หลวงปู่เพชร ปทีโป พระโพธิสัตว์ผู้เหยียบแผ่นหินเป็นรอยเท้า

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย porpek, 4 มิถุนายน 2012.

  1. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    ประวัติหลวงปู่เพชร ปทีโป วัดผาใหญ่วชิรวงศ์(วัดภูพระพาน) อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย

    จากหนังสืองานทำบุญ 100 วันบรรจุอัฐิ หลวงปู่เพชร ปทีโป


    [​IMG]

    นามเดิมชื่อ เพชร พุทธวงศ์ เกิดที่ สุขาภิบาลคอนสาร อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2425

    บิดาชื่อด้วง พุทธวงศ์
    มารดาชื่อ นางปาน พุทธวงศ์
    มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 2 คนคือ
    1.นางบุศ พุทธวงศ์ (ถึงแก่กรรม)
    2.หลวงปู่เพชร ปทีโป


    ชีวิตวัยเยาว์

    ขณะที่ยังเยาว์อยู่เป้นคนขรึมไม่ค่อยพูด-เป็นคนจริงจัง สมถะอยู่กับพ่อ-แม่ จนเข้าวัยเรียนหนังสือประถมศึกษา จากโรงเรียนบ้านเกิดจนจบประถม 2 บริบูรณ์ ในสมัยนั้นก็ถือว่าเป็นชั้นสูงแล้ว พอดีขณะที่มีอายุ 14 ปี ตรงกับปีวอก พ.ศ. 2439 บิดา-มารดา พาครอบครัวอพยพไปในงานนมัสการพระธาตุหลวงนครเวียงจันทน์ ตรงกับวันเพ็ญ เดือน 12 โดยพักอาศัยบ้านญาติฝ่ายมารดาที่อุ้มวัดธาตุขาวเมือง ศรีสัตตนาคนหุด แขวงเวียงจันทน์ ไทย-ลาว เป็นบ้านพี่เมืองน้อง ข้ามแม่น้ำโขงไปมาหาสู่กันสะดวกสบาย ไม่ว่าพระ-โยม ก็ร่วมงานร่วมบุญมหาชาติกันเสมอ ครอบครัวหลวงปู่เพชร ปทีโป ก็เช่นเดียวกับประชาชนอื่นๆ อนึ่งครอบครัวนี้มีสมาชิกน้อยคนเพียง พ่อ แม่ ลูกชาย และลูกสาว รวม 4 คนเท่านั้น จึงง่ายต่อการปกครองเลี้ยงดู เพราะเชื้อสายตระกูลวงศ์ของ พ่อ แม่ เป็นคนมีศีล มีสัตย์ อุปัฏฐากพระสงฆ์องค์ศาสนา อยู่ตามกรอบแห่งศีลธรรม ยึดปฏิบัติตามหลักธรรมทางพุทธศาสนาอย่างดียิ่งโดยสอนลูก ๆ อยู่เสมอว่า “ลูกเอ๋ยคนดีต้องมีศีลธรรม กาย วาจา จิตใจ งานเรียบร้อยคือความมีศีล” จิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อสรรพสัตว์ทุกถ้วนหน้า คือ “มีธรรม ศีลธรรมนี้แหละจะนำพาชีวิตของพวกเราให้เจริญดี มีฐานะ มีอายุมั่นคงดำรงชีพโดยราบรื่น” ด้วยเหตุนี้ครอบครัวนี้จึงได้ใกล้ชิดอุปัฏฐากพระสงฆ์ ครูอาจารย์ผู้สำคัญ ๆ หลายรูปทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวา ของแม่น้ำโขง เช่น ท่านสมเด็จลุน หลวงปู่ศรีทัต เป็นต้น ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ นักปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐาน เดินแสวงหาโมกขธรรม ถือธุดงควัตรแถบอีสานตอนบน ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงสันภูเขาควายโดยมีบุญบารมีสูงยิ่ง ผ่านไปแถวถิ่นต่างๆ มีผู้คนเคารพนับถือมอบตนเป็นสานุศิษย์ ตามไปฟังเทศน์ฟังธรรม ทำสมาธิกัมมัฏฐานกับท่านแห่งละหลายพันคน



    บวชเป็นสามเณรกับหลวงปู่ศรีทัต

    ครอบครัวนี้ก็ได้มอบลูกชายสุดที่รักคือ นายเพชร พุทธวงศ์ นี้ให้เป็นกัณฑ์เทศน์ หลวงปู่ศรีทัตใน ขณะนั้นท่านหลวงปู่ศรีทัตอยู่อาศัยปฏิบัติสมาธิภาวนาอยู่ที่วัดพระพุทธบาทเวินกลุ่ม (พระบาทโคกซวก) ตำบลพุทธบาท อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย โดยความเคารพนับถือ ศรัทธามากจึงเอาลูกชายติดเป็นกัณฑ์เทศน์แล้วแต่ท่านจะรับไว้ใช้อนุเคราะห์ ขณะนั้นปู่เพชร อายุได้ 14 – 15 ปีเท่านั้นเอง เมื่อพ่อ แม่ ยอมยกให้หลวงปู่ศรีทัตน์แล้ว ท่านก็ถือเป็นศิษย์นำติดไปเดินธุดงค์ในสถานที่ต่างๆ เพื่อรับใช้ปฏิบัติอุปัฏฐากพระตามธรรมเนียมลูกศิษย์ พระวัดป่าก็ต้องอดทน ทรมานตนอนุวัตรตามพระกัมมัฏฐานอยู่ลำบาก กินน้อย นอนน้อย คอยปฏิบัตธรรม กัมมัฏฐานทำความเพียรให้มากๆ เพื่อให้เกิดความมุมานะบากบั่น ขยัน ไม่หลงตน ไม่ประมาทในชีวิตจนคลายจากนิสัยที่หยาบ มีอุปนิสัยโน้มไปยังส่วนที่ละเอียดทุกที ทั้งทางกาย วาจา และส่วนลึกแห่งจิตใจ ก็มั่นคงดี ใจศีลธรรม หลวงปู่ศรีทัต จึงอนุญาตให้บวชเป็นสามเณรได้ ตอนนั้นอายุย่างเข้าปีที่ 16 การบวชเป็นสามเณรนั้น หลวงปู่ศรีทัต รับเป็นอุปัชฌาย์เอง พร้อมด้วยคณะสงฆ์ที่ติดตามปฏิบัติธรรม ณ วัดพระพุทธบาทเวินกลุ่ม (โคกซวก) ตำบลพระพุทธบาท อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย เมื่อปีพ.ศ. 2441 ตรงกับปีจอ ร.ศ. 117 จ.ศ. 1260 รัชกาลที่ 5 ในขณะนั้นอายุ 16 ปี นอกจากศึกษาเล่าเรียนศีลธรรม ท่องสวดแบบต่อหนังสือกับพระอาจารย์(เรียนตามคำบอก) ไม่มีหนังสือ ตำรามีน้อยไม่สะดวกด้วยตำราเหมือนในปัจจุบันนี้ แล้วต้องได้ฝึกทำสมาธิจิต นั่งกัมมัฏฐานเดินจงกรมวันละหลายชั่วโมง ดำเนินตามปฏิปทาของพระธุดงค์ ว่างจากเรียนและปฏิบัติแล้ว เวลากลางวันก็ชอบไปฝึกเรียนศิลปะการวาดรูป ปั้นพระพุทธรูป แกะสลักพระไม้จันทร์หอม และแกะสลักหินเป็นพระพุทธรูป จากหลวงปู่ศรีทัตเป็นประจำ จนเกิดความชำนาญกลายเป็นอุปนิสัยติดตัวมาจนกระทั่งอายุถึง 70 – 80 ปี ยังทำอยู่ ที่อยู่วัดบางแห่งเช่น วัดพระพุทธบาทโนนฆ้อง ถ้ำคอกม้า แกะสลักพระพุทธได้มาก ถึงกับทำพิธีบรรจุไว้ตามหน้าผา หน้าถ้ำก็มีมาก ส่วนที่เหลือจากมอบให้วัด ลูกศิษย์บางคนนำไปสักการะบูชาเพื่อเป็นสิริมงคลก็มาก ขณะบวชเป็นสามเณรอยู่ได้พักอยู่จำพรรษาตามวัดดังนี้คือ

    2 พรรษาแรกอยู่ที่วัดพระพุทธบาทเวินกลุ่ม(โคกซวก) ปีพ.ศ. 2441 – 2442
    พรรษาที่ 3 ไปจำพรรษาที่วัดพระพุทธบาทบัวบด (พระบาทหอนาง) บ้านผือ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ปีพ.ศ. 2443
    ส่วนปีพ.ศ. 2444 – 2445 ข้ามฟากไปเยี่ยมโยมที่ประเทศลาว จึงอยู่เข้าพรรษาที่วัดธาตุขาว เมืองศรีสัตตนาคนหุต เวียงจันทน์ ประเทศลาว
     
  2. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    หลวงปู่ศรีทัตพระอาจารย์ของหลวงปู่เพชร

    [​IMG]

    หลวงปู่ศรีทัตท่านเป็นพระป่ามีชื่อเสียงทางด้านวิปัสสนากรรมฐานและทรงวิทยาคมทางด้านคาถาอาคมไสยเวท ซึ่งท่านได้ศึกษาวิชาอาคมด้านต่าง ๆ มาจากสมเด็จลุน แห่งนครจำปาศักดิ์ ประเทศลาว สมเด็จลุนท่านเป็นสุดยอดปรมาจารย์ของประเทศลาว พระเกจิอาจารย์ทางภาคอีสานแถบลุ่มแม่น้ำโขงที่มีชื่อเสียงโด่งดังล้วนฝากตัวเป็นลูกศิษย์ท่านทั้งสิ้น สมเด็จลุนท่านมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์มากมายเหลือจะบรรยายเป็นตัวอักษรได้ จะขอกล่าวไว้พอเป็นสังเขป สมเด็จลุนท่านสามารถเดินข้ามแม่น้ำโขงด้วยเท้าเปล่าและบางครั้งท่านจะไปนั่งสรงน้ำกลางแม่น้ำโขง นี่คืออิทธิปาฏิหาริย์ของท่านและในบรรดาลูกศิษย์ของสมเด็จลุน หลวงปู่ศรีทัตถือเป็นศิษย์เอกที่ได้รับการถ่ายทอดตำราวิทยาคมจากสมเด็จลุนจนหมดสิ้น


    ลาสิกขาบทเพื่อไปเกณฑ์ทหาร

    เมื่อออกพรรษาที่วัดธาตุขาว เมืองศรีสัตตนาคนหุต เวียงจันทน์ ประเทศลาวแล้ว จึงได้ไปกราบลาสิกขาบทต่อหลวงปู่ศรีทัตขณะนั้น หลวงปู่ศรีทัตท่านปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดพระพุทธบาทโพนแน ลาสิกขาบทแล้วรีบไปเกณฑ์ทหารที่บ้านเดิม คือ อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ เมื่อปีพ.ศ. 2446


    เป็นฆราวาส

    ไม่ปรากฏหลักฐานว่าท่านได้รับเลือกเป็นทหารเกณฑ์หรือไม่ เมื่อเป็นฆราวาส ผู้ครองเรือนก็เป็นคนขยันทำมาหาเลี้ยงบิดา มารดา คือ นางปาน นายด้วย พุทธวงศ์ อย่างเต็มความสามารถ ในการปฏิบัติอุปัฏฐากบิดา มารดา จนคนใกล้ชิดเรียกว่า “ลูกกตัญญู” อาชีพหลักก็ทำนา ประกอบกับบิดาเป็นหมอยาโบราณ(ยาสมุนไพร) ไปรักษาคนป่วยกับบิดาเสมอ จนกลายเป็นหมอยาทั้งบิดา ลูก งานอดิเรกพิเศษคือชอบเรียนลำ กลอน เป่าแคน รับจ้างงานวันละ 2 – 3 บาท ก็เอา สมัยนั้น เมื่อปี พ.ศ. 2451 บิดามารดา จึงย้ายบ้านจากอำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ ไปอยู่กับญาติที่หมู่บ้านปากโสม อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย ขณะนั้นพี่น้องหลานๆ ยังอยู่มากมาย เช่นแม่ตู้ขาว แม่ของอาจารย์สดและกำนันพรม เพ็งสมภาร เป็นต้น ส่วนศิษย์ผู้ได้รับแสงสว่างแห่งชีวิตจากการเทศน์ แนะนำปฏิบัติธรรมตามนั้นมีมากจริงทั้งในประเทศไทย ลาว ฝรั่งเศส เพราะท่านเป็นคนดี มีญาณสูง มุ่งปรารถนาพุทธภูมิ แผ่เมตตาช่วยลูกศิษย์ผู้ดีมีศีลธรรมอย่างสม่ำเสมอ

    ชีวิตคู่ระหว่างเป็นคฤหัสถ์


    อนึ่งชีวิตระหว่างเป็นคฤหัสถ์อีกช่วงหนึ่งของท่าน ควรเขียนแทรกไว้ ณ ที่นี้ คือชีวิตคู่ของท่าน ครั้งหนึ่งระหว่างอยู่เขตอำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย มีคนลาวเชื้อสายฝรั่งเศส พวกปลูกสวนป่าสักที่ เกาะดอนปากน้ำตอนตรงข้ามฝั่งไทย ของหมู่บ้านปากโสม ข้ามเรือมาเชิญนายด้วง พุทธวงศ์ บิดาท่านเพชรไปรักษาโรคตับ ของลูกสาวซึ่งอาการเป็นตายเท่ากัน ท่านเพชรตามบิดาไปด้วย เห็นอาการคนป่วยแล้วนึกสมเพช สงสาร หญิงสาวผู้ป่วยเป็นยิ่งนักกลัวว่าจะไปไม่รอดแน่ทั้งผอม ข้าวก็ทานได้แต่น้อย ก่อนจะลงมือรักษา จึงถือปากว่าถ้ารักษาหายจะขอไปเป็นน้องสาวจะได้ไหม? บิดามารดาของหญิงสาวที่ป่วยจึงบอกว่าได้ จะยกให้เลยขอให้แต่ให้รอดชีวิตเถอะ ปรากฏว่ารักษาอยู่ไม่นานโรคตับของหญิงนั้นหายจริงภายใน 1 เดือน ทางครอบครัวผู้หญิงเขาจึงยกให้เป็นภรรยาของท่านเพชร พุทธวงศ์ เนื่องจากวาสนาต่อกัน อันจะเป็นคู่ชีวิตเพื่อเป็นพระโพธิสัตว์ ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต



    ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์

    แต่อนิจจาความรักไม่สมหวัง อยู่ได้ 3 – 4 เดือนต้องเลิกร้างกันไปโดยไม่มีพันธะผูกพัน เป็นทั้งรักครั้งแรกและทั้งรักครั้งสุดท้ายที่มีต่อหญิงสาว เนื่องจากคำอธิษฐานของท่านว่าชาตินี้จะลงมาเพื่อบวชเป็นพระถือเพศบรรชิตบำเพ็ญบุญบารมีเพื่อสะสมเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต หลังจากนั้นมาท่านก็ครองตัวเป็นโสดมาโดยตลอด มุ่งเลี้ยงดูแต่บิดามารดาทั้งสองมา จนอายุย่างเข้าปีที่ 31 พ่อ แม่ จึงพาย้ายไปพักอยู่กับญาติพี่น้องที่คุ้มวัดธาตุขาว


    มองเห็นอนิจจังของชีวิต

    เมื่อความเปลี่ยนแปลง หรือสภาพทั่ว ๆ ไป บ่งบอกถึงอาการภาวะว่าตกอยู่ใต้อนิจจาภาวะคือความไม่เที่ยงแท้แน่นอน ของความเป็นอยู่ของชีวิตที่ผ่านมาโดยย้ายที่หาความอยู่ดีมั่งมีทรัพย์สิน แต่ได้ประสบพบเข้าทั้งที่เป็น
    นิฏฐารมณ์ อารมณ์ที่น่าปรารถนา คือ การได้ลาภ ได้ยศ ได้ความสุข และได้รับการยกย่องสรรเสริญ
    อนิฏฐารมณ์ อารมณ์ที่ไม่น่าปรารถนา คือ การเสื่อมลาภ เสื่อมยศ ได้ความทุกข์ และได้รับการนินทาว่าร้าย
    เมื่อประสบกับชีวิตอย่างนี้ก็เริ่มคิดถึงหลักธรรมที่หลวงปู่ศรีทัต ซึ่งเป็นพระอาจารย์ท่านแรกที่สอนสั่งเรื่องชีวิต คือความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่สาระแก่นสารดีงามโดยให้ยึดหลักปฏิบัติศีลธรรมทางพุทธศาสนา เป็นสรณะที่พึ่งประกอบกับยกภาษิตพระร่วงประกอบว่า

    ที่มีภัยพึงหลีก ปลีกคนไปโดยด่วน
    ได้ส่วนอย่ามักมาก อย่ามีปากว่าคน
    รักตนกว่ารักทรัพย์ อย่าได้รับของเข็ญ
    เห็นงามตาอย่าปอง ของฝากท่านอย่ารับ
    ที่ทับจงมีไฟ ที่ไปจงมีเพื่อน
    ทางแถวเตือนไคลคลา ครูบาสอนอย่าโกรธ
     
  3. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    พระโพธิสัตว์บารมีเต็มเท่านั้นถึงสามารถประทับรอยเท้าบนแผ่นหิน

    หลวงปู่ดู่ วัดสะแก พระโพธิสัตว์ที่หลายคนเชื่อว่าท่านคือหลวงปู่ทวดแบ่งภาคมาเกิด

    เรื่องที่ ๑ พระโพธิสัตว์ - หน่อพุทธภูมิ - การแบ่งภาค
    เนื้อหาทั้งหมดในกระทู้นี้เรียบเรียงจากหนังสือกายสิทธิ์เล่ม 1
    สำนักสงฆ์พุทธพรหมปัญโญ (วัดถ้ำเมืองนะในปัจจุบัน) ตีพิมพ์เมื่อ 10 กว่าปีก่อน


    [​IMG]

    ช่วงที่ ๑

    เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๓ วันหนึ่ง ขณะที่ผู้เขียนกำลังนั่งคุยกับหลวงปู่ ท่านได้ถามผู้เขียนว่า "เคยได้ยินเรื่องการแบ่งภาคไหม" ผู้เขียนเรียนตอบท่านว่า "เคยครับ ในเรื่องรามเกียรติ์ พระรามแบ่งภาคมาจากพระนารายณ์ มีจริงหรือครับหลวงปู่" หลวงปู่ท่านนิ่งอยู่อึดใจหนึ่งแล้วตอบว่า "มีจริงเหมือนกัน อย่างหลวงปู่ทวดแบ่งภาคมาเกิดไงละ" เกี่ยวกับเรื่องนี้ เคยมีนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เรียนถามหลวงปู่ ซึ่งหลวงปู่ตอบว่า "มี...แต่ทำได้ในพวกหน่อพุทธภูมิ" หลวงปู่ท่านเคยบอกผู้เขียนว่า "แก รู้ไหมว่า ในหลวงท่านเป็นใคร ท่านคือผู้ปรารถนาพุทธภูมิ กำลังใจของท่านพวกนี้จะต้องเป็นผู้นำหมู่คณะ ดูอย่างวัวยังมีจ่าฝูง นกก็ต้องมีหัวหน้าฝูง วัดก็ต้องมีเจ้าอาวาส อย่างหลวงพ่อใหญ่ (พระโบราณคณิสร อดีตเจ้าอาวาสวัดสะแก) แต่หน่อพุทธภูมิที่มีบารมีเต็มแล้ว สูงแล้ว เขามักจะไม่เป็นกษัตริย์ เพราะจะมีภาระหนักหน่วง ส่วนใหญ่เขามักเป็นคนธรรมดาแล้วบวชพระ แต่จะบำเพ็ญบารมีจนในที่สุดจะกระเทือนถึงพระราชวงศ์เอง พระเจ้าแผ่นดินองค์นี้ท่านมีบุญมาก และเป็นแบบอย่างให้ข้าราชการผู้ใหญ่ทำตาม"

    ผู้เขียนจึงเรียนถามท่านต่อไปว่า "หลวงปู่ครับ หน่อพุทธภูมิที่บารมีเต็มแล้ว ท่านก็ไม่ต้องมาเกิดแล้วใช่ไหม รอการตรัสรู้เลยที่ชั้นดุสิต หรืออย่างหลวงปู่ก็ไม่ต้องมาเกิดแล้วใช่ไหมครับ" หลวงปู่ตอบว่า "กำลัง ของพุทธภูมิมีหน้าที่ที่จะทำให้มหาชนมีความสุข ถ้ามีคนเรียกร้องหรือบ้านเมืองเกิดยุคเข็ญก็ต้องลงมาช่วย จะคิดเอาแต่สบายได้ยังไง นั่นไม่ใช่ความคิดของหน่อพุทธภูมิ อย่างนี้พระอรหันต์สำเร็จแล้ว ท่านก็ไม่ต้องยุ่งกับใคร ไม่ต้องทำอะไรแล้วซิ" หลวงปู่ท่านตอบคำถามของผู้เขียนเสร็จแล้ว ท่านปรารภถึงการจัดการเรื่องศพของท่านต่อไปว่า "ถ้าข้าตายแล้วอย่าเก็บศพไว้นาน เจ็ดวันเผาเลย ไม่เผาก็โยนทิ้ง เดี๋ยวจะกลายเป็นหากินกับศพ"

    ผู้เขียนได้แย้งท่านว่า "กลัววัดจะร้าง" หลวงปู่ท่านตอบว่า "เรื่อง เผาไม่เผา ต้องแล้วแต่คำสั่ง ดูอย่างหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ท่านสั่งไม่ให้เผา เพราะกลัวพระเณรจะอดอยาก แต่สำหรับข้าให้เผา เวลาจะเผาให้เผายืน ข้าจะได้ไปไหนได้" ผู้เขียนจึงถามท่านว่า "หลวงปู่ไม่ไปนิพพานหรือ" ท่านตอบว่า "จะ ไปได้อย่างไร คนนี้ก็เรียก คนนั้นก็ร้อง ข้าไปแค่หัวตะพานก็พอ ดูอย่างหลวงปู่ทวดซิ มีคนเรียกร้องท่านมากมาย บารมีท่านเต็มท้องฟ้า อย่างข้าเอง คนไหนคิดถึงข้า ข้าก็คิดถึงเขา คนไหนไม่คิดถึงข้า ข้าก็คิดถึงเขา เพราะในวันหนึ่งๆ ข้าต้องอธิษฐานไปให้หมู่คณะทุกวันไม่เคยขาด วันละ ๓ ครั้ง เขาจะได้ไม่เป็นอันตรายทั้งเช้ามืด ตอนเย็น ตอนกลางคืน ก่อนนอน เพื่อเป็นการช่วยเหลือหมู่คณะ"

    ผู้เขียนฟังจบ พร้อมกับสำนึกในเมตตาของหลวงปู่ที่มีต่อลูกศิษย์อย่างมาก หลวงปู่ท่านได้ย้ำด้วยความเมตตาต่อไปอีกว่า "คิด ถึงพระครั้งหนึ่ง บารมีพระมาถึงเราไปกลับ ๗ เที่ยว รวมแล้ว ๑๔ ครั้ง ได้กำไรดีไหมล่ะ นี่มีในพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าบอกกับพระอานนท์ ถ้าเราคิดถึงพระได้เหมือนกับคิดถึงแฟนเมื่อไหร่ แสดงว่าจะดีแล้ว"


    หลวงปู่ดู่ท่านกล่าวว่า พระโพธิสัตว์บารมีเต็ม ที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตอันใกล้ เทวดา ท่านจะขอให้ประทับรอยเท้าบนแผ่นหินไว้ เพื่อเป็นที่สักการะบูชาของมนุษย์ เทวดา ทั้งหลาย เช่น หลวงปู่ทวด ท่านก็ประทับรอยเท้าไว้ที่วัดพะโคะ ครูบาศรีวิชัย ประทับรอยฝ่ามือ ฝ่าเท้าไว้ที่วัดพระพุทธบาทแก่งสร้อย ฯ
     
  4. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    หลวงปู่ทวด

    [​IMG]

    รอยเท้าหลวงปู่ทวด วัดพะโคะ


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มิถุนายน 2012
  5. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    ครูบาศรีวิชัย


    [​IMG]


    รอยฝ่ามือ ฝ่าเท้าครูบาศรีวิชัย ที่วัดพระพุทธบาทแก่งสร้อย

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  6. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    โดยหลวงปู่เพชรได้ประทับรอยเท้าทั้งสองข้างไว้ที่ถ้ำประเทศลาว เป็นคำบอกเล่าของหลวงปู่คำตันที่ปรึกษาพระสังฆราชประเทศลาว หลวงปู่คำตันเป็นลูกศิษย์หลวงปู่เพชรได้อยู่ปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่เพชรถึง 20 พรรษา


    [​IMG]

    ภูเขาควายตั้งอยู่ที่บ้านนายาง เมืองธุรคม แขวงเมืองเวียงจัน มีพื้นที่ 2,000 ไร่ บนยอดเขาภูเขาควายปัจจุบันได้ถูกสร้างเป็นวัดชื่อ “วัดป่าพระบาทภูเขาควาย” โดยหลวงปู่คำตัน วรราช (พระประเทศลาว) ซึ่งท่านเป็นคนเมืองธุระคม บ้านอยู่ใกล้ๆ ภูเขาควาย ท่านบวชเป็นสามเณร ตั้งแต่อายุ 13 ปี และก็อยู่ในภูเขาศํกดิ์สิทธิ์มาตั้งแต่เด็ก โดยท่านอยู่กับ หลวงปู่เพชร ปัจจุบันท่านจะอยู่ประจำที่วัดดงป่าลาน ในเมืองเวียงจัน และจะขึ้นมาวัดป่าพระบาทภูเขาควาย เป็นช่วงๆ โดยส่วนใหญ่จะนำเงินและวัสดุก่อสร้างมาให้กับช่างทีทำการสร้างสิ่งก่อสร้างในวัด แต่ถ้าหลวงปู่ไม่อยู่ บนเขาก็มีพระลาว 4 รูป สามเณร 1 รูป แม่ชี 5 รูป และยังมีโยมที่คอยช่วยงานวัดอีกหลายคนไป ๆ มา ๆ นอกจากยังมีพระไทยเดินทางมาพักเป็นช่วงไม่ขาด
     
  7. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    เรื่องเล่าจากหลวงปู่คำตัน

    เรื่องมีดังนี้ครับ เมื่อครั้งที่หลวงปู่คำตันท่านปรนนิบัติหลวงปู่เพชรที่ถ้ำประเทศลาว เช้าวันหนึ่งหลวงปู่คำตันเข้าไปหาหลวงปู่เพชรตามปกติ แต่วันนี้ที่แปลกคือ มีรอยเท้าประทับอยู่บนหินครับ หลวงปู่คำตันก็เลยงง และสงสัยว่ารอยใคร ใช่รอยหลวงปู่เพชรหรือเปล่าก็เลยเข้าไปถามหลวงปู่เพชรว่ารอยใครใช่รอยปู่หรือเปล่าหรือรอยพ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านอื่นแต่หลวงปู่เพชรก็ไม่ตอบได้แต่ยิ้มให้เฉยๆ หลวงปู่คำตันก็เลยไม่กล้าถามต่อ แต่ก็สงสัยว่ารอยใครวันต่อมาก็เข้าไปหาหลวงปู่เพชรตามปกติและที่แปลกอีกคือวันนี้ก็มีอีกรอยหนึ่งประทับอยู่ข้างกัน ทำให้หลวงปู่คำตันสงสัยเข้าไปอีกว่ารอยใครก็เรียนถามหลวงปู่เพชรอีกว่ารอยใคร หลวงปู่เพชรก็ไม่ตอบเช่นเคยได้แต่ยิ้มให้เฉยๆโดยหลวงปู่คำตันก็อยู่กับหลวงปู่เพชรแค่สองรูปเท่านั้น
     
  8. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    รูปวาดหลวงปู่เพชร ปทีโป ที่วัดพระพุทธบาทผาจ่อง อ.สังคม จ.หนองคาย

    [​IMG]
     
  9. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    รอยพระพุทธบาทผาจ่อง ที่อ.สังคม จ.หนองคาย

    [​IMG]

    [​IMG]



    ตามประวัติและคำบอกเล่าจากผู้เฒ่าผู้แก่บอกว่า
    หลวงปู่เพชรเป็นผู้สร้างวัดนี้ และเมื่อครั้งหลวงปู่จำพรรษาอยู่
    พอวันพระทุกคืน ก็จะเห็นเหล่าเทวดา เจ้าที่ สัตว์น้อยใหญ่ มากราบใหว้ที่แท่นหินแห่งนี้
    หลวงปู่ก็รู้ด้วยญาณว่านั่นต้องไม่ใช่ที่ธรรมดาเป็นแน่แท้
    พอรุ่งเช้าหลวงปู่ก็เลยไปดู เห็นเป็นแท่นหิน มีใบใม้ปกคลุมเต็มไปหมด
    หลวงปู่เลยเอาใบใม้ออก ก็เลยเห็นเป็นรอยพระพุทธบาท ดังในรูป

    รอยที่ถ่ายมาให้ชม เป็นรอยดั้งเดิมแต่โบราณกาล ไม่มีการปรับปรุงเสริมแต่งแต่อย่างใด
    เป็นรอยที่ ใหญ่ ชัด และสมบูรณ์มากครับ
     
  10. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    วัด พระพุทธบาทผาจ่อง
    ตามแผนที่เลยครับ
    จาก อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย

    เดินทางมาตามทางหลวงหมายเลข 211
    ผ่านทางแยกเข้าวัดผาใหญ่ฯและน้ำตกธารทอง
    ตรงมาเลื่อยๆจนถึง บ้านปากโสม ตรงไปประมาณ 300-500 เมตร
    จะเจอป้ายทางเข้าวัด พระพุทธบาทผาจ่อง แยกทางเข้าวัดจะอยู่ทางซ้ายมือ อยู่ประมาณกลางหมู่บ้านพอดีครับ
    ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปเลยครับ ตรงไปเลื่อยๆ ประมาณ 5กิโมเมตร ถึง วัดเลยครับ


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  11. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    หลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี

    [​IMG]

    วันหนึ่งมีลูกศิษย์ นำพระมาให้หลวงพ่อฤาษีฯดู หลวงพ่อฤาษีฯก็จับพระองค์นั้นไว้ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า ตั้งแต่จับพระมา พระที่มีพลังแรง ก็มี พระสมเด็จ พระของหลวงพ่อปาน และพระองค์นี้ ข้าฯสงสัย ก็เห็นครูบาศรีวิชัยอยู่ตรงหน้า ยังไม่ได้ถามอะไร ท่านครูบาศรีวิชัยก็บอกเองว่า “พระนี้ท่านทำเอง” แล้วก็ส่งพระคืนให้ลูกศิษย์

    ลูกศิษย์ทำหน้างง ๆ เพราะไม่ทราบเหมือนกันว่า พระนี้ครูบาศรีวิชัยอธิษฐานจิตทราบแต่เพียงเป็นพระที่ครูบาบุญทืม จ.ลำพูน สร้างไว้ เลยย้อนกลับไปถามครูบาบุญทืม ก็ได้ความว่า เป็นพระรอดเนื้อดินเผาขนาดองค์เล็ก (วงการพระเรียกว่าพระรอดเณรจิ๋ว) ที่ครูบาบุญทืมทำไว้ตอนเป็นเณรหนึ่งบาตรพระ ถวายครูบาชุ่ม ครูบาชุ่ม โพธิโก ก็นำไปให้ครูบาศรีวิชัยอธิษฐานจิตให้ แสดงให้เห็นว่า พระ วัตถุมงคลที่มีพลังแรงมากๆ พระโพธิสัตว์ได้อธิษฐานจิตไว้ เพราะพระโพธิสัตว์ท่านบำเพ็ญบารมีมาช้านาน และพระวัตถุมงคลต่างๆ ท่านก็อธิษฐานบุญบารมีทั้ง 30 ทัศของท่านไว้ด้วย



    อธิบาย บารมี ๓๐ ทัศ

    การบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์ในชาตินั้นๆ บารมีที่บำเพ็ญนั้นคือ ทานบารมี เนกขัมมบารมี ปัญญาบารมี วิริยบารมี ขันติบารมี สัจจบารมี อธิษฐานบารมี เมตตาบารมี และอุเบกขาบารมี รวมเรียกว่าบารมี ๓๐ (๓ x ๑๐) โดยแบ่งเป็นบารมีชั้นธรรมดา ๑๐ (บารมี) บารมีชั้นกลาง ๑๐ (อุปบารมี) และ บารมีชั้นสูง ๑๐ (ปรมัตถบารมี) รวมเป็นบารมี ๓๐ ประการ

    อีกตอนหนึ่ง มีโยมผู้หญิงเพิ่งเคยมากราบหลวงพ่อฤาษีฯ แล้วอยากรู้
    หลวงพ่อค่ะ ทำไมหนูไม่รวยซักที หลวงพ่อฤาษีฯท่านมองครู่หนึ่ง แล้วตอบว่า ไม่ถูกหวยนะเหรอ ผู้หญิงคนนั้นทำหน้าแดงๆ อายๆ แล้วพูดว่า “หลวงพ่อรู้ด้วย” หลวงพ่อฤาษีฯท่านก็ตอบว่า แขวนพระอรหันต์ขอกับพระอรหันต์ท่านไม่สงเคราะห์หรอก เพราะท่านถือว่าเป็นไปตามกฎแห่งกรรม ต้องขอกับพระโพธิสัตว์นู่น เพราะพระโพธิสัตว์ท่านยังสงเคราะห์ลูกหลาน ลูกศิษย์ อยู่ถ้าอันใดสงเคราะห์ได้ท่านก็สงเคราะห์ (ผู้หญิงคนนั้น บอกต่อว่า หลวงพ่อฤาษีฯท่านรู้ด้วยว่าแขวนเหรียญพระอรหันต์ และยังรู้ด้วยว่าขอให้ถูกหวยแต่ไม่ถูก รวมทั้งรู้ด้วยเคยมาขอหวยกับหลวงพ่อปานแล้วถูก )

    ที่นำเสนอดังนี้ เพื่อให้ทุกท่านได้ทราบว่า ยังมีหลวงปู่เพชร ปทีโป พระโพธิสัตว์บารมีเต็มที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตอันใกล้อีกหนึ่งองค์ผู้ซึ่งประทับรอยเท้าบนแผ่นหินได้ พระวัตถุมงคลของท่านก็อธิษฐานจิตบารมี 30 ทัศ ไว้ด้วย เพื่อไว้คุ้มครองลูกหลาน ลูกศิษย์ ลูกหา ผู้ซึ่งนับถือท่าน ไว้ทุกประการ
     
  12. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    พระสมเด็จหลังหลวงปู่เพชรรุ่นแรก

    [​IMG]

    [​IMG]

    เป็นพระที่มีประสบการณ์มากที่สุด และเป็นที่นิยมแขวนทั้งชาวไทย ชาวลาว มีประสบการณ์มากมาย เช่นคนลาว แขวนไปทำนาข้าว ถูกฟ้าผ่า สร้อยสแตนเลส และกรอบสแตนเลสละลาย แต่คนไม่และพระไม่เป็นอะไรเลย คนไทยขับมอเตอร์ไซด์ไม่ใส่หมวกกันน็อค ขับไปชนประสานงากับรถสองแถว รถมอเตอร์ไซด์พังยับ แต่คนขับไม่เป็นอะไรเลย แค่รอยถลอก ฟกช้ำดำเขียวนิดหน่อย
     
  13. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    จากประสบการณ์ตรงของลูกศิษย์หลวงปู่เพชร เมื่อประมาณวันที่ 25 พฤษภาคม 2555 ที่ผ่านมา ขับรถด้วยความเร็วสูง รถลงคลองข้างทาง ฝนตกหนัก น้ำเอ่อล้นไหลข้ามถนนก่อนเข้า โนนสะสาด อุดรธานีครับ
    โชคดีมากที่คนไม่เป็นไรเลย แต่รถประมาณการ ค่าเสียหายประมาณ แสน ต้นๆ ดีที่มีประกันครับ


    ภาพหลังฝนหยุดตก หลังน้ำลด

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]

    คนขับแขวนเหรียญหลวงปู่เพชร รุ่นแรก ปี 2517

    [​IMG]
    [​IMG]
     
  14. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    [​IMG]

    อุปสมบทเป็นภิกษุ

    นายเพชร พุทธวงศ์ ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ตรงกับปีขาล จ.ศ. 1276 วันเสาร์ที่ 30 มกราคม พุทธศักราช 2457 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 มาฆบูชา ณ อุโบสถ วัดพระธาตุ ท่าอุเทน อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม โดยพระอาจารย์ศรีทัต รับเป็นพระอุปัชฌาย์ พร้อมด้วยพระคณาจารย์คู่สวดและคณะอันดับสงฆ์ 13 รูปทำพิธีกรรมอุปสมบทด้วยญัตติจตุตถกรรมวาจา สำเร็จเป็นพระภิกษุสงฆ์ในพุทธศาสนา เวลา 14.35 น. ได้รับฉายาการเกิดเป็นพระภิกษุใหม่ในพระพุทธศาสนาว่า “ปทีโป ภิกขุ” ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
     
  15. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    [​IMG]

    พระธาตุท่าอุเทน


    ที่ตั้ง วัดพระธาตุท่าอุเท น ตำบลท่าอุเทน อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม
    ประวัติ ตาม ประวัติที่จารึกไว้ที่กิแพงพระธาตุกล่าว ท่านอกจารย์สีทัตถ์ ได้เป็นหัวหน้า ชักชวนพระภิกษุสงฆ์และชาวบ้านผู้มีจิตศรัทธาร่วมกัน ก่อสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2454ใช้เวลาทั้งสิ้น 6 ปีจึงแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2549
    หลัก ฐาน พระธาตุท่าอุเทนมีลักษณะเป็นเจดีก่ออิฐถือปูนรูปสี่ เหลี่ยม ซึ่งจำลองมาจากพระธาตุพนม แต่มีขนาดเล็กและสูงกว่าพระธาตุ พนม บริเวณฐานและชั้นเรือน ธาตุมีลายปูนปั้นงดงาม ภายในองค์พระธาตุมี 2 ชั้น ชั้นแรกก่อเป็นอุโมงค์บรรจุพระพุทธ สารีริกธาตุ ซึ่งท่านอาจารย์สีทัตถ์อัญเชิญมาจากเมืองย่างกุ่ง ประเทศพม่า รวมทั้งมีพระพุทธรูปและของมีค่าต่าง ๆที่ผู้มีจิตศรัทธาได้นำมาบรรจุไว้ด้วย ขั้น 2 ก่อครอบอุโมงค์ สูงประมาณ 5 วา ถัดมาเป็นพระธาตุองค์นอกในปี พ.ศ. 2540 ส่วนซุ้มประตุฐานชั้นล่างขององค์พระ ธาตุด้านทิศใต้ได้พังทลายลง กรมศิลปากรจึงได้ทำการบุรณะขึ้นใหม่จนแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2541 พร้อมทั้งได้ ทำการเสริมคานคอนกรีตภายใน เพื่อทำให้เกิดความมั่นคงเป็นการป้องกันองค์พระ ธาตุพังทลายด้วย
    อายุ สร้างขึ้นเมื่อราว พ.ศ. 2454 - พ.ศ. 2459
     
  16. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    หลวงปู่ศรีทัตผู้มีบารมีธรรมสูงยิ่ง

    หลวงปู่เพชร เป็นภิกษุรุ่นแรกที่ร่วมสร้างพระธาตุท่าอุเทน ร่วมกับหลวงปู่ศรีทัตผู้มีบารมีธรรมอันสูงยิ่ง จะเห็นได้แจ้งชัดเจน เรื่องจิตอธิษฐานสร้างพระธาตุท่าอุเทนของท่านคือ
    -ทรายตามลำน้ำโขงแถวนั้น ไม่เคยขึ้น ณ ที่นั้นมาก่อน เมื่อหลวงปู่ศรีทัตจะลงมือสร้างพระธาตุใหม่แล้ว ทรายหาดนั้นขึ้น จนแล้วเสร็จหาดทรายในปีถัดไปก็ไม่โผล่ขึ้นอีก
    -เหตุอัศจรรย์อีกข้อคือ ตลิ่งฝั่งแม่น้ำโขงบริเวณพระธาตุท่าอุเทนตั้งอยู่ จะยื่นออกไปโดยตลิ่งไม่พัง ส่วนที่อื่นๆ พังหมด
    -และตอนที่ท่านทิ้งธาตุวางขันธ์ 5 ของหลวงปู่ศรีทัตเมื่อวันศุกร์แรม 10 ค่ำ เดือน 4 ปีมะเส็ง พ.ศ. 2484 อายุจะรวมถึง 80 ปีเท่าอายุขัยพอดี โดยร่างกายธาตุขันธ์ของหลวงปู่ศรีทัตไม่เน่าเปื่อย หรือมีกลิ่นเหม็น เหมือนคนนอนหลับ โดยไม่ได้ฉีดยาอะไรเลย จนกระทั่งเผาร่างของท่าน

    การปฏิบัติธรรมของหลวงปู่เพชร

    หลวงปู่เพชร ปทีโป เมื่อบวชแล้วก็ปฏิบัติตามแบบสมถะกัมมัฏฐานและวิปัสสนากัมมัฏฐาน ของหลวงปู่ศรีทัต โดยเคารพมั่นในองค์อาจารย์
    - อยู่ร่วมปฏิบัติก่อสร้างพระธาตุท่าอุเทนรวม 4 ปี
    - ธุดงค์ไปมาอยู่ระหว่างพระธาตุโพนสัน พระธาตุท่าอุเทน จึงเปลี่ยนที่อยู่ปฏิบัติไปวัดถ้ำผาน้ำย้อย ภูเขาควาย ไปมาอยู่ 7 ปี
    - หลังจากนั้นก็ไปธุดงค์ ที่วัดธาตุสามหมื่น ภูเขียว พระพุทธบาทบัวบกอำเภอบ้านผือ ร่วมก่อสร้างกับหลวงปู่ศรีทัตอยู่อีก 12 ปี ไปมาแถวนั้นจึงบูรณะรอยพระพุทธบาท และพระธาตุบัวบกเป็นที่เสร็จบริบูรณ์พร้อมกัน มีงานนมัสการเป็นประเพณีต่อมา เมื่อถึงวันเพ็ญเดือน 4 ทุก ๆ ปี ตรงกันกับงานของวัดพระธาตุท่าอุเทน เพราะหลวงปู่ศรีทัตเป็นผู้กำหนดไว้เช่นเดียวกัน
    เมื่อเสร็จธุระงานนมัสการรอยพระพุทธบาทบัวบกบ้านติ้ว อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานีแล้ว พระคณาจารย์ร่วมคณะมากับหลวงปู่ศรีทัต ต่างก็ขอลาอาจารย์แยกย้ายกันออกธุดงค์ตามช่วงฤดูกาล ตามแต่อัธยาศัย หลวงปู่เพชร ก็เดินทางมายังถ้ำผาดัก พระบาทผาจอง บนสันภูพาน ตำบลผาตั้ง อำเภอสังคม ตามที่ได้นิมิตเห็น อันมีสุวัณณะนาคขอร้องให้อยู่ร่วมสร้างมณฑปครอบรอยพระพุทธบาทผาจอง บ้านปากโสม ท่านก็รับไว้ และภายหลังจึงได้มาร่วมสร้างจนแล้วเสร็จ
     
  17. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    ครั้งหนึ่ง หลวงปู่เบ้า ธนเสฏโฐ ผู้เป็นศิษย์ของหลวงปู่เพชรเล่าให้ฟังถึง ปฏิปทา การเดินธุดงค์ ของท่านว่าขณะอยู่วัดถ้ำพระ เมืองนาทรายทอง ว่าถ้ำนี้หลวงปู่เพชรเป็นผู้นิมิตเห็นที่บรรจุพระพุทธรูปอยู่ภายในทำให้ท่านซึ่งมีความปรารถนาพุทธภูมิเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มีศรัทธากล้ายิ่งขึ้นจึงแกะพระพุทธรูปด้วยหินบ้าง ไม้จันทร์หอม และปั้นพระปูนด้วยเป็นจำนวนมากบรรจุเพิ่มเข้าไปอีกในถ้ำพระนั้น
    เมื่อว่างงานประจำหลวงปู่เพชรท่านก็จะพาพระไปเดินธุดงค์ไปที่ดาลสูง โดยห่างจากหมู่บ้านมากถึง 10 กิโลเมตรเป็นอย่างน้อย (คำว่า “ดาลสูง” หมายถึงเนินเขาที่มีหินพื้นเป็นแผ่นหินตลอดและสูงชันขึ้นไป) ไปครั้งละเกือบ 1 เดือน ไปเพื่อฝึกศิษย์ ออกจากนั้นก็นำคณะไป “ถ้ำน้ำทน” ซึ่งยิ่งกันดารมาก วกเวียนมาพระพุทธบาทโพนฆ้อง และถ้ำคอกม้า

    อธิษฐานจิตเป็นผ้ายันต์ ตะกรุดโดยไม่ต้องเขียน จาร

    ครั้งหนึ่งพักอยู่ที่พระพุทธบาทโพนฆ้อง มีญาติของโยมพ่อยกไปขอตะกรุดกันอาวุธปืนและขอผ้ายันต์เพื่อให้หลานของพ่อตู้มุกดาไปเป็นทหารลาว พ่อยกขันดอกไม้ให้พร้อมด้วยผ้าขาว แผ่นทอง ท่านหลวงปู่เพชร บอกให้วางขันไว้ก่อนคุยเรื่องสมาธิภาวนาและเรื่องทั่วไป จนจะมืดค่ำแล้วโยมก็จะกลับ ก็เลยทวงถามหลวงปู่ หลวงปู่เพชรเลยให้นั่งรอ ท่านจะทำให้ ปรากฏว่าโยมนั่งไม่ถึง 3 นาที หลวงปู่บอกเสร็จแล้ว ผ้ายันต์ ตะกรุด ก็เขียนจารเรียบร้อยเป็นที่อัศจรรย์ใจยิ่ง เพราะหลวงปู่แค่เป่า ผ้ายันต์ ตะกรุด ก็เป็นตัวยันต์เรียบร้อย เหมือนท่านจาร เขียนให้เลย แสดงให้เห็นถึงอำนาจจิตที่สูงส่งของท่านหลวงปู่เพชร
     
  18. คนชอบพระ

    คนชอบพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2011
    โพสต์:
    2,017
    ค่าพลัง:
    +923
    กราบหลวงพ่อเพชร หนึ่งในสายสมเด็จลุน ได้ยินชื่อท่านมาบ้างพอสมควร ยังไม่มีวัตถุมงคลของท่านเลย สาธุ สาธุ
     
  19. poman

    poman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    12,300
    ค่าพลัง:
    +35,299
    :cool: พี่เป็ก จัดหนัก ยังไม่ของท่านเหมือนกัน เอาที่เลี่ยมทองมาลงด้วยนะครับ ^_^ :cool:
     
  20. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    จากประสบการณ์บางตอนของลูกศิษย์หลวงปู่เพชร ปทีโปประมาณปลายเดือนพฤษภาคม 2555

    วันนี้ขอเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับฟ้าฝนให้ทุกท่านอ่านกัน
    ผมมีงานเสริมคือขายของตลาดนัดวันอาทิตย์ ขายแค่วันอาทิตย์วันเดียวนี้หล่ะ ปัญหาหลักของชาวตลาดนัดก็คือ ฝนตก ตกที่ไรเจ๊งทุกที
    วันนี้ก็เจอกับเมฆฝน2ก้อน ก้อนแรกมาตอนประมาณบ่าย2มาจากทางอุดรทั้งดำและลมเย็นๆก็นึกถึงหลวงปูเพชรว่าอย่าเพิ่งตกถ้าจะตกก็ไปตกทางอื่นน่ะหลวงปู่
    ผลออกมาตกแต่ตกห่างออกไปประมาณ1กิโลเพราะพวกรถพ่อค่าที่วิ้งมาเห็นเปียกฝนมากันแสดงว่าฟ้าฝนมาแล้วก็มีเสียงฟ้ารองให้ตื่นเต้นกันเป็นบางครั้งแต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดีมาเจอก้อน2อีกที่ตอน1ทุ้มดำมาจากทางท่าบ่อพ่อค้าบางส่วนเห็นแล้วก็เริ่มพากันเก็บของบางส่วนเดียวตกมาจะเก็บไม่ทัน ผมก็ขอหลวงปู่ตามเดิม จนเก็บตลาดเมฆก้อนนั่นก็มาไม่ถึงแต่ก็ทำให้พ่อค้าตื่นเต้นได้มากอยู่

    โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ฟ้าฝนเป็นเรื่องไม่แน่นอน
    ศรัทธาอยู่ที่ใจเป็นเรื่องแน่นอน ขอกราบหลวงปู่เพชรครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...