เพิ่งเคยแวะมา กระทู้นี้ เป็นไงบ้างครับพี่มดพงศ์
หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง กับ หลวงพ่อจันทร์ วัดมฤคทายวัน
ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย modpong, 13 มีนาคม 2010.
หน้า 13 ของ 18
-
...กระทู้นี้..เป็นกระทู้เดิมเก่ากว่า..ผม..พระ..และ..สาระยุตก่อน..
....พอดี..พี่มาเขียนต่อ..เพราะมีหลายเรื่อง..ที่ควรจะชี้แจงต่อ...
...ถ้าหมดเรื่อง..ก็คงจบจริงๆ..แล้วพักยาวเลย.. -
คุณ modpong น่าจะศึกษาประวัติเกจิแถวๆเพชรมาเยอะ ไม่ทราบพอจะมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับหลวงพ่อตัดมั่งหรือปล่าวครับ
-
เพื่อนผมเป็นคนหัวหินเคยถูกดักยิงแต่ปืนยิงไม่ออก มันเล่าให้ฟังว่าในคอห้อยเหรียญรุ่น2ปี 98 ของหลวงพ่อทองศุขเหรียญเดียว
-
คุณ modpong น่าจะศึกษาประวัติเกจิแถวๆเพชรมาเยอะ ไม่ทราบพอจะมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับหลวงพ่อตัดมั่งหรือปล่าวครับ
.......................................................................
เพื่อนผมเป็นคนหัวหินเคยถูกดักยิงแต่ปืนยิงไม่ออก มันเล่าให้ฟังว่าในคอห้อยเหรียญรุ่น2ปี 98 ของหลวงพ่อทองศุขเหรียญเดียว
..หวัดดีครับ..คุณWenger....ไม่เยอะหรอกครับ..สำหรับ..หลวงพ่อรุ่นใหม่ๆ..ก็แทบไม่รู้เลย...อย่างหลวงพ่อตัด..นี่..ผมว่า..ในGoogle..มีให้อ่านเพียบนะครับ...
................................................................................
........ส่วนเรื่องเหรียญปี ๙๘ นี่..ก็เป็นที่มา..ของ..เหรียญอันดับ ๑ ที่แสวงหากันของ
มือปืนเมืองเพชร..และ..ประจวบ..อยู่แล้วครับ....ของท่านส่วนใหญ่จะยิงไม่ออก..
..หรือ..ถ้าออกก็ไม่เข้า...มือปืน..ก็..ไม่อยากเจ๊บตัวเหมือนกัน.....
....จึงไม่นิยม..เหรียญที่เหนียวอย่างเดียวครับ..อย่างของ..หลวงพ่อเพลิน..วัดหนองไม้เหลือง..นี่เท่าที่ทราบ
...เท่าที่ทราบ..จะออกเหนียวอย่างเดียว.....อย่างนี้..เจ็บตัว..ถ้าถูกเข้าไปเยอะ..ก็ทรุด..แล้วก็ถูกตำรวจจับ...อย่างงี้..มือปืน..ไม่ชอบครับ....
-
............
..............................
.....................................................................................
..............สมัยที่พ่อผม..รับราชการทหารที่เมืองเพชร..ต้องตรวจพื้นที่รับผิดชอบ....นอกจากการ
ตรวจพื้นที่..การสอบถามข้อมูลความเป็นมาแต่ละแห่ง..ที่ไปก็มีส่วนสำคัญที่เอามาประกอบ
ด้วย...(พ่อย้ายไปที่เมืองเพชร..เมื่อปี ๒๔๙๓)....การสอบถามข้อมูล..ก็ต้องมีประวัติความเป็น
มาแต่ละที่..ประกอบด้วย..............
.............ทั้งพ่อและแม่เคยเล่า..เรื่องบริเวณ..แถบวัดโตนดหลวงให้..ผมฟัง...โดยประกอบกับ
การเล่าเรื่อง..หลวงพ่อศุข..อย่างที่ผมได้ถ่ายทอดให้ท่านทั้งหลายฟังมาแล้ว....ว่า...ตอนนั้น..
ถ้า..ถัดจาก..หนองศาลา..(ที่เป็น..ที่มีสถานีรถไฟตั้งอยู่แล้ว)...มันก็จะเป็นท้องนา..และ..ที่เวิ้ง
ว้าง..สลับกับ..มีต้นตาลโตนด..กระจายกันห่างๆ....หาบ้านคน..แทบไม่ได้...แต่ละบ้านก็ตั้งกัน
ห่างลิบลับ...อย่างที่ผมเคยเล่า..ว่ารถบรรทุก..ที่ขน..ภรรยาทหารในกองพัน..รวมทั้งแม่ผม..
จะไปทำบุญ..แล้ว..เกิดเสีย...เป็นชั่วโมง..ก็มองหาชาวบ้านเพื่อไปบอกหลวงพ่อศุข..ไม่ได้..
นั่นแหละครับ....ชัดเจนว่า..มันเวิ้งว้าง...ขนาดไหน......
.................พ่อได้เล่าว่า...ชาวบ้านสูงอายุ..ที่อยู่ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕..(อย่าลืมนะครับนั่นคือ
..เหตุการณ์เมื่อปี ๒๔๙๓-๙๔)...เล่าว่า...แถวนี้..มามีผู้คนมา..ตั้งบ้านเรือน..ประกอบอาชีพ
ทำนา..กันได้..ก็เมื่อ..มีคลองชลประทานจากเขื่อนเพชร..มานั่นแหละ..(เขื่อนเพชรนี้..ไม่ใช่
เขื่อนแก่งกระจาน..นะครับ..เป็นประตูน้ำกั้นแม่น้ำเพชรบุรี..ที่มีต้นน้ำมาจาก..แก่งกระจาน
..สร้างเมื่อสมัย..รัชกาลที่๖...อยู่ตอนล่าง..ในเขคอำเภอท่ายาง..เขื่อนแก่งกระจาน..สร้างอยู่
เหนือน้ำขึ้นไป...สร้างทีหลัง..สมัยผมเป็นเด็กรู้เรื่องแล้ว)...คนเก่าที่นั่นบอกก่อนนั้น.แถวนี้..เวลา
หน้าแล้ง..หาน้ำจืดยังยากเลย...เพราะ..ลำน้ำย่อย..ที่ไหลผ่านแถวนี้..หน้าแล้ง..ก็เรียกว่า..
แห้ง..หรือ..เกือบแห้ง....พวกมาตัดงวงตาลโตนด....กับ..พวกประมงขนาดเล็ก..แถวบ้านเก่า
...ต้องเก็บน้ำฝนใส่ตุ่มใช้กัน....ชุมชนเล็กๆมีกันอยู่ไม่กี่หลัง..แถวบ้านเก่า....นา..ก็มีทำมั่ง..
ไม่ทำมั่ง..แต่ก็ไม่เกินครั้งเดียวแน่นอนใน๑ปี...พื้นที่ข้างล่างก็เป็นทราย...หมดสิทธิ์..จะทำพืชสวน
..อย่างแถบท่ายาง..เพราะดินไม่ดี.............................
........จากการสืบประวัติการก่อสร้างโครงการชลประทานเพชรบุรี..ก็เห็นได้ชัด...รวมถึง
เมื่อพิจารณาจาก..จากภูมิประเทศก็ชัดเจนว่า...พื้นที่นี้เดิม..แห้งแล้ง..เพราะ..แม่น้ำเพชรบุรี..
ซึ่งไหลข้นทางเหนือ..เฉียงไปทางตะวันออกเล็กน้อย..นั้น..อยู่ห่างบริเวณนี้..และ..แถบนี้..
พื้นที่..เทไปหา..ทางทะเล..ทางตะวันออก..น้ำที่ได้..ก็มาจากน้ำฝนอย่างเดียว...ดังนั้น..จึงต้อง
ทำ..ระบบคลองชลประทาน..มาช่วยที่นี่...ในสมัยรัชกาลที่ ๖ ....เมื่อพื้นที่..แห้งแล้ง...จะมีชุมชน
ใหญ่ได้ยังไง....สมัยก่อน..แถบนี้..จึง...มีแต่ชุมชนเล็กๆ...และอยู่ห่างๆกัน...ไม่ใช่แบบที่..ลงกัน
ในเว็บ.....
.................ที่ผมเล่ามานี้..เพื่อให้ทราบว่า..บริเวณนี้..สมัยโบราณ..นั้นเป็นยังไง....ก็คือ...เรียก
ว่า..เป็นที่..แย่..ของเมืองเพชร...ชุมชนอยู่บางเบามาก.....ที่เรียกว่า..พอมีผู้คนบ้าง...ก็คือ...
แถบ..หนองศาลา..เพราะอยู่ใกล้เข้าไปในพื้นดิน.....(ดูรูป..ประกอบได้ครับ).......ชักเอะใจ
รึยัง..ว่าผมจะพูดว่าไง.....
............ก็นั่นแหละครับ....ก็เมื่อ..แทบจะไม่มีผู้คน....แล้วมามี..วัดตั้งอยู่ได้ยังไง...ตั้งแต่ไม่น้อย
กว่า..๓๐๐-๔๐๐ ปี....ผมก็เคยสงสัย...เพราะพ่อสมัยก่อนตอนเล่า..พ่อเองก็ยังแปลกใจ...
(....ยุคนี้ผม..เคยไปเปิดเว็บอ่าน..เรื่อง..พระนเรศวรมาแถบนี้..บอกว่า..แถบนี้อดีต..เคยมีชุมชน
ใหญ่และสำคัญ...ผมก็หัวเราะในใจ..เพราะข้อสันนิษฐานเลื่อนลอย...ถ้าตรงไหน..ไม่มีน้ำจืด..และ..
ดินไม่ดี..มันจะมีชุมชนใหญ่ได้ยังไง...ผมทำงานชลประทานมา..เข้าใจเรื่องนี้อย่างดี...ขอยืนยัน
ว่า..ไม่จริงครับ...เพราะคนที่ตั้งสันนิษฐาน..มาดูเอาสมัยนี้...สมัยที่มีคลองชลประทานเข้ามาแล้ว
...ก็เลยมาโมเม..กันเอง...แล้วไอ้พวกที่บอกนี้..เคยได้ไปสัมภาษณ์..คนที่อยู่ตั้งแต่สมัยยังไม่มีคลอง
ชลประทานรึเปล่า.....)......
.................ผมว่า..พระนเรศวรและน้องชาย..คงเห็นว่า..แถบนี้เงียบ..และ..สงบดี...ไม่รบกวนชาว
บ้าน..เพราะอย่างน้อย..พระองค์ท่านก็ต้องมีกองทหาร..ส่วนนึง..มาด้วย..ตั้งค่ายพักแรมกัน...
.............แล้ว..พระองค์..ก็คงต้องใช้เวลา..อย่างน้อยเป็น..อาทิตย์ขึ้นไป...เพราะการเดินทาง...
ไม่ได้ใช้..รถยนต์....ย่อมเหนื่อยล้าเป็น..ธรรมดา...แล้วการล่องเรือ..ตกปลาทะเลก็ไม่ใช่ของง่าย
...คนที่ชอบตกปลาทะเล..จะทราบ...บางครั้งออกเรือไปทั้งวัน..ได้แต่ปลาตัวเล็กๆ......
........คนที่มาตกปลาทะเล..ก็เพราะ..เขาอยากได้ปลาตัวใหญ่ๆ..ตกยากๆ..จึงจะสมใจอยาก....
....................คราวนี้...ปัญหาก็เข้ามาในกบาลผมเยอะแยะ....ด้วยความสงสัยใคร่รู้.........
........คือ ๑. วัดโตนดหลวง...สร้างมาก่อน..พระเนรศวรเสด็จรึเปล่า.........
๒. หรือ วัดโตนดหลวง สร้างหลังจาก พระนเรศวร..เสด็จมาแล้ว....
๓. ทำไม..หรือ..วัตถุประสงค์ใด..ถึง...สร้างวัดโตนดหลวงทั้งๆที่..ไม่ได้มีชุมชนอยู่
๔. วัดโตนดหลวง..จะเกี่ยวข้องกับ..การเสด็จมา..ของพระนเรศวร..หรือไม่..
๕. ชื่อวัด..คำว่า.."หลวง"....ถ้าเป็นภาษาเหนือ..แปลว่าใหญ่..แต่นี่..เป็น ภาคกลาง
...คำว่า.."หลวง"...ก็มีความหมาย..ถึงอะไร..ที่ไม่เป็นชาวบ้านด้วย...เป็นไปได้มั้ย....ที่ไม่ได้หมาย
ความว่า..ใหญ่
................................ต่อตอนหน้าครับ....................
...อธิบายภาพ.......
.............A คือ วัดโตนดหลวง B คือ โรงเรียนวัดโตนดหลวง...ชายหาดเหนือแผนที่ขึ้นไปคือ
...หาดปึกเตียน...ใต้แผนที่ลงไปคือ..หาดชะอำ...ตะวันตกนอก..แผนที่จะเป็น..อำเภอท่ายาง
..........ทางน้ำ..ที่แสดงเป็นเส้นสีฟ้า...จะเป็นส่วนของ..คลองย่อย..ของคลองส่งน้ำชลประทาน..
...โดยบางส่วน..จะใช้ทางน้ำเดิม...ซึ่งทางน้ำเดิม..ในภาษาแผนที่...ถ้าทำแผนที่ก่อนมีคลองชลประ
ทาน..คือ..ยุคต้นรัชกาลที่๖...จะมีแต่..เป็นเส้นประ..หมายถึง..น้ำไหลไม่ตลอดเวลา..หน้าแล้งน้ำไม่มี
...ที่เห็นเป็นเส้นค่อนข้างตรง(โค้งเล็กน้อย)..นั่นเป็นคลองขุดของชลประทาน..ไม่ใช่คลองธรรมชาติ
....แถวนี้เดิม(ก่อนมีคลองฯ)..ถ้ามี..จะเป็นห้วยขนาดเล็ก..ทั้งสิ้น..จะเห็นได้ว่า..บริเวณวัดโตนดหลวง
..ไม่มีห้วยผ่านเลย....นั่นเป็นข้อสังเกตว่า..ชุมชนที่บ้านโตนดหลวง..อาจเกิดขึ้น..หลังมีวัด
(..ขอขอบคุณ..ภาพจาก GOOGLE MAP )
-
สวัสดีครับคุณอา มาติดตามอ่านบทความ ความรู้ สาระดีๆเหมือนเดิมครับ
-
................
....หวัดดี..เฉียวฟง..มากับเขาเหมือนกันเรอะ....
...................................................
................................................................................................
.....หลายท่านอาจจะคิดว่า...นี่มันเหมือนถามนำ..นี่หว่า..มีคำตอบอยู่แล้ว...พยายามจะจูงเข้าไป
..บรรจบ..กับ..คำตอบที่ตั้งใจไว้.......
............ผมตอบได้เลยว่า..ไม่หรอกครับ..ผมไม่ใช่คนแบบนั้น...เพียงแต่..ผมเสนอ..ในสิ่งที่มีโอกาศ
เป็นไปได้...ในทุกแง่..มากกว่า..........อาจจะทั้ง...ไม่เกี่ยวข้องกันเลย....หรือ..เกี่ยวข้อง...และ..ถ้า
เกี่ยวข้อง..น่าจะเกี่ยวข้องแบบไหนมากกว่า......
.............ผมเริ่มจาก..ที่ผมค้นคว้า..จนค่อนข้างแน่ใจ..ว่า...โบสถ์วัดโตนดหลวง..สร้างประมาณ..
อยู่ในช่วง...อยุธยาตอนกลาง......แล้วก็มาที่..พระนเรศวร..กับ..น้องชาย...ก็เป็น..ยุคอยุธยาตอน
กลางเช่นกัน....แล้วบังเอิญ...พระองค์ท่านมาพักผ่อน..บริเวณนี้.....
...........................................................................................................................
......มันก็จะเริ่ม..ตรงนี้ก่อน..ว่า..ถ้า..วัดโตนดหลวง...สร้างมาก่อน...พระนเรศวร..เสด็จมาแถวนี้
..........เป็นไปได้มั้ย...............
...ถ้าจากข้อมูล..ที่ผมให้ไปตอนที่แล้ว...โอกาศที่วัดโตนดหลวง...จะสร้างก่อนนั้น...ก็เป็นไปได้
น้อย...เพราะ...ชุมชน..ที่ผมบอกไป...ตรงที่ตั้งวัด..ผมว่า..ไม่น่าจะมีด้วยซ้ำ...เพราะ..ในแผนที่ภูมิ
ประเทศของทหาร ๑ ต่อ ๕๐,๐๐๐ ที่มีชั้นความสูงประกอบ...ก็แสดงว่า...ตรงนั้น..ไม่มีห้วย
ผ่านเลย...แล้วคนจะไปตั้งบ้านเรือน..ยังไง...ถ้าอยู่ติดห้วย..ก็ยังตักน้ำจากห้วยมาใช้ได้..ใน
หน้าฝน..หรือ..หลังหมดฝนใหม่ๆ....แล้วเรื่องอะไร..จะต้องบ้านเรือนอยู่ไกลห้วย...ไปหาบน้ำ
เป็นกิโล..มาใช้ทำไม................
............เมื่อชุมชน..ไม่มี..แล้ววัด..เกิดขึ้นมาได้ยังไง......มีอะไร...ที่พิเศษ...ทำให้เกิด..วัดขึ้นได้
.....อย่าลืมว่า..สำหรับ..คนไทย..วัดคือ..จุดรวมของทุกอย่าง.....แต่ถ้ามี..วัด...เกิดขึ้นก่อน....
..ก็มีโอกาศที่..ชุมชน..จะมาอยู่ใกล้ๆวัดได้..เพราะคนไทย..เราทำนุบำรุงพุทธศาสนาอยู่แล้ว
......มีลูกเต้า..ก็มีโอกาศ..ได้เรียนหนังสือ..พอมีความรู้....ได้ทำบุญ..ได้มีที่รวม..ของชุมชนใน
กิจกรรมต่างๆ.......................
..............................แล้วจาก..ประวัติศาสตร์..แถวนี้..ไม่ใช่เส้นทางเดินทัพ....แล้วจะมีอะไรพิเศษ
ที่ทำให้เกิด..วัด..ขึ้นมาก่อนได้...ผมก็นึกไม่ออกเหมือนกัน.....
..............................................................................................................................................
...............เอาละ..สมมุติว่า...มีมาก่อน..ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด..ก็ตาม......
.....แถวบริเวณนั้น.....แม้แต่ใกล้ชายฝั่ง....ร่วม ๑๐ ตารางกิโลเมตร...ถ้านับใกล้ชายฝั่งเป็น..สิบ
กิโล..ไม่มีวัดยุคนี้อยู่เลย.....มีอยู่วัดหนึ่ง...แต่ห่างจากวัดโตนดหลวงเข้ามาในแผ่นดิน..๒ กม.
(อยู่ทางทิศตะวันตก..ของวัดโตนดหลวง)..คือ..วัดหนองศาลา..สร้างสมัยอยุธยาเหมือนกัน..
แต่ก็น่าจะเป็น..ตอนปลาย....อีกอย่างที่ไม่น่าเป็นคือ..ห่างจากชายฝั่งเกินไปด้วย...ก็ตัดออกไป
.....ก็มี..วัดโตนดหลวงอยู่วัดเดียว...........
.................ถ้าเราจะคิด..ว่า..พระองค์ท่าน..อยู่อย่างน้อยที่นี่..เป็นอาทิตย์...แล้วบังเอิญ...มีวันพระ
..อยู่ในช่วงนั้น...เป็นไปได้มั้ย..ที่ท่านจะเสด็จมา..ทำบุญที่นี่....ก็อาจเป็นไปได้...เพราะพระมหา
กษัตริย์สมัยอยุธยา...ตามปกติ(ไม่ได้ติดทำศึก)..จะต้องไปทำบุญที่วัด..อยู่แล้ว.......
.......แต่ก็มีโอกาศที่..ข้าราชบริพาร..อาจไปนิมนต์พระ..ที่วัดมาทำบุญ...ที่ๆพักพระองค์ท่านก็ได้
..................แต่โอกาศ..มันจะพอดี..อย่างนั้นรึเปล่า...น่าจะน้อย....เพราะ..วันพระ..๒ อาทิตย์..มี ๑
ครั้ง...................
...................แล้วถ้า..พระองค์..จะเสด็จ..มาเดินเล่นแถวๆวัดละ....ก็น้อยเช่นกัน..เพราะพระองค์
ท่านมาตกปลา...เป็นหลัก..อยู่กลางทะเล..ทั้งวัน..กลับเข้าฝั่ง..ก็น่าจะพักผ่อนมากกว่า......
..................แล้วถ้า..พระที่วัดออกไปบิณฑบาท..แถวนั้น...แล้วท่านมา..ทำบุญใส่บาตร.....
....อันนี้..น่าจะมีโอกาศสูงกว่า..แบบอื่น...แล้วพระองค์ท่านก็ไม่ต้องเสด็จไปที่วัดด้วย.....
..........สรุปคือ..แบบนี้...มีโอกาศเป็นไปได้น้อย..ที่พระองค์ท่านจะเสด็จไปที่วัด........นั่นเอง
.........................................ต่อตอนหน้าครับ........................................
-
..........
............................
........................................................................................................
......วัดโตนดหลวง...สร้างหลัง...จาก..พระนรศวร...เสด็จมาแล้ว.....................
............เรื่องนี้...ในความหมาย...ยังมีจข้อจำกัด..อยู่ในวินิจฉัยของผม...ในตอนแรกๆ..ก็คือ
..ยังอยู่ในสมัย..อยุธยาตอนกลาง....ซึ่งถือว่าจุดเปลี่ยนเข้าอยุธยาตอนปลาย..อยู่ในสมัย..
พระเจ้าปราสาททอง...ดังนั้น...เวลา...ก็ไม่ควรเกิน ๖๐ ปี....เป็นช่วงที่..ปลอดสงครามทางพม่า
...บ้านเมืองแถบนี้..สงบสุข...ผมว่า...คงแทบ..จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง....อาจมีคนอพยพมา
เพิ่มบ้าง..แต่คงน้อยมาก..เพราะกันดาร..หมู่บ้านประมงแถบบางเก่า..ก็คงไม่ขยายอะไรมาก..
....ถ้าไม่เอาเรื่อง..วาระที่พระนเรศวรเสด็จมาแถบนี้..มาประกอบ....เหตุผล..ที่จะสร้างวัด
โตนดหลวง..ก็คงน้อย..พอๆกับ...ข้อวิเคราะห์ที่ผ่านมา...............................
................แต่ถ้า...เอาเรื่องพระนเรศวร...เสด็จมา....เกี่ยว....น้ำหนักเหตุผล..จะขยับขึ้นมาทันที..
.....จากประวัติศาสตร์...เราจะเห็นได้ว่า...พระมหากษัตริย์เวลาเสด็จไปที่ไหน....ข้าราชบริพาร
..หรือ..ชาวบ้าน...ก็อยากจะมี..อะไร..ที่เป็นสิ่งเตือนใจ...หรือแม้แต่..องค์กษัตริย์เอง.......
........อย่าเอาไปเปรียบเทียบ..กับ..สิ่งที่สร้างเป็นอนุสรณ์เหตุการณ์สำคัญ...อย่าง...
................เจดีย์ยุทธหัตถี...ภูเขาทอง...หรือ..วัดโพธิ์ประทับช้าง..........
....เพราะมัน..ไม่ได้ยิ่งใหญ่..แบบนั้น....แค่เคยมาอยู่ที่นี่.....เราเคยเห็น..พระปรมาภิไทยของ..
รัชกาลที่ ๕ สลัก อยู่ตามหิน...ที่ๆพระองค์เคยไปเยือน.....เราเคยเห็น...ในหลวง..พระราชินี..
หรือ..แม้แต่..พระราชชนนี..พระเทพฯ...ทรงปลูกต้นไม้....ในที่ๆท่าน..เสด็จไปเยือน...อันนี้..
...เป็นเรื่องไม่แปลก.....แต่เกือบทั้งหมด..เป็นเพราะ..ข้าราชบริพาร..ข้ราชการท้องถิ่น..เป็นผู้
ทูลขอ.....
..................เมื่อเรามาดูเหตุการณ์..ในขณะนั้น...เจ้าเมืองเพชรบุรี..กรมการเมือง...ก็ต้องมาเฝ้า
เพื่อถวายการคุ้มกัน...และรับใช้...ในที่ประทับ..ตลอดเวลาที่..สองกษัตริย์..ทรงเพลิดเพลิน..
อยู่ที่นี่....
..................................................
.....ข้อความที่ผมจะเขียน..ต่อไปนี้...โปรดใช้วิจารณญาณ...และ..ไตรตรอง..ให้ดี.....
............ผมจะเสนอแนะ...ตามความน่าจะเป็น...ในกรณี...ที่วัดนี้..ถ้ามีการสร้างขึ้น..เพราะ
เกี่ยวพัน..กับ..การเสด็จมา..ของ..พระนเรศวร....ซึ่ง...จริงๆแล้วจะเป็น..แบบไหนไม่ทราบ
แต่...ผมจะใช้เหตุผล..ตามที่กล่าวมาข้างต้นประกอบด้วย....ซึ่งจะแบ่งเป็น ๓ กรณีหลักๆ
..ก็คือ
๑. เป็นไปได้ใหม...ที่..เจ้าเมืองเพชร..ในนามของชาวเพชรบุรี...จะมาสร้างวัดนี้...
ไว้เป็นอนุสรณ์..ในการเสด็จมา..ประทับแรม..ณ ที่แห่งนี้...เมื่อสร้างวัดแล้ว..ก็ชักชวนชาวบ้าน
..ให้มาอยู่..รอบๆวัดเพื่อ..ทำนุบำรุงวัด..และ..พระสงฆ์...เวลาที่สร้าง..ก็น่าจะไม่นาน..เกินปีสองปี
...และยังอยู่ในสมัยของพระนเรศวร....
๒. เป็นไปได้ใหม...ที่..เมื่อ...พระเอกาทศรถ..ขึ้นครองราชย์แล้ว...ทรงรำลึกถึงพี่ชาย
ช่วงที่มีความสุข..ในการพักผ่อนอยู่ที่นี่..ด้วยกัน...สั่งให้ทางเจ้าเมืองเพชรบุรี...สร้างวัดขึ้นมา
เพื่อ..เป็นอนุสรณ์ในการนี้...เมื่อมีวัดแล้ว..ก็ชักชวนชาวบ้าน..ให้มาตั้งบ้านเรือนใกล้วัด..เพื่อ
เหตุผล..ทำนองเดียวกับ ข้อที่ ๑
๓. เป็นไปได้ใหมว่า...ทางเจ้าเมืองเพชรบุรีและกรมการเมือง..ที่มาเฝ้า..อาจขอประทาน
ให้..ท่านทรงปลูกต้นไม้...เพื่อเป็นอนุสรณ์..ให้ชาวเมืองเพชรได้ชื่นชมยินดี..และ..จดจำในภายหลัง
..ว่า..พระองค์ท่าน..เคยเสด็จมาที่แห่งนี้...แล้ว..ต้นไม่ใหญ่..ที่จะงอกได้..และอยู่คงทน..ในดิน
แบบนี้...มีอายุยืนยาว...ก็มีอย่างเดียว..คือ....
.....................................ต้นตาลโตนด...............................................................
..........ต่อมาภายหลัง....ทางกรมการเมืองเพชรหรือก็คือ..เจ้าเมืองเพชร..จึงมาสร้างวัด..อยู่ใกล้ๆ
..เพื่อ..เป็นจุดสังเกตได้ชัดเจน..แถมยังได้..คอยดูแล..ต้นตาลโตนดดังกล่าว...คือนอกจากพระสงฆ์
...ชาวบ้าน..ที่ย้ายมาอยู่รอบๆ..จะได้ช่วยคอยดูแลด้วย...และอีกประการ..แม้ต้นตาลตายไป...
แต่วัดก็ยังอยู่.................แล้วเป็นไปได้มั้ยว่า...นี่คือที่มา..แห่งชื่อ...............
................................วัดโตนดหลวง.....................................
................................ต่อตอนหน้าครับ................................. -
...........
.......................................................................................................................
.......แล้วถ้า...เรื่อง..การเกิดขึ้นชอง...วัดโตนดหลวง..ไม่เกี่ยวกับ..พระนเรศวรเลย....ละจะเป็นยังไง
...................ผมว่า...น่าจะมีโอกาศจาก..๒ ประการคือ...................
๑. คือ..มีพระสงฆ์ที่แก่กล้าวิทยาคม...ธุดงค์มา..แล้วมาปักกลด..อยู่ที่นี่...แล้วมีชาวบ้าน
มาพบ...แล้วก็สร้างศรัทธา..ให้ชาวบ้าน...แต่ท่านไม่ยอมไปที่อยู่อื่น....ชาวบ้านก็เลยต้องมา
สร้างวัดให้ท่านที่นี่...ต่อมามีผู้เลื่อมใส..มากๆขึ้น...ชาวบ้านก็..เริ่มย้ายเข้ามา..อยู่ใกล้ๆวัด...
...หรือ..
๒. มีเศรษฐี..ที่มีศรัทธา..แก่กล้า..อยากจะสร้างวัดขึ้นมา...แล้วด้วยอะไรไม่ทราบ..ดลใจ
มาเลือกสถานที่แห่งนี้...เมื่อสร้างวัด..เสร็จก็..ชักชวนบ้าน..ที่กระจายอยู่ห่างๆ...ให้มาอยู่ใกล้ๆ
วัด..แล้วกลายเป็นชุมชนขึ้นมา..........
.......................................................................................
...........ก็นี่แหละครับ..ผมก็นำเสนอ..ตามแนวคิดของผม..เท่าที่เป็นไปได้...ท่านผู้อ่านก็..วิเคราะห์
เอาเอง......
...........เรื่องนี้...ผมคิดก่อนที่...ผมจะไปวัดโตนดหลวง..ครั้งที่ ๓ และยังไม่รู้เลยว่า...วัดโตนดหลวง
สร้างโบสถ์ใหม่แล้ว..ด้วยซ้ำ...และก่อนจะ...ได้อ่านประวัติวัดจากเว็บ..ของจังหวัด..และ..พวกนำเที่ยว..
ทราบว่า..เขาแก้ไขใหม่..ให้วัดโตนดหลวง..สร้างสมัยอยุธยาตอนกลาง..
...............................................................................................
...................ผมก็คงจะจบสว่นนี้..แค่นี้ก่อน.....ผมจะมาเล่าต่อ..จากตอนที่ผมถึงวัดแล้ว....ตรงรี่
ไปที่..โบสถ์..ผมยังไม่ได้..มองความเปลี่ยนแปลงของตัวโบสถ์..ด้วยซ้ำ........เพราะรอมาหลายปี
...ที่จะพิสูจน์..หลักการของผมว่า..จริง..หรือ..ไม่...สิ่งพิสูจน์ได้..ก็คือ..ใบเสมา........
..................พอผมเห็นปุ๊บ...ผมก็โล่งอกทันที..แม้จะผิดหวัง...ที่ทางวัดเอา..สีทอง..ไปทาหุ้ม...
หุ้ม..อย่างเดียวไม่ว่า..ล่อซะหนาเตอะเลย.................................
......................ครับ.....เป็นใบเสมาทำจากหินทรายแดง..แกะสลักลวดลาย...รูปทรง..และ..ลวดลาย
..ชัดเจน....เป็นสมัยอยุธยาตอนกลาง..แน่นอน...และช่วงกลางๆด้วย......
..................ทำไม..ผมถึงทราบ..ก็เพราะผมศึกษาเรื่องใบเสมา..มาเต็มที่เลย...ทีแรกเพราะ..ชอบ
ลวดลายที่..แกะ..และ..รูปร่างที่หลากหลาย....................แล้วผม..ก็..ได้ศีกษาอ่านจาก...ผู้ที่ชอบ
..และค้นคว้า..ด้านนี้...ท่านเป็นนักโบราณคดี..และเป็น..ปราชญ์....ท่านคือ...
.........................................น. ณ ปากน้ำ.........................................................
....ท่านเขียน..ทั้ง..หลักการพิจารณา..แยกรุ่น...จากการที่ไปเที่ยววัดมาทั่วเมืองไทย...และความรู้
ทางประวัติศาสตร์..และ..โบราณคดี..ของท่าน..เอามาใช้...และวิเคราะห์..แยกออกมา....
.........เรื่อง..เกี่ยวกับใบเสมา..นี้..ท่านเขียนไว้..หลายที่..ทั้ง..ในหนังสือ..รอยอดีต..และ..อะไรอีก
เล่ม(ผมจำชื่อไม่ได้แล้ว)...และยังมีลงใน...วารสารต่างต่างๆ..อย่างรายเดือน..ของศิลปากร..
...เมืองโบราณ..และ..อื่นๆ...ผมก็ตามไปอ่านมา..มากที่สุดที่จะทำได้..............
............ใบเสมาที่นี่....มีขนาดเล็กครับ...คงเพราะโบสถ์..เล็กด้วย...และไม่ผิดภาค..เพราะ..รายละ
เอียดลวดลาย..ก็..สามารถบอกแหล่งได้....จุดเด่น..ที่บอกคือ..ลายดอกพุตตาน..ดอกเดี่ยว..ตรง
กลางยอด...ใบเสมา....ตั้งแต่แถบ..ราชบุรี..มา..ใบเสมาในยุคเดียวกันนี้...ก็จะดอกพุตตาน..อยู่ที่
ยอด...อย่างเช่นที่วัดหลุมดิน ราชบุรี...และที่สำคัญคือ วัดใหญ่สุวรรณาราม เพชรบุรี.....
........สำหรับวัดใหญ่สุวรรณาราม..นี่มีคนเข้าใจผิดกัน..นึกว่าสร้างสมัยอยุธยาตอนปลาย...
...ไม่ใช่นะครับ...ศาลาการเปรียญที่พม่าจามประตู..นั่นละครับที่...สร้างสมัยอยุธยาตอนปลาย
....ขนาด..คนที่เอาไปลงใน..วิกิพีเดี่ย..ยังเขียนผิดเลย....รูปภาพที่เขียนด้านใน..นะ..ใช่ครับ..
อยู่สมัยอยุธยาตอนปลาย....แต่วัดไม่ใช่..โบสถ์..ไม่ใช่...ผมตรวจดู..หลายเว็บ..ก็ลงถูกต้อง..
..หลายเว็บผิด............สิ่งที่บอกได้ชัดๆก็คือ.....
.................วัดในสมัยอยุธยา..ตอนปลาย..จะไม่สร้างใบเสมา..ด้วยหินทรายแดง..ครับ........
...รวมทั้งรูปร่างใบเสมา..จะแตกต่างกัน..เห็นได้ชัดเจน...............
......................โดยเฉพาะ..ใบเสมาที่วัดใหญ่ฯ...ลวดลายจะคล้ายกันมาก..แต่วัดโตนดลวงจะหยาบ
กว่า..และ..มีรายละเอียดไม่เท่า...คงทั้งจากฝีมือช่าง..ขนาดของใบ..ส่งผลให้เป็นดังนั้น...
...วัดใหญ่ฯ..เป็นใบเสมาคู่(วัดหลวง)...เป็นหน้าเป็นตา..ของเมืองเพชรมาแต่โบราณ...คู่มากับ..
วัดมหาธาตุ....มีเหตุการณ์สำคัญๆ..เกิดที่วัดนี้..หลายครั้ง......................
....................................ต่อตอนหน้าครับ...................................
ใบเสมาหินทรายแดง..สมัยอยุธยาตอนกลาง วัดราชประดิษฐาน อยุธยา
(ขอขอบคุณ ภาพจาก siamfishing.com)
ใบเสมาหินทรายแดง สมัยอยุธยาตอนกลาง วัดใหญ่สุวรรณาราม เพชรบุรี
(สัวเกต ลายดอกพุตตาน..ตรงปลายยอด)
(ขอขอบคุณ ภาพจาก ruenthai.com)
...ใบเสมาหินทรายแดงสมัยอยุธยาตอนกลาง จาก วัดใน ราชบุรี
(..สังเกต..มีลายดอกพุตตาน..บนยอดเช่นกัน)
(ขอขอบคุณ ภาพจาก nationalmuseums.finearts.go.th/ratchaburi) -
......
.....................................
...............................................................................................................
.........น่าเสียดาย...ที่ผมไม่ได้ถ่าภาพ..ในวันนั้น..อย่างที่บอกว่า..กล้องผมเสีย..และ..มือถือ
ก็คุณภาพไม่ดี..ถ่ายไม่ชัด......สำหรับ..ใบเสมาของ..วัดโตนดหลวง...ก็ให้ดูที่...วัดใหญ่ฯได้
..แต่ย่อขนาดซัก ๓ ใน ๔ และ..รายละเอียดปลีกย่อย..น้อยกว่า...เท่านั้นเอง....
.................ส่วนตัวโบสถ์..ผมช็อคมาก..เพราะมีการ..ปรับปรุงใหม่..อย่างที่ไม่น่าจะเป็น...
อย่างที่ชัดเจนคือ..ไปทำเสา..มารับชายคาด้านข้าง...ซึ่งโบสถ์ขนาดเล็ก...ไม่ควรทำ...น่าจะ
รักษารูปแบบเดิม..เลยทำให้ดู..รก..ไปหมด...แต่ที่..งงมาก..หรือ..สมัยก่อน..ผมตาฝาด...
.....เมื่อ..ประมาณ ๔๐ ปีก่อน..ที่ผมตั้งใจดูนั้น(..ไปครั้งที่ ๒ ผมดูผ่านๆ..แต่ก็คิดว่าน่าจะ..
เหมือนๆกับ..ครั้งแรก)...ผมจำได้เลย..ว่า..โบสถ์นี้..แปลก...ผมยังเล่าไปก่อนหน้านั้นเลย..
ว่า..มี..หน้าต่าง..แค่ข้างละ ๑ บาน...(โบสถ์มหาอุตม์..หลายแห่ง...ไม่มีหน้าต่าง..แม้แต่บาน
เดียว).......แต่คราวนี้...กลับมามี ๒ บาน....มันยังทำให้ผมข้องใจจนทุกวันนี้...ว่าความจำผม
ฝั่นเฟือนเรอะ.......ผมไม่ได้เข้าไปข้างใน..หรอกครับ...เพราะว่า...มีโบสถ์ใหม่..ทางวัดก็
ล็อคปิดตาย...................
............สำหรับโบสถ์ใหม่..หรุหรามาก..(แต่ไม่ได้เข้าไปดู..ข้างในเหมือนกัน..เพราะเร่งรีบ
จะกลับบ้านกัน)....สิ่งที่เห็นที่หน้าบัน...ทำให้แปลกใจ...เพราะเป็นไปตามกระแสเลย...
....เป็น..รูป..พระนเรศวร..กับ..พระเอกาทศรถ..นั่งตกปลา..อยู่บนเรือ......
...............เขาทำป้ายอธิบายไว้..เหมือนกัน..แต่ผมขี้เกียจอ่าน...เพราะไม่สนใจ..ของใหม่....
....................................................................................
........พอพี่ผมมา...เราก็ขึ้นบนศาลากัน...โอ้โห..คราวนี้..ภาพเปลี่ยนไปชัดเจน...ด้านตะวันออก
...ทำใหม่ทั้งหมด....เป็นที่..สำหรับทำพิธีสงฆ์...กว้างขวาง...เห็นรูปเรซิ่น..ขนาดเท่าคน..ของ..
หลวงพ่อศุข..กับ..หลวงพ่อเทียน(เจ้าอาวาสองค์ก่อน..หลวงพ่อศุข)...ตั้งอยู่ใกล้ๆกัน..ผมก็เข้าไป
กราบ...เมื่อเสร็จแล้ว..ผมก็เดินดู..ส่วนที่เหลือ...แล้วก็ถามคนบนวัดว่า..เจ้าอาวาสท่านอยู่ไหน....
........เขาก็ชี้ให้ดู...ผมเห็นท่านกำลังง่วนอะไรอยู่ไม่ทราบ....ผมเข้าไปหาท่าน...และก็บอกว่า...
..ผมมากับ..คณะผ้าป่า..นี่ละครับ..ท่านก็ยิ้มต้อนรับ..รูปร่างท่านทะมัดทะแมงดี..และดูไม่แก่..
....แล้วผมก็ท่านว่า..ท่านทันหลวงพ่อศุขรึเปล่าครับ....
................ท่าน(หลวงพ่อย้อน)..ก็บอกว่า..ฉันบวชได้พรรษาเดียว..คุณพ่อก็เสีย...แล้ว..ท่านก็
บอกต่อว่า...แต่ ฉันอยู่กับท่านตั้งแต่เป็น..เณร..........
........ผมก็บอกว่า...ผม..กับ..พ่อ..และ..พี่ชาย..เป็น..ศิษย์สายนี้..ทั้งหมดครับ...
...............พ่อสักยันต์ครู..ที่..หน้าอก..กับหลวงพ่อศุข....
...............พี่ชาย..หลวงพ่อศุข..ลงกระหม่อม..ให้.....
................ตัวผมเอง...หลวงพ่อจันทร์...ลงกระหม่อมให้.....
......................ท่านก็ยิ้ม...และ..บอกว่า..เออดี....แล้วก็เพิ่มว่า....พวกที่หลวงพ่อศุข..ลงกระหม่อมให้
..หลายๆคน...เผา..แล้ว..ยันต์ครูยังติดอยู่ที่..กระโหลกเลยนะ....ใกล้วัด..นี่ก็หลายคน....
........(...ก็..เผาแบบเก่า..แล้วก็เป็นเมรุชั่วคราว..ถ่านไม้..สไตล์เมืองเพชร..ดังนั้น...กระดูกจะเป็น
ชิ้นใหญ่ๆ...ประเภท..กระโหลก..นี่เหลือเกือบทั้งใบ...ถ้า..ยุคนี้..ก็คงไม่มีทางเห็นหรอกครับ)
.............แล้วสักพัก...หลวงพ่อย้อนกับ..พระองค์อื่น..ก็ไปเข้าประจำที่ทำพิธีกัน...พี่ชายผม..
ฐานะ..ประทานในพิธี...ก็แนะนำ..พ่อ..กับ..หลวงพ่อ...สักพัก..ก็ทำพิธี...พอเสร็จพิธี...พ่อก็คุยกับ
หลวงพ่อย้อน...เรื่องสมัยก่อนบ้าง..แล้วพ่อก็บอกท่านแบบที่ผม..บอก...ว่าพี่ชายผมหลวงพ่อศุข
ท่าลงกระหม่อมให้...ท่านก็บอกกับ..พ่อแบบที่บอกผม..แต่มีคนแก่ๆที่ประจำวัดอีกคน..ได้ยิน..เขา
ก็ช่วยยืนยันกัน..บอกชื่อ..มา ๒-๓ คนแต่..ผมจำไม่ได้แล้ว...สักพัก..ผมก็เลี่ยง..มาคุยกับ..ชาวบ้าน
..ที่ว่าเมื่อกี้...แกยังบอกว่า..คนที่ทัน..หลวงพ่อศุข..ตอนที่ท่านยังไม่แก่มาก..อย่างพ่อผม..นี่..แทบ
ไม่เหลือแล้ว..(ตาคนนี้..ก็น่า..จะแค่ ๗๐ กว่าๆ เท่านั้น)..แล้วแกก็เล่าว่า..หลวงพ่อศุขนี้ท่านสุดยอด
ยังไง..ผมก็นั่งฟังไป....พอก่อนจะกลับ...หลวงพ่อย้อนท่านก็..เอาเหรียญรุ่น..ที่..เป็น..รูปหลวงพ่อ
ศุข..คู่กับ...หลวงพ่อเทียน..มาให้...แล้วพวกเรา..ก็ลากลับ.............
.....ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ..แค่เล่าสู่กันฟังเล่นๆ...บรรยากาศวัด..ไม่ประทับใจ...มีตู้ขาย..พระอยู่
บนศาลาการเปรียญด้วย...ผมไม่ค่อยคุ้นครับ..ดูแล้ว..มันไม่ชลังเหมือน..สมัยตอนโน้น..สมัยที่
หลวงพ่อแผ่วยังอยู่....ผมพอรู้ๆมาน่าจะจริง(เพราะผมเจอตัวท่านมา)..เหตุผลตอนนั้น..ที่ท่าน
ไม่ค่อยดัง..ในตลาดกลาง...เพราะท่านไม่ยอม...ให้คนอื่น..พวกผู้หวังดี..มายุ่งย่าม..พวกหนังสือ
จะมาทำประวัติท่าน..ท่านยังไม่เออออด้วย...(ที่พูดถึงนี่..เมื่อประมาณ ๓๐ ปีก่อนนะครับ..หลัง
จากนั้น..ผมไม่ทราบ).........
...........ส่วนศิษย์ท่านอื่นๆ..ผมก็ไม่ค่อยทราบครับ...รู้แค่เป็นเลาๆ...ก็เลยไม่เล่าดีกว่า.......
.......ครับ..ก็แค่นี้...ไม่มีอะไร.........ตอนหน้าผมยังมีค้างอีก ๑ เรื่องเท่านั้น...คือ..เรื่องแหวน
...หัวนะ..ของหลวงพ่อศุข............
..............................................ต่อตอนหน้าครับ........................................
...ในรูป..จะเห็น..เสารับชายคา..ด้านข้าง..สมัยก่อนไม่มีครับ..คาดว่าเพราะ...ซ่อมใหญ่ใหม่หมด..หลังคายันพื้นเลย.....ส่วน..เสารับ..พาไล(ชายคาด้านหน้า)นั้น..ก็คาดว่า..เพราะซ่อมคงรื้อเสาเดิม..และ..ทำใหม่ไปด้วย...สมัยก่อนโบสถ์ไม่ได้ทาสี..นี่ก็ของใหม่...(เลยเอาสีไปทาเสมาซะเลย)
(...ขอขอบคุณ..ภาพจาก G-pra.vom) -
........
.......................
.............................................................................................................................
............เรื่องแหวนนี่..มีสมาชิกเคยถามผม..มาแล้ว...ผมก็อธิบายเคร่าๆไป...มาเปิดเว็บดูตอนนี้..
ตกใจ...โอ้โห...ออกกันมาเพียบเลย....ยิ่งแหวนเงินแล้ว...มีแต่ราคาโทรถาม..ทั้งนั้น..สงสัยราคา
คง..น้องๆ..แหวนหลวงพ่อเดิม..แล้วมั้ง.....
...............ผมดูแล้ว....มีอยู่ไม่กี่แห่ง...ที่บอกตามจริง...แต่เกือบทั้งหมด...เหมาให้..หลวงพ่อศุข
ทั้งนั้น......จากที่ผมทราบ...ท่านทำครั้งเดียว..ครับ...ทำพร้อมกับ...เหรียญปี ๙๘ เพราะ..บ้านผม
ได้รับมา..พร้อมกัน....ก่อนหน้านั้น..ก็คงไม่มี..เพราะถ้ามีทำ..หลวงพ่อศุข..ก็คงให้พ่อผมแน่...
....แล้วตอนที่พ่อผมไปรับเหรียญรุ่นสุดท้ายท่าน..เหรียญปี๒๕๐๐ ก็ไม่มีแหวน..มาด้วย...
..................ผมจะบอก..สิ่งที่ต้องจำ..อันดับ ๑ คือ......
.........แหวนท่าน..หัว..กับ..ตัวเรือน..คนละชิ้นกัน...ต้องมาเชื่อมกัน..........
.....................อันดับ ๒ คือ.................
......หัวแหวน..จะโค้งมน..ไม่แบน..และไม่โค้งน้อยๆ...ถ้าใครรู้จัก..กระทะทองเหลืองที่เขาหยอด
ฝอยทอง..ก็คล้ายๆแบบนั้นละครับ..กลับเอาท้องกระทะขึ้น..................
....................อันดับ ๓ คือ..............
.......ตัวอักขระ..ที่อยู่บนหัว...จะเล็กมาก..และ..ลึก..จมลงไปในเนื้อ..ขนาดความกว้าง..น่าจะประมาณ
เส้นผม..เท่านั้น.......เส้นคมชัด..ไม่บิดเบี้ยว..เส้นวงกลม..ที่ล้อมรอบตัว..นะ..๒ ชั้น ก็กลมดิก..และ..
ขนานกันดี....ส่วนที่..ตัวแหวน(ข้างนึง..พุ..อีกข้างนึง..(ท)โธ..นั้น..เส้นจะหนากว่า..ตัวหัวแหวน
หน่อยนึง..แต่ลึก(ย้ำว่า..ลึก)..ชัด..และ..คม........
...............อันดับ ๔ คือ.....
....ใต้ท้องแหวนจะเรียบ..ไม่มีอักขระใดๆ..ไม่มีตัวตอก..เพิ่มเติม..อะไรทั้งสิ้น.....
...............อันดับ ๕ คือ...
..ผมไม่แน่ใจว่า..มีแบบ..ตัวเรือน..เป็นทองแดง...และ..หัวเป็นทองแดง...หรือไม่...เพราะแต่ก่อน
ผมไม่เคยเห็นครับ..เคยเห็นที่มีวางในสนาม..ก็มีแต่..เรือนทองแดง..หัวเงิน...ส่วนหัวเงิน..เรือนเงิน
..นี่ทำน้อยครับ.....ส่วนหัวทอง...ตัวทอง...อันนี้...ผมยิ่งไม่ทราบใหญ่.......
.............เรื่อง..ของเรื่อง...ผมก็ไม่ติดตามเรื่อง..แหวนนี่เท่าไหร่...เอาแค่เท่าที่ผมทราบ.ก็แล้วกัน
.......ในบรรดา..ลูกศิษย์หลวงพ่อศุข..นี้...ที่น่าจะทำ..แหวนหัวนะ..ก่อนใคร..น่าจะเป็น....
...หลวงพ่อจันทร์...ท่านมาทำเอาเมื่อ..หลวงพ่อศุข...น่าจะเสียแล้ว...ก็ตือคติ..ไม่วัดรอยเท้า
อาจารย์ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่.....ท่านอาจเริ่ม..ออกตั้งแต่ปี ๒๕๐๐ ลงมา...ท่านทำหลายรุ่นครับ..
เท่าที่..ผมเห็น...แล้วรุ่นแรกๆ..ของท่านก็คล้ายอาจารย์มาก..แม้แต่รูปทรง...เพียงแต่ลายเส้น..
จะใหญ่กว่า...อย่างหัวเงิน..เรือนทองแดง...เส้นล้อมตัวนะ..ท่านจะลงยา..สีน้ำเงินไว้..คงกลัว
จะสับสน..กับอาจารย์...แล้วใต้ท้องแหวน...ก็จะมีตัวตอก..เป็นตัว..นะ..ล้อมด้วยกรอบ สี่เหลี่ยม
ไขว้กัน...(ดู..ในยันต์ครู...ตัว..นะ..ที่อยู่ด้านล่างนั่นแหละครับ)....รุ่นนี้..มีคนโมเมมา..ออกเป็น
ของหลวงพ่อศุข..เยอะมาก....(แต่ยังไง..หัว..กับเรือน..ก็ยังแยกกัน..ต่อด้วยการเชื่อม)
........................รุ่นหลังท่าน..รูปร่างเปลี่ยนไป....หัวแหวนจะแบน...ไม่โค้งมน..อันนี้..หัวเป็น
ทองแดง..ก็มี...(..หลวงพ่อจันทร์ให้ผมมา)...เส้นจะหนา..กว่ารุ่นแรก..และ..ฝีมือ..หยาบกว่า...
...................ส่วนอีกท่าน.....คือ....หลวงพ่อแผ่ว...ของท่านมีหัวทองแดง..ตั้งแต่แรก...แต่ของท่าน
ตัวตอกใต้ท้องแหวน..รุ่นแรกๆ...จะเป็น..นะปัดตลอด..คือ..ตัวนะ..ที่เขียนแล้วต่อเส้นไปล้อม
รอบตัว..เป็นวงกลม ๒ รอบ........รุ่นแรกๆ..ก็คล้ายๆ..หลวงพ่อศุขเหมือนกัน..แต่เส้นหนากว่า
....ส่วนรุ่นหลังๆ...หัวกับเรือน...ไม่แยกกันแล้ว...เป็นชิ้นเดียวกัน..ฝีมือหยาบขึ้น....แล้ว..ตอก
แค่..ตัว..นะ..เฉยๆ..ใต้ท้องแหวน......สำหรับรุ่นแรกๆ..ของหลวงพ่อแผ่ว..ก็มีคนมาโมเม..เป็น
ของ..หลวงพ่อศุขเช่นกัน.....
..................ส่วนของหลวงพ่อท่านอื่น..นี่...ผมไม่ทราบครับ.....แต่ถ้าอาศัย..หลักการ..จากตอนที่แล้ว
มา..ดูไม่น่ายากครับ..เว้นแต่อย่างเดียวคือ...พวกที่ทำปลอม..ขึ้นมาใหม่เลย..อันนี้ต้องระวัง..
เพราะ..ราคาแหวน..ไปไกลมาก..ยิ่ง..หัวเงิน..เรือนเงิน..เป็นหมื่นแล้วมั้ง...ของปลอมคุณภาพ..ก็
จะใกล้เคียงขึ้น.......
..........ผมคงไม่แนะนำ..เว็บที่..น่าเชื่อถือ..หรอกครับ..เดี๋ยวเค้าจะมา..ลบ..ของผมอีก....
..............ขอให้อาศัย..หลักการ..และ..ข้อสังเกตที่ผมบอก...เวลาเข้าไปsearch...น่าจะแยกแยะ
ออกได้................
..............ก็ไม่มีอะไรอีกแล้ว..สำหรับ....เรื่องหลวงพ่อศุข..หลวงพ่อจันทร์...ผมมาเก็บตก..บาง
อย่างให้แค่นี้..คงพอแล้วนะครับ...หวังว่า..ผู้อ่านคงจะได้อะไรไปบ้าง....สวัสดี..ลาก่อนครับ....
........................................................................... -
คุณอา modpong
ติดตามอ่านกระทู้คุณอา ถึงแม้จะไม่ครบ แต่สิ่งต่างๆที่คุณอาบอกเล่า ได้ถ่ายทอดมาให้
จากเรื่องราวที่คุณอาบอกกล่าว เล่าประสบการณ์ให้กับคนรุ่นหลังๆ (อาจจะหลังไม่มาก) นั้นคงจะหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วน่ะครับ
แต่ว่าเก็บตกในทีวี ออกทุกวันนะครับคุณอา :'( -
สวัสดีครับ พี่มด
ก็ได้ความรู้ ทั้งเรื่องเก่า และเรื่องใหม่ สุดยอดครับ....
ปล. เรื่องแหวนหัวนะ ที่ตลอดพระเครื่องก็เล่นหากันสับสน.... ชอบบอกเป็นของหลวงพ่อศุข ทั้งๆ ที่ดูยังไงก็ไม่ใช่ ... ขอบคุณความรู้ดีๆ จากพี่มด นะครับ.... -
ได้รูปหล่อของหลวงพ่อมา จึงเริ่มศึกษาประวัติท่านครับ
ไม่ทราบรุ่นไหนครับ
ดีไหมครับไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ศึกษาได้ความรู้มาก ขอบคุณครับ
-
...จำไว้เลยว่า..อย่างที่ผมพูดไปเป็นสิบครั้งแล้วมั้๊ง......
...ว่า...สมัยท่านยังอยู่..ไม่มีการทำรูปหล่อครับ...
...พอดี..ผมก็ไม่ได้..สนใจ...พระ..หรือ..เหรียญที่เป็นรูปท่าน..
...หลังท่านเสียแล้ว...ก็เลยไม่ทราบ...แต่
...พุทธคุณ..คงดีครับ..เพราะ..ลูกศิษย์ท่านก็เยี่ยมยุทธ
...กันทั้งนั้น.... -
ขอบพระคุณสำหรับข้อมูลดีดี คุณลุงมดพงศ์ ครับ ยังคอยตามอ่านอยู่เสมอครับ คิดถึงย้อนเมื่อซัก 2 ปีที่แล้วที่ผมได้ย้อยอ่านหลังจากได้ตามอ่านเรื่องหลวงพ่อศุข จากในกระทู้คุณลุงนี้แหล่ะ จนผมต้องให้คนสนิทผมขับรถจากค่ายนเศวร ไปย้อยรอยไหว้พระในวันปีใหม่ที่วัดโตนดหลวง วัดมฤคฯ มาจนถึงวัดห้วยทรายใต้ สวดมนต์ข้ามปีกับหลวงพ่อห่วย ก็มีแต่สิ่งดีดี เข้ามาครับ ที่วัดยังมีหุ่นขี้ผึ้งหลวงพ่อศุขด้วยนะครับ ใครผ่านไปเที่ยวหัวหินไปแวะ กราบไหว้ได้ครับ...
-
ผมสะสมหลวงพ่ิอยิด ซึ่งเป็นศิษย์ท่านองค์หนึ่ง ....
-
กระผมมีผ้ายันต์หลวงพ่อสงวน จารมือ เหรียญหลวงพ่อ ทองสุขปี98 และเหรียญแม่ทัพของหลวงพ่อแดงครับ***
หน้า 13 ของ 18