แต่คนจะใส่บาตรให้ฉัน
    .
    .
    หลวงปู่ท่านทำทุกอย่าง
    ผ่านอะไรมาหลายอย่างเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด
    ท่านเห็นถึงความทุกข์ในชีวิต
    ของฆราวาสมากมาย
    .
    .
    ท่านได้ตัดสินใจออกอุปสมบท
    เมื่ออายุ ๒๙ ปี ๙ เดือน
    และได้อยู่ในร่มผ้ากาสาวพัตร์
    ครองธรรม เอาตายแลกธรรม
    เผยแพร่ธรรมด้วยความมุ่งมั่น
    ด้วยจิตใจเด็ดเดี่ยว ห้าวหาญ
    องอาจดุจราชสีห์
    .
    .
    ตั้งแต่วันนั้น ถึงวันนี้
    ที่หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
    ได้ปฏิบัติตนด้วยความตั้งมั่น
    อยู่ในร่มบวรพระพุทธศานา
    รวมเวลาแล้วกว่า ๕๑ ปี
    .
    .
    .
    #น้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์ด้วยเศียรเกล้า
    .
    .
    __________________
    .
    .
    .
    ปล.ทางการไทย และ โจรจีนคอมมิวนิสต์มลายา
    ภายหลังได้มีการลงนามในความตกลงเพื่อยุติสถานการณ์
    การต่อสู้ด้วยกำลังอาวุธของโจรจีนคอมมิวนิสต์มลายา
    เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2532 ที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
    .
    .
    บันทึก : จ๊อด
    .
    .
    อ่าน "โจรจีนคอมมิวนิสต์"
    เพิ่มเติม : https://goo.gl/4nz1Mw
    .
    .
    สมาชิกทุกท่านสามารถเข้ามาหาข้อมูลของหลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร และอุโบสถวัดสันติวนารามได้ที่เวปของทางวัด http://luangpuboonsong.com/web/
    .
    อีกช่องทางคือเข้ากลุ่มไลน์ของลูกศิษย์หลวงปู่บุญส่ง
    https://line.me/R/ti/g/KmbjepJz09
    .
    หรือจะเข้ากลุ่มทางเฟส ชื่อ "หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

    73.jpg
     
  6. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    #ความงดงามของ2อริยะเมืองจันทบุรี
    .
    #หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
    วัดสันติวนาราม จ..จันทบุรี
    ก้มกราบทำวัตรคารวะ
    #หลวงปู่สวาท ปัญญาธโร
    วัดโป่งจันทร์ จ.จันทบุรี ด้วยความอ่อนน้อม
    ตามธรรมเนียมอาวุโสภันเต
    .
    ในงานทำบุญครบรอบ ๑ ปี
    วันมรณะภาพพ่อแม่ครูอาจารย์ #หลวงปู่สรวง สิริปุญโญ
    ในวันอาทิตย์ที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๑
    ณ อาคารปราโมทย์ธรรมธาดา (ตึกพระเถระ)
    วัดสิริกมลาวาส(วัดใหม่เสนา) กทม.
    .
    ก่อนที่หลวงปู่สวาทจะจับมือของหลวงปู่บุญส่ง
    มาไว้ที่ศรีษะขององค์ท่าน
    และปรารภให้ศิษย์ที่อยู่บริเวณนั้นได้ฟังว่า
    .
    " .. บารมีล้นไปหมดแล้ว
    ขอแบ่งบารมีบารที่เต็มล้นมาบ้าง
    ดังสะเทือนไปหมดแล้ว ... "
    .
    ก่อนที่องค์ท่านจะปรารให้กันอย่างอารมณ์ดี
    .
    อนึ่ง หลวงปู่สวาทจะมีพรรษากาล
    ที่มากกว่าหลวงปู่บุญส่ง
    .
    โดยปัจจุบันหลวงปู่บุญส่ง
    อายุ 81 ปี 51 พรรษา
    หลวงปู่สวาทอายุ 73 ปี 53 พรรษา
    .
    .
    .
    น้อมกราบพ่อแม่ครูิาจารย์ด้วยเศียรกล้า
    .
    .
    สมาชิกทุกท่านสามารถเข้ามาหาข้อมูลของหลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร และอุโบสถวัดสันติวนารามได้ที่เวปของทางวัด http://luangpuboonsong.com/web/
    .
    อีกช่องทางคือเข้ากลุ่มไลน์ของลูกศิษย์หลวงปู่บุญส่ง
    https://line.me/R/ti/g/KmbjepJz09
    .
    หรือจะเข้ากลุ่มทางเฟส ชื่อ "หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

    75.jpg 73.jpg 74.jpg 76.jpg
     
  7. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    เรื่องเล่าจากลูกศิษย์...Tik Promchot

    "ให้ฉันเทศน์ยาวๆ ฉันเทศน์ไม่ถนัดหรอก ส่วนใหญ่ฉันจะพูดสั้นๆ แค่เวลาก่อนฉันข้าวหรือหลังฉันข้าว สัก 3 - 5 นาที แค่นั้นแหละ....
    .
    ฉันเทศน์ไม่เก่งเหมือน อาจารย์บุญส่ง ...เคยมีคนจะให้ฉันไปอัดเทปธรรมะ ฉันบอกฉันไม่ไปหรอก...อยู่ว่างๆ ฉันก็ภาวนาของฉันไปเรื่อยๆ จ้ะ"
    .
    หลวงปู่อ่อง ถาวโร
    สำนักสงฆ์ธรรมสุขสว่าง
    ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี
    25/ส.ค./60
    .
    .
    สมาชิกทุกท่านสามารถเข้ามาหาข้อมูลของหลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร และอุโบสถวัดสันติวนารามได้ที่เวปของทางวัด http://luangpuboonsong.com/web/
    .
    อีกช่องทางคือเข้ากลุ่มไลน์ของลูกศิษย์หลวงปู่บุญส่ง
    https://line.me/R/ti/g/KmbjepJz09
    .
    หรือจะเข้ากลุ่มทางเฟส ชื่อ "หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

    73.jpg
     
  8. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    " กับปู่ขีด ... เรารู้สึกผูกพันกับท่านมากนะ
    เหมือนท่านเป็นพ่อเป็นปู่ของเรา ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
    แต่เราผูกพันกับท่าน ท่านงดงามไปหมดจริงๆ
    สว่างไปหมด อยู่ใกล้ท่านแล้วเย็นใจ "
    .
    #หลวงปู่บุญส่ง ท่านมักปรารภว่า #หลวงปู่ขีด ท่านคือ
    .
    "พระบริสุทธิ์ สว่างงดงามไปหมด กับท่านเราผูกพันเป็นอย่างมาก ท่านเปรียบเป็นพ่อ เป็นปู่เรา เรารักและเคารพท่าน"
    .
    .
    สมาชิกทุกท่านสามารถเข้ามาหาข้อมูลของหลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร และอุโบสถวัดสันติวนารามได้ที่เวปของทางวัด http://luangpuboonsong.com/web/
    .
    อีกช่องทางคือเข้ากลุ่มไลน์ของลูกศิษย์หลวงปู่บุญส่ง
    https://line.me/R/ti/g/KmbjepJz09
    .
    หรือจะเข้ากลุ่มทางเฟส ชื่อ "หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

    73.jpg
     
  9. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    #หลวงปู่บุญส่งกับพระสังฆราชองค์ที่19
    .
    เมื่อไม่นานมานี้องค์หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนานาม จ.จันทบุรี ได้มีโอกาสเข้ารับการตรวจสุขภาพ ณ อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ รพ.จุฬาลงกรณ์ ในพระอุปถัมภ์ของ "สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก" สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
    .
    .
    หลวงปู่บุญส่งเมตตาเดินทางเข้ารับการตรวจสุขภาพ ณ อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ ของรพ.จุฬาลงกรณ์ แห่งนี้เป็นครั้งแรก โดยการกราบอาราธนานิมนต์จากเจ้าหน้าที่ของรพ.และคณะศิษย์
    .
    .
    ซึ่งองค์ท่านก็เมตตาเข้ารับการตรวจ ณ อาคารภูมิสิริฯ ทางเจ้าหน้าที่และคณะศิษย์จึงได้เล่าประวัติของความเป็นมาสำหรับอาคารภูมิสิริฯ แห่งนี้ ให้องค์ท่านได้รับทราบอย่างคร่าว ๆ ว่า
    .
    .
    #ภูมิสิริมังคลานุสรณ์ เป็นชื่อที่มาจากพระนามของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช(รัชกาลที่9) และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
    .
    .
    สร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์ของทั้งสองพระองค์ที่ราชาภิเษกสมรสครบ 60 ปี ซึ่งได้รับพระราชทานชื่ออาคารจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี
    .
    .
    อาคาร “ ภูมิสิริมังคลานุสรณ์ ” จึงมีความหมายว่า “ อนุสรณ์ที่เป็นมงคลของสองพระองค์ ” นั่นเอง
    .
    .
    นอกจากนี้แล้วอาคารภูมิสิริฯ แห่งนี้ยังอยู่ในพระอุปถัมภ์ของ "สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก" สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ อีกด้วย
    .
    โดยมีงบประมาณในการก่อสร้างรวมถึงการจัดซื้อเครื่องมือแพทย์อันทันสมัยเพื่อนำมารักษาผู้ป่วยทุกระดับชั้น รวมแล้วกว่า 12,000 ล้านบาท
    .
    ปัจจุบันมีการเปิดให้บริการกับประชาชนทั่วไป ในราคา 'ติดดิน' แต่บริการในระดับ 'พรีเมี่ยม'
    .
    โดยเฉพาะในส่วนของพระภิกษุ - หรือสามเณรอาพาธนั้น จะมีการรักษาเป็นโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตลอดจนเจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญการที่ชั้น 28 C
    .
    ซึ่งก็ได้กราบเรียนท่านว่า อดีตที่ผ่านมาจวบจนถึงปัจจุบัน ก็จะมีพ่อแม่ครูอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมากมาย ที่ได้เข้าทำการรักษาหรือว่าเข้ามาทำการตรวจสุขภาพ ณ อาคารภูมิสิริฯ รพ.จุฬาฯแห่งนี้
    .
    .
    ด้วยการเป็นคนไข้ในพระอุปถัมภ์ของ "สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก" สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
    .
    ซึ่งกล่าวได้ว่าล้วนได้รับการรักษาที่ดีและเต็มไปด้วยคุณภาพจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่เข้าใจในการรักษาและการปฏิบัติต่อพระภิกษุและสามเณรที่อาพาธ
    .
    .
    โดยในส่วนนี้นั้นก็ด้วยพระกรุณาธิคุณของสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ก่อน ที่พระองค์ท่านได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการรักษาพระภิกษุ -สามเณรที่กำลังอาพาธ จึงมีดำริให้มีการก่อสร้างนั่นเอง
    .
    .
    เบื้องต้นคือเรื่องราวและประวัติที่มาของอาคารภูมิสิริฯ รพ.จุฬาแห่งนี้ ที่ได้เกริ่นถึงที่มาและที่ไป ให้หลวงปู่บุญส่งท่านรับฟัง
    .
    ก่อนที่จะพาองค์ท่านไปตรวจ ณ ชั้น 28 C ของอาคารแห่งนี้ ซึ่งเป็นชั้นสำหรับดูแลรักษาภิกษุและสามเณรผู้อาพาธ
    .
    .
    ขณะเดินทางถึงชั้น 28 C ของอาคารภูมิสิริฯ ซึ่งเป็นชั้นสำหรับดูแลรักษาภิกษุ - สามเณรที่อาพาธ
    .
    .
    หลวงปู่บุญส่ง ท่านได้มองไปเห็นพระรูปของ "สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก" สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ที่อยู่บริเวณทางเข้า
    .
    .
    หรือที่หลวงปู่บุญส่งจะเรียกท่านว่า #สังฆราชวัดบวรฯ
    .
    .
    องค์ท่านก็ได้ยกมือขึ้นทำการไหว้สักการะทันที พร้อมปรารภออกมาได้ความว่า
    .
    .
    #พระสังฆราชวัดบวรฯ นั้น บารมีท่านมากมาย พระกรุณาธิคุณของพระองค์ท่านก็ประมาณไม่ได้ พระจริยวัตรของพระองค์ท่านก็งามพร้อมถึงพร้อม
    .
    ทั้งการปกครองและการปฏิบัติ พระองค์ท่านทำได้ดีมาก พระองค์ท่านน่าเคารพน่าศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง
    .
    .
    ก่อนผ่านพ้นพระรูปของ #พระสังฆราชวัดบวรฯ หลวงปู่บุญส่งท่านก็ได้ปรารภขึ้นอีกว่า
    .
    " บารมีของพระองค์ท่านล้นเหลือขนาดนี้แม้ท่านจะล่วงลับดับขันธ์ไปแล้ว แต่กระแสแห่งความเมตตายังคงอยู่ ไม่ได้หายไปไหน แล้วจะไม่ให้เคารพท่านได้อย่างไร
    .
    พระสังฆราชวัดบวรฯ พระองค์นี้คือแบบอย่างที่ดีของความงดงามในการประพฤติปฏิบัติตนสำหรับการดำรงคงอยู่ด้วยความดีงามในบวรพระพุทธศาสนา "
    .
    .
    นั่นคือถ้อยปรารภที่หลวงปู่บุญส่งมีต่อสมเด็จพระสังฆราชพระองค์นี้ และเมื่อพ้นพระรูปของพระสังฆราชวัดบวรฯ ไปแล้ว หลวงปู่ท่านก็ปรารภขึ้นอีกครั้งว่า
    .
    .
    " นี่คือตัวอย่างของคุณงามความดี แม้กายจะล่วงลับดับขันธ์จากโลกนี้ไปแล้ว แต่ความดีที่ทำไว้ไม่ได้เลือนหายไปไหน เกิดกลายเป็นกระแสที่ยังสัมผัสได้ในคุณงามความดีของบารมีและความเมตตา
    .
    .
    นี่คือตัวอย่างของการทำความดี อยู่ที่ไหนก็จะมีแต่คนสรรเสริญ ให้ดูพระจริยวัตรของพระสังฆราชแห่งวัดบวรฯ พระองค์นี้เป็นตัวอย่าง พระองค์ท่านคือแบบอย่างของผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอย่างแท้จริง "
    .
    .
    จากนั้นองค์หลวงปู่บุญส่ง ได้ประนมมือพร้อมกับไหว้คารวะอีกครั้ง แม้จะผ่านพ้นพระรูปมาแล้ว เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระบารมีและพระกรุณาธิคุณแห่งพระองค์ท่าน ...
    .
    .
    #น้อมกราบด้วยเศียรเกล้า
    .
    .
    อีกช่องทางคือเข้ากลุ่มไลน์ของลูกศิษย์หลวงปู่บุญส่ง
    https://line.me/R/ti/g/KmbjepJz09
    .
    หรือจะเข้ากลุ่มทางเฟส ชื่อ "หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

    73.jpg
     
  10. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    พระเดชพระคุณ "พระราชญาณเวที"
    หรือ #หลวงพ่อพัลลภ ปุญญวัลโภ
    วัดราชผาติการาม วรวิหาร จ.กรุงเทพฯ
    ท่านเป็นท่านเจ้าคุณอยู่กทม.
    มีพรรษากาลที่อาวุโสกว่าหลวงปู่บุญส่ง
    ท่านมักจะเจอกันตามศาสนกิจนิมนต์ที่กทม.อยู่เสมอ ๆ
    .
    แต่ยังไม่เคยเดินทางมาวัดสันติวนาราม
    ครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกของท่านที่ได้เดินทางมา
    ร่วมงานมุฑิตาจิตหลวงปู่บุญส่ง
    โดยท่านเมตตาร่วมเจริญพุทธมนต์
    พร้อมทั้งเมตตาฉันภัตตาหารเช้าที่วัดจ.จันทบุรี
    .
    ซึ่งก่อนท่านเดินทางกลับกทม.
    ก็ได้ปรารภกับหลวงปู่บุญส่ง
    ถึงอุโบสถหลังนี้ว่า
    .
    "ไม่คิดว่าจะยิ่งใหญ่ขนาดนี้
    ทราบข่าวแต่เพียงว่าสร้างโบสถ์ใหญ่
    แต่ก็ไม่คิดว่าจะใหญ่โตขนาดนี้จริง ๆ
    เพียงเห็นแค่เสาโบสถ์ก็ตกใจแล้ว ใหญ่โตไปหมดจริง ๆ
    ก็ขออาราธนาให้สร้างโบสถ์หลังนี้เสร็จ
    และโมทนาที่เมตตำนำญาติโยมได้สร้างบุญใหญ่ในครั้งนี้
    นี่คือบุญใหญ่ ที่หากใครได้ร่วมก็มีอานิสงส์มาก ... "
    .
    .
    ก่อนที่หลวงปู่ส่งจะกราบทำวัตรคารวะต่อท่านเจ้าคุณพัลลภ
    และพ่อแม่ครูอาจารย์ทั้งสองกราบลากัน
    .
    .
    #น้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์ด้วยเศียรเกล้า
    .
    .
    อีกช่องทางคือเข้ากลุ่มไลน์ของลูกศิษย์หลวงปู่บุญส่ง
    https://line.me/R/ti/g/KmbjepJz09
    .
    หรือจะเข้ากลุ่มทางเฟส ชื่อ "หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

    73.jpg
     
  11. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    เรื่องเล่าจากลูกศิษย์...Thammawong Namthong
    .
    ครั้งหนึ่งผมได้พาองค์หลวงปู่โพธิ์ท่านนั่งรถกอล์ฟชมโบถส์

    ขณะท่านนั้งชมอยู่บนรถ
    ท่านให้ความสนใจสอบรายละเอียดต่างๆทั้งการสร้าง
    และงบประมาณในการสร้าง
    ตลอดทั้งเงินที่หามาก่อสร้าง
    ท่านถามว่า
    พอมั้ย
    หาทันมั้ย
    เป็นหนี้เขามั้ย

    หลวงปู่โพธิ์
    ท่านมาสรูปสั้นๆ ว่าพระเหมือนกัน
    แต่ไม่เหมือนกัน
    เหมือนกันอาจารย์บุญส่งเป็นพระเหมือนกัน
    แต่บุญที่ทำสะสมมานั้นมากมายเหลือเกิน
    เราอนุโมทนากับท่านด้วย
    โบถส์หลังนี้ไม่ใช่โบถส์อย่างนี้ มันเป็นมากกว่าโบถส์

    เมือโบถส์นี้สำเร็จจะเป็นสิ่งประกาศให้คนทุกชาติทุกศาสนาได้มาเห็นมาชม

    และบารมีอาจารย์บุญส่งจะแผ่ไกลไปทุกทิศทั่วทาง...

    ถ้าเรายังอยุ่เราจะมาชมบารมีท่านทุกปีจนโบถส์เสร็จ....
    .
    .
    อีกช่องทางคือเข้ากลุ่มไลน์ของลูกศิษย์หลวงปู่บุญส่ง
    https://line.me/R/ti/g/KmbjepJz09
    .
    หรือจะเข้ากลุ่มทางเฟส ชื่อ "หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

    73.jpg 74.jpg 75.jpg 76.jpg 77.jpg
     
  12. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    " ... ไม่ใช่แค่โบสถ์ที่ใหญ่
    แต่คนสร้างใจต้องใหญ่ด้วย ... "
    .
    พระเดชพระคุณ "พระราชวรคุณ" หรือ #หลวงปู่สมศักดิ์ (โพธิ์) ปัณฑิโต
    วัดบูรพาราม ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์(ธ)
    ท่านคือหนึ่งในพระผู้ใหญ่แห่งวงศ์พระกรรมฐานในปัจจุบัน
    คือพระมหาเถระผู้ทรงธรรมอันประเสริฐ...
    ผู้เป็นศิษย์ในองค์พ่อแม่ครูอาจารย์องค์ "หลวงปู่ดุลย์ อตุโล"
    แห่งวัดบูรพาราม จ.สุรินทร์
    .
    ครั้งหนึ่งก่อนที่ท่านจะเดินทาง
    มาวัดสันติวนาราม ที่จ.จันทบุรี
    ท่านได้นั่งสนทนาธรรมกับ #หลวงปู่บุญส่ง
    ถึงที่มาที่ไปของการสร้างอุโบสถจตุรมุขของวัดสันติวนาราม
    .
    .
    โดยหลวงปู่บุญส่งได้ปรารภว่า ...
    .
    " ... เดิมทีไม่ได้ตั้งใจจะสร้างให้ใหญ่
    แต่สร้างไปสร้างมามันใหญ่เอง
    ด้วยเพราะศรัทธาของสาธุชน ที่ยังมั่นคงในพระศาสนา ... "
    .
    ท้ายสุดเมื่อหลวงปู่สมศักดิ์ หรือ หลวงปู่โพธิ์
    ทราบความแล้ว
    องค์ท่านจึงปรารภว่า
    .
    "โบสถ์นี้ไม่ได้ใหญ่เฉพาะเพียงแค่ระดับประเทศหรอก
    ใหญ่ระดับโลกเลยทีเดียว
    เพราะที่อื่นไม่มีสร้างโบสถ์กันระดับนี้แล้ว
    พุทธศาสนานั่นเบ่งบานที่บ้านเราเป็นส่วนใหญ่
    เชิญชวนสาธุชนมาร่วมบุญกันเยอะ ๆ
    เพราะเป็นการสืบทอดอายุพระศาสนา
    มีโอกาสจะเดินทางไปเยี่ยมชมมหาอุโบสถหลังนี้ให้ได้"
    .
    ............
    .
    นั่นคือเหตุการณ์สนทนาของพ่อแม่ครูอาจารย์
    ระหว่างองค์หลวงปู่โพธิ์และหลวงปู่บุญส่ง
    ก่อนจะเดินทางไปวัดสันติวนาราม ที่จันทบุรี
    .
    .
    ครานี้องค์หลวงปู่โพธิ์์
    ท่านได้เมตตาเดินทางไปร่วมงานมุฑิตาหลวงปู่บุญส่ง
    ที่วัดจ.จันทบุรี เมื่อช่วงเดือนมีนาคม ต้นปี 2561
    กับหลวงปู่บุญส่งไปก่อนหน้านี้
    .
    .
    และองค์ท่านได้เมตตาเยี่ยมชมโบสถ์
    ที่กำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่
    ก่อนที่จะปรารภว่า
    .
    .
    " ... เราได้ยินแต่ว่าหลวงปู่บุญส่ง
    ท่านสร้างโบสถ์ใหญ่เราก็ไม่คิดว่าจะใหญ่มโหฬารปานนี้...
    นี้ถ้าบารมีไม่มากพอทำไม่ได้นะ
    หลวงปู่นี้ท่านใจใหญ่จริงๆ
    ตัวเรานี้นั้นจะทำอะไรสักอย่างก็ต้องคิดแล้วคิดอีก
    แต่ท่านนี่ใจใหญ่จริง ๆ "
    .
    .
    ท่านให้ความสนใจสอบรายละเอียดต่างๆ
    ทั้งการดำเนินการและงบประมาณในการก่อสร้าง
    ตลอดทั้งปัจจัยที่หามาสร้าง
    โดยท่านปรารภว่า
    .
    .
    " พอมั้ย ?
    หาทันมั้ย ?
    เป็นหนี้เขามั้ย ?
    .
    .
    โดยในตอนท้ายองค์หลวงปู่โพธิ์
    ท่านได้รูปสั้นๆ ได้ความว่า
    .
    .
    " พระเหมือนกัน
    แต่ไม่เหมือนกัน
    เหมือนกับอาจารย์บุญส่งเป็นพระเหมือนกัน
    แต่บุญที่ทำสะสมมานั้นมากมายเหลือเกิน
    เราอนุโมทนากับท่านด้วย
    โบสถ์หลังนี้ไม่ใช่โบสถ์ที่เห็นเท่านั้น
    แต่มันเป็นมากกว่าโบสถ์
    .
    .
    เมื่อโบสถ์นี้สำเร็จ
    จะเป็นสิ่งประกาศให้คนทุกชาติทุกศาสนา
    ได้มาเห็นมาชม
    และบารมีอาจารย์บุญส่งจะแผ่ไกลไปทุกทิศทั่วทุกทาง
    .
    ถ้าเรายังอยู่
    เราจะมาชมบารมีท่านทุกปีจนโบสถ์เสร็จ
    เราจะมาฉลองโบสถ์กับท่าน.. .... เราจะมาอีก "
    .
    .
    .
    #น้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์ด้วยเศียรเกล้า
    .
    .
    .
    ขอบคุณเจ้าของภาพ
    และข้อมูลบางส่วนจาก :
    Thammawong Namthong
    .
    .
    อีกช่องทางคือเข้ากลุ่มไลน์ของลูกศิษย์หลวงปู่บุญส่ง
    https://line.me/R/ti/g/KmbjepJz09
    .
    หรือจะเข้ากลุ่มทางเฟส ชื่อ "หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

    73.jpg 74.jpg
     
  13. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    #หลวงปู่บุญส่ง กับ #หลวงพ่อสุธรรม
    #อาจารย์บุญส่งคือลูกพี่เรา
    .
    #หลวงพ่อสุธรรม สุธัมโม
    วัดป่าหนองไผ่ จ.สกลนคร ทายาทธรรมในองค์ #หลวงปู่ฝั้น อาจาโร #หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน อีกหนึ่งพ่อแม่ครูอาจารย์ผู้ปฏิบัติชอบสายพระป่ากรรมฐานในยุคปัจจุบัน
    .
    หลวงพ่อสุธรรมท่านพื้นเพเดิมของท่านมีเชื้อสายจีน เดิมทีท่านอุปสมบทที่วัดตรีรัตนาราม จ.ระยอง วัดเดียวกับ #หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี แต่หลวงพ่อสุธรรมจะบวชหลังหลวงปู่บุญส่งเล็กน้อย
    .
    .
    หลวงปู่บุญส่งได้ปรารภให้ฟังว่า "ท่านสุธรรมบวชอยู่วัดเดียวกับเรา สมัยก่อนน่ะ บวชหลังเราไม่นาน มาอยู่กับเรา แต่คนไม่รู้กัน ตอนนั้นเราบวชของเรา เราก็ทำของเรา ปฏิบัติของเรา จริตเราไม่ค่อยเข้ากับหมู่พวกอยู่แล้ว เน้นทำเอง ปฏิบัติเอง ทำให้จริง อะไรติดขัดส่วนใหญ่ก็ค่อยเอาไปขอความเมตตาพ่อแม่ครูอาจารย์ ไม่อยากรบกวนท่าน
    .
    สมัยก่อนท่านสุธรรมบวชใหม่ ๆ ยังไม่ค่อยเป็นอะไร เราก็ค่อย ๆ แนะนำบอกแนวทางให้ ทีนี้พอท่านเห็นเราปฏิบัติ บำเพ็ญภาวนา และเห็นว่าเราทำจริง และเราก็กำลังจะออกเดินทางท่องเที่ยววิเวกของเราไปภาคเหนือและภาคอื่น ท่านก็เลยอยากปฏิบัติบ้าง อยากทำจริงแบบนี้บ้าง ท่านก็ลองสอบถามเรา เราก็บอกได้แค่เล็กน้อย เพราะเราไม่บังอาจไปสอนใคร เราก็บวชได้ไม่มากอะไรเท่าไหร่ ไม่อยากอวดตนทำว่ารู้ เราจะไปแสวงหาธรรมของเราเอาข้างหน้า
    .
    .
    เราเลยบอกท่านว่าหากอยากปฏิบัตแบบนี้ภาวนาแบบนี้ ให้เดินทางไปแถบภาคอีสาน ทางนั้นยังมีพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ชี้แนะแนวทางได้ดี ยังมีอยู่อีกมากอีกหลายรูป ตอนนั้นจำได้ว่าประมาณปี 2510 ต้น ๆ นี่แหละ
    .
    .
    เราบอกท่านไปแบบนั้น เพราะเราไม่ได้มีความรู้อะไร และคงไปสอนท่านไม่ได้ อย่ามาตามเรา เราองก็แค่กำลังเริ่มต้น ตอนนั้นเราก็ไม่คิดว่าท่านจะอยากปฏิบัติมากน้อยแค่ไหน
    .
    .
    จากนั้นเราก็ออกเดินทางปลีกวิเวกของเรา ส่วนใหญ่ขึ้นเหนือ อยู่ตามป่าตามดงเสียเป็นส่วนใหญ่ ปฏิบัติของเรา เวลาติดขัดอะไรก็ขอความเมตตาครูบาอาจารย์แต่ไม่เคยรบกวนท่าน และตอนนั้นเราก็ไม่รู้ว่าท่านสุธรรมเป็นยังไงต่อ
    .
    .
    มาเจอกับท่านสุธรรมอีกที รู้ข่าวอีกทีท่านไปจริงตามที่เราแนะนำ ไปกราบขอโอกาสขอความเมตตาพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ภาคอีสาน ได้หมู่ได้เพื่อนมาก ได้พ่อแม่ครูอาจารย์อบรมบ่มนิสัยพอสมควร ท่านไปได้ดี ไปได้อรรถ ได้ธรรมอยู่ภาคอีสาน อย่างที่เห็นในปัจจุบันนี่แหละ
    .
    .
    เราไม่ค่อยเล่าใครถ้าเขาไม่ถาม แต่เรากับท่านสุธรรมรู้จักกันดี ปัจจุบันท่านถือเป็นพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ปฏิบัติดีอีกรูปหนึ่งเลยล่ะ เพราะทำจริง ปฏิบัติจริง "
    .
    .
    ข้างต้นคือคำปรารภของหลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร ที่มีต่อองค์หลวงพ่อสุธรรม ถึงความเป็นมาและความเกี่ยวพันในกันและที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยทราบ
    .
    .
    ส่วนหลวงพ่อสุธรรมเองนั้น ท่านก็ได้ปรารภถึงความสัมพันธ์กับหลวงปู่บุญส่งไว้ถึงความใกล้ชิดผูกพันและเคารพกันมาอย่างยาวนาน ความว่า
    .
    " #อาจารย์บุญส่งคือลูกพี่เรา บวชด้วยกันมา อยู่ด้วยกันมา สมัยก่อนเป็นลูกพี่เรา "
    .
    .
    เป็นคำปรารภสั้น ๆ ง่าย ๆ แต่ได้ใจความ ถึงความสัมพันธ์ของพ่อแม่ครูอาจารย์ทั้งสองท่านที่ต่างรับรู้กันดี
    .
    .
    หลวงพ่อสุธรรมตามประวัตินั้น พอได้ก้าวเข้าสูร่มผ้ากาวสาวพัตรส์ที่วัดตรีรัตนาราม จ.ระยอง แล้ว จากนั้นองค์ท่านก็ได้เดินทางสู่ภาคอีสาน เข้าขอนิสัย ขอโอกาสศึกษาการปฏิบัติภาวนา จากพ่อแม่ครูอาจารย์หลายรูป เป็นต้นว่า #หลวงปู่ฝั้น อาจาโร #หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน จนได้อรรถได้ธรรม เข้าถึงพระสัทธรรมที่แท้จริงอย่างที่ได้ปรารภไปเบื้องต้น
    .
    .
    องค์ท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติดีที่เปี่ยมล้นด้วยความเมตตาและเรียบง่าย แต่ทว่าธรรมขององค์ท่านนั้น เต็มไปด้วยความสุขุมลุ่มลึก เฉือดเฉือนกิเลสได้เป็นอย่างดี ความว่า
    .
    .
    "ความชั่วนั้น แม้ไม่มีโรงเรียนสอน มนุษย์ก็สามารถทำชั่วได้อย่างชำนิชำนาญ แม้แต่สัตว์เดรัจฉานยังทำชั่วได้น้อยกว่ามนุษย์เสียอีก"
    .
    .
    "ไปหาครูบาอาจารย์วัดนั้นวัดนี้ ไปดูท่านเดินยังไง นั่งยังไง ท่านสอนยังไง ท่านทำข้อวัตรปฏิบัติยังไง ดูเสร็จก็กลับมาบ้าน พอกลับมาแล้วก็กลับมานอน ให้แมลงวันตอมปากตอมตาไปวันๆ
    แล้วจะเกิดประโยชน์อะไร"
    .
    .
    เบื้องต้นคือโอวาทธรรมของหลวงพ่อสุธรรมที่แสดงธรรมอันเรียบง่ายแต่แยบคายในความหมายที่เข้าใจได้เป็นอย่างดี
    .
    .
    ปัจจุบันองค์ #หลวงพ่อสุธรรม สุธัมโม -วัดป่าหนองไผ่ ต.ดงมะไฟ อ.เมือง จ.สกลนคร นั้น ปัจจุบันองค์ท่านสิริอายุ 70 ปี 50 พรรษา โดยถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งพ่อแม่ครูอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบที่ควรค่าแก่การกราบไหว้บูชายิ่งอีกรูปหนึ่งในยุคปัจจุบัน
    .
    .
    .
    #น้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์ด้วยเศียรเกล้า
    .
    .
    อีกช่องทางคือเข้ากลุ่มไลน์ของลูกศิษย์หลวงปู่บุญส่ง
    https://line.me/R/ti/g/KmbjepJz09
    .
    หรือจะเข้ากลุ่มทางเฟส ชื่อ "หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

    73.jpg
     
  14. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    #ความผูกพันอันยาวนาน
    ของ #หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร และ #หลวงปู่สุพจน์ ฐิตัพพโต
    .
    หลวงปู่สุพจน์กับหลวงปู่บุญส่งนั้น
    องค์ท่านมีความผูกพันธ์กันมาอย่างยาวนาน
    .
    รู้จักกันมาเนิ่นนาน ถือเป็นสหธรรมิกที่รู้จักกันมาตั้งแต่หนุ่ม ๆ ท่านคุ้นเคยกันเป้นอย่างดี ด้วยว่ามีจริตและอัธยาศัยที่คล้ายคลึงกัน คราใดที่เจอกันมักจะสนทนาธรรมกันจนลืมเวลาเลยทีเดียว ... เพราะธรรมนั้นตรงกัน จริตเข้ากัน
    .
    อีกทั้งพ่อแม่ครูอาจารย์ทั้งสองรูปเคยธุดงค์ร่วมกันมาแต่อดีต
    ขึ้นไปภาคเหนือด้วยกันที่โป่งเดือด อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
    ในสมัยที่ยังชุกชุมไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิด
    .
    ร่วมกับ หลวงพ่อประสิทธิ์ วัดป่าหมู่ใหม่ ,
    หลวงปู่กวง วัดป่านาบุญ , หลวงพ่อประสิทธิ์ วัดมหาเจรีย์ , หลวงพ่อประสงค์ วัดป่าประจงจิตร์ (ปัจจุบันอยู่วัดบ้านขอม จ.จันทบุรี)
    .
    .
    ทำให้องค์ท่านทั้งสอง
    มีความสนิทสนมคุ้นเคยกันเป็นอย่างมาก ...
    .
    .
    และหลวงปู่บุญส่งจะเคารพหลวงปู่สุพจน์
    เป็นอย่างมากเช่นกัน โดยปรารภว่า
    .
    " คุณธรรมของท่านอาจารย์พจน์นั้นน่ายกย่องเป็นอย่างยิ่ง
    เสมอต้นเสมอปลายไม่มีเปลี่ยน "
    .
    .
    ทางโลก หลวงปู่สุพจน์ ท่านอายุน้อยกว่าหลวงปู่บุญส่ง
    แต่ท่านบวชก่อนประมาณเกือบ 2 ปี องค์ท่านจึงอาวุโสกว่าหลวงปู่บุญส่ง หากนับกันในทางธรรม
    .
    "
    ปัจจุบันหลวงปู่สุพจน์ อายุ 73 ปี 52 พรรษา
    ส่วนหลวงปู่บุญส่งนั้น ปัจจุบันอายุ 81 ปี 51 พรรษา
    .
    .
    หลวงปู่สุพจน์ท่านเป็นศิษย์ของ
    พระเดชพระคุณ "พระราชวินัยเวที" (ถาวร ฐานุตฺตโร ป.ธ.๗)
    อดีตเจ้าอาวาสวัดวรดิตถาราม จ.ตราด
    .
    และ พระเดชพระคุณ "พระเทพเมธาจารย์" (หลวงปู่ทองดี อนาวิโล) วัดวรดิตรถาราม จ.ตราด อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดตราด (ธรรมยุต) 2 พระมหาเถระผู้ใหญ่ของภาคตะวันออก
    .
    .
    โดยพระเดชพระคุณ "พระราชวินัยเวที" หรือ "ท่านเจ้าคุณถาวร"
    แห่งวัดวรดิตฯ รูปนี้ที่เป็นพระอุปัชฌาย์ในองค์ท่านนั้น
    .
    ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์เดียวกับ "สมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พรหมคุตโต)" เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร กรรมการมหาเถรสมาคม และสมเด็จพระราชาคณะฝ่ายธรรมยุติกนิกาย ในปัจจุบันอีกด้วย
    .
    .
    สำหรับหลวงปู่สุพจน์
    หลังจากองค์ท่านเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์แล้ว
    ท่านก็ได้เดินทางวิเวกแสวงหาโมกขธรรม
    เข้ากราบแสวงหาพ่อแม่ครูอาจารย์
    สายพระป่ากรรมฐานมากมาย เป็นต้นว่า
    .
    "หลวงปู่สิม พุทธาจาโร " " หลวงปู่ฝั้น อาจาโร"
    .
    .
    ตลอดจนพ่อแม่ครูอาจารย์สายพระป่ากรรมฐานอีกหลายรูปหลายองค์
    .
    .
    หลวงปู่สุพจน์ ได้สร้างบารมีอยู่ในป่าเขา
    เป็นเวลายาวนาน มีประสบการณ์มากมาย
    เกี่ยวกับสัตว์ป่าทั้งหลายเช่น ลิง ค่าง ช้าง เสือ
    เวลาท่านนึกถึงอะไร สิ่งนั้นมักจะมาตาม
    ความรำพึงนึกคิดเสมอ
    .
    .
    จนท้ายสุดองค์ท่านก็ได้เจอกับหลวงปู่บุญส่ง
    คราวเดินทางแสวงหาโมกขธรรม
    และได้เที่ยววิเวกด้วยกันในที่สุด
    จนหลวงปู่บุญส่งถึงขั้นปรารภว่า
    .
    หลวงปู่สุพจน์เป็นพระปฏิบัติดีที่มีคุณธรรมสูง
    เมตตามาก พูดน้อย แต่ทำจริง ..
    ซึ่งคล้ายกับหลวงปู่บุญส่ง
    .
    .
    ด้วยจริตและนิสัยที่เหมือนกันนี้
    จึงทำให้พ่อแม่ครูอาจารย์ทั้งสอง
    จึงต่างเคารพยกย่องในคุณธรรม
    ของกันและกันเป็นอย่างมาก
    ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ...
    .
    .
    วัดของหลวงปู่สุพจน์มีงานอะไร หากไม่ติดขัดอะไร
    หลวงปู่บุญส่งก็จะเดินทางไปร่วมงานด้วยทุกครั้ง
    .
    ส่วนวัดของหลวงปู่บุญส่งมีงานอะไร
    หากไม่ติดขัดอะไร หลวงปู่สุพจน์เองก็จะเมตตา
    เดินทางมาโปรดด้วยทุกครั้งเช่นเดียวกัน
    .
    .
    ซึ่งทั้งสองพ่อแม่ครูอาจารย์ทั้งสองรูป
    ได้ยึดถือปฏิบัติเช่นนี้มาเนิ่นนานมากแล้วตั้งแต่อดีต
    จวบจนถึงปัจจุบัน
    .
    .
    โดยหลวงปู่บุญส่งเอง
    ค่อนข้างจะเคารพและยกย่องหลวงปู่สุพจน์มาก
    โดยท่านเคยได้ปรารภให้ฟังไว้ว่า
    .
    .
    " สมัยก่อนตอนที่เราทำโบสถ์ใหม่ ๆ
    ใครยังไม่ค่อยรู้จัก ค่าใช้จ่ายยังมีมาก
    โบสถ์ที่เราทำ มันก็ใหญ่ มีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห้นด้วย
    แต่มีอาจารย์พจน์นี่แหละที่ไม่เคยอะไรกับเรา
    .
    ท่านคอยสนับสนุนเรามาตลอด
    ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง
    ทั้งแรกเริ่มจวบจนถึงตอนนี้ที่คนรู้จักกันมากแล้ว
    .
    ท่านเสมอต้นเสมอปลาย ไม่เคยเปลี่ยน
    สมัยก่อนท่องเที่ยววิเวกกันจิตใจเข้มแข็ง
    และเมตตาอย่างไร ปัจจจุบันนี้ก็ยังอย่างนั้น
    ท่านเป็นพระที่น่าบูชาเสมอ
    .
    เวลาเรามีงานอะไรจึงขาดท่านไม่ได้
    ส่วนเวลาท่านมีงานอะไรเราก็จะไปช่วยท่าน
    มันเหมือนสัญญาใจของกันและกัน
    ไม่ต้องพูด แต่รู้กันเอง "
    .
    .
    เบื้องต้นคือคำปรารภของหลวงปู่บุญส่ง
    ที่มีต่อหลวงปู่สุพจน์ที่แสดงถึงความผูกพัน
    ของพ่อแม่ครูอาจารย์ทั้งสองรูป
    ที่มีความเกี่ยวพันกันมาอย่างยาวนาน
    .
    .
    ปัจจุบันจึงเห็นได้ว่าคราใด
    ที่วัดสันติวนารามของหลวงปู่บุญส่ง
    มีงานอะไร ก็จะต้องเห็นหลวงปู่สุพจน์
    เมตตามาร่วมงานด้วยทุกครั้งไป
    .
    และคราใดที่วัดห้วงพัฒนา
    ของหลวงปู่สุพจน์มีงานอะไร
    ก็จะต้องเห็นหลวงปู่บุญส่งด้วยเช่นกันนั่นเอง
    .
    .
    ตลอดจนถึงคราวที่พ่อแม่ครูอาจารย์ทั้งสองรูปที่เจอกัน
    ตามงานข้างนอกที่ออกปฏิบัติศาสนกิจพร้อมกัน
    ก็มักจะเกิดภาพของความประทับใจกันอยู่บ่อยครั้ง
    ที่พ่อแม่ครูอาจารย์ทั้งสอง
    แสดงออกถึงความเคารพนอบน้อมในกันและกัน
    .
    .
    ปัจจุบัน หลวงปู่สุพจน์
    ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคณะจังหวัดตราด (ธ)
    สิริอายุ 73 ปี 52 พรรษา
    .
    ส่วนหลวงปู่บุญส่ง
    ปัจจุบันสิริอายุ 81 ปี 51 พรรษา
    .
    .
    โดยพ่อแม่ครูอาจารย์
    ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบทั้ง 2 รูปนั้น
    ถือได้ว่าคือหนึ่งในเพชรน้ำงาม
    แห่งวงศ์พระกรมฐานแห่งภาคตะวันออกในยุคปัจจุบัน
    ที่ควรค่าแก่การบูชาอย่างแท้จริง
    .
    .
    .
    #น้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์ด้วยเศียรเกล้า
    .
    .
    .............................................
    .
    .
    "พระวิมลเมธาจารย์" :
    #หลวงปู่สุพจน์ ฐิตัพพโต
    พระอริยสงฆ์ผู้คงไว้ซึ่งวัตรปฏิบัติอันดีแล้ว
    .
    "พระวิมลเมธาจารย์" :
    #หลวงปู่สุพจน์ ฐิตพฺพโต (เทพเจ้าแห่งเสือสมิง)
    เจ้าคณะจังหวัดตราด(ธ.) วัดห้วงพัฒนา
    ต.แสนตุ้ง อ.เขาสมิง จ.ตราด
    .
    .
    ในยุคแห่งสมถกรรมฐานกำลังเจริญรุ่งเรือง
    ดุจประทีปธรรมของพระพุทธองค์
    ถูกจุดว่างไสวขึ้น ณ แดนดงอันวิเวก
    ห่างไกลความเจริญนั้น
    .
    .
    หลวงปู่สุพจน์ ฐิตัพพโต ถือเป็นศิษย์รูปหนึ่ง
    ของแม่ทัพธรรมสายอรัญวาสี ซึ่งมีจิตมุ่งมั่นปฏิบัติธรรม เพื่อเป็นไปตามแนวทางของการหลุดพ้นตามวิถพ่อแม่ครูอาจารย์ผู้มีความชำนาญในสายวิปัสสนากรรมฐานท่านมีใจรักและเลื่อมใสในการปฏิบัติธรรมมาก่อน
    .
    .
    องค์ท่านมีนามเดิมว่า สุพจน์
    นามสกุล รัตนพาหิระ
    .
    เกิดเมื่อวันพุธ (ชึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๖ ปีระกา)
    เดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๔๘๘
    .
    ณ. บ้านเลขที่ ๔๐ ตำบลชำราก
    อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด
    .
    เป็นบุตรของพ่อสวงษ์
    และคุณแม่พร รัตนพาหิระ
    มีพี่น้องรวมทั้งหมด ๘ คนด้วยกัน
    .
    ๑. คุณจำรูญ มุสิกะรัตน์
    ๒. พระวิมลเมธาจารย์ (หลวงปู่ สุพจน์)
    ๓. คุณ รุจี รัตนพาหิระ
    ๔. คุณ ม้วน รัตนพาหิระ
    ๕. เป็นชายเสียชีวิตตั้งแต่ยังเล็ก (ชื่อน้องป๊าด)
    ๖. คุณ สารภี รัตนพาหิระ
    ๗. พระอาจารย์ เสวต สุกุกสิริ
    ๘. คุณ ประพาน รัตนพาหิระ
    .
    .
    ในวัยเด็กหลวงปู่สุพจน์
    ได้เข้าเรียนหนังสือที่วัดคีริวิหาร
    ตำบลชำราก อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด
    .
    .โดยในสมัยนั้นยังไม่มีโรงเรียน
    การศึกษาเล่าเรียนจึงต้องไปเรียนที่วัด
    หลวงปู่ได้ศึกษาเล่าเรียนจนจบชั้นประถมปีที่๔
    ซึ่งในสมัยนั้นก็นับว่าเรียนมากแล้ว
    .
    .
    ผู้ที่อาศัยอยู่ในชนบทสมัยก่อนนั้น
    มีอาชีพหลักคือการทำนา โดยสมัยนั้นยังใช้วัวควายไถนาปลูกข้าวอยู่ ว่างจากการเล่าเรียน หลวงปู่ท่านก็ช่วยโยมบิดามารดาทำนา
    .
    หลังจากเก็บเกี่ยวข้าวเข้ายุ้งฉางแล้ว
    หลวงปู่ก็ไปช่วยทำงานในสวนอีก
    ตั้งแต่ปักไม้และขุดหลุม
    เพื่อเอากล้ายางพาราลงปลูกไปเป็นแถวๆ
    ช่วยใส่ปุ๋ย พรวนดิน รดน้ำ
    ถากหญ้ารอบๆโคนต้นยาง
    .
    .
    เรียกว่าหนักเอาเบาสู้
    ทำด้วยความขยันขันแข็งจนเป็นที่รักใคร่
    ของโยมบิดามารดาและญาติๆ
    บางครั้งหลวงปู่ยังไปรับจ้างเลื่อยไม้
    จนเป็นที่ยอมรับกันในหมู่บ้านว่า
    .
    หลวงปู่เป็นผู้มีฝีมือในการเลื่อยไม้คนหนึ่ง
    ในตำบลชำราก ดังนั้นจึงมีคนมาจ้าง
    ให้เลื่อยไม้เป็นประจำมิได้ขาด
    .
    อุปนิสัยของหลวงปู่นั้น
    ผู้ใกล้ชิดสมัยนั้นเล่าให้ฟังว่า
    ตอนเริ่มเป็นหนุ่มก็มีนิสัยดื้อรั้นบ้าง
    แต่เป็นคนจริง
    .
    จึงเป็นเหตุที่มา
    ของการที่ประสบผลสำเร็จในการปฏิบัติธรรม
    จนมีกิตติศัพท์กิตติคุณฟุ้งขจรขจาย
    ไปทั่วจังหวัดตราดและในเขตใกล้เคียง
    .
    .
    เมื่อหลวงปู่มีอายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์
    โดยโยมบิดามารดาจึงพร้อมใจกัน
    ให้บรรพชาอุปสมบท ณ พัทธสีมา
    วัดคีริวิหาร ตำบลชำราก อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด
    .
    .
    เมื่อวันที่๒๒ พฤษภาคม ๒๕๐๘
    ได้รับฉายาว่า "ฐิตพฺพโต"
    แปลว่า "ผู้มีวัตรอันตั้งอยู่แล้ว"
    .
    โดยมีพระวินัยบัณฑิต(ถาวร ฐานุตฺตโร ป.ธ.๗)
    วัดวรดิตถาราม เป็นพระอุปัชฌาย์
    .
    พระมหาทองดี อนาวิโล(ปัจจุบันละสังขารแล้วที่พระเทพเมธาจารย์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดตราด ธ.) วัดวรดิตถาราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    .
    พระหัน คุณวนฺโต (อดีตเจ้าคณะจังหวัดตราด ธ.)
    วัดคีริวิหารเป็นพระอนุสาวนาจารย์
    .
    เมื่อหลวงปู่ได้บรรพชาอุปสมบทแล้ว
    ได้ศึกษาธรรมวินัยและจำพรรษาอยู่ที่วัดคีริวิหาร
    .
    ในพรรษาแรกได้ตั้งใจเจริญวิปัสสนากรรมฐาน
    ควบคู่กับการศึกษาพระธรรมวินัย
    พร้อมทั่งท่องบ่นสาธยายมนต์
    และหนังสือนวโกวาท
    .
    ซึ่งเป็นพื้นฐานเบื้องต้นของพระสายกรรมฐาน ที่พระอริยเจ้าทั้งหลายได้พากันดำเนินมา อีกทั้งหลวงปู่ยังได้ออกธุดงค์ชนิดบุกเดี่ยวฝากชีวิตไว้กับพระรัตนตรัย เอาความเป็นความตายเข้าแลก เพื่อดำรงธรรมของพระพุทธเจ้าเพื่อแสวงหาครูบาอาจารย์
    หลวงปู่จาริกไปทางเมืองเหนือ
    .
    เข้ากราบนมัสการครูบาอาจารย์
    เพื่อขอเป็นศิษย์สายพระอาจารย์มั่น คือ
    .
    - หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร
    แห่งวัดถ้าผาป่อง จังหวัดเชียงใหม่
    .
    บำเพ็ญภาวนาอยู่นานหลายปี ท่านได้มอบตัวเป็นศิษย์และอยู่ศึกษาอบรมสมาธิในสายหลวงปู่มั่นเรื่อยมา ด้วยความจริงใจและเด็ดเดี่ยว
    .
    หลวงปู่สุพจน์ได้ฝึกปฏิบัติกรรมฐานในป่าอันสงัด ห่างไกลจากบ้านเรือนของผู้คน โดยตั้งปณิธานไว้ว่า จะเป็นก็เป็น จะตายก็ตาย จิตมุ่งอยู่แต่สมาธิภาวนาเท่านั้น
    .
    .
    ขณะที่ศึกษาอบรมอยู่กับหลวงปู่สิม
    ก็ได้เรียนรู้ข้อปฏิบัติอันเป็นเครื่องขูดเกลากิเลส
    ตลอดถึงจิตภาวนาที่หลวงปู่สิมได้พาดำเนินไปด้วยความถูกต้องดีงาม ตามหลักพระธรรมวินัย
    .
    ซึ่งหลวงปู่สุพจน์
    ท่านได้สืบทอดข้อวัตรปฏิบัติเรื่อยมาและอุบาสก อุบาสิกาในเวลาต่อมา
    .
    นอกจากนั้นยังมีพ่อแม่ครูอาจารย์อีกหลายท่านที่หลวงปู่ได้เคยเข้าไปศึกษาอบรมสมาธิภาวนาเช่น
    .
    - หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
    จังหวัดหนองคาย
    - หลวงปู่เทศก์ เทสรังสี
    จังหวัดหนองคาย
    - หลวงปู่ท่อน ญาณธโร
    จังหวัดเลย
    - หลวงปู่อ่อนศรี ฐานวโร
    วัดถ้ำประทุม จังหวัดชลบุรี
    .
    - หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
    - หลวงปู่ขาว อนาลโย
    - หลวงตามหาบัว จังหวัดอุดรธานี
    - หลวงปู่ลี ฐิตธมฺโม
    ถ้ำเหวลึก จังหวัดสกลนคร
    - หลวงปู่สรวง สิริปุญโญ
    วัดศรีฐานใน จังหวัดยโสธร
    - หลวงปู่มหาทองอินทร์ กุสลจิตโต
    วัดสันติธรรม จังหวัดเชียงใหม่
    - หลวงปู่จันทร์โสม กิตติกาโม
    ทายาทหลวงปู่สิม
    และหลวงพ่อประสิทธิ์ วัดป่าหมู่ใหม่
    จังหวัดเชียงใหม่ เป็นต้น
    .
    .
    หลวงปู่สุพจน์ได้จำพรรษา
    อยู่ที่วัดวรดิตถารามถึง พ.ศ ๒๕๑๒
    เพื่ออุปัฏฐาก ฃพระอุปัชฌาย์ พร้อมทั้งศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรม และหลวงพ่อได้แบบอย่างความความเป็นพระสุปะฏิปันโน จากพระอุปัชฌาย์ของหลวงปู่เอง
    .
    คือเป็นพระมักน้อยสันโดษมีศีลาจารวัตรที่งดงาม ควรแก่การกราบไหว้เป็นอย่างยิ่ง หลวงปู่มักจะปรารถถึงพระอุปัชฌาย์ ของหลวงปู่อยู่เสมอๆ เมื่อเทศน์อบรมพระภิกษุสามเณรในวัด ให้เห็นถึงข้อวัตรปฏิบัติของพระอุปัชฌาย์ โดยมักยกเป็นตัวอย่าง ดังจะเห็นได้จากการที่หลวงปู่อบรมพระภิกษุสามณรว่า
    .
    .
    ”ท่านให้ความเคารพนับถือด้วยความจริงใจ ข้อนี้ถือว่า ท่านมีความกตัญญูต่อครูบาอาจารย์ ที่เราท่านทั้งหลายควรน้อมนำมาเป็นแบบอย่างและประพฤติปฏิบัติ เจริญรอยท่าน จึงได้ชื่อว่าเป็นศิษย์ที่ดี”
    .
    .
    หลวงปู่สุพจน์ ได้สร้างบารมีอยู่ในป่าเขา เป็นเวลายาวนาน มีประสบการณ์มากมายเกี่ยวกับสัตว์ป่าทั้งหลายเช่น ลิง ค่าง ช้าง เสือ เวลาท่านนึกถึงอะไร สิ่งนั้นมักจะมาตามความรำพึงนึกคิดเสมอ เช่นนึกถึงช้าง ว่าหายหน้าไปไหนนานไม่ผ่านมาทางนี้เลย พอตกกลางคืนดึกๆช้างก็จะมาหาจริงๆ และเดินตรงมายังภายในกุฏิที่ท่านพักอยู่ พอให้ทราบว่าเขามาหาแล้ว ช้างก็จะกลับเข้าป่าไป เวลาที่ท่านนึกถึงเสือ ก็เช่นกัน นึกถึงตอนกลางวัน ตกกลางคืนเสือก็มาเพ่นพ่านภายในวัดบริเวณที่ท่านพักอยู่ หลวงพ่อสุพจน์ ท่านได้บำเพ็ญเพียรออกธุดงค์ เพื่อเผยแผ่พระธรรม คำสอนตามสถานที่ต่างๆหลายแห่ง
    .
    เมื่อหลวงปู่ มีพรรษา๕พรรษาแล้ว จึงมาจำพรรษาอยู่ที่ห้วงพัฒนา หลวงปู่สุพจน์ ท่านเป็นพระภิกษุ ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มีข้อวัตรปฏิบัติงดงาม สมควรจดจำเป็นแบบอย่าง
    .
    .
    ท่านมีความพากเพียร มุ่งมั่นในการปฏิบัติ ปฏิบัติจนมีชื่อเสียง ศรัทธาญาติโยมทั้งใกล้และไกลมักกล่าวกันปากต่อปาก หลวงปู่ท่านตั้งอยู่ในข้อวัตรปฏิบัติอันดีงามเสมอต้นเสมอปลายตั้งแต่ท่านยังมีอายุพรรษาไม่มาก ท่านได้บำเพ็ญตนให้เป็นแบบอย่างคือท่านมีความเด็ดเดี่ยวในข้อวัตรปฏิบัติมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเดินจงกรม ได้เน้นเป็นพิเศษ
    .
    กล่าวคือเมื่อฉันเสร็จ เริ่มเดินจงกรมเป็นพุทธบูชา พอถึงบ่ายสองโมงเริ่มเดินจงกรมถวายเป็นธรรมบูชา จนถึงบ่าย ๔ โมง และเมื่อทำข้อวัตรเสร็จสิ้นแล้วก็จะเริ่มเดินจงกรมถวายเป็นสังฆบูชา จนถึงประมาณ ๔-๕ ทุ่ม จึงเข้าที่พักเพื่อบำเพ็ญภาวนาต่อไปทุกๆวันเวลาเช้าราวตีสาม ก็จะลุกขึ้นเจริญจิตตภาวนาและพาภิกษุสามเณรพร้อมญาติโยมที่มาบวชนุ่งขาวห่มขาว เจริญจิตตภาวนาไปด้วยทุกครั้ง
    .
    หลวงปู่ไม่เคยขาดการทำวัตรสวดมนต์ทั้งเช้าและเย็น ยกเว้นบางวันที่หลวงปู่ท่านออกไปทำธุระทางพระศาสนา แล้วกลับไม่ทัน นอกจากนั้นแล้วกิจวัตรของหลวงปู่คือการทำสมาธิภาวนาทั้งเช้าเย็น โดยมิได้แสดงความเบื่อหน่ายให้เห็นเลย ทั้งยังได้สงเคราะห์วัตถุและปัจจัยทั้งในวัดและนอกวัด โดยมีเมตตาคุณเป็นที่ตั้ง
    .
    .
    จึงทำให้ญาติโยมสาธุชนทั้งหลาย
    ได้มีโอกาสได้กราบไหว้บูชา
    พระสุปฏิปันโนอีกรูปหนึ่งอย่างสนิทใจ
    .
    .
    .......................................
    .
    .
    #น้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์ด้วยเศียรเกล้า
    .
    .
    Cr.ขอบคุณเจ้าของภาพ
    .
    .
    อีกช่องทางคือเข้ากลุ่มไลน์ของลูกศิษย์หลวงปู่บุญส่ง
    https://line.me/R/ti/g/KmbjepJz09
    .
    หรือจะเข้ากลุ่มทางเฟส ชื่อ "หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

    73.jpg 74.jpg 75.jpg 76.jpg
     
  15. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    2 พ่อแม่ครูอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแห่งอนาคตวงศ์ ที่ควรค่าแก่การบูชา
    .
    #หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
    วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี
    เพชรน้ำงามแห่งวงศ์พระกรรมฐานแดนบูรพา
    #ครูบากฤษดา สุเมโธ
    วัดสันพระเจ้าแดง จ.ลำพูน
    อนาคตวงศ์ผู้มากล้นด้วยมหาบารมี
    .
    .
    #น้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์ด้วยเศียรเกล้า
    .
    .
    อีกช่องทางคือเข้ากลุ่มไลน์ของลูกศิษย์หลวงปู่บุญส่ง
    https://line.me/R/ti/g/KmbjepJz09
    .
    หรือจะเข้ากลุ่มทางเฟส ชื่อ "หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

    73.jpg
     
  16. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    #หลวงปู่บุญเรือง #หลวงปู่บุญส่ง
    .
    #หลวงปู่บุญเรือง กิตฺติปุญโญ วัดพุมุด อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี
    กับ #หลวงปู่บุญส่ง นั้น องค์ท่านม่ีความคุ้นเคยกันมาช้านาน
    ตั้งแต่คราที่หลวงปู่บุญส่งเดินทางไปที่เมืองกาญฯอยู่บ่อย ๆ
    ในช่วงที่ยังไม่ได้เปิดตัวออกมาสู่สาธารณชน
    .
    หลวงปู่บุญเรือง ท่านอายุน้อยกว่าหลวงปู่บุญส่ง
    ประมาณ 2 - 3 ปี แต่พรรษากาลท่านจะมากกว่าหลวงปู่บุญส่ง
    ด้วยว่าท่านบวชก่อนหลวงปู่บุญส่ง
    .
    แต่กระนั้นหลวงปุ่บุญเรืองท่านก็มักจะให้เกียรติหลวงปู่บุญส่งอยู่เสม
    เจอกันที่ไหนท่านก็จะสนทนาด้วยความเป็นกันเอง
    ท่านบอกว่าหลวงปู่บุญส่งทรงคุณธรรมมีบารมี ปฏิบัติดี
    และเคร่งครัดเป็นอย่างมาก
    .
    .
    ครั้งหนึ่งที่วัดสันติวนารามได้จัดงาน
    และมีการนิมนต์พ่อแม่ครูอาจารย์สายกรรมฐานเดินทางมาร่วมงานมากมาย
    หนึ่งในนั้นคือพ่อแม่ครูอาจารย์ #หลวงปุ่บุญเรือง กตปุญโญ
    ศิษย์ในองค์"หลวงปู่มหาปิ่น ชลิโต"
    ที่องค์ท่านเดินทางมาจากเมืองกาญมาจังหวัดจันทบุรี
    เพื่อมาร่วมงานด้วย
    .
    โดยเมื่อมาถึงวัดนั้น องค์ท่านก็ทักทายด้วยความเป็นกันเอง
    ก่อนที่จะสอบถามถึงหลวงปู่บุญส่งในทันที่ว่า
    .
    .
    "เจ้าพ่ออยู่ที่ไหน (หมายถึงหลวงปู่บุญส่ง) ...
    ต้องไปหาเจ้าพ่อก่อน มาถึงถิ่นเจ้าพ่อทั้งที
    ไม่ไปทักทายเจ้าพ่อ เดี๋ยวจะลำบาก "
    .
    .
    แล้วท่านก็หัวเราะ ก่อนที่จะเดินกันไปหาหลวงปู่บุญส่งที่ศาลารับรอง
    เมื่อไปถึงองค์หลวงปู่บุญเรืองท่านก็เข้าไปหาหลวงปู่บุญส่ง
    พร้อมทักทายว่า "มาถิ่นเจ้าพ่อต้องมาหาเจ้าพ่อก่อน" แล้วท่านก็หัวเราะ
    .
    .
    เมื่อหลวงปู่บุญส่งเห็นว่าหลวงปู่บุญเรืองท่านเดินทางมา
    จึงรีบลุกขึ้นจากอาสน์สงฆ์ในทันที ก่อนที่จะก้มกราบทำวัตรคารวะ
    พร้อมปรารภว่า "หลวงปู่บุญเรืองก็พูดเกินไป เจ้าพ่ออะไรกัน"
    จากนั้นท่านทั้งสองก็สนทนาปสาทะด้วยความเป็นกันเอง
    .
    .
    หลวงปู่บุญเรืองท่านปรารภว่า
    หลวงปู่บุญส่งเป็นพระที่ปฏิบัติดีและมีบารมีมาก
    .
    แม้จะบวชทีหลัง แต่ท่านก็ปฏิบัติดี มีบารมี และเอาจริงเอาจัง
    ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร สมัยก่อนไม่เปิดตัว ดุมาก เด็ดเดี่ยวมาก
    ใครไม่ค่อยกล้ายุ่ง หลายคนรู้กิตติศัพท์กันดี
    ทั้งตอนที่ก่อนบวชว่าเป็นยังไง และตอนที่บวชแล้วว่าท่านเป็นยังไง
    .
    ในตอนหลังที่เปิดตัวออกมาให้คนได้ทำบุญ
    ท่านใจดีมากแล้ว เมตตามากแล้ว ต่างกับสมัยก่อน
    ท่านมีบารมีของท่าน
    .
    .
    ส่วนหลวงปู่บุญส่ง นั้น ท่านได้ปรารภถึงหลวงปู่บุญเรืองว่า
    เป็นพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ทรงคุณธรรมกราบไหว้ได้สนิทใจอีกรูปหนึ่ง
    รู้จักคุ้นเคยกันมานานพอสมควร
    และท่านก็ให้เกียรติหลวงปู่บุญส่งเสมอ
    แม้ว่าพรรษากาลท่านจะมากกว่า
    .
    .
    อนึ่ง ในภายหลังได้สอบถามหลวงปู่บุญส่งว่า
    ที่หลวงปู่บุญเรืองท่านเรียกหลวงปู่ว่า
    .
    "เจ้าพ่อ .. นั่นเพราะอะไร
    ว่ากันว่าสมัยก่อนหลวงปู่ดุมาก ๆ "
    หลวงปู่ท่านจึงหัวเราะและตอบมาสั้น ๆ ว่า
    .
    "ไม่รู้เหมือนกัน ... อาจจะเป็นอย่างนั้น เราไม่ได้ดุ
    เราแค่จริงจังกับสิ่งที่ทำ ทำให้เต็มที่
    คนจะได้ไม่ว่าลับหลัง
    มันเลยดูว่าเราดุ ... แต่เดี๋ยวนี่เบาลงมากแล้ว"
    .
    ก่อนที่องค์ท่านจะหัวเราะออกมาด้วยความเมตตา
    .
    .
    #น้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์ด้วยเศียรเกล้า
    .
    .
    อีกช่องทางคือเข้ากลุ่มไลน์ของลูกศิษย์หลวงปู่บุญส่ง
    https://line.me/R/ti/g/KmbjepJz09
    .
    หรือจะเข้ากลุ่มทางเฟส ชื่อ "หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

    73.jpg 74.jpg
     
  17. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    "โบสถ์หลังนี้ ถ้าเราไม่ได้ท่านโยชน์ เราก็เเย่นะ ถ้าท่านโยชน์ตายก่อน เราก็ไปไม่เป็น"

    #ครูบาโยชน์......พระผู้มีปฏิปทาปิดทองหลังพระ

    พระผู้สนองงานศาสนาที่องค์หลวงปู่ไว้วางใจมากที่สุด...... ท่านจบเพียงแค่ ป.4 แต่สามารถคำนวนแบบแปลนโครงก่อสร้างได้อย่างแม่นยำ

    ทำให้วัดมิต้องเสียค่าจ้าง ท่านเป็นผู้อยู่เบื้องหลังแห่งความสำเร็จของอุโบสถ

    ครูบาโยชน์ ... หลายท่านอาจจะรู้จักท่านบ้างแล้ว แต่ยังมีอีกหลายท่านก็อาจจะไม่ทราบ

    ปูมหลังของครูบาโยชน์พระผู้สนองงานแทนหลวงปู่อยู่ในปัจจุบัน หลวงปู่มักนำเรื่องราวของท่านมาพูดแทรกธรรมะให้เราๆเหล่าลูกศิษย์ฟังกันอยู่เสมอ

    #ครูบาท่านเป็นคนใจดี ใจนักเลง กล้าได้กล้าเสีย จึงไม่เหมาะแก่ชีวิตทางโลก บุญจัดสรรให้ท่านเข้าสู่หนทางแห่งศาสนา .....

    ครูบาโยชน์ถือได้ว่าบุคคลสำคัญอีกท่านนึง ผู้อยู่เบื้องหลังมาโดยตลอด สมัยก่อนท่านเป็นพระอุปฐากหลวงปู่ไปทุกหนทุกแห่ง .....

    #เมื่อทางวัดมีสร้างอุโบสถขึ้น ท่านก็หยุดติดตาม ปัจจุบันท่านจึงเป็นผู้คุมงานการสร้างอุโบสถและศานสถานในวัดทั้งหมด ท่านเป็นผู้รักสัตว์มาก จะเห็นได้จากความเมตตาของท่านด้วยการรายล้อมด้วยสมุนเยอะแยะมากมาย...

    เครเดิต อ. ติ๊ก พรหมโชติ

    น้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์ด้วยจิตคารวะครับ

    #คณะศิษย์หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
    .
    .
    อีกช่องทางคือเข้ากลุ่มไลน์ของลูกศิษย์หลวงปู่บุญส่ง
    https://line.me/R/ti/g/KmbjepJz09
    .
    หรือจะเข้ากลุ่มทางเฟส ชื่อ "หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

    73.jpg 74.jpg 75.jpg 76.jpg 77.jpg
     
  18. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    เรื่องเล่าจากลูกศิษย์...ตั้ม หล่อรวยเท่ห์
    .
    อย่าสงสัยในองค์ครูบาอาจารย์ หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร อุปสมบท ณ วันที่ ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๐ หลวงปู่ฯ ท่านเคยไปอยู่ศึกษากับ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ที่ดอยแม่ปั๋ง และครูบาอาจารย์อีกหลายต่อหลายรูป หลวงปู่แหวนเป็นครูบาอาจารย์ที่ท่านประทับใจมากที่สุด หลวงปู่ฯท่านมักกล่าวอยู่เสมอว่า

    “สมัยอยู่กับหลวงปู่แหวน เป็นช่วงที่อบอุ่นที่สุด พระทุกรูปที่อยู่จะต้องแย่งกันรับใช้หลวงปู่แหวน เช่น ต้มน้ำร้อน ซักผ้าสบงจีวร และอื่นๆ โดยไม่เกี่ยงว่าอันนี้หน้าที่ใคร เพราะมีแต่แย่งกันทำ เอาบุญ”

    “เราบวชมา เราต้องปฏิบัติภาวนาไม่เอาเปรียบญาติโยม ผู้ให้ข้าวให้น้ำ ไม่ได้บวชมานั่งมานอนบวชเล่นบวชเรียน บวชต้องปฏิบัติ คนมาทำบุญที่นี่ต้องได้ผลบุญเต็ม เราต้องภาวนาแผ่เมตตาปฏิบัติให้เค้าอย่างเต็มที่”

    ผมเองไม่เคยสงสัยองค์หลวงปู่ ท่านเป็นแบบอย่างในด้านการปฏิบัติกิจวัตรของสมณะได้อย่างดีเยี่ยม หลวงปู่ท่านเมตตาและรักลูกศิษย์เท่ากันหมด คนรวย คนยากดีมีจนเสมอภาพกันหมดไม่มีแยกแยะเลือกที่รักมักที่ชัง หลวงปู่ท่านเป็นพระเรียบง่ายแต่ระเอียดใจดีไม่เคยดุลูกศิษย์เลยแม้แต่นิด คำสอนข้อคิดเตือนสติที่เข้าใจง่ายแค่คิดในใจบางครั้งท่านก็หันมาตอบให้ เรื่องปาฏิหาริย์นั้นเพียบขอให้เชื่อมั่นเดี่ยวก็เจอเองครับ มีครูบาอาจารย์ท่านบอกกับผมว่า "หลวงปู่บุญส่งท่านหย่อนลงมาหาลูกศิษย์ขนาดนี้ เราต้องเทิดทูนบูชาองค์ท่านให้สูงขึ้น" ภาษาชาวบ้านคือท่านเป็นพระที่สำเร็จถึงแก่นธรรมมาโปรดญาติโยมขนาดนี้แล้วเราต้องรีบทำบุญกับท่านเคารพบูชาองค์ท่าน แล้วเราจะรออะไรอยู่ครับรีบทำบุญหนุนชีวิต อุปฐากท่านรักษาฐาตุขันต์องค์หลวงปู่ เพื่อให้หลวงปู่คงอยู่คู่กับศาสนานานๆครับ
    .
    .
    สมาชิกทุกท่านสามารถเข้ามาหาข้อมูลของหลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร และอุโบสถวัดสันติวนารามได้ที่เวปของทางวัด http://luangpuboonsong.com/web/
    .
    อีกช่องทางคือเข้ากลุ่มไลน์ของลูกศิษย์หลวงปู่บุญส่ง
    https://line.me/R/ti/g/KmbjepJz09
    .
    หรือจะเข้ากลุ่มทางเฟส ชื่อ "หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

    73.jpg
     
  19. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    โอวาทธรรม...หลวงปู่บุญส่ง
    .
    ดับโลภะ โทสะ โมหะ ด้วยกรรมฐาน

    ไฟสามกองเผาเราอยู่เสมอ

    ไฟสามกอง โลภะ โทสะ โมหะ ไฟสามกองเผาเราอยู่เสมอทุกวัน ถ้าเกิดโลภะตอนนั้นตายไปเป็นเปรตทุกราย ถ้าเกิดโทสะต้องลงนรกทันที ถ้าเกิดโมหะต้องกลับกลายไปเป็นสัตว์เดียรัจฉานแน่นอน จะเป็นสัตว์เดียรัจฉานที่ไหนเราก็ไม่รู้เรื่อง

    จิตไม่มีเด็ก ไม่มีหนุ่มสาว ไม่มีแก่ ไม่มีตาย

    ร่างกายเราเปลี่ยนแปลงเสื่อมไปตามธรรมชาติ

    แต่จิตของเราก็ยังเป็นจิตดวงเดิม

    มีแต่อวิชชา ตัณหา อุปาทาน ทำให้เราเวียน

    อยู่ในภพชาติไม่รู้จบ..

    กราบหลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
    .
    Cr. โจ๊ก พงศ์ปณต
    73.jpg
     
  20. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    โอวาทธรรม...หลวงปู่บุญส่ง
    .

    *คนชั่วมันกลัวความดี คนดีก็กลัวความชั่ว
    คนชั่วคนเดียวอยู่ในหมู่คนดีสัก๑๐๐คนมันอยู่ไม่ได้หรอก แต่ คนดีหากตกไปอยู่ในหมู่คนชั่วสัก๑๐๐คนก็ยังอยู่ได้ ความดีมีอานุภาพรักษาคนความดีแม้จะอยู่ในที่ชั่ว นี่แหละอานุภาพความดีจงเอาชนะความชั่วด้วยความดี จะเอาความชั่วไปชนะความชั่วไม่ได้ คนที่หมั่นทำความดีจะไม่ตกไปอยู่ในที่ชั่วทางแห่งความเสื่อมเพราะอำนาจแห่งความดีมันป้องกันไว้ ให้ขยันทำความดีกันเอาไว้ เมื่อมีความดีสิงอยู่ที่จิตที่ใจแล้วความชั่วสักนิดเราก็จะไม่ไปทำมันเลย การเกลียดกลัวความชั่ว เกรงกลัวต่อบาป คือพื้นฐานแรกแห่งความดี หิริโอตับปะจะเป็นฐานรองรับศีลให้มั่นคงได้ ต้องเกรงกลัวต่อบาปกันเสียก่อน*
    (หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร)
    วัดสันติวนาราม อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี)
    Cr. Tik Promchot
    .
    .
    สมาชิกทุกท่านสามารถเข้ามาหาข้อมูลของหลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร และอุโบสถวัดสันติวนารามได้ที่เวปของทางวัด http://luangpuboonsong.com/web/
    .
    อีกช่องทางคือเข้ากลุ่มไลน์ของลูกศิษย์หลวงปู่บุญส่ง
    https://line.me/R/ti/g/KmbjepJz09
    .
    หรือจะเข้ากลุ่มทางเฟส ชื่อ "หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

    73.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...