หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)

ในห้อง 'หลวงปู่แหวน' ตั้งกระทู้โดย psombat, 18 มีนาคม 2010.

  1. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    ภาพพระพิมพ์หลวงปู่แหวน จากพิพิธภัณฑ์วัดแห่งหนึ่งทางเหนือ ...
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1090047.jpg
      P1090047.jpg
      ขนาดไฟล์:
      180.1 KB
      เปิดดู:
      2,919
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2013
  2. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    [​IMG]
    ผมอ่านหนังสือด้านจิตวิทยาเล่มแรกในชีวิตคือ "พุทธานุภาพและจิตตานุภาพ " ของท่านพลตรีหลวงวิจิตรวาทการ มาตั้งแต่อายุ 13 ขวบ โดยการยืมหนังสือของพระอาจารย์ที่ผมอุปัฏฐาก

    ก่อนออกจากวัดไปเรียนต่อที่อื่น ผมได้คัดลอก สรุปใจความสำคัญของหนังสือเล่มดังกล่าวรวมกับเล่มอื่นๆลงสมุด ย่นย่อลงมาสองระดับคือ จากสมุดเล่มใหญ่ > สมุดพกพา ติดตัวมาตลอดการเดินทางจนปัจจุบัน อีกหนึ่งในหลายเล่มคือ "คุณสมบัติของมหาบุรุษ" ผมตามหา ตามอ่านมาแทบทุกเล่มที่พลตรีหลวงวิจิตรท่านเขียน สมัยก่อน (2529) นับว่าหายากมากๆ

    ณ วันนั้น ผมยังคิดว่า... จะมีหรือ จะเป็นไปได้หรือ ใครจะทำได้เนี่ย ??? แต่ก็ได้ลองทำแล้ว ผมยึดถือพลตรีหลวงวิจิตวาทการเป็น Idol ของผมมาโดยตลอด

    ณ วันนี้ ผมได้ยึดถือพระพุทธเจ้า มหาศาสดาอันประเสริฐสูงสุด เป็น Idol ของผมตราบสิ้นจากวัฏฏะ

    เริ่ม ...
    พระพุทธานุภาพและจิตตานุภาพ

    พระพุทธคุณ ๙ ประการ
    ผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ทรงเป็นพระอรหันต์ เป็นผู้บริสุทธิ์หมดจด จากกิเลส ผ่องใสทรงมีชัยอยู่เหนือบัลลังก์โพธิญาณทรงสยบมารได้ในที่สุด และตรัสรู้แจ้งธรรมด้วยตนเอง ด้วยความเพียร และจากการสั่งสม บ่มบารมีมาอย่ายิ่งยวด
    ทรงบรรลุวิชชาอันลึกซึ้งยิ่ง และทรงเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตที่ประเสริฐ อันหาผู้ไดเปรียบเสมอมิได้

    พระองค์เสด็จไปดีแล้วไปสู่สันติสุขอันเป็นอมตะนิรันดร์
    ทรงเป็นผู้รู้แจ้ง แห่งสรรพสัตว์และสรรพชีวิตทั้งหลาย
    ทรงเป็นสารถีผู้ฝึกบุรุษที่ควรฝึกไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า
    ทรงเป็นบรมครู เป็นศาสดาของเทพและมนุษย์ทั้งหลาย
    ทรงเป็นพุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ตลอดเวลา
    ทรงเป็นพระผู้มีพระภาค คือเป็นผู้มีความเจริญที่ไม่มีวันเสื่อม
    พระองค์ทรงทำโลกนี้พร้อมทั้ง เทวโลก มารโลก พรหมโลกให้แจ้งชัดถึงธรรมอันไม่ตาย ด้วยพระปัญญาอันยิ่งของพระองค์เอง แล้วทรงสอนหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะพราหมณ์ เทพ และมนุษย์ ให้รู้ตาม
    ทรงแสดงธรรมไพเราะงดงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด
    ทรงประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะครบบริบูรณ์บริสุทธิ์
    อนึ่ง การเห็นพระอรหันต์ทั้งหลายนั้น เป็นความดี.

    <o>คุณของพระพุทธเจ้าและพระพุทธานุภาพนั้นมีอานุภาพคุ้มโทษคุ้มภัยต่อโลกและชีวิตแห่งสรรพสัตว์ ทุกรูปทุกนาม ผู้เชื่อและยึดมั่นต่อพระองค์อย่างแท้จริง ด้วยปํญญาอันชัดแจ้ง เมื่อนั้นแม้ทั้งโลกนี้และโลกหน้า พวกเราทั้งหลายจะพ้นภัยพิบัติทั้งมวลและล่วงพ้นมือมารได้

    จงกล่าวคำว่า พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ เถิด สาธุ สาธุ สาธุ<o></o>

    อิติปิโส ภควา อรหัง สัมมา สัมพุทโธ วิชา จารณะ สัมปันโน สุขโต โลกวิทู อนุตตะโร ปุริสธรรมสารถิ สัตถา เทวะมนุสสานัง พุทโธ ภควา ติ
    ภาวนาบทนี้ให้ได้วันละ ๑๐๘ จบทุกวัน แล้วท่านจะได้พบกับพลังอำนาจแห่งพระมหาพุทธานุภาพอันวิเศษยิ่ง และอำนาจแห่งจิตตานุภาพของๆท่าน ด้วยจิตของตนเอง

    <o></o>พระพุทธคุณพึ่งได้หรือไม่<o></o>

    [FONT=Georgia, Times New Roman, Times, Serif]คำถามคำนี้เป็นคำถามภาษาซื่อๆของคนที่ห่างไกลต่อพระธรรมคำสอน ในทางพระพุทธศาสนา แต่ก็นับว่าเป็นคำถามที่มีค่ามาก เพราะมิฉะนั้นคำตอบนี้จะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นได้เลยถ้าไม่มีผู้ถาม สำหรับผู้ที่ยังต้องพึ่งสิ่งศักดิ์เป็นเครื่องชูกำลังใจ ในการดำเนินชีวิตต่อไปอย่างมีความหวัง แต่ส่วนมากก็หันไปพึ่งเทพเทวานั่นเอง เพราะเทพยังมีกิเลสอยู่จึงยังมีรักชอบเกลียดชัง เมื่อจัดพลีกรรมบูชาเป็นที่ พอ อก พอ ใจ ก็มั่นใจว่าท่านคงจะต้องบันดาลสิ่งประสงค์ให้สมปรารถนาได้ ก็ไม่ผิดนักสำหรับความเชื่อตรงนั้น แต่ใครจะรู้บ้างไหมว่าเทวดามีฤทธาใด้ในขอบเขตจำกัด แค่กุศลกรรมที่ตนเคยได้สร้างสมไว้เมื่อก่อนตายจากความเป็นมนุษย์มา สิ่งที่ติดตัวมาคือเรียกว่ากรรมยิทธิ ซึ่ง แปลว่าฤทธิ์อันเกิดจากอำนาจกรรมนั่นเอง ไม่ใช่อิทธิจากอภิญญาจิตที่เกิดจากฌานสมาบัติ อันเป็นผลจากการเจริญสมาธิกรรมฐาน อาจมีคำถามต่ออีกว่า และกรรมยิทธิมันมีฤทธิ์ช่วยคนได้แค่ไหน ก็ต้องตอบว่า ยากจะหยั่งรู้จริงๆเพราะเป็นของรู้เฉพาะตนใครทำใครได้ อาจแค่ช่วยตนเองได้แต่ช่วยคนอื่นไม่ได้ อย่างเช่นไฟใหม้ป่าสัตว์บางชนิดอาจต้องตายโดยช่วยเหลือตนเองไม่ได้ แต่นกมันกลับรอดตายได้เพราะเหาะได้นั่นเอง การที่นกเหาะได้โดยใครๆเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดาไม่เกี่ยวกับฤทธิ์เดชใดๆนี่แหละ เรียกว่ากรรมยิทธิหรือฤทธิ์ที่เกิดจากอำนาจกรรม ก็คือกรรมที่ทำให้เกิดมาเป็นนกนั่นเอง คงพอเข้าใจบ้างแล้วใช่ไหมครับ<o></o>[/FONT]

    เหล่าเทพเทวาทั้งหลายก็เช่นกันย่อมจะมีบุญฤทธิ์ไม่เท่าเทียมกันเพราะกุศลที่สร้างกันมาไม่เท่าเทียมกันนั่นเอง เท่าที่ได้ศึกษามาก็ไม่เห็นมีตำราเล่มใดกล่าวว่าเทวดามาเนรมิตอะไรๆให้มนุษย์โดยตรง มีแต่โดยอ้อมเสียทั้งนั้น อย่างเช่นมาเข้าฝัน หรือดลจิตดลใจอย่างที่เขาว่ากันนั่นแหละ แต่ทุกสิ่งทีกล่าวมาทั้งหมดลองใช้วิจารณาญาณสังเกตให้ดีนะครับ จะไปคตรงกับคำตรัสของพระพุทธเจ้าที่ว่า ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจมีใจเป็นใหญ่มีใจเป็นหัวหน้า เทวดาทั้งหลายพบสันติสุขก็เพราะใจของตน ใจบาปก็ทุกข์ ใจสุขก็เพราะบุญ นี่คือข้อคิดที่ควรค่าแก่การจดจำไว้รำลึกอยู่เสมอ ตนนั่นแหละเป็นที่พึ่งแห่งตนอย่างแท้จริง อิทธิฤทธิ์เป็นของมีได้จริงไม่ปฏิเสฐ แต่ต้องปฏิบัติและต้องทำให้มีขึ้นสามารถทำได้ทุกคน และจะบอกเสียก่อนนะครับว่าถ้าความดีไม่ได้สร้างมาอย่างต่อเนื่องอย่าหวังว่าเทวดาจะหลงติดสินบนเพียงชั่วครั้งชั่วคราว ถ้าคิดเช่นนั้นขอบอกว่าคิดผิดถนัด
    <o></o><o>
    พระพุทธานุภาพย่อมเป็นที่พึ่งของเวไนยสัตว์ได้แน่ตราบใดที่ศาสนาพุทธยังไม่สิ้น พระพุทธเจ้าคือผู้บำเพ็ญเพียรทางจิตมาถึงจุดสุงสุดแห่งจิต เป็นมหาบุคคลคนเดียวในหนึ่งพุทธันดรไม่มีใครยิ่งกว่า พระพุทธองค์ทรงมีอำนาจจิตสูงสุด เรียกว่าประมาณหรือเทียบกับไครไม่ได้เลย จริงไหมแม้ผงอิฐ หิน มวลไม้ จากวัตถุทางธรรมชาติ ผู้ที่รู้เรื่องจิตนำมันมานั่งเสกเป่า ยังบังเกิดฤทธิ์อำนาจขึ้นได้อย่างเหลือเชื่อ แต่ก็เป็นเรื่องจริงใช่หรือไม่ แล้วพระพุทธานุภาพหรือจะมีฤทธิ์ไม่ได้ใครคิดอย่างนั้นนับว่าสมองโจ๊กมากจริงๆ
    <o></o>
    เรื่องจิตตานุภาพนี้มีตัวอย่างในปัจจุบันที่วงการวิทยาศาสตร์ก็ยังรับรอง ในโลกวิทยาศาสตร์ปัจจุบันนี้ มนุษย์เราต่างยอมรับโดยทั่วไปว่า วิทยุ โทรทัศน์โทรเลข ดาวเทียมและเรด้าร์เป็นสิ่งที่นำสื่อจากระยะไกลมาสู่เราได้ สามารถเข้าใจติดต่อสื่อสารกันได้ทั่วโลกภายในไม่กี่นาที สามารถพูดคุยกันได้อย่างง่ายดายแม้ว่าจะอยู่ห่างไกลกันเป็นแสนไมล์ แต่ก็มีบางอย่างลึกลับที่ไม่น่าเป็นไปได้และยังหาคำตอบที่แน่นอนไม่ได้มาตั้งแต่สมัยแรกเกิดมนุษย์บนพื้นโลกจนกระทั่งถึงปัจจุบัน สิ่งที่เป็นความลึกลับนั้นก็คือจิตของมนุษย์นี่เอง
    <o></o>
    จิตเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่มีอิทธิพลต่อมวลมนุษย์ทั้งโลก มันเร็วยิ่งกว่าคลื่นเสียงและคลื่นแสง จิตใจของมนุษย์สามารถถ่ายทอดสื่อกันได้โดยปราศจากการใช้เครื่องมือใดๆทั้งสิ้น สามารถถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดหรือแม้แต่อารมณ์อันซ่อนเร้นภายในห้วงลึกของจิตใจมนุษย์ที่อยู่ห่างไกลกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ ตัวอย่างเมื่อไม่นานมานี่เอง นักอวกาศชื่อดังของอเมริกาคือ เอ็ดการ์ มิทเชลล์ ได้ทดลองส่งกระแสจิตหรือโทรจิต จากยานอวกาศติดต่อกับ ยูริ เกลเลอร์ นักพลังจิตที่อยู่บนพื้นโลกได้ เรื่องราวของ ยูริ เป็นเรื่องราวที่ลือลั่นพอสมควรถ้าใครสนใจจะติดตามค้นหาก็น่าจะค้นหาได้ไม่ยากเท่าไร แต่ ณ ที่นี้ผมจะขอยกไว้เพียงเป็นตัวอย่างเท่านั้น
    <o></o>
    วิทยาการทางโลกก็คงก้าวหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง แต่แปลก ความก้าวหน้าแห่งโลกวิทยาศาสตร์เกิดมาเพื่อยืนยันสัจจะแห่งบรรพบุรุษเท่านั้นยังไม่พบเลยว่ามีอะไรที่รู้มากไปกว่าพระสัพภัญญูของพระพุทธเจ้า ในขณะที่โลกวิทยาศาสตร์ยังคงค้นหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องจิตต่อไป แต่บทใดๆ ทุกคนสามารถพิสูจน์ได้ด้วยตนเอ็งด้วยหลักปฏิบัติในพระพุทธศาสนาอันเปิดกว้างทนทานต่อการพิสูจน์มานับได้ ๒๕๐๐ กว่าปี
    <o></o>
    ผมจะขอเสนอบทความเรื่องจิตในพระอภิธรรมไว้ให้ทุกท่านผู้เป็นปัญญาชนม์ใช้เป็นหลักในการพิสูจน์ ซึ่งประพันธ์ไว้โดยพระอรหันต์สาวกผู้ได้พิสูจน์และเข้าถึงแล้วอย่างแท้จริง คือ พระอนุรุทธาจารย์ ผู้มีคุณต่อพระพุทธศาสนาและพุทธบริษัทอย่างยิ่งเรียกว่าคุณอันหาที่สุดมิได้เลยทีเดียว

    <o></o><o>
    จิตคืออะไร<o></o>
    จิต คือ ธรรมชาติชนิดหนึ่งซึ่ง รู้อารมณ์ จิตเป็นตัวรู้ สิ่งที่จิตรู้นั้นเป็นอารมณ์ จิตรู้สิ่งใด สิ่งนั้นแหละคืออารมณ์<o></o>
    อีกนัยหนึ่งแสดงว่า จิตคือธรรมชาติชนิดหนึ่งที่ รับ จำ คิด รู้ ซึ่งอารมณ์ จิตต้องมีอารมณ์ และต้องรับ อารมณ์จึงจะรู้ และจำ แล้วก็คิดต่อไป
    จิตฺเตตีติ จิตฺตํ อารมฺมณํ วิชานาตีติ อตฺโถ ฯ ซึ่งแปลเป็นใจความว่า ธรรมชาติใดย่อมคิด ธรรมชาตินั้นชื่อว่า จิต หรือ ธรรมชาติที่รู้อารมณ์คือ จิตในปฏิสัมภิทาพระบาลีมหาวัคค แสดงว่าจิตนี้มีชื่อที่เรียกใช้เรียกขานกันตั้ง ๑๐ ชื่อ แต่ละชื่อก็แสดงให้รู้ ความหมายว่าจิตคืออะไร ดังต่อไปนี้<o>

    . ธรรมชาติใดย่อมคิด ธรรมชาตินั้นชื่อว่า จิต<o></o>
    . ธรรมชาติใดย่อมน้อมไปหาอารมณ์ ธรรมชาตินั้นชื่อว่า มโน
    . จิตนั่นแหล่ะได้รวบรวมอารมณ์ไว้ภายใน ดังนั้นจึงชื่อว่า หทัย<o></o>
    . ธรรมชาติคือ ฉันทะ( ความยินดีพอใจ )ที่มีในใจนั่นเอง ชื่อว่า มานัส
    . จิตเป็นธรรมชาติที่ผ่องใส จึงชื่อว่า ปัณฑระ<o></o>
    . มนะนั่นเองเป็นอายตนะ คือเป็นเครื่องต่อ จึงชื่อว่า มนายตนะ<o></o>
    . มนะอีกนั่นแหละที่เป็นอินทรีย์ คือครองความเป็นใหญ่ จึงชื่อว่า มนินทรีย์
    . ธรรมชาติใดที่รู้แจ้งอารมณ์ ธรรมชาตินั้นชื่อว่า วิญญาณ<o></o>
    . วิญญาณนั่นแหละเป็นขันธ์ จึงชื่อว่า วิญญาณขันธ์<o></o>
    ๑๐. มนะนั่นเองเป็นธาตุชนิดหนึ่ง ที่รู้แจ้งซึ่งอารมณ์ จึงชื่อว่า มโนวิญญาณธาตุ
    <o></o>
    สภาพหรือลักษณะของจิต<o></o>
    จิตเป็นปรมัตถธรรม ดังนั้น จิตจึงมีสภาวะ หรือสภาพ หรือลักษณะทั้ง ๒ อย่างคือ ทั้งสามัญลักษณะ และวิเสสลักษณะ<o></o>
    สามัญญลัษณะ หรือไตรลักษณ์ของจิต มีครบบริบูรณ์ทั้ง ๓ ประการคือ อนิจจลักษณะ ทุกขลักษณะ และอนัตตลักษณะ<o></o>
    จิตนี้เป็นอนิจจัง คือไม่เที่ยง ไม่มั่นคง หมายถึงว่า ไม่ยั่งยืน ไม่ตั้งอยู่ได้ตลอดกาล<o></o>
    จิตนี้เป็นทุกขัง คือทนอยู่ไม่ได้ เพราะเป็นสิ่งที่ไม่ยั่งยืน ทนอยู่ไม่ได้ตลอดกาล จึงมีอาการเกิดดับ เกิดดับ อยู่ร่ำไป<o></o>
    จิตนี้เป็นอนัตตา คือเป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตน เป็นสิ่งที่บังคับบัญชาให้ยั่งยืน ให้ทนอยู่ไม่ให้เกิดดับ ก็ไม่ได้เลย<o></o>
    และเพราะเหตุว่าจิตนี้ เกิดดับ เกิดดับ สืบต่อเนื่องกันอย่างรวดเร็วเหลือประมาณ จนปุถุชนคน ธรรมดาเข้าใจไปว่า จิตนี้ไม่มีการเกิดดับ แต่ว่ายั่งยืนอยู่จนตลอดชีวิตจึงดับไปก็เหมือนกับเข้าใจว่า กระแสไฟฟ้าชนิดกระแสสลับ ซึ่งกลับไปกลับมาอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งเราเห็นหลอดไฟสว่างอยู่ตลอดเวลา ก็เข้าใจว่ากระแสไฟฟ้าไม่ได้ไหลไปแล้วกลับฉะนั้น<o></o>
    ส่วนวิเสสลักษณะหรือ ลักขณาทิจตุกะของจิต ก็มีครบบริบูรณ์ทั้ง ๔ ประการคือ
    <o></o>
    วิชานน ลกฺขณํ มีการรู้อารมณ์ เป็นลักษณะ<o></o>
    ปุพฺพงฺคม รสํ เป็นประธานในธรรมทั้งปวง เป็นกิจ
    สนฺธาน ปจฺจุปฏฺฐานํ มีการเกิดต่อเนื่องกันไม่ขาดสาย เป็นอาการปรากฎ
    นามรูป ปทฺฏฐานํ มีนามรูป เป็นเหตุใกล้ให้เกิด<o></o>
    ในธรรมบท ภาค ๒ มีคาถากล่าวถึงเรื่องการระวังสังวรจิต และมีความกล่าวถึง ลักษณะหรือสภาพของจิตด้วย จึงขอนำมาแสดงไว้ ณ ที่นี้ ดังนี้<o></o>
    ทูรงฺคมํ เอกจรํ อสริรํ คูหาสยํ<o></o>
    เย จิตฺตํ สญฺญเมสฺสนฺติ โมกฺขนฺติ มารพนฺธนา ฯ<o></o>
    แปลความว่า ชนทั้งหลายใด จักระวังจิต ซึ่งไปไกล ไปเดี่ยว ไม่มีสรีระ (รูปร่าง) มีคูหาเป็นที่อาศัย ไว้ได้ ชนทั้งหลายจะพ้นจากเครื่องผูกแห่งมาร<o></o>
    อนึ่ง จิตเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้เกิดขึ้น ทำให้เป็นไปได้ คือทำให้วิจิตรได้ถึง ๖ ประการ<o></o>
    . วิจิตรในการกระทำ คือทำให้งดงาม แปลก น่าพิศวง พิลึกกึกกือ เช่น สิ่งของต่างๆที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้น ย่อมมีทั้งที่งดงาม แปลกตาน่าพิศวง ตลอดจนน่าเกลียด น่าสยดสยองสพรึงกลัว<o></o>
    . วิจิตรด้วยตนเอง คือ ตัวจิตเองก็แปลก น่าพิศวง มีประการต่างๆ นานา เช่น จิตดีก็มี ชั่วก็มี จิตที่ฟุ้งซ่าน
    จิตที่สงบ จิตเบาปัญญา จิตที่มากด้วยปัญญา จิตที่มีความจำเลอะเลือน จิตที่มีความจำเป็นเลิศ สุดที่จะพรรณนา<o></o>
    . วิจิตรในการสั่งสมกรรมและกิเลส ก็น่าแปลกที่จิตนั่นแหละเป็นตัวที่ก่อกรรมทำเข็ญ และก็จิตนั่นแหละ
    เป็นตัวสะสมกรรมและกิเลสที่ตัวนั้นทำไว้เอง น่าแปลก น่าพิศวงยิ่งขึ้น ก็ตรงที่ว่า กรรมอะไรที่ไม่ดีที่ตัวทำ เอง ก็ไม่น่าจะเก็บสิ่งที่ไม่ดีนั้นไว้ แต่ก็จำต้องเก็บต้องสั่งสมไว้<o></o>
    . วิจิตรในการรักษาไว้ ซึ่งวิบากที่กรรมและกิเลสได้สั่งสมไว้ หมายความว่ากรรมทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นกุศลกรรมหรืออกุศลกรรมที่จิตเป็นตัวการก่อให้เกิดขึ้นนั้น จะไม่สูญหาย
    ไปไหนเลย แม้จะช้านานปานใด ก็ไม่มีการเสื่อมคลายไป เมื่อได้ช่องสบโอกาสเหมาะเมื่อใด เป็นต้องได้รับผลของ
    กรรมเมื่อนั้นจนได้<o></o>
    . วิจิตรในการสั่งสมสันดานของตนเอง หมายถึงว่าการกระทำกรรมอย่างใดๆ ก็ตาม ถ้ากระทำอยู่บ่อยๆ
    ทำอยู่เสมอๆ เป็นเนืองนิจ ก็ติดฝังในนิสสัยสันดานให้ชอบกระทำ ชอบพฤติกรรมอย่างนั้นไปเรื่อยๆ ไป
    . วิจิตรด้วยอารมณ์ต่างๆ หมายถึงว่าจิตนี้รับอารมณ์ได้ต่างๆ นานาไม่มีที่จำกัดแต่น่าแปลก น่าพิศวงที่มักจะรับอารมณ์ที่ไม่ดี ที่ชั่วได้ง่ายดาย<o></o>
    จำแนกจิตเป็น ๔ ประเภท<o></o>
    เมื่อกล่าวตาม สภาพ คือกล่าวตามลักษณะของจิตแล้ว จิตนี้มีเพียง ๑ เพราะจิตมีสภาวะ มีสภาพ มีลักษณะ รับรู้อารมณ์แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้นเอง
    แต่เมื่อกล่าวตามอารมณ์ที่รู้ ตามประเภทที่รู้ กล่าวคือ รู้ในเรื่องกามที่เป็นบุญเป็นบาปรู้เรื่องรูปฌาณ รู้ในเรื่อง
    อรูปฌาณ รู้ในเรื่องนิพพานเหล่านี้แล้ว จิตก็มีจำนวนนับอย่างพิศดารได้ถึง ๑๒๑ ดวง หรือ ๑๒๑ อย่าง ๑๒๑ ชนิด และจำแนกได้เป็นประเภทตามอาการที่รู้นั้นได้เป็น ๔ ประเภท คือ<o></o>
    . กามาวจรจิต ๕๔ ดวง<o></o>
    . รูปาวจรจิต ๑๕ ดวง<o></o>
    . อรูปาวจรจิต ๑๒ ดวง<o></o>
    . โลกุตตรจิต ๘ ดวง หรือ ๔0 ดวง
    รวมเป็น ๘๙ ดวง หรือ ๑๒๑ ดวง<o></o>
    . กามาวจรจิต เป็นจิตประเภทที่ข้องอยู่ ที่ติดอยู่ ที่หลงอยู่ ที่เจืออยู่ในกามตัณหา หรือเป็นจิตที่ส่วนมากท่องเที่ยววนเวียนอยู่ในกามภูมิ จิตประเภทนี้เรียกสั้นๆ ว่า กามจิต มีจำนวน ๕๔ ดวง<o></o>
    . รูปาวจรจิต เป็นจิตที่ถึงซึ่งรูปฌาณ พอใจที่จะเป็นรูปพรหม หรือเป็นจิตที่ท่องเที่ยวอยู่ในรูปภูมิ จิตประเภท
    นี้มีจำนวน ๑๕ ดวง<o></o>
    . อรูปาวจรจิต เป็นจิตประเภทที่เข้าถึงซึ่งอรูปฌาณ พอใจที่จะเป็นอรูปพรหมหรือ เป็นจิตที่ท่องเที่ยวอยู่ใน
    อรูปภูมิ จิตประเภทนี้มีจำนวน ๑๒ ดวง
    . โลกุตตรจิต เป็นจิตประเภทที่กำลังพ้นและพ้นแล้วจากโลกทั้ง ๓ คือ พ้นจาก กามโลก (กามภูมิ), จากรูปโลก
    (รูปภูมิ) และจากอรูปโลก (อรูปภูมิ) จิตประเภทนี้มีจำนวนเพียง ๘ ดวง ถ้าจิต ๘ ดวงนี้ประกอบด้วยฌาณด้วยแล้ว จิตแต่ละดวงก็แจกได้เป็น ๕ ตามชั้นตามประเภทของฌาณ ซึ่งมี ๕ ชั้น จึงเป็นจิตพิศดาร ๔๐ ดวง ดังนั้น จิตทั้งหมด นับโดยย่อก็เป็น ๕๔ ดวง และนับโดยพิศดาร
    ก็เป็น ๑๒๑ ดวงที่นับอย่างพิศดารนั้น จำนวนที่เพิ่มขึ้น ก็เพิ่มที่โลกุตตรกุศลจิตประเภทเดียวเท่านั้น<o></o>

    จิตตานุภาพ
    โดยท่านเจ้าคุณนรรัตน์ราชมานิตวัดเทพศิรินทราวาส
    <o>
    </o>

    จิตตานุภาพ คืออานุภาพของจิตแบ่งเป็น ๓ ประเภท คือ
    จิตตานุภาพบังคับตนเอง
    จิตตานุภาพบังคับผู้อื่น
    จิตตานุภาพบังคับเคราะห์กรรม

    จิตตานุภาพบังคับตนเอง

    ตนของตนย่อมเป็นที่พึ่งแก่ตนเอง เหตุนี้จึงต้องหัดบังคับตนเองผู้อื่นถึงจะเป็นศัตรูก็ไม่เท่าตนเป็นศัตรูต่อตนของตนเองถ้ายังไม่สามารถบังคับตนของตนเองให้ดีได้แล้วก็อย่าหวังเลยว่าจะบังคับผู้อื่นให้ดีได้

    จิตตานุภาพบังคับตนเองมี ๗ ประการ

    บังคับความหลับและความตื่น

    การหัดนอนให้หลับสนิทเป็นกำลังสำคัญยิ่งนักเหตุที่ทำให้นอนไม่หลับมี ๒ ประการ คือ

    ๑.๑ ร่างกายไม่สบายพอ
    อาหารที่ย่อยยากก็เป็นเหตุให้ร่างกายไม่สบายพอ ควรนอนตะแคงข้างขวาถ้านอนหงายก็ควรให้เอียงขวานิดหน่อย ถ้าต้องการพลิกก็ควรพลิกจากขวานิดหน่อยแล้วกลับตะแคงขวาตามเดิม นอนย่อมให้อวัยวะทุกส่วนพักผ่อนอย่าให้เกร็งตึงและไม่ควรตะแคงซ้าย

    ๑.๒ ความคิดฟุ้งซ่าน
    เวลานอนถ้าจิตฟุ้งซ่าน ควรคิดถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แต่อย่างเดียวครั้นแล้วก็เลิกละไม่คิดสิ่งนั้น และไม่คิดอะไรอื่นต่อไปอีกกระทำใจให้หมดจดเหมือนน้ำที่ใสสะอาด
    ควรบังคับตัวให้ตื่นตรงตามเวลาที่ต้องการ ก่อนนอนต้องคิดให้แน่แน่วสั่งตนเองให้ตื่นเวลาเท่านั้น เมื่อถึงเวลาก็จะตื่นได้เองตามความประสงค์

    ทำความคิดให้ปลอดโปร่ง ว่องไวในเวลาตื่นขึ้น อย่าให้เซื่องซึมต้องเอาความคิดในเวลาตื่นเช้าไปประสานติดต่อกับความคิดที่เราทิ้งไว้เมื่อวันวานก่อนที่จะนอนหลับ ก่อนนอนควรจดบันทึกกิจการที่เราจะต้องทำในวันรุ่งขึ้นนั้นไว้ในกระดาษแผ่นหนึ่งเสมอพอตื่นขึ้นมาก็หยิบดูเพื่อปลุกความคิดให้ตื่น
    เปลี่ยนความคิดได้ตามต้องการคือเมื่อต้องการคิดอย่างใดก็ให้คิดได้อย่างนั้น ทิ้งความคิดอื่น ๆ หมดและเมื่อไม่ต้องการคิดอีกต่อไป จะคิดเรื่องอื่นก็ให้เปลี่ยนได้ทันทีและทิ้งเรื่องเก่าโดยไม่เอาเข้ามาพัวพัน คือทำใจให้เป็นสมาธิอยู่ที่กิจเฉพาะหน้าการเปลี่ยนความคิดเป็นเหตุให้ห้องสมองมีเวลาพักชั่วคราวทำให้สมองมีกำลังแข็งแรงขึ้น

    สงบใจได้แม้เมื่อตกอยู่ในอันตราย หรือประสบทุกข์อย่าให้เสียใจหมดสติสะดุ้ง ดิ้นรนจนสิ้นปัญญาแก้ไข เกิดความท้อถอยไม่ทำอะไรต่อไปความสงบไม่ตื่นเต้นเป็นเหตุให้เกิดปัญญาประกอบกิจให้สำเร็จได้สมหวังเราจะแก้ไขเหตุร้ายที่เกิดขึ้นแก่เราได้นั้นก็มีทางจะทำอยู่ ๒ ขั้น

    ๔.๑ ต้องสงบใจมิให้ตื่นเต้น
    ๔.๒ ต้องมีความมานะพยายาม


    วิธีสงบใจที่ดีที่สุด หายใจยาวและลึก<o></o>​

    เปลี่ยนนิสัยความเคยชินของตัวจากร้ายเข้ามาหาดีการขืนใจตัวเองชั่วขณะหนึ่งอาจเป็นผลดีแก่ตัวเองตลอดชีวิตแต่การทำตามใจตัวขณะเดียวก็อาจเป็นผลถึงการทำลายชีวิตของเราได้เหมือนกัน

    ตรวจตราตัวของตัวเป็นครั้งคราวโดยสม่ำเสมอให้ทราบว่ากำลังใจมั่นคงขึ้นหรือไม่ ฝ่ายกุศลเจริญขึ้นหรือไม่ฝ่ายอกุศลลดน้อยเบาบางหมดสิ้นไปหรือไม่ ใจยังสะดุ้งดิ้นรนหวั่นไหวอยู่หรือไม่

    ป้องกันรักษาตัวด้วยจิตตานุภาพการสะดุ้งตกใจหรือเสียใจ ความกลัว เป็นเหตุให้เกิดโรคและโรคกำเริบและเป็นเหตุให้คนดี ๆ ตายได้ คนไข้ถ้าใจดีหายเร็วความไม่กลัวตายรอดอันตรายได้มากกว่ากลัวตายความพยายามและอดทนเป็นเหตุให้สำเร็จสมประสงค์

    จิตตานุภาพบังคับผู้อื่น

    จิตตานุภาพอย่างอ่อนสามารถใช้สายตาน้ำเสียงและด้วยกระแสจิตประกอบคำพูด ซึ่งจะเป็นเครื่องจูงใจคนให้เชื่อฟังลักษณะไม่หวาดหวั่นครั่นคร้ามต่อใคร ๆนั้นไม่ใช่ชีวิตหัวดื้อบึกบึนซึ่งไม่นับว่าเป็นจิตตานุภาพต้องเป็นคนสุภาพสงบเสงี่ยม เคารพนบนอบต่อบุคคลที่ควรเคารพแต่ทว่าหัวใจของคนชนิดนั้นไม่หวาดหวั่นเกรงกลัวใครและสามารถแสดงให้เห็นว่าตัวเป็นมนุษย์คนหนึ่งอยู่ในโลก และเป็นมนุษย์ที่รู้จักคิดรู้จักพูด รู้จักทำ

    คนที่สามารถเป็นนายตนเอง ไม่ตกเป็นทาสของหัวใจคนอื่นและสามารถดึงดูดหัวใจคนเข้ามาเชื่อฟังเกรงกลัวนั้นถ้าสังเกตให้ดีแล้วจะเห็นได้ว่ามีลักษณะ ๔ ประการ

    สายตาแข็ง มีอำนาจในตัว
    เสียงชัดแจ่มใส
    ท่าทางสงบเสงี่ยมและเป็นสง่า
    รู้จักวิธีชักจูงหัวใจคนให้หันมาเข้าในคลองความคิดของตัว

    พยายามอ่านหนังสือหน้าหนึ่งโดยไม่กะพริบตาเลยทำให้สายตาแข็งได้อ่านหนังสืออย่างช้า ๆ ให้ชัดถ้อยคำทุก ๆตัวและให้ได้ระยะเสมอกันทำให้เสียงชัดแจ่มใส

    เวลาพูดพยายามพูดให้เป็นจังหวะอย่าให้ช้าบ้างเร็วบ้างและให้ชัดถ้อยคำเสมอไม่ให้อ้อมแอ้มหรือกลืนคำเสียครึ่งหนึ่ง เป็นการฝึกหัดให้เสียงชัดเจนแจ่มใส

    บุคคลที่มีสง่าคือคนที่บังคับร่างกายให้อยู่ในอำนาจหัวใจได้เสมอมีท่าทางสงบเสงี่ยมเป็นสง่าไม่แสดงอาการโกรธ เกลียด กลัว รัก ขมขื่น ตกใจ สะดุ้งเศร้าโศก ให้ปรากฏ ไม่ทำอิริยาบถเคลื่อนไหวอันใดโดยไม่จำเป็นและโดยบอกความกำกับของใจ มีหน้าตาแจ่มใส อิริยาบถสงบเสงี่ยมเป็นสง่าอยู่ทุกขณะการเคลื่อนไหวทุกอย่างทำด้วยความหนักแน่นมั่นคง อย่าให้รวดเร็วจนเป็นการหลุกหลิกหรือผึ่งผายจนเป็นการเย่อหยิ่ง หรืออ่อนเปียกจนเป็นการเกียจคร้านในเวลายืนให้น้ำหนักตัวถ่วงอยู่ทั่วตัวเสมอ ไม่ให้ถ่วงแต่ส่วนใดส่วนหนึ่ง

    รู้จักใช้วิธีชักจูงหัวใจคนให้หันเข้ามาในคลองความคิดของเรา

    หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดมีสิ่งที่จะชักจูงให้เขาละทิ้งข้อแนะนำของเรา
    จูงใจเขาให้หันเข้ามาในทางที่เราต้องการทุกที

    วิธีป้องกันตัวไม่ให้จิตตานุภาพของผู้อื่นบังคับเราได้

    ให้ทำมโนคติให้เห็นประหนึ่งว่ากระแสดวงจิตของเราแผ่ซ่านป้องกันอยู่รอบตัวเราจิตตานุภาพของผู้อื่นไม่สามารถจะเข้าถึงตัวเราได้ ให้ทำเวลาเข้านอนครั้งหนึ่งและขณะที่อยู่ใกล้บุคคลที่เราระแวงว่าเขาจะใช้จิตตานุภาพบังคับเรา

    จิตตานุภาพบังคับเคราะห์กรรม

    เครื่องมือที่จะชักนำเอาเคราะห์ดีเข้ามาคือความพยายามเข้มแข็งไม่ท้อถอยหนักแน่นระมัดระวังเชื่อแน่ในความพากเพียรบากบั่นของตัว มักจะเป็นคนเคราะห์ดีอยู่เสมอและมีคุณสมบัติอย่างอื่นอีกคือ ความมุ่งหมายและอย่าให้นึกถึงเคราะห์ร้ายตั้งความมุ่งหมายถึงผลอันใดในชีวิตไว้เท่านั้นเพื่อให้ก้าวหน้ามุ่งตรงไปจนบรรลุสมประสงค์

    ความมุ่งหมายจำต้องให้สูงไว้เสมอเพื่อจะได้มีความพยายามอย่างสูงด้วย แต่การก้าวไปสู่ที่มุ่งหมายนั้นต้องก้าวอย่างระมัดระวังไม่ก้าวให้ผิด ควรมีความปรารถนาให้สูงอยู่เสมอแต่จะต้องระมัดระวังมิให้เดินพลาด

    การไม่ยอมแพ้เคราะห์ร้ายเป็นเหตุให้เคราะห์ร้ายพ่ายแพ้เองเมื่อประสบเคราะห์

    จะต้องไม่ให้ใจเสีย เชื่อมั่นในความรู้ความสามารถของตัว รวบรวมกำลังให้พรั่งพร้อม
    ตั้งความมุ่งหมายให้ดีและตกลงแน่ว่าจะมุ่งไปทางไหน
    ใช้ความระมัดระวังให้มากขึ้น กุมสติให้มั่นอย่างไรก็ดีจะปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรมทำการต่อสู้ดังกล่าวแล้วนั้นไม่ได้เป็นอันขาด

    การต่อสู้กับเคราะห์

    จะต้องสงบใจไม่ตื่นเต้น ไว้ใจตัวและเชื่อแน่ว่าเรามีจิตตานุภาพเป็นเครื่องมือรวมกำลังสติปัญญาของเราให้พรั่งพร้อมเช่นเดียวกับนายเรือที่ไม่รู้จักเสียใจ รวบรวมกำลังเรือและกำลังคนให้บริบูรณ์

    ต้องยึดที่หมายให้แน่นกล่าวคือระลึกถึงผลที่เราต้องการบรรลุนั้นให้แน่วแน่ยิ่งขึ้นเปรียบเสมือนนายเรือที่ตั้งเข็มทิศให้ตรงและให้รู้แน่ว่าจะต้องการให้เรือบ่ายเบี่ยงไปทางไหน

    ใช้ความระมัดระวังให้มากยิ่งกว่าเมื่อก่อนจะเกิดเหตุร้ายอีกหลายเท่าและความวินิจฉัยที่ถูกต้อง ทำทางปฏิบัติของเราเหมือนอย่างหางเสือเรือที่จะช่วยให้เรือบ่ายเบี่ยงไปทางทิศที่ต้องการจะไป

    ไม่สามารถจะก้าวไปข้างหน้าได้ก็อย่าถอยหลังให้หยุดอยู่กับที่

    ให้รู้สึกว่าเคราะห์นั้นทำให้เราดีขึ้น เป็นครูของเรา เป็นผู้เตือนเราเป็นผู้ลวงใจเรา อย่าเห็นว่าเคราะห์กรรมเป็นของเลว ไม่น่าปรารถนาควรคิดว่าเป็นของดีที่ทำให้เราเข้มแข็งมั่นคงขึ้นให้รู้สึกเสมอว่าเราเกิดมาเรียนทั้งเคราะห์ร้ายและเคราะห์ดีเคราะห์เป็นบทเรียนของเรา ที่จะทำให้เราแจ้งโลกแล้วจะได้พ้นโลก ดังนี้จะไม่รู้จักเคราะห์ร้ายเลยในชีวิต

    ขอขอบคุณข้อมูลจาก สถานีมหาปราชญ์
    </o><!-- google_ad_section_end --></o></o></o>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ธันวาคม 2010
  3. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    อีกหนึ่งกิจกรรมในการสะสมบุญ บารมีครับ

    สรุปรายนามวัดที่ถวายพระบรมฯ พระพิมพ์ฯ 1 ม.ค - 31 มี.ค. 2553 และกำหนดการที่จะถวายต่อไป


    [​IMG]

    ลึกๆผมเองไม่อยากให้กระจุกตัวในอำเภอหรือจังหวัดหนึ่งๆเลย ก็จะพยายามกระจายไปยังจังหวัดรอบๆให้ได้มากและดีที่สุดครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2013
  4. j.chaisat

    j.chaisat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    299
    ค่าพลัง:
    +842
    เมื่อคืนผมฝันว่าได้เห็นพระเหรียญที่ใหญ่เท่ากับกระดาษA5 เป็นพระหลวงปู่แหวน มีลักษณะเป็นวงรี เนื้อโลหะออกน้ำตาลแดงคล้ำๆ สวยมากครับ ลอยหมุนอยู่ครับแปลกดีครับ ไม่เคยฝันเห็นหลวงปู่มาก่อนเลย
     
  5. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    โมทนาสาธุครับ อ่านไปผมก็นึกถึงเหรียญข้างล่างนี้เลย ลองไปตามหาจิกซอดูนะครับ :)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • pic1497f_04.jpg
      pic1497f_04.jpg
      ขนาดไฟล์:
      76.4 KB
      เปิดดู:
      189
  6. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    สุขสันต์ วันสงกรานต์ 2553

    ขาวกับแดงตัดกันงดงาม...แตกแยกกันไปใย ให้น้ำตาคนไทยไหลริน ไม่จบสิ้น ...


    [​IMG]<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message --><!-- attachments -->
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG] [​IMG]


    </FIELDSET>
     
  7. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    08-04-2010, 09:04 AM

    วันนี้ที่ Office ผมจะเลี้ยงเพลพระ 9 รูป จากวัดโพธิคุณ (ห้วยเตย)
    - จะทำพิธีสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ธาตุ สรงน้ำพระพุทธ พระสิวลี พระมหาสังกัจจายนะ หลวงปู่ใหญ่ หลวงปู่สมเด็จโต หลวงปู่ทวด

    - ในนามกองทุนหาพระถวายวัด ชมรมรักษ์พระวังหน้า ผมจะถวายพระบรมสารีริกธาตุ กับพระพิมพ์วังหน้า แด่วัดโพธิคุณ อ.แม่สอด จ.ตาก
    - จะขออนุญาตแจกพระพิมพ์วังหน้าพร้อมประวัติให้กับพนักงานใน Office ที่มาร่วมงานในคราเดียวกันนี้ด้วย<!-- google_ad_section_end -->

    ปีใหม่ไทย ๒๕๕๓ นี้ ขอให้คนไทยทุกคนตลอดจนผู้ซึ่งอยู่ภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารแห่งองค์พ่อหลวงของปวงชนชาวไทย จงมีความสุขชื่นเย็นกันโดยง่าย รักกันให้มากๆ นะครับ

    ...ด้วยความเป็นห่วงยิ่ง :)<!-- google_ad_section_end -->

    การสรงน้ำพระนั้นเป็นความเชื่อมาแต่ครั้งโบราณกาลว่า "อานิสงส์ถวายเครื่องเถราภิเษก (สรงน้ำพระ) ผู้ใดได้ถวายเครื่องเถราภิเษกจะพ้นจากทุกข์ภัยทั้งปวง"

    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]
    </FIELDSET>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2013
  8. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
  9. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    รายนามวัดที่ถวายพระบรมฯ ม.ค.53-เม.ย.53<!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->
    สรุปยอดถวายฯดังนี้
    • ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2553 - 30 เม.ย. 2553
    • พระบรมสารีริกธาตุ ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านามกัสสป นามสมณโคดม พระปัจเจกพุทธเจ้า พระธาตุของพระอรหัตสาวก 70 ชุด รวมประมาณ 60 วัด
    • พระบูชานาคปรกไม้แกะ ขนาด 3 นิ้ว 2 องค์
    • พระบูชาหลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า ปางภัตตกิจ หน้าตัก 9 นิ้ว 4 องค์
    • พระพิมพ์พร้อมประวัติประมาณ 1,321 องค์ หรือมากกว่า
    • กล่องแสตนเลสบรรจุพระพิมพ์เพื่อบรรจุกรุ 3 กล่อง
    [​IMG]
    [​IMG]

    หมายเหตุ:
    • ไม่ได้รวมส่วนของพี่ชนิดากับพี่เปี๊ยกหรือพี่หนุ่มถวาย
    • เดือนหน้าเริ่มเข้าหน้าฝน อาจจะกระจายไปได้ไม่เร็วมากนัก
    • และต้องเข้าไปดูแลงานก่อสร้างบ้านให้ถึ่ขึ้นจนกว่าจะแล้วเสร็จ (~ 5-6 เดือน)
    โมทนาสาธุกับกองทุนหาพระถวายวัดทุกประการครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2013
  10. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    เมื่อคืน(30 เม.ย. 2553) ราวตี 3-4 ผมฝันเจอหลวงปู่สิม แห่งวัดถ้ำผาปล่อง

    ในความฝัน ท่านอยู่ในกุฏิเก่าๆ ประมาณการอายุท่านราวๆไม่เกิน 60 ผมคลานเข้ากราบท่าน จำบทสนทนาไม่ได้ แต่ได้ขอดูพระพิมพ์เนื้อโลหะรูปเหมือนท่าน 3 องค์มีอยู่องค์สีออกดำมียันต์ข้างหลังสวยดี จากนั้น...พึ่งรู้ว่ามีญาติโยมเข้ามารอกราบท่านเป็นแถวยาวทั้งหญิง ชาย ผู้ใหญ่ เด็กประมาณ 20 คนได้

    ราวตี 5 ครึ่งผมตื่นมาเข้าห้องน้ำ จึงพยายามทวนความฝันนี้

    สำหรับวัดถ้ำพระโบราณ ที่ศิษย์ท่านเป็นผู้อุปัฏฐาก คือพระอาจารย์จรัญ เป็นเจ้าอาวาส ผมได้ถวายพระบรมฯ พระบูชา พระพิมพ์อยู่พอสมควร (ถวาย 2 ครั้ง) ท่านก็ได้มอบพระปิดตาให้มาจำนวนมาก (ผสมเส้นเกสา หรือส่วนต่างๆของพระอรหันต์สายป่าแทบทุกองค์แม้กระทั่งฉี่หลวงปู่แหวนก็มี บางองค์ได้รับมาก็มีขึ้นพระธาตุ ดุรูปครับ) ผมรู้สึกศรัทธาพระอาจารย์กับวัดนี้เป็นอย่างมากครับ ไม่น่าเชื่อจะได้พบหลวงปู่สิมในความฝัน ... ปีติครับ

    กระทู้พระวังหน้าฯ หน้าที่ 1889 ลว.17 เมษายน 2553

    [​IMG][​IMG][​IMG]
    (รูปของพระอาจารย์กับหลวงปู่อยู่ด้านหลังท่าน ถ่ายปีสุดท้ายก่อนที่หลวงปู่สิมจะนิพพาน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2013
  11. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    <TABLE width=1180 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ccffcc vAlign=center width=868 align=middle>ถ้าชนใด ไร้ธรรม มานำจิต ก็อย่าคิด มุ่งหมาย ให้คลายทุกข์
    นับประสา อะไร จะเอาสุข กลับจะทุกข์ ทับถม ให้จมลง
    เรือขาดพาย นำไป จักได้หรือ ตัวหนังสือ ขาดสระ คละเคล้า “คง”
    นกขาดหาง กางปีก ก็ร่อนหลง แม้ฝอยผง จะทรงยอด คงทอดเท
    อันที่พึ่ง ทั้งหลาย เหมือนทรายสูง จะชักจูง เราไป ให้ไขว้เขว
    เพราะคบหา กับสิ่ง ที่รวนเร จึงส่ายเซ เพพัง ทั้งรูปนาม
    คบบัณฑิต คิดกลอน สอนภาษิต ให้รู้ผิด รู้ถูก ปลูกความงาม
    เป็นปัญญา พาไป ใช่แบกหาม ละเลวทราม ลามก ให้ตกไป
    เมื่อมีธรรม นำกาย ไว้ในจิต เหมือนมีมิตร ติดคู่ อยู่กับใจ
    ไม่ว่าเรา จะทำ กรรมใดใด จะเป็นไป ตามผล ของคนดี
    โลกจะเย็น เป็นสวรรค์ ดังฝันหา ถ้าต่างพา กันทำ ตามหน้าที่
    ให้ประจักษ์ คุณงาม และความดี ก็จะมี ศรีสุข ทุกตัวตน
    ถ้าชนใด ใช้ธรรม มานำจิต ในชีวิต ก็จะพบ ประสบผล
    ดังที่หวัง กันไว้ ในใจตน ถ้าทุกคน มีธรรม นำใจเอย.
    </TD><TD bgColor=#cc9999 width=300>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#ccff66 height=524 vAlign=center align=middle>ปุ๋ยของชีวิต คือ พระธรรม ที่จะบำรุงชีวิตให้เจริญรุ่งเรืองเป็นสันติสุข
    ถ้าชนใดไม่มีธรรมอันเป็นความจริงของธรรมชาติ
    อันเกิดมาจากการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    อันเป็นสัจจะธรรมอย่างแท้จริง
    นำมาบำรุงการกระทำของชีวิตสามประการแล้ว
    การมีชีวิตอยู่ในโลกของชนทั้งหลาย
    ย่อมคล้ายเรือขาดหางเสือ จึงน่าเสียดายชีวิตที่เป็นเช่นนี้
    เพราะปล่อยชีวิตให้หมดประโยชน์ไปเปล่าๆชาติหนึ่ง
    ท่านผู้มีปัญญาทั้งหลาย ท่านพึงควรรู้ถึงการศึกษาในโลกของเรานี้ด้วย
    ว่าการศึกษานั้นมันเป็นสิ่งจำเป็นของชีวิตจริงๆ
    แต่เราต้องเข้าใจถึงความจำเป็นของชีวิตด้วย
    ว่ามันมีความจำเป็นในด้านใดบ้าง ในการเป็นอยู่ของสัตว์โลก
    ที่ต้องอาศัยการครองชีพด้วยวิชาชีพอย่างหนึ่ง
    และมีความเป็นอยู่อย่างสงบสุขอย่างหนึ่ง

    ด้วยเหตุนี้
    ศิลปะศาสตร์และศาสนาศาสตร์ จึงไม่อาจแยกออกจากชีวิตได้
    เพราะจะทำให้ธรรมชาติในโลกไม่มีความสงบสุขได้เลย
    </TD><TD bgColor=#cc9999>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    กราบ กราบ กราบ
    กราบ กราบ

    ที่มา: www.yokeedam.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 เมษายน 2010
  12. jim007

    jim007 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +29
    ผมยังไม่เคยฝันเห็นพระเลย (เท่าที่จำได้) เคยฝันเห็นแต่ในหลวง อะ
     
  13. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    เมื่อวานผมได้ Load file acrobat หนังสือชื่อ "พระพุทธโอวาทก่อนปรินิพพาน ใบไม้ในกำมือ" จาก http://www.relicsofbuddha.com
    เป็นหนังสือที่เขียนขึ้นโดยท่านอาจารย์วศิน อินทสระ (ฆราวาส) ใช้เวลาอ่านราว 2-3 ชั่วโมงจบเล่ม
    ระหว่างอ่านก็ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่มีต่อมนุษย์โลกเป็นอย่างยิ่ง
    ทั้งนี้มีหลายๆตอน หลายๆถ้อยธรรมะจากพระโอษฐ์ ที่อยากให้อ่านกันครับ<!-- google_ad_section_end -->
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>ไฟล์แนบข้อความ</LEGEND><TABLE border=0 cellSpacing=3 cellPadding=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>last_homily.pdf (1.81 MB, 0 views)</TD></TR></TBODY></TABLE></FIELDSET>
     
  14. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    บันทึกการเดินทางบุญวิถีแห่งข้าพเจ้า

    [​IMG]

    นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมจักทะยอยนำรูปภาพที่ได้ดำเนินกิจกรรมต่างๆด้านงานสืบทอดพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืนสืบไปตราบจน 5,000 ปี หรืออีกราว 2446 ปีข้างหน้า ให้ลูกหลานเหลนของพวกเราได้พบ ได้เป็นที่ยึดเหนี่ยวในกาลข้างหน้า ซึ่งจะนำมาไว้ในกระทู้นี้

    และเพื่อมิให้กระทู้จืดชืดเกินไป จักนำภาพเก็บตกระหว่างการเดินทางหรือดำเนินกิจกรรม อีกทั้งเรื่องราวประสบการณ์เกี่ยวกับพระพิมพ์(พระเครื่อง) มาแทรกไว้ด้วย

    เชื่อว่าทุกๆท่าน ณ ที่นี้ คงผ่านการเก็บสะสมพระพิมพ์มา ไม่มากก็น้อย ผมเองก็เช่นกัน ผมเป็นผู้สนใจใฝ่รู้ในพระเครื่องต่างๆมาแต่เยาว์ เพราะติดภาพที่คุณพ่อชอบทำตะกรุดแจกชาวบ้าน (เป็นลูกชาวนาทางอิสาน เคยบวชเณรน้อยมา 5 ปีเพื่อไปหาที่เรียนต่อ ก็โรงเรียนวัดแหละครับท่าน) ...เคยได้ยินแต่พระสมเด็จราคาท่านสุดแสนจะแพงผู้มีบุญบารมี เงินทองมากมายจึงจะได้ครอบครอง มาแต่นู่นแหละครับจึงไม่เคยสนใจใฝ่หาแม้แต่นึกคิดเลย แต่เมื่อได้มีเวลาศึกษา กลับเข้าใจ ได้ความรู้อย่างมากมาย พร้อมกับมีกำลังใจในการฝักใฝ่หา ซึ่งไม่น่าจะไกลตัวเราอีกแล้ว เพื่อที่จะได้อาศัยพุทธบารมีความศักดิ์สิทธิ์และเป็นกำลังให้ถึงซึ่งพุทธานุสติ ธรรมานุสติ สังฆานุสติ โดยแนบแน่นยิ่งขึ้นต่อไป

    ผมเคยอ่านบทความเกี่ยวกับการเศกพระของหลวงปู่แหวนนะครับ ท่านทราบว่าเราๆท่านๆนี่ยังติดกันเรื่องของวัตถุและท่านก็ได้กำหนดให้ผู้ที่ได้รับวัตถุมงคลของท่านให้เข้าถึงพระธรรมของพระพุทธเจ้าโดยเร็ว ซึ่งหากใครที่ได้ศึกษาธรรมะของพระพุทธเจ้าอย่างลึกซึ้งแล้วนั้น ทุกคนต่างปรารถนาที่จะเข้าสู่นิพพานโดยเร็ว ถ้าเรามีพระเครื่องที่มีพลานุภาพยิ่งเช่นนั้นหรือยิ่งกว่านั้น จะเป็นอย่างไรหนอ … หวังว่าเราคงเกิดน้อยชาติลงนะครับ เพราะทราบมาว่านิพพาน ยากยิ่งหนอ สะสมบุญไปเรื่อยๆเถิดนะ

    มาพูดถึงจริตทางด้านพระเครื่องกันดีกว่านะครับ ตอนเป็นเด็กพ่อมีประคำเส้นหนึ่ง ผมอยากได้มาก แต่ก็ไม่ได้ ทุกวันนี้มีเยอะ ก็ไม่กล้าสวมอยู่ดีครับ ตอนเป็นเด็ก เห็นพ่อทำตระกรุด ผมอยากได้ แต่ก็ไม่เคยได้ ผมก็ออกตระกรุดมั่ง โดยการเอาหลอดยาสีฟันทำ เอาปากกาเขียนยันต์ของพ่อ ส่วนตำราและวิธีการปลุกเสกเป็นของพ่อ 55 ไว้แจกเพื่อนๆน้องๆครับ เพราะสมัยก่อนทางอิสานนี่ปอบเยอะครับผม แต่ตอนนี้พ่อกับแม่ผมก็ได้ละโลกนี้ไปแล้วหละครับ สำหรับการสะสมพระนี่พึ่งเริ่มหนักๆก็เมื่อสองปีมานี่ครับ แต่ก่อนก็สะสมเรื่อยๆสะเปะสะปะ ไม่มีแบบแผน


    แต่ไม่ได้เก็บในเชิงพานิชย์นะครับ อยากเก็บในเชิงอนุรักษ์-ศรัทธา-เป็นครูและไว้พึ่งบารมี เพราะผมคิดว่า แม้เราจะเป็นคนมีธรรมะ มีกำลังใจที่ดี ก็ย่อมมีบางวันหรือสักวันที่เราอ่อนด้อยหรือผิดพลาด แต่ทว่าพลังแห่งพระเครื่องที่ดีเยี่ยม ย่อมไม่มีวันอ่อนด้อยเป็นแน่แท้ครับ

    ตัวผมเองทางสายงานเราเรียกว่าวิศวกรระบบคอมพิวเตอร์ ผมจบ ป.ตรี วิทยาการคอมพิวเตอร์ และ ป.โท บริหารธุรกิจ เอกด้าน MIS เคยทำงานให้ CP.7-11 สนง.ใหญ่, Sony สนง.ใหญ่ (ไม่รวมการติดตั้งและบริหารระบบ IT ในภาครัฐและเอกชนอื่นๆ) ปัจจุบันผมดูแลระบบ IT ให้องค์การระหว่างประเทศแห่งหนึ่ง ...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1160073-d.jpg
      P1160073-d.jpg
      ขนาดไฟล์:
      124.6 KB
      เปิดดู:
      2,053
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2010
  15. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    หญ้าแม้เป็นพืชต้นเล็กๆ แต่เพราะมีความทนทานธาตุทรหด จึงสามารถแพร่พันธุ์ไปได้ทั่วแผ่นดินฉันใด มนูษย์ก็เช่นเดียวกัน แม้ไร้กำลังทรัพย์ กำลังความรู้ ความสามารถ แต่หากมีความอดทนแล้ว ย่อมสามารถฝึกฝนพัฒนาตนเอง ให้ประสบความสุขความสำเร็จในชีวิตได้ฉันนั้น" พุทธภาษิต

    ยอมรับว่าเคยเป็นรากหญ้านะครับ
    เริ่มชีวิตมาตั้งแต่ติดลบ หนังคนละม้วนกันกับปัจจุบันเลย
    ได้มาก็เพราะความอดทน ทนทาน และพากเพียรมากกว่าเด็กวัยเดียวกันหลายเท่านัก
    ลูกอิสานขนานแท้ส่วนใหญ่อยากได้ดีต้องเป็นกันแบบนี้

    ขอเป็นกำลังใจให้กับชาวไทยทุกคนที่ท้อแท้ เหน็ดเหนื่อย หมดหวัง

    ผมท่องประโยคหนึ่งเตือนในใจเสมอว่า"เคยผ่านทะเลมาแล้ว เห็นแม่น้ำไร้ความหมาย"<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  16. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    เอาใจคนชอบเทพผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาลครับ

    ภาพถ่าย macro ไม่เปิด flash จาก Panasonic DMC-FZ28
    <!-- google_ad_section_end -->
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG] [​IMG]
    </FIELDSET>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2013
  17. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    3 คาถาของคนทำงาน ท่องกันไว้นะจ๊ะ...
    1. คาถาคนทำงาน
    ขั้นแรก...ท่อง นะโม 3 จบ ก่อน แล้วจึงค่อยท่องคาถานะ
    อาจจะมี ... เซ็งไปบ้าง...ในบางครั้ง
    อาจจะมี ...เบื่อกันบ้าง.... ในบางหน
    อาจจะมี ...เหม็นขี้หน้า...กับบางคน <====== อันนี้ โดน
    พยายามทน ทำงานไป เพราะได้ตังค์ <====== อันนี้โดนก่า
    2. คาถาปล่อยวาง
    กูว่าแล้วในโลกนี้มีปัญหา
    เขาไม่ด่า ก็ชื่นชม หรือเฉยๆ
    สาม ประเภทที่ว่านี้มิเปลี่ยนเลย
    จงวางเฉยใครถือสาเป็นบ้าตาย
    3. คำสอนของพระพุทธเจ้า
    อย่าไปนึกว่า 'คนอื่น' เหนือ กว่าเรา เพราะทำให้เกิดปมด้อย
    อย่าไปนึกว่า 'คนอื่น' ต่ำ กว่าเรา เพราะทำให้เกิดทิฐิ
    อย่าไปนึกว่า 'คนอื่น' เสมอ เท่าเรา เพราะทำให้เกิดการแข่งขัน ชิงดีชิงเด่น
    จงนึกเสมอว่า 'คนอื่นทุกคน' เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมด


    ที่มา : FW: Mail
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  18. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    องค์นี้คาดว่าทุกๆคนคงรู้ดีในปัจจุบัน
    ก็ตามแต่จะเรียกท่านว่ากระไร
    แต่เวลาผมอาราธนาท่านหรือเอ่ยพระนามท่าน จะว่า
    "พระวัชรสัตว์โพธิสัตว์ : พระโพธิสัตว์ผู้รับภาระหนักพาคนเข้าสู่ทางพุทธภูมิ"

    บทสวดสรรญเสิญพระองค์ท่าน [ame="http://www.youtube.com/watch?v=Bf1tU9JfwSw"]โอม วัชระ สัตตวา หูม[/ame]

    พระวรกายพระองค์ท่านเป็นสีขาวใสดั่งแก้ว สถิตอยู่นอกจักรวาลของพวกเรา แต่พระองค์ทรงรับรู้ทุกสรรพสิ่ง รวมทั้งการอ้อนวอนร้องขอ
    ...จากผู้มีอภิญญาญาณ

    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG]

    </FIELDSET>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ธันวาคม 2010
  19. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    มาสร้างบุญบารมีกันเถอะ

    1. นั่งสมาธิ อย่างน้อยวันละ 15 นาที (หรือเดินจงกรมก็ได้)

    อานิสงส์ --- เพื่อสติปัญญาที่เฉลียวฉลาดขึ้นทั้งภพนี้และภพหน้า เพื่อจิตใจที่สว่าง ผ่อนปรนจากกิเลส ปล่อยวางได้ง่าย จิตจะรู้วิธีแก้ปัญหาชีวิตโดยอัตโนมัติชีวิตจะเจริญรุ่งเรืองไม่มีวันอับจน ผิวพรรณผ่องใส สุขภาพกายและจิตแข็งแรงเจ้ากรรมนายเวรและญาติมิตรที่ล่วงลับจะได้บุญกุศล
    2. สวดมนต์ ด้วยพระคาถาต่างๆอย่างน้อยวันละครั้งก่อนนอน
    อานิสงส์ --- เพื่อให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ชีวิตหน้าที่การงานเจริญก้าวหน้า เงินทองไหลมาเทมา แคล้วคลาดจากอุปสรรคทั้งปวง จิตจะเป็นสมาธิได้เร็ว แนะนำพระคาถา พาหุงมหากา , พระคาถาชินบัญชร , พระคาถายอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก เป็นต้น เมื่อสวดเสร็จต้องแผ่เมตตาทุกครั้ง
    3. ถวายยารักษาโรคให้วัด , ออกเงินค่ารักษาให้พระตามโรงพยาบาลสงฆ์
    อานิสงส์ --- ก่อให้เกิดสุขภาพร่มเย็นทั้งครอบครัว โรคที่ไม่หายจะทุเลา สุขภาพกายจิตแข็งแรง อายุยืนทั้งภพนี้และภพหน้า ถ้าป่วยก็จะไม่ขาดแคลนการรักษา
    4. ทำบุญตักบาตร ทุกเช้า
    อานิสงส์ --- ได้ช่วยเหลือศาสนาต่อไปทั้งภพนี้และภพหน้า ไม่ขาดแคลนอาหารตายไปไม่หิวโหย อยู่ในภพที่ไม่ขาดแคลน ข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์
    5. ทำหนังสือหรือสื่อต่างๆ เกี่ยวกับธรรมะแจกฟรีแก่ผู้คนเป็นธรรมทาน
    อานิสงส์ --- เพราะธรรมทานชนะการให้ทานทั้งปวง ผู้ให้ธรรมจึงสว่างไปด้วยลาภยศ สรรเสริญ ปัญญา และบุญบารมีอย่างท่วมท้น เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมให้ชีวิตจะเจริญรุ่งเรืองอย่างไม่คาดฝัน
    6. สร้างพระถวายวัด
    อานิสงส์ --- ผ่อนปรนหนี้กรรมให้บางเบาให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง แคล้วคลาดจากอุปสรรคทั้งปวง ครอบครัวเป็นสุข
    ได้เกิดมาอยู่ในร่มโพธิ์ของพุทธศาสนาตลอดไป
    7. แบ่งเวลาชีวิตไปบวชชีพรามณ์ หรือบวชพระอย่างน้อย 9 วันขึ้นไป
    อานิสงส์ --- ได้ตอบแทนคุณพ่อแม่อย่างเต็มที่ ผ่อนปรนหนี้กรรมอุทิศผลบุญให้ญาติมิตรและเจ้ากรรมนายเวร สร้างปัจจัยไปสู่นิพพานในภพต่อๆไป ได้เกิดมาอยู่ในร่มโพธิ์ของพุทธศาสนา จิตเป็นกุศล
    8. บริจาคเลือดหรือร่างกาย
    อานิสงส์ --- ผิวพรรณผ่องใส สุขภาพแข็งแรง ช่วยต่ออายุต่อไปจะมีผู้คอยช่วยเหลือไม่ให้ตกทุกข์ได้ยาก เทพยดาปกปักรักษา
    ได้เกิดมามีร่างกายที่งดงามในภพหน้า ส่วนภพนี้ก็จะมีราศีผุดผ่อง
    9. ปล่อยปลา ที่ซื้อมาจากตลาดรวมทั้งปล่อยสัตว์ไถ่ชีวิตสัตว์ต่างๆ
    อานิสงส์ --- ช่วยต่ออายุ ขจัดอุปสรรคในชีวิต ชดใช้หนี้กรรมให้เจ้ากรรมนายเวรที่เคยกินเข้าไป ให้ทำมาค้าขึ้น หน้าที่การงานคล่องตัวไม่ติดขัด ชีวิตที่ผิดหวังจะค่อยๆ ฟื้นคืนสภาพที่สดใส เป็นอิสระ
    10. ให้ทุนการศึกษา , บริจาคหนังสือหรือสื่อการเรียนต่างๆ , อาสาสอนหนังสือ
    อานิสงส์ --- ทำให้มีสติปัญญาดี ในภพต่อๆไปจะฉลาดเฉลียวมีปัญญา ได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียนอย่างรอบรู้ สติปัญญาสมบูรณ์พร้อม
    11. ให้เงินขอทาน , ให้เงินคนที่เดือดร้อน(ไม่ใช่การให้ยืม)
    อานิสงส์ --- ทำให้เกิดลาภไม่ขาดสายทั้งภพนี้และภพหน้า ไม่ตกทุกข์ได้ยากเกิดมาชาติหน้าจะร่ำรวยและไม่มีหนี้สิน ความยากจนในชาตินี้จะทุเลาลง จะได้เงินทองกลับมาอย่างไม่คาดฝัน
    12. รักษาศีล 5 หรือศีล 8
    อานิสงส์ --- ไม่ต้องไปเกิดเป็นเปรตหรือสัตว์นรก ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐครบบริบูรณ์ ชีวิตเจริญรุ่งเรือง กรรมเวรจะไม่ถาโถม ภัยอันตรายไม่ย่างกราย เทวดานางฟ้าปกปักรักษา

    อานิสงส์ 10 ข้อของการไม่กินเนื้อสัตว์
    1. เป็นที่รักของบรรดาเทพ พรหม ตลอดจนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย
    2. จิตอันเป็นมหาเมตตาย่อมบังเกิดขึ้น
    3. สามารถตัดขาดความอาฆาต ดับอารมณ์เหี้ยมโหดเครียดแค้นในใจลงได้
    4. ปราศจากโรคภัยร้ายแรงมาเบียดเบียนร่างกาย
    5. มีอายุมั่นขวัญยืน
    6. ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากเทพทั้งปวง
    7. ยามหลับนิมิตเห็นแต่สิ่งที่ดีงามเป็นสิริมงคล
    8. ย่อมระงับการจองเวร สลายความอาฆาตแค้นซึ่งกันและกัน
    9. สามารถดำรงอยู่ในกระแสพระนิพพาน ไม่พลัดหลงตกลงสู่อบายภูมิ
    10. ทันทีที่ละสังขารจากโลกนี้ จิตจะมุ่งสู่สุคติภพ

    อานิสงส์การจัดสร้างพระพุทธรูปหรือสิ่งพิมพ์อันเกี่ยวกับพระธรรมคำสอนเป็นกุศลดังนี้
    1. อกุศลกรรมในอดีตชาติแต่ปางก่อน จะเปลี่ยนจากหนักเป็นเบา จากเบาเป็นสูญ
    2. สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง สรรพภยันตรายสลาย ปวงภัยไม่มีคนคิดร้ายไม่สำเร็จ
    3. เจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติแต่ปางก่อน เมื่อได้รับส่วนบุญไปแล้วก็จะเลิกจองเวรจองกรรม
    4. เหล่ายักษ์ผีรากษส งูพิษเสือร้าย ไม่อาจเป็นภัยอยู่ในที่ใดก็แคล้วคลาดจากภัย
    5. จิตใจสงบ ราศีผ่องใส สุขภาพแข็งแรง กิจการงานเป็นมงคล รุ่งเรืองก้าวหน้าผู้คนนับถือ
    6. มั่นคงในคุณธรรม ความอุดมสมบูรณ์ปรากฏ ( เกินความคาดฝัน) ครอบครัวสุขสันต์ วาสนายั่งยืน
    7. คำกล่าวเป็นสัจ ฟ้าดินปราณี ทวยเทพยินดี มิตรสหายปรีดา หนี้สินจะหมดไป
    8. คนโง่สิ้นเขลา คนเจ็บหายได้ คนป่วยหายดี ความทุกข์หายเข็ญ สตรีจะได้เกิดเป็นชายเพื่อบวช
    9. พ้นจากมวลอกุศล เกิดใหม่บุญเกื้อหนุน มีปัญญาล้ำเลิศ บุญกุศลเรืองรอง
    10. สิ่งที่สร้างจะบังเกิดเป็นกุศลจิตแก่ทุกคนที่ได้พบเห็น เป็นเนื้อนาบุญอย่างเอนกทุกชาติของผู้สร้างที่เกิด จะได้ฟังธรรมจากพระอริยเจ้า ปัญญาในธรรมแก่กล้าสามารถได้อภิญญาหก สำเร็จโพธิญาณ

    อานิสงส์การบวชพระบวชชีพรามณ์ ( บวชชั่วคราวเพื่อสร้างบุญ , อุทิศให้พ่อแม่เจ้ากรรมนายเวร )
    1. หน้าที่การงานจะเจริญรุ่งเรือง ได้ลาภ ยศ สรรเสริญตามปรารถนา
    2. เจ้ากรรมนายเวรจะอโหสิกรรม หนี้กรรมในอดีตจะคลี่คลาย
    3. สุขภาพแข็งแรง สติปัญญาแจ่มใส ปัญหาชีวิตคลี่คลาย
    4. เป็นปัจจัยสู่พระนิพพานในภพต่อๆไป
    5. สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง โพยภัยอันตรายผ่อนหนักเป็นเบา
    6. จิตใจสงบ ปล่อยวางได้ง่าย มองเห็นสัจธรรมแห่งชีวิต
    7. เป็นที่รักที่เมตตามหานิยมของมวลมนุษย์มวลสัตว์และเหล่าเทวดา
    8. ทำมาค้าขึ้น ไม่อับจน การเงินไม่ขาดสายไม่ขาดมือ
    9. โรคภัยของตนเอง ของพ่อแม่ และของคนใกล้ชิดจะเบาบางและรักษาหาย
    10. ตอบแทนพระคุณของพ่อแม่ได้เต็มที่ สำหรับผู้ที่บวชไม่ได้เพราะติดภารกิจต่างๆก็สามารถได้รับอานิสงส์เหล่านี้ได้ ด้วยการสร้างคนให้ได้บวชสนับสนุนส่งเสริมให้คนได้บวช

    ทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวอย่างบุญที่ยกขึ้นมาเพื่อแสดงให้เห็นถึงอานิสงส์ที่ท่านพึงจะได้รับจงเร่งทำบุญเสียแต่วันนี้ เพราะเมื่อท่านล่วงลับท่านไม่สามารถสร้างบุญได้อีกจนกว่าจะได้เกิด หากท่านไม่มีบุญมาหนุนนำแรงกรรมอาจดึงให้ท่านไปสู่ภพเดรัจฉาน ภพเปรต ภพสัตว์นรกที่ไม่อาจสร้างบุญสร้างกุศลได้ ต่อให้ญาติโยมทำบุญอุทิศให้ก็อาจไม่ได้รับบุญดังนั้นท่านจงพึ่งตนเองด้วยการสร้างสมบุญบารมีซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ท่านจะนำติดตัวไปได้ทุกภพทุกชาติเสียแต่วันนี้ด้วยเทอญ

    *** ส่งต่อก็ได้บุญ การให้ธรรมเป็นทานชนะการให้ทั้งปวง ***

    ที่มา fw: mail

    โดยส่วนตัวผม ถ้าว่าง แม้ตอนขับรถก็จะท่อง(ในใจ)พระคาถา...บทลบผงวิเศษ,เงินล้าน,หลวงปู่บรมครูฯ,พระยามัจจุราช,ปราบมาร และอื่นๆตามแต่จะนึกขึ้นได้ หรือไปเที่ยวไหนๆ เห็นสงบดีทั้งภายใน ภายนอก ก็หลับตาภาวนาพุท...โธโลดเด้อ ลองดูนะครับ :)<!-- google_ad_section_end -->
     
  20. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    [​IMG]
    พูดมาก เสียมาก
    พูดน้อย เสียน้อย
    ไม่พูด ไม่เสีย
    นิ่งเสีย โพธิสัตว์
    <!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2013

แชร์หน้านี้

Loading...