ด้วยความยินดีครับ.....ผมยังไปไม่ไกลกว่านี้มากนักเพียงแต่ทรงอยู่ให้เข้มแข็ง มีกำลังที่มั่นคงแล้วค่อยก้าวต่อไปอย่างมั่นใจครับผม
ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปนะครับ
หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)
ในห้อง 'หลวงปู่แหวน' ตั้งกระทู้โดย psombat, 18 มีนาคม 2010.
หน้า 124 ของ 430
-
-
<TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 7 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 3 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>IT Man, มูริญโญ่+, สมาชิกธรรม+, สาวกธรรม1+ </TD></TR></TBODY></TABLE>
สวัสดีพี่ๆเพื่อนๆธรรม
ท่านพี่มูฯ สบายดีนะครับ โปรดรักษาสุขภาพด้วยนะครับผม -
-
-
<TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 7 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 3 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>มูริญโญ่, IT Man, สมาชิกธรรม, สาวกธรรม1 </TD></TR></TBODY></TABLE>
สบายดีมั้ยท่านน้อง .......... แวะมาเยี่ยมครับ -
ขอบคุณครับ ........ เช่นกันนะ
แล้วเดี๋ยวนี้ท่านแหน่งหายไปไหนครับ
สบายดีอยู่หรือเปล่า ......... -
ขอโมทนาสาธุ...ไว้จะรอชมภาพครับ :cool: -
ท่านแหน่ง...หายไปนาน...หลังจากที่กลับจากอยุธยา วาระหลวงปู่หวล ท่านเจอหนักพอสมควร ในทางกลับกัน ท่านก็ไปไกลมากทางด้านการปฏิบัติ แต่ที่สำคัญอยู่ใกล้ครูบาอาจารย์ซึ่งก็ไปไกลมากๆเช่นกัน ท่านทั้งสองมีบุญคุณกับผมมากครับ
สำหรับผมก็กำลังเดินตามไปอย่างช้าๆเนิบๆครับท่านพี่ หุหุ...สักวันก็คงลาบอร์ดแห่งนี้เช่นกัน... -
มีพบ มีจาก ... มีเกิด มีดับ ...
ก็ไม่คิดว่ากระทู้เล็กๆที่แอบซ่อนอยู่หลังกุฏิหลวงปู่แหวน ตั้งขึ้นมาเพียงปีเศษจะมาไกลขนาดนี้
ขอบคุณมากๆครับญาติธรรม สหายธรรมทั้งหลาย ที่ทำให้มีวันนี้...
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ปล.สำหรับ งานบุญวันที่ 15-16 ก.ค. ผมคงไม่มีโอกาสไปร่วม งานที่สวน
ช่วงนี้ค่อนข้างยุ่งครับ หวังว่าคงจะได้พบทุกท่านในวาระงานบุญครั้งต่อไปครับ
ขออนุโมทนาบุญทุกประการกับทุกๆท่านครับ
-
-
ผมไปหนองคายคราวนี้ เป็นการไปเรียนรู้เรื่องของสวรรค์และสามภพ จากการไปรับญาณบารมีของญาติธรรมท่านหนึ่ง ในระดับผู้สำเร็จราชการพิเศษของเทวสภาหรือเรื่องระบบการปกครองและอำนาจบัญชาของสวรรค์ จากพระอริยะรูปหนึ่ง(ในนามพระบิดา).. ก็ได้พบกับเรื่องแปลกๆ และเรื่องบางอย่าง...จึงยังบอกไม่ได้ว่า ในสภาวะของความจริงนั้นเป็นเช่นไร... แต่ทุกสิงที่เห็นมันก็ดูไม่ธรรมดา... หากเรามีญาณทัศนะก็คงจะรู้แจ้งกว่านี้... แต่อย่างไรก็ตาม ผมก็ได้ประโยชน์จากการไปในครั้งนี้มากคือ ผมอยากละกิเลสทุกอย่าง ผมไม่อยากวุ่นวาย ไม่อยากมีความทุกข์อีกแล้ว... ผมไม่อยากมีสภาวะเหมือนเหล่าองค์เทพแม้จะสูงส่งมากสักปานใดในจักรวาล แต่ผมก็อยากเป็นมดตัวน้อยๆ ที่เจริญรอยตามพระพุทธองค์เพื่อความหลุดพ้น ไม่อยากแบกภาระของผู้อื่นตามที่เคยปรารถนาไว้ เพราะการที่เป็นช้างตัวใหญ่เพื่อแบกรับผู้อื่นนั้นมันก็ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ไม่จบสิ้น... การลดตัวเองลงมา จึงเป็นการย่นระยะเวลาของการหลุดพ้นได้เร็วขึ้น... นี่คือสิ่งที่ผมอยากจะบอกพวกเราทุกท่านครับ
-
ในความเป็นไปของมดน้อยๆที่ขอไต่ตามรอยพระบาทองค์พระศาสดานั้น...ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งและก็พยายามไป ณ จุดๆนั้น (จุดที่ไม่อยากมีอยากได้ ไม่พึ่งพาปัจจัยภายนอก) ให้ได้เช่นกัน
ว่าไปแล้วภูมิต้านทานของผมเองก็มาได้พอสมควร คือประสบการณ์หลายๆอย่างที่ผ่านมาในชีวิต รวมทั้งอานิสงค์ผลกุศลบุญต่างๆ ก็ทำให้เราสุขง่าย ทุกข์ยาก คือมีความสุขกับทุกอย่างแบบง่ายๆมานานแล้ว ทว่า...ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นกิเลส ไม่ทำให้เราหลุดพ้นไปได้ แต่เราก็คิดว่าเรามาถูกทางแล้วหนอ...ก็ให้มันเป็นไปตามขั้นตามตอนที่ควรจะเป็นดีกว่าเนอะ...อย่าเร่งเลย เพราะยังมีผู้ทุกข์กว่าเรา รอพึ่งพาเราอีกมากมายนัก
ปล: หลวงพี่อ๊อดของเรา...เป็นแบบอย่างที่ดีในคณะของเราครับ สาธุ... -
สำหรับเพื่อนผมก็เร่งวันเวลาให้ผมพบปะครูอาจารย์ให้เร็วๆ ตัวกระผมเองก็พิจารณาดูตัวเองแล้วว่ายังไม่ถึงขั้น เดี๋ยวอายพ่อแม่ครูอาจารย์แย่เลย ทว่าคำสั่งสอนธรรมเพียงครั้งเดียว กิเลสใหญ่จำพวกความยึดมั่นถือมั่น ความหลงดี อัตตาที่เหนือกว่าอัตตาทั่วไป(อยู่ใต้สำนึก บางครั้งเราไม่รู้ตัว เพราะถูกกดเอาไว้) ก็ลดไปได้มากโขเลยทีเดียว ก็เปิดทางให้ผู้มีบารมีสูงท่านเมตตาเรามากขึ้นๆตามลำดับ
สำหรับท่านนนต์กับท่านสมาชิกธรรมนั้น ไปครานี้ผมเปิดโอกาสให้ท่านได้ขอความเมตตาจากพ่อแม่ครูอาจารย์ก่อน เพราะท่านมีความพร้อมในการรับธรรมขั้นสูงมากกว่าผม สำหรับผมอาศัยการปฏิบัติเพียงรูปฌาน 4 ยังขึ้นๆลงๆ คงอีกไกล แต่ในแง่ของอุบายธรรมนั้นพอไปได้อยู่ครับผม
ขอความเจริญในการพิจารณาธรรม...ระดับขั้นละเอียดๆ...จงมีแก่ท่านทั้งหลาย -
กราบ กราบ กราบ
กราบ กราบ
เรียนเพื่อนๆสมาชิกที่สนในใจใคร่รู้ในองค์พระพิมพ์วังหน้า
พระพิมพ์ที่ผมอัญเชิญเป็น logo นี้ มีความพิเศษสุดเพียงไม่กี่องค์ที่เราพบเจอในพิมพ์ดังกล่าว ความหมายคือ ไม่ใช่ว่ามีพิมพ์นี้เหมือนกันทุกประการ แล้วองค์ในจะเหมือนกัน นี่คือความพิสดาร ในการศึกษาพระพิมพ์วังหน้าที่ทำให้หลายคนยอมแพ้ไป อันเนื่องด้วยความไม่มีจุดสิ้นสุดลงตัวนั่นเอง
ความพิเศษที่ว่านั้น คือพระพิมพ์องค์นี้ มีกระแสดวงสมาธิจิตของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามกัสสปพุทธเจ้า พระองค์ท่านทรงเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ที่ 3 ในภัทรกัปนี้ หรือที่เราเรียก TOP3
หากผู้ศึกษาพระประวัติของพระองค์ คงทราบว่ายุคสมัยนั้นเป็นยุคที่มั่งคั่งมาก เพชรมณีตกตามพื้นทั่วปฐพี เพ็ชรนาคาก็คงถือกำเนิดในยุคนี้กระมัง ดังนั้นอิทธิคุณของ...
TOP3 จึงดีมากทางมหาลาภ คุ้มกันภัยครอบจักรวาล
TOP1,2 ดีมากทางมหาอำนาจ คุ้มกันภัยครอบจักรวาล
TOP4 ดีมากทางมหาเมตตาบารมี (แม้กระทั่งสัมภเวสี พระองค์ก็ทรงมีพระเมตตา) คุ้มกันภัยครอบจักรวาล
แต่ทว่าโดยรวมทุก TOP ท่านก็ทรงครอบจักรวาล อธิษฐานขอได้ไม่เกินกรรมทั้งนั้นแล
อุเบกขา อุเบกขา อุเบกขา
ข้าน้อย ขอกราบขอขมาทุกๆพระองค์ที่เกี่ยวข้องตลอดทั้งครูบาอาจารย์ ที่เปิดเผยความลับนี้ ด้วยความเชื่อมั่นว่า สักวันความลับนี้ก็คงเปิดเผยเป็นวงกว้าง และเพื่อลดความสงสัยใคร่รู้ของผู้กำลังศึกษาในยุคหลัง -
-
-
วันนี้ผมได้เดินทางไปร่วมเททองหล่อพระสมเด็จองค์ปฐมปางทรงเครื่องจักรพรรดิประทับบนรัตนบรรลังก์เนื้อทองคำบริสุทธิ์ หน้าตักกว้าง 9.9 นิ้ว ที่วัดหนองพงนก กำแพงแสนมาครับ ร่วมทำบุญไป 200 บาท.....ขอเชิญทุกท่านอนุโมทนาบุญกับผมนะครับ
-
ขอน้อมโมทนาสาธุบุญนี้ด้วยนะครับ :cool: -
เห็นท่าน dr. นำเสนอบทความเกี่ยวกับขันน้ำมนต์ประจำพระองค์หลวงปู่ปวเรศฯ
ทราบมาว่า ขันแต่ละใบจะมีประจำองค์พระเถระในยุคนั้นๆ ในการประกอบพิธีหลวงต่างๆ
ก็ลองพิจารณา...ศึกษาตามท่านผู้วิเคราะห์เจาะลึกกันครับ :cool:
87. ขันน้ำมนต์ พระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมสมเด็จพระปวเรศวริยาลงกรณ์
พูดถึงขันน้ำมนต์ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ หรือ เมื่อสมัยก่อนสิ้นพระชนชีพมีพระนามว่า "พระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมสมเด็จพระปวเรศวริยาลงกรณ์"
พระเกจิอาจารย์ในสมัยอดีตจนถึงยุคปัจจุบันมักจะมีขันน้ำมนต์ส่วนตัวทั้งสิ้น ดังนั้น "พระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมสมเด็จพระปวเรศวริยาลงกรณ์" ก็มีขันน้ำมนต์ดังกล่าวเช่นกัน
ขันน้ำมนต์ชุดนี้เป็นของ "พระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมสมเด็จพระปวเรศวริยาลงกรณ์" ได้ตกทอดสืบต่อๆกันมา ภายหลังอยู่ในการครอบครองของ "สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรเถร)" และตกทอดถึง คุณหญิงแม้น สุนทรเทพกิจจารักษ์ และสืบทอดมาถึงทายาท
เจ้าของผู้ครอบครองได้อนุญาตให้นำภาพขันน้ำมนต์ของ "พระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมสมเด็จพระปวเรศวริยาลงกรณ์" มาให้ชื่นชมเป็นวิทยาทาน บรรยายอย่างไรก็สู้เห็นภาพแล้วจินตนาการด้วยตนเองดีกว่านะครับ
รูปที่ 1 ด้านหน้าขันน้ำมนต์ "พระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมสมเด็จพระปวเรศวริยาลงกรณ์" ขันน้ำมนต์ชุดนี้อธิฐานจิตครั้งแรก พ.ศ.2428 แต่จารึกไว้ รศ.110 (พ.ศ.2434)
รูปที่ 2 ซ้ายมือขันน้ำมนต์ กลางฝาครอบน้ำมนต์ ขวามือฐานวางขันน้ำมนต์
รูปที่ 3 ด้านในขันน้ำมนต์ เห็นกันจะๆไปเลยว่า ขันน้ำมันต์ของสมเด็จฯกรมพระยาปวเรศฯ หลวงปู่แท้ๆ เป็นเช่นไร รูปนี้แสดงให้เห็นเทียนที่ฉาบผนังของขันน้ำมนต์และเหรียญทำน้ำมนต์ 2 เหรียญ อีกทั้งด้านล่างพระกริ่งปววเรศ... อยู่บนฐานกลีบบัวงดงามยิ่งนัก
รูปที่ 4 เหรียญทำน้ำมนต์ที่อยู่ในขันน้ำมนต์จะมีอยู่ 3 เหรียญ เป็นเนื้อทองแดง สร้างอธิฐานจิต พ.ศ.2434
รูปที่ 5 และ รูปที่ 6 พระกริ่งปวเรศ พิมพ์"สมบูรณ์พูนสุข" สร้างวาระ พ.ศ.2411 ประทับอยู่ที่ก้นขันน้ำมนต์บนฐานดอกบัว
***ยังมีรูปรายละเอียดอีกหลายด้านหลายมุมมอง มีอีกหลายรูปที่ได้ถ่ายรูปไว้***
---ให้ติดตามในเว็บบล๊อก วัตถุมงคลในครอบครองของ"สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรเถร)" ที่ตกทอดมาสู่คุณหญิงแม้นฯ กำลังเขียนลิงค์เข้าจากที่นี่...รอหน่อยครับยังไม่สมบูรณ์
หน้า 124 ของ 430