สะดีดัดครับพี่มูฯ....................
หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)
ในห้อง 'หลวงปู่แหวน' ตั้งกระทู้โดย psombat, 18 มีนาคม 2010.
หน้า 197 ของ 430
-
-
<TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 10 คน ( เป็นสมาชิก 6 คน และ บุคคลทั่วไป 4 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>แหน่ง, chantasakuldecha, naron, IT Man, nontayan, ปูนปิดทอง </TD></TR></TBODY></TABLE>
สวัสดีครับทุกๆๆท่าน
สบายดีไหมครับ -
มหัศจรรย์ทางจิต
เมื่อถึงเวลา ฟ้าก็ปิดไม่อยู่
การเดินทางอันยาวไกลสำหรับการพิสูจน์ ค้นหา พระพุทธานุภาพ ข้ามภพข้ามชาติมาไม่รู้เท่าไหร่ ได้ยุติลงแต่เพียงเท่านี้
ทุกอย่างได้ประจักษ์ชัดแจ้งผ่านทั้ง กายและจิต ของสามบุรุษที่เป็นตัวแทนของแต่ละภาคส่วน และถือได้ว่าเป็นกุญแจชีวิตดอกสำคัญ
พระพรที่ได้มา ไม่ใช่ไว้ใช้ยังประโยชน์ส่วนตนและพรรคพวก แต่จะต้องใช้เพื่อสงเคราะห์เพื่อนร่วมโลก ให้เบาบางจากภาระอันหนักอึ้งของพ่อแม่ครูอาจารย์
สิ้นแล้วซึ่งความสงสัยในพระพุทธานุภาพอันไร้ประมาณ ต่อไปจักมุ่งศึกษาการพัฒนาดวง "จิต" (มรรค 8 > ปัญญา ศีล สมาธิ > กาย จิต > จิต) ให้ผ่านพ้นขีดอันตรายจึงจักสงเคราะห์โลกได้
จิต เท่านั้นที่เคยนำพาเราท่องไปทั่วสังสารวัฏ จิตเท่านั้นที่จะยังประโยชน์สูงสุดให้กับเราหรือผู้อื่นได้ และจิตเท่านั้นที่จักนำพาเราเข้าสู่แดนอันเกษม -
ขอแสดงความยินดีและโมทนาสาธุทุกประการเด๊อ...
ปล: โดยเฉพาะพระกริ่งยุค ร.3 รุ่นเก๋าองค์ไร้ประมาณ
หุหุ ใครออกแบบและสร้างหนอ :boo: -
-
สวยงามมากครับ...คงพิเศษตามจริตของแต่ละท่านนะครับ พบกันเร็วๆนี้ครับครูชาติ
-
-
-
ขอให้ท่านจงสัมผัสและเรียนรู้เอาเองเถิด พัฒนาการในสมาธิของท่านจะก้าวกระโดดนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป -
-
-
ขอบคุณครูชาติที่ช่วยแนะนำเพื่อนธรรมให้นะครับ -
-
-
บัดนี้ ผมรู้แล้วว่า สิ่งมงคลใดในโลกนี้ ที่มีพลังพุทธานุภาพสูงสุดแบบไร้ขีดจำกัด (infinity) ....
หนึ่งในนั้นได้แสดงพลานุภาพให้ผม ท่านสมบัติ ดร.ณัฐชัย และผู้ใหญ่อีกสามท่าน ได้เป็นที่ประจักษ์ด้วยตาเนื้อๆๆๆ พลานุภาพมากมายมหาศาลแผ่กระจายไปทั้งห้อง จนแผ่นมูลี่และวัตถุที่แขวนอยู่บนผนังสั่นไหวระรัว เสียงกระทบกันดังกราวๆ ประหนึ่งดั่งโลกธาตุสั่นไหว และสิ่งมงคลสูงสุดนี้เป็นสิ่งที่ถูกจัดวางให้ผมไปอัญเชิญพระบารมีเพื่อแสดงให้เห็นเป็นประจักษ์ และเพื่อ..........ซึ่งผมได้อธิษฐานจิตเรียบร้อยแล้ว... สิ่งนี้(พระทนต์ของพระพุทธเจ้า) มิใช่ใครจะอัญเชิญได้...เพราะธาตุของท่านอาจจะแตกสลายได้ทันที...
สิ่งที่อธิษฐานและได้รับพระบารมีมา...ช่วยให้เกิดเหตุการณ์ที่วัดระฆังในวันต่อมา -
....ทิ้งสมมุติ มันก็วิมุติ แต่ก็ต้องอาศัย เหยียบย้ำอยู่บนสมมุติ ระวังสมมุติมันหรอกเอา....โมทนาสาธุทุกประการครับ...
-
สวัสดีครับพี่ๆ
ไปภูดานไหครั้งนี้พบกันวันเวลาใดครับ อยู่กี่วัน พักที่ไหนและเวลากลับครับ
จะได้เตรียมตัวครับ -
พระพุทธองค์ตรัสว่า ทุกสรรพสิ่งในจักรวาลล้วนเป็นสิ่งสมมุติ
หลวงพ่อชา สุภัทโธ สอนว่า วางสมมุติ แล้วจะได้วิมุติ
พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน สอนว่า ทุกสิ่งเป็นสิ่งสมมุติ พระธรรมก็เป็นสิ่งสมมุติ
ดังนั้น การที่ผู้ใดจะละวางได้ ก็ต้องมีสิ่งสมมุติเสียก่อน การตรัสรู้ธรรมของพระพุทธเจ้า ก็มิได้เกิดขึ้นมาลอยๆ ล้วนตรัสรู้มาจากสิ่งสมมุติที่อยู่รายรอบพระองค์ท่านทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นรูป เป็นนาม เรียนรู้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากสิ่งสมมุติ จนกระจ่างว่า สิ่งสมมุติทั้งหลายมันล้วนอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สิ่งสมมุติล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป หมุนเวียนอยู่เช่นนี้ ถ้าไม่มีสมมุติ ก็ย่อมไม่ได้วิมุติ
การปฏิบัติภาวนาสมาธิ เราสามารถปรุงแต่ง เหมือนเราปรุงอาหารนิดหน่อยพอให้อร่อย เมื่อรู้รสแล้วก็ละวางในรสนั้นเสีย ผู้ใดหลงในรส(สิ่งสมมุติ)นั้น นับเป็นผู้ที่อยู่ในอาการหลง หรือที่เรียกว่าเป็นผู้ที่อยู่ในอาการวิปัสสนูปกิเลสเกิดขึ้นแก่ผู้นั้นแล้ว ก็ต้องให้พ่อแม่ครูอาจารย์ช่วยแก้ไขให้จึงจะผ่านพ้นไปได้
เป็นธรรมดาของนักปฏิบัติ ย่อมเคยเกิดอาการวิปัสสนูปกิเลสเกิดขึ้นทุกคน ไม่มียกเว้น อยู่ที่ใครจะละวางอาการหลงในสิ่งสมมุตินั้นได้เร็วกว่ากัน... เมื่อถึงแล้ว จะรู้ว่า อาการละวางนั้น มันเป็นเช่นไร...
หลวงตามหาบัว แม้คำพูดของท่านดูประหนึ่งว่า ท่านมีความโกรธที่ดุด่าว่าลูกศิษย์ แต่ความจริงภายในของท่านมิได้เป็นเช่นนั้น เช่นเดียวกัน ผู้ที่ยังอาศัยสิ่งสมมุติอยู่ แม้จะแสดงออกมาดูประหนึ่งว่าลุ่มหลงอย่างหนัก แต่ภายในอาจมิได้เป็นเช่นนั้น
พระอรหันตเจ้า แม้ท่านจะหลุดพ้นจากกิเลสและสิ่งสมมุติทั้งหลายทั้งมวลแล้ว แต่ท่านก็ยังจะต้องอาศัยสิ่งสมมุตินั้นอยู่ เพื่อให้อยู่ได้กับโลกสมมุติ เช่น เครื่องนุ่งห่ม อาหาร ที่พัก ยารักษาโรค ตามเหตุอันควรแก่โลกสมมุติทั้งหลาย เมื่อท่านละสังขารพ้นจากโลกสมมุติแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องอาศัยสิ่งสมมุตินั้นอีกต่อไป จึงเหลือไว้แต่ความเป็นวิมุตินั่นเอง เมื่อยังทรงสังขารอยู่ท่านก็ยังต้องใช้สิ่งสมมุติ เพียงแต่ท่านรู้ว่ามันคือสิ่งสมมุติอยู่ตลอดเวลา จึงไม่ได้ยึดเอาถือเอา...
ท่านทั้งหลาย การที่ท่าน toon_toon ได้เข้ามาย้ำธรรมในเวลาอันเหมาะเจาะ ก็นับว่าเป็นกุศลร่วมกัน จึงขอให้ทุกท่านร่วมอนูโมทนากับท่านด้วยนะครับ -
การที่ผู้ใดอาศัยสิ่งสมมุติเพื่อช่วยในการปฏิบัติภาวนาสมาธินั้น ย่อมชอบ และเป็นผู้ที่ฉลาดแล้ว กล่าวคือ
หากเราต้องการไปเชียงใหม่ ผู้ฉลาดย่อมเลือกที่จะเดินทางด้วยเครื่องบิน (ต้องมีบุญบารมีเก่าจึงจะมีเงินค่าตั๋วเครื่องบินด้วย) แม้เราจะทราบดีว่า การเดินทางโดยสามัญของมนุษย์นั้นคือ การเดินด้วยเท้า แต่มันต้องใช้เวลานานและยากลำบากเป็นที่สุด
เช่นเดียวกัน หากเราฉลาดเลือกใช้สิ่งมงคลที่สามารถช่วยให้เราไปทางลัดได้ ก็จะทำให้ถึงจุดหมายปลายทางได้เร็วและสะดวกยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อลงจากเครื่องบินแล้ว ท่านก็ยังจะต้องใช้ความเป็นสามัญคือการเดินด้วยเท้าอีก เพื่อให้ถึงจุดหมายปลายทาง การเดินก็ต้องอาศัย "ปัญญา" ในการเดินไปให้ถึงจุดหมายปลายทางจะด้วยวิธีการต่างๆ ก็จงเลือกเอาเอง... เช่นเดียวกัน เมื่อเราอาศัยสิ่งมงคล(ที่เรียกว่าสิ่งสมมุติ)ช่วยในการภาวนาสมาธิเพื่อดิ่งและเงียบสงบเร็วเข้าสู่สมาธิชั้นสูง สุดท้ายเราก็ต้องกลับมาที่สามัญคือสมาธิขั้นต่ำ เพื่อใช้สติ "ปัญญา" ในการตัดกิเลสทั้งหลายทั้งมวลอยู่ดี
สิ่งสมมุติ กับ ปัญญา จะพาไปถึงจุดหมายได้เร็วขึ้น -
<table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 11 คน ( เป็นสมาชิก 6 คน และ บุคคลทั่วไป 5 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> สาวกธรรม1, sammasathi, sittiporn.s, nontayan, chantasakuldecha, manopk
สวัสดีครับพี่ๆทุกท่าน ผมจะทำการขึ้นบ้านใหม่ในวัน ศุกร์ที่ 9 เดือน 9 ปี 54(5+4=9)นี้ครับ อยากจะให้พี่ๆทุกท่านได้อวยพรกันด้วยครับ สำหรับบ้านหลังเล็กๆของคนตัวใหญ่ด้วยครับ
</td> </tr> </tbody></table>
หน้า 197 ของ 430