หลวงพ่อเทพ วัดเทพนิมิตร อภิญญา หรือเล่นกล?

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย MOUNTAIN, 11 ธันวาคม 2007.

  1. บุษบากาญจ์

    บุษบากาญจ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    9,476
    ค่าพลัง:
    +20,271
    อัศจรรย์จริง ๆ ค่ะ
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
  2. nattachai

    nattachai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2005
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +462
    ผมก็เคยได้ยินหลวงพ่อบอกกับทุกคนว่าท่านเล่นกล วันนั้นท่านรับนิมนต์มาฉันภัตตาหารที่โรงเรียน เด็กๆมากมายรุมล้อมท่านเพื่อดูท่านเสกตะกรุดดอกเล็กๆเป็นพลอยสีสันต่างๆ เป็นที่ตื่นตาตื่นใจ เด็กๆพยายามจับผิดท่านแต่ก็ไม่มีใครจับได้สักคนเดียว บางทีดูเหมือนว่าท่านจะเรียกพลอยออกมาจากในย่ามมากกว่า การดูครั้งนั้นสำหรับเด็กๆอย่างผม(ในขณะนั้น)ไม่ต่างจากการได้ดูมายากลที่ใกล้ชิดมากๆ เด็กทุกคนออกมาอย่างมีความสุข

    แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป ผมได้เจอท่านอีกหลายครั้งในงานทำบุญ ครั้งหนึ่งท่านได้บอกแก่เหล่าผู้ที่เห็นในครั้งนั้น ใจความว่า สิ่งที่ท่านแสดงเป็นเพียงของปลอม มีแต่ธรรมะของพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่เป็นของจริง ที่ท่านแสดงให้เห็น เพื่อให้คนที่สนใจได้เห็นว่าพลังของจิตสามารถทำสิ่งมหัศจรรย์ได้จริงๆ (ต้องขออภัยที่ผมไม่สามารถเก็บรายละเอียดคำพูดของท่านได้เหมือนที่ท่านพูด จำได้เพียงใจความ)

    หนึ่งในหลายๆครั้ง ในช่วงเรียนมัธยม ผมเคยเช่าพระองค์เล็กๆจากวัดราชนัดดาฯ ไปขอให้ท่านอธิษฐานจิตให้ ท่านถามว่าอธิษฐานจิตไปเพื่ออะไร ขณะนั้นผมไม่รู้จะตอบท่านว่าอย่างไร ให้ครูบาอาจารย์อธิษฐานตั้งหลายองค์ท่านก็ไม่เห็นถามอะไร ตอบท่านไปแต่ว่าเป็นมงคลครับ ท่านหัวเราะแล้วก็วางซองพระลงในฝ่ามือท่าน ท่านยกมืออีกข้างขึ้นด้านบน และชี้นิ้งลงบนซองพลาสติกที่ใส่พระนั้น แล้วท่านก็ยื่นให้แล้วหยิบซองพระออกวางบนฝ่ามือเดิม แต่ตำแหน่งกลางฝ่ามือท่าน มีหยกแกะรูปรัชกาลที่ห้าอยู่ แล้วท่านก็มอบให้ ตื่นเต้นและแปลกใจอีกครั้ง

    หลายครั้งต่อมา ผมได้เจอท่านอีกแต่ก็ไม่เคยได้รับพลอยจากท่าน จนกระทั่งท่านมรณภาพ และภายหลังการฌาปณกิจไม่ทาน ก็ได้ทราบว่าอัฐิท่านมีการแปรเป็นพระธาตุ

    [​IMG] [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif][​IMG][/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ธันวาคม 2007
  3. pran_88

    pran_88 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +274
    สรุปคนที่ไปหาหลวงพ่อต้องการอะไรครับ ต้องการเพชรพลอย หรือต้องการธรรมะจากหลวงพ่อ
     
  4. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,087
    กระทู้แนะนำสืบเนื่องกัน

    ร่องรอยอภิญญาใหญ่ โรดแมปสู่อภิญญาสาธารณะ

    http://palungjit.org/showthread.php?t=100360
     
  5. surasitth

    surasitth เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2007
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +236
    ขอกราบนมัสการพ่อแม่ครูบาอาจารย์ หลวงพ่อเทพที่เคารพ
    ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนนะครับว่าผมมีความรู้แค่น้อยนิด และไม่ต้องการจะโต้เถียงกับใคร แต่พอดีเห็นในหน้านี้กล่าวถึงครูบาอาจารย์ที่ผมเคารพนับถือท่านอีกองค์นึง ก็อดที่จะเข้ามาแสดงความเห็นบ้างไม่ได้ ถึงวันนี้หลวงพ่อเทพท่านจะละสังขารไปแล้ว แต่ความเมตตาที่ท่านมีให้แก่ลูกศิษย์ ผมยังระลึกถึงอยู่เสมอ
    1.ในเรื่องพลอยเสก หรือใช้มือจุ่มน้ำมันเดือดเพื่อทำน้ำมันรักษาโรค หรือทำให้แหวนทองคำเปลี่ยนสี ผมได้เห็นมากับตาว่าหลวงพ่อเทพท่านทำได้จริง แต่ท่านจะเลี่ยงว่าเป็นการแสดงกล ไม่อยากบอกว่าเป็นอภิญญา การทำดังนี้ท่านทำเพื่อดึงคนให้มีศรัทธาเข้ามาในพุทธศาสนา แล้วจึงจะสอนธรรมะเสริมให้ภายหลัง
    2.ถ้าจำไม่ผิดผมเคยได้ยินหลวงพ่อเทพท่านสอนว่า ถ้าคนยังท้องไม่อิ่ม กำลังหิวข้าวอยู่ เราไปสอนธรรมะให้เขา หรือเอาอาหารให้เขากิน เขาจะเลือกทำสิ่งไหนก่อน
    3.บางท่านอาจจะบอกว่าการดึงคนให้ศรัทธายังมีวิธีอื่นอีกเยอะแยะ ก็เป็นแล้วแต่จริตของแต่ละครูบาอาจารย์
    4.ผมเคยไปพักค้างคืนที่วัดท่าน แบบลุยไปคนเดียว ที่วัดท่านสมัยก่อนจะมีการรักษาผู้ติดเหล้า ติดยาเสพติด ความเมตตาที่ท่านมีต่อลูกศิษย์และประชาชนทั่วไปมีมากเหลือเกิน
    กราบนมัสการหลวงพ่อเทพมาด้วยความเคารพอย่างสูง
     
  6. Starsophere

    Starsophere เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    168
    ค่าพลัง:
    +437
    นอกจากนี้ท่านยังเป็นลูกศิษย์ หลวงปู่สิม พุทธาจาโร ด้วยครับ เพราะหลวงปู่สิม เคยออกเหรียญเป็นชื่อวัดนี้ช่วยสร้างโบสถ์ครับ
     
  7. rux

    rux เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    308
    ค่าพลัง:
    +990
    แหม!! มาเจอกระทู้นี้พอดีเลย ชั่งบังเอิญจริงๆ

    "คนที่เขาทำได้เขาไม่พูด แต่คนที่พูดนั้นแสดงว่าเขาทำไม่ได้"
     
  8. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    การแสดงอภิญญานั้นเป็นไปเพื่อการสร้างกำลังใจ สร้างศรัทธาของผู้ไม่มีศรัทธาให้เกิดขึ้น ทำให้ศรัทธาที่มีอยู่แล้วเพิ่มมากขึ้น

    อภิญญานั้นหากหมดสิ้นไป พระพุทธศาสนาก็อาจสิ้นไปด้วยแล้วเช่นกัน เพราะคนที่คิดว่าตนเองฉลาด ตัดยอดพระศาสนาให้กลายเป็นแค่ปรัชญา ทำลายศาสนาโดยไม่รู้ตัว

    การปรามาสครูบาอาจารย์ที่ภูมิธรรมท่านสูง ท่านมีเมตตามาก มุ่งสงเคราะห์คนในทุกเหล่าดอกบัว อันปัญญาไม่เสมอกัน อย่างน้อยคนที่ท่านสงเคราะห์ก็จะได้มีศรัทธามั่นคงในหลวงพ่อท่าน ซึ่งเป็นสังฆานุสติกรรมฐานสำหรับเขา เขาได้โดยไม่รู้ตัว ส่วนท่านที่ปัญญามากจนเกินไปกลับน่าเป็น ห่วงมากกว่า เนื่องจากเก่งเกินครูบาอาจารย์ เก่งเกินพระพุทธเจ้า

    การทำให้คนได้เข้าถึงความดีแม้เพียงเล็กน้อย ในทุกระดับของความดีนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งครับ เพราะนั่นอาจเป็นความดีเพียงสิ่งเดียวที่เขามีอยู่ก็ได้
     
  9. surapong chot

    surapong chot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +1,212

    ขอโทษครับ อยากว่า วัดเสนานฤมิตร อยู่บ้านอะไร ตำบลอะไรครับ เพราะ อ.คำตากล้า ก็มีหลายตำบลนะครับ เผื่อผมมีโอกาสจะได้แวะไปครับ ขอบคุญครับ.....ธรรมรักษา(อุดร).....
     
  10. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625

    ค้นหามาให้ครับ

    วัดเสนานฤมิตร ตั้งอยู่บริเวณ บ้านพอกใหญ่ หมู่ที่3 ตำบลนาแต้ อำเภอคำตากล้า จังหวัดสกลนคร

    อนุโมทนาสาธุ _/\_
     
  11. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ตรงเผ็งเลยครับพี่..
    แหม..ถูกใจจริงๆ..

    (good)
     
  12. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,163
    ค่าพลัง:
    +3,739
    คุณดอกบัว
    อย่าไปว่าอย่างนั้น แล้วแต่ซิครับ แต่ละคนชอบไม่เหมือนกัน
    ฤทธิ์และอภิญญามีประโยชน์นะถ้ารู้จักใช้และไม่หลง
     
  13. อักขรสัญจร

    อักขรสัญจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,513
    ค่าพลัง:
    +27,183
    หลวงปู่พระสารีบุตร อัครสาวกเบื้องขวา เป็นเลิศด้านปัญญา
    หลวงปู่พระโมคคัลลานะ อัครสาวกเบื้องซ้าย เป็นเลิศด้านฤทธิ์
    หลวงปู่พระมหากัสสปะ พระสาวกอันดับสาม เป็นเลิศด้านธุดงควัตร
    หลวงปู่พระอนุรุทธะ พระสาวกอันดับสี่ เป็นเลิศด้านทิพพจักขุญาณ
    หลวงปู่พระอานนท์ พระสาวกอันดับห้า เป็นเลิศด้านสติ คติ วิริยะ พหูสูต อุปปัฎฐาก ทั้ง๕ประการ
    พิจารณาดีๆก่อนจะเผลอแสวงนรก
     
  14. หลับตา

    หลับตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    716
    ค่าพลัง:
    +3,151
    จขกท.เล่าเรื่องอภิญญาเสร็จ ช่วยนำคำสอนธรรมมะของหลวงพ่อมาสอนต่อด้วยก็จะดีมาก กระทู้จะได้สมบูรณ์


    อันนี้เป็นความจริง แต่กระผมอยากขยายความเผื่อให้มีความเข้าใจมากขึ้น ว่าทุกเรื่องเล่ามีบทสรุปที่ธรรมมะทั้งสิ้น ไม่มีบทไหนที่พูดแต่เรื่องปาฏิหารย์ลอยๆให้คนศรัทธา แต่เป็นการเล่าไปตามข้อเท็จจริงของเรื่องราว เมื่อก่อนผมก็สนใจอ่านแต่เฉพาะเรื่องลึกลับแปลกๆในพระไตรปิฏก แต่พออ่านไปมากๆจนจบสูตรนั้นๆ ก็จะรู้ว่าทุกสูตรต่างมีตรัสไปเพื่อธรรมมะเป็นเหตุ จะขอยกตัวอย่างจูฬนีสูตร ที่ช่วงกลางมีเรื่องเล่าของโลกและจักรวาล

    <CENTER>พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒
    อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต
    </CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" align=center background="" border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TR><TD width="100%" bgColor=darkblue hspace="0" vspace="0">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    <CENTER>จูฬนีสูตร</CENTER> [๕๒๐] ครั้งนั้นแล ท่านพระอานนท์ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับรับฟังมาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคว่า ดูกรอานนท์ สาวกของพระสิขีสัมมา-*สัมพุทธเจ้าซึ่งมีนามว่า อภิภู ยืนอยู่ในพรหมโลก ให้พันแห่งโลกธาตุรู้แจ้งได้ด้วยเสียง พระเจ้าข้า ส่วนพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเล่า ทรงสามารถที่จะทำโลกธาตุเท่าไรให้รู้แจ้งได้ด้วยพระสุรเสียง พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรอานนท์ นั้นสาวก ส่วนพระตถาคตนับไม่ถ้วน ฯ ท่านพระอานนท์ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเป็นครั้งที่ ๒ ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับรับฟังมาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคว่าดูกรอานนท์ สาวกของพระสิขีสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งมีนามว่า อภิภู ยืนอยู่ในพรหมโลก ทำให้พ้นแห่งโลกธาตุรู้แจ้งได้ด้วยเสียง พระเจ้าข้า ส่วนพระผู้มี-*พระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเล่า ทรงสามารถที่จะทำโลกธาตุเท่าไรให้รู้แจ้งได้ด้วยพระสุรเสียง ฯ พ. ดูกรอานนท์ นั้นเป็นสาวก ส่วนพระตถาคตนับไม่ถ้วน ท่านพระอานนท์ ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคแม้เป็นครั้งที่ ๓ ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับรับฟังมาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคว่าดูกรอานนท์ สาวกของพระสิขีสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งมีนามว่า อภิภู ยืนอยู่ในพรหมโลก ทำให้พันแห่งโลกธาตุรู้แจ้งได้ด้วยเสียง พระเจ้าข้า ส่วนพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเล่า ทรงสามารถที่จะทำโลกธาตุเท่าไรให้รู้แจ้งได้ด้วยพระสุรเสียง ฯ พ. ดูกรอานนท์ นั้นเป็นสาวก ส่วนพระตถาคตนับไม่ถ้วน ท่านพระอานนท์ ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคแม้เป็นครั้งที่ ๓ ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับรับฟังมาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคว่า ดูกรอานนท์ สาวกของพระสิขีสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งมีนามว่า อภิภู ยืนอยู่ในพรหมโลกทำให้พันโลกธาตุรู้แจ้งได้ด้วยเสียง พระเจ้าข้า ส่วนพระผู้มีพระภาคอรหันต-*สัมมาสัมพุทธเจ้าเล่า ทรงสามารถที่จะทำโลกธาตุเท่าไรให้รู้แจ้งได้ด้วยพระ-*สุรเสียง ฯ พ. ดูกรอานนท์ เธอได้ฟังเรื่องพันโลกธาตุ เพียงเล็กน้อย ฯ อา. ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าแต่พระสุคต บัดนี้เป็นกาลเวลาแห่งเทศนาที่พระองค์จะพึงตรัส ภิกษุทั้งหลายได้สดับธรรมเทศนาของพระผู้มีพระภาคแล้ว จักทรงจำไว้ ฯ พ. ดูกรอานนท์ ถ้าอย่างนั้น เธอจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าวท่านพระอานนท์ทูลรับสนองพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรอานนท์ จักรวาลหนึ่งมีกำหนดเท่ากับโอกาสที่พระจันทร์พระอาทิตย์โคจร ทั่วทิศสว่างไสวรุ่งโรจน์ โลกมีอยู่พันจักรวาลก่อน ในโลกพันจักรวาลนั้น มีพระจันทร์พันดวง มีอาทิตย์พันดวง มีขุนเขาสิเนรุพันหนึ่ง มีชมพูทวีปพันหนึ่ง มีอปรโคยานทวีปพันหนึ่ง มีอุตตรกุรุทวีปพันหนึ่ง มีปุพพวิเทหทวีปพันหนึ่ง มีมหาสมุทรสี่พัน มีท้าวมหาราชสี่พัน มีเทวโลกชั้นจาตุมหาราชิกาพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นดาวดึงส์พันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นยามาพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นดุสิตพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นนิมมานรดีพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นปรนิมมิตวสวัสตีพันหนึ่ง มีพรหมโลกพันหนึ่ง ดูกรอานนท์ นี้เรียกว่าโลกธาตุอย่างเล็กมีพันจักรวาล โลกคูณโดยส่วนพันแห่งโลกธาตุอย่างเล็ก ซึ่งมีพันจักรวาลนั้น นี้เรียกว่าโลกธาตุอย่างกลางมีล้านจักรวาล โลกคูณโดยส่วนพันแห่งโลกธาตุ อย่างกลางมีล้านจักรวาลนั้น นี้เรียกว่าโลกธาตุอย่างใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาล ดูกรอานนท์ตถาคตมุ่งหมายอยู่ พึงทำโลกธาตุอย่างใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาลให้รู้แจ้งได้ด้วยเสียง หรือทำให้รู้แจ้งได้เท่าที่มุ่งหมาย ฯ อา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็พระผู้มีพระภาคพึงทำโลกธาตุอย่างใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาล ให้รู้แจ้งด้วยพระสุรเสียง หรือทำให้รู้แจ้งได้เท่าที่พระองค์ทรงมุ่งหมายอย่างไร ฯ พ. ดูกรอานนท์ พระตถาคตในโลกนี้ พึงแผ่รัศมีไปทั่วโลกธาตุอย่างใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาล เมื่อใด หมู่สัตว์พึงจำแสงสว่างนั้นได้ เมื่อนั้นพระตถาคตพึงเปล่งพระสุรเสียงให้สัตว์เหล่านั้นได้ยิน พระตถาคตพึงทำให้โลกธาตุอย่างใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาลให้รู้แจ้งได้ด้วยพระสุรเสียง หรือพึงทำให้รู้แจ้งได้เท่าที่พระองค์ทรงมุ่งหมาย ด้วยอาการเช่นนี้แล ฯ เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสดังนี้แล้ว ท่านพระอานนท์ ได้กราบทูลว่า เป็นลาภของข้าพระองค์หนอ ข้าพระองค์ได้ดีแล้วหนอที่ข้าพระองค์มีพระศาสดาผู้มีฤทธิ์มีอานุภาพมากอย่างนี้ เมื่อท่านพระอานนท์กราบทูลอย่างนี้แล้ว ท่านพระอุทายีได้กล่าวกะท่านพระอานนท์ว่า ดูกรอานนท์ ในข้อนี้ท่านจะได้ประโยชน์อะไร ถ้าศาสดาของท่านมีฤทธิ์ มีอานุภาพมากอย่างนี้ เมื่อท่านพระอุทายีกล่าวอย่างนี้ พระผู้มี-*พระภาคได้ตรัสกะท่านพระอุทายีว่า ดูกรอุทายี เธออย่าได้กล่าวอย่างนี้ ถ้าอานนท์ยังไม่หมดราคะเช่นนี้ พึงทำกาละไป เธอพึงเป็นเจ้าแห่งเทวดาในหมู่เทวดา ๗ ครั้งพึงเป็นเจ้าจักรพรรดิในชมพูทวีปนี้แหละ ๗ ครั้ง เพราะจิตที่เลื่อมใสนั้น ดูกรอุทายีก็แต่ว่าอานนท์จักปรินิพพานในอัตภาพนี้เอง ฯ<CENTER>จบอานันทวรรคที่ ๓</CENTER><CENTER class=l>-----------------------------------------------------</CENTER><CENTER>รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ</CENTER> ๑. ฉันนสูตร ๒. อาชีวกสูตร ๓. สักกสูตร ๔. นิคัณฐสูตร๕. สมาทปกสูตร ๖. นวสูตร ๗. ภวสูตร ๘. สีลัพพตสูตร ๙. คันธสูตร๑๐. จูฬนีสูตร ฯ<CENTER class=l>-----------------------------------------------------</CENTER>
    เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ บรรทัดที่ ๕๙๘๕ - ๖๐๕๖. หน้าที่ ๒๕๖ - ๒๕๘.http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=20&A=5985&Z=6056&pagebreak=0 ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=20&i=520
    </PRE>
     
  15. หลับตา

    หลับตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    716
    ค่าพลัง:
    +3,151
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มกราคม 2008
  16. บัวรองพุทธบาท

    บัวรองพุทธบาท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +745
    ผมได้ขอคิดข้อหนึ่งจากกระทู้นี้ คือตอนที่หลวงพ่อท่านได้ทำให้ทองสีทองกลายเป็นสีขาวพอส่งกลับให้เจ้าของเจ้าของตกใจขอให้หลวงพ่อทำกลับมาเป็นสีทองใหม่ ทำให้คิดได้ว่า สิ่งทั้งหลายหาความเที่ยงแท้ไม่ได้จริงๆ เลยนะครับ ดังที่พระตถาคตทรงตรัสไว้ดีแล้วนั้น ความยึดติดว่าสิ่งนั้นงาม สิ่งนั้นไม่งาม คงเป็นสิ่งที่สมมุติขึ้นแน่แท้ ความงามแท้คืออะไร คือความงามแห่งหลักสัจจธรรม หลวงพ่อท่านให้คติธรรมแล้ว แต่ผู้ใดจะมองเห็นธรรมนั้น สุดแท้แต่วาสนา

    อนุโมทนา กับเรื่องต่างๆ ที่ได้เล่ามาให้ฟังกันแล้วนะครับ
     
  17. ฤาษีสมาบัติแปด

    ฤาษีสมาบัติแปด สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +4
    พุทธศาสนาไม่ได้ปฎิเสธเรื่อง อิทธิปาฎิหารย์ หรือการแสดงฤทธิ์ เพราะทรงเป็นสัพพัญญู ผู้รู้แจ้งโลก ศาสนาพุทธมีคำสอนตั้งแต่ขั้นต้น กลาง สูง เป็นลำดับผู้ที่มีพื้นบารมีอ่อน ก็ยังติดในเรื่อง เทวดา ผี วิณญาณ สูงขึ้นมา ก็วนเวียนในการแสวงหาความรู้ทางปฎิบัติ เวทมนต์คาถา ขั้นสูงก็คือการละวางกิเลส คนบางคนอาจจะรู้สึกว่างมงาย ไร้สาระ แต่ถ้าเชื่อในคัมภีร์ไตรปิฎก ก็จะเห็นใจว่าท่านเหล่านั้นยังบำเพ็ญบารมีไม่เต็ม แต่จะพลอยอนุโมทนาว่าอย่างน้อยท่านผู้นั้นก็เริ่มมาในแนวทางการปฎิบัติอยู่บ้าง ถือว่ายังมีบุญเก่า ซึ่งอาจจะเติมเต็มได้ในอนาคตกาล หรือไม่ก็ไปบำเพ็ญต่อในชาติต่อไป ...แต่ก็หวังว่าท่านผู้นั้นไม่ใช่ผู้เป็นผู้ทรงคัมภีร์เปล่าที่เข้าใจจากการอ่าน แต่ไม่เข้าใจด้วยการปฎิบัติ เพราะสุดท้ายที่จะเชื่อในความเห็นตน ที่อ่านเข้าใจ สุดท้ายก้อกระทำตนแบบท่านพระเกษม เพชรบูรณ์ ที่เหยียบย่ำพระพุทธรูป และล่วงเกินพระวินัยเสขิยวัตรทำท่าเตะ จนเกิดเป็นสิ่งที่โลกติเตียน ท่านไม่ผิดมากนักทางวินัย แต่ก็ไม่ควรมากในสายตาชาวพุทธส่วนมาก ....นี่คือข้อเสียที่ได้จากการอ่านอย่างด้วย ..เป็นสัญญาหามิใช่ปํญญาที่แท้จริงไม่ หรือท่านดังกล่าว ว่าความคิดนี้ไม่ควรก็กรุณาชี้ให้กระจ่าง เพราะถ้าผมใช้ความคิดแบบท่านศาสนาพุทธ จะแคบลงทันที เพราะขาดขั้นตั้นและขั้นกลาง อีกข้ออยากให้คิด ถ้าพระพุทธเจ้าเน้นเรื่องจิตอย่างเดียว คงไม่มีการบํญญัติให้การบวชในยุคหลังต้องมีการบวชในพระอุโบสถ มีพระอุปัชชา มีพระกรรมวาจา อะไรอีกมากมาย ถ้าเป็นแบบคุณใครจะบวชก็คงแค่ปลงผมครองผ้า แบบฤาษีชีไพร หรือจะสึกก็ไปตามต้นไม้ สึกเอง ศาสนาพุทธเป็นศสานาแห่งปัญญาที่ มีลำดับความรู้เป็นชั้นๆไป อย่าลืมครับ ขั้นต้น กลาง สูงสุด
     
  18. kiatp123

    kiatp123 โมฆะแมน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,493
    ค่าพลัง:
    +19,616
    ผมว่านะ..กลับไปห้องเดิมดีกว่ามั้ง
     
  19. yaba150

    yaba150 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    983
    ค่าพลัง:
    +637
    ปัจจุบันท่านเป็นพระหรือฆราวาสครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...