หลวงปู่พิศดู วัดเทพธารทอง และพระคณาจารย์สายต่างๆ (ข้อมูลวัตถุมงคล หน้า 1-8)....

สวัสดีครับท่านทุเรียนทอด

ตอนที่ท่านไม่อยู่ ผมได้ลง Clip ที่หลวงปู่สวดมนต์มาลงไว้อ่ะครับ 2 คลิป เคยเห็นเป็นครั้งแรกเหมือนกัน....

 

กราบหลวงปู่และสวัสดีทุกๆท่านครับ...

 

หวัดดีคุณทุเรียนทอดและสมาชิกทุกท่านครับ กบสานไม่เจอในสนามเลยครับคุณกวาว

​

 

กราบองค์หลวงปู่พิศดู สวัสดีพี่ทุเรียนทอด และพี่ๆ ทุกท่านนะครับ

 

กราบหลวงปู่พิศดู ธมฺมจารี ที่เคราพอย่างสูงยิ่ง
และสวัสดีสมาชิกทุกท่าน


สงสัยมากว่า ทําไมพระองคุลีมาลถึงเป็นพระอรหันต์ได้ทั้งๆ ที่ฆ่าคนมาเยอะครับ

ถาม. ทําไมพระองคุลีมาลถึงเป็นพระอรหันต์ได้ทั้งๆ ที่ฆ่าคนมาเยอะครับ??
ตอบ. อย่างแรกที่อยากให้ได้รู้ไว้ก็คือ การตั้งคําถามลักษณะนี้และการตอบคําถามลักษณะนี้ล้วนแล้วแต่จะพาให้ไม่มีที่สิ้นสุดและไม่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติธรรม หรือเธอคิดว่ามันมีประโยชน์ที่จะไปเที่ยวรู้ว่าใครเป็นอย่างไร ทําไมถึงเป็นอย่างนั้น ทําไมเป็นอย่างนี้ คําถามเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ก่อกวนการปฏิบัติและพาให้ผู้ปฏิบัตินั่งคิด นั่งหาเหตุผลมาพิจารณา มาหักล้าง และไม่มีที่สิ้นสุด และไม่มีประโยชน์อันใด มันไม่ได้ทําให้เธอได้กระเถิบเข้าไปแม้แต่นิดเดียว

“ใจ” น่ะ จะต้องรักษาให้มันถูกต้อง เอาล่ะ ถ้าฟังแล้วเจ็บใจ ก็ให้กําหนดรู้เสียนะ

ถ้าสมมติเราตอบไปว่าที่พระองคุลีมาลได้เป็นพระอรหันต์ก็เพราะอย่างโน้นอย่างนี้ เธอก็จะสงสัยและอาจจะพาลให้น้อยใจอิจฉาอีกว่าทําไมเราไม่เกิดในยุคพุทธกาล ทําไมอย่างโน้น ทําไมอย่างนี้ นี้เป็นการแสดงถึงความเขลาออกมา มันอาจจะทําให้เธอพาลคิดปรุงแต่งไปว่า ถ้าแหม เราได้เกิดในยุคพุทธกาลนั้นคงจะดีไม่น้อย คงได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า หรือได้เกิดในยุคนั้นเพราะทําบุญมาดี ถึงได้ไปฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าโดยตรง และอื่นๆ อีกที่เธอพาลจะคิดไปได้ มันพาออกไปอยู่ข้างนอก มันไปอยู่ที่เปลือกทั้งนั้นแหล่ะ….

พวกเธอทั้งหลายที่คิดเช่นนี้ ขอจงคิดเสียใหม่ เธอไปอ่านหนังสือพุทธประวัติมาอะไรมาก็ตาม เธอจงไตร่ตรองด้วยปัญญา และพยายามใช้ช่องทางนี้หนุนนําให้เกิดความเจริญก้าวหน้าในการปฏิบัติ ถ้าเธออ่านมา แล้วรู้ว่าพระองคุมาลนั้นฆ่าคนไปเป็นพัน แต่สุดท้ายก็ยังสําเร็จได้ นั้นแสดงให้เห็นถึงท่านมีความวิริยะอุตสาหะ และท่านได้พบกับอาจารย์ที่ดี นั่นคือ พระพุทธเจ้า นั่นเอง

เรื่องนี้สามารถสอนเธอได้ 2 ประการ อย่างแรกคือ เธอจงคบหาสัตตบุรุษ คบหากับผู้ที่สามารถให้ทางสว่างแก่เธอได้ เธอจงเริ่มแสวงหาผู้นั้น ไปฟัง ไปถาม ไปให้ท่านผู้นั้นคอยตบให้เข้าทางที่ถูก ทางที่ถูกก็คือ หนทางไปสู่ที่สุดแห่งทุกข์ นั่นคือจุดมุ่งหมายของพระพุทธศาสนาที่ตรงที่สุด ถ้าเธอไปคบหากับคนที่เป็นผู้ที่เอาแต่ชื่นชมดอกไม้ริมทาง คอยพาออกนอกทางไปสู่ทางที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ เธอก็จะล่าช้าและมีโอกาสเห็นผิดได้ นั้นคือประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งก็คือ พระองคุลีมาลได้กระทําความเพียรโดยชอบ ยังผลให้บรรลุธรรม ดังที่พระพุทธเจ้าท่านได้ตรัสไว้ว่า “บุคคลล่วงทุกข์ได้ด้วยความเพียร” ตัวเธอหรือตัวเราไม่ได้เคยฆ่าคนมาถึงพันคน ถ้าเทียบกันแล้วบาปกรรมก็คงไม่เท่ากับท่าน ท่านนั้นฆ่าคนมามาก แต่ก็ยังสําเร็จได้ แล้วอย่างนี้ตัวเธอนั้นเล่าจะยอมแพ้เชียวหรือ

นี้คือสองประการที่เธอควรระลึกเอาไว้โดยเสมอ และให้เธอเปลี่ยนจากการถามอะไรแบบนี้ มาเป็นการพิจารณาไปในทางที่ส่งเสริมให้เกิดวิริยะในการปฏิบัติให้มากขึ้น อย่าให้การอ่านเรื่องราวใดๆ อ่านแล้วเกิดคําถามหรือเกิดความอยากรู้โน่นรู้นี่ ยิ่งอยากรู้มาก ก็ยิ่งวุ่นวายมาก เราสามารถตั้งสมมติฐานได้ แต่ไม่มีประโยชน์ในการปฏิบัติ และไม่ควรนํามาคุยกันหรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพราะมันเป็นการนําความคิดของตนมายันใส่กัน ก่อให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งได้ <O</O


<HR style="COLOR: white" align=center SIZE=1 width="100%" noShade>

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ลีลาวดี : วันนี้ เมื่อ 09:36 AM<O</O

 

สวัสดี สมาชิกทุกท่านครับ

 

ความคล้ายคลึงขององค์หลวงปู่พิศดู กับท่านเข้าคุณนรฯ

องค์หลวงปู่ท่านชื่นชม และนับถือท่านเจ้าคุณนรฯ วัดเทพศิรินทร์ หลวงปู่ท่านบอกว่า.. " เรากับเจ้าคุณนรฯ เป็นสายเดียวกัน " และทุกครั้งที่มีคนกล่าวถึงเจ้าคุณนรฯ หลวงปู่จะชอบมาก ถ้าเราลองมองตามความจริง สำหรับการเกี่ยวพันแบบทางโลกและทางธรรม องค์หลวงปู่พิศกับท่านเจ้าคุณนรฯก็จะมีหลายอย่างคล้ายๆกัน เช่น

เจ้าคุณนรฯ ชื่อเดิม ตรึก แปลว่า คิด , พิจจารณา
หลวงปู่พิศดู ชื่อเดิม พิศ แปลว่า คิด , พิจารณา , เพ่ง

เจ้าคุณนรฯ ฉายา ธัมมะวิตักโก แปลว่า ผู้ตรึกธรรม
หลวงปู่พิศดู ฉายา ธัมมะจารี แปลว่า ผู้ประพฤติธรรม

เจ้าคุณนรฯ เกิด วันเสาร์ แรกของเดือน กุมภาพันธ์
หลวงปู่พิศดู ก็เกิด วันเสาร์ แรกของเดือน กุมภาพันธ์

เจ้าคุณนรฯ อยู่ วัด เทพศิรินทร์
หลวงปู่พิศดู อยู่ วัด เทพธารทอง

สีประจำวัดเทพศิรินทร์ สีเขียว ,สีเหลือง
สีประจำวัดเทพธารทอง สีเขียว , สีทอง

จริตของเจ้าคุณนรฯ พระปัจเจกภูมิ เดิม
จริตของหลวงปู่พิศดู พระปัจเจกภูมิ เดิม

แม้แต่นิสัยหลายๆอย่างก็มีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก เช่นนิสัย การศึกษา การอ่าน การเขียน การจด การจำ หรือแม้แต่ความรักสันโดษไม่ยินดีในลาภสักการะ หรือคลุกคลีในหมู่คณะ วันทั้งวันจะอยู่แต่ที่กุฏิสวดมนต์ภาวนา และไม่ค่อยออกจากวัด แต่หากมีใครมาหาก็จะเมตตาทุกคนเสมอ
แม้แต่การบรรลุธรรมของท่านทั้งสองก็คล้ายคลึงกัน คือจะหาทางหลุดพ้นด้วยองค์ท่านเอง ไม่ได้มีครูบาอาจารย์คอยตามคุมจิต ไม่มีใครคอยแนะนำบอกสอนความถูก ผิด ในเรื่องการปฏิบัติ ท่านจะศึกษาของท่านเองคนเดียว ลองผิด ลองถูกเองมาแทบทุกอย่าง อย่างที่เรียกว่า นิสัยปัจเจก คือ เฉพาะตนจริงๆ นี่ถ้าไม่ได้มีบารมีธรรมอันแก่กล้าจริงๆแล้ว ไม่มีทางสำเร็จคุณธรรมสูงสุดได้แน่นอน แต่นั่นแหละพอสำเร็จมรรคผลแล้ว จึงทำให้ท่านได้มีภูมิธรรมที่สูงส่ง ยิ่งใหญ่อลังการเป็นพิเศษด้วยประการทั้งปวง..





.

 

พูดถึงแล้วก็คิดถึงองค์หลวงปู่ท่านครับ ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่ดี(ใจ)มากๆ ไม่เคยรู้สึกดีอย่างนี้กับครูบาอาจารย์องค์ใด(รู้สึกส่วนตัว) ยิ่งเวลาเจอเรื่องแปลกๆ ยิ่งเพิ่มความเชื่อมั่นเป็นทวีคูณครับ รู้สึกตั้งแต่แรกพบเลยว่า หลวงปู่องค์นี้ไม่ใช่พระธรรมดาแน่นอน พออยู่คลุกคลีกับองค์ท่านเรื่อยๆยิ่งมั่นใจแบบหายสงสัยถึงความเป็นพระอริยะอรหันต์ ขนาดไม่ได้โชว์ ไม่ได้อวด ท่านบอกว่าบางที(ฤทธิ์)มันก็ออกมาเอง และ องค์หลวงปู่พิศดูท่านจัดเป็นพระอริยะอรหันต์ที่ทรงอภิญญาใหญ่มากๆ หรือจัดในขั้นทรงปฏิสัมภิทาญาณ... รู้ได้อย่างไร..? รู้ได้ก็ต่อเมื่อมีผู้พบเห็นเรื่องราวอิทธิปาฏิหาริย์นับครั้งนับคนไม่ถ้วนครับ ขนาดคนที่มาหาไม่กี่ครั้งยังได้เจอเลย แล้วคนที่อยู่ถวายงานท่านล่ะ..?(แต่ขอยืนยันครับว่า องค์หลวงปู่ท่านไม่ได้มีเจตนาอยากอวดเลยจริงๆ จริตท่านไม่อยากยุ่งกับคน แต่บางทีก็ต้องมีบ้างเพื่อละทิฐิของลูกศิษย์) ยิ่งมีครูบาอาจารย์ใหญ่ๆองค์หลายรับรองในคุณวิเศษที่องค์หลวงปู่ด้วย ยิ่งไม่ต้องสงสัยกันเลยครับ ผมไม่รู้ว่าจะบรรยายอย่างไรถึงจะเห็นภาพความรู้สึก แต่ผมก็เชื่อว่าพี่ๆน้องๆหลายท่าน ก็คงรู้สึกได้ดีเพราะว่าได้เจอมากับตัวเองนะครับ อนุโมทนาด้วยครับ สาธุ






.

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ กวาวชไม
กราบสาธุการหลวงปู่พิศดูและสวัสดีครับทุกๆท่านวันนี้มารบกวนขอข้อมูลเหรียญตามรูปถ่ายจากท่านทุเรียนทอดหน่อยอะ่ครับ ด้านหลังเหรียญเห็นว่ามีโค๊ดเหมือนที่อยู่ในพระกริ่งธัมมจารี ถ้ามีข้อมูลรบกวนหน่อยนะครับ



</TD></TR></TBODY></TABLE>


เป็นเหรียญที่มีผู้ศรัทธาในองค์หลวงปู่ นำมาให้ผมช่วยแจก มีอยู่ 99 องค์ ผมจึงได้นำเข้าไปฝากวางไว้ใกล้ๆองค์หลวงปู่พิศดู เผื่อว่าอาจเป็นการช่วยปรับรักษาธาตุขันธ์องค์ท่านด้วย เพราะว่าเป็นเหรียญพระมหาไภสัชยคุรุพุทธ(พระพุทธะ หมอยา) แล้วอีกนัยก็จะเป็นการรับเอากระแสพลังบารมีจากองค์หลวงปู่ และพระชุดนี้อยู่กับองค์หลวงปู่ท่านจนกระทั่งเคลื่อนจิตเข้าสู่นิพพาน เพราะฉนั้น จึงได้รับกระแสธรรมธาตุจากองค์หลวงปู่เต็มๆอีกด้วย จึงได้ทำการตอกโค๊ตกำกับเอาไว้ เพื่อเป็นการแยกแยะได้ง่ายว่า ชุดนี้ได้เคยอยู่กับองค์หลวงปู่ แล้วก็เอามาแจกกันฟรีๆ ไม่ได้ให้เช่าเลย เพื่อน้อมถวายอานิสงส์แด่องค์ครูบาอาจารย์ องค์หลวงปู่พิศดู และคณะผู้สร้างทั้งหมด เพื่อเป็นพุทธบารมี และทานบารมีครับ และได้ทำการจ่ายแจกให้ท่านที่เหมาะสมที่สุด และได้สำเร็จความประสงค์ทั้งหมดแล้วด้วยครับ สาธุ ขออนุโมทนาบุญกับทางคณะผู้สร้างมาอย่างสูง ณ โอกาสนี้ครับ
เหรียญชุดนี้ สร้างขึ้นเพื่อแจกเป็นทานบารมีอย่างเดียว โดยคณะผู้สร้างได้รวบรวมชนวนสำคัญๆมากมายที่สุด มาหล่อหลอมรวมกัน รีดเป็นแผ่น นำไปขอเมตตาครูบาอาจารย์หลายท่านมากๆ จารอักขระและเสกแผ่นชนวนให้ แล้วก็น้ำไปหลอมรวมกันอีก แล้วจึงทำเป็นเหรียญขึ้นมาได้จำนวนหนึ่งตามเนื้อชนวนที่มี จึงได้นำเข้าพิธีใหญ่-น้อย รวมถึงขอความเมตตาจากท่านพระอริยะพ่อแม่ครูอาจารย์มากมาย ช่วยอธิษฐานแผ่กระแสจิตลงไปอย่างเต็มที่ ซึ่งก็ได้รับความเมตตาจากครูบาอาจารย์ทุกองค์ อีกทั้งครูบาอาจารย์หลายท่านก็รับรองในกระแสพลังที่ได้บรรจุลงไปด้วยแล้วว่า ยอดเยี่ยมที่สุด ใช้ได้ทุกอย่างเลยตามแต่อธิษฐาน โดยเฉพาะทำน้ำพุทธมนต์ครับ ใครเจอที่ไหนแม้ไม่ได้เป็นองค์ที่อยู่กับหลวงปู่พิศดู ก็น่าใช้เป็นที่สุดเก็บไว้เถอะครับ เหรียญดีๆแบบนี้ ไม่ใช่ว่าจะสร้างกันได้บ่อยๆนะครับ สาธุ





.
ที่มา..
ขอเชิญร่วมบุญบริจาคชนวนสร้างเหรียญทำน้ำมนต์ เชิญชมภาพแท่งชนวนครับ<!-- google_ad_section_end -->

 

สวัสดีครับท่านkang_som

ครับเป็นบทสวดที่สำคัญมากๆครับ องค์หลวงปู่ไม่อยู่แล้ว แต่ภาพและเสียงยังอยู่ ให้เราได้รำลึกถึงท่าน หลวงปู่ท่านชอบสวดมนต์ครับ ชีวิตของท่านมีแต่พุทธมนต์ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เวลาไหน ท่านมีแต่สวดมนต์ กับให้ธรรมะตลอด เรียกว่าออกจากปากท่าน เป็นต้องมีแต่ธรรมล้วนๆ แม้แต่ได้ยินเสียงนกเสียงกา ท่านก็ยังตีให้เป็นธรรมะได้เลย ให้เราได้รู้สึก ชัดแจ้งถึงคุณธรรมของท่านว่า ล้วนเป็นธรรมอันงดงาม ในเบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุด เป็นปกติของท่านครับ

 

ขอบคุณท่านธมฺมสิทโธมากครับ ที่นำข้อความดีๆมาให้ศึกษาเช่นเคยครับ

 

กราบหลวงปู่พิศดู
หวัดดีคุณทุเรียนทอดและสมาชิกทุกท่านครับ วันนี้ขอให้มีลาภโชคดีกันทุกๆคนครับ

 

กราบหลวงปู่พิศดู สวัสดีครับพี่ทุเรียนทอดและสมาชิกทุกท่าน ไม่ได้แวะมาหลายวัน สบายดีกันทุกท่านนะครับ

 

สวัสดีครับคุณจันท์คับ และทุกท่าน

ใจสบายครับ แต่กายไม่ค่อยสบาย เพราะท้องเสีย ปวดหัว เมื่อยตัว เป็นไข้ ไม่มีแรง สงสัยมีอาการไข้เลือดออก เพราะช่วงหน้าฝนที่บ้านยุงเยอะสุดๆเลยครับ ยังไงดูแลสุขภาพกันให้ดีด้วยนะครับ

 

กราบหลวงปู่ สวัสดีทุกท่าน ไม่ค่อยได้เข้ามานะครับในช่วงน้ำท่วม ตอนนี้เหตุการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ พรุ่งนี้เช้าวันเสาร์เตรียมไปทำบุญที่วัดเขาถ้ำโบสถ์ตามปกติ แม่บ้านเตรียมทำกุ้งลวก ผักกรูดจิ้มน้ำพริกเกลือมะอึกไปทำบุญครับ ใครไปก็เจอกันพรุ่งนี้นะครับ

 

สาธุ อนุโมทนาด้วยครับพี่ไพบูลย์ พรุ่งนี้ถ้าไม่ติดอะไรคงได้ไปทำบุญเช่นกันครับ

 

ตอนหลวงปู่มรณภาพผมมีโชคเล็กน้อย เลขอายุหลวงปู่ ๘๘ ครับ เคยกราบเรียนถามครูบากฤษดาว่า จะหาพระเยี่ยงหลวงปู่ได้ที่ไหนอีก ท่านบอกหายาก เห็นจะมีก็หลวงปู่ศรี มหาวีโร ซึ่งท่านก็มรณภาพไปอีกรูปหนึ่งแล้ว

 

สาธุครับ..

หลวงปู่ศรีท่านเคยบอกว่า ครูบาอาจารย์ใหญ่สายกรรมฐาน นั่งเรียงกันมีอยู่ 3 องค์ มีองค์หลวงตาพระมหาบัว หลวงปู่ศรี และหลวงปู่พิศดู
แต่ที่น่าใจหายในปีนี้พ่อแม่ครูอาจารย์ใหญ่ทั้ง 3 องค์ ละสังขารไปหมดแล้ว อาจเพื่อสงเคราะห์โลก และบรรเทาภัยพิบัติต่างๆ หรือไม่ประการใดผมก็ไม่อาจทราบได้ แต่เรายังคงระลึก บูชาองค์ท่านเหล่านั้นได้ด้วยการทำความดี ปฏิบัติบูชาองค์ท่านด้วยความเคารพ


มีหลายท่านยืนยันว่า..มีเหตุบางอย่างที่ทำให้เกิดความรู้สึกมั่นใจว่าองค์หลวงปู่พิศดูท่านยังอยู่กับเรา ยังจำกันได้ไหมครับ..ที่ผมเคยบอกว่า ท่านยังอยู่ช่วยลูกศิษย์ของท่านอยู่ แม้แต่บางท่านยังได้สัมผัสเห็นท่านด้วยตาเนื้อ กายเนื้อ และได้ยินเสียงท่านกับหูตัวเอง ว่าองค์หลวงปู่ยังอยู่ที่วัดนั่นแหละ บางท่านก็พบท่านอยู่ที่อื่นก็มี อย่างพี่คนนี้เพิ่งเจอกับตัวมาไม่นานนี้เอง.. ซึ่งเรื่องนี้ผู้เล่าบอกว่า จริงๆไม่อยากบอกใคร ด้วยสัญญากับตัวเองไว้เพราะเห็นเป็นเรื่องอัศจรรย์มาก แต่พอผมได้คะยั้นคะยอ ขอร้องให้พี่เขาเล่า พี่เขาก็ใจอ่อนจึงเมตตาบอกเป็นคำถามมาว่า.. แล้วตอนที่องค์หลวงปู่ท่านยังอยู่ ท่านทำอะไรบ้างล่ะเวลาท่านอยู่องค์เดียว ? ผมก็บอกว่า ได้ยินท่านสวดมนต์หรือครับ..? นี่พี่ไม่ได้พูดนะ เธอพูดเองพี่ไม่ได้พูด.. แล้วพี่เห็นท่านด้วยหรือเปล่าครับ..? ..(เงียบ..อมยิ้ม).. พี่เห็นท่านด้วยใช่ไหม..? อันนี้พี่ก็ไม่ได้พูดนะ เอาแค่นี้ก็แล้วกัน เอาเป็นว่าเรื่องที่พี่บอกว่าองค์หลวงปู่ท่านยังอยู่ เธอก็รู้แล้ว ก็เป็นอย่างนั้นนั่นแหละ""










.

 

เรื่องเสียงตุ๊กแก ทำไมท่านทุเรียนทอดเพิ่งมาเล่า/////////โอ้ยยยยย ปวดตับบบบบ 55555

 

ผมเองก็เพิ่งรู้เมื่อตอนเย็นนี่เอง ง่ะครับ.. :'( เขาก็ไม่ได้โทรมาบอกเลย พอได้ลาภกันแล้วถึงค่อยโทรมา ทำกันได้....:boo: