หลวงปู่สี ฉันทสิริ วัดเขาถ้ำบุญนาค

จากนั้น หลวงปู่ท่านก็ออกเดินธุดงค์ไปอีก ต่อมาท่านก็พบว่าหลวงปู่แหวน สุจิณโณ ซึ่งหลวงปู่แหวน ได้มากราบท่านและได้ขอร่วมเดินทางด้วย อีกทั้งขอมอบตัวเป็นศิษย์ หลวงปู่สี ท่านก็ได้อบรมสั่งสอนสมาธิปฏิบัติให้ตั้งแต่สมัยที่หลวงปู่แหวน ยังเป็นพระหนุ่มอยู่ จึงนับได้ว่าหลวงปู่สี ฉันทสิริ เป็นพระอาจารย์ บูรพาจารย์ องค์แรกของหลวงปู่แหวน สุจิณโณ ก่อนที่หลวงปู่แหวน จะมาเป็นศิษย์ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ในกาลต่อมา

 

ติดตามอ่านตลอดครับป้าอี๊ด

 

หลวงปู่สี ฉันทสิริ ภาคสมบูรณ์ : จักรภพ เจริญรัตน์ (34) ชานหมากหลวงปู่

หลวงปู่สี ฉันทสิริ ภาคสมบูรณ์ : จักรภพ เจริญรัตน์ (34)
ชานหมากหลวงปู่

ที่น่าอัศจรรย์คือ ร่างกายของหลวงปู่สี ไม่มีน้ำเหลือง ไม่เน่า ไม่เหม็น ไม่เปื่อยอย่างซากศพทั่วไป จนวันนั้น ถึงวันนี้ กลิ่นซากศพของท่านไม่มีเลย คราใดที่ผมมีโอกาสสได้ไปกราบศพหลวงปู่ผมจะจูบดมที่ร่างกายของท่านอย่างสนิทใจ เพราะไม่ปรากฏกลิ่นใดที่ทำให้เราไม่อยากเข้าใกล้ แต่กลิ่นกลายท่านกลับเสมือนหนึ่ง กลิ่นธูป หรือกลิ่นกำยาน แม้แต่เศษกายของท่านที่ล่วงหล่น ผมก็แตะเก็บโปรยลงบนศีรษะและเช็ดที่เส้นผมของผมจนหมด คำพูดของหลวงปู่สี ฉันทสิริ ที่ท่านกล่าวไว้ก่อนจะถึงกาลมรณะของท่านในคำพูดที่ว่า “หากข้ามรณะลงเอใด ท่านฤาษีลิงดำจะมาเป็นผู้จัดการศพของข้าฯเอง ขอทุกคนอย่าได้เป็นห่วง” ทั้งที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำมิได้อยู่ที่นั่น และหนทางก็ยังอยู่ห่างไกลกัน แต่พอหลวงปู่ท่านมรณภาพลงตอนตี ๓ พอเวลาตี ๕ หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านก็มาถึงทันต่อเหตุการณ์ เป็นคำพูดของหลวงปู่และการมาปรากฏกายของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ อย่างน่าอัศจรรย์

แสดงว่าหลวงปู่สี ฉันทสิริ กับหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านมีญาณจิตติดต่อกันได้โดยตลอด และในครั้งเมื่อหลวงพ่อสมบูรณ์ ท่านเดินทางไปรับหลวงปู่สี ที่อุดรธานี หลวงปู่สี ท่านก็ทราบล่วงหน้าก่อน แล้วว่าจะมีคนมารับท่านไปอยู่ที่อื่น ท่านก็เก็บข้าว เก็บของสั่งเสีย เตรียมการไว้ล่วงหน้า พอหลวงพ่อสมบูรณ์ไปถึงก็แปลกใจที่เห็น หลวงปู่เตรียมของอยู่แล้ว ท่านรู้ กาลล่วงหน้าโดยที่ไม่มีการบอก กล่าวล่วงหน้า

ย่อมเป็นการแสดงให้เห็นว่า หลวงปู่สี ฉันทสิริ ท่านเป็นพระอริยเจ้าระดับสูงท่านหนึ่ง ที่ทรงญาณและได้ ญาณทั้ง ๘ คือ
๑.ทิพยจักษุญาณ
๒.จุตูปปาตญาณ
๓.เจโตปริยญาณ
๔.ปุพเพนิวาสานุสติญาณ
๕.อตีตังสญาณ
๖.อนาคตังสญาณ
๗.ปัจจุบันนังสญาณ
๘.ยถากัมมุตาญาณ

 

หลวงปู่สี ฉันทสิริ ภาคสมบูรณ์ : จักรภพ เจริญรัตน์ (35) ชานหมากหลวงปู่

หลวงปู่สี ฉันทสิริ ภาคสมบูรณ์ : จักรภพ เจริญรัตน์ (35)
ชานหมากหลวงปู่

อีกทั้ง เป็นผู้มีฤทธิ์ได้ทั้งวิชชา ๓ และทรงอภิญญา ๖ อีกด้วย ผู่ที่ติดตามรับใช้ใกล้ชิดหลวงปู่สีย่อมที่จะทราบถึงภูมิปัญญา และปฏิปทาของท่านได้ดี ท่านเป็นพระปฏิบัติกรรมฐาน มีความเชี่ยวชาญในกรรมฐานทั้ง ๔๐ กอง อีกทั้งแตกฉานรู้แจ้งในวิปัสสนาญาณ ทั้ง ๙ โดยแน่แท้

ฉะนั้น ย่อมเป็นการง่ายตาย สำหรับหลวงปู่สี ฉันทสิริ ซึ่งได้วิชชา ๓ ได้อภิญญา ๖ ได้ญาณ ๘ ท่านจึงได้นำสิ่งที่ได้ มาพิจารณาวิปัสสานาเพื่อละสังโยชน์ ๑๐ อย่าง จนท่านบรรลุเป็นพระอริยเจ้าชั้นสูงสุด ก็คือ ท่านเป็นผู้ทรงบริสุทธิ์ “ พระอรหันต์” องค์หนึ่ง
ด้วยความมั่นใจในหมู่ลูกศิษย์ ลูกหาของหลวงปู่ ที่มีภูมิฐานความรู้ในเรื่องการปฏิบัติ ของพระอริยเจ้าแล้ว ก็จะทราบได้ทันทีว่าหลวงปู่สี ฉันทสิริ ท่านมิได้เป็นพระอะหันต์แบบ”เตวิชโช” หรือวิชชา ๓ แบบ”ภิญโญ” หรือ “อภิญญา ๖ “ เท่านั้น แต่หลวงปู่สีท่านจะต้องเป็น “พระอรหันต์” ผู้ทรงคุณวิเศษยิ่งยอดประเภท “ปฏิสัมภิทาญาณ ๔ “ เพราะหลวงปู่สี ฉันทสิริ ท่านทรงคุณวิเศษ ๔ ประการ ดังนี้ คือ

๑.อัตถปฏิสัมภิทา เป็นผู้มีปัญหาแตกฉานในอรรถ คือฉลาดในการอธิบายถ้อยคำในพระไตรปิฏก ได้อย่างพิสดารเข้าใจง่าย และถอดเนื้อความที่พิศดารนั้น ๆ ให้ย่อสั้นลงมาได้ชัดเจนไม่เสียความ

๒.ธัมมปฏิสัมภิทา เป็นผู้มีความฉลาดในการอธิบายหัวข้อธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้โดยย่อ ให้มีความพิสดารได้อย่างถูกต้อง

๓.นิรุตติปฏิสัมภิทา เป็นผู้มีความฉลาดในภาษารู้และเข้าใจภาษาทุกภาษาในโลก รวมทั้งภาษาของเทพยดา พรหม ภูติ ผี ปีศาจ อสุรกาย นาค ครุฑ ตลอดจนภาษาของสัตว์เดรัจฉาน ทุกชนิด
สำหรับในเรื่องการรู้ภาษาทุกภาษา ในโลกนี้ จะเห็นได้อย่างชัดเจน เพราะหลวงปู่ท่านสามารถเข้าใจภาษาทุกชาติ ทุกภาษา ที่มาหาท่านและพูดกับท่าน จนชาวฝรั่งชาติ หลายต่อหลายชาติ ต่างพูดกันว่า”หลวงปู่ท่านรู้หลายภาษา” และเวลาที่ท่านฉันอาหารนั้น ก็จะมีบรรดาสัตว์ต่าง ๆ มาห้อมล้อมตัวท่าน มารับส่วนแบ่งอาหารจากท่าน เช่น นก ลิง ไก่ แมว หมา เป็นต้น และสัตว์ทุกประเภทที่มาอยู่ใกล้ท่าน มันจะปรองดองกัน ไม่ไล่กัด ไม่รังแกกัน แสดงว่าท่าน สามารถสนทนาภาษา กับสัตว์เหล่านั้นได้ ทั้งคนและสัตว์จึงอยู่กันอย่างปรองดอง และลูกศิษย์ของ หลวงปู่ก็มีทุกชาติ ทุกภาษา

๔.ปฏิญาณ ปฏิสัมภิทา เป็นผู้ที่มีปฏิภาณไหวพริบ เฉลียวฉลาด สามารถแก้อรรถปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ดังที่กล่าวมาแล้วนั้น จะมีครบถ้วนอยู่ในตัวของหลวงปู่สี ฉันทสิริ ท่านเป็นผู้ที่มีคุณวิเศษ

 

หลวงปู่สี ฉันทสิริ ท่านเป็นศิษย์ของสมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี แห่งวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร เขตบางกอกน้อย ฝั่งธนบุรี ในกาลต่อมาหลวงปู่สี ก็เป็นพระอาจารย์ของพระอาจารย์ดัง ๆ หลายรูปอาทิเช่น หลวงปู่แหวน สุจิณโณ แห่งวัดดอยแม่ปั๋ง จังหวัดเชียงใหม่ หลวงปู่พรหม แห่งวัดช่องแค หลวงพ่อทบ แห่งวัดชนแดน หลวงปู่บุดดา ถาวโร จังหวัดสิงห์บุรี หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี เป็นต้น เหตุที่เกิดความมหัศจรรย์หลายอย่างเป็นที่เคารพของศิษย์ทั้งหลาย ท่านเป็นพระที่เคร่งครัดต่อพระวินัย และการปฏิบัติธรรม

 

ป้าอี๊ด ไม่มีภาพพระหลวงพ่อทบ วัดชนแดน และไม่มีพระหลวงปู่พรหม วัดช่องแค ท่านใด มีภาพ ช่วยนำภาพมาให้สาธุชน คนรุ่นหลัง ได้ชมเป็นขวัญตา ด้วยเถอะ สาธุ

 

หลวงปู่สี ฉันทสิริ ภาคสมบูรณ์ : จักรภพ เจริญรัตน์ (36) ชานหมากหลวงปู่

หลวงปู่สี ฉันทสิริ ภาคสมบูรณ์ : จักรภพ เจริญรัตน์ (36)
ชานหมากหลวงปู่ ตอนสุดท้าย

เพราะฉะนั้น เครื่องมงคลของหลวงปู่สี เราท่านจึงไม่ค่อยจะมีโอกาสได้พบเห็นกันมากนัก เพราะลูกศิษย์ลูกหาของท่าน ต่างหวงแหนมาก และในเรื่องชานหมาก(ขี้หมาก) ของท่านนั้นต่างแสวงหากันมากมาย ตั้งแต่ครั้งที่ท่านมีชีวิตอยู่ แม้แต่น้ำหมากที่ตกลงในกระโถน ก็จะถูกซับไว้จนเกลี้ยง กระโถนของหลวงปู่จึงเป็น กระโถนที่มีความสะอาดมากที่สุด เพราะแม้แต่เศษน้ำหมาก ก็ถูกซับเก็บ ไม้แคะฟัน เศษหมาก เศษพลู ก็ไม่มีเหลือ ลูกศิษย์ของหลวงปู่ จึงได้รวบรวมขี้หมาก น้ำหมาก เส้นเกศา (เส้นผม) เศษผ้า จีวร ของหลวงปู่นำมาผสม เป็นรุ่นพิเศษขึ้นมา เพื่อให้หลวงปู่ไว้แจกจ่ายให้เหล่าสานุศิษย์ของหลวงปู่จะได้รับแจกของพิเศษจากหลวงปู่ได้อย่างทั่วถึง นั่นคือ”พระผงรุ่นอายุยืน” รุ่นพิเศษ ผสมด้วยเส้นเกศา จีวร และชานหมากของหลวงปู่สี ฉันทสิริ ที่มีประสบการณ์มากมาย เป็นพระรุ่นเดียวที่มีจำนวนน้อยมาก คือสร้างขึ้นมาทั้งหมดมีไม่ถีงพันองค์ ทราบว่าสร้างขึ้นมาได้แค่ ๙๙๙ องค์ (เก้าร้อยเก้าสิบเก้าองค์) เป็นพระที่ท่านพระอาจารย์สมบูรณ์ เจ้าอาวาสวัดเขาถ้ำบุญนาค อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ หวงแหนมากเป็นพิเศษ

สำหรับพระเครื่องชุดพิเศษ ที่หายากมากที่สุด ซึ่งมีส่วนผสมที่วิเศษของหลวงปู่ เช่นผงวิเศษ เส้นผ้าจีวรเก่า ของหลวงปู่ เส้นเกศาของหลวงปู่ และส่วนผสมอีกมากมาย ล้วนแต่เป็นของที่หายาก ซึ่งจะหยิบยกมาเล่าในเรื่องของ การสร้างพระของหลวงปู่ ในการหาปัจจัยสบทบทุน ในการสร้างวัด สร้างโบสถ์ สร้างศาลา ของวัดเขาถ้ำบุญนาค

 

มาตามอ่านเรื่อย ๆ ครับ
วาสนายังบ่ทันหลาย มีแต่ของใหม่ที่บ่ทันหลวงปู่:cool:

 

หลวงปู่สี ฉันทสิริ ภาคสมบูรณ์ : จักรภพ เจริญรัตน์ (37) การสร้างวัด

หลวงปู่สี ฉันทสิริ ภาคสมบูรณ์ : จักรภพ เจริญรัตน์ (37)
การสร้างวัด
หลวงปู่สี ฉันทสิริ ท่านเดินทางออกเดินธุดงค์ ไปในที่ต่าง ๆ หลายประเทศ หลายจังหวัด รวมระยะเวลาเกือบร้อยปี หรือเรียกว่า เกือบจะตลอดชีวิต ที่ท่านครองเพศบรรพชิต

ครั้งสุดท้ายก่อนที่ท่านจะมา สร้างวัดเขาถ้ำบุญนาคนั้น ท่านได้ไปสร้างวัดที่หนองลมพุก อำเภอโนนสังข์ จังหวัดอุดรธานี ต่อมาพระอาจารย์สมบูรณ์ ที่พระครูนิวิฐปริยัติคุณ พร้อมด้วยชาวบ้าน เขาถ้ำบุญนาค ได้พากันไปนิมนต์ให้หลวงปู่มาช่วยสร้างวัดเขาถ้ำบุญนาค ซึ่งแต่เดิมนั้นเป็นวัดบ้านป่าบ้านดง ไม่เจริญเหมือนในปัจจุบันนี้

อาจารย์สมบูรณ์ท่านเล่าว่า ในสมัยที่วัดนี้ยังเป็นเพียงสำนักสงฆ์ มีกุฎิหลังเล็ก ๆ หนทางเข้าออกก็ไม่สะดวก ไปมาลำบาก แต่หลวงปู่ท่านสภาพป่า ท่านเมตตา ท่านเต็มใจที่จะมาช่วยสร้างวัด ท่านเป็นผู้วิเศษ มีญาณหยั่งรู้กาล ล่วงหน้า ว่าจะมีใครไปมาหาสู่ท่าน และไปหาสู่ท่านในเรื่องอะไร ท่านล่วงรู้กาลล่วงหน้าได้ วันที่ไปรับนิมนต์ท่านนั้น หลวงปู่ท่านเตรียมตัวไว้พร้อมแล้ว สมบัติของท่านไม่มีอะไร ท่านเป็นผู้ที่ไม่สะสม ท่านมีกระเป๋าแก่ ๆ ใส่ของใช้ เล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่หนึ่งใบปัจจุบันนี้ทางวัด เก็บของทุกอย่าง ของหลวงปู่ไว้

ต่อจากนั้นท่านก็เดินทางมา พร้อมกับคณะที่ไปนิมนต์ท่านให้ มาอยู่จำพรรษา ที่เขาถ้ำบุญนาค เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๒ ต่อมาชาวตาคลี พอรู้ว่าหลวงปู่ มาอยู่ที่เขาถ้ำบุญนาค ก็พากันมากราบไหว้ หลวงปู่กันมากมาย สำนักสงฆ์ที่เก่ามอซอ ก็กลับมามีชีวิต ชีวาขึ้น มีการปลูกสร้างสิ่งใหม่ ๆ เกิดขึ้นในระยะเวลาที่รวดเร็ว ต่อมาก็มีถนนหนทางเข้าวัด ลูกศิษย์ลูกหาของหลวงปู่ ก็ช่วยกันสร้าง ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๑๕ สำนักสงฆ์เขาถ้ำบุญนาคก็ยกฐานะขึ้นเป็นวัด โดยมีท่านพระอาจารย์สมบูรณ์ หรือท่านพระครูนิวิฐปริยัติคุณ เป็นเจ้าอาวาสจนถึงปัจจุบันนี้ ( ๒๐ปีที่แล้ว)

หลวงปู่สี ฉันทสิริ ท่านไม่สนใจในยศตำแหน่งใด ๆ ท่านต้องการเพียงช่วยสร้างวัด สร้างโบสถ์ สร้างศาลาการเปรียญ สร้างกุฎิสงฆ์ สร้างถนนหนทาง สร้างให้เป็นวัดที่สมบูรณ์ ส่วนตัวท่านเอง แม้แต่ลูกศิษย์จะร่วมใจกันสร้างกุฎิให้ใหม่ ท่านก็ไม่ยอมอยู่ท่านชอบอยู่ถ้ำ และกุฎิหลังเก่า ในเรื่องนี้จึงมีเรื่องราว เล่าขานกันตราบเท่าทุกวันนี้ “ในเรื่องไม่อยากอยู่ในกฎิหลังใหม่”

 

หลวงปู่สี ฉันทสิริ ภาคสมบูรณ์ : จักรภพ เจริญรัตน์ (38) ไม่ยอมอยู่กุฏิหลังใหม่

หลวงปู่สี ฉันทสิริ ภาคสมบูรณ์ : จักรภพ เจริญรัตน์ (38)
ไม่ยอมอยู่กุฏิหลังใหม่
เป็นที่รู้จักกันว่าหลวงปู่สี ท่านเป็นพระปฏิบัติที่ไม่ติดในวัตถุ ไม่สะสม และไม่ติดยึดในสิ่งใด ๆ แม้แต่ความสะดวกสบายต่าง ๆ ที่ลูกศิษย์ทุกคนพร้อมที่จะถวายให้ท่าน แต่ท่านไม่เอา ดังนั้นกุฏิของท่านที่อยู่จึงเป็นกุฏิหลังไม้เก่า ๆ หลังเล็ก ๆ หรือไม่ก็ในถ้ำที่ท่านขอบเข้าไปปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิเจริญวิปัสสนากรรมฐาน

ในวันหนึ่งท่านพระอาจารย์สมบูรณ์ เจ้าอาวาสวัดเขาถ้ำบุญนาค ดำริที่จะสร้างกุฏิหลังใหม่ ให้หลวงปู่คณะกรรมการทุกคนก็พร้อมใจกัน จึงได้เรียกช่างปูนมาทำการก่อสร้าง โดยสร้างเป็นกุฏิปูนชั้นเดียวพอท่านทราบเรื่องว่าจะสร้างให้ท่าน ท่านก็บอกว่าจะไม่ยอมไปอยู่กุฏิหลังใหม่ เป็นที่น่ามหัศจรรย์ หลังจากหลวงปู่สี ท่านพูดเช่นนั้น ช่างปูนที่รับคำสั่งจากท่านเจ้าอาวาส ได้ลงมือก่อสร้างกุฏิหลังใหม่ วันนั้นปรากฏว่าช่างปูนไม่สามารถฉาบปูนได้เลย เพราะฉาบปูนเท่าใดก็ไม่ติด จนกระทั่งช่างปูนนึกท้อใจ เพราะไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อนเลยในชีวิต ที่รับงานก่อสร้างมานับไม่ถ้วน ในที่สุดก็ตัดสินใจเลิกทำ ความทราบถึงท่านเจ้าอาวาส และพระอาจารย์รัก เตชธัมโม ซึ่งเป็นพระอุปัฎฐากของหลวงปู่ ได้ไปนมัสการหลวงปู่ “หลวงปู่ครับ ทำไมไปแกล้งช่างปูน อย่างนั้น “

หลวงปู่สี ท่านก็ตอบว่า “ไม่ได้แกล้ง แต่ไม่อยากไปอยู่กุฏิหลังใหม่”
พระภิกษุรักษ์ เตชธัมโม จึงได้บอกกับหลวงปู่ว่า “หากหลวงปู่ไม่อยู่ก็ไม่เป็นไร ให้ช่างปูนเขาสร้างให้เสร็จก่อน “

หลวงปู่สี ท่านจึงกล่าวว่า “ก็ให้เขามาทำไหม่สิ”

ต่อจากนั้นอีก ๒ วัน พระอาจารย์สมบูรณ์ ท่านเจ้าอาวาส ก็เรียกช่างปูนมาทำใหม่ ซึ่งคราวนี้ ช่างปูนสามารถฉาบปูน ได้เป็นผลสำเร็จอย่างไม่มีปัญหา เพียงวันเดียวก็สามารถฉาบปูนสำเร็จเสร็จหมดทั้งกุฏิทีมงานก่อสร้างในครั้งนั้น ต่างเลื่อมใสศรัทธาหลวงปู่ทุกตัวคน

กุฏิหลังดังกล่าว ในสมัยที่หลวงปู่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านไม่เคยได้ไปใช้สอยเลย แต่หลังจากที่ท่านมรณะแล้ว บรรดาศิษย์นุศิษย์จึงได้อัญเชิญศพของท่านบรรจุในโลงแก้ว แล้วประดิษฐานไว้ที่กุฏิหลังใหม่ ซึ่งเป็นการสะดวกที่จะให้ลูกศิษย์ของหลวงปู่ไปกราบไหว้บูชาหลวงปู่

 

หลวงปู่สี ฉันทสิริ ภาคสมบูรณ์ : จักรภพ เจริญรัตน์ (39) หลวงปู่แหวน สุจิณโณ เปิดเผย

หลวงปู่สี ฉันทสิริ ภาคสมบูรณ์ : จักรภพ เจริญรัตน์ (39)
หลวงปู่แหวน สุจิณโณ เปิดเผย

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ เปิดเผยเป็นศิษย์ของหลวงปู่สี
ปี พ.ศ.๒๕๑๔ คณะศิษย์ของหลวงปู่ ได้ร่วมกันสร้างเหรียญขึ้น ให้ชื่อว่า “ขวัญถุง” มีสองลักษณะคือลักษณะที่ ๑ เป็นเหรียญหน้าเดียว ด้านหลังเรียบ ด้านหน้าเป็นรูปหลวงปู่สีครึ่งองค์ มีชื่อหลวงปู่สี ฉันทสิริ อยู่ด้านล่าง มีขนาดความกลมของเหรียญ เท่ากับเหรียญ ๕๐ สตางค์ ในปัจจุบันนี้ (๒๕๑๘) หรือขนาด ๑.๕ เซนติเมตร เป็นเหรียญกลม

แบบที่ ๒ เป็นเหรียญกลม เล็ก ๒ หน้า มีขนาดเท่ากันคือเท่ากับเหรียญ ๕๐ สตางค์ ในปัจจุบันนี้ (พ.ศ.๒๕๑๘) ด้านหน้าเป็นรูปหลวงปู่ครึ่งองค์ ใต้รูปหลวงปู่ มีชื่อ “หลวงปู่สี ฉันทสิริ “

ด้านหลังเป็นรูปถุงเงิน ๒ ใบมีตัวหนังสือเขียนว่า “มั่ง มี ศรี สุข” และมีตัวหนังสือเป็นอักษรขอม”นะ ชา ลี ติ “ เป็นพระคาถา หัวใจพระสีวลี เด่นในทางมหาลาภ ใต้ถุงเงินเขียนคำว่า “เขาถ้ำบุญนาค” ทั้งหมดเป็นเหรียญทองแดง สร้างขึ้นมาไม่เกิน ๕,๐๐๐ เหรียญ

เมื่อคณะศิษย์สร้างเสร็จก็นำก็นำไปให้หลวงปู่สีท่านทำการปลุกเสก ท่านก็บอกว่าให้เทเหรียญทั้งหมดใส่ถาดไว้ แล้วนำมาวางตรงหน้าหลวงปู่ ลักษณะเหมือนดังหนึ่งว่า ท่านไม่สนใจ ท่านนั่งฉันหมากของท่านตามปกติ ไม่มีพิธีรีตรองอะไร ต่อจากนั้นท่านก็ใช้มือควานเหรียญโกยเหรียญไปมาสัก ๒-๓ ครั้ง แล้วท่านก็ถามว่า “ดีไหม” บรรดาลูกศิษย์ที่นั่งมองอยู่ไม่มีใครกล้าพูดอะไร ได้แต่นั่งมอง อย่างสงสัยว่า ไม่เห็นท่านสวดอะไร ทำอะไร เหมือนกับหลวงพ่อรูปอื่น ๆ พอได้ยินท่านถามว่า “ดีไหม” ก็จึงตอบว่า “ดีครับ” ต่อจากนั้นหลวงปู่จึงตอบว่า “เออ ถ้าดีแล้วก็เอาไป”

ต่อจากนั้นลูกศิษย์คณะที่จัดสร้าง จึงเก็บรวบรวมเหรียญ และมาปรึกษากันว่า ไม่เห็นหลวงปู่สี ท่านทำพิธีอะไร พูดง่าย ๆ ว่า ปลุกเสกไม่จุใจลูกศิษย์ จึงตกลงกันว่าจะนำเหรียญชุดนี้ ไปให้หลวงปู่แหวน ที่ดอยแม่ปั๋ง เชียงใหม่ ปลุกเสกให้ใหม่ หลวงปู่แหวน ขณะนั้น เป็นพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมากรูปหนึ่ง

 

กุฏิหลังใหม่ดังกล่าว ในสมัยที่หลวงปู่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านไม่เคยได้ไปใช้สอยเลย แต่หลังจากที่ท่านมรณะแล้ว บรรดาศิษย์นุศิษย์จึงได้อัญเชิญศพของท่านบรรจุในโลงแก้ว แล้วประดิษฐานไว้ที่กุฏิหลังใหม่ ซึ่งเป็นการสะดวกที่จะให้ลูกศิษย์ของหลวงปู่ไปกราบไหว้บูชาหลวงปู่

 

แบบที่ ๒ เป็นเหรียญกลม เล็ก ๒ หน้า มีขนาดเท่ากันคือเท่ากับเหรียญ ๕๐ สตางค์ ในปัจจุบันนี้ (พ.ศ.๒๕๑๘) ด้านหน้าเป็นรูปหลวงปู่ครึ่งองค์ ใต้รูปหลวงปู่ มีชื่อ “หลวงปู่สี ฉันทสิริ “

ด้านหลังเป็นรูปถุงเงิน ๒ ใบมีตัวหนังสือเขียนว่า “มั่ง มี ศรี สุข” และมีตัวหนังสือเป็นอักษรขอม”นะ ชา ลี ติ “ เป็นพระคาถา หัวใจพระสีวลี เด่นในทางมหาลาภ ใต้ถุงเงินเขียนคำว่า “เขาถ้ำบุญนาค” ทั้งหมดเป็นเหรียญทองแดง สร้างขึ้นมาไม่เกิน ๕,๐๐๐ เหรียญ

 

หลวงปู่สี ฉันทสิริ ภาคสมบูรณ์ : จักรภพ เจริญรัตน์ (40) หลวงปู่แหวน สุจิณโณ เปิดเผย

หลวงปู่สี ฉันทสิริ ภาคสมบูรณ์ : จักรภพ เจริญรัตน์ (40)
หลวงปู่แหวน สุจิณโณ เปิดเผย
คณะศิษย์ของหลวงปู่สี ฉันทสิริ จึงเดินทางไปกราบหลวงปู่แหวน สุจิณโณ ที่วัดดอยแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นพระอาจารย์ ที่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันให้ความเคารพนับถือ เดินทางไปนมัสการหลวงปู่อยู่เป็นประจำ

เมื่อติดต่อกับพระอาจารย์หนู ซึ่งเป็นเจ้าอาวาส และเป็นผู้ดูแลหลวงปู่แหวน สุจิณโณ เมื่อได้เวลาเข้าไปกราบหลวงปู่แหวน คณะศิษย์หลวงปู่สี ทั้งหมด ขอให้หลวงปู่แหวน ท่านปลุกเสก พอหลวงปู่แหวนท่านเห็นพระเครื่องมงคลชุดนี้ จึงเอ่ยปากขึ้นว่า “ นี่คุณ พวกคุณ ได้เอาเครื่องมงคลชุดนี้ ไปให้หลวงพ่อสี ปลุกเสกมาแล้ว ใช่ไหม “ ทำให้ทุกคนในที่นั้น ตะลึงในคำถาม ของหลวงปู่แหวน ที่ท่านทราบได้อย่างไร

จึงกราบเรียนหลวงปู่แหวน พร้อมกันว่า “ใช่” พวกกระผมไม่เห็น หลวงปู่สี ท่านทำอะไร เพียงแต่เอามือกอบเหรียญ โกยเหรียญไปมา ๒-๓ ครั้ง เท่านั้น แล้วถามพวกกระผมว่า “ดีไหม”

พวกกระผมเกรงใจท่านก็ ตอบท่านไปว่า “ดีครับ” ท่านก็บอกว่า เสร็จแล้ว พวกกระผมไม่แน่ใจ เพราะท่านไม่ได้ว่าคาถาอะไร จึงพากันมากราบ ขอพร จากหลวงปู่ ให้กรุณาปลุกเสก ให้พวกกระผมใหม่

หลวงปู่แหวน ท่านฟังความแล้วท่านก็ยิ้ม พร้อมกับดึงบุหรี่ ไชยโย มวนยาวออกจากริมฝีกปากของท่าน แล้วท่านก็พูดว่า “ นี่พวกคุณ รู้ไหม ที่หลวงพ่อสี ท่านเอามือ กอบเหรียญ ๒-๓ ครั้ง นับว่าเป็นโชคดีของพวกคุณแล้ว ที่ท่านเมตตาทำให้อย่างนั้น แม้ตัวอาตมาเอง จะใช้เวลาปลุกเสกพระชุดนี้สัก ๓ เดือน ก็ยังไม่รู้ว่าจะมีความเข็มขลังศักดิ์สิทธิ์ เท่ากับท่านใช้มือจับต้องสัมผัส เหรียญแค่ ๒-๓ ครั้ง

 

คณะศิษย์ของหลวงปู่สี ฉันทสิริ จึงเดินทางไปกราบหลวงปู่แหวน สุจิณโณ ที่วัดดอยแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นพระอาจารย์ ที่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันรัชกาลที่ ๙ ให้ความเคารพนับถือ เดินทางไปนมัสการหลวงปู่อยู่เป็นประจำ

 

หลวงปู่สี ฉันทสิริ ภาคสมบูรณ์ : จักรภพ เจริญรัตน์ (41) หลวงปู่แหวน สุจิณโณ เปิดเผย

หลวงปู่สี ฉันทสิริ ภาคสมบูรณ์ : จักรภพ เจริญรัตน์ (41)
หลวงปู่แหวน สุจิณโณ เปิดเผย ตอนสุดท้าย

ทุกคนที่ไป ได้ยินได้ฟัง ต่างถึงกับตะลึง ในคำพูดของหลวงปู่แหวน สุจิณโณ ที่ผู้คนกราบไหว้ เคารพกันทั่วทั้งประเทศ แต่ก็อดที่จะสงสัยในคำพูดของหลวงปู่แหวน ไม่ได้ จึงกราบเรียนถามขึ้นว่า “เป็นเพราะอะไรครับหลวงปู่” หลวงปู่แหวนท่านก็ยิ้ม ก่อนจะตอบว่า “จะเป็นเพราะอะไร ก็หลวงพ่อสีน่ะท่าน เป็นครูบา อาจารย์ ของอาตมานะสิ” ต่อจากนั้นท่านก็ให้นำกลับไปไม่ยอมที่จะเสกให้ใหม่

“มีเพชรอยู่ในบ้านยังไม่รู้อีก หลวงพ่อสีน่ะ เป็นอาจารย์ของอาตมาเอง”
ถ้าพูดกันแบบคนยุคปัจจุบัน ก็ว่าครั้งนี้ “หน้าแตกเย็บไม่ติด” แต่ก็เป็นการดีทำให้รู้ว่าหลวงปู่แหวน สุจิณโณ พระอาจารย์ที่ทุกคนเคารพกราบไหว้ กันเกือบทั่วประเทศ เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่สี ฉันทสิริ ถ้าไม่ใช่คำพูดของหลวงปู่แหวน สุจิณโณ เองก็คงจะไม่มีใครเชื่อ นี่ก็เป็นด้วยอาจารย์ดี ไม่โอ้อวด แต่ว่ามีลูกศิษย์ดี ที่เก่งอย่างไร ใหญ่แค่ไหน ก็กล้าเปิดเผยฐานะของตัวเองว่าเป็นศิษย์ บุคคลเช่นนี้ ปัจจุบันนับว่า จะหายาก เพราะต่างปิดบังฐานะ ไม่รู้คุณครู บา อาจารย์

นับจากวันที่หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ทานกล่าววาจาว่าเป็น ศิษย์ของหลวงปู่สี ฉันทสิริ แห่งเขาถ้ำบุญนาค ก็มีลูกศิษย์จากทางเหนือ จากเชียงราย เชียงใหม่ เชียงแสนเดินทางมากราบหลวงปู่มากขึ้น และบางครั้งก็นำของมาให้หลวงปู่สี ท่านปลุกเสก ท่านก็บอกว่าจะต้องเดินทางไกลมาทำไมทุกสิ่ง ทุกอย่างฉันก็สอนให้ ท่านแหวน หมดแล้ว ไม่ต้องมาหาฉันหรอก
ครับนอกจากหลวงปู่แหวน สุจิณโณ แห่งวัดดอยแม่ปั๋ง จังหวัดเชียงใหม่ ที่เป็นลูกศิษย์

ของหลวงปู่สี ก็ยังมีพระอาจารย์ดัง ๆ อีกหลายรูป อาทิ หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ตาคลี นครสวรรค์ หลวงพ่อทบวัดชนแดน หลวงปู่บุดดา ถาวโร วัดกลางชูศรีเจริญสุข สิงห์บุรี หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี พระอาจารย์สมบูรณ์ เจ้าอาวาสวัดเขาถ้ำบุญนาค ฯลฯ

สำหรับหลวงปู่แหวน สุจิณโณ นั้นท่านเป็นลูกศิษย์ หลวงปู่สี เมื่อครั้งที่ท่านยังเป็นพระหนุ่มอยู่ธุดงค์ไปพบหลวงปู่สี ที่ป่าจังหวัดเลย มอบตัวเป็นศิษย์ติดตามธุดงค์อยู่กับหลวงปู่สี ฉันทสิริ ก่อนที่จะได้พบกับหลวงปูมั่น ภูริทัตโต

 

นับจากวันที่หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ทานกล่าววาจาว่าเป็น ศิษย์ของหลวงปู่สี ฉันทสิริ แห่งเขาถ้ำบุญนาค ก็มีลูกศิษย์จากทางเหนือ จากเชียงราย เชียงใหม่ เชียงแสนเดินทางมากราบหลวงปู่มากขึ้น และบางครั้งก็นำของมาให้หลวงปู่สี ท่านปลุกเสก ท่านก็บอกว่าจะต้องเดินทางไกลมาทำไมทุกสิ่ง ทุกอย่างฉันก็สอนให้ ท่านแหวน หมดแล้ว ไม่ต้องมาหาฉันหรอก
ครับนอกจากหลวงปู่แหวน สุจิณโณ แห่งวัดดอยแม่ปั๋ง จังหวัดเชียงใหม่ ที่เป็นลูกศิษย์

ของหลวงปู่สี ก็ยังมีพระอาจารย์ดัง ๆ อีกหลายรูป อาทิ หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ตาคลี นครสวรรค์ หลวงพ่อทบวัดชนแดน หลวงปู่บุดดา ถาวโร วัดกลางชูศรีเจริญสุข สิงห์บุรี หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี พระอาจารย์สมบูรณ์ เจ้าอาวาสวัดเขาถ้ำบุญนาค ฯลฯ

สำหรับหลวงปู่แหวน สุจิณโณ นั้นท่านเป็นลูกศิษย์ หลวงปู่สี เมื่อครั้งที่ท่านยังเป็นพระหนุ่มอยู่ธุดงค์ไปพบหลวงปู่สี ที่ป่าจังหวัดเลย มอบตัวเป็นศิษย์ติดตามธุดงค์อยู่กับหลวงปู่สี ฉันทสิริ ก่อนที่จะได้พบกับหลวงปูมั่น ภูริทัตโต
ฯ ๗๑ Add to ป้าอี๊ด's Reputation แจ้งทีมงาน โพสต์ผิดกฏ แก้ไขหรือลบข้อความ

 

ลวงปู่สี ฉันทสิริ ภาคสมบูรณ์ : จักรภพ เจริญรัตน์ (42) ย่นระยะทางไปพบสหายธรรม

หลวงปู่สี ฉันทสิริ ภาคสมบูรณ์ : จักรภพ เจริญรัตน์ (42)
ย่นระยะทางไปพบสหายธรรม
ในสมัยที่หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ยังมีชิวิตอยู่หลวงปู่สีมักจะ เดินทางไปสนทนาธรรมกันอยู่บ่อยครั้ง ในบางครั้งหลวงปู่ศุข ก็เดินทางไปพบหลวงปู่สี และบางครั้งก็เดินทางไปพบกับหลวงปู่กลั่น วัดพระญาติ ทั้งสามท่านมีความผูกพันกันมาก มักจะผลัดเปลี่ยนเวียนกันไปพบซึ่งกันและกัน และในบางครั้งก็ออกธุดงค์ ไปตามป่าดงพงเขา ด้วยกันนางครั้งบางคราว พระสหายธรรมทั้งสาม หลวงปู่กลั่น หลวงปู่ศุข หลวงปู่สี ทั้งสามเกิดปี พ.ศ.ใกล้เคียงกันหลวงปู่กลั่นวัดพระญาติ เกิดปี พ.ศ.๒๓๙๐ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า พระอาจารย์ของกรมหลวงชุมพรเขตต์อุดมศักดิ์ เกิดปี พ.ศ.๒๓๙๐ ส่วนหลวงปู่สี ฉันทสิริ เกิดปี พ.ศ.๒๓๙๒ ซึ่งอ่อนกว่าทั้งสามท่านเพียง ๒ ปี แต่พระอาจารย์ทั้งสามท่านก็มีความผูกพักกัน ธุดงค์และศึกษาปฏิบัติธรรมด้วยกัน มีอะไรก็แลกเปลี่ยนกัน

ในครั้งที่หลวงปู่ศุข เป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่ วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงปู่สีได้เดินทางไปเยี่ยมและอยู่สนทนาธรรมกัน หลังจากที่ออกพรรษาแล้วหลายวัน ก็คิดที่จะออกเดินธุดงค์ไปแต่หลวงปู่ศุขก็ ขอร้องให้หลวงปู่สี รออยู่ที่วัดก่อน เช้าวันนั้น หลวงงปู่ศุขท่านก็ออกบิณฑบาต ฝ่ายหลวงปู่สี พอเห็นหลวงปู่ศุข ไปแล้วท่านก็เก็บของของท่านที่จำเป็นแล้วออกเดินทางไป เมื่อหลวงปู่ศุข กลับจากบิณฑบาต ทราบจากพระในวัดว่าหลวงปู่สี ท่านไปแล้วหลวงปู่ศุข จึงให้พระเณรฉันข้าวก่อน เดี๋ยวจะกลับมาฉันด้วยต่อจากนั้นท่านก็เข้ากุฎินำพระคัมภีร์ ๓ เล่ม ตามไปให้หลวงปู่สี ปรากฏว่าพระอาจารย์ทั้งสองรูป มาพบกันที่ตาคลี จากนั้นหลงงปู่ศุข ท่านก็เดินทางกลับวัดที่ชัยนาท ไปฉันอาหารร่วมกันพระเณรจนเสร็จ

 

หลวงปู่สี ฉันทสิริ ภาคสมบูรณ์ : จักรภพ เจริญรัตน์ (43) ย่นระยะทางไปพบสหายธรรม

หลวงปู่สี ฉันทสิริ ภาคสมบูรณ์ : จักรภพ เจริญรัตน์ (43)
ย่นระยะทางไปพบสหายธรรม ตอนสุคท้าย

พระอาจารย์ทั้งสามรูปนี่ท่าน สำเร็จอภิญญาชั้นสูง จึงสามารถย่นระยะทางไปไหนมาไหนได้ อย่างรวดเร็ว วึ่งระยะทางจากชัยนาทมาถึงตาคลี ระยะทางประมาณ ๔๐-๕๐ กิโลเมตร ถ้านั่งรถก็ต้องใช้เวลาเกือบชั่วโมงเห็นจะได้

ในเรื่องฤทธิ์เดช ต่าง ๆ นี้เวลาที่ลูกศิษย์ถามหลวงปู๕ท่านจะ แกล้งล้มตัวลงนอน ไม่ตอบคำถามของลูกศิษย์ แต่หากถามเรื่องธรรมะต่าง ๆ ท่านก็จะอธิบายขยายข้อความให้อย่างชัดเจน เพราะท่านไม่ต้องการให้ลูกศิษย์ โดยเฉพาะพระภิกษุไปติดในเรื่องเดช ฤทธิ์อำนาจ ท่านต้องการให้ใฝ่ใจ ในเรื่องการปฏิบัติธรรม

ในเรื่องการย่นระยะทางในส่วนตัวของผมเองนั้น มีโอกาสได้เห็นถึง ๒ รูป คือหลวงพ่อผางที่ขอนแก่น ตอนพบท่านที่ปากทาง แต่พอเดินไปถึงวัดกลับเห็นท่านนั่งรออยู่ที่วัดเรียบร้อย

อีกครั้งหนึ่ง ก็เมื่อครั้งไปนมัสการหลวงปู่สิม พุทธาจาโร ที่ถ้ำผาปล่อง ตามคำแนะนำของหลวงปู่แหวน สุจิณโณ ซึ่งท่านเป็นพระสหายธรรมกับหลวงปู่สิม ตอนนั้นผมยังบวชเป็นพระอยู่ (จักรภพ เจริญรัตน์ ) ผมเดินทางไปถึงบริเวณทางขึ้นของถ้ำผาปล่อง พบพระรูปหนึ่ง ซึ่งผมไม่ทราบว่าเป็นใคร แต่ผมก็ยกมือไว้ท่าน ท่านถามว่ามาหาใคร ผมก็ตอนท่านพร้อมกับยกมือไหว้ท่านว่า ผมจะมากราบหลวงปู่สิม ครับ ท่านก็ยิ้มให้และชี้มือขึ้นไปบนภูเขาต่อมากนั้น ผมเดิดขึ้นบันไดขึ้นไปยังถ้ำผาปล่อง ซึ่งต้องพักถึง ๒ ครั้ง เพราะหนทางสูงกว่าจะขึ้นถึง ถ้ำผาปล่องที่อยู่สูงบรรยากาศสดชื่น อากาศวันนั้น เย็กแต่การเดินทางขึ้นมาก็ทำให้ร้อนมีเหงื่อไหล ออกพอสมควร

เมื่อพักจนหายเหนื่อยแล้วจึงเข้าไปในถ้ำผาปล่อง ณ สถานที่หลวงปู่สิม พุทธาจาโร ท่านอยู่ พอขึ้นไปถึง ก็เข้าไปกราบหลวงปู่สิม ตามคำแนะนำของพระที่วัด เมื่อเข้าไปกราบหลวงปู่สิม ท่านก็ยิ้ม ต้อนรับ และทักทายถามไถ่ ด้วยดี ท่านมีเมตตาธรรมที่สูง ในปีนั้นผมก็เลยจำพรรษาอยู่กับท่านที่ถ้ำ ผาปล่อง ที่น่าประหลาดเป็นอย่างยิ่งก็คือ หลวงปู่สิม พุทธาจาโร เป็นพระองค์เดียวกับที่ผมพบกับท่านที่ทางขึ้น แต่ถ้าท่านเดินเร็วกว่าผม ท่านจะต้องเดินแซงผมที่ทางขึ้น นี่ผม ไม่เห็นท่านในขณะ เดินทางขึ้นที่สูง ผมเองยังต้องพักถึง ๒ ครั้ง ในครั้งที่ขึ้นถ้ำผาปล่อง เป็นครั้งแรก ซึ่งต่อมาเดินลงบิณฑบาตทุกวันก็เกิดความเคยชิน

พระที่ท่านปฏิบัติธรรมอยู่ในป่านาน ๆ ท่านคงมีคุณวิเศษที่เราไม่รู้ไม่เห็นอีกมาก แต่พระนักปฏิบัตินี้ส่วนใหญ่ ท่านจะไม่แสดงให้เห็นบ่อยครั้งนัก